Tuesday, September 12, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki FC - Chapter 2 แมดริกัลดอกไม้ขาว

第2章 白き花のマドリガル
บทที่ 2 แมดริกัลดอกไม้ขาว
พวกเอสเทลที่ได้เดินทางเข้าสู่พื้นที่รูอันได้รับการไหว้วานให้ช่วยงานเทศกาลโรงเรียนเจนิสไปด้วย ทั้งยังมีความสุขที่ได้ใช้เวลาช่วงหนึ่งกับเพื่อนนักเรียนวัยเดียวกันไปด้วย
แต่ทว่า ในช่วงเวลานั้นกลุ่มคนชุดดำปริศนาก็ได้เริ่มดำเนินการอะไรบางอย่างในพื้นที่รูอันอยู่


Walkthrough Chart - Main Quest
รินเด 『リンデ号』
- บนรินเดที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองรอเลนซ์ "โอลิเวียร์" ได้เล่าเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้ใครบางคนฟังผ่านทางเครื่องมือสื่อสารแบบพกพา
โอลิเวียร์ "ไม่คิดว่าตระกูลคาปัวที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งจะมาอยู่ที่นี่ แล้วก็ไม่ได้พบกับ [เขา] ด้วย เพราะดูเหมือนว่ากำลังเจอกับปัญหาบางอย่างอยู่ พวกที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ก็ยังไม่แน่ชัด แต่เรื่องที่กำลังดำเนินการขยายอิทธิพลอยู่นั้นไม่ผิดแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้เจอพวกน่าสนใจด้วยสิ อาหารอร่อยก็เยอะ คนงามก็แยะ รู้สึกถูกใจประเทศนี้แล้วล่ะ จะมาอยู่ที่นี่เลยดีไม๊น๊า... รู้แล้ว ๆ อย่าทำเสียงน่ากลัวอย่างนั้นสิ เรื่องทางนี้จะจัดการต่อเอง อย่าให้นายกฯ รู้ตัวล่ะ ....... แล้วจะติดต่อไปอีกนะ [เพื่อนรัก]"
- "อุปกรณ์สื่อสารขนาดเล็กแบบพกพาสินะ มีของทันสมัยไว้ใช้ด้วยเหรอเนี่ย" "เจ๊เชร่า" ที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็ออกมาคาดคั้นความจริงกับโอลิเวียร์ว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นใครกันแน่
(อันที่จริง เจ๊เชร่าสงสัยโอลิเวียร์มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่ได้แสดงออกมาก็เพราะไม่อยากให้พวกเอสเทลรู้สึกไม่สบายใจไปมากกว่านี้ค่ะ)
โอลิเวียร์ "ฉายา [ประกายเงิน] 『銀閃』 นี่ไม่ได้มีไว้ประดับโก้ ๆ เลยนะ ผมจะบอกให้ก็ได้ แต่ว่ามีอยู่ 2 ข้อที่ต้องแก้นิดหน่อย หนึ่งก็คือผมไม่ได้ทำตัวตลกซักหน่อยก็มันเป็นนิสัยของผมจริง ๆ นี่นา อีกข้อนึงไม่ใช่เครื่องมือออร์บเมนท์หรอก (หมายถึงเครื่องมือสื่อสาร) เป็น [อาร์ติแฟกซ์] โบราณวัตถุของเอเรโบเนียต่างหากล่ะ"
- ได้ฟังดังนั้น เจ๊เชร่าก็ยิ่งอยากรู้ตัวจริงของโอลิเวียร์มากขึ้นไปอีก
โอลิเวียร์ "ฐานะของผมนั้นก็เหมือนคนสืบข้อมูลนั่นแหล่ะ แต่ไม่ได้จะมาล้วงข้อมูลที่มันเป็นความลับอะไรขนาดนั้นหรอก แค่มาพบคน ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง เป็นคนที่เธอก็รู้จักดีเชียวแหล่ะ คนที่เป็นสุดยอดนักดาบ เป็นนักยุทธศาสตร์ชนิดหาตัวจับยาก เป็นผู้ขับขานบทเพลงแห่งกองทัพราชอาณาจักร เบรเซอร์ที่ได้รับสมญานามพิเศษที่มีเพียง 4 คนบนทวีปนี้ [ปราชญ์ดาบ] 『剣聖』 คาซิอุส ไบรท์ ยังไงล่ะ"
 

 
เมืองบอส 『ボース市』
- ก่อนออกเดินทาง อย่าลืมไปซื้อ "ลีเบร์ลสาร ฉบับ 4" ที่ร้านโกรเซอร์ มิเน่ด้วยนะคะ
☆หากใครต้องการเคลียร์ซับเควสต์ (14) แหวนที่ถูกขโมย กับ (15) โน้ตสีดำ ก็สามารถเคลียร์ได้ในช่วงนี้ได้นะคะ ดูรายละเอียดได้ในหัวข้อซับเควสต์บทที่ 1 ได้เลยค่ะ☆
 
กำจัดสัตว์ปิศาจบนยอดเขาโครเน่
『クローネ峠の魔獣退治』 (BP2)

ด่านบนยอดเขาโครเน่ 『クローネ峠関所』
- ใช้ทางหลวงบอสฝั่งตะวันตกมุ่งหน้าไปยัง "เส้นทางภูเขาโครเน่" ได้เลยค่ะ
- เมื่อมาถึงที่ด่านโยชัวร์จะเสนอให้พักที่นี่ก่อนคืนนึง โดยให้เหตุผลว่าพระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้วถ้าเดินทางบนเขาตอนกลางคืนจะอันตราย อาจมีทั้งสัตว์ปิศาจทั้งหินถล่มก็เป็นได้ เอสเทลได้ฟังดังนั้นก็เลยตามเลยตัดสินใจพักที่นี่ก่อนก็ได้ค่ะ
- คุยกับ "หัวหน้ากองเซรูสต์" 『ゼルスト隊長』 ในห้องพัก เขาจะอนุญาตให้เราใช้ห้องพักสำหรับนักเดินทางได้ตามสบายค่ะ
- เข้าไปในห้องทางซ้ายเพื่อพักผ่อน สักพัก "รองหัวหน้ากองเซรอส" 『セーロス副長』 จะเข้ามาพร้อมกับบอกว่า จะทำอาหารมาให้พวกเราทาน เพราะยังไงช่วงนี้ทางเขาเองก็ว่าง ๆ อยู่ เพราะคดีสลัดอากาศถูกปิดไปแล้วค่ะ
(เอสเทลจะรู้สึกว่าทหารแต่ละคน ๆ นี่ก็ใจดีเหมือนกันค่ะ แต่โยชัวร์บอกว่า "ถ้าเป็นทหารในลีเบร์ลล่ะก็นะ ....ช่างเหอะ ไปวางสัมภาระกันดีกว่า")
- เมื่อทานข้าวเสร็จ รองหัวหน้ากองเซรอสจะเข้ามาบอกว่ามีแขกมาเพิ่มอีก 1 คน และถามเราว่าจะรังเกียจไม๊ถ้าให้เขาเข้ามาพักด้วย
- พบกับ "อากัต" อีกครั้ง พออากัตรู้ว่าพวกเอสเทลใช้วิธีเดินเท้าไปรอบ ๆ ราชอาณาจักรเพื่อที่จะเป็นเบรเซอร์อย่างทางการ ก็บอกกับพวกเอสเทลว่า
อากัต "เป็นพวกเจ้าหนูที่ไม่ทุกข์ร้อนเลยนะ จะเป็นเบรเซอร์อย่างทางการได้หรือไม่นั้น คิดด้วยสามัญสำนึกซะ สามัญสำนึกน่ะ"
- เอสเทลได้ฟังอากัตสบประมาทก็โมโห
เอสเทล "อย่ามาทำกับพวกเราเหมือนเด็ก ๆ นะ ยังไง ๆ เราก็เป็นคนที่ทำให้คดีสลัดอากาศปิดลงได้แล้วกัน"
อากัต "ชั้นได้ฟังมาจากผู้เฒ่ารูแกรนแล้ว แต่ถ้าไม่มีเชราซาร์ดอยู่ละก็คิดว่าจะสามารถปิดคดีได้ด้วยตนเองหรือเปล่าล่ะ เด็กใหม่ก็คือเจ้าหนู อย่ามาขัดแข้งขัดขาเข้าล่ะ หัดดูตัวเองซะมั่ง"
เอสเทล "แล้วทีตัวเองล่ะ ขึ้นเขามากลางค่ำกลางคืนอย่างนี้มันก็อันตรายไม่ใช่หรือไง"
อากัต "เจ้าบ้า!! ชั้นมาทำงานต่างหาก อีกอย่างชั้นต้องทำงานที่ต้องขึ้นเขาลงห้วยประจำ การฝึกฝนมันก็ผิดกันอยู่แล้ว และไอ้งานที่ว่านั่น ก็เป็นงานที่พ่อของพวกนายผลักภาระมาให้ชั้นต่างหาก"
- พอพวกเอสเทลจะถามรายละเอียดของงานที่ว่า อากัตก็ดันตัดบทแล้วก็ไปนอนที่เตียงพร้อมกับบ่นว่า "หนวกหูเจ้าหนูพวกนี้จริง ๆ รีบ ๆ ไปที่รูอันแล้วไปรับงานที่นั่นซะ นั่นก็เหมาะกับพวกนายแล้วล่ะ" แล้วอากัตก็หลับไปทั้ง ๆ ที่ยังเถียงกับเอสเทลไม่จบค่ะ
(โยชัวร์บอกว่าหัวถึงหมอนแล้วหลับเลยช่างเหมือนกับเอสเทลจริง ๆ เอสเทลฟังที่โยชัวร์ค่อนขอดตัวเองก็รู้สึกเคืองอย่างแรง "อย่าเอาชั้นไปเปรียบเทียบกับหมอนั่นนะ" แต่โยชัวร์รู้สึกว่า อากัตไม่ได้คิดร้ายอย่างที่พูด เพียงแต่ต้องการจะบอกให้เราฉุกใจคิดเท่านั้นค่ะ)
- เกิดอีเวนท์สัตว์ปิศาจบุกโจมตี
- เมื่อออกไปที่หน้าประตูด่านเอสเทลจะเข้าไปช่วยพวกทหาร แต่อากัตห้ามเอาไว้โดยให้เหตุผลว่าการป้องกันด่านถือเป็นหน้าที่ของทางกองทัพ อีกอย่างสัตว์ปิศาจพวกนี้ เดี๋ยวเดียวก็จัดการได้ ซึ่งพวกทหารก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันและไม่ให้พวกเราเข้ามาช่วย
- จะมีสัญญาณเตือนภัยมาจากด้านหลัง ซึ่งทางด้านโน้นก็มีสัตว์ปิศาจบุกเข้ามาเหมือนกัน อากัตจะรีบวิ่งเข้าไปช่วย พวกเอสเทลก็เข้าไปช่วยเสริมด้วยค่ะ
(ในตอนแรก อากัตไม่อยากให้พวกเราร่วมสู้ด้วย แต่เพราะคำยืนกรานของพวกเราจึงจำยอม แต่ก็ยังไม่วายพูดจามะนาวไม่มีน้ำ "ก็ระวังอย่าให้มาเกะกะ [ดาบหนัก] ของชั้นก็แล้วกัน!!")
- ต่อสู้กับ (แอคแทคเดอเว่น *5) **อากัตร่วมต่อสู้ แต่ยังไม่เข้าเป็นพวก**
- แอทแทคเดอเว่น *5 -
- 『アタックドーベン*5』 -
**ให้อากัตใช้ท่า "บัฟเฟอร์ โรเรจ" เพื่อชาร์จ CP แล้วใช้คราฟท์สู้จะง่ายขึ้นอย่างมากค่ะ แต่ท่านี้เมื่อใช้แล้วต้องคอยเพิ่มเลือดให้อากัตด้วยนะคะ เดี๋ยวโอเวอร์โหลดซะก่อน**
- ปราบได้ อากัตจะชมพวกเราว่า "ทำได้ดีกว่าที่คิดไว้อีกนะ สมแล้วที่สานต่องานของตาลุงนั่นได้ แต่ก็ยังห่างชั้นจากเบรเซอร์อย่างทางการอยู่ดีนั่นแหล่ะ"
(จากนั้น "หัวหน้ากองเซรูสต์" จะมาบอกว่าทางด้านโน้นพวกเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว เห็นทางนี้จัดการเรียบร้อยเหมือนกันก็ออกปากชมอากัตว่าสมกับที่เป็น [อากัตดาบหนัก] แต่อากัตบอกว่า "ก็เพราะได้เจ้าหนูพวกนี้ช่วยด้วยน่ะ" แล้วพวกทหารจะขอตัวไปเดินยามรอบ ๆ ต่อ ส่วนพวกเราอากัตบอกให้ไปพักผ่อนให้สบาย ๆ ก็แล้วกันค่ะ เอสเทลจะงง ๆ ว่านายปากเสียนั่นออกปากชมพวกเราด้วยเนี่ยมันรู้สึกแปลก ๆ โยชัวร์บอกว่า "อาจเป็นเพราะ คุณอากัตได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของพวกเราล่ะมั๊ง คงจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมากว่าที่คิดเอาไว้นะ")
- เช้าวันต่อมา จะทราบเรื่องว่าอากัตออกเดินทางไปแล้วตั้งแต่เช้าตรู่ค่ะ
- ออกไปคุยกับ "รองหัวหน้ากองเซรอส" ได้รับการอนุญาตให้ออกจากด่านไปยังพื้นที่รูอันค่ะ
(ได้รับทราบจากรองหัวหน้ากองเซรอสว่า ตามปกติแล้วสัตว์ปิศาจที่จะออกมาแถวด่าน มากที่สุดเท่าที่เคยมีก็แค่ 2 - 3 ตัวเท่านั้น เยอะแบบเมื่อคืนวานพวกเขาก็เพิ่งจะเจอเป็นครั้งแรกค่ะ แถมยังอารมณ์ดีบอกว่า ถ้าให้เทียบกับกองทัพจักรวรรดิล่ะก็ เจ้าพวกเมื่อวานน่ารักกว่าเป็นกองด้วยนะคะ)
ถนนสายรองมาโนเลีย 『マノリア間道』
(21) ขับไล่สัตว์ปิศาจที่ประภาคาร
- เมื่อมาถึงถนนสายรองมาโนเลีย เอสเทลจะตื่นเต้นกับทิวทัศน์ทะเลที่ไม่เคยเห็นใกล้ ๆ ขนาดนี้มาก่อน เพราะเท่าที่เธอจำได้ก็มีแต่ตอนที่เดินทางไปกับคุณพ่อแล้วเห็นทะเลไกล ๆ จากบนเรือประจำทาง ส่วนโยชัวร์ก็บอกว่า ไม่ได้เห็นทะเลมานานแล้วเหมือนกัน ดีจังที่ใช้วิธีเดินมา
☆ บนถนนสายนี้ หากเราแวะไปที่ประภาคารบาเรนน์ 『バレンヌ灯台』 จะมีเควสต์ลับให้ทำด้วยนะคะ
สามารถเคลียร์ในตอนนี้เลยก็ได้หรือจะมาเคลียร์ที่หลังก็ได้ค่ะ
แต่ซับเควสต์นี้จะมีจะมีช่วงระยะเวลาให้ทำสั้น ๆ เท่านั้นค่ะ
หากเลยเหตุการณ์ไปก็จะหายไปเลยนะคะ แนะนำให้ทำไปเลยดีก่วาค่ะ☆
หมู่บ้านมาโนเลีย 『マノリア村』
- ที่หมู่บ้านมาโนเลียแห่งนี้ จะมีดอกไม้สีขาวบานเต็มไปหมดเลยค่ะ (ดอกแมกโนเลีย) เอสเทลที่ได้กลิ่นหอมหวานของดอกไม้ก็รู้สึกหิวข้าวขึ้นมาแถมตอนนี้ก็เที่ยงพอดีเลยด้วย แต่ว่าไม่มีอาหารติดมาด้วยนี่สิ โยชัวร์เลยเสนอว่าถ้ายังไงลองไปหาซื้ออาหารดูกันค่ะ
- คุยกับ "เล็กซ์" 『レックス』 ตรงเคาน์เตอร์ในโรงเตี๊ยมแมกโนเลียขาว พวกเอสเทลจะซื้อ "กล่องข้าวกลางวันแบบพิเศษ" 『特製ランチボックス』 โดยเล็กซ์จะแนะนำให้ไปนั่งทานข้าวกลางวันกันที่จุดชมวิว โกดังกังหันลมของหมู่บ้านค่ะ
- เมื่อออกจากโรงแรม เอสเทลจะชนกับ "เด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียน" (คลอเซ่ 『クローゼ』) เธอกำลังตามหาเด็กผู้ชายสวมหมวกอายุประมาณ 10 ขวบ เมื่อเราบอกว่าไม่เห็นเด็กชายคนที่ว่า เธอจะขอตัวไปตามหาต่อค่ะ
- โยชัวร์มองตามเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่วางตา ทำให้เอสเทลเข้าใจว่าเป็น "เรื่องนั้น" (เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ น่ะค่ะ) แล้วบอกโยชัวร์ว่า
เอสเทล "ไม่ต้องเขินหรอก เหมือนกับที่เขาบอกกันว่า แรกพบสบตาดอกรักก็ผลิบาน"
โยชัวร์ "ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย แค่เหมือนกับคนรู้จักเมื่อสมัยก่อนนี้ก็เท่านั้นเอง"
- ไปที่จุดชมวิวตรงกระท่อมกังหันลม เกิดอีเวนท์ทานข้าวกล่องที่ต้องอมยิ้ม
(เอสเทลอยากจะลองชิมข้าวกล่องของโยชัวร์ค่ะ แต่อยากให้โยชัวร์ป้อนให้ เพราะเอสเทลคิดว่าพี่น้องเขาก็ต้องทำแบบนี้อยู่แล้ว แต่โยชัวร์บอกว่ามันน่าอาย เอสเทลก็เลยพูดขึ้นมาว่า
เอสเทล "ไม่เป็นไรหรอกไม่มีใครเห็นซักหน่อย"
โยชัวร์ "ไม่ได้อายเพราะเรื่องนั้นซักหน่อย เฮ้อ ช่วยไม่ได้"
โยชัวร์เลยจำเป็นต้องป้อนพาเอเรียให้เอสเทล ส่วนเอสเทลก็ยัดแซนด์วิชใส่ปากโยชัวร์ค่ะ)
- เมื่อกินข้าวกันเสร็จจะเห็นเหยี่ยวสีขาว (ฮายะบุซะ 『隼』) บินผ่านไป ทำให้เอสเทลหายง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง
- ชนกับ "เด็กผู้ชายใส่หมวก" เอสเทลจะรู้สึกว่าเด็กผู้ชายคนนี้เป็นเด็กที่ร่าเริงเหมือนลุคที่เมืองรอเลนซ์เลย โยชัวร์จะรู้สึกอะไรบางอย่าง และบอกให้เอสเทลสำรวจดูของที่พกติดตัวว่ามีอะไรหายไปหรือเปล่า พอเเอสเทลตรวจดูแล้ว กระเป๋าสตางค์ก็ยังอยู่ ที่ติดผมก็ยังอยู่ แต่...สัญลักษณ์เบรเซอร์หายไป เจ้าเด็กซุกซนนั่น...
- คุยกับ "ซาตี้" 『サテイ』 ที่ร้านขายดอกไม้ เธอจะบอกว่าเด็กคนนั้นมากับเด็กนักเรียนโรงเรียนเจนิส ไม่ใช่เด็กในหมู่บ้านหรอก คิดว่า น่าจะเป็นเด็กที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชียน่ะ
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย 『マーシア孤児院』
- ใช้ "ถนนเลียบทะเลเมเว" มุ่งหน้าสู่ "สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย" ค่ะ
- เมื่อมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พวกเอสเทลจะพบว่าเด็กใส่หมวกคนนั้นกำลังอวดของที่ฉกมาได้จากพี่สาวท่าทางเรื่อยเปื่อยให้เพื่อน ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กดูอยู่ จึงรีบวิ่งเข้าไปจับเด็กคนนั้นทันทีค่ะ
- พอเอสเทลจับ "ครัม" 『クラム』 เจ้าเด็กตัวยุ่งได้แล้ว จะบังคับให้ครัมคืนสัญลักษณ์เตรียมเบรเซอร์คืนให้เธอค่ะ
- "คลอเซ่" จะเข้ามาช่วยครัม เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเอสเทลรังแกครัมอยู่
- พบกับ "ผู้อำนวยการเทเรซ่า" 『テレサ院長』
(ผ.อ. เทเรซ่าจะถามครัมว่าไปทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า ครัมตอบว่าไม่ได้ทำแน่นอนอยู่แล้ว ผ.อ. เทเรซ่าเลยลองถามว่าเมื่อกี๊เห็นอะไรบางอย่างที่เหมือนกับเข็มกลัดตกอยู่ในห้อง ครัมเลยเผลอพูดออกมาว่าเขาใส่ไว้ในกระเป๋านี่นา ผ.อ. เทเรซ่าก็เลยบอกให้ครัมคืนของที่เอามาให้พวกเราค่ะ)
- ครัมจะคืนสัญลักษณ์เตรียมเบรเซอร์ที่ขโมยไปให้กับเอสเทลแบบไม่เต็มใจเท่าไร แล้วก็วิ่งออกไปจากสถานเลี้ยงเด็กไป ซึ่งผ.อ. เทเรซ่าบอกว่า เดี๋ยวพออารมณ์เย็นลง เด็กคนนั้นก็จะกลับมาเอง แล้วเธอจะเชิญพวกเอสเทลไปดื่มชากันข้างในค่ะ
- เราจะแนะนำตัวและก็เล่าเรื่องจนถึงเมื่อกี๊ให้ผ.อ. เทเรซ่ากับคลอเซ่ฟังค่ะ
(ผ.อ. เทเรซ่าบอกว่าครัมไม่ได้คิดไม่ดีหรอกแค่ซนเท่านั้น แต่เธอก็รู้สึกไม่สบายใจที่ครัมทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซึ่งเอสเทลบอกว่าไม่เป็นไรเพราะยังไงก็ได้ของคืนมาแล้ว แถมได้ดื่มชาสมุนไพรกับได้กินแอปเปิ้ลพายอร่อย ๆ ด้วยค่ะ และทำให้ทราบว่าการปลูกสมุนไพรเป็นงานอดิเรกของผ.อ. เทเรซ่า ซึ่งผ.อ. ก็ได้นำสมุนไพรนี้ไปส่งให้โรงเตี๊ยมแมกโนเรียขาวไว้ทำอาหารขายด้วย ส่วนแอปเปิ้ลพายก็เป็นฝีมือของคลอเซ่นั่นเองค่ะ)
- คลอเซ่จะขอโทษที่เข้าใจเผิด ซ้ำยังให้ "ซิก" 『ジーク』 โจมตีเข้าใส่เอสเทลอีกด้วยค่ะ
(จากคำบอกเล่าของคลอเซ่ ซิกไม่ใช่เหยี่ยวธรรมดา 『鷹』 แต่เป็นเหยี่ยวฮายะบุซะ 『隼』 เหยี่ยวที่มีจอยปากแหลม มักฝึกไว้ใช้ล่าสัตว์ คลอเซ่ได้บอกอีกว่าซิกไม่ใช่เป็นแค่สัตว์ที่เธอเลี้ยง แต่เป็นเพื่อนที่ดีของเธอ นอกจากนั้นเธอยังสามารถสื่อใจกับซิกได้อีกด้วยค่ะ)
- จากนั้น พวกเอสเทลจะมุ่งหน้าไปยังเมืองรูอันต่อ คลอเซ่จึงอาสาจะนำทางไปที่เมืองรูอันให้ เพราะวันนี้เธอได้รับอนุญาตให้ออกนอกโรงเรียนได้ ถ้ากลับก่อนค่ำก็ไม่เป็นไรค่ะ **คลอเซ่เข้าเป็น NPC**
ถนนเลียบทะเลเมเว 『メーヴェ海道』
(28) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนถนนเลียบทะเลเมเว
- เมื่อออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย จะพบกับ "ครัม" ตรงทางออกค่ะ เขาจะมาขอโทษคลอเซ่ที่เขาพูดโกหกไป แต่คลอเซ่ไม่ได้โกรธครัมเลย นอกจานั้นยังบอกให้ครัมขอโทษพวกเอสเทลด้วย ตอนแกรครัมไม่อยากขอโทษพวกเอสเทล แต่เพราะคลอเซ่ขอร้องจึงขอโทษพี่สาวเบรเซอร์แบบจำใจ แต่ไม่วายยังบอกว่า "เป็นถึงเบรเซอร์ น่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้หน่อยนะ ขนาดเด็กอย่างเรายังฉกของมาได้เลย" พูดเสร็จ ครัมก็วิ่งเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทันทีค่ะ
(โยชัวร์บอกว่า ครัมคงจะเขิน ไม่กล้าขอโทษเอสเทลแบบตรง ๆ ก็เลยพยายามปิดบังความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ค่ะ)
- คลอเซ่เห็นเอสเทลกับโยชัวร์สนิทกันก็บอกว่า "เหมือนกับเป็นพี่สาวน้องชายกันจริง ๆ เลยนะคะ" แต่โยชัวร์บอกว่าดูเหมือนเป็นพี่ชายกับน้องสาวมากกว่า คลอเซ่บอกว่าเธอรู้สึกอิจฉาเพราะเธอเป็นลูกคนเดียว ตัวเธอเองก็อยากจะมีบรรยากาศเหมือนอย่างนี้บ้างค่ะ
(ดูเหมือนคลอเซ่อยากจะพูดอะไรต่อ แต่จู่ ๆ ตัวเธอก็เงียบไปแล้วบอกเอสเทลกับโยชัวร์ว่าไม่มีอะไรค่ะ)
☆ บนถนนเส้นนี้จะมีหีบสมบัติอยู่สองหีบที่มีสัตว์ปิศาจอยู่ (สโตร์บแพลนท์ *6) ทั้ง 2 หีบเลยค่ะ
อย่าลืมเก็บไปนะคะ
สโตร์บแพลนท์จะมีท่าทำให้ติดสับสนด้วย
ยังไงใส่ "ลิลลี่เนคเลส" 『リリーネックレス』 กันไว้ก่อนแล้วกันนะคะ☆
☆ ถ้าอยากจะได้โบนัส BP สำหรับซับเควสต์ (24) สำรวจแผนที่โบราณ
ก็ให้แวะช่วย "จิมมี่" 『ジミー』 ที่กำลังถูกสัตว์ปิศาจรุมอยู่เตรียมไว้ก่อนได้เลยนะคะ
(ปราบได้เอสเทลจะถามจิมมี่ว่าทำไมมาอยู่ในที่อันตรายแบบนี้
แต่เขาไม่ยอมบอกเหตุผลแล้วก็วิ่งกลับไปที่เมืองคนเดียวซะงั้นค่ะ)
เมืองรูอัน 『ルーアン市』
- ไปยังสมาคมสาขารูอัน พบกับเบรเซอร์รุ่นพี่ "คารูน่า" 『カルナ』 ที่ประจำอยู่สาขานี้ เธอจะเข้าใจผิดคิดว่า พวกเอสเทลเป็นแขกและบอกว่า "จาง" 『ジャン』 ที่เป็นประชาสัมพันธ์กำลังทำงานอยู่บนชั้น 2 มีเรื่องอะไรให้ฝากเธอไว้ก่อนค่ะ
(พอคารูน่าได้รู้ว่า เอสเทลกับโยชัวร์เป็นเตรียมเบรเซอร์ที่มาจากรอเลนซ์ คารูน่าจะบอกว่าเธอรู้เรื่องที่ช่วยเชราซาร์ดทำผลงานที่บอสแล้วล่ะ และที่รู้ว่าพวกเอสเทลจะมาที่รูอันนี่ ก็เพราะจางก็เป็นคนบอกเอาไว้เนิ่น ๆ ว่า จะมีคนใหม่ที่แววดีมา แต่ตอนนี้งานของจางคงยังไม่เสร็จง่าย ๆ ยังไงลองไปเดินดูของในเมืองก่อนแล้วกันค่ะ)
- ออกไปเดินเล่นในเมือง ซึ่งเอสเทลจะชวนคลอเซ่ไปด้วยกันกับพวกเธอค่ะ
★ถ้าแวะไปที่ "บริษัทค้าอาวุธโจแอน" 『ジョアン武器商会』 ก่อนช่วงที่คลอเซ่จะออกจากกลุ่ม คุยกับ "นิคีต้า" 『ニキータ』 รุ่นน้องของคลอเซ่ เธอจะถามคลอเซ่ว่า "เรื่องนั้น" ตัดสินใจได้หรือยัง
- ไปยัง "สะพานใหญ่แลนแกรนด์" 『ラングランド大橋』 สะพานที่เชื่อมระหว่างเมืองด้านเหนือและด้านใต้เข้าด้วยกันค่ะ
คลอเซ่ "สะพานนี้ สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 40 ปีก่อนบน [แม่น้ำรูบีนู] 『ルビーヌ川』 เพื่อให้เรือจากทะเลสาบวาเลเรียสามารถข้ามไปยัง [อ่าวอาเซเรีย] ได้ค่ะ 『アセリア湾』 ซึ่งสะพานนี้จะยกขึ้นวันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น เพราะว่ามีการประดิษฐ์ออร์บเมนท์ขึ้นมาจึงสามารถสร้างสะพานที่มีประโยชน์อย่างนี้ขึ้นได้ค่ะ"
- คุยกับ "พิกาโร่" 『ピカロ』 ที่ด้านหน้าโกดังเขตเมืองด้านใต้ เขาจะลุกลี้ลุกลนไล่พวกเอสเทลให้ออกไปไกล ๆ โกดังค่ะ
- เมื่อเดินกลับไปที่สะพานใหญ่อีกครั้ง จะพบกับกลุ่มเรเว่น 3 หัวโจก "ร็อคโก้" 『ロッコ』 "เรส" 『レイス』 "ดีน" 『ディン』 ที่เข้ามาจีบพวกเอสเทลให้ไปเที่ยวกับพวกเขาค่ะ
(ดูเหมือนว่า ม้าดีดกะโหลกอย่างเอสเทล จะเป็นประเภทที่เรสชอบซะด้วยสิ)
- แต่พวกเอสเทลก็ได้ปฏิเสธไป แต่พวก 3 หัวโจกพาลซะงั้นแถมยังเรียกโยชัวร์ว่า "ไอ้หนู" ด้วย เอสเทลโกรธมากที่มาเรียกโยชัวร์อย่างนี้ แต่ตัวโยชัวร์บอกกับเอสเทลว่าเขาไม่ใส่ใจคำพูดนั้นหรอก ทำให้พวก 3 หัวโจกได้ใจมากขึ้นค่ะ โยชัวร์จึงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยกับพวกเรเว่นว่า
โยชัวร์ "ถึงผมจะบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่ไม่ได้พูดว่าจะไม่ทำอะไรพวกคุณถ้ามายุ่งกับพวกเธอนะ"
- พบกับ "เลขากิลเบิร์ต" 『秘書ギルバート』 ที่เดินเข้ามาพอดี เขาได้ต่อว่าพวก 3 หัวโจกค่ะ จากนั้น "นายกเทศมนตรีดัลมอร์" 『ダルモア市長』 จะเดินเข้ามาสมทบแล้วบอกกับพวกหัวโจกว่า "รูอันเป็นเมืองที่สามารถทำอะไรได้อิสระก็จริงอยู่ แต่ถ้าทำกับนักเดินทางอย่างนี้จะถือเป็นข้อยกเว้นไม่ได้" พวก 3 หัวโจกจึงสวนดัลมอร์กลับไปว่า "หนวกหู เจ้าขุนนางตกอับ" ทำให้เลขากิลเบิร์ตบอกจะไปแจ้งให้ทางสมาคมเบรเซอร์มาจัดการ แต่ 3 หัวโจกไม่กลัวเพราะไม่มีหลักฐานอะไรจะมามัดตัวเขาได้ค่ะ
- เอสเทลเลยบอกว่า "ได้ยินทุกคำพูดเลย ไม่ได้ดูสัญลักษณ์ที่ติดบนหน้าอกซ้ายนี่เหรอไงห๊า" พอ 3 หัวโจกรู้ว่า พวกเอสเทลเป็นเบรเซอร์เหมือนกับ "คน ๆ นั้น" พวก 3 หัวโจกจึงหนีไปค่ะ
- หลังจากพวกเรเว่นไปแล้ว นายกเทศมนตรีดัลมอร์จะแนะนำตัวกับพวกเอสเทล และบอกว่าเขารู้เรื่องจากจางแล้วว่าจะมีคนใหม่ที่มีแววมายังรูอัน เขายินดีที่พวกเอสเทลจะมาช่วยงานของเบรเซอร์ที่สาขารูอัน เพราะว่าตอนนี้กำลังเป็นช่วงที่วุ่นวายอยู่เลย ส่วนรายละเอียดนั้น ดัลมอร์จะให้เราลองไปสอบถามกับจางดูค่ะ
(จากตรงนี้ ทำให้เราทราบว่ากิลเบิร์ตเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเจนิสค่ะ เขาจะบอกว่าได้ยินข่าวลือมาว่าคลอเซ่ลงสมัครเป็นประธานนักเรียนแข่งกับประธานนักเรียนจิล ทำให้เขาที่เป็นศิษย์เก่านั้น รู้สึกชื่นชมที่มีรุ่นน้องที่ยอดเยี่ยมมาก)
- หลักจากพวกนายเทศมนตรีไปแล้ว คลอเซ่บอกกับพวกเอสเทลว่า เพราะมีการยกเลิกระบบขุนนางทำให้นายกเทศมนตรีดัลมอร์ที่สืบเชื้อสายขุนนาง ถูกเรียกว่าเป็นตัวแทนของชนชั้นสูงค่ะ
- กลับไปคุยกับ "จาง" ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของสาขา
(จางรู้จักกับคลอเซ่อยู่แล้ว เพราะคลอเซ่เคยมาไหว้วานให้ทางสมาคมไปช่วยปราบสัตว์ปิศาจที่โรงเรียนมาก่อนหน้านี้ค่ะ)
- หลังจากเซ็นใบรับรองการย้ายสังกัดแล้ว จางจะบอกว่าตอนนี้มีคนใหญ่คนโตที่เป็นเชื้อพระวงศ์มาดูงานที่รูอัน ค่ะ
- จากนั้น เอสเทลกับโยชัวร์จะเล่าเรื่องที่พวกเธอได้พบกับกลุ่ม "เรเว่น" ให้จางฟัง รวมทั้งลงความเห็นกันว่าจะเริ่มช่วยงานของทางสาขาในวันพรุ่งนี้ เพราะวันนี้ก็เย็นมากแล้วค่ะ
- เมื่อออกมาด้านนอกจะเป็นช่วงเวลาที่สะพานใหญ่ถูกยกขึ้นพอดีค่ะ
(คลอเซ่บอกว่า สะพานจะยกค้างไว้ 30 นาทีต่อการยกสะพาน 1 ครั้งค่ะ แล้วเธอจะนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าพวกเอสเทลจะพักโรงแรมต้องรีบไปจองห้องไว้ก่อน เพราะว่าช่วงนี้เป็นเทศกาลท่องเที่ยว ถ้าช้าเดี๋ยวจะไม่มีห้องให้พักค่ะ)
- คุยกับ "เออร์เนสต์" 『アーネスト』 ที่ "โฮเต็ล บลังเช่" 『ホテル・ブランシェ』 เพื่อจองห้องพัก
(พวกเอสเทลจะโชคดีมาก ๆ เพราะได้ห้องสวีทชั้นบนสุดที่เเพิ่งมีคนแคนเซิ่ลไปเมื่อซักครู่ แถมยังไม่ต้องจ่ายมิร่าแม้แต่แดงเดียวด้วยนะคะ)
- หลังจากคลอเซ่ออกจากกลุ่ม ให้ขึ้นไปบนห้องพัก จะเกิดอีเวนท์ผมทรงกะลาแย่งห้องพักค่ะ
("ดยุคดิวนัน" 『デュナン公爵』 เป็นหลานชายของราชินีอาริเชียที่ 2 ซึ่งในช่วงท้ายของเกม เราจะทราบว่าราชินีอาริเชียเป็นเสด็จย่า ส่วนดยุคดิวนันเป็นเสด็จลุงของคลอเซ่ค่ะ)
- ในตอนแรกเอสเทลไม่เชื่อว่า ผมทรงกะลาคนนี้จะเป็นหลานชายของราชินีจึงไม่ยอมยกห้องให้ แต่เพราะลุง "หัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิป" 『執事フィリップ』 ขอร้องจึงจำยอมต้องยกห้องให้แต่โดยดีค่ะ
(อันที่จริง ฟิลลิปเสนอที่จะมอบมิร่าแก่พวกเอสเทล เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลายค่ะ แต่พวกเอสเทลไม่เอา เพราะเห็นแก่ฟิลลิปที่ค่อนข้างลำบากใจกับนายของตนเองอยู่แล้วน่ะค่ะ)
☆ ก่อนที่จะลงไปทำเหตุการณ์ที่ห้องพักชั้นใต้ดิน อย่าลืมคุยกับ "เออร์เนสต์" อีกครั้งนะคะ
เขาจะมอบ "น้ำผลไม้คั้น" แทนคำขอโทษค่ะ☆
- ไปคุยกับ "ไนแอล" 『ナイアル』 ที่ห้องพักชั้นใต้ดิน ไนแอลจะแบ่งห้องให้เอสเทลกับโยชัวร์พักด้วย เอสเทลจะรู้สึกว่าไนแอลเซอร์วิสดีไปหน่อย แต่ไนแอลบอกว่า
ไนแอล "เพราะพวกเธอช่วยทำให้ชั้นได้สกู๊ปดี ๆ ต่างหาก แถมยังขายได้แบบถล่มถลายเลยล่ะ จากคดีในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าพันเอกริชาร์ดจะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากองค์ราชินีด้วยนะ ส่วนชั้นก็ได้โบนัสจากสกู๊ปนั่น ก็เลยออกมาเที่ยวปลดปล่อยพันธนาการซะบ้างน่ะ"
(พันธนาการที่ว่าหมายถึงโดรธีค่ะ ดังนั้น ตอนนี้โดรธีจึงต้องไปทำงานคนเดียว)
- เอสเทลรู้สึกว่า ถึงไนแอลจะบอกว่ามาพักผ่อน ก็ยังดูเหมือนอยากจะได้ข้อมูลไปทำข่าวด้วยอยู่ดี เอสเทลเลยถามไปว่า ไม่ได้มาทำข่าวเรื่องดยุคคนนั้นหรอกเหรอ
(จากข้อมูลของไนแอล ดยุคดิวนันเป็นคนที่ชอบทำให้ราชินีปวดหัวกับพฤติกรรมไม่ใช่น้อยค่ะ)
- หลังจากนั้นไนแอลจะพาพวกเอสเทลไปเลี้ยงข้าวเย็นที่คาสิโนบาร์ ลาวันทาร์ แถมพวกเอสเทลต้องแบกไนแอลที่ดื่มหนักไปหน่อยกลับโรงแรมด้วยนะคะ
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย 『マーシア孤児院』
- ตกดึกคืนนั้น สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย "ผ.อ. เทเรซ่า" กำลังเย็บเสื้อขาด ๆ ของพวกเด็ก ๆ อยู่ ขณะที่เธอกำลังภาวนากับเทพธิดาเอดอสก่อนเข้านอนนั้น จู่ ๆ ไฟก็ลุกไหม้ขึ้นที่กำแพงด้านหน้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผ.อ. เทเรซ่าปลุกพวกเด็ก ๆ ให้รีบลงไปที่ชั้น 1 แต่ทว่า......
 
ตรวจสอบสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย1-2
『マーシア孤児院の調査①‐②』 {BP5(+4)}

เมืองรูอัน 『ルーアン市』
(26) กุญแจโกดัง
(30) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงไอน่า
(31) ค้นหาผลิตภัณฑ์รุ่นทดลอง
- วันต่อมาไนแอลจะแยกกับพวกเอสเทลในสภาพยังไม่สร่างเมา จากนั้นให้ไปคุยกับ "จาง" ที่สมาคม เพื่อรับการแนะนำงานค่ะ
- ขณะที่เขากำลังเลือกงานให้พวกเอสเทลอยู่นั้น จะมีโทรศัพท์จาก "โรงเตี๊ยมแมกโนเรียขาว" แจ้งเข้ามาว่า เมื่อคืนนี้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ขึ้นที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นคดีหรืออุบัติเหตุ ดังนั้น เขาจะให้พวกเอสเทลรับหน้าที่ในการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุค่ะ
(ตรงนี้จะได้รู้ถึงความสนิทสนมกับผู้คนไปทั่วของจางด้วยะนะคะ เพราะจางเขาแซวเจ้าของโรงเตี๊ยม "เล็กซ์" ว่า "น่าแปลกที่นายติดต่อมาด้วยเครื่องสื่อสารโกโรโกโสน่ะ" แบบนี้น่ะค่ะ ช่างเป็นชายหนุ่มที่อารมณ์ดีเหลือร้ายจริง ๆ ค่ะ)
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย 『マーシア孤児院』
- มุ่งหน้าสู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย โดยใช้ "ถนนเลียบทะเลเมเว" (ทางออกด้านเหนือของเมืองค่ะ)
- เมื่อมาถึงเราจะพบกับสภาพสภาพของสถานเลี้ยงเด็กฯ ที่ดำเป็นตอตะโก
- "แซ็ค" 『ザック』 และ "โซเรโน่" 『ソレノ』 คนจากหมู่บ้านมาโนเลียที่เข้ามาช่วยเหลือได้บอกกับพวกเอสเทลว่า พวกมาเชียไปหลบภัยอยู่ที่โรงเตี๊มในหมู่บ้านมาโนเลียและโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรไปค่ะ เอสเทลได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ และตัดสินใจจะไปเยี่ยมเด็ก ๆ แต่โยชัวร์เห็นว่าควรทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุก่อน เพราะยิ่งตรวจสอบได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งได้หลักฐานที่ชัดเจนมากเท่านั้นค่ะ
- ให้สำรวจสถานที่ที่น่าสงสัยดังนี้เลยนะคะ
(1) ร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้ตรงประตู
(2) กำแพงหินที่เป็นต้นเพลิง
(3) แปลงสมุนไพร
(4) ถังไม้
(5) ดินตรงแปลงดอกไม้
(6) ถังนม
(7) ฟืนที่ใช้สำหรับเตาผิง
(8) โต๊ะกลางแจ้ง
- เมื่อสำรวจ (1) กับ (2) และสถานที่อื่น ๆ ตั้งแต่ 4 ที่ขึ้นไป ก็ให้ไปคุยกับ "แซ็ค" และ "โซเรโน่" ได้เลยค่ะ
- โยชัวร์จะสันนิษฐานคดีจากข้อมูลที่ได้ มีคำตอบให้เราเลือกค่ะ
山火事に巻き込まれた
ผลพวงจากไฟป่า
BP+1
何者かによって放火された
มีใครบางคนวางเพลิง
BP+2
照明器具の発熱による事故
อุบัติเหตุจากเครื่องกำเนิดพลังงานความร้อนในอุปกรณ์ส่องสว่าง
BP+0

- จากข้อมูลที่ได้และจากการสันนิษฐาน ทำให้รู้ว่ามีคนวางเพลิงจากด้านนอกตรงกำแพงหิน และทำลายสถานที่รอบ ๆ เพื่อเป็นการอำพรางคดีค่ะ
- "คลอเซ่" ซึ่งได้รับทราบข่าวเรื่องสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไฟไหม้จากอาจารย์ใหญ่ก็ได้รีบรุดมาที่นี่ เธอรู้สึกโกรธที่มีคนทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ เอสเทลจะเข้าไปกุมมือคลอเซ่แล้วบอกกับเธอว่า
เอสเทล "แม้แต่ชั้นเองที่เพิ่งรู้จักกับเด็ก ๆ พวกนั้นก็ยังโกรธเลย ฉะนั้นถ้าคลอเซ่จะโกรธมันก็แปลกหรอกนะ"
- ไปเยี่ยมผ.อ. เทเรซ่ากับพวกเด็ก ๆ ที่หมู่บ้านมาโนเลียค่ะ **คลอเซ่เข้าเป็น NPC**
หมู่บ้านมาโนเลีย 『マノリア村』
- ที่โรงเตี๊ยมแมกโนเลียขาว ขึ้นไปพบ "ผ.อ. เทเรซ่า" กับพวกเด็ก ๆ ที่ลี้ภัยมาอยู่ที่นี่ค่ะ
(พวกเด็ก ๆ พอรู้ว่าเอสเทลกับโยชัวร์ได้ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุมา ก็ถามกันใหญ่ว่าเจออะไรบ้างหรือเปล่า แต่เอสเทลกับโยชัวร์ไม่อยากพูดต่อหน้าพวกเด็ก ๆ คลอเซ่เห็นดังนั้นก็เลยชวนเด็ก ๆ ลงไปหาอะไรทานกันด้านล่างโดยบอกว่าจะทำของหวานให้พวกเด็ก ๆ ทานค่ะ)
- หลังจากพวกเด็ก ๆ ออกไปแล้ว เอสเทลกับโยชัวร์จะเล่ารายละเอียดของคดีให้กับผ.อ. เทเรซ่าฟังว่าคดีนี้น่าจะเป็นการวางเพลิงค่ะ
- โยชัวร์จะขอให้ผ.อ. เทเรซ่าลองนึกดูว่า มีพวกที่เข้าข่ายต้องสงสัยหรือว่าหลังจากเกิดเหตุมีเหตุการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า เช่น มีผู้ชายหรือคนน่าสงสัยมาป้วนเปี้ยนหรือไม่ ผ.อ. เทเรซ่าครุ่นคิดอยู่นานแล้วบอกพวกเราว่า
ผ.อ. เทเรซ่า "ผู้ชายอย่างนั้นเหรอคะ.... แต่คิดว่าเขาคงไม่เกี่ยวข้องหรอกค่ะ ก็เพราะตอนที่คานตกลงมาขวางทางออกเอาไว้ คิดว่าคงจะไม่รอดแล้ว แต่ก็มีคนช่วยพวกเราออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กที่ไฟกำลังไหม้อยู่ คน ๆ นั้นก็บอกว่าจะไปตามคนในหมู่บ้านมาช่วย แต่ก็หายไปหลังจากนั้น พอไปถามคนในหมู่บ้านก็ไม่มีใครรู้จักเลย เท่าที่จำได้เขาเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีกว่า ๆ สวมโค้ทสีงาและมีผมสีเงินที่งดงามมาก ๆ ค่ะ ทั้ง ๆ ที่ยังหนุ่มอยู่แท้ ๆ แต่กลับมีแววตาที่ยากหยั่งถึง แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่ใช่คนไม่ดีหรอกค่ะ"
(โยชัวร์จะรู้สึกสะดุดใจกับผู้ชายคนที่ ผ.อ. พูดถึงค่ะ)
- จากนั้น "นายกเทศมนตรีดัลมอร์" กับ "เลขากิลเบิร์ต" จะเข้ามาเยี่ยมผ.อ. เทเรซ่าค่ะ
(จากตรงนี้จะทราบว่า ดัลมอร์รู้จักกับเทเรซ่ามานาน ทั้งยังรู้จักโจเซฟสามีที่เสียไปแล้วของเทเรซ่า ซึ่งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชียสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของโจเซฟและเทเรซ่าค่ะ)
- เลขากิลเบิร์ตบอกว่า ไม่แน่ว่าอาจเป็นฝีมือของพวกหัวโจกที่พวกเอสเทลเจอเมื่อวานก็เป็นได้ เพราะพวกนี้ ชอบทำความวุ่นวายให้ท่านนายกเทศมนตรีเดือดร้อนอยู่แล้ว ดัลมอร์จะบอกให้กิลเบิร์ตหยุดพูดถึงเรื่องนี้ แล้วหันไปถามผ.อ. เทเรซ่าว่าต่อจากนี้จะทำยังไง และเสนอให้ความช่วยเหลือให้ไปอาศัยกับพวกเด็ก ๆ ที่คฤหาสน์อีกแห่งของเขาในนครหลวง โดยเขาจะไม่คิดมิร่าเลย ผ.อ. เทเรซ่ารู้สึกลำบากใจ จึงขอเวลาให้เธอคิดดูก่อนค่ะ
- เมื่อดัลมอร์กับกิลเบิร์ตออกไปแล้ว "คลอเซ่" ที่เข้ามาจะพูดกับ ผ.อ. เทเรซ่าว่า "ถ้าไปอยู่ที่นครหลวงก็ดีเหมือนกันนะคะ แต่ว่า..... สวนสมุนไพรก็จะไม่มีคนคอยดูแล แล้วก็สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำเกี่ยวกับคุณโจเซฟก็....." ซึ่งตรงนี้ผ.อ. เทเรซ่าก็คิดเหมือนกับคลอเซ่ แต่ตอนนี้ผ.อ. อยากให้คลอเซ่ทำใจให้สบายแล้วตั้งใจเตรียมงานเทศกาลโรงเรียนเพื่อพวกเด็ก ๆ ที่ตั้งตารอคอยดีกว่า ทั้งยังฝากให้พวกเอสเทลช่วยจัดการเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย
- ที่หน้าโรงเตี๊ยม เอสเทลจะอดสงสัยไม่ได้ว่า ที่คลอเซ่รู้จักกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้มาเชีย เพราะเป็นเด็กกำพร้าหรือเปล่า คลอเซ่จะบอกว่าที่ได้มารู้จักกับคุณโจเซฟที่เสียไปเมื่อหลายปีก่อน เพราะว่ามีเหตุให้ต้องรบกวนเขา ไม่ใช่เพราะเธอเป็นเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ
- "มารี่" 『マリィ』 จะวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่า ตอนที่คุณลุง 2 คนมา (โห เหมารวมว่ากิลเบิร์ตเป็นคุณลุงไปด้วยซะงั้นน่ะ) ครัมก็ขึ้นไปบนชั้น 2 แล้วอยู่ ๆ ก็พูดว่า "อภัยให้ไม่ได้" แล้วก็วิ่งไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ
- จะมีคำถามให้เลือกอีกเช่นกันค่ะ
孤児院を放火した犯人
คนร้ายที่วางเพลิงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
BP+1
ダルモア市長と秘書
นายกเทศมนตรีดัลมอร์กับเลขา
BP+0
倉庫にたむろする連中
พวกที่รวมตัวกันในโกดัง
BP+2

- เมือพวกเอสเทลสรุปได้ว่าครัมคงได้ยินเรื่องที่เลขากิลเบิร์ตพูดเลยไปหาพวกเรเว่นที่โกดังเพื่อแก้แค้นแน่ ๆ เลย
เมืองรูอัน 『ルーアン市』
- เมื่อตามครัมไปจนถึงสะพานใหญ่แลนแกรนด์ พวกเอสเทลจะวิ่งข้ามตามครัมไปไม่ทัน เพราะเป็นจังหวะที่สะพานยกขึ้นพอดีและกว่าสะพานจะยกลงอีกครั้งก็อีก 30 นาทีให้หลัง ทั้งหมดจึงต้องหาทางอื่นเพื่อข้ามไปยังเมืองอีกฝั่งก็คือการใช้เรือเล็กค่ะ
- ไปที่ชั้นใต้ดินของโฮเต็ลบลังเช่ เดินออกไปทางประตูหลังจะเจอท่าเทียบเรือ พวกเอสเทลจะขอยืมเรือจาก "ผู้เฒ่ามูราต" 『ムラート老人』 แต่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่เรือลำนี้ท่านดยุคได้จองเอาไว้แล้ว คลอเซ่เพยายามขอร้องผู้เฒ่ามูราต พอผู้เฒ่าเห็นคลอเซ่ทำหน้าเศร้า ๆ จึงนึกถึงหลานสาวของตัวเองขึ้นมา และยอมให้พวกเรายืมเรือค่ะ
(จากตรงนี้ จะได้เห็นถึงความเก่งกาจของโยชัวร์ที่มีความสามารถรอบตัวเข้าขั้นสุดยอดมาก ๆ เพราะอายุแค่นี้ก็บังคับเรือได้แล้วนะคะ)
- เมื่อมาถึงเขตเมืองด้านใต้ "ซิก" จะบินมาเพื่อส่งข่าวให้ว่าครัมอยู่ที่โกดังด้านในสุดค่ะ
- เมื่อมาถึงที่โกดัง "ครัม" กำลังบอกให้พวกเรเว่นขอโทษกับสิ่งที่ลงไป แต่พวกเรเว่นไม่เข้าใจว่าครัมพูดถึงเรื่องอะไร และบอกให้ครัมกลับไปดูดนมแม่ซะ ครัมได้ยินก็พุ่งเข้าใส่พวกเรเว่นแล้วตะโกนบอกด้วยความโกรธว่า
ครัม "เราไม่มีแม่ แม่ของเราก็คืออาจารย์ (หมายถึงผ.อ. เทเรซ่าค่ะ)"
- เมื่อคลอเซ่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นเอง เธอได้บอกให้พวกเรเว่นเลิกรังแกเด็กที่ไม่มีทางสู้ค่ะ
- พวกเอสเทลบอกให้คลอเซ่ถอยออกมา แต่คลอเซ่ขอร้องให้ตัวเธอร่วมต่อสู้กับพวกเอสเทลด้วยค่ะ โดยเธอบอกว่า "อันที่จริง ดิฉันไม่อยากจะใช้ดาบหรอกนะคะ แต่ดิฉันได้รับการสั่งสอนมาว่าดาบนั้นควรกวัดแกว่งในเวลาที่ต้องช่วยเหลือผู้คน ซึ่งก็คือเวลาเช่นนี้นั่นเองค่ะ" **คลอเซ่เข้ากลุ่ม สามารถบังคับสู้ได้แล้วค่ะ**
- ร็อคโก้ + เรส + ดีน + เรเว่นเมมเบอร์ *3 -
- 『ロッコ + レイス + ディン + レイヴンメンバー*3』 -
**แนะนำให้จัดการ 3 หัวโจกก่อนนะคะ เพราะพวกนี้สามารถใช้ท่าสนับสนุนต่าง ๆ อย่างเพิ่มเลือดหรือชุบชีวิตให้ลูกน้องได้ค่ะ**

- เมื่อปราบได้ คลอเซ่จะขอให้พวกเรเว่นปล่อยครัม แต่พวกเรเว่นไม่ยอมค่ะ
- พบกับ "อากัต" ที่เข้ามาในโกดังแล้วบอกกับพวกเรเว่นว่าจำเสียงของเขาไม่ได้เหรอไอ้เจ้าพวกนี้ ว่าแล้วอากัตก็ปั๊กเรสไปทีนึงพร้อมกับบอกว่า
อากัต "ต่อปากต่อคำกับผู้หญิง ทุบตีเจ้าหนู จะอ่อนกันเกินไปหน่อยหรือเปล่า"
ร็อคโก้ "แล้วเกี่ยวอะไรกับแก กับคนที่ออกจากทีมไปแล้วน่ะ!!"
- อากัตก็เลยปั๊กร็อคโก้ไปอีกคน ส่วนดีนหนุ่มหัวเขียวขอร้องว่าอย่าทำอะไรเขาว่าแล้วก็รีบปล่อยครัมออกมาค่ะ
- เอสเทลถามว่าทำไมอากัตถึงมาที่นี่ในเวลาที่เหมาะเจาะได้แบบนี้ อากัตบอกว่าได้ฟังเรื่องมาจากจางว่า พวกลูกเจี๊ยบกำลังตรวจสอบคดีวางเพลิงอยู่ แล้วเขาก็หันไปบอกกับครัมว่า "ไอ้หนูใจกล้าดีนี่ แต่ทำอย่างนี้จะทำให้แม่เป็นห่วงไม่ใช่เหรอ"
- จากนั้น "ผ.อ. เทเรซ่า" จะเข้ามาบอกกับครัมว่า เธอเข้าใจความรู้สึกของครัมดีค่ะ รวมทั้งขอร้องให้ครัมอย่าทำอะไรอย่างนี้อีก พอครัมเห็นผ.อ. เทเรซ่าที่เป็นห่วงเขามาก ๆ ก็ร้องไห้โฮวิ่งเข้าไปกอดผ.อ.เทเรซ่าค่ะ
- จากนั้น อากัตจะให้พวกเราพาทุกคนออกไปก่อน ส่วนเขาจะจัดการต่อทางนี้เอง
- ที่ทางออกของเมืองรูอันพวกเอสเทลจะมาส่ง "ผ.อ. เทเรซ่า" กับ "ครัม" โยชัวร์ที่เพิ่งกลับมาหลังจากเอาเรือไปคืนก็มาถึงด้วยเช่นกันค่ะ
- "ครัม" จะขอโทษพวกเราทุกคนและต่อว่าตัวเองว่าอ่อนแอแบบนี้ จึงปกป้องใครไม่ได้ โยชัวร์ได้ยินดังนั้นก็ได้บอกกับครัมว่า
โยชัวร์ "ถ้าได้พยายามเผชิญหน้ากับบางสิ่งเพื่อที่จะปกป้องสิ่งสำคัญด้วยพลังของตนเอง เรื่องนั้นน่ะ แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถทำได้ง่าย ๆ เลยนะ เพราะงั้นพี่คิดว่าเธอเท่ห์มาก ๆ เลยล่ะ ส่วนเรื่องหาคนร้ายนั่น พี่ก็มีวิธีของพี่ เธอเองก็มีสิ่งที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ทำได้ ซึ่งก็คือการปกป้องคนที่สมควรปกป้อง ปกป้องอาจารย์หรือเด็กคนอื่น ๆ ยังไงล่ะ ไม่ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะช่วยเหลือ ใส่ใจ และสนับสนุนเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ครัม นั่นเป็นเรื่องที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ทำได้นะ"
- เพราะคำพูดของโยชัวร์ ทำให้ครัมกลับมาร่าเริงอีกครั้งและก็เดินทางกลับไปมาโนเลียอย่างสดใสค่ะ
- กลับไปคุยกับ "จาง" ที่สมาคม
(จากตรงนี้จะทราบว่า จางกับอากัตรู้จักกันมาก่อนค่ะ แถมจางยังไม่เกรงกลัวกับคำพูดห้วน ๆ ตรง ๆ ของอากัตที่คนอื่นมักจะกลัวกันด้วยนะคะ)
จาง "อากัตมาที่รูอันนี่ด้วยเรื่องของคดีอื่นน่ะ แล้วอากัตก็เคยเป็นลีดเดอร์ของพวกเรเว่นมาก่อนด้วยนะ แต่มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว รู้สึกจะเป็นตอนที่อายุพอ ๆ กับพวกเอสเทลเนี่ยแหล่ะ"
- เมื่ออากัตตามมาที่สมาคม จะให้จางหยุดพูดเรื่องของเขาแล้วบอกกับทุกคนว่า
อากัต "เจ้าพวกบ้านั่นมันไม่รู้เรื่องคดีวางเพลิง เพราะเมื่อคืนวานเจ้าพวกนั้นมันดื่มเหล้าจนเมา คนเมาวางเพลิงไม่ได้หรอก"
- แล้วอากัตจะบอกว่าเขาจะทำคดีนี้ต่อเองค่ะ แน่นอนว่า เอสเทลกับโยชัวร์ต้องไม่ยอมอยู่แล้ว จึงขอเหตุผลที่อากัตทำแบบนี้
อากัต "คนที่เป็นเบรเซอร์ต้องสามารถสะสางเรื่องราวต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่การที่เอาคนธรรมดาอย่างเด็กนักเรียนคนนี้มาเกี่ยวพันด้วย ก็ไม่สามารถเป็นเบรเซอร์ที่ดีได้หรอกนะเฟ้ย"
- จากนั้น อากัตจะใช้สิทธิ์ของเบรเซอร์อย่างทางการดึงงานตรวจสอบนี้ไปทำเองคนเดียวค่ะ
(โยชัวร์จะขอช่วยอากัตทำการตรวจสอบด้วย แต่อากัตปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่า การตรวจสอบน่ะไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนคน พูดจบเขาก็เดินออกไปค่ะ)
- เอสเทลรู้สึกไม่พอใจอากัตที่พูดอะไรแบบนั้น แต่โยชัวร์คิดว่าอากัตพูดไม่ผิดหรอก เพราะพวกเขาก็ไม่ได้เรื่องจริง ๆ นั่นแหล่ะ
- คลอเซ่เห็นพวกเอสเทลไม่สบายใจก็พูดขอโทษ และบอกว่า "ถ้าหากดิฉันไม่ชักดาบออกมาล่ะก็" เอสเทลบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคลอเซ่หรอก และบอกให้คลอเซ่ทำใจให้สบาย ๆ ค่ะ
(ตรงนี้ จางบอกกับพวกเอสเทลว่าอากัตแค่พูดไม่เก่งเท่านั้นเอง แถมคดีนี้ก็ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับคดีที่อากัตกำลังตามอยู่ด้วย ดังนั้น การมอบงานนี้ให้อากัตไปทำก็อาจจะเป็นการดีก็เป็นได้ค่ะ)
- รายงานผลกับจาง เอสเทลจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเพื่อเด็กพวกนั้นเลยค่ะ คลอเซ่เห็นดังนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้
คลอเซ่ "คุณจางคะ งานของเบรเซอร์ก็คือการทำตามคำขอร้องของชาวเมืองสินะคะ ถ้าดิฉันอยากจะขอให้พวกคุณเอสเทลไปช่วยเตรียมงานเทศกาลโรงเรียนของดิฉัน เพื่อจะได้เป็นการทำเพื่อเด็ก ๆ ที่ตั้งตารอคอยงานเทศกาลนี้อยู่น่ะค่ะ เพราะตอนนี้ทางดิฉันกำลังขาดคนอยู่ 2 คนและกำลังต้องการคนนึงที่เป็นเด็กผู้หญิงที่มีทักษะเรื่องอาวุธอย่างคุณเอสเทล ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น ถ้าพูดจากปากของดิฉัน...มันน่าอายค่ะ"
- โยชัวร์ได้ฟังดังนั้น ก็ชักสังหรณ์ใจแปลก ๆ ซะแล้วสิ
 
ช่วยงานเทศกาลโรงเรียน
『学園祭の手伝い』 {BP5(+5)}

เมืองรูอัน 『ルーアン市』
(22) ค้นหาและคุ้มภัย
(23) ขนส่งกระเป๋าเครื่องมือปรับแต่ง
(24) สำรวจแผนที่โบราณ
(25) คดีโจรกรรมเชิงเทียน
(27) เกลี้ยกล่อมนักเดินทาง
- ก่อนออกจากเมืองอย่าลืมซื้อ "ลีเบร์ลสาร ฉบับ 5" จากร้านค้าปลอดภาษีโอนีล 『オニール免税店』 ด้วยนะคะ จะได้อัฟเดทข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกันหน่อยค่ะ
โรงเรียนเจนิสแห่งราชอาณาจักร 『ジェニス王立学園』
- ใช้ "ถนนเลียบทะเลเมเว" เข้าสู่ "ถนนป่าละเมาะวิสต้า" มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนเจนิสแห่งราชอาณาจักรค่ะ
☆ ระวังนะคะ เมื่อเข้าไปในโรงเรียนแล้วจะไม่สามารถไปไหนได้อย่างอิสระ
จนกว่าจะเคลียร์เมนเควสต์นี้จบจนก่อนค่ะ
ลองเช็คดูว่าลืมซื้ออาวุธหรือลืมทำอะไรบ้าง แต่ถ้าเรียบร้อยแล้วก็ลุยเลยค่ะ☆
- คุยกับ "อาจารย์ใหญ่โคลินซ์" 『コリンス学園長』 ที่ห้องอาจารย์ใหญ่บนชั้น 1 ของอาคารหลักค่ะ
(คลอเซ่จะเล่าความคืบหน้าของคดีไฟไหม้ให้อาจารย์ใหญ่ฟัง พร้อมทั้งบอกว่าเอสเทลกับโยชัวร์ที่เป็นเบรเซอร์ ก็จะมาช่วยงานโรงเรียนด้วย ซึ่งในระหว่างที่ช่วยงานโรงเรียนนี้ อาจารย์ใหญ่โคลินซ์จะให้พวกเอสเทลพักอยู่ที่โรงเรียนค่ะ)
- เมื่อระฆังหมดคาบเรียนดังขึ้น ให้พวกเราไปแนะนำตัวกันต่อที่สภานักเรียนได้เลยค่ะ
- ไปที่ชั้น 2 ของคลับเฮ้าส์ พบกับ "จิล" 『ジル』 ประธานนักเรียน และ "ฮันส์" 『ハンス』 รองประธานฯ ที่กำลังหนักใจ เรื่องยังหาคนไม่ได้
(คลอเซ่ได้บอกจิลว่า เธอได้ขอร้องให้พวกเอสเทลมาช่วยงานโรงเรียนตามที่ได้สัญญากับจิลเอาไว้ค่ะ จิลเห็นหน่วยก้านเอสเทลแล้ว จึงถามเอสเทลว่าใช้ดาบได้ไม๊ เอสเทลบอกว่า "ปกติใช้วิชาพลองนะ แต่ก็เคยเรียนดาบมาจากคุณพ่อด้วยเหมือนกัน")
- จิลจะให้เอสเทลแสดงเป็น "อัศวินแดงยูริอุส" 『紅騎士ユリウス』 แห่งตระกูลขุนนางและให้คลอเซ่แสดงเป็น "อัศวินน้ำเงินออสการ์" 『紺騎士オスカー』 ค่ะ
จิล "ที่ต้องหาคนอื่นมาช่วยก็เพราะไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนดวลดาบกับคลอเซ่ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อน่ะสิ แถมเด็กคนนี้ยังเอาชนะเด็กผู้ชายในการแข่งขันฟันดาบซะด้วยนะ... แล้วคนที่แพ้ก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือฮันส์ที่อยู่ตรงนั้นยังไงล่ะ"
- ฮันส์รีบแก้ตัวว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้อ่อนแอหรอกนะ แต่คลอเซ่เก่งเกินไปต่างหากค่ะ
- โยชัวร์รู้สึกว่าดีเหมือนกันนะ ถ้าเป็นการแสดงดวลดาบระหว่างอัศวินหญิงน่ะ แต่ฮันส์บอกว่าไม่ใช่อัศวินหญิงหรอกทั้ง 2 คนเล่นเป็นอัศวินหนุ่มต่างหาก ซึ่งเรื่องที่จะแสดงก็คือ "แมดริกัลดอกไม้ขาว" นั่นเองค่ะ
จิล "เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าขานที่มีชื่อเสียงซึ่งเคยใช้แสดงในนครหลวงเมื่อสมัยที่ยังไม่มีการยกเลิกระบบขุนนางน่ะ เป็นเรื่องของอัศวินผู้ที่เกิดในตระกูลขุนนางกับอัศวินผู้ที่เกิดจากสามัญชน ซึ่งต้องมาเผชิญชะตากรรมแห่งความรักกับองค์หญิงแห่งราชวงศ์ ถึงแม้ฐานันดรจะแตกต่างกัน แต่ทั้ง 3 ก็เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงแผนการและความแค้นของฝ่ายขุนนางกับชาวเมืองน่ะ แต่ยังไงสุดท้ายก็จบแบบมีความสุข แฮปปี้เอ็นดิ้งจ้ะ และทางสภานักเรียนก็ได้ทำให้มันน่าสนใจขึ้นโดยสลับบทระหว่างหญิงกับชาย ดังนั้นบทที่สำคัญที่สุดก็คือโยชัวร์คุงที่รับบทเป็น [เซชิเรียองค์หญิงขาว] 『白の姫セシリア』 ไงล่ะ"
- ได้ฟังดังนั้ทุกคนก็เห็นด้วย แต่เจ้าตัวไม่ได้ยินยอมด้วยเล๊ย แต่โดนบังคับเต็ม ๆ ค่ะ
- จากนั้น ทุกคนจะไปลองชุดกันหอประชุม ฮันส์ถึงกับออกปากชมโยชัวร์ที่แต่งหญิงว่า "ถ้าชั้นไม่รู้ว่านายเป็นผู้ชาย คงจะเข้ามาจีบอย่างแน่นอนเลยล่ะ" แต่โยชัวร์ไม่รู้สึกดีใจที่ฮันส์เอ่ยปากชมเลยแม้แต่น้อยค่ะ
- ตอนกลางคืน โยชัวร์จะไปพักหอชายกับฮันส์ ส่วนเอสเทลจะไปพักที่หอหญิงกับคลอเซ่และจิลค่ะ
- เมื่อเอสเทลเห็นคลอเซ่และจิลสนิทกันมากก็รู้สึกอิจฉานิด ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะมีเพื่อนดี ๆ อยู่ที่รอเลนซ์ แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้มาอยู่ร่วมกันแบบนี้ จิลกับคลอเซ่จะบอกให้เอสเทลลองนึกดูดี ๆ ว่าใครเดินทางมาด้วยกันนอนห้องเดียวกันกับเอสเทล
เอสเทล "หรือว่าจะเป็น....เรื่องของโยชัวร์ เป็นไปไม่ได้หรอกน่า เราเป็นพี่น้องกันต่างหากล่ะ หลายปีมานี่ก็เป็นเหมือนกับครอบครัวเดียวกันด้วย"
จิล "เธอคิดอย่างนั้น แล้วทางโยชัวร์ล่ะ ผู้ชายอายุขนาดนั้นจะไม่คิดอะไรเลยกับเด็กผู้หญิงที่เดินทางร่วมกันมาตลอดเลยยังงั้นเหรอ"
- คลอเซ่เห็นเอสเทลเริ่มคิดมาก จึงรีบบอกให้จิลหยุดพูดถึงเรื่องนี้ แล้วไปนอนกันดีกว่าค่ะ
- เกิดอีเวนท์ต่าง ๆ ในช่วงที่เอสเทลกับโยชัวร์ได้ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนค่ะ
- ก่อนวันเปิดงาน เอสเทลกับคลอเซ่จะซ้อมกันที่หอประชุม โดยสามารถผ่านฉากดวลและบทพูดที่ยากได้โดยไม่ผิดเลย คลอเซ่จะดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ซึ่งเมื่อทำได้แบบนี้แล้วก็จะสามารถทำให้ผ.อ. เทเรซ่ากับพวกเด็ก ๆ มีความสุขได้ เอสเทลก็รู้สึกว่าคลอเซ่เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันกับเด็กกำพร้าพวกนั้นเลยนะ
คลอเซ่ "คนที่สอนให้ดิฉันรู้จักคำว่าครอบครัวก็คือผ.อ. เทเรซ่าค่ะ ในตอนที่ดิฉันเกิดมาคุณพ่อคุณแม่ก็เสียไปแล้ว ญาติที่ร่ำรวยจึงรับดิฉันไปเลี้ยง ทว่า..... ดิฉันกลับไม่มีอิสระในการดำเนินชีวิต สิ่งที่เรียกว่าครอบครัวดิฉันก็ไม่เคยรู้จักจนกระทั่งวันนั้นของเมื่อ 10 ปีก่อน วันที่ได้มาพบกับพวกอาจารย์ ตอนนั้นดิฉันได้หนีจากกองทัพจักรวรรดิมาที่รูอันแห่งนี่กับคนรู้จัก แล้วก็ได้มาพบกับผ.อ. เทเรซ่ากับคุณโจเซฟซึ่งเป็นสามีค่ะ ซึ่งนั่น ก็ทำให้ดิฉันได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ว่าคุณแม่และคุณพ่อนั้นเป็นเช่นไร และครอบครัวที่อบอุ่นเป็นเช่นไรค่ะ"
- หลังจากนั้นทั้งสองคนจะพูดถึงโยชัวร์ว่า ถึงโยชัวร์จะไม่ชอบยังไงแต่ก็สามารถแสดงได้สุดยอดอย่างกับมืออาชีพ คลอเซ่จะไม่สบายใจและรู้สึกผิดนิด ๆ กับเรื่องฉากสุดท้ายที่เป็นบทของออสการ์กับองค์หญิงค่ะ
เอสเทล "อย่าพูดเรื่องแบบนั้นเหมือนจิลสิ เพราะยังไงโยชัวร์ก็มองชั้นเป็นแค่น้องสาวเท่านั้นน่ะ เวลาอยู่กับคุณพ่อ โยชัวร์ก็ชอบทำเหมือนกับว่าชั้นเป็นเด็ก ๆ อยู่เรื่อย เพราะงั้นไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้นหรอกนะ"
- โยชัวร์กับฮันส์จะเข้ามาเรียกพวกเอสเทลไปกินข้าวเย็นกัน เพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเอสเทลจะพักอยู่ที่โรงเรียนนี่แล้วค่ะ
- จากนั้น โยชัวร์กับฮันส์จะไปรอที่ห้องอาหารก่อน โดยเอสเทลกับคลอเซ่จะไปตามมาจิลมาสมทบทีหลังค่ะ
- ไปรับ "จิล" ที่ห้องอาจารย์ใหญ่
(จิลกำลังปรึกษาเรื่องอะไรบางอย่างกับอาจารย์ใหญ่ และกำชับไม่ให้อาจารย์ใหญ่บอกพวกเอสเทลด้วย โดยให้เรารอคำเฉลยในถึงพรุ่งนี้ที่จะมาถึงดีกว่าค่ะ)
☆ ก่อนที่จะไปคุยกับโยชัวร์และฮันส์ที่คลับเฮ้าส์ชั้น 1
จะมีเควสต์ลับอยู่ 3 เควสต์นะคะ ถ้าต้องการสะสม BP ก็อย่าลืมเคลียร์ล่ะ☆
(32) ช่วยงานเทศกาลโรงเรียน กำจัดสัตว์ปิศาจที่อาคารเรียนเก่า
(33) ช่วยงานเทศกาลโรงเรียน ตกแต่งสนามโรงเรียน
(34) ช่วยงานเทศกาลโรงเรียน รวบรวมเอกสารงานวิจัย
- ไปคุยกับโยชัวร์ที่โรงอาหารชั้น 1 ของคลับเฮ้าส์ พวกเราทุกคนจะสั่งอาหารมาเลี้ยงส่งท้ายกันค่ะ
- และแล้วก็ถึงวันงานเทศกาลค่ะ
☆ ในช่วงนี้จะมีบูทอาหารของพวกนักเรียนมาตั้งขายที่สนามโรงเรียนด้วย อย่าพลาดเมนูอาหารใหม่ ๆ นะคะ☆
★ ถ้าเดินดูรอบ ๆ ภายในโรงเรียนจะพบ "ไนแอล" ที่กำลังซื้ออะไรกินอยู่ที่สนามโรงเรียนด้วยนะคะ
★ รวมทั้ง "นายกเทศมนตรีเมเบล" ที่มางานเทศกาลโรงเรียนทุกปี เพราะเธอก็เป็นศิษย์เก่าของที่นี่ โดยมี "รีร่า" เมดสาวคนสนิทติดตามมาด้วยค่ะ
(โยชัวร์รู้สึกหน่ายใจนิด ๆ เพราะไม่อยากให้คนรู้จักมาเห็นตัวเองแสดงละครที่ต้องแต่งหญิงขึ้นมานิด ๆ ค่ะ)
★ บนชั้น 2 จะได้พบกับ "ดยุคดิวนัน" และ "หัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิป" ที่มาเที่ยวชมงานด้วยค่ะ
☆ส่วนอีกห้อง จะมีเครื่องทำนายดวง วัดค่าความสัมพันธ์จากดวงชะตาด้วย
ลองไปเล่นดูได้เลยค่ะ☆
★ และถ้าเข้าไปที่คลับเฮ้าส์ จะพบกับ "ร้อยเอกคาโนเน่" มานั่งดื่มกาแฟที่นี่ด้วย เธอบอกว่าพันเอกริชาร์ดมักจะมาที่โรงเรียนนี้ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แต่เดี๋ยวนี้พันเอกริชาร์ดงานยุ่งมากจึงมาไม่ได้ แต่ถ้ามีเวลาเขาต้องมาอย่างแน่นอนค่ะ
- เมื่อเข้าไปที่คลับเฮ้าส์ จะพบ "ศจ. อัลบา" 『アルバ教授』 ที่มาตรวจสอบ "หอคอยฟ้าคราม" จึงถือโอกาสมาเยี่ยมชมงานโรงเรียนเผื่อจะมีข้อมูลอะไรบ้างค่ะ เขาบอกว่าอยากจะดูข้อมูลที่พวกนักเรียนวิจัยกัน แต่ไม่รู้ว่าต้องไปที่ห้องไหน ดังนั้นพวกเอสเทลจะอาสาพาเขาชมสถานที่ค่ะ
☆ ถ้ายังดูของไม่เสร็จสามารถไปเดินดูของก่อน แล้วค่อยมาคุยกับศจ. อัลบาอีกครั้งก็ได้ค่ะ☆
- หลักจากแยกกับศจ. อัลบาแล้ว ลงมาที่ชั้น 1 ของอาคารหลัก จะพบ "ผ.อ.เทเรซ่า" กับพวกเด็ก ๆ ที่มาเที่ยวงานค่ะ
(โยชัวร์สังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของผ.อ. เทเรซ่า จึงพาพวกเด็ก ๆ ไปดูชุดที่ใช้แสดงและให้เอสเทลกับคลอเซ่ค่อย ๆ คุยกับผ.อ. เทเรซ่าไปค่ะ ซึ่ง ผ.อ. เทเรซ่าบอกว่าไม่อยากพูดต่อหน้าพวกเด็ก ๆ ว่าได้ตัดสินใจรับคำเชิญของดัลมอร์แล้ว หลังจากจบงานเทศกาลคิดว่าจะสารภาพเรื่องนี้กับพวกเด็ก ๆ ค่ะ)
- ไปที่ด้านหลังเวที จะไม่พบโยชัวร์อยู่กับพวกเด็ก ๆ "โปลี่" บอกว่าที่พี่โยชัวร์ไม่อยู่ที่นี่ ก็เพราะออกไปตามหาชายผมเงินคนที่ช่วยพวกเขาไว้ตอนไฟไหม้ค่ะ
อาคารเรียนเก่า 『旧校舎』
- พวกเอสเทลจะวิ่งตามซิกไปหาโยชัวร์ที่อาคารเรียนเก่าที่ระเบียงบนชั้น 2 ซึ่งที่นั่น โยชัวร์กำลังหนักใจ เพราะคลาดสายตาจากผู้ชายผมเงินไปแล้ว แต่ก็สามารถระบุได้ว่าเขาคงไม่ใช่คนร้ายที่วางเพลิงแน่นอนค่ะ
(จากตรงนี้ เอสเทลได้บอกโยชัวร์ว่า "อย่าออกมาคนเดียวอย่างนี้สิ ไม่ได้เป็นห่วงหรอกนะ แต่ว่าทีมเวิร์คเป็นสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอ" ทำให้คลอเซ่ขำท่าทางและคำพูดของเอสเทลที่พยายามปิดบังความเป็นห่วงโยชัวร์เอาไว้อย่างเต็มที่ค่ะ)
โรงเรียนเจนิสแห่งราชอาณาจักร 『ジェニス王立学園』
- เมื่อกลับมาที่โรงเรียน พวกเอสเทลจะแจ้งเรื่องชายผมเงินให้ "คารูน่า" 『カルナ』 เบรเซอร์รุ่นพี่ที่มาเฝ้าระวังเหตุร้ายที่งานเทศกาลฟังค่ะ
- จากนั้น อีก 30 นาทีต่อมา ก็ถึงถึงเวลาขึ้นแสดงพอดี
"แมดริกัลดอกไม้ขาว" (ฉบับย่อค่ะ)
เป็นเรื่องราวในยุคสมัย 1100 ปีฏิทินเจ็ดจรัส
เมื่อประมาณ 100 ปีก่อนที่ยังคงหลงเหลือพวกขุนนางอยู่นั้น 1 ปีให้หลังการสิ้นพระชนม์ของพระราชา เรื่องราวแห่งชะตากรรมความรักของเพื่อนสนิทตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย "องค์หญิงขาวเซซิเรีย" (โยชัวร์) "อัศวินน้ำเงินออสการ์" (คลอเซ่) และ "อัศวินแดงยูริอุส" (เอสเทล) ชะตากรรมความแค้นของฝ่ายขุนนางกับฝ่ายสามัญชนที่พยายามทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง โดยการใช้ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวทั้ง 3 เป็นเครื่องมือ
หาก "ออสการ์" อัศวินผู้ถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวสามัญชนได้แต่งงานกับองค์หญิงเซชิเรียก็จะสามารถที่ล้มล้างระบบขุนนางลงไปได้
หาก "ยูริอุส" อัศวินผู้ถือกำเนิดขึ้นในตระกูลขุนนางได้แต่งงานกับองค์หญิงเซชิเรียก็จะสามารถทำให้สามัญชนยอมศิโรราบ ระบบขุนนางก็จะมีความมั่นคงยิ่งขึ้น
เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการปฏิวัติที่นองเลือด อัศวินทั้ง 2 จึงเลือกที่จะตัดสินกันด้วยการดวล โดยยื่นข้อเสนอต่อกันว่าผู้ที่เหลือรอดจะต้องแต่งงานกับองค์หญิง ทำให้เธอมีความสุขและต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออนาคตของราชอาณาจักรลีเบร์ล ส่วนผู้ที่สิ้นชีพ ต้องกลายเป็นดวงวิญญาณคอยปกป้องผืนแผ่นดินแห่งนี้
ในตอนจบของการดวลซึ่งอัศวินทั้ง 2 ไม่อยากให้เกิดขึ้นนั้น "องค์หญิงเซชิเรีย" ได้ตัดสินใจสละชีวิตตัวเอง โดยการเข้ามาขวางทางดาบของผู้เป็นที่รักทั้ง 2
การตายขององค์หญิงเซชิเรียทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความผิดที่ได้ทำลงไป
แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็บังเกิด "เอดอสเทพธิดาแห่งท้องฟ้า" ดลบันดาลให้วิญญาณขององค์หญิงเซชิเรียกลับคืนสู่กายเนื้อ
เมื่อตระหนักได้ถึงการสูญเสีย ขุนนางและชาวเมืองก็ได้หันกลับมาปรองดองกัน
องค์หญิงเซชิเรียได้มอบจุมพิตให้แก่อัศวินน้ำเงินออสการ์ผู้ชนะในการดวลครั้งนี้ หากไม่ใช่ผู้ชนะจากการดวลดาบ แต่เป็นการดวลที่ใช้จิตใจอันเข้มแข็ง แล้วราชอาณาจักรลีเบร์ลก็กลับคืนสู่สันติสุขอีกครั้ง
- คนที่มาชมการแสดง ถูกใจละครเรื่องนี้เป็นอย่างมากค่ะ
(ชายผมเงินคนที่ว่าก็มาดูด้วยและพูดว่า "สุดท้าย ก็จบลงแบบมีความสุขอย่างงั้นเหรอ แต่...ก็ดีเหมือนกัน" ด้วยสีหน้าที่ดูจะพึงพอใจอยู่นิด ๆ ค่ะ)
- ที่ด้านหลังเวที พวกสภานักเรียนวางแผนที่จะขายรูปของพวกเอสเทลค่ะ
(น่าจะขายได้ราคาดีนะ โดยเฉพาะของคลอเซ่น่ะค่ะ)
- โยชัวร์สังเกตเห็นว่า ตั้งแต่ละครจบไปเอสเทลก็เอาแต่เหม่อ คลอเซ่สงสัยว่าจะเป็นเรื่องนั้น (ฉากจูบ) ใช่ไม๊ แต่เอสเทลรีบปฏิเสธว่าไม่มีอะไรค่ะ
- พวกครัมที่สนุกกับละครเรื่องนี้มากจะเข้ามาหาพวกเอสเทลพร้อม ๆ กับ "ผ.อ. เทเรซ่า" ที่ด้านหลังเวทีค่ะ
- จากนั้น "จิล" และ "ฮันส์" ได้ไปนำมิร่าที่พวกเขารวบรวมรายได้จากงานเทศกาลฯในครั้งนี้มามอบให้ เพื่อให้ผ.อ.เทเรซ่านำมิร่าจำนวนนี้ไปสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชียขึ้นมาใหม่ค่ะ
(ในตอนแรก ผ.อ.เทเรซ่าไม่ยอมรับค่ะ แต่เพราะทุกคนช่วยกันพูดเธอจึงตัดสินใจรับเอาไว้ทั้งน้ำตาแห่งความปลื้มปิติค่ะ)
- หลังจากจบงานเทศกาล เมื่อร่ำลากับพวกจิลแล้ว ออกมาที่ "ถนนป่าละเมาะวิสต้า" คลอเซ่จะรู้สึกว่าซิกไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากค่ะ
☆ ก่อนกลับไปยังเมืองรูอัน
หากเข้าไปคุยกับ "เดโบร่า" 『デボラ』 ที่เคาน์เตอร์ในโรงอาหารของคลับเฮ้าส์ชั้น 1
จะได้รับ "สลัดแซนด์วิช" มาด้วยนะคะ☆
- เมื่อเดินมาถึงบน "ถนนเลียบทะเลเมเว" ขณะที่พวกเอสเทลกำลังจะแยกกับคลอเซ่เพื่อกลับไปยังเมืองรูอันนั้น "แซ็ค" คนจากหมู่บ้านมาโนเลียได้วิ่งมาแจ้งว่า ผ.อ. เทเรซ่ากับพวกเด็ก ๆ ถูกกลุ่มคนลอบทำร้าย เด็ก ๆ ปลอดภัยดี แต่ผ.อ. เทเรเซ่ากับพี่สาวเบรเซอร์ (คารูน่า) ที่คุ้มภัยให้กับพวกมาเชียยังไม่ได้สติค่ะ
 
คดีลอบทำร้ายผู้อำนวยการเทเรซ่า
『テレサ院長襲撃事件』 (BP10)

เมืองรูอัน 『ルーアン市』
(29) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนถนนเลียบทะเลเมเว2
☆อย่าลืมไปคุยกับ "มาธิลด้า" 『マチルダー』 ที่นั่งอยู่บนสะพานในเมืองรูอัน เธอจะมอบ "คาร์เนเรีย เล่ม 5" ให้เราค่ะ
หมู่บ้านมาโนเลีย 『マノリア村』
- ขึ้นไปบนชั้น 2 ของโรงเตี๊ยมแมกโนเลียขาว พบ "ผ.อ.เทเรซ่า" กับ "คารูน่า" ที่นอนบาดเจ็บอยู่
(โยชัวร์ได้ตรวจอาการดู พบว่าทั้ง 2 คนนั้นถูกยานอนหลับเข้าไป แต่ไม่น่าเป็นห่วงเพราะยาชนิดนี้ไม่มีผลข้างเคียงค่ะ)
- "มารี่" 『マリイ』 จะบอกกับพวกเราว่า "ตอนที่พวกหนูเดินอยู่บนถนนเลียบทะเล จู่ ๆ ก็มีพวกคนใส่หน้ากากปรากฏตัวออกมา พี่สาวเบรเซอร์วิ่งตามไปแต่ก็ถูกคนพวกนั้นล้อมเอาไว้ แล้วอาจารย์ก็ปกป้องพวกเรา แล้วพวกนั้นก็.. " พูดจบเด็ก ๆ จะพากันร้องไห้เพราะความกลัว
(คลอเซ่วิเคราะห์ว่า คนร้ายต้องเป็นพวกที่มีฝีมือและชำนาญการมาก เพราะขนาดเบรเซอร์ยังไม่สามารถจับวี่แววได้เลย อีกข้อหนึ่งเป้าหมายคงจะเป็นเงินที่อาจารย์นำมาด้วย เกรงว่าจะเป็นพวกเดียวกันกับที่วางเพลิงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ)
- "อากัต" ซึ่งได้ฟังเรื่องราวจากสมาคมจะเข้ามาสมทบกับพวกเอสเทลค่ะ
(โยชัวร์ได้เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องเงินที่ผ.อ. เทเรซ่าถือมาโดนขโมยไปด้วยให้อากัตฟัง อากัตบอกว่า ที่จริงพวกเรเว่นก็หายไปจากโกดังเหมือนกัน แต่โยชัวร์เห็นว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของพวกนั้น เพราะพวกเรเว่นเอาชนะคุณคารูน่าไม่ได้ แต่ก็คงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคดีนี้แน่ ๆ ดังนั้น เฉพาะคราวนี้อากัตจะยอมให้พวกเราร่วมเดินทางไปกับเขา เพื่อค้นหาความจริงของคดีนี้ค่ะ)
- เมื่อออกมานอกโรงเตี๊ยมจะเป็นเวลากลางคืน ในขณะที่พวกเรากำลังครุ่นคิดว่าการค้นหาในความมืดแบบนี้เป็นเรื่องที่ลำบากมากอยู่ "ซิก" ก็ได้บินมาหาคลอเซ่พร้อมกับบอกเธอ (ด้วยภาษาของสัตว์ที่คลอเซ่เข้าใจคนเดียวค่ะ) เรื่องสถานที่ ๆ พวกคนร้ายมุ่งหน้าไปค่ะ
- ใช้ "ถนนสายรองเมเว" ตามซิกไปเรื่อย ๆ ซึ่งสถานที่ซิกมุ่งหน้าไปก็คือประภาคารบาเรนน์นั่นเอง
ประภาคารบาเรนน์ 『バレンヌ灯台』
- เมื่อเข้าไปจะเกิดการต่อสู้ขึ้นในแต่ละชั้น
- ชั้นที่ 1 สู้กับ (ดีน + เรเว่นเมมเบอร์ *2)
- ชั้นที่ 2 สู้กับ (เรส + เรเว่นเมมเบอร์ *2)
- ชั้นที่ 3 สู้กับ (ร็อคโก้ + เรเว่นเมมเบอร์ *2)
- พวกเอสเทลรู้สึกถึงความผิดปกติของพวกเรเว่น เพราะฝีมือของพวกเขาแตกต่างจากตอนสู้ที่โกดังลิบลับ และสงสัยว่าพวกเขาอาจจะโดนใครควบคุมอยู่ค่ะ
- โยชัวร์ลองตรวจสอบอาการของพวกเรเว่นแล้วพบว่า มีการใช้ยาเพื่อดึงเอาความสามารถที่อยู่ภายในออกมาค่ะ
- บนชั้นบนสุดของประภาคาร พวกเอสเทลจะรู้ว่าคนที่บงการเรื่องนี้อยู่ก็คือ "เลขากิลเบิร์ต" โดยมีนายกเทศมนตรีดัลมอร์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ เพื่อจะทำให้ที่ดินแถบนี้ขายได้ราคาสูง ๆ และกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศ จึงวางแผนหยุดการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชียขึ้นมาใหม่ และจัดการโยนความผิดทุกอย่างให้กับพวกเรเว่น
- เกิดการต่อสู้กับ (กลุ่มคนชุดดำ *2) ค่ะ

- เมื่อปราบได้แล้ว กลุ่มคนชุดดำจะยิงกิลเบิร์ตที่ขาและขู่จะยิงผู้เฒ่าฟอกท์ด้วย พวกเอสเทลจำต้องยอมถอย แล้วพวกคนชุดดำก็หนีไปทางระเบียงด้านนอก อากัตจะกระโดดตามลงไป โดยบอกให้เราจัดการเรื่องของเจ้าเลขานั่นและกลับไปรายงานจางที่สมาคม (ตอบข้อไหนก็ได้ค่ะ)
หมู่บ้านมาโนเลีย 『マノリア村』
- พวกเอสเทลได้นำเงินที่ถูกขโมยไป พร้อมทั้งพวกเรเว่นแล้วก็เลขากิลเบิร์ตไปขังเอาไว้ที่โกดังกังหันลมที่มาโนเลียจนกระทั่งเช้า โดยได้ฝากให้ "คารูน่า" ที่ฟื้นแล้วให้ดูแลเรื่องของเจ้าพวกนี้ต่อค่ะ
(พวกเอสเทลรวมทั้งคารูน่ารู้สึกว่าถึงแม้อากัตจะเก่งกาจแค่ไหน แต่การตามพวกนั้นไปคนเดียวมันก็น่าเป็นห่วงอยู่ แต่ถึงยังไงตอนนี้พวกเธอก็ทำได้แค่เชื่อมั่นในตัวอากัตเท่านั้นค่ะ)
★ ถ้าเราขึ้นไปคุยกับ "ผ.อ. เทเรซ่า" เอสเทลจะไม่กล้าบอกตัวจริงของคนร้ายให้ผ.อ. รู้ค่ะ
★ ถ้าลองไปคุยกับ "ผู้เฒ่าฟอกท์" ที่ประภาคารบาเรนน์ ผู้เฒ่าแกจะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ค่อยได้ โยชัวร์เห็นว่าไม่บอกรายละเอียดไปจะดีกว่าค่ะ
- กลับไปรายงานผลที่สาขารูอัน
(ระหว่างทาง พวกเอสเทลจะวิเคราะห์กันว่าเรื่องแผนการของคดีนี้ ดูจะยากเกินกว่าที่ดัลมอร์จะคิดแผนการและจัดการเองได้ อาจจะมีใครคอยหนุนหลังอยู่ค่ะ)
- เมื่อไปถึงทางแยกที่จะเข้าสู่เมืองรูอัน คลอเซ่จะขอแยกตัวออกไปเพราะนึกออกว่ามีเรื่องที่ต้องทำก่อน พร้อมทั้งบอกว่าค่อยไปเจอกันที่สมาคมสาขารูอันอีกครั้งค่ะ
(จริง ๆ แล้วคลอเซ่โกหกไปว่าอยากจะไปรายงานให้อาจารย์ใหญ่รู้ไว้ก่อน แต่ความจริงไม่ใช่ค่ะ แต่เธอโกหกไปเพื่ออะไรนั้น รอดูเฉลยตอนท้ายนะคะ)
- หลังจากที่พวกเอสเทลไปแล้ว คลอเซ่หยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาเขียนจดหมาย 1 ฉบับ แล้ววานให้ซิกเอาไปส่งให้ใครบางคน
เมืองรูอัน 『ルーアン市』
- รายงานผลกับ "จาง" ค่ะ
(เอสเทลและโยชัวร์จะตัดสินใจบุกเข้าไปในคฤหาสน์ของนายกเทศมนตรี แต่จางบอกว่าทางสมาคมคงจัดการลำบาก เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงนายกเทศมนตรี แต่ถ้าเป็นกองทัพราชอาณาจักรล่ะก็ต้องสามารถจับกุมดัลมอร์ได้แน่ ว่าแล้วจางจึงตัดสินใจให้พวกเอสเทลบุกเข้าไปที่คฤหาสน์ แล้วให้พยายามถ่วงเวลานายกเทศมนตรีดัลมอร์เอาไว้ ส่วนเขาจะรีบแจ้งไปยังค่ายเรสตอน ขอกำลังจากกองทัพเพื่อดำเนินการจับกุมดัลมอร์ค่ะ)
- "คลอเซ่" จะมาถึงที่สมาคมพอดี เอสเทลบอกคลอเซ่ไปว่า จางจะติดต่อขอกำลังจากทางกองทัพ คลอเซ่ทำหน้าไม่สบายใจแล้วพูดว่า "ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหรือเปล่านะ"
คฤหาสน์นายกเทศมนตรีเมืองรูอัน 『ルーアン市長邸』
- เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์บนชั้น 2 จะพบ "นายกเทศมนตรีดัลมอร์" กับ "ดยุคดิวนัน" กำลังตกลงทำการซื้อขายที่ดินกันอยู่ค่ะ
- เมื่อเราเข้าไปจะบอกกับดัลมอร์ว่าที่พวกเรามานี่ก็เพราะเรื่องคดีไฟไหม้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและรู้ตัวคนร้ายแล้วว่าเป็นใคร
(อันที่จริง ดัลมอร์ได้ขอให้ดยุคดิวนันออกไปก่อน แต่ดยุคดิวนันไม่ยอมออกไปค่ะ)
☆ เลือกข้อไหนก็ได้ไม่มีผลกับ BP
แต่คำตอบที่ถูกต้องก็คือ "นายกเทศมนตรีดัลมอร์" 『ダルモア市長』 ค่ะ☆
- ดัลมอร์ไม่ยอมรับ แต่ดันเผลอพูดถึงกลุ่มคนชุดดำออกมา เอสเทลสบโอกาสสวนกลับไปว่าทางเราไม่ได้พูดถึงกลุ่มคนชุดดำแม้แต่คำเดียว แต่ดัลมอร์ก็ไม่ยอมรับค่ะ แต่โยนความผิดไปให้กิลเบิร์ตแทนซะนี่
- ในระหว่างที่เรากำลังเค้นถามความจริงนั้นเอง "ไนแอล" เข้ามาบอกว่า ที่จริงแล้วเขากำลังตรวจสอบเรื่องฐานะทางการเงินของเมืองรูอันในช่วงนี้อยู่ แล้วก็พบว่าดัลมอร์ได้นำเงินงบประมาณของเมืองไปใช้ส่วนตัว นอกจากนั้นประมาณ 1 ปีก่อนก็เคยไปอาศัยอยู่ที่สาธารณรัฐด้วย แต่ไม่ใช่ไปเพื่อท่องเที่ยว แต่ไปเพื่อเก็งกำไรขายที่ดินของเมืองนี้ต่างหาก และราคารประมาณคร่าว ๆ ก็อยู่ที่ 1 ร้อยล้านมิร่าค่ะ
(ไนแอลได้ข้อมูลมาจากเพื่อนนักข่าวของเขาที่ทำข่าวอยู่ที่สาธารณรัฐ และเป็นข่าวที่น่าเชื่อถือมากซะด้วย)
- เมื่อคลอเซ่ได้ฟังทุกอย่างที่ไนแอลเล่า เธอจะขอถามคำถามดัลมอร์ 1 ข้อ
คลอเซ่ "ทำไมไม่ใช้เงินของตัวเองล่ะคะ ถึงแม้ว่า 1 ร้อยล้านมิร่าจะเป็นจำนวนที่มากก็จริง แต่ถ้าคุณขายคฤหาสน์หลังนี้ก็สามารถหาเงินจำนวนนั้นมาได้อยู่แล้วนี่คะ"
- ดัลมอร์โกรธมาก แล้วบอกว่าที่เขาไม่ขายคฤหาสน์หลังนี้ เพราะเป็นสมบัติที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ทำไมเขาจะต้องขายมันด้วยล่ะ
คลอเซ่ "นั่นก็เหมือนกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่ว่าจะเป็นความคิดคำนึงซึ่งได้ฟูมฟักมา ความทรงจำในสถานที่อันเป็นที่รักยิ่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยากให้มันแตกสลายไปแท้ ๆ ทำไมคุณถึงทำได้ลงคอล่ะ"
- คลอเซ่มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่ดัลมอร์ไปทำแบบนั้นกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย แต่ดัลมอร์ตัดสินใจจัดการให้จบเรื่องโดยเร็ว โดยการเรียกสัตว์เลี้ยง (สัตว์ปิศาจ) ของเขาออกมาสู้กับพวกเราค่ะ
- ฟรังโก้ + บรองโก้ -
- 『フランゴ+ブロンゴ』 -
**ทั้ง 2 ตัวจะมีท่าโจมตีที่ทำให้ติด "พิษ" และก็ "หมดสติ" ค่ะ**
**ฟรังโก้จะแพ้การโจมตีกายภาพ ส่วนบรองโก้แพ้การโจมตีด้วยอาร์ทค่ะ**
**เวลาตัวใดตัวหนึ่งตาย จะใช้พลังเฮือกสุดท้ายเพิ่มสเตตัสให้กับอีกตัวหนึ่ง แนะนำให้ค่อย ๆ ปราบไปพร้อม ๆ กันดีกว่าค่ะ**
- ปราบได้ ดัลมอร์จะไม่ยอมให้เราควบคุมตัว และงัดเอา "คฑาล้ำค่าแห่งการผนึก" 『封じの宝杖』 ซึ่งเป็นสมบัติประจำตระกูลของเขาที่สามารถสะกดการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ในอาณาเขตมาใช้สะกดพวกเอสเทลค่ะ
(โยชัวร์รู้สึกประหลาดใจ ที่อาร์ติแฟกซ์ที่มีพลังมากขนาดนี้ ทำไมถึงไม่โดนโบสถ์เจ็ดจรัสกู้กลับไปค่ะ)
- ดัลมอร์จะใช้ปืนจัดการกับพวกเราที่กำลังเคลื่อนไหวไม่ได้ในตอนนี้ เพราะพลังของอาร์ติแฟกซ์ ดัลมอร์ตัดสินใจจะจัดการกับเอสเทลก่อนและคลอเซ่เป็นคนสุดท้าย
- สถานการณ์เข้าสู่ความตึงเครียด มีเพียงโยชัวร์พูดกับดัลมอร์หน้าตาที่น่ากลัวและน้ำเสียงที่เย็นชา อย่างที่เอสเทลไม่เคยเห็นมาก่อน
โยชัวร์ "อย่าเอามือสกปรกมาแตะต้องเอสเทลนะ!! ถ้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมล่ะก็ จะใช้ทุกวิธีที่มีสับแกออกเป็นชิ้น ๆ"
- ดัลมอร์จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่โยชัวร์เป็นคนแรกแทนค่ะ
- ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น จู่ ๆ ออร์บเมนท์สีดำก็ส่องแสงสีดำออกมา ทำให้พลังของคฑาคลายลง
- ดัลมอร์เห็นท่าไม่ดี จึงหนีออกไปทางท่าเทียบเรือด้านหลังคฤหาสน์ แล้วขึ้นเรือยอร์ชหนีไป
(ซึ่งก่อนหน้านั้น ดัลมอร์ได้กดปุ่มยกสะพานขึ้น เพื่อเปิดทางหนีออกไปที่ปากอ่าวค่ะ)
- เอสเทล โยชัวร์และคลอเซ่ นั่งเรืออีกลำไล่ตามไป แต่ด้วยแรงลมหนุนทำให้ดัลมอร์กำลังจะหนีไปได้
- ในตอนนั้นเองมีเรือเหาะสีขาวลำใหญ่ [อัลเซยู] 『アルセイユ』 เรือลาดตระเวณความเร็วสูงในสังกัดกองกำลังรักษาพระองค์ภายใต้การนำของ "ร้อยโทยูเลีย" 『ユリア中尉』 ทำให้สามารถจับกุมดัลมอร์ได้อย่างสวยงามค่ะ (ดัลมอร์ตกใจมากจนสลบไปเลยค่ะ)
☆"กองกำลังรักษาพระองค์" ที่ร้อยโทยูเลียสังกัดอยู่,
"กองกำลังป้องกันประเทศ" ที่ประจำอยู่เขตชายแดนของนายพลมอร์แกน
รวมไปถึง "หน่วยสืบข้อมูล" ที่พันเอกริชาร์ดสังกัดอยู่ แต่ละหน่วยงานจะแยกเป็นเอกเทศค่ะ☆
(จริง ๆ แล้ว คลอเซ่เป็นคนเรียกให้ร้อยโทยูเลียให้นำอัลเซยูมา แต่ตอนนี้เธอยังปิดบังฐานะของตนเองอยู่ จึงไม่ได้บอกอะไรพวกเอสเทลค่ะ)
ท่าเทียบเรือเหาะ 『発着場』
- "ร้อยโทยูเลีย" ได้บอกกับพวกเอสเทลว่า ดัลมอร์ที่ฟื้นแล้วจำเรื่องที่เกี่ยวกับการวางเพลิงหรือเรื่องโจรกรรมไม่ได้เลยแม้แต่น้อยค่ะ
(เอสเทลรู้สึกว่า ลักษณะคล้าย ๆ กับหัวหน้าของพวกสลัดอากาศเลย ตรงนี้โยชัวร์เห็นว่า ไม่แน่ว่าเรื่องนี้ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนชุดดำนั่นก็เป็นได้ค่ะ ร้อยโทยูเลียยังเสริมอีกว่า ถึงความจำจะลางเลือนแต่ความผิดที่มีก็ไม่สามารถลบล้างได้ ดังนั้น ก็ต้องจับกุมดัลมอร์ไปดำเนินคดีค่ะ)
- "ไนแอล" เอ่ยปากขอยูเลียเข้าไปดูโครงสร้างภายในอัลเซยู เพราะถือว่าอัลเซยูเป็นเรือเหาะรุ่นใหม่ล่าสุดที่โรงงานกลางไซสส์พัฒนาขึ้นซึ่งไนแอลอยากจะทำคอลัมภ์นี้ แต่ก็โดนปฏิเสธ โดยยูเลียให้เหตุผลว่า เมื่อวันก่อนเพิ่งปรับแต่งเครื่องยนต์ใหม่ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงบินทดสอบ แต่ยังไงก็จะแจ้งไปยังสำนักข่าวลีเบร์ลที่นครหลวง ถ้าหากทางเธอพร้อมที่จะให้ทำข่าวค่ะ ไนแอลได้ยินดังนั้นก็รีบกลับไปเตรียมตัวที่นครหลวงทันทีค่ะ
- "พันเอกริชาร์ด" และ "ร้อยเอกคาโนเน่" ที่จางได้ติดต่อขอกำลังเสริมไปก็มาถึงที่นี่ด้วย
(จากตรงนี้จะเห็น ร้อยเอกคาโนเน่พูดจาค่อนแคะยูเลียด้วยนะคะ ว่ากองกำลังรักษาพระองค์ที่ควรจะประจำอยู่ที่นครหลวงกลับมาอยู่ที่นี่ได้ ช่างน่าประหลาดใจซะจริงน่ะค่ะ)
- พันเอกริชาร์ดจะขอรับคดีนี้และนำพวกคนร้ายกลับไปตรวจสอบเองค่ะ โดยก่อนจากไป เขาได้กล่าวลาทุกคน และเน้นเป็นพิเศษไปที่คลอเซ่ว่า "[คุณหนูในชุดนักเรียน] ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันอีกนะทุกคน"
(จะมีบทพูดของร้อยโทยูเลียที่รู้สึกถูกใจในฝีมือพวกเอสเทล เอ่ยปากชักชวนมาอยู่ในสังกัดของเธอด้วยนะคะ น่าปลื้มนะเนี่ย)
เมืองรูอัน 『ルーアン市』
- รายงานผลกับ "จาง" ที่ได้แต่บ่นอุบว่า ถ้าเขาไม่ติดงานประชาสัมพันธ์ ก็อยากจะเห็นกองกำลังรักษาพระองค์เหมือนกันค่ะ
จาง "ชั้นได้ติดต่อไปที่ค่ายเรสตอนขอให้ทางกองทัพมาช่วย แต่พวกพันเอกอยู่ที่นั่นพอดี ก็เลยมาช่วยแทนน่ะ แต่เรื่องที่กองกำลังรักษาพระองค์มาเนี่ย ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้ยังไง แล้วเรื่องตำแหน่งนายกเทศมนตรีที่ว่างอยู่ก็คงจะมีการเลือกตั้งในเร็ว ๆ นี้นี่แหล่ะ ส่วนอากัตที่ได้ติดต่อมาก็ได้ตามกลุ่มคนชุดดำและกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองไซสส์ จริง ๆ แล้วเจ้าพวกกลุ่มคนชุดดำพวกนั้น อากัตตามรอยมานานตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ รู้สึกว่าเป็นงานที่พ่อของพวกเธอฝากให้ทำ เพราะคนที่ทำให้อากัตเห็นทางสว่างตอนที่เป็นพวกเรเว่นอยู่นั้นไม่ใช่ใครอื่น ก็พ่อของพวกเธอนั่นแหล่ะ แต่พูดถึงทีไรนายคนนั้นก็เป็นต้องโกรธขึ้นมาทุกทีสิน่า"
- จางที่ได้ฟังพวกเอสเทลเล่าถึงเรื่องออร์บเมนท์สีดำและข้อความที่แนบมาด้วย ก็แนะนำว่าถ้าจะสืบถึงที่มาของออร์บเมนท์นั่น ให้ลองไปที่ไซสส์อาจจะได้รู้อะไรก็เป็นได้ค่ะ
- ได้รับ "ใบรับรองคุณวุฒิเป็นเบรเซอร์อย่างทางการ" ของสาขารูอันจากจาง
(จากนั้น คลอเซ่จะขอให้เอสเทลบอกวันที่จะออกเดินทาง เพราะเธอจะได้ไปส่งพวกเอสเทลที่แอร์ แลตเทนค่ะ)
-จบบทที่ 2 ค่ะ
 
 
Sub-Quest
 
(21) ขับไล่สัตว์ปิศาจที่ประภาคาร 『灯台の魔獣掃討』 (BP4)
※เควสต์ลับ
- ที่หน้าประภาคารคุยกับ "ผู้เฒ่าฟอกท์" 『フォクト老人』 (คุณปู่มหาภัย) ซึ่งกว่าพวกเราจะรู้ว่า ที่ปู่แก่เข้าไปในประภาคารไม่ได้เพราะมีสัตว์ปิศาจอยู่ข้างใน ก็ต้องฟังเทศน์ซะยาวเลยค่ะ
(ที่สัตว์ปิศาจเข้าไปในประภาคาร เพราะที่ชั้นบนสุดมีเซฟเที่ยมที่ทำให้ประภาคารทำงานอยู่ ซึ่งเซฟเที่ยมทั้งหลายบนทวีปจะดึงดูดสัตว์ปิศาจให้เข้าใกล้ค่ะ)
- เข้าไปปราบสัตว์ปิศาจ (ฉลามหัวฆ้อนแดง *3) สู้ทั้งหมด 4 ครั้งค่ะ
- ปราบได้แล้ว ออกมาคุยกับ "ผู้เฒ่าฟอกท์" ที่ด้านหน้าประภาคารว่าตอนนี้ปู่สามารถเข้าไปในประภาคารได้แล้วค่ะ
(ตอนที่เราจะกลับปู่แกดันถามว่า "ลืมอะไรไปหรือเปล่า ทำไมไม่ถามต่อว่า [มีเรื่องอะไรให้ช่วยอีกไม๊คะ] ล่ะ ช่างแตกต่างเบรเซอร์วัยกลางคนที่เคยเจอเมื่อ 7 - 8 ปีก่อนหน้านี้จริง ๆ ฉันเองไม่รู้จักชื่อร๊อก นิสัยต่างกับเจ้าก็จริงอยู่แต่มีอย่างที่เหมือนกันก็คือผมสีชาน่ะ โอ้ ถ้าดูดี ๆ สีตาก็เหมือนกันด้วยนะนี่" ดูเหมือนว่าปู่แกจะเคยได้รับความช่วยเหลือจากป๋ามาก่อนนะ)

 
(22) ค้นหาและคุ้มภัย 『探索の護衛』 (BP5)
※เควสต์ต่อเนื่องภาค SC
※ในกรณีที่เคลียร์ซํบเควสต์ (2) ล่าเห็ด มาแล้วบทสนทนาจะมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ
- คุยกับ "อาเมเรีย" 『アメリア』 หน้าบ้านทางเหนือของหมู่บ้านมาโนเลีย เธอจะขอให้เราช่วยคุ้มภัยลุงของเธอ ที่อยากจะไปที่เส้นทางภูเขาโครเน่เพื่อหาผักภูเขา พอเธออธิบายเสร็จแล้วจะเข้าไปเรียกลุงของเธอมา แต่ว่าลุงเธอออกเดินทางไปคนเดียวซะแล้วน่ะสิ
- ไปที่ "เส้นทางภูเขาโครเน่" จะพบลุง "โอวิด" กำลังถูกสัตว์ปิศาจรุมอยู่ค่ะ
- เกิดการต่อสู้กับ (บอล์ยเด็กเกอร์R *3)
- พาลุงโอวิดไปส่งที่หมู่บ้านมาโนเลียโดยสวัสดิภาพ

 
(23) ขนส่งกระเป๋าเครื่องมือปรับแต่ง 『整備用カバンの運搬』 (BP4)
- คุยกับ "โซมูซ" 『ソームズ』 ที่โรงงานกรานาต 『グラナート工房』 จะได้รับ "กระเป๋าเครื่องมือปรับแต่ง" เพื่อไปส่งให้ผู้เฒ่าฟอกท์ที่ประภาคารบาเรนน์ค่ะ
- นอกจากนั้นโซมูซยังบอกว่า ผู้เฒ่าฟอกท์ชอบไปดื่มคอกเทลที่คาสิโน ลาวันทาร์บ่อย ๆ ถ้าจะให้ดีก็อยากจะเอาคอกเทลไปให้แกด้วย
- คุยกับ "เปรมิโอ" 『プレミオ』 ที่คาสิโนบาร์ ลาวันทาร์ 『カシノバー・ラヴァンタル』 ตรงเคาน์เตอร์ชั้น 1 เมื่อเขารู้ว่าพวกเอสเทลจะไปที่ประภาคาร เขาจะฝาก "อาเซเรีย โรเซ่" 『アゼリア・ロゼ』 ไปให้ผู้เฒ่าฟอกท์ด้วยค่ะ เปรมิโอยังบอกอีกว่าถ้ากินพร้อมกับ "แองโชวี่รสเผ็ด" ล่ะก็ รสชาติมันจะเข้ากันได้ดีเลยล่ะค่ะ
☆ ไม่บังคับนะคะ แต่ถ้านำคอกเทลขวดนี้ไปมอบให้ผู้เฒ่าล่ะก็
เราจะได้ไอเทมเพิ่มเติมก็คือ "หมวกกันน็อคสำหรับทำงาน" 『作業用ヘルメット』 มาค่ะ☆
- ที่ร้านขายของชำฟีโอเล่ในหมู่บ้านมาโนเลีย เราจะสามารถหาซื้อ "แองโชวี่รสเผ็ด" 『辛口アンチョビ』 ได้ค่ะ
☆ ไม่บังคับเช่นกัน แต่ถ้ามีแองโชวี่รสเผ็ดล่ะก็
เราจะได้รับไอเทมเพิ่มก็คือ "ผ้าคาดหัววิญญาณสงคราม" 『闘魂ハチマキ』
ที่จะมีประโยชน์มากในการสะสมเกจ CP ค่ะ☆
- นำ "กระเป๋าเครื่องมือปรับแต่ง" ไปมอบให้กับ "ผู้เฒ่าฟอกท์"
☆ ในกรณีที่นำของติดไม้ติดมืออีก 2 อย่างมามอบให้ปู่แก่ด้วย จะได้รับไอเทมพิเศษที่ว่าค่ะ☆

 
(24) สำรวจแผนที่โบราณ 『古地図の調査』 {BP3(+2)}
※เควสต์ต่อเนื่องภาค SC เฉพาะกรณีที่ช่วยจิมมี่ตั้งแต่ตอนแรก
- ในตอนที่พวกเอสเทลมาถึงพื้นที่รูอัน อย่าลืมแวะไปช่วย "จิมมี่" 『ジミー』 ที่กำลังถูกสัตว์ปิศาจโจมตีบนถนนเลียบทะเลเมเวนะคะ เพราะมีเงื่อนไขในการได้รับโบนัส BP ด้วยค่ะ
ช่วยเหลือจิมมี่เตรียมไว้ก่อนที่จะเข้าสู่เมืองรูอัน BP+2

- หลังจากดูงานจากบอร์ดรับงานแล้ว ไปคุยกับ "จิมมี่" ที่โบสถ์รูอัน เขากำลังตามหาแผนที่โบราณซึ่งเป็นลายแทงขุมทรัพย์ที่ "ชิลเมอร์โจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่" 『大海賊シルマー』 ทิ้งเอาไว้ค่ะ
(ได้รับทราบว่า ชิลเมอร์เป็นโจรสลัดที่ออกปล้นสะดมรอบ ๆ เมืองรูอัน มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 100 ปีก่อนค่ะ)
- สำรวจถังไม้ที่อยู่ตรงปลายสุดของชายหาดบนถนนเลียบทะเลเมเว จะได้รับ "ส่วนปลายของแผนที่เดินเรือ" 『海図の切れ端』 และตรงจุดที่เจอแผนที่นี้เราจะได้รับ "สคัลแดกเกอร์" 『スカルダガー』 อาวุธที่ดีที่สุดในบทที่ 2 ของโยชัวร์ด้วยค่ะ
(ความจริง เราสามารถแวะมาเก็บได้ตั้งแต่แรก ๆ ได้เหมือนกันค่ะ)
- นำแผนที่ไปมอบให้ "จิมมี่" ส่วนดาบสั้นที่ได้มาพร้อมกับแผนที่จิมมี่จะให้เรา เพราะว่าค่าจ้างงานนี้มันน้อยอยู่แล้ว ว่าแล้วจิมมี่ก็รีบวิ่งเอาแผนที่ไปให้ลุงโอนีลแห่งร้านปลอดภาษีโอนีลที่ชอบเรื่องนี้เหมือนกันดูค่ะ

 
(25) คดีโจรกรรมเชิงเทียน 『燭台盗難事件』 (BP7)
※จำเป็นต้องเคลียร์ (26) กุญแจโกดัง ก่อนนะคะ
※ตัวจริงของ "จอมโจมลึกลับ B" จะไขกระจ่างในภาค SC ค่ะ
- คุยกับ "เลขากิลเบิร์ต" ที่คฤหาสน์นายกเทศมนตรี เขาจะบอกว่าเชิงเทียนที่เป็นสมบัติประจำตระกูลดัลมอร์ได้ถูกขโมยไป ดูเหมือนว่าคราวนี้ไม่ใช่ขโมยไปเพื่อมิร่า เพราะมีการ์ดเขียนข้อความวางอยู่บนฐานของเชิงเทียนจาก "จอมโจรลึกลับ B" บอกใบ้สถานที่ในการนำเชิงเทียนกลับมาด้วยค่ะ
(ตอนแรก พวกเอสเทลจะขอตรวจสอบภายในคฤหาสน์ แต่กิลเบิร์ตห้ามเอาไว้ เพราะเขาเห็นว่าไม่จำเป็นค่ะ แค่ตรวจสอบเขตเมืองตามคำใบ้ก็พอแล้วค่ะ)
- ไปตามคำใบ้ต่าง ๆ ดังนี้เลยค่ะ
(1) คำใบ้ "ยักษ์สามตา"
- ให้สำรวจที่ประภาคารที่อยู่ด้านทิศใต้ของโฮเต็ล บลังเช่
(2) คำใบ้ "เพลงวอลท์สีดำแดง"
- ให้สำรวจที่โต๊ะรูเล็ตบนชั้น 2 ของคาสิโนบาร์ ลาวันทาร์
(3) คำใบ้ "ลูกสิงห์ตาเดียวที่เอนกาย ณ ท่าเรือบนบก"
- ให้สำรวจรถขนของที่ท่าเทียบเรือเหาะรูอัน
(4) คำใบ้ "นกกระเรียนเหล็ก"
- ให้สำรวจที่เครน ในเขตเมืองด้านใต้ (ข้าง ๆ ร้านเหล้าชาวเรือ)
- เมื่อสำรวจแล้ว เราจะพบว่าไม่เห็นมี "ถังไม้" ตามที่บอกไว้ในคำใบ้เลย เอสเทลนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้คุณฮางุบอกว่าใช้เครนย้ายถังแล้วกุญแจตกหายไป
- คุยกับ "ฮางุ" 『ハーグ』 ที่เขตเมืองด้านใต้ เขาจะเปิดโกดังหาถังไม้ที่เขาใช้เครนยกมาเก็บไว้ที่นี่ให้เราค่ะ
- เมื่อประตูโกดังเปิดออก ก็พบกับ "พอลทอส" 『ポルトス』 เดินออกมา ฮางุรู้สึกแปลกใจว่า คุณพอลทอสเข้ามาทำอะไรในโกดัง
- พบเชิงเทียนที่หายไปซ่อนอยู่ในถังไม้ พร้อมกับการ์ดจาก "จอมโจรลึกลับ B" ที่เขียนไว้ว่า เป็นความผิดพลาดของเขาเอง เพราะไม่คิดว่าถังไม้จะถูกขนเข้ามาไว้ในโกดัง โยชัวร์สังเกตเห็นว่าหมึกที่เขียนบนการ์ดนี้ยังไม่แห้ง
- พบกับ "พอลทอส" ตัวจริงที่ได้เดินมาถามว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่ ทำให้โยชัวร์รู้ตัวว่าพอลตอสคนเมื่อกี๊เป็นตัวปลอมค่ะ
- เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์นายกเทศมนตรี (อัตโนมัติ) โยชัวร์จะขอร้อง "นายกเทศมนตรีดัลมอร์" อนุญาตให้พวกเราตามจับคนร้าย แต่ดัลมอร์บอกว่าไม่จำเป็น เพราะเขาไม่ได้ไหว้วานให้จับคนร้ายแค่ได้เชิงเทียนกลับมาก็เพียงพอแล้วค่ะ
- เมื่อออกมาด้านนอก เอสเทลสังเกตเห็นว่าโยชัวร์คิดอะไรคนเดียวอีกแล้ว จึงโพล่งออกมาว่า จะยังไงก็แล้วแต่ เรามาตามหาคนร้ายกันต่อเหอะ แต่โยชัวร์บอกว่า ถ้าไม่มีคนไหว้วานก็ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ อีกอย่างยังมีคนอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างที่นายกเทศมนตรีบอก เอสเทลจำต้องตัดใจไม่ตามหาคนร้ายต่อค่ะ

 
(26) กุญแจโกดัง 『倉庫の鍵』 (BP2)
- คุยกับ "ฮางุ" ที่เขตเมืองด้านใต้
- จากนั้นไปสำรวจสะพานปลาที่ด้านหลังของ "ร้านเหล้าชาวเรืออควาร็อซซ่า" 『船員酒場アクアロッサ』 (จะมีบันไดลงไปที่สะพานปลาแถว ๆ โกดังค่ะ) เราจะมองเห็นกูญแจตกอยู่ในน้ำ เอสเทลเห็นว่าถ้ามีอะไรมาเกี่ยวกุญแจขึ้นมาได้ล่ะก็..
- สำรวจเบ็ดตกปลาบนชั้น 2 ของร้านเหล้าชาวเรือ
- ลงไปคุยกับ "สควอโล่" 『スクアロ』 ที่เคาน์เตอร์ชั้น 1 เพื่อขอยืมเบ็ดค่ะ
- ไปหยิบ "เบ็ดตกปลา" บนชั้น 2 ได้เลยค่ะ
- ไปที่สะพานปลา เอสเทลจะตก "กุญแจโกดัง" ขึ้นมา
- นำกุญแจโกดังไปมอบให้กับ "ฮางุ" ค่ะ
☆ อย่าลืมคืนเบ็ดตกปลาให้สควอโล่ด้วยนะคะ
ถ้าหากไม่คืนในตอนนี้ ตอนเริ่มบทที่ 3 ขณะที่กำลังเดินออกจากเมือง
โยชัวร์จะบอกให้เอสเทลเอาเบ็ดตกปลาไปคืนเจ้าของก่อนออกจากเมืองค่ะ☆

 
(27) เกลี้ยกล่อมนักเดินทาง 『旅行者の説得』 {BP3(+2)}
- คุยกับ "หัวหน้ากองฮาน" 『ハーン隊長』 ที่แอร์ แลตเท่น เขาจะขอให้เราช่วยเกลี้ยกล่อมแขกคนใหญ่คนโตที่กำลังทำความเดือดร้อนให้กับแขกคนอื่น ๆ ด้วยความเอาแต่ใจอยู่ในห้องอาหารของที่นี่ค่ะ
- โยชัวร์จะช่วยหัวหน้ากองฮานทำให้แขกคนอื่น ๆ ใจเย็นลงจึงไม่สามารถไปเกลี้ยกล่อมพร้อมเอสเทลได้ฃ
- เข้าไปที่ห้องอาหาร จะพบ "ดยุคดิวนัน" 『デュナン公爵』 และ "หัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิป" 『執事フィリップ』 ค่ะ
- เอสเทลจะต้องพยายามเกลี้ยกล่อมดิวนันกลับไปที่เมืองรูอันให้ได้ เพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนกับแขกคนอื่น ๆ ไปมากว่านี้ค่ะ
ในการเลือกตอบนั้น ใน 2 ข้อแรกพยายามตอบตัวเลือกที่สุภาพ ส่วน 2 ข้อหลังพยายามพูดในแนวว่าที่นี่ไม่น่าอยู่เข้าไว้ ถ้าทำได้โบนัส BP ไม่หนีไปไหนแน่ค่ะ
คำตอบที่ 1
やっほ~、公爵さん!
ยะโฮ่~ คุณดยุค!
พลาด
閣下、お迎えに参りました。
มารับแล้วค่ะ ท่านดยุค
ไปตัวเลือกต่อไป

คำตอบที่ 2
市長邸からです。
จากคฤหาสน์นายกเทศมนตรีค่ะ
ไปตัวเลือกต่อไป
ホテル・ブランシェからです。
จากโฮเต็ล บลังเช่ค่ะ
พลาด

คำตอบที่ 3
ええ!こんな粗末ところに・・・
เอ๋! ในที่ต่ำ ๆ แบบนี้......
ไปตัวเลือกต่อไป
今夜は市長邸で晩餐会が・・・
แต่คืนนี้ มีงานเลี้ยงอาหารค่ำที่คฤหาสน์นายกเทศมนตรี......
พลาด

คำตอบที่ 4
さあ、ルーアンに帰りましょう。
เอาล่ะ กลับไปรูอันกันเถอะค่ะ
พลาด
あ、閣下の足元に・・・
อ๊ะ ที่เท้าของท่านดยุค......
เกลี้ยกล่อมสำเร็จ BP+2

- เอสเทลหลอกดยุคดิวนันว่ามีแมลงสาบอยู่ที่เท้านของเขา แถมดูเหมือนว่าจะได้ผลซะด้วย เพราะดยุดดิวนันกลัวมากแทบจะวิ่งกลับไปที่เมืองรูอันเลยล่ะค่ะ ส่วนลุงฟิลลิปก็ได้กล่าวขอบคุณเอสเทลที่สามารถทำให้ท่านดยุคกลับไปที่เมืองได้ค่ะ

 
(28) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนถนนเลียบทะเลเมเว 『メーヴェ海道の手配魔獣』 (BP4)
- ปราบ (แจ็ปเปอร์ + สโตร์บแพลนท์ *2 + ซาเมะเก็ตเตอร์ *2) ที่อยู่ระหว่างทางเข้าสู่เมืองรูอันบนถนนเลียบทะเลเมเวค่ะ

 
(29) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนถนนเลียบทะเลเมเว2 『メーヴェ海道の手配魔獣②』 (BP5)
- ปราบ (สโตร์บแพลนท์ *2 + แจ็ปเปอร์ *3 + ซาเมะเก็ตเตอร์ *2 + โคนมูฟเวอร์) บนถนนเลียบทะเลเมเว ระหว่างทางที่จะกลับไปหมู่บ้านมาโนเลียค่ะ

 
(30) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงไอน่า 『アイナ街道の手配魔獣』 (BP4)
- ปราบ (เฮล์มแคนเซอร์ *5) ที่อยู่ด้านหน้าของหอคอยฟ้าคราม
**แนะนำให้ใช้อาร์ทปราบค่ะ ระวัง เฮล์มแคนเซอร์สามารถเรียกเพื่อนมาเพิ่มได้ (มินท์ปอม)**
- ปราบได้จะได้รับ "ปืนออร์บเมนท์ลำดับศูนย์ รุ่นทดลอง" 『試・零式力銃』 ซึ่งเป็นไอเทมสำหรับเคลียร์ซับเควสต์ (31) ค้นหาผลิตภัณฑ์รุ่นทดลอง ด้วยค่ะ

 
(31) ค้นหาผลิตภัณฑ์รุ่นทดลอง 『試作品の捜索』 (BP3)
- เมื่อได้รับ "ปืนออร์บเมนท์ลำดับศูนย์ รุ่นทดลอง" จากการปราบสัตว์ปิศาจบนทางหลวงไอน่าตามประกาศจับแล้ว
- นำไปคืนให้กับ "คัลโน่" 『カルノー』 ที่บริษัทค้าอาวุธโจแอน 『ジョアン武器商会』 ในเมืองรูอัน

 
(32) ช่วยงานเทศกาลโรงเรียน กำจัดสัตว์ปิศาจที่อาคารเรียนเก่า 『学園祭の手伝い・旧校舎の魔獣』 (BP3)
※เควสต์ลับ
- ก่อนที่จะไปคุยกับโยชัวร์ที่โรงอาหารชั้น 1 ในคลับเฮ้าส์
- ไปที่อาคารเรียนเก่า จะพบกับ "มิค" 『ミック』 ที่ขอยืมกุญแจของอาคารเรียนเก่ามาจากอาจารย์เอฟฟอร์ท เพื่อจะแอบอู้มาหาที่พักผ่อนเงียบ ๆ แต่ข้างในดันมีสัตว์ปิศาจอยู่น่ะสิ
- ปราบ (แร็ฟสไปเดอร์ *3) ภายในอาคารเรียนเก่า สู้ทั้งหมด 4 ครั้งค่ะ
**แนะนำให้ใส่ "ซิลเวอร์เพียส" เตรียมไว้ก่อนดีกว่าค่ะ เพราะแร็ฟสไปเดอร์จะโจมตีแล้วทำให้ติดพิษนะคะ**
- ปราบเสร็จแล้ว เมื่อออกมาด้านนอกอาคารอาจารย์เอฟอร์ทที่ได้ยินจากมิคว่ามีสัตว์ปิศาจอยู่ด้านในจะมาล็อคกุญแจประตูไม่ให้ใครเข้าไปได้อีก รวมทั้งกล่าวขอบคุณพวกเอสเทลที่ช่วยปราบสัตว์ปิศาจให้ค่ะ

 
(33) ช่วยงานเทศกาลโรงเรียน ตกแต่งสนามโรงเรียน 『学園祭の手伝い・校庭の飾り付け』 (BP1)
※เควสต์ลับ
- ก่อนที่จะไปคุยกับโยชัวร์ที่โรงอาหารชั้น 1 ในคลับเฮ้าส์
- คุยกับ "นักการปาคูส" 『用務員パークス』 ที่อยู่ด้านหน้าของอาคารหลัก เขาจะบอกว่าป้ายประดับติดไม่ครบ และขอร้องให้เราช่วยหาที่ ๆ ติดไม่ครบให้หน่อยค่ะ
- สำรวจตามนี้ได้เลยนะคะ
(1) ด้านขวามือของประตูทางเข้าหอประชุม
(2) ประตูทางเข้าของหอพักชาย
(3) ตรงระเบียงทางเชื่อมระหว่างอาคารหลักกับคลับเฮ้าส์
- เมื่อติดป้ายประดับครบ 3 ที่แล้วก็เคลียร์ค่ะ

 
(34) ช่วยงานเทศกาลโรงเรียน รวบรวมเอกสารงานวิจัย 『学園祭の手伝い・研究資料の収集』 (BP1)
※เควสต์ลับ
- ก่อนที่จะไปคุยกับโยชัวร์ที่โรงอาหารชั้น 1 ในคลับเฮ้าส์
- คุยกับ "โลจิค" 『ロジック』 ที่ห้องเอกสารสำหรับวิจัยบนชั้น 2 ของคลับเฮ้าส์ เขาจะให้เราช่วยหา "ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจรูอัน" 『ルーアン経済史』 ให้หน่อย โดยจะมีทั้งหมด 3 เล่มค่ะ
- หาตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ดังนี้เลยนะคะ
(1) บนเก้าอี้ยาวที่ห้องล็อกเกอร์ชาย คลับเฮ้าส์ ชั้น 2
- พบ "ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจรูอัน เล่มต้น"
(2) บนโต๊ะที่ห้องพักครู อาคารหลัก ชั้น 1
- พบ "ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจรูอัน เล่มกลาง"
(3) บนโต๊ะห้องทางขวามือในหอพักชาย ชั้น 1
- พบ "ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจรูอัน เล่มจบ"
- กลับไปคุยกับ "โลจิค" เพื่อมอบหนังสือทั้ง 3 เล่มให้เขาค่ะ



Related entries:
Sora no Kiseki FC (空の軌跡FC)

No comments:

Post a Comment