Thursday, September 14, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki FC - Epilogue นครหลวงอลม่าน

終章 王都繚乱
บทส่งท้าย นครหลวงอลหม่าน
พวกเอสเทลที่ได้นำข้อความถึงราชินีอาริเชีย และได้เข้าไปสู่นครหลวงแกรนเซล
ด้วยเทศกาลเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพที่ใกล้เข้ามาจึงเป็นนครหลวงที่ครึกครื้นก็จริงอยู่ แต่เบื้องหลังนั้นแผนการปฏิวัติก็ได้คืบคลานเข้ามา
พวกเอสเทลจะสามารถช่วยเหลือราชินีออกมาและยับยั้งแผนการปฏิวัติได้หรือเปล่านะ


Walkthrough Chart - Main Quest
ถนนคิลเช 『キルシェ通り』
- บนถนนคิลเชปรากฏร่างของหญิงสาว 2 คน คนหนึ่งสวมเครื่องแบบหน่วยองครักษ์ อีกคนหนึ่งสวมชุดนักเรียนโรงเรียนเจนิส ดูเหมือนว่าทั้ง 2 กำลังหลบหนีอะไรบางอย่างอยู่
ร้อยโทยูเลีย "ทางนี้ค่ะ คลอเซ่"
คลอเซ่ "แฮ่ก แฮ่ก.... ยังไงก็ตามเราผ่านถนนรอบเมืองมาแล้วสินะคะ ต่อไป... เราจะทำยังไงกันดีคะ?"
ร้อยโทยูเลีย "ไปตามถนนเส้นนี้เรื่อย ๆ ก็จะออกจากถนนคิลเชได้ค่ะ จากนั้นกรุณามุ่งหน้าเข้าไปในแกรนเซลนะคะ พวกลูกน้องที่ดึงความสนใจอยู่คงจะทำให้การเฝ้ายามหละหลวมลงอย่างแน่นอนค่ะ ด้วยรูปลักษณ์เช่นนั้นของคลอเซ่ คงไม่ถูกสงสัยและสามารถเข้าไปยังสมาคมเบรเซอร์ได้ค่ะ"
คลอเซ่ "เข้าใจแล้วค่ะ.... อ๊ะ แล้วคุณยูเลียล่ะ...!?"
ร้อยโทยูเลีย "จะอยู่ต้านศัตรูที่นี่ค่ะ แม้จะดึงเวลาได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยมิใช่หรือคะ"
คลอเซ่ "ทะ ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ จะให้ดิฉันหนีไปคนเดียว..... ดิฉันก็จะสู้ด้วยกันกับคุณยูเลียค่ะ!"
ร้อยโทยูเลีย "........มนุษย์เรามีสิ่งที่สมควรปกป้องอยู่ค่ะ ที่ดิฉันจะอยู่ที่นี่ก็ด้วยเชื่อมั่นในสิ่งนั้นและด้วยหน้าที่ของดิฉันค่ะ ดิฉันขอเสียมารยาทที่จะเรียนให้ทราบว่า ในกรณีของท่านคงไม่เป็นการสะเทือนใจมากจนเกินไป ยังไงก็ตามอย่าได้ลืมว่าชีวิตของท่าน มิได้เป็นของ ๆ ท่านคนเดียว........."
คลอเซ่ "..............เข้าใจแล้วค่ะ คุณยูเลีย แต่กรุณาสัญญานะคะ ว่าจะไม่ทำอะไรเกินตัว และถ้ากลับมาพบกันได้อย่างปลอดภัย ก็มาร่วมดื่มชาที่เสด็จย่าชงให้ด้วยกันนะคะ ดิฉันก็จะอบขนมใหม่ ๆ เตรียมไว้ให้ด้วยค่ะ"
ร้อยโทยูเลีย "ถ้าอย่างนั้นจะรอนะคะ เอาล่ะ รีบไปเถอะค่ะ .........ซิก! คอยปกป้องให้ดี ๆ นะ"
- ซิกนำทางคลอเซ่ให้หนีไปพร้อม ๆ กัน

ร้อยโทยูเลีย "เอาล่ะ ตามมาจนได้นะ......... 3 คน แล้วก็สุนัขอีก 5 ตัวเหรอ จะหยามกันเกินไปหน่อยแล้ว"
- ยูเลียชูดาบขึ้นมา
ร้อยโทยูเลีย "[ดาบ] ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก [ท่านผู้นั้น] บัดนี้ถึงเวลากวัดแกว่งได้อย่างเต็มที่แล้ว หัวหน้ากองร้อยแห่งกองกำลังรักษาพระองค์ ยูเลีย ชูวาร์ซ.......... บุก!!!"
นครหลวงแกรนเซล - หน้าประตู 『王都グランセル・門前』
- หน้าประตูทางเข้านครหลวง คลอเซ่ให้ซิกให้ช่วยกลับไปดูยูเลียค่ะ
- หลังจากซิกไปแล้ว คลอเซ่รู้สึกว่าการเฝ้าระวังนั้นหละหลวมลงจริงตามที่ยูเลียบอก ยังไงก็ตามเธอจำเป็นต้องไปที่สมาคมเบรเซอร์ก่อน
- คลอเซ่เห็นสายฝนโปรยปรายลงมาก็พลางพูดกับตัวเองว่า "จริงด้วยสิ พวกคุณเอสเทลคงใกล้จะมาถึงที่นครหลวงแล้วกระมัง...." ทันใดนั้น ณ เบื้องหน้าของคลอเซ่ก็ปรากฏเรือเหาะของหน่วยสืบข้อมูลบินลงมาจอด
- "ไง ไม่คิดว่าจะได้มาพบกันในที่แบบนี้นะ" เสียงผู้ชายดังขึ้น สิ้นเสียงปรากฏร่างของ "พันเอกริชาร์ด" ที่มายืนตรงหน้าคลอเซ่เขากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
พันเอกริชาร์ด "คลอเซ่ รินซ์ นักเรียนโรงเรียนเจนิสแห่งราชอาณาจักร ภาควิชาสังคมศาสตร์ เรามา...... ค่อย ๆ คุยกันหน่อยดีมั้ย"
สถานทูตจักรวรรดิ 『帝国大使館』
- อีกด้านหนึ่ง ณ สถานทูตจักรววรดิ "โอลิเวียร์" เฝ้ามองสายฝนผ่านทางหน้าต่าง พลางแต่งบทกลอนด้วยอารมณ์สุนทรีย์ ดูเหมือนว่าเขากำลังรอคอยเรื่องน่าสนใจบางอย่างอยู่
- "ยังเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนเหมือนเดิมเลยนะ" เสียงชายหนุ่มที่เข้ามาในห้องดังขึ้น
โอลิเวียร์ "โอ้......... ผมฝันไปหรือเปล่าเนี่ย มิวเลอร์ เพื่อนผู้เป็นที่รักเอ๋ย! เธอที่งานยุ่งอยู่เสมอ อุตส่าห์เดินทางมาจากจักรวรรดิเพื่อมาเยี่ยมผมเนี่ย ลมอะไรหอบมากันหรือจ๊ะ?"
มิวเลอร์ "ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย.... เพราะนายไม่ติดต่อมาทางนี้ แล้วก็เที่ยวเตร็ดไปเตร่มาไม่ใช่เหรอไง ทำให้ทางนี้ต้องเปลืองแรงไปไม่น้อยเลยนะ"
โอลิเวียร์ "หึ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลยนี่ ที่นายจะพูดออกจากปากว่าเป็นห่วงผม เพราะงั้นก็เลยรีบบินมาหาทันทีเลยไม่ใช่เหรอ ความรักทำให้คนตาบอดก็มีให้ได้ยินกันบ่อยไป"
มิวเลอร์ "..........................."
โอลิเวียร์ "มาเลย ไม่ต้องเกรงใจ มาซบที่อกผมได้เลยนะ!"
มิวเลอร์ "อุตส่าห์ได้ข้อมูลที่นายขอให้ช่วยหามาให้ ดูท่าทางนายคงจะไม่อยากรู้แล้วสินะ"
โอลิเวียร์ "อ๊า อย่าพูดเรื่องไร้น้ำใจอย่างนั้นสิ เข้าใจแล้วล่ะ อยากจะรู้ใจจริงของผมสินะ"
มิวเลอร์ "นั่นคิดมาจากสามัญสำนึกของนายหรือไง"
โอลิเวียร์ "ช่วยไม่ได้น๊า ถ้างั้น (ปิ๊ง ๆ แบบสาวน้อย) ขอร้องล่ะ นายท่าน ยังไงก็กรุณาบอกด้วยนะขอรับ"
- มิวเลอร์ที่ได้แต่ยืนมองโอลิเวียร์ทำอะไรบ้า ๆ
โอลิเวียร์ "เอ๊ะ ยังไม่พออีกเหรอ งั้นต่อไป (คุกเข่า) ลูกพี่! ขอร้องล่ะ ขอร้องด้วยชีวิตนี้เลย ยังไงก็บอกหน่อยยยย!"
มิวเลอร์ "พอเหอะ........... รู้สึกปวดหัวยังไงบอกไม่ถูก......... จะบอกให้ก็แล้วกันแต่ช่วยอยู่เงียบ ๆ หน่อย"
โอลิเวียร์ "ว้าย"
มิวเลอร์ "เรื่องของ [เขา] น่ะ ในที่สุดก็ตามรอยเจอจนได้ ดูเหมือนว่าเมื่อ 1 เดือนก่อนเขาจะอยู่ที่สมาคมเบรเซอร์ในจักรวรรดิน่ะ แล้วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี่ สาขาของสมาคมทั่วจักรวรรดิก็ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขากำลังตรวจสอบคดีนั่นอยู่"
โอลิเวียร์ "โจมตีนี่มัน......... หรือว่าจะเป็นฝีมือของพวกกองทัพจากที่ไหนสักแห่ง"
มิวเลอร์ "สมกับที่เป็นนาย...... แต่มันแตกต่างจากสถานการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน เท่าที่ชั้นรู้ไม่มีคำสั่งลงมาถึงกองทัพใด ๆ เลย มีความเป็นไปได้ว่าคงจะมีใครจ้างวาน [หน่วยทหารพราน (เยเกอร์)] ให้ทำงานนี้น่ะ แต่ไม่ว่าจะยังไง ในช่วงที่มีการสะสางคดีร่องรอยของเขาก็ขาดหายไปซะเฉย ๆ"
โอลิเวียร์ "โธ่เอ๊ย ทั้ง ๆ ที่มาถึงลีเบร์ลแล้วแท้ ๆ แต่ทุกอย่างกลับคลาดเคลื่อนไปหมดเลยเหรอเนี่ย"
- มิวเลอร์รู้สึกว่า ราชอาณาจักรกำลังจะเกิดอะไรขึ้นซักอย่างในไม่ช้าซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ จึงขอให้โอลิเวียร์รีบกลับไปที่จักรวรรดิก่อนที่จะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยค่ะ แต่โอลิเวียร์ไม่ยอมกลับ เพราะเขาต้องการที่จะเข้าร่วมการแสดงโอเปร่า (เหตุการณ์) ที่จะเกิดขึ้น เขาบอกว่า ถ้าเป็น 2 คนนั่นก็คงต้องขึ้นเวทีนี้อย่างแน่นอน และเขาก็จะรอเวลาจนถึงตอนนั้นค่ะ
 
ข้อความถึงราชินีอาริเชีย1-6
『アリシア女王への伝言①‐⑥』 {BP10(+8)}

เมืองไซสส์ 『ツァイス市』
- ที่สาขาไซสส์ เราจะรายงานผลเรื่องที่ดร. รัซเซลปลอดภัยและนำออร์บเมนท์ประมวลผลคืนให้แก่ "หัวหน้าโรงงานเมอร์ด็อกซ์" ค่ะ
(จากคำบอกเล่าของเมอร์ด็อกซ์ ราชินีกับดร. รัซเซลมีความสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วค่ะ)
- โยชัวร์จะเสนอว่าเฉพาะคราวนี้เราควรจะใช้เรือประจำทาง จะได้ไปถึงที่นครหลวงเร็วขึ้น ดังนั้น "คิริก้า" จึงจัดการจองตั๋วเรือประจำทางให้พวกเรา โดยทางสาขาจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดค่ะ
- ได้รับ "ใบรับรองคุณวุฒิเป็นเบรเซอร์อย่างทางการ" ของสาขาไซสส์จากคิริก้า
- ไปที่ท่าเทียบเรือเหาะคุยกับประชาสัมพันธ์ "ซีราล" เขาจะให้เรากรอกแบบฟอร์มผู้โดยสาร พร้อมกับมอบ "ตั๋วผู้โดยสาร" ให้ค่ะ
- หลังจากที่ลงบันไดเพื่อไปรอเรือเหาะ จะพบกับน้องเหมียว "อันโตวานู" เราจะขอบคุณน้องเหมียวที่ช่วยพวกเราเอาไว้ตอนที่บุกไปที่ค่ายเรสตอนค่ะ
- จากนั้น "หัวหน้าช่างซ่อมบำรุงกุสตาฟ" จะเข้ามาคุยกับเราว่า เขารู้เรื่องจากหัวหน้าโรงงานหมดแล้ว จึงมาขอบคุณค่ะ
- ในขณะที่คุยกันอยู่ พวกเราจะรู้สึกว่าเรือเหาะประจำทางจะมาช้าเกินไปแล้ว ตอนนั้นเอง "ซีราล" ก็วิ่งมาบอกพวกเราว่า "บริษัทเรือเหาะ" ที่นครหลวงติดต่อมาว่า เรือประจำทางจะออกเดินทางช้าไปอีกหลายชั่วโมง เพราะดูเหมือนว่าทางกองทัพได้ตั้งด่านที่ท่าเทียบเรือเหาะทุกแห่งเพื่อสะกัดจับพวกผู้ก่อการร้ายหายตัวไปค่ะ
(โยชัวร์วิเคราะห์ว่า ที่พวกกองทัพทำอย่างนี้ ก็เพราะต้องการจะจับตัวพวกดร. ค่ะ ส่วนกุสตาฟก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่า "ไลฟ์นิท" อาจจะถูกตรวจสอบด้วยเหมือนกัน ว่าแล้วเขาก็ขอตัวไปปรึกษากับเมอร์ด็อกซ์ค่ะ)
- ดังนั้น เมื่อเรือเหาะประจำทางมาช้า เราจึงเปลี่ยนแผนไปใช้ทางหลวงแทนค่ะ
(เอสเทลรู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ขึ้นเรือประจำทางที่ไม่ได้ขึ้นมานานค่ะ)
- คุยกับ "ซีราล" เพื่อคืนตั๋ว ทันทีที่คืนตั๋วเรือเหาะรักษาความปลอดภัยของทางกองทัพซึ่งนำโดยร้อยเอกคาโนเน่จะเทียบท่า เราจึงต้องรีบหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดค่ะ

★คุยกับ "เร" 『レイ』 ที่ห้องทดลองชั้น 4 เขาจะดีใจที่ "มะเขือเทศรสขม" มีคนสั่งซื้อแล้วจะได้วางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ค่ะ
(จริง ๆ แล้วเรอยากให้เรียกว่า "บิทเทอร์โทแมโท" มากกว่าค่ะ และที่มีออเดอร์มาอย่างนี้ ดังนั้นเราจึงหาซื้อเจ้ามะเขือเทศรสชาติแปลกนี่ได้ในภาค SC ค่ะ)
★คุยกับ "หัวหน้าทรานซ์" ที่ห้องประมวลผลชั้น 5 จะทราบว่า หัวหน้าโรงงานเมอร์ด็อกซ์จะเป็นคนเก็บ "ออร์บเมนท์ประมวลผล" ไว้ก่อน โดยยังไม่เอามาใส่ใน "คาเปล" เพราะกลัวจะโดนขโมยไปอีกค่ะ
☆อย่าลืมกลับไปที่แอร์ แลตเท่น (ใช้อุโมงค์คัลเดียค่ะ) แล้วไปคุยกับ "พลทหารออตต้า" 『兵士オッター』 จะได้รับ "คาร์เนเรีย เล่ม 8" มาค่ะ
- กลับไปคุยกับ "คิริก้า" เพื่อแจ้งว่าเราจะเดินทางไปนครหลวงโดยทางเท้าค่ะ
- ใช้ "ทางหลวงริตเตอร์" ผ่านประตูเซนต์ไฮม์ มุ่งหน้าเข้าสู้พื้นที่นครหลวงแกรนเซลค่ะ
ประตูเซนต์ไฮม์ 『セントハイム門』
- เมื่อมาถึงที่หน้าประตูเซนต์ไฮม์ เอสเทลก็พูดขึ้นมาว่าอยากจะลองขึ้นไปบนดาดฟ้าของที่นี่ค่ะ แต่โยชัวร์จะล้อเอสเทลว่า
โยชัวร์ "ถ้าเป็นเธอล่ะก็ คงอยากจะลองวิ่งขึ้นไปบนกำแพงจนสุดกำลังใช่มั้ยล่ะ"
- เอสเทลอารมณ์เสียที่โยชัวร์ไม่ได้เข้าใจอะไรบ้างเลย เพราะจริง ๆ แล้วสิ่งที่เธออยากจะทำก็คือ การได้อยู่กับโยชัวร์ กินข้าวด้วยกันแล้วชมวิวไปเรือย ๆ ต่างหาก โยชัวร์ได้ฟังก็บอกไปโดยไม่คิดว่า เป็นเรื่องที่ทำกันอยู่บ่อย ๆ อยู่แล้วนี่ ทำให้เอสเทลรู้สึกรมณ์บ่จอยสุด ๆ แล้วเร่งให้รีบ ๆ ไปกันได้แล้ว โยชัวร์เห็นเอสเทลอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ก็เลยบ่นอุบว่า "ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริง ๆ"
- คุยกับ "พลทหารเวนน์" 『兵士ウェイン』 เราจะเซ็นใบผ่านทางค่ะ
(เอสเทลเขินสุด ๆ ที่โดนพลทหารเวนน์แซวว่า เธอกับโยชัวร์จะขึ้นเขาไปเดทด้วยกัน แต่โยชัวร์ดันบอกไปว่า เป็นแค่พี่ชายกับน้องสาว เอสเทลก็เลยรมณ์บ่จอยอีกครั้งค่ะ)
- พวกทหารเห็นสัญลักษณ์ที่หน้าอกทำให้รู้ว่าพวกเราเป็นเบรเซอร์ "หัวหน้ากองดีล" จึงเรียกเราเข้าไปตรวจสอบ แต่ก็ได้รับความร่วมมือจาก "ศจ. อัลบา" ซึ่งแกล้งแสดงตัวเป็นผู้ไหว้วานให้พวกเราคุ้มภัยไปยังนครหลวงค่ะ **ศจ. อัลบาเข้าเป็น NPC**
- ใช้ "ถนนรอบเมืองเอลเบ" มุ่งหน้าสู่นครหลวงได้เลยค่ะ
- พบทหารของกองทัพระหว่างทาง และถูกเข้าใจผิดว่าเราเป็นชาวนครหลวง พวกทหารบอกกับพวกเราว่า "ราชคฤหาสน์เอลเบ" (คฤหาสน์ที่ประทับของพวกเชื้อพระวงศ์) มีคำสั่งให้งดการเข้าไปทัศนศึกษาในช่วงนี้ค่ะ
☆อย่าลืมไปคุยกับ "พลทหารเซลบัน" 『兵士セルバン』 ที่ "ประตูกริวเน่" 『グリューネ門』 ด้วยนะคะ จะได้รับ "คาร์เนเรีย เล่ม 9" มาค่ะ โดยจะใช้ถนนคิลเช หรือจะอ้อมไปเข้าทางถนนรอบเมืองเอลเบก็ได้ตามสะดวกเลยค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- ถึงแม้ว่าเอสเทลจะเคยมาที่นครหลวงแกรนเซลในตอนเด็กพร้อมกับคุณพ่อก็เถอะ แต่เธอก็ยังรู้สึกตื่นตาตืนใจกับความกว้างใหญ่ของที่นี่อยู่ดีค่ะ
(ดูเหมือน โยชัวร์จะเคยมาที่นครหลวงนี้เมื่อสมัยเป็นเด็กเหมือนกันค่ะ)
- จากนั้น "ศจ. อัลบา" จะขอแยกตัวไปที่ "พิพิธภัณฑ์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์" และเอ่ยชวนพวกเอสเทลว่าถ้ามีเวลาว่างก็ให้ไปหาเขาที่นั่นได้ค่ะ
- ไปที่สาขานครหลวง จะพบกับ "คูลซ์", "อาเนราส", "คารูน่า" และ "กรัซ" เหล่าเบรเซอร์รุ่นพี่กำลังคุยกับ "เอลนัน" อยู่ ซึ่งพวกเขามารวมตัวกันลงแข่งขันงานประลองยุทธ์ค่ะ
- คุยกับ "เอลนัน" 『エルナン』 ซึ่งเขาได้รับทราบเรื่องราวส่วนใหญ่จากคิริก้าแล้ว และให้เราเซ็น "ใบรับรองการย้ายสังกัด" ตามขั้นตอนเหมือนเดิมค่ะ
(จากคำบอกเล่าของเอลนันทำให้ทราบว่า ตอนนี้ทางสมาคมเบรเซอร์ทำอะไรไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก คิดว่าถ้าคุณคาซิอุสที่เป็นอดีตทหารน่าจะพอรู้เรื่องอะไรบ้าง เราจึงเล่าเรื่องที่คุณพ่อไม่อยู่ รวมไปถึงเรื่องที่เกิดขึนที่ค่ายเรสตอนและเรื่องที่ ดร. ไหว้วานมาค่ะ)
- เอลนันไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นก็คือ "พันเอกริชาร์ด" แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็จะขอเชื่อมั่นในคำพูดของพวกเราค่ะ แต่ตอนนี้ปัญหาก็คือ เราจะเข้าไปพบองค์ราชินีได้อย่างไร เอลนันบอกว่า ถ้าตามปกติมีแค่หนังสือแนะนำก็เพียงพอแล้ว แต่โยชัวร์กับเอลนันคิดว่าตอนนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้ง่าย ๆ แน่ โดยเฉพาะในช่วงที่หน่วยองครักษ์ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายด้วยแบบนี้น่ะค่ะ
- มีคำตอบให้เลือกดังนี้ค่ะ
城の警備が手薄になっている?
การรักษาความปลอดภัยทางราชวังลดน้อยลง?
BP+0
女王様の身に危険が迫っている?
สุขภาพขององค์ราชินีอยู่ในระดับอันตราย?
BP+0
紹介状を握りつぶされちゃう?
จดหมายแนะนำตัวจะถูกทำลายทิ้ง?
BP+1

- เมื่อเราไม่สามารถใช้จดหมายแนะนำตัวเพื่อขออนุญาตเข้าไปในเขตราชวังได้ เอสเทลจึงเสนอให้ลองไปถามข้อมูลจากพวกทหารเฝ้าประตูดู โยชัวร์ก็เห็นด้วย แต่แนะนำเพิ่มเติมว่าให้ใช้วิธีแฝงตัวเข้าไปจะสะดวกกว่าค่ะ
★คุยกับ "เอลนัน" อีกครั้ง เราจะถามเขาว่ามีการติดต่อมาจากคลอเซ่บ้างหรือเปล่า
★คุยกับ "ซิสเตอร์ โนอา" 『シスター・ノア』 ที่ "มหาวิหารแกรนเซล" เธอจะบอกว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้มีซิสเตอร์เข้ามาใหม่คนหนึ่งค่ะ
★ถ้าลองไปที่ท่าเทียบเรือเหาะจะพบว่ามีทหารคอยเฝ้า "อัลเซยู" อยู่ที่นี่ด้วยนะคะ
- มุ่งหน้าไปยังพระราชวังเพื่อรวบรวมข่าวสารได้เลยค่ะ
ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- คุยกับ "พลทหารดัน" 『兵士ダン』 และ "พลทหารอารูท" 『兵士アルツ』 พวกเขาจะบอกว่าตอนนี้ราชวังห้ามคนนอกเข้าออกค่ะ
(จากคำบอกเล่าของพวกพลทหารทำให้เราทราบว่า ตอนนี้พระวรกายขององค์ราชินีไม่ค่อยสู้ดี เพราะช็อคที่หน่วยองค์รักษ์ที่ไว้ใจเป็นผู้ก่อการร้าย ช่วงนี้ก็เลยไม่ได้ปรากฏตัวที่ท้องพระโรง แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยจะเชื่อเหมือนกันว่า ร้อยโทยูเลียผู้แสนใจดีที่คอยสอนวิชาดาบและมารยาทให้พวกเขาจะเป็นคนร้ายไปได้ค่ะ)
- พบ "ดยุคดิวนัน" 『デュナン公爵』 และ "หัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิป" 『執事フィリップ』 เดินออกจากราชวังไปยังแกรนด์อารีน่า
(พวกทหารบอกว่า ตอนนี้ดยุคดิวนันเป็น "ตัวแทน" ขององค์ราชินี แต่สำหรับงานหลัก ๆ พันเอกริชาร์ดจะเป็นคนรับไปจัดการเองทั้งหมดค่ะ)
- จากข้อมูลที่ได้รับ เราจะวิเคราะห์ว่าพันเอกริชาร์ดคงพยายามรวบอำนาจจากศูนย์กลางของราชอาณาจักร และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการผลักดันให้ดยุคดิวนันขึ้นเป็นตัวแทนองค์ราชินี ยังไงก็ตามพวกเราเห็นตอนนี้ก็ต้องตามดยุคดิวนันไปที่แกรนด์อารืน่ากันก่อนค่ะ
- อย่าลืมแวะไปซื้อ "ลีเบร์ลสาร ฉบับ 8" ที่ห้างเอเดล มุมจิปาถะด้วยนะคะ
แกรนด์อารีน่า 『グランアリーナ』
- ไปที่ "แกรนด์อารีน่า" ที่ตั้งอยู่เขตเมืองด้านตะวันออกค่ะ
- คุยกับ "รีฟา" 『リーファ』 ที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว เราจะซื้อ "ตั๋วเข้าชมการประลอง" 2 ใบรวมราคา 1000 มิร่าค่ะ
- คุยกับ "พนักงานต้อนรับ" ที่หน้าประตูทางเข้า เราจะยื่นตั๋วให้เขาเพื่อเข้าไปชมงานค่ะ
- ขึ้นไปที่ชั้น 2 ตรงที่นั่งผู้ชม จะเกิดอีเวนท์การประลองรอบคัดเลือก 8 ทีมสุดท้ายในช่วงบ่ายค่ะ
(พวกเอสเทลเดินทางมาถึงที่นครหลวง ก็ราว ๆ หลังเที่ยงไปแล้วค่ะ ทำให้มาดูการประลองช่วงแรกไม่ทัน)
- หลังการประลองจบลง "ดยุคดิวนัน" ได้ประกาศว่า นอกจากเงินรางวัลแล้ว ผู้ชนะเลิศจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในพระราชวังด้วยค่ะ
- ไปปรึกษากับพวกรุ่นพี่เบรเซอร์ที่ห้องพักชั้น 1 ฝั่งเหนือของแกรนด์อารีน่า
(จากคำบอกเล่าของเหล่าเบรเซอร์รุ่นพี่ เพราะดยุคดิวนันเปลี่ยนแปลงกฏการประลองกะทันหัน ทำให้ผู้เข้าแข่งขันวุ่นวายพอดูในการฟอร์มทีม แต่ทีมที่มีปัญหาก็คือ "ทีมจิน" ค่ะ ถึงแม้พวกรุ่นพี่จะบอกว่าไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่ถ้าเอ่ยชื่อ "จินผู้มั่นคง" ที่เป็นเบรเซอร์แห่งสาธารณรัฐล่ะก็ได้ยินมาเยอะทีเดียว และดูเหมือนว่า จินจะไปไหว้วานให้เอลนันช่วยหาคนที่เป็นเบรเซอร์มาร่วมทีมกับเขาด้วย แต่ตอนนี้เบรเซอร์ที่ฝีมือดีอย่างเชราซาร์ดก็ยุ่ง ๆ อยู่ ส่วนอากัตก็ไม่ติดต่อมาเลยค่ะ)
- ได้รับการแนะนำให้เข้าร่วมทีมกับจินค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- สอบถามที่อยู่ของจินจาก "เอลนัน" ที่สาขาของสมาคมค่ะ
(ได้รับทราบจากเอลนันว่า จินพักอยู่ที่สถานทูตของสาธารณรัฐ แต่ปกติจะเห็นเขาอยู่ที่บาร์ เอลนันจึงแนะนำพวกเราให้ไปหาทั้ง 2 ที่ค่ะ ส่วนเรื่องที่พักของพวกเรา เอลนันจะจัดการให้ โดยเขาจะจองห้องพักที่โรงแรมซึ่งค่าใข้จ่ายทั้งหมดทางสาขาจะเป็นผู้ออกให้ค่ะ)
☆ออกตามหาจิน โดยจะเริ่มจากที่ไหนก่อนก็ได้ค่ะ
แต่ตามบทสรุปเราจะขอไปที่บาร์ก่อนนะคะ☆
- ไปที่ "บาร์ ซันนี่เบล อินน์" 『居酒屋・サニーベル・イン』 เมื่อเข้าไปจะได้ยินเสียงเปียโนบรรเลงเพลงที่คุ้นหูจากด้านใน และอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด เราก็ได้พบกับ "โอลิเวียร์" 『オリビエ』 อีกครั้ง โดยที่เขายังปิ๊ง ๆ ใส่โยชัวร์เหมือนเคยค่ะ
(จากตรงนี้จะได้ฟังคำพร่ำเพ้อของนายติ๊งต๊องเล่าเรื่องราวในตอนที่เขาเไปเที่ยวเมืองรอเลนซ์กับเจ๊เชร่าค่ะ (ไม่มีใครอยากฟังซักกะหน่อยนะ) และได้ทราบว่า ที่จริงแล้วโอลิเวียร์เพิ่งมานครหลวงเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้เอง ซึ่งก่อนที่จะมาเจอกับพวกเอสเทลเขาก็ได้ใช้เวลาอันหวานชื่นช่วงหนึ่งอยู่กับเชร่าคุงด้วย แต่พอเอสเทลพูดถึงคุณไอน่าที่ระดับความอึดในการดื่มเหล้าสูงกว่าเจ๊เชร่า โอลิเวียร์ถึงกับพูดไม่เป็นภาษาว่า ไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินคนชื่อนั้นเลยค่ะ)
- พอเราบอกว่ากำลังตามหาคุณจินอยู่ ก็ทำให้ทราบว่า โอลิเวียร์เคยเจอจินที่บาร์นี่อยู่บ่อย ๆ และกลายไปเป็นเพื่อนดื่มกันค่ะ เมื่อรู้ว่าจินไม่อยู่ที่นี่ก็มุ่งหน้าออกตามหาจินต่อได้เลยค่ะ
(ในตอนที่ออกมานอกร้าน โอลิเวียร์ก็ตามมาด้วยค่ะ แถมโอลิเวียร์บอกว่าเขารู้สึกว่าเอสเทลเริ่มจะมีความรู้สึกแบบหญิงสาวขึ้นมาบ้างแล้ว ทำให้เอสเทลเขินสุด ๆ ค่ะ ส่วนโยชัวร์ก็ไม่เข้าใจว่าทั้ง 2 คนพูดถึงเรื่องอะไรกัน ณ วินาทีนั้นเอสเทลเหลือจะทน ควักพลองออกมาฟาดหัวโอลิเวียร์ไปโครมใหญ่จนโอลเวียร์กระเด็นเข้าไปในบาร์โยชัวร์เห็นถึงกับบ่นว่าเอสเทลทำเกินไป แต่โชคดีที่โอลิเวียร์ไม่เป็นอะไรมากค่ะ แต่ทำมั๊ย แม่นางเอกของเราถึงพาลไปโกรธโยชัวร์ด้วยล่ะเนี่ย)
- คุยกับ "พลทหารทาคุโตะ" 『兵士タクト』 ที่หน้าสถานทูตสาธารณรัฐ 『共和国大使館』 ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับประตูห้างเอเดลฝั่งใต้เขตเมืองด้านตะวันออก เขาจะบอกว่าตอนนี้คุณจินไปฝึกตนแถว ๆ ถนนรอบเมืองเอลเบค่ะ
★หากไปคุยกับ "พลทหารเบลกัน" 『兵士ベルガン』 ที่หน้าสถานทูตจักรววรดิ เขาจะบ่น ๆ ว่า ร้อยวันพันปีนักเดินทางจากจักรวรรดิที่มาพักที่นี่ ไม่เคยมีใครทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย จะมีก็แต่ "คน ๆ นั้น" ที่พวกชาวเมืองถึงกับมาร้องเรียน เพราะทนกับพฤติกรรมของเขาไม่ไหวค่ะ
(เพื่อน ๆ นึกภาพออกมั้ยคะ ว่่าคนที่เบลกันพูดถึงเป็นใครกันน๊า?)
ถนนรอบเมืองเอลเบ 『エルベ周歩道』
- ที่ถนนรอบเมืองเอลเบทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ฉากเดียวกับทางเข้า "ราชคฤหาสน์เอลเบ" ค่ะ) จะพบกับ "ซิสเตอร์" กำลังโดนสัตว์ปิศาจรุม และร้องขอความช่วยเหลืออยู่ค่ะ
- เข้าไปช่วยซิสเตอร์ จะเกิดการต่อสู้ขึ้นค่ะ **ซิสเตอร์เข้าเป็น NPC**
- ผึ้งเนินเขา *3 -
- 『丘陵ビー*3』 -
**แนะนำให้ใช้อาร์คุณสมบัติไฟโจมตีจะง่ายขึ้น แล้วเจ้าพวกนี้โจมตีแล้วสามารถทำให้เราติด "พิษ" ได้นะคะ ระวังด้วยค่ะ**
- ปราบได้ซิสเตอร์จะแนะนำตัวว่าเธอชื่อ "ซิสเตอร์ เอลเลน" 『シスター・エレン』 เป็นซิสเตอร์ที่ทำงานอยู่ในมหาวิหารแกรนเซล และที่เธอมาที่นี่ก็เพราะได้รับคำสั่งให้ออกมาหาสมุนไพรค่ะ
- เราจะถูกโจมตีอีกครั้ง พบกับ "จิน" 『ジン』 ที่เข้ามาช่วย และเกิดการต่อสู้กับ (ผึ้งเนินเขา *8) ค่ะ **จินเข้ากลุ่ม**
- ปราบได้ จินจะกระซิบกระซาบกับโยชัวร์ว่า ซิสเตอร์ที่มาด้วยน่ะ น่ารักใช่ย่อยเลยนะ เอสเทลเลยขู่จินว่าจะฟ้องคุณคิริก้าค่ะ
(จากการวิเคราะห์ของเอสเทล จินต้องเป็นประเภทที่แพ้ผู้หญิงสวย ๆ แน่ ๆ ค่ะ)
- พวกทหารพิเศษที่เดินยามอยู่จะเข้ามาถามว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่ แต่ดีที่พวกทหารจำจินได้ว่าเป็นคนที่ลงแข่งขันในการประลอง ด้วยความเกรงกลัวในตัวจินจึง (จำใจ) ปล่อยพวกเราไป แต่ถึงยังไงพวกทหารจะบังคับให้ซิสเตอร์เอลเลนกลับไปที่นครหลวงพร้อมกับพวกเขาค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- เราจะกลับไปที่แกรนเซลค่ะ (อัตโนมัติ)
- ที่บาร์ ซันนี่เบล อินน์ "จิน" ได้ตัดสินใจรับพวกเอสเทลเข้าทีม แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าอีกคนหนึ่งจะหาจากที่ไหน และแล้วเสียงบรรเลงดีดลูทก็แว่วมา (อีกและ) ค่ะ
(ด้วยเหตุผลว่า ตอนนี้โอลิเวียร์ว่างจัด จินก็เลยรับเขาเข้าทีมอย่างไร้เงื่อนไข โดยจินให้เหตุผลว่า ถ้าหากมีคนที่มีระยะการโจมตีไกลบ้างทีมก็จะกลายเป็นทีมที่สมดุลขึ้น ดังนั้นเขาจึงรับโอลิเวียร์เข้ากลุ่มด้วยความยินดีค่ะ และที่จินรู้ว่าโอลิเวียร์ใช้ปืนออร์บเมนท์นั้น เพราะเขาสังเกตเอาจากลักษณะการเคลื่อนไหวร่างกายของโอลิเวียร์ค่ะ แหมจินเนี่ยสมกับที่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จริง ๆ นะคะ) **โอลิเวียร์เข้ากลุ่ม**
โฮเต็ล โลเอนบาว์ม 『ホテル・ローエンバウム』
- ที่ "โฮเต็ล โลเอนบาว์ม" คุยกับ "ฟริท" 『フリッツ』 หลังจากให้เขาดูสมุดจดเบรเซอร์เพื่อยืนยันสถานะของเราแล้ว จะได้รับ "กุญแจห้องหมายเลข 202" มาค่ะ
- ไปที่ห้องพักบนขั้น 2 สำรวจประตู เราจะไขกุญแจเข้าไปในห้องค่ะ
- เอสเทลรู้สึกเขินขึ้นมาที่ได้พักกับโยชัวร์ในห้องเพียง 2 ต่อ 2 ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ยักกะเขินแบบนี้ โยชัวร์สังเกตเห็นเอสเทลมีท่าทางแปลก ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า
โยชัวร์ "มาพูดเอาตอนนี้จะคิดว่ามันแปลก ๆ ก็ได้นะ แต่ว่าพวกเราเป็น........ ครอบครัวใช่มั้ยล่ะ ผมอาจจะเป็นที่พึ่งพิงได้ไม่เท่ากับคุณพ่อ และก็อาจจะรับฟังอะไรได้ไม่เท่ากับคุณเชร่า...... แต่ผมที่เป็นครอบครัวก็ตั้งใจว่าอยากจะคอยสนับสนุนเธอนะ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษากันได้ตลอดเวลานะ ก็ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าเธอดูแปลก ๆ ไป.... แต่ถ้าเข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยแล้วกัน"
- เอสเทลได้ฟังดังนั้นก็ขอบคุณโยชัวร์ แล้วบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นหรอก ตอนนี้เธอคงจะแปลก ๆ ไปจริง ๆ น่ะแหล่ะ แต่ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอก แค่ยังไม่ได้จัดการกับความรู้สึกนิดหน่อยค่ะ
- หลังจากจัดการกับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะพักผ่อนกันค่ะ
- เช้าวันต่อมาจินกับโอลิเวียร์จะมารับที่ฟร้อนท์ค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
☆ช่วงก่อนที่จะเข้าไปยังแกรนด์อารีน่า เราสามารถเตรียมตัวก่อนได้นะคะ
อย่าลืมซื้อพวกอาวุธ เครื่องป้องกันเตรียมไว้ หรือจะออกไปเก็บเลเวลก่อนก็ได้ค่ะ
เพราะหากเข้าไปในแกรนด์อารีน่าแล้วจะออกมาไม่ได้จนกว่าจะจบอีเวนท์นะคะ☆
★ที่หน้าประตูนครหลวงจะพบ "คูลซ์" 『クルツ』 ซึ่งเขากำลังเตรียมตัวที่จะไปปราบสัตว์ปิศาจตามประกาศจับ เขาบอกว่าถึงจะอยู่ในช่วงงานประลอง เขาก็อยากจะทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกชาวเมืองตามตามคำไหว้วานไปด้วย นอกจากชาวเมืองจะปลอดภัยแล้ว ก็ยังถือเป็นการวอร์มอัฟไปในตัวด้วยค่ะ
★หากคุยกับ "ศจ. อัลบา" 『アルバ教授』 ที่ "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์" เขาจะบอกว่า [สะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำที่แอร์ แลตเท่น], [กำแพงยาวที่ล้อมรอบเขตนครหลวง อาร์เนมเบิร์ก] และ [หอคอย 4 วงแหวน] มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า สถานที่พวกนี้เป็นโบราณสถานที่หลงเหลือมาจาก [อารยธรรมเซมเรียโบราณ] ค่ะ
แกรนด์อารีน่า 『グランアリーナ』
- สำรวจประตูห้องพักผู้แข่งขันสำหรับทีมสีฟ้าค่ะ
- พบกับ "ทีมเรเว่น" ที่ได้เข้ามาสู่รอบจริงกับเขาด้วย เดินเข้ามาทักทายข่มขวัญพวกเราค่ะ แต่เอสเทลดันอารมณ์ดีชมว่าพวกเขาช่างเก่งจริงที่มาถึงรอบนี้ได้ ทำให้พวกเรเว่นหมดอารมณ์คุยโอ่ เดินหนีไปซะเฉย ๆ เลยค่ะ
- ในห้องพัก เอสเทลรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ โยชัวร์จึงแนะนำให้เอสเทลไปคุยกับทีมอื่น ๆ จะได้ผ่อนคลายลงบ้างค่ะ
- คุยกับทุกคนในห้องพัก แล้วจะเกิดอีเวนท์การประลองขึ้น ซึ่งการแข่งขันในรอบแรก ทีมรุ่นพี่เบรเซอร์สามารถรคว้าชัยไปได้อย่างสวยงามค่ะ
- และแล้วก็มาถึงการประลองรอบจริง รอบที่ 2 เราจะสู้กับ "ทีมเรเว่น" ค่ะ
การประลองรอบที่ 2 (สู้ครั้งที่ 1)
- ร็อคโก้ + เรส + ดีน +เรเว่นเอลีท -
- 『ロッコー + レイス + ディン + レイヴンエリート』 -
**แนะนำ ให้ปราบพวก 3 หัวโจกก่อนนะคะ เพราะพวกเขามีท่าทีใช้สนับสนุนพวกเดียวกันได้ หากปล่อยไว้จะกลายเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อได้ค่ะ**
**จากนั้นค่อย ๆ ปราบเรเว่นเอลีท แต่ต้องระวังค่ะ เพราะพลังโจมตีของเรเว่นเอลีทจะสูงมากค่ะ แต่ก็ไม่ยากอะไรสำหรับรอบนี้ สบาย ๆ ค่ะ**
- เอาชนะทีมเรเว่นได้อย่างสวยงามค่ะ
- รอบที่ 3 เราจะประหลาดใจที่เห็นพวก "สลัดอากาศคาปัว" ลงแข่งด้วย เพราะพวกเขาได้รับการอนุญาตจากดยุคดิวนันให้เข้าร่วมงานประลองค่ะ
- รอบที่ 4 ทีมของ "ร้อยตรีโรแลนซ์" ก็ปรากฏตัว และเพียงแค่การโจมตีเพียงชั่วพริบตา ร้อยตรีโรแลนซ์ก็สามารถปราบคน 3 คนลงได้อย่างยอดเยี่ยมค่ะ
(โยชัวร์รู้สึกสะดุดใจกับ "ดาบใหญ่" ที่ร้อยตรีโรแลนซ์ใช้ เอสเทลจึงรู้สึกเป็นห่วงโยชัวร์ที่ทำตัวแปลก ๆ ไป แต่โยชัวร์บอกว่าเขาไม่เป็นอะไรแค่เผลอมอง "ดาบใหญ่ที่สวยงามมาก" จนไม่วางตาก็เท่านั้นเองค่ะ)
- ได้รับเงินรางวัล "20000 มิร่า" หลังจบการประลองในวันที่ 1 ค่ะ
- ด้านหน้าแกรนด์อารีน่า จินกับโอลิเวียร์จะไปทีบาร์ ส่วนเราจะแยกไปรายงานผลที่สาขาค่ะ
- พบกับ "พวกเรเว่น" และได้รับ "กุญแจทางน้ำใต้ดิน A" 『地下水路の鍵A』 จากพวกเขาค่ะ
(ได้รับทราบว่า กุญแจดอกนี้เป็นกุญแจเปิดประตูทางน้ำใต้ดินเขตเมืองด้านตะวันตก ซึ่งพวกเรเว่นก็ใช้กุญแจนี้ ไขประตูลงไปฝึกสู้กับสัตว์ปิศาจที่ทางน้ำใต้ดิน จนเก่งขึ้นมาถึงขนาดนี้ค่ะ)
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
★ช่วงนี้ถ้าไปคุยกับ "พลทหารทาคุโตะ" ที่หน้าสถานทูตสาธารณรัฐ เขาบอกว่าคุณจินได้รับความนิยมอย่างมากในสถานทูต เพราะคุณจินไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง แต่จุดนึงที่น่าเป็นห่วงก็คือ เรื่องแพ้ผู้หญิงวัยละอ่อนนี่แหล่ะค่ะ
★ถ้าเราไปแถว ๆ หน้าทางเข้าราชวังจะพบ "ซิสเตอร์ เอลเลน" ซึ่งเธอบอกว่ากำลังหลงทางอยู่ แต่พอเอสเทลเสนอจะพาไปส่งที่มหาวิหาร เธอกลับบอกว่ามีทหารบอกทางเธอแล้วค่ะ
- คุยกับ "เอลนัน" ที่สาขา เราจะถามเขาว่ามีข้อมูลของร้อยตรีโรแลนซ์หรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าทางเอลนันจะไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลย เพราะหน่วยสืบข้อมูลที่นำโดยพันเอกริชาร์ดรับเรื่องของทุกพื้นที่ไปดูแลจนหมดค่ะ
(จากตรงนี้ เอสเทลจะรู้สึกว่า โยชัวร์ให้ความสนใจกับชายหน้ากากแดงเป็นพิเศษค่ะ)
★คุยกับ "คารูน่า" ที่ชั้น 2 ของสาขา เธอจะบอกว่า ไม่แน่ในอนาคต พวก "เรเว่น" อาจจะกลายมาเป็นเบรเซอร์เจริญรอยตามอากัตแน่ ๆ เลย แต่เอสเทลเห็นว่า เบรเซอร์ประเภทเดียวกับอากัต มีแค่คนเดียวก็เกินพอแล้วล่ะค่ะ
- หลังจากรายงานเสร็จแล้ว ก็กลับไปที่โรงแรมได้เลยค่ะ
โฮเต็ล โลเอนบาว์ม 『ホテル・ローエンバウム』
- พบกับ "ไนแอล" 『ナイアル』 ที่มารอพวกเราหน้าฟร้อนท์ เพื่อที่จะมาชวนเราไปทานข้าวแกงกระหรี่กับกาแฟที่ "คอฟฟี่เฮ้าส์บาราล" ค่ะ
คอฟฟี่เฮ้าส์ บาราล 『コーヒーハウス・バラル』
- หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จ ไนแอลจะบ่น ๆ ว่า "ไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยองครักษ์เลย" ดังนั้น พวกเราจึงตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่วาจะเป็น "คดีสลัดอากาศ", "คดีวางเพลิงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า", "คดีที่ไซสส์" ที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของ "หน่วยสืบข้อมูล" ให้กับไนแอลฟังค่ะ
(และถึงแม้ในตอนนี้นักข่าวอย่างไนแอลจะทำงานได้ไม่สะดวก เพราะมีการจำกัดช่องทางที่จะได้ข่าวมา แต่เขาจะให้ความร่วมมือในการหาข้อมูลให้กับพวกเราด้วยวิธีของเขาค่ะ)
- นอกจากนั้น โยชัวร์จะขอร้องให้ไนแอลช่วยหาข้อมูลของ "พันเอกริชาร์ด", "ร้อยเอกคาโนเน่" แล้วก็ "ร้อยตรีโรแลนซ์" ให้เขาเพิ่มเติมด้วย ซึ่งไนแอลก็รับปากว่าจะหามาให้ ถึงแม้ว่าข้อมูลของหน่วยสืบข้อมูลจะหายาก แต่เขาก็จะพยายามหามาให้ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่า ถ้าพวกเอสเทลสามารถเข้าไปในพระราชวังได้ ก็ต้องให้ข้อมูลในนั้นเขาเหมือนกันค่ะ
โฮเต็ล โลเอนบาว์ม 『ホテル・ローエンバウム』
- เช้าวันต่อมาจินกับโอลิเวียร์จะมารับเราเหมือนเคย เอสเทลจะบอกเรื่องที่ได้รับกุญแจทางน้ำใต้ดินมาจากพวก 3 หัวโจก ซึ่งพวกเราสามารถใช้ที่นั่นเป็นที่วอร์มอัฟได้ค่ะ
- เมื่อรวมพลพร้อมแล้วก็มุ่งสู่แกรนด์อารีน่าได้เลยค่ะ
แกรนด์อารีน่า 『グランアリーナ』
(48) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่ทางน้ำใต้ดินเขตทิศตะวันตก
- คุยกับ "พนักงานต้อนรับ" หน้าประตูเพื่อเข้าไปในแกรนด์อารีน่าค่ะ
- พบกับ "โดรธี" ที่มาทำข่าวงานประลอง ซึ่งไนแอลได้ฝากให้โดรธีมาบอกพวกเอสเทลว่า "เย็นนี้ อยากให้มาเจอกันที่กองบรรณาธิการ" ค่ะ
- ไปที่ห้องพักผู้แข่งขัน ทหารกองทัพจะนำ "ทีมสลัดอากาศคาปัว" มาที่ห้องพักผู้แข่งขัน แถมพวกคาปัวยังโดนขู่ว่า "อย่าคิดหนีไปไหนเชียวนะ" ด้วยค่ะ
- เมื่อพวกทหารไปแล้ว พวกคาปัวได้บอกว่า ถ้าพวกเขาชนะการประลองในครั้งนี้ได้ ก็จะได้รับการอภัยโทษค่ะ แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่โยชัวร์อ่านออกก็คือ ที่พวกคาปัวยอมลงแข่งก็เพื่อต้องการจะสู้กับพวกทหารพิเศษแก้แค้นที่โดนหักหลังค่ะ โจเซ็ตเห็นเอสเทลทำหน้าแบบเจ็บปวดใส่ก็เลยพูดว่า "อย่ามาทำหน้าตาเจ็บปวดแบบนั้นใส่พวกเรานะ ทั้ง ๆ ที่พวกนายติดหนี้พวกเราอยู่แท้ ๆ" คีลกับโดรุนเสริมว่า ตอนที่พวกเอสเทลบุกรุกเข้าไปที่ค่ายเรสตอน พวกเขาไม่ได้เล่าเรื่องที่เจอพวกเราให้กับทหารแม้แต่คำเดียว ซึ่งก็ทำให้โอลิเวียร์ถึงกับหูผึ่งด้วยความสนใจใคร่รู้ว่า พวกเอสเทลกำลังพูดเรื่องอะไรที่น่าสนใจอยู่ แต่นายติ๊งต๊องก็โดนเอสเทลตอกกลับไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
- การประลองรอบจริงวันที่ 2 รอบที่ 5 สู้กับ "ทีมคูลซ์"
การประลองรอบที่ 5 (สู้ครั้งที่ 2)
- คูลซ์ + อาเนราส + คารูน่า + กรัซ -
- 『クルツ + アネラス + カルナ + グラッツ』 -
**แนะนำ ให้ปราบคูลซ์ก่อน เพราะว่าเขาสามารถใช้ "จิตยุทธ์" สนับสนุนเพื่อนในทีมเขาได้ค่ะ่**
**ต่อมาก็ค่อยปราบอาเนราส เพราะเธอสามารถใช้ไอเทม "ยาแห่งเซราส" ชุบชีวิตเพื่อนในทีมได้ค่ะ**
**หากเราปราบคูลซ์กับอาเนราสได้แล้ว คารูน่ากับกรัซก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่กรัซพลังโจมตีจะสูงมาก ระวังหน่อยก็ดีค่ะ**
- ได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม
- ที่ห้องพักผู้แข่งขัน โจเซ็ตเผลอเอ่ยปากชมพวกเอสเทล แต่ก็รีบแก้ตัวว่า "ถ้าพวกที่ชนะพวกเราแพ้ง่าย ๆ ก็แย่น่ะสิ" แต่โยชัวร์สัมผัสได้ว่าโจเซ็ตตั้งใจจะชมพวกเราจริง ๆ ก็เลยหันไปขอบคุณโจเซ็ตว่า "ทั้ง ๆ ที่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นตั้งมากมาย แต่ดูเหมือนว่าจะคอยให้กำลังใจพวกผมอยู่สินะ" พอโจเซ็ตได้ยินประโยคนี้เท่านั้นแหล่ะ หน้างี้แดงเลย ทำให้เอสเทลรู้สึกหึงขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ
- การประลองรอบที่ 6 พวกคาปัวจะสู้กับทีมร้อยตรีโรแลนซ์ ซึ่งพวกคาปัวก็รอโอกาสที่จะได้แก้แค้นพวกทหารพิเศษอยู่แล้ว แต่ท้ายที่สุด พวกเขาก็ไม่สามารถชนะร้อยตรีโรแลนซ์ได้ พวกคาปัวต่างคนก็โทษเป็นความผิดของตนเองค่ะ
- เอสเทลเห็นพวกคาปัวสิ้นหวังจึงพูดให้กำลังใจและให้คำสัญญาว่า ในศึกวันพรุ่งนี้พวกเธอจะเป็นคนจัดการเจ้าพวกนั้นให้เอง แล้วทหารจะเข้ามาเอาตัวพวกคาปัวไปยังห้องขัง ก่อนที่จะจากไปโจเซ็ตได้พูดกับพวกเอสเทลว่า
โจเซ็ต "นี่ พวกนาย..... พวกเราคงไมได้มาที่นี่ในวันพรุ่งนี้แล้วล่ะ.............. ยังไงก็ตามพวกนายต้องชนะให้ได้นะ! ถ้าแพ้เจ้าพวกน่าขันนั่นล่ะก็ ผมจะไม่ให้อภัยหรอกนะ!"
- ได้รับเงินรางวัล "40000 มิร่า" หลังจบอีเวนท์ค่ะ
(จินกับโอลิเวียรยังชวนกันไปดื่ม โดยไม่ทุกข์ร้อนกับการแข่งขันที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้เลยค่ะ)
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
★หากช่วงนี้ คุยกับพวกชาวเมืองจะรู้ว่า มีการเคอร์ฟิวไม่ให้ออกนอกบ้านหลัง 3 ทุ่มเป็นต้นไปค่ะ
สำนักข่าวลีเบร์ล 『リベール通信社』
- ไปที่สำนักข่าวลีเบร์ล (เขตเมืองด้านตะวันตก)
- ขึ้นไปพบ "ไนแอล" ที่ชั้น 2 เขาจะหาข้อมูลที่เราต้องการมาได้แล้ว
- ไนแอลจะหยิบ "แฟ้มปกดำ" มาให้เราดู ซึ่งแฟ้มเล่มนี้จริง ๆ แล้วห้ามนำออกมาภายนอก แต่เขายืมมันมาจากคนรู้จักที่อยู่ในกองทัพ โดยหัวข้อจะมีดังนี้ค่ะ
- เกี่ยวกับพันเอกริชาร์ด -
พันเอก อลัน ริชาร์ด 『アラン・リシャール大佐』
- เกิดปี 1168 รัชสมัยเจ็ดจรัส ในพื้นที่รูอัน ราชอาณาจักรลีเบร์ล
- หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยด้วยผลการเรียนอันดับหนึ่ง ก็ได้รับการบรรจุให้เข้าประจำในกองกำลังเคลื่อนพลอิสระซึ่งนำโดยพันเอกคาซิอุส ไบรท์
- ในปี 1192 "สงครามร้อยวัน" ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพันเอกคาซิอุส ด้วยกลยุทธ์การโจมตีตอบโต้ก็ทำให้มีผลงานเพิ่มขึ้น
- หลังจากพันเอกคาซิอุสลาออกจากราชการ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าหน้าที่ในกองบัญชาการวางแผนกลยุทธ์ และมีผลงานหลงเหลือเอาไว้มากมายซึ่งมอบให้แก่การปฏิรูปโครงสร้างขององค์กร
- ปี 1201 ได้เสนอให้มีการจัดตั้งหน่วยสืบข้อมูลขึ้น โดยได้รับความเห็นชอบจากสมเด็จพระราชินีอาริเชีย และให้เข้ารับตำแหน่งในการบัญชาการรุ่นแรกของหน่วยสืบข้อมูล
- เกี่ยวกับร้อยเอกคาโนเน่ -
ร้อยเอก คาโนเน่ อาร์มัลเทีย 『カノーネ・アマルティア大尉』
- เกิดปี 1175 รัชสมัยเจ็ดจรัส ในนครหลวง ราชอาณาจักรลีเบร์ล
- หลังจบจากการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อย ด้วยผลการเรียนอันโดดเด่น ได้รับการคัดเลือกให้บรรจุเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ประจำกองบัญชาการวางแผนกลยุทธ์
- ปี 1201 ในช่วงที่มีการเสนอให้จัดตั้งหน่วยสืบข้อมูลนั้น ก็ได้รับข้อเสนอจากพันเอกริชาร์ดให้ย้ายเข้ามาประจำที่หน่วยสืบข้อมูล
- จากนั้น ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาการของพันเอกริชาร์ด โดยมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและเป็นที่ปรึกษาในการออกคำสั่งกลยุทธ์
- เกี่ยวกับร้อยตรีโรแลนซ์ -
ร้อยตรี โรแลนซ์ เบลเกอร์ 『ロランス・ベルガー少尉』
- อายุ สัญชาติ ไม่แน่ชัด
- ขณะที่สังกัดอยู่กับ "หน่วยทหารพรานเจสเตอร์" 『ジェスター猟兵団』 กองทหารรับจ้างนั้น ก็ได้รับการเชื้อเชิญจากพันเอกริชาร์ดให้เข้ามาประจำในหน่วยสืบข้อมูล
- ประวัติก่อนหน้า ไม่แน่ชัด
(จากคำบอกเล่าของโยชัวร์ หน่วยทหารพรานเป็นกองทหารรับจ้างระดับสุดยอดค่ะ แต่จะสุดยอดหรือไม่สุดยอดยังไง เอสเทลบอกว่า แค่พันเอกกะร้อยเอกก็ระดับหัวกะทิแล้วค่ะ)
- หลังจากเราได้ดูข้อมูลทั้งหมดแล้ว ไนแอลยังให้ข้อมูลที่เข้าหามาเพิ่มอีกว่า
ไนแอล "ยังมีข้อมูลอันอื่นที่น่าสนใจอีกด้วยนะ ก็เรื่องที่ร้อยโทยูเลียจบมาจากโรงเรียนนายร้อยในปีเดียวกันกับร้อยเอกคาโนเน่น่ะ ทั้ง 2 คนไม่ค่อยกินเส้นกันซักเท่าไร เพราะเป็นคู่แข่งแย่งกันเป็นที่หนึ่งน่ะ ดูเหมือนว่า จะถูกเปรียบเปรยให้เป็น [คาโนเน่ฝ่ายบุ๋น ยูเลียฝ่ายบู๊] น่ะ ส่วนเรื่องต่อไป ไม่เกี่ยวกับทางกองทัพหรอกนะ พวกนายเคยได้ยินชื่อ [องค์หญิงคลอเดีย] มาบ้างหรือเปล่าล่ะ"
(จากตรงนี้จะได้รับทราบว่า องค์หญิงคลอเดียเป็นราชนัดดาในองค์ราชินีอาริเชีย เป็นพระธิดาขององค์ชายยูดีสกับพระสุณิสาซึ่งทั้ง 2 พระองค์ได้สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางทะเลค่ะ)
- ไนแอลยังเสริมอีกว่า
ไนแอล "เรื่องที่เป็นเชื้อสายของราชวงศ์โดยตรงเนี่ย ไม่ค่อยมีคนรู้หรอกนะ ได้ยินมาว่าพำนักอยู่ในพระตำหนักขององค์ราชินีในพระราชวังแกรนเซล........ แต่ดูเหมือนจะมีคนหาคู่ดูตัวให้องค์หญิงองค์นั้นอยู่น่ะ"
- เราจะวิเคราะห์ว่าใครเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการหาคู่ดูตัวให้องค์หญิงคลอเดีย โดยจะมีคำตอบให้เลือกดังนี้ค่ะ
アリシア女王
ราชินีอาริเชีย
BP+0
デュナン公爵
ดยุคดิวนัน
BP+1
リシャール大佐
พันเอกริชาร์ด
BP+2

- พวกเราจะสงสัยว่า ทำไมพันเอกริชาร์ดถึงต้องหาคู่ดูตัวให้องค์หญิงด้วยล่ะ มันแปลก ๆ พิกล ถึงจะไม่ทราบสาเหตุว่าทำไม แต่ไนแอลก็กระหายใคร่รู้กับข่าวนี้มาก ๆ จึงขอร้องพวกเราว่าถ้าได้เข้าไปในพระราชวังในวันพรุ่งนี้ ก็ช่วยหาข้อมูลนี้มาให้เขาด้วยค่ะ
- ในจังหวะนั้นเอง เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้น ไนแอลขอตัวไปรับสาย แล้วพูดกับปลายทางด้วยความประหลาดใจปนตื้นเต้นว่า
ไนแอล "โอ้ นายเองเหรอ! กำลังรอให้ติดต่อมาอยู่พอดีเชียว ว่าไงนะ....... ตอนนี้เลยเหรอ เออ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวเจอกันที่นั่นนะ"
- พูดจบไนแอลก็รีบลาพวกเอสเทลไปค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- กลับไปรายงานข้อมูลที่ได้มาจากไนแอลให้ "เอลนัน" รับทราบค่ะ
(จากข้อมูลของเอลนัน "หน่วยทหารพรานเจสเตอร์" นั้น เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งทางการค้ากับทางสมาคมค่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่า ทางสมาคมเบรเซอร์จะไม่เข้าร่วมการทำสงครามระหว่างประเทศ แต่หน่วนทหารพรานกลับใช้โอกาสที่ว่าในทางการค้า (พูดง่าย ๆ ก็คือรับจ้างทำสงครามค่ะ) และเจ้าพวกนี้ก็ชอบทำความเดือดร้อนให้กับประชาชนตาดำ ๆ ด้วยค่ะ)
- จากนั้น เอลนันจะขอเวลา 2 - 3 ในการค้นหาข้อมูลของหน่วยทหารพราน ส่วนเรื่องคู่สมรมขององค์หญิงคลอเดียทางเอลนันพอจะมีข้อมูลอยู่บ้าง ก็คือ คนที่น่าจะเป็นคู่สมรสขององค์หญิง น่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ของเอเรโบเนีย ซึ่งเขาได้ยินข่าวลือว่า เชื้อพระวงศ์แห่งเอเรโบเนียคนนั้น จะมาเยือนที่ลีเบร์ลนี้ในวันเทศกาลเฉลิมฉลองค่ะ
(ตัวจริงของคู่ดูตัวที่ว่า รอพบกับคำเฉลยในภาค SC นะคะ)
- ได้รับ "กุญแจทางน้ำใต้ดิน B" 『地下水路の鍵B』 จากเอลนัน เผื่อว่าพวกเราจะไปอุ่นเครื่องกันนิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ค่ะ
- เมื่ออกมาด้านนอกสมาคม พวกทหารที่เดินยามอยู่จะพาเรากลับไปที่โรงแรมค่ะ (อัตโนมัติ)
โฮเต็ล โลเอนบาว์ม 『ホテル・ローエンバウム』
- ที่ชั้น 2 ของโรงแรม สำรวจประตูห้องจะได้ยินเหมือนมีอะไรด้านในค่ะ
- เมื่อเข้าไปในห้องเราจะพบจดหมาย 1 ฉบับ โดยไม่มีวี่แววของมนุษย์เลย ซึ่งเนื้อความในจดหมายได้บอกให้พวกเอสเทลออกไปพบที่มหาวิหารแกรนเซลตอน 4 ทุ่ม โดยอย่าให้ใครพบเห็นค่ะ
- โยชัวร์ตัดสินใจจะไปเพียงคนเดียว และห้ามไม่ให้เอสเทลไปด้วย แต่เอสเทลไม่ยอมท่าเดียว ดื้อดึงจะขอไปด้วย โยชัวร์ที่ไม่อาจห้ามเอสเทลได้ก็เลยจำยอมพาเอสเทลไป แต่มีเงื่อนไขว่าหากเกิดอะไรขึ้นต้องทำตามที่เขาบอก ซึ่งเอสเทลรับปากค่ะ
★หากไปคุยกับ "คูลซ์" ที่ห้องพักอีกฝั่ง เขาจะบอกว่าเหมือนมีอะไรบินผ่านไปนอกหน้าต่าง แต่เขาคิดว่า คงจะแค่รู้สึกไปเองค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- ในตอนที่จะเดินไปมหาวิหารนี้ เราต้องระวังอย่าให้ถูกพวกทหารพบนะคะ เพราะถ้าถูกพบจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่โรงแรมและจะอดได้โบนัส BP ด้วยค่ะ
- ระดับโบนัส BP ที่จะได้รับ มีดังนี้เลยค่ะ
ไม่ถูกทหารพบเลย BP+5
ถูกพบ 1 - 2 ครั้ง BP+3
ถูกพบ 3 - 4 ครั้ง BP+1
ถูกพบตั้งแต่ 5 ครั้งขึ้นไป BP+0

※เส้นทางที่แนะนำ※
(1) ไปทางออกด้านเหนือ (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฉาก ไม่ใช่ประตูทางเข้าราชวังนะคะ) เราจะออกไปที่ "เขตเมืองด้านตะวันออก" ได้ค่ะ
☆อย่าลืมแวะไปคุยกับ "ราล์ฟ" 『ラルフ』 ที่ท่าเทียบเรือเหาะด้วยนะคะ เขาจะมอบ "คาร์เนเรีย เล่ม 10" ให้เราเป็นค่าปิดปาก ที่อย่าไปบอกใครว่า เขาแอบออกมา เตรียมตัวเข้าแถวรอซื้อตั๋วงานประลองยุทธ์รอบตัดเชือกพรุ่งนี้ เพื่อเอาใจภรรยาเขาค่ะ
(2) ที่ "เขตเมืองด้านตะวันออก" ให้วิ่งไป "ลานพักผ่อน" (ม้านั่งที่อยู่หน้าประตูห้างเอเดล) แล้วพยายามใช้ทางออกด้านใต้ (ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของฉาก) เพื่อเข้าสู่ "เขตเมืองด้านใต้"
(3) ที่ "เขตเมืองด้านใต้" หาจังหวะดี ๆ ที่พวกทหารเดินหันหลังให้ วิ่งพรวดเดียวให้ถึง "เขตเมืองด้านตะวันตก" ค่ะ
(4) ที่ "เขตเมืองด้านตะวันตก" ให้อ้อมไปด้านหน้าคอฟฟี่เฮ้าส์ (ระวังทหารด้วยนะคะ) พอได้จังหวะก็วิ่งเข้าประตูมหาวิหารไปเลยค่ะ รับรองโบนัส BP สูงสุดแน่นอนค่ะ
มหาวิหารแกรนเซล 『グランセル大聖堂』
- ภายในมหาวิหาร จะพบกับ "ซิสเตอร์ เอลเลน" ซึ่งที่จริงแล้วเธอก็คือ "ร้อยโทยูเลีย" ปลอมตัวมานั่นเองค่ะ
(เมื่อรู้ว่า ร้อยโทยูเลียมีความตั้งใจที่จะให้พวกเราเข้าไปในราชวังเพื่อส่งข่าวให้กับองค์ราชินี เราจึงเล่าเรื่องที่ค่ายเรสตอน รวมทั้งเรื่องที่ดร. รัซเซลไหว้วานให้ไปพบองค์ราชินีให้ร้อยโทยูเลียฟังทั้งหมดค่ะ)
- ได้รับการไหว้วานให้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปแจ้งแก่องค์ราชินี เพราะมีความเป็นไปได้ว่าราชินีอาริเชียจะถูกคุมตัวอยู่ เราจึงต้องแจ้งผ่านทาง "คุณนายฮิลด้า" หัวหน้านางกำนัล ค่ะ
- ได้รับ "จดหมายแนะนำตัวจากยูเลีย"
- ยูเลียรู้สึกแย่มาก ๆ ที่ตัวเองไม่สามารถปกป้องคนที่สมควรปกป้องได้ค่ะ แต่เธอก็เชื่อมั่นว่า ในการแข่งขันวันพรุ่งนี้เราจะเป็นฝ่ายชนะ เพราะว่าเราเป็นถึงลูกของนักดาบสุดยอด ผู้ถูกขนานนามว่า [ปราชญ์ดาบ] ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการวางแผนกลยุทธ์แห่งกองทัพราชอาณาจักรค่ะ
(จากคำบอกเล่านี้ ทำให้เรารู้ว่ายูเลียได้รับการฝึกสอนวิชาการต่อสู้มาจากคาซิอุส ซึ่งในอดีตเคยเป็นอาจารย์ฝึกสอนการต่อสู้ในโรงเรียนนายร้อยค่ะ ส่วนเอสเทลก็แทบไม่เชื่อหูว่าพ่อของเธอจะยิ่งใหญ่ปานนั้น เพราะเธอเห็นคุณพ่อใช้แต่พลองเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ยูเลียเคยได้ยินมาว่า หลังจากที่คาซิอุสออกจากราชการไปเป็นเบรเซอร์ก็ได้ละทิ้งวิถีแห่งดาบไป โดยยูเลียได้ให้ความเห็นที่ท่านคาซิอุสทำแบบนี้ว่า "ไม่ใช่แค่ฟาดฟันศัตรู หากแต่ต้องปล่อยวางความเข้มแข็ง ใส่ใจความอ่อนแอ เพื่อที่จะแสดงถึงจิตใจที่ว่านั่น เขาจึงได้เลือกที่จะใช้วิชาพลองแทน" ค่ะ)
- พวกทหารจะขอเข้ามตรวจค้นในมหาวิหาร ยูเลียจึงรีบให้เราหนีไปโดยใช้ทางลับในห้องด้านในค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- เมื่อหนีออกมาได้แล้ว เราจะโผล่มาที่ลานพักผ่อน ม้านั่งหน้าห้างเอเดลค่ะ ซึ่งตอนนี้พวกทหารก็เดินยามกันเสร็จแล้ว โยชัวร์จึงชวนเอสเทลนั่งพักกันก่อนค่ะ
เอสเทล "อูยยยย เกิดเรื่องหลาย ๆ อย่างขึ้นตั้งมากตั้งมาย สมองมันหวิว ๆ ยังไงก็ไม่รุ..."
โยชัวร์ "ฮะฮะ.... คงจะเป็นอย่างนั้นนั่นแหล่ะ แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่รออยู่ที่มหาวิหารจะเป็นร้อยโทยูเลียไปได้น่ะ"
เอสเทล "อา จริงสิ เป็นอันว่าคนที่โยชัวร์คาดเอาไว้ไม่ใช่คุณยูเลียสินะ หรือว่าจะเป็น........ คนที่เคยพบกันมาก่อนหน้านี้อย่างนั้นเหรอ"
โยชัวร์ "........เรื่องนั้น.........."
เอสเทล "อ๊ะ โทษที เมื่อกี๊ไม่นับนะ ผิดกฏ ผิดกฏ"
โยชัวร์ "เอสเทล....."
เอสเทล "จนกว่าโยชัวร์อยากจะพูด ก่อนหน้านั้นชั้นจะไม่ถามอะไร........ ก็รู้อยู่หรอกแต่มันชอบลืมอยู่เรื่อยเลยน๊า........"
โยชัวร์ "......เอสเทล ผม..... ผมคิดว่าได้ออกเดินทางไปพร้อม ๆ กับเธอ ทำให้ผมเข้มแข็งขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ"
เอสเทล "เอ๊ะ"
โยชัวร์ "เหล่าผู้คนมากมายที่มีชีวิตอยู่ใต้ฟากฟ้าผืนเดียวกัน การดำเนินชีวิตอันหลากหลาย ความคิดคำนึงของผู้คนที่พานพบ เมื่อได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านั้น ทำให้ผมสามารถหาสิ่งที่ทำหายไปกลับคืนมา.... ผมรู้สึกมาตลอด"
เอสเทล "....โยชัวร์.......?"
โยชัวร์ "........ถึงจะเป็นภาพลวงตา แต่ถึงอย่างนั้นผม...... ก็อยากขอบคุณท้องฟ้า ขอบคุณคุณพ่อ และยิ่งกว่าผู้ใด ขอบคุณนะเอสเทล......... ที่ทำให้ได้อยู่ร่วมกันกับเธอ"
เอสเทล "โยชัวร์!?"
โยชัวร์ "ดังนั้น........ ผมขอสัญญา หลังจากสะสางคดีในคราวนี้เสร็จเรียบร้อย และคุณพ่อกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้วล่ะก็........ อดีตของผม......... เรื่องราวก่อนที่จะมาได้พบกับเธอนั้น ผมจะเล่าให้ฟังนะ"
เอสเทล "จะ จริงเหรอ.......?"
โยชัวร์ "อืม สาบานต่อฟ้าสพร่างดาวนี่เลย"
- "........ เอาล่ะ ตัดสินใจแล้ว" เอสเทลยิ้มอย่างพอใจ เธอพูดด้วยเสียงอันดังแล้วลุกขึ้น
เอสเทล "จะพูดไงดีนะ.... มันเหมือนกับหมอกควันในใจโดนพัดหายไปแล้วล่ะ ถ้าสะสางทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชั้นก็มีเรื่องที่จะพูดกับโยชัวร์เหมือนกัน"
โยชัวร์ "เอ๊ะ.... อา หรือว่าจะเป็นเรื่องที่หนักใจอยู่น่ะเหรอ"
เอสเทล "ใช่ใช่ นั่นแหล่ะ เหะเหะ....... แต่จะทำใจรับฟังได้หรือเปล่านะ"
โยชัวร์ "ไอ้ที่บอกว่าทำใจ....... ก็ได้ทุกเมื่อน่ะแหล่ะ เดี๋ยวนี้เลยก็ได้......"
เอสเทล "มะ.... ไม่ได้หรอก! เรื่องที่ว่านั่นน่ะ มันต้องดูจังหวะด้วย.... อืม์ม แบบว่า มันต้องเป็นสถานการณ์ที่ต้องรู้สึกดีมาก ๆ น่ะ......."
โยชัวร์ "??? ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่..... ถ้าเพื่อเรื่องที่จะพูดใหสบายใจนี่ การแข่งขันในวันพรุ่งนี้ก็จะแพ้ไม่ได้แล้วนะ"
เอสเทล "มันแน่อยู่แล้วย่ะ! จะให้เจ้าพวกนั้นมาขวางได้ยังไงกันล่ะคะ ด้วยพลังของหญิงสาว จะซัดพวกทหารนั่นให้กระเด็นไปเลย!"
โยชัวร์ "ซัดให้กระเด็นเลยเนี่ยมัน..... กระเด...... อุ๊บ อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า........! เธอเนี่ยมัน ลูกสาวคุณพ่อชัด ๆ เลยน๊า.............."
เอสเทล " อะไรล่ะ เสียมารยาทจัง ชั้นไปเหมือนกับชายวัยกลางคนจอมเสเพลนั่นตรงไหนกันห๊ะ"
โยชัวร์ "อืม.... นั่นสินะ ยังไงก็ตามการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ ผมรู้สึกว่ามีกำลังใจที่อยากจะชนะขึ้นเป็นกองเลยล่ะ"
โฮเต็ล โลเอนบาว์ม 『ホテル・ローエンバウム』
- ตอนเช้าจินกับโอลิเวียร์จะมารับเราไปที่แกรนด์อารีน่าค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
(49) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่ทางน้ำใต้ดินเขตทิศตะวันออก
☆ในช่วงนี้หากเราไปคุยกับ "แอนตอน" 『アントン』 ที่หน้าประตูทางเข้าฝั่งทิศใต้ของห้างเอเดล หากสามารถทำให้เขาพบสาวที่เฝ้าฝันได้ครบ 3 ครั้ง จะได้รับ "คาร์เนเรีย เล่ม 11" ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายของหนังสือชุดนี้ค่ะ (วิธีได้หนังสือแบบละเอียดดูได้ ตรงนี้ เลยค่ะ)
แกรนด์อารีน่า 『グランアリーナ』
- คุยกับ "พนักงานต้อนรับ" ที่ประตูเพื่อเข้าไปในแกรนด์อารีน่าค่ะ
- ที่ห้องพักผู้แข่งขัน จะยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะถึงเวลาแข่งขัน เอสเทลกับโยชัวร์จึงขอออกไปเดินเล่นกัน 2 คนค่ะ จินเห็นโอลิเวียร์ไม่ร้องตามไปด้วย ก็บังเกิดความสงสัยเพราะผิดวิสัยของโอลิเวียร์ (จอมจุ้น) มาก ๆ ซึ่งโอลิเวียร์บอกว่า
โอลิเวียร์ "บรรยาการศรอบ ๆ ตัว 2 คนนั่น รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปนิดหน่อยน่ะ นั่นแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์คงคืบหน้าไปบ้างแล้วล่ะนะ"
- ให้เดินไปที่นั่งผู้ชมในสนามประลอง คุยกับพวกเบรเซอร์รุ่นพี่, ศจ. อัลบาและโดรธีได้เลยค่ะ
★คุยกับ "คูลซ์" เราจะสังเกตว่าคูลซ์มีสีหน้าไม่ค่อยดี ซึ่งคูลซ์บอกว่าอาจเป็นผลมาจากอุบัติเหตุเมื่อ 3 เดือนก่อน ดูเหมือนว่าเขาจะพลาดท่างานที่ทำอยู่ตอนนั้น เลยมีแผลตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง และที่ใช้คำว่า "ดูเหมือนว่า" เพราะคูลซ์จำเรื่องราวในตอนนั้นได้ไม่ชัดเจนค่ะ
★ส่วน "ศจ. อัลบา" ที่ปกติไม่ค่อยจะมีมิร่านั้น (นักวิชาการถังแตก) วันนี้หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ให้ตั๋วเขามาเขาจึงมีปัญญามาดูงานประลองได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อนของหัวหน้าพิพิธภัณฑ์ที่ไปวิจัยที่บอส ติดงานวิจัยเลยมาไม่ได้เขาเลยให้ตั๋วอัลบามาแทนค่ะ
★ส่วนแม่สาวนักข่าว ช่างถ่ายภาพ "โดรธี" ก็มาทำข่าวเช่นเคย และยังคงเอาใจช่วยพวกเอสเทลเหมือนเดิมค่ะ
- เดินไปที่ห้องโถงทางเข้า จะพบกับ "นายกเทศมนตีคลาอุส" ที่เดินทางจากเมืองรอเลนซ์มายังนครหลวง เพราะได้รับเทียบเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่พระราชวังด้วย จึงถือโอกาสนี้มาชมการประลองสุดยิ่งใหญ่ค่ะ
(จากคำบอกเล่าของคลาอุส คนที่นำเทียบเชิญไปให้เขาก็คือ ร้อยเอกคาโนเน่ค่ะ)
- ไปที่ห้องพักผู้แข่งขัน เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การประลองรอบสุดท้ายค่ะ
- ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขัน โยชัวร์จะถามร้อยตรีโรแลนซ์ถึง "ดาบใหญ่" นั่น แต่ก็หยุดพูดไปเฉย ๆ แล้วบอกไม่มีอะไรค่ะ
- วันที่ 3 รอบสุดท้าย สู้กับ "ทีมหน่วยสืบข้อมูล"
รอบชิงชนะเลิศ (สู้ครั้งที่ 3)
- ร้อยตรีโรแลนซ์ + ทหารพิเศษ *3 -
- 『ロランス少尉 + 特務兵*3』 -
**เพื่อป้องกัน "พิษ" และ "หมดสติ" ควรใส่ไอเทมป้องกันไว้นะคะ ยิ่งถ้ามี "แกรลล็อกเก็ต" แล้วล่ะก็ สามารถกันสถานะผิดปกติทุกอย่าง (ยกเว้น ตายคาที่) จะสะดวกมาก ๆ เลยค่ะ**
**ร้อยตรีโรแลนซ์สามารถเพิ่มเลือดให้กับทีมได้ ทั้งยังพลังโจมตีสูงมาก การจะปราบเขาให้ได้นั้นค่อนข้างใช้เวลา แต่ไม่ยากค่ะ**
**แนะนำให้ใข้อาร์ท "แอนตีเซฟต์" ผนึกอาร์ทเขาเอาไว้ก่อน ส่วนพวกทหารคนอื่น ๆ แนะนำให้ปราบไปพร้อม ๆ กัน เพราะพวกนี้สามารถใช้ "ยาแห่งเซราส" ชุบเพื่อนในทีมได้ จากนั้นค่อยรุมโจมตีร้อยตรีโรแลนซ์ ถ้าเลือดเขาเหลือน้อยกว่าครึ่ง เขาจะใช้คราฟท์ "ร่างแยก" ยังไงก็ระวังด้วยนะคะ**
**แนะนำให้ "จิน" มีหน้าที่โจมตีอย่างเดียว**
**ส่วน "เอสเทล" กับ "โยชัวร์" โจมตีสลับการใช้อาร์ท**
**สำหรับ "โอลิเวียร์" ให้เซ็ตควอทซ์ผสมคุณสมบัติให้ได้อาร์ทระดับสูง แล้วเอาไว้แถวหลัง (อย่าลืมใส่ควอทซ์ "ขับเคลื่อน2" เพิ่มความเร็วในการร่ายอาร์ทด้วยนะคะ และถ้าหากมีโอกาสสามารถใช้คราฟท์ "สไนฟ์ช็อต" สกัดกั้นการร่ายอาร์ทของโรแลนซ์ได้ค่ะ)**
- เมื่อการประลองเสร็จสิ้น ในฐานะที่เป็นผู้ชนะเลิศเราจะได้รับเงินรางวัล "100000 มิร่า" และสิทธ์ในการเข้าร่วม "งานเลี้ยงอาหารค่ำ" ในพระราชวังค่ะ
- ได้รับ "เทียบเชิญเข้าร่วามงานเลี้ยงอาหารค่ำ" ค่ะ
- ที่ห้องพักผู้แข่งขันฝ่ายสีแดง "พันเอกริชาร์ด", "ร้อยเอกคาโนเน่" และ "ร้อยตรีโรแลนซ์" จะคุยกันอยู่ ซึ่งจริง ๆ แล้ว พันเอกริชาร์ดขอให้ร้อยตรีโรแลนซ์ออมมือเอาไว้ในการประลองครั้งนี้ค่ะ
(คาโนเน่รู้สึกกังวลใจว่า ถ้าให้ลูก ๆ ของ "เขา" เข้าร่วมงานเลี้ยงในราชวังด้วยจะเป็นปัญหา แต่พันเอกริชาร์ดบอกว่า ถึงสมาคมเบรเซอรจะเข้ามาแทรกแซงก็ไม่สามารถหยุดยั้งแผนการได้หรอก)
- ด้านหน้าประตูแกรนด์อารีน่า พวกเอสเทลแทบจะไม่เชื่อฝึมือตัวเองเลยว่าจะเอาชนะร้อยตรีโรแลนซ์ผู้เก่งกาจได้ แต่ดูเหมือนจินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ ก็เงียบและเปลี่ยนเรื่องไปซะดื้อ ๆ ค่ะ
- โอลิเวียร์คาดหวังไว้อย่างเต็มที่ ที่จะได้กินอาหารชาววังของลีเบร์ล แต่มิวเลอร์เข้ามาลากตัวเขาไปซะก่อน ทำให้ทุกคนรู้ว่า จริง ๆ แล้วโอลิเวียร์แอบทางสถานทูตมาลงแข่งขันงานประลองค่ะ แต่เขาบอกกับทุกคนว่าไม่ได้แอบแค่ไม่ได้พูดออกไปเท่านั้นเอง
- เราจะเห็นใจโอลิเวียร์ที่ผิดหวังอย่างแรง จึงขอมิวเลอร์อนุญาตให้โอลิเวียร์ไปกับพวกเราด้วย แต่มิวเลอร์ให้ข้อคิดว่า งานเลี้ยงที่มีแต่เชื้อพระวงศ์และบุคคลระดับสูงของลีเบร์ลนั้น หากโอลิเวียร์ซึ่งเป็นชาวเอเรโบเนียเข้าร่วมงานด้วย คิดว่าจะไม่มีใครคิดอะไรอย่างนั้นเหรอ ซึ่งพวกเอสเทลก็รูสึกอย่างนั้นจริง ๆ ค่ะ ดังนั้น สิ่งที่พวกเอสเทลทำได้ในตอนนี้ก็คือ "ขอโทษนะโอลิเวียร์" พูดได้แค่เนี๊ยะค่ะ
- ดังนั้น ก็จะมีแค่เอสเทล โยชัวร์ และจินเท่านั้นที่ได้ร่วมงานเลี้ยงค่ะ
★คุยกับ "ลาโอเน่" 『ラオネ』 ที่เดินไปเดินมารอบ ๆ ห้างเอเดล เขาจะบอกว่า ร้อยโทยูเลียเคร่งครัดมาก ๆ เขาจะเห็นเธอมาเข้าพิธีมิซซาทุกครั้งค่ะ
★คุยกับเมดที่ชื่อ "ดาเลีย" ที่หน้าบ้านของนายพลมอร์แกน เธอจะบอกว่า "ริอันนู" หลานของท่านนายพลที่ออกมาเล่นนอกบ้าน หายไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ
ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- นำเทียบเชิญแสดงให้กับทหารที่เฝ้าประตู เราจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพระราชวังได้แล้วค่ะ
- เมื่อเข้ามาในราชวังแล้ว "ร้อยเอกคาโนเน่" จะออกมาต้อนรับ และมอบให้ "เชีย" 『シア』 ที่เป็นเมดแนะนำสถานที่ให้กับพวกเราค่ะ
- พอคาโนเน่ไปแล้ว จินที่มองคาโนเน่ค่อย ๆ เดินลับหายไปก็บอกว่า คาโนเน่เป็นผู้หญิงที่ดีทีเดียว
เอสเทล "คุณจินเนี่ย รสนิยมแย่เนอะ....ยัยจิ้งจอกนั่นดีตรงไหนกันห๊ะ"
โยชัวร์ "ผู้หญิงแบบนั้น เป็นแบบที่คุณจินชอบอย่างนั้นเหรอครับ"
จิน "ฮะฮะ ถึงจะดูเป็นแบบนั้น แต่โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนบริสุทธิ์ไร้เดียงสานะ"
- แต่เอสเทลดูยังไง ก็รู้สึกว่าจินก็เป็นประเภทคุณลุงหัวงูแพ้สาววัยละอ่อนอยู่ดีน่ะแหล่ะค่ะ
- หลังจากเชียพาพวกเรามาที่ห้องพักรับรองแล้ว เอสเทลกับโยชัวร์บอกกับจินว่าจะออกไปเดินเล่น ส่วนจินก็ไม่ว่าอะไร และรอเวลาอาหารค่ำอยู่ในห้องค่ะ
- ในราชวังปีกซ้ายนี้จะมีแขกที่ถูกเชิญมาพักอยู่ด้วยนะคะ ลองไปเยี่ยมเยือนได้ค่ะ (จะไปคุยก่อนหรือหลังเจอคุณนายฮิลด้าก็ได้ค่ะ แต่ต้องไปคุยให้ครบทุกคนตามด้านล่างนี้นะคะ)
★ที่ห้องรับรองฝั่งตรงข้ามห้องพวกเรา จะพบกับ "นายกเทศมนตรีคลาอุส" และ "อาจารย์ใหญ่โคลินซ์" ที่ได้รับเชิญมาในงานเลี้ยงนี้ด้วย (จากตรงนี้จะทราบว่า ถึงโคลินซ์จะเป็นแค่อาจารย์ใหญ่ แต่ที่ได้รับเชิญมาด้วย เพราะปกติเขาก็เข้าร่วมการประชุมระดับราชอาณาจักรที่จัดขึ้นทุก ๆ ปีอยู่แล้ว กล่าวได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเหมือนกันค่ะ) คลาอุสจะพูดถึงองค์หญิงคลอเดีย ทำให้เอสเทลอยากจะพบองค์หญิงบ้างสักครั้ง แต่ไม่รู้จะมีโอกาสหรือเปล่า ซึ่งโคลินซ์บอกว่าพวกเอสเทลต้องมีโอกาสอย่างแน่นอนค่ะ (อันที่จริง โคลินซ์รู้ตัวจริงของคลอเซ่ค่ะ)
★หากคุยกับ "อาจารย์ใหญ่โคลินซ์" อีกครั้ง เขาจะถามเราว่าได้พบกับคลอเซ่ที่เดินทางมาที่นครหลวงแล้วหรือยัง ซึ่งเราก็ยังไม่ได้เจอเธอเหมือนกันค่ะ
★อีกห้องจะพบ "นายกเทศมนตรีเมเบล" และ "รีร่า" ค่ะ ซึ่งคนที่ไปเชิญให้เมเบลมาก็คือ ร้อยเอกคาโนเน่เช่นเดียวกัน เมเบลยังได้บอกอีกว่าช่วงนี้ไม่มีการติดต่ออะไรมาจากประตูฮาเก้นเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ๆ ค่ะ
★ที่ราชวังปีกขวาในห้องแรก (ด้านใต้) จะพบกับ "หัวหน้าโรงงานเมอร์ด็อกซ์" เขาบอกว่า หลังจากที่เรามุ่งหน้ามายังนครหลวง ร้อยเอกคาโนเน่ก็ได้ไปที่โรงงานกลางเชิญเขามางานเลี้ยงอาหารค่ำ และดูเหมือนว่าทางกองทัพจะยังหาดร. รัซเซลไม่เจอ แต่เขาก็เป็นห่วงเหมือนกันว่า ถ้าการตามล่ายังยืดเยื้อต่อไป พวกดร. ก็อาจจะถูกจับได้ซักว้นหนึ่ง แล้วเมื่อสักครู่ เขาก็ขอไปเยี่ยมองค์ราชินี แต่ถูกร้อยเอกคาโนเน่ ปฏิเสธไม่ให้เข้าเฝ้าอย่างเด็ดขาดค่ะ
- ไปยังสวนลอยฟ้าค่ะ
สวนลอยฟ้า 『空中庭園』
- บนสวนลอยฟ้า หน้าพระตำหนักราชินี โยชัวร์จะหลอกถามทหารพิเศษว่า องค์หญิงคลอเดียทรงประทับอยู่ที่นี่หรือไม่ ตอนแรกทหารเผลอตอบว่า ไม่อยู่ที่นี่ แต่ไหวตัวทัน ก็เลยแก้ต่างไปว่าทรงเฝ้าไข้องค์ราชินีอยู่ค่ะ
- พบ "คุณนายฮิลด้า" 『ヒルダ夫人』 หัวหน้านางกำนัล เธอจะต่อว่าพวกทหารพิเศษที่แสดงกริยามารยาทไม่ดีต่อพวกเราซึ่งเปรียบเสมือนอาคันตุกะขององค์ราชินีค่ะ (จริง ๆ แล้วก็เป็นอาคันตุกะของดยุคดิวนันล่ะนะ)
- มอบ "จดหมายแนะนำตัวจากยูเลีย" ให้กับฮิลด้า เธอจะเชิญพวกเราไปคุยกันที่ห้องนางกำนัลค่ะ
ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- "คุณนายฮิลด้า" บอกว่าโอกาสที่จะขอเข้าพบองค์ราชินีนั้น ดูเหมือนจะมีน้อยเหลือเกิน เพราะคนที่เข้าไปได้ก็มีแค่ดยุคดิวนัน พันเอกริชาร์ด ตัวเธอแล้วก็นางกำนัลอีกไม่กี่คนเท่านั้น ยังไงก็แล้วแต่ คุณนายฺฮิลด้าจะขอเวลาคิดทบทวนหาวิธี แล้วให้เรามาพบกับเธอที่นี่อีกครั้งหลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำจบลงค่ะ
- กลับไปที่ห้องรับรอง พวกเอสเทลบอกกับจินว่า พวกนายกเทศมนตรีทุกพื้นที่ก็มาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วยค่ะ
(จากคำบอกเล่าของจิน ดูเหมือนว่า "เบรเซอร์อย่างทางการ" นั้น นอกจากจะรับงานได้ทุกพื้นที่แล้ว ยังสามารถรับงานในต่างประเทศได้อีกค่ะ และจินยังรู้จักกับเจ๊เชร่าในตอนที่เจ๊แกไปที่คาลวาร์ดด้วยนะคะ)
- หลังจากนั้น "เชีย" จะเข้ามาเรียกพวกเรา โยชัวร์เห็นทั้งเอสเทลและจินที่ดูเหมือนจะสนใจแต่เรื่องกินอย่างเดียว ก็พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่กัดซะเจ็บว่า
โยชัวร์ "ยังไงก็ตาม...... ผมคิดว่าอย่าลืมมารยาทบนโต๊ะอาหารจะดีกว่านะ"
- ที่ห้องจัดเลี้ยง เอสเทลสงสัยว่าทำไมมีช้อนส้อมถึงได้มากมายขนาดนี้ แถมไม่มีอาหารวางไว้เลย โยชัวร์ก็เลยจำต้องสอนมารยาทการทานอาหารให้แบบเร่งเด่วนค่ะ แต่เอสเทลออกจะลำบากใจมีใช่น้อย คลาอุสบอกว่ามีแต่คนรู้จักกันไม่ต้องพิธีรีตองอะไรกันหรอก แค่ประโยคนี้ประโยคเดียว ก็ทำให้เอสเทลสดชื่นขึ้นมาทันตาเลยค่ะ เมเบลจะเป็นห่วงว่า จินจะใช้มีดกับส้อมไม่สะดวก เพราะจินเป็นชาวตะวันออก แต่จินบอกว่าเคยใช้มาแล้วไม่ต้องเป็นห่วง เมเบลเลยชมจินไปเปราะใหญ่ค่ะ (จินนี่แพ้พวกผู้หญิงสวย ๆ จริง ๆ แฮะ)
- เมื่อ "ดยุคดิวนัน" เข้ามาพร้อมกับ "พันเอกริชาร์ด" งานเลี้ยงอาหารค่ำก็เริ่มขึ้นค่ะ
(ดยุคดิวนันจะถามถึงรสชาติอาหาร เอสเทลดันบอกไปว่า "คนเชิญก็ยังไง ๆ ยังไงอยู่ แต่ที่อาหารอร่อยก็เป็นเรื่องจริงล่ะนะ" ดีที่ว่าโยชัวร์แก้ตัวให้ทันนะคะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็...... แต่ดูเหมือนว่าท่านดยุคจะจำพวกเอสเทลไม่ได้ จนหัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิปบอกท่านดยุคถึงจะจำได้ค่ะ)
- พันเอกริชาร์ดจะบอกทุกคน ถึงเรื่องที่ราชินีประชวรแต่คงจะหายในไม่ช้า รวมทั้งงานเทศกาลเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพก็ยังดำเนินการจัดต่อไปได้ แต่พวกอาจารย์ใหญ่โคลินซ์ไม่คิดว่าเรื่องที่พันเอกริชาร์ดจะพูดมีแค่นี้ค่ะ ดังนั้น พันเอกริชาร์ดจึงเข้าเรื่องไปเลยว่า "องค์ราชินีมีพระราชเสาวนีย์ ให้ดยุคดิวนันขึ้นเป็นมกุฏราชกุมาร สืบทอดราชบัลก์ต่อไป" ทำให้ทุคนตกใจอย่างมากและไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะให้ดยุคดิวนันขึ้นเป็นราชาองค์ต่อไป แต่พันเอกริชาร์ดจะพูดจาหว่านล้อมเหล่านายกเทศมนตรี ให้คิดถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นหากองค์ราชินีเป็นอะไรไป ในขณะที่ไม่มีใครสืบทอดราชบัลลังก์ ซึ่งเวลาที่เหล่านายกเทศมนตรีจะคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้นั้น ก็มีแค่ช่วงนี้ไปจนถึงช่วงงานเทศกาลเท่านั้นค่ะ
- อาจารย์ใหญ่โคลินซ์บอกกับพันเอกริชาร์ดว่า เขารู้จักคนที่สืบสายเลือดราชวงศ์อีกคนหนึ่ง ซึ่งพันเอกริชาร์ดบอกว่า ถ้าหมายถึงองค์หญิงคลอเดียล่ะก็ อายุยังน้อยอยู่ ดังนั้น องค์ราชินีจึงเลือกดยุคดิวนันให้ขึ้นครองบัลลังก์แทน แล้วผู้หญิงขึ้นครองราชบัลลังก์ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นงานที่หนักเกินไปด้วย
- ดยุคดิวนันบอกว่า ยังไงก็จะหาคู่ครองให้องค์หญิงคลอเดีย ถึงจะไม่เป็นทางการ แต่ก็มีราชวงศ์จากต่างประเทศ ติดต่อเข้ามาแล้ว คงจะดำเนินการหมั้นหมายในปีนี้แหล่ะ
- จินจะขอถามกับดยุคว่า ตัวเขาไม่ได้เป็นคนของประเทศนี้ แต่ให้เขามาร่วมงานเลี้ยงแล้วมาฟังเรื่องราวภายในราชอาณาจักรแบบนี้ เพราะเหตุใด ซึ่งพันเอกริชาร์ดบอกว่า เพราะผู้ชนะเป็นเบรเซอร์ ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำข่าวนี้ไปแจ้งแก่สมาคมได้ก่อนค่ะ
- หลังงานเลี้ยงอาหารค่ำจบลง ขณะที่เราจะไปพบคุณนายฮิลด้าตามที่นัดเอาไว้ ก็ได้พบกับ "พันเอกริชาร์ด" โดยบังเอิญ เขาจะชวนเราไปนั่งคุยกันที่ห้องสนทนา โดยให้คาโนเน่ไปบอกดยุคดิวินันให้รอเขาไปก่อนค่ะ
ห้องสนทนา 『談話室』
- ทีห้องสนทนา "พันเอกริชาร์ด" จะเล่าถึงช่วงที่เขาได้พบกับคาซิอุส ซึ่งเขาได้ให้คำจำกัดความคาซิอุสว่า เป็นดั่ง [วีรบุรุษ] 『英雄』 ในสายตาของเขา ไปจนจนถึงความชำนาญยุทธจึงถูกขนานนามว่า [ปราชญ์ดาบ] 『剣聖』 ค่ะ
(เอสเทลรู้สึกว่า เหมือนพันเอกริชาร์ดไม่ได้พูดถึงพ่อของตัวเองเล๊ย ก็นิสัยตาลุงนั่นต่างกันสุดขั้วกับที่พันเอกบอกเลยน่ะสิ)
- ในขณะที่พันเอกริชาร์ดพูดถึงตอนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของป๋า ก็ทำหน้าเศร้า ๆ แล้วกล่าวต่อว่า
พันเอกริชาร์ด "ถึงตอนนี้ก็ยังจำได้อย่างชัดเจน........ ความตึงเครียดในตอนที่ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่ราวกับปาฏิหาริย์ซึ่งเขาได้วางขึ้นมา...... เรื่องเมื่อตอนนั้น ถ้าจะให้พูด ถึงจะมีเวลามากเท่าไรก็คงจะไม่พอหรอก หากมีโอกาสไว้ก็จะเล่าให้ฟังแล้วกัน..... แต่ที่พูดได้อย่างชัดเจนก็คือ ในตอนนั้น หากชายที่ชื่อ [คาซิอุส ไบรท์] ไม่ได้ประจำอยู่ในกองทัพราชอาณาจักรแล้วล่ะก็ ลีเบร์ลก็คงถูกรวมเข้าไปกับเอเรโบเนียแน่นอน"
- เอสเทลจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่พ่อตัวเองเก่งกาจขนาดนั้นซักเท่าไหร่ ซึ่งพันเอกริชาร์ดได้เล่าต่อว่า
พันเอกริชาร์ด "ทำเรื่องที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ นั่นแหล่ะคือ [วีรบุรุษ] ล่ะ ที่เรียกกันอย่างนั้น เพราะว่าหลังจากที่สงครามจบลง เขาก็ได้ปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะไม่รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากองค์ราชินี จึงไม่รู้ว่าจะเรียกเขาด้วยนามเช่นไร แม้แต่ตอนนี้ในหมู่ทหารส่วนหนึ่งก็ยังใช้สรรพนามเรียกพันเอกคาซิอุสว่า [วีรบุรุษ] อยู่"
- เอสเทลจะรู้สึกโกรธป๋าหนวดที่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับตนเลย แต่โยขัวร์ก็แก้ตัวแทนป๋าว่า "ก็มันเป็นเรื่องที่ลูกสาวไม่ได้ถาม จะไปบอกก็ยังไง ๆ อยู่นะ ไปว่าอย่างนั้นคุณพ่อก็น่าสงสารแย่น่ะสิ" แต่เอสเทลบ่นว่า โยชัวร์สมรู้ร่วมคิดกับคุณพ่อปิดบังเธอ จนทะเลาะกันใหญ่เลยค่ะ พันเอกริชาร์ดเห็นทั้ง 2 คนทะเลาะกัน ก็เลยเผลอหัวเราะออกมา
พันเอกริชาร์ด "เห็นพวกเธอเป็นแบบนี้ก็ค่อยวางใจขึ้นมาหน่อย เรื่องที่คุณคาซิอุสลาออกจากกองทัพไปก็น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ถ้าเขาได้อยู่ข้าง ๆ พวกเธอแล้วล่ะก็ คงจะสามารถเยียวยาความเสียใจจากการสูญเสียภรรยาไปได้นะ"
- ก่อนที่พันเอกริชาร์ดจะไปพบกับดยุคดิวนัน เขาจะขอบคุณพวกเราที่มาคุยเป็นเพื่อนเขา ทำให้เขาสามารถตัดความอาลัยอาวรณ์ไปได้ค่ะ
- เมื่อพันเอกริชาร์ดขอตัวไปแล้ว เอสเทลจะรู้สึกว่าคนที่อยู่ที่นี่เมื่อกี๊ เป็นพันเอกริชาร์ดจริง ๆ หรือเปล่า เพราะเวลาที่เขาพูดถึงคุณพ่อช่างแตกต่างกับภาพลักษณ์ที่เคยเห็น โยชัวร์จะให้ความเห็นว่า
โยชัวร์ "จริง ๆ แล้วเขาคงจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก แต่เรื่องที่เขากำลังวางแผนร้ายอยู่นั้น เป็นเรื่องจริงแน่นอน เมื่อกี๊เขาอาจแสร้งทำเพราะเห็นว่าพวกเราเป็นเด็กก็ได้ ซึ่งการสงสัยก็เป็นหน้าที่ของผม แต่ผมว่าเอสเทลจะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองก็ได้นะ แต่ผมอยากจะให้เธอไม่พลาดพลั้งและเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ทั้งหมด ที่เรียกว่างานของเบรเซอร์นั้นผมว่าก็คือเรื่องที่พูดนั่นแหล่ะ"
ห้องเมด 『メイド部屋』
- ให้เราไปหา "คุณนายฮิลด้า" ที่ห้องเมดค่ะ
(จากข้อมูลของคุณนายฮิลด้าจะทราบว่า เธอรู้จักพ่อของพวกเอสเทลตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นรองแม่ทัพใต้บังคับบัญชาของนายพลมอร์แกนที่มักจะเข้ามายังราชวังบ่อย ๆ และคาซิอุสยังเป็นพระสหายของ [องค์ชายยูดีส] 『ユーディス王子』 ที่สวรรคตไปเมื่อ 15 ปีก่อนตั้งแต่สมัยเรียนนายร้อยค่ะ ฮิลด้ายังรู้สึกหดหู่ว่าถ้าองค์ชายยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เหตุการณ์เช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นค่ะ)
- จากนั้น ฮิลด้าจะเรียกเมดสาว "เชีย" เข้ามาช่วยพวกเราแต่งตัวค่ะ
(จากตรงนี้จะทราบว่า เชียเป็นนางกำนัลขององค์หญิงคลอเดีย ในช่วงที่ประทับอยู่ในราชวังค่ะ)
- ปลอมตัวเป็นนางกำนัลฝึกหัดเพื่อลอบเข้าในพระตำหนักองค์ราชินีค่ะ
- อีเวนท์ โยชัวร์ (โดนบังคับ) แต่งหญิง
(พอแต่งตัวกันเสร็จแล้ว ฮิลด้ารู้สึกว่า พอเอสเทลปล่อยผมลงแล้วดูดีมาก ๆ จึงเอ่ยปากชวนนางเอกของเรามาเป็นนางกำนัลด้วยนะคะ แต่ที่แน่ ๆ โยชัวร์ในชุดเมดดันสวยกว่าอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังโดนเอสเทลว่าพอใส่ชุดอย่างนี้แล้ว โยชัวร์ไม่เหมาะกับหน้าตาซีเรียสเลยค่ะ)
★คุยกับ "จิน" เขาเห็นเราแล้วจะไม่พูดอะไร เพียงแค่บอกเรียบ ๆ ว่า สมกับเป็นพระราชวังที่รวบรวมคนสวย ๆ มาอยู่นะ
★ส่วน "อาจารย์ใหญ่โคลินซ์" แค่เห็นพวกเราก็พูดแบบรู้ทันว่า เป็นการฝึกนางกำนัลฝึกหัดสินะ
★ส่วน "นายกเทศมนตรีคลาอุส" ทั้ง ๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน แต่ทำม๊ายทำไมถึงจำพวกเอสเทลไม่ได้นะเนี่ย
สวนลอยฟ้า 『空中庭園』
- ขึ้นไปที่สวนลอยฟ้าเพื่อเข้าเฝ้าองค์ราชินีที่พระตำหนัก พวกทหารจะรู้สึกคุ้น ๆ หน้าพวกเรา แต่คุณนายฮิลด้าจะต่อว่าพวกเขาว่า ไม่สมควรจ้องมองอย่างนั้นกับสุภาพสตรี ทำให้เราสามารถเข้ามาในพระตำหนักได้ง่ายดาย แล้วเราจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อกันในห้องขององค์หญิงคลอเดียค่ะ
(จริง ๆ แล้วเอสเทลบอกว่า ไม่ต้องเปลี่ยนชุดก็ได้ไปทั้งอย่างนี้แหล่ะ แต่โยชัวร์ขอร้องแบบหน่าย ๆ ว่า ไม่ว่ายังไง เขาก็อยากจะเปลี่ยนชุดค่ะ อย่างนี้ดีกว่านะเอสเทล ถ้าโยชัวร์บอกว่าเขาอยากใส่ชุดนี้ไปตลอด เกมนี้จะจบลงแบบวาย ๆ นะ)
- สำรวจประตู เราจะเข้าไปในห้องบรรทมของราชินี ซึ่งคุณนายฮิลด้าจะรออยู่หน้าห้องเพื่อดูลาดเลาให้ค่ะ
- พบกับ "ราชินีอาริเชีย" 『アリシア女王』 ราชินีแห่งราชอาณาจักรลีเบร์ลค่ะ
- เราจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ราชินีอาริเชียฟัง ทั้งเรื่องที่ดร. รัซเซลฝากมาบอก และเรื่องที่พันเอกริชาร์ดกำลังดำเนินการอะไรบางอยู่ค่ะ
(จากตรงนี้จะได้รับทราบว่า เมื่อ 10 ปีก่อน ได้มีการตรวจพบปฏิกริยาตอบสนองต่อพลังออร์บเมนท์มหาศาลที่ชั้นใต้ดินของราชวังแห่งนี้ ซึ่งคนที่มาตรวจสอบให้ก็คือ "ดร. รัซเซล" แห่งโรงงานกลาง เป็นการตรวจสอบในชั้นใต้ดิน ที่ลึกยิ่งกว่าทางน้ำใต้ดิน ดร. ได้กล่าวว่าคงจะมี "มรดกแห่งอารยธรรมโบราณ (อาร์ติแฟกซ์)" ที่ไม่น่าจะมีหลงเหลืออยู่ในยุคนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ว่า โบราณวัตถุนั้นถูกฝังเอาไว้เพราะเหตุใด นอกจากนั้น ดร. รัซเซลก็ยังได้ทำการตรวจสอบอย่างไม่เป็นทางการ ด้วยตัวเองอีกด้วยค่ะ)
- จากนั้น ราชินีอาริเชียจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ก่อนให้พวกเอสเทลฟัง
ราชินีอาริเชีย "เป็นเรื่องในฤดูใบไม้ผลิเมื่อ 10 ปีก่อน...... มีเหตุการณ์อันเจ็บปวดเกิดขึ้นทางตอนใต้ของจักรวรรดิเอเรโบเนีย จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้จักรวรรดิประกาศสงครามกับลีเบร์ล ซึ่งหลังจากนั้นได้เรียกขานกันว่า [สงครามร้อยวัน] 『百日戦役』 นับแต่วันนั้น คืนวันที่ทุกข์ทรมานก็ได้เริ่มต้นขึ้น ในช่วงที่ประกาศสงคราม กองทัพจักรววรดิได้นำกำลังทหารจำนวนมากบุกทะลวงประตูฮาเก้น แผ่นดินทั้งหมดของลีเบร์ลนอกจากนครหลวงถูกยึดครอง กำลังทหารที่บุกเข้ามากล่าวได้ว่า มีจำนวนมากกว่ากองทัพของราชอาณาจักรราว ๆ 3 เท่า ทัพเสริมจากคาลวาร์ดไม่สามารถเข้ามาสนับสนุนได้ทัน...... พาลคิดกันว่านครหลวงจะถูกยึดหรือไม่นั้น คงจะขึ้นอยู่กับเวลา --------------- แต่หลังจากสงคราม เริ่มขึ้นไปได้ 2 เดือน ไม่มีใครคาดคิดว่ารูปการณ์ของสงครามจะมีการพลิกผันได้มากขนาดนั้น ยานรักษาความปลอดภัย ที่เพิ่งจะถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงเวลานั้น ได้เข้าโจมตีรอบ ๆ ด่านที่ตั้งตระหง่านเรียงกันทั่วทุกพื้นที่ และยังได้ทำการตัดเส้นทางการติดต่อของกองทัพจักรวรรดิ นอกจากนั้น กำลังทหารทั้งหมดของกองทัพราชอาณาจักรที่ประจำการอยู่ค่ายเรสตอน ได้ทำการบุกโจมตีจากทางน้ำยึดทุกพื้นที่กลับคืนมา [ไซสส์], [รูอัน], [บอส], [รอเลนซ์]....... ทุกพื้นที่ที่ได้ถูกยึดครองโดยกองทัพจักรวรรดิไปแล้วนั้น โดนตัดเส้นทางส่งเสบียงและโดนบุกทำลายทีละแห่ง ๆ ผู้ที่วางแผนกลยุทธ์ตอบโต้นี้ขึ้นมาก็คือ [พันเอกคาซิอุส ไบรท์] ผู้เป็นทั้งมือขวาของนายพลมอร์แกน เป็นทั้งผู้บังคับบัญชาของพันเอกริชาร์ดในขณะนั้น หรือก็คือ คุณพ่อของพวกท่านนั่นเอง หลังจากนั้น ทางสมาคมเบรเซอร์และโบสถ์เจ็ดจรัสก็ได้เข้ามาไกล่เกลี่ยให้ จนในที่สุด สงครามก็ยุติลง แต่ทว่า ในช่วงเวลานั้นเอง ท่านคาซิอุสได้สูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดไป นั่นก็คือ [เรน่า ไบรท์] ท่านแม่ของคุณเอสเทล หอนาฬิกาถูกทำลายลงด้วยความกระเสือกกระสนอันชั่วร้ายของกองทัพจักรวรรดิที่ถูกไล่ต้อนจากกลยุทธ์ตอบโต้ และหลังจากนั้น....... ก็ตามที่พวกท่านทราบ......... ท่านคาซิอุสไม่สามารถมองหน้าภรรยาที่เสียไปได้..... เพราะกลยุทธ์ที่ตนเองเป็นผู้วางขึ้นมา เป็นต้นเหตุให้ภรรยาต้องตายจากไป จากความรู้สึกผิดบาปนั้น ท่านคาซิอุสก็ได้ลาออกจากกองทัพ และได้เข้าสู่เส้นทางแห่งเบรเซอร์เพื่อที่จะอยู่ข้างกายท่าน และคราวต่อไปก็สามารถปกป้องเหล่าผู้คนอันเป็นที่รักได้ด้วยมือของตนเอง.........."
- หลังฟังเรื่องราวของป๋าคาซิอุสจบ เอสเทลจะบอกว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อเลย ราชินีอาริเชียได้แต่บอกว่า
ราชินีอาริเชีย "ทุกอย่างเป็นเพราะราชินีที่ไม่มีพลังพอที่จะสามารถปกป้องชาวเมืองที่แสนสำคัญได้ต่างหากล่ะ ขอโทษด้วยนะคะ คุณเอสเทล ขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องคุณแม่ของคุณได้...... เรื่องนี้........ ข้าพเจ้าตั้งใจเอาไว้ว่าอยากจะพูดขอโทษให้ได้มาตลอด"
- แต่เอสเทลบอกว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไร ขอแค่องค์ราชินีอยู่ปกป้องชาวเมืองก็เพียงพอแล้วค่ะ
- ราชินีอาริเชียจะขอให้เอสเทลกับโยชัวร์หยุดทำคดีในครั้งนี้ เพราะว่ามันอันตรายเกินไป และขอให้กลับไปอยู่รอคุณพ่อที่บ้านเฉย ๆ แต่พวกเอสเทลไม่ยอม ส่วนโยชัวร์จะขอให้ราชินีลองคิดถึงผลที่จะตามมาดูว่า ถ้าหากพันเอกริชาร์ดใช้ [กอสเปล] ล่ะก็ อาจจะทำให้ประชาชนที่ราชินีรักต้องเผชิญกับเหตุการณ์อันเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น
เอสเทล "ชั้นน่ะ อยากจะปกป้องช่วงเวลาแห่งความสงบสุขนี้เอาไว้ ปกป้องผู้คนที่ได้พานพบ ไม่ว่าจะเป็นองค์ราชินี หรือว่าใครก็ตาม ชั้นก็อยากจะปกป้องด้วยวิธีที่เป็นตัวเอง ให้เหมือนอย่างที่คุณแม่เคยทำค่ะ"
- ราชินีอาริเชียได้ฟังดังนั้น ก็ได้พูดออกมาว่า "เหมือนที่เด็กคนนั้นบอกไว้ไม่มีผิด"
- จากนั้น ราชินีจึงได้ตัดสินใจไหว้วานพวกเอสเทล ให้ร่วมกันกับคลอเดียพระราชนัดดาของเธอ คลี่คลายเหตุการณ์ที่พันเอกริชาร์ดทำให้เกิดขึ้น และยังขอให้พวกเอสเทลช่วยบอกความจริงของเหตุการณ์ปฏิวัติในครั้งนี้ ให้กับดยุคดิวนันอีกด้วยค่ะ
(จากตรงนี้จะทราบว่า ราชินีอาริเชียตั้งใจจะให้ [องค์หญิงคลอเดีย] ขึ้นครองราชย์ในลำดับต่อไปค่ะ ถึงแม้ว่า จะมีคนอื่นที่ไม่เห็นด้วย (พันเอกริชาร์ด) กับการครองราชย์โดยสตรีติดต่อกันถึง 2 สมัย ซึ่งอาจจะทำให้ราชอาณาจักรล่มสลายไปก็เป็นได้ แต่ถึงยังไง ราชินีอาริเชียก็ได้ตัดสินใจวางตัวคลอเดียเอาไว้แล้ว และไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ)
- หลังจากคุยกับราชินีอาริเชียเสร็จ เราจะกลับไปแต่งตัวเป็นเมดอีกครั้งค่ะ
- ขณะที่ออกจากพระตำหนักทหารพิเศษจะถามชื่อของพวกเรา (ตอบข้อไหนก็ได้ค่ะ แต่ตอบ "เรน่า" 『レナ』โอเคที่สุดค่ะ) ส่วนโยชัวร์จะบอกว่าตัวเองชื่อ "คาริน" พวกทหารได้ฟังก็เอ่ยปากชมว่าชื่อน่ารัก โยชัวร์จึงบอกว่าตัวเองก็ชอบชื่อนี้มากเหมือนกันค่ะ (ที่มาของชื่อดูในภาค SC นะคะ)
ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- ราชวังปีกขวา เอสเทลรู้สึกตะหงิด ๆ ที่โยชัวร์พูดชื่อผู้หญิง (คาริน) ออกมาโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนเลย (หึงอีกและ)
- พบกับ "ดยุคดิวนัน" ที่กำลังเมาได้ที่ และ "หัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิป" ค่ะ
(อันที่จริง ฟิลลิปรู้ว่าพวกเราปลอมตัวเป็นเมด แต่เขาก็ไม่บอกอะไรกับดยุคดิวนันค่ะ)
- ดยุคดิวนันออกคำสั่งให้เอสเทลไปอยู่เป็นเพื่อนเขาคืนนี้ แต่เอสเทลไม่เข้าใจว่าอะไรคือไปอยู่เป็นเพื่อน คุณนายฮิลด้าแทรกขึ้นมา บอกให้ท่านดยุคคิดถึงสถานภาพของตัวเองบ้าง เพราะการทำเรื่องแบบนั้นมันไม่สมควรค่ะ พอดยุคดิวนันได้ฟังก็ยอมรามือ เพราะเขาเห็นว่าอีก 1 อาทิตย์ให้หลัง ราชวังทั้งหมดจะตกเป็นของเขาอยู่แล้ว ซึ่งเขาจะรอให้ถึงตอนนั้นแล้วค่อยทำตามใจเขาใหม่ค่ะ ส่วนลุงฟิลลิปก็ได้ขอร้องดยุคดิวนันว่าอย่าทำอย่างนั้นเลย แต่ก็ถูกเอ็ดไปเสียยกใหญ่ค่ะ
(ก่อนดยุคดิวนันจะไปยังบอกเอสเทลว่า "ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรก็ให้มาปรึกษาเรานะ" ด้วยนะคะ ดูเหมือนว่าเอสเทลตอนปล่อยผมเนี่ย จะเป็นสไตล์ที่ดยุคดิวนันชอบแฮะ)
- หลังจากดยุคดิวนันเข้าห้องนอนไปแล้ว ลุงฟิลลิปจะขอโทษแทนท่านดยุคแล้วบอกว่า ถ้าท่านดยุคตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ก็ลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ
(จากตรงนี้จะทราบว่า คุณนายฮิลด้าเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กกับหัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิป ส่วนโยชัวร์ก็แซวเอสเทลว่า เป็นที่นิยมเหมือนกันไม่ใช่น้อย (โดยเฉพาะจากดยุคดิวนันน่ะนะ) แล้วเอสเทลก็นึกขึ้นมาได้ว่า "ไปอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย มันหมายถึงอะไรเหรอ?" โยชัวร์รู้สึกอายไม่กล้าพูด ดังนั้น คุณนายฮิลด้าจึงขอเป็นคนบอกให้แทนโดยเข้ากระซิบความหมายให้เอสเทลฟังเบา ๆ ค่ะ ผลก็คือ เอสเทลเขินจนหน้าแดงเลยค่ะ)
- จากนั้นเราจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องนางกำนัลค่ะ
- หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ในตอนที่จะกลับไปที่ห้องก็ได้พบกับ "ร้อยเอกคาโนเน่" เธอจะถามเราว่าเมื่อ 30 นาทีก่อนไปอยู่ที่ไหนมา (ตอบข้อไหนก็ไม่มีผลกับ BP ค่ะ แต่ให้ตอบว่า "ห้องเมด" 『メイド部屋』 ดีที่สุดค่ะ)
- แต่ร้อยเอกคาโนเน่ก็ไม่หลงกลข้ออ้างของพวกเรา แถมยังพยายามเค้นความจริงให้ได้ ในขณะนั้นเอง "จิน" ก็ปรากฏตัวออกมาด้วยสภาพใบหน้าแดงก่ำแบบคนเมา และด้วยความที่คาโนเน่ขยะแขยงจินที่มารุ่มร่ามจึงรีบจากไป ทำให้เรารอดพ้นจากสถานการณ์ตึงเครียดนี้ได้อย่างหวุดหวิดค่ะ
- ให้ห้องพักรับรอง เราจะรู้ว่าแท้จริงแล้วจินทราบเรื่องที่เราแอบไปพบองค์ราชินีมาค่ะ แล้วเขาก็เห็นเรากำลังโดนร้อยเอกคาโนเน่ต้อน จึงใช้ลมปราณทำให้เลือดไหลเวียนมาที่ใบหน้า ทำให้ดูเหมือนกับคนเมาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ดื่มเหล้า เสร็จแล้วก็เข้าไปสร้างวุ่นวายแบบเมื่อกี๊ทำให้คาโนเน่ต้องยอมถอยไปค่ะ
- จินได้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้เอสเทลอ่าน เนื้อความในจดหมาย ได้ขอให้จินเดินทางไปช่วยเหลือพวกเด็กใหม่ที่ลีเบร์ล เพราะ [เขา] ต้องออกมาตามสืบคดีของเยเกอร์ (ทหารรับจ้าง) ที่จักรวรรดิ ซึ่งคนที่เขียนจดหมายนี้ขึ้นมาก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือคุณพ่อของพวกเอสเทล คาซิอุส ไบรท์นั่นเองค่ะ
- หลังจากอ่านจดหมายจบ พวกเราจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่ดร. รัซเซลไหว้วานมาให้เข้าเฝ้าองค์ราชินี และพอได้เข้าเฝ้าแล้ว ทางราชินีก็ได้ไหว้วานให้พวกเราไปช่วยเหลือองค์หญิงคลอเดียที่ถูกจับไปออกมาให้จินฟังค่ะ พอได้ฟังรายละเอียดทุกอย่าง จินก็จะให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วยความยินดีค่ะ
เขตที่ถูกผนึก 『封印区面』
- ฉากจะตัดมาที่ พวก "พันเอกริชาร์ด" และ "ร้อยตรีโรแลนซ์" ได้มาถึงเขตที่ถูกผนึกแล้ว แต่ก็มี "โอเวอร์ มัพเพ็ต (ตุ๊กตาสงคราม)" แห่งยุคโบราณออกมาขัดขวาง ด้วยการโจมตีเพียงดาบเดียวของพันเอกริชาร์ดและร้อยตรีโรแลนซ์ก็สามารถกำจัดพวกโอเวอร์มัพเพ็ตลงได้อย่างสวยงามค่ะ
(ร้อยตรีโรแลนซ์เอ่ยปากชมพันเอกว่า "สมกับที่เป็นผู้สืบทอด [อิไอความเร็วระดับเทพ] จาก [ปราชญ์ดาบ] ......" แต่ดูเหมือนว่าพันเอกริชาร์ดจะไม่ยินดีไปกับคำชมนั่นเลย เพียงแต่บอกว่าตัวเองยังด้อยประสบการณ์อยู่มากค่ะ)
- จากนั้นพันเอกริชาร์ดจะสั่งให้ทหารพิเศษทุกคนเข้าไปด้านใน เพื่ออรุณรุ่งที่เจิดจริสของลีเบร์ลอันเป็นที่รักค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- เราจะกลับมาที่สมาคม (อัตโนมัติ) เพื่อรายงานเรื่องทุกอย่างกับ "เอลนัน" ค่ะ
(จากตรงนี้เราจะทราบว่า ระดับของเบรเซอร์ทางการนั้น แบ่งออกเป็น 7 ระดับ (ตั้งแต่ A ถึง G ค่ะ) โดยจินจะอยู่ที่ระดับ A ที่รวม ๆ แล้วบนทวีปนี้มีเบรเซอร์ระดับนี้อยู่ประมาณ 20 คนค่ะ ส่วนระดับสูงที่สุดคือระดับ S ซึ่งเป็นระดับพิเศษ และเบรเซอร์ที่ได้รับระดับอันทรงเกียรตินี้ มีเพียง 4 คนบนทวีปเท่านั้นค่ะ และ 1 ในนั้นก็คือป๋ายังไงคะ ซึ่งโยชัรว์จะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว มีแต่เอสเทลที่ไม่รู้ค่ะ)
- โยชัวร์รู้สึกว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ลีเบร์ลเหมือนกับรอให้คุณพ่อออกไปจากลีเบร์ลก่อน แล้วค่อยดำเนินการปฏิวัติขึ้นมาตามแผนที่วางไว้อย่างไงอย่างนั้นค่ะ
- เพราะองค์ราชินีไหว้วานมาด้วยองค์เอง เอลนันจึงขอประกาศว่า สมาคมเบรเซอร์สาขานครหลวงจะเข้าร่วมปฏิบัติในครั้งนี้อย่างเต็มตัว โดยอ้างอิงถึง บทบัญญัติข้อที่ 3 ในข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยเรื่อง "ไม่ขัดต่อความมั่นคงของชาติ" ค่ะ
(ถึงแม้เอลนันอยากจะขอความร่วมมือจากสาขาต่าง ๆ ในต่างประเทศให้มาช่วย แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะทางกองทัพได้ทำการตั้งด่านไปทั่วพื้นที่ตั้งแต่วันนี้ ส่วนสถานที่ที่องค์หญิงถูกจับไป น่าจะเป็นไปได้สูงว่าจะอยู่ที่ "ราชคฤหาสน์เอลเบ" ค่ะ)
- จากนั้น เอลนันจะให้เรารวบรวมเบรเซอร์ที่ยังอยู่ในนครหลวง รวมทั้งให้รวบรวมข้อมูลจากนักข่าวที่พวกเอสเทลรู้จักด้วย โดยเอสเทลเสนอว่า ช่วงที่ออกรวบรวมเบรเซอร์กับรวบรวมข้อมูล ก็ควรจะไปบอกเรื่องนี้แก่ยูเลียด้วยค่ะ
- ออกไปรวบรวมคนและข่าวสารได้เลยค่ะ
 
ยุทธการชิงตัวประกัน1-2
『人質解放作戦①‐②』 {BP10(+4)}

นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- รวบรวมเบรเซอร์รุ่นพี่ทั้ง 4 คน เพื่อขอความร่วมมือในการดำเนินการช่วยเหลือตัวประกันออกมา โดยพวกรุ่นพี่เบรเซอร์จะอยู่ตามนี้เลยค่ะ (เริ่มจากใครก่อนก็ได้ค่ะ)
(1) คูลซ์ 『クルツ』
- ในห้องพักบนชั้น 2 โรงแรมโลเอนบาว์ม
★คุยกับ "ฟลิจจ์" ที่เคาน์เตอร์โรงแรม เขาจะบอกว่าคุณคูลซ์ที่เพิ่งกลับเข้ามาเมื่อกี๊ สีหน้าดูซีด ๆ พิกลค่ะ
- เข้าไปในห้องพัก เอสเทลจะรู้สึกว่าสีหน้าของคูลซ์ไม่ค่อยสู้ดี แล้วจู่ ๆ คูลซ์ก็ทรุดลงไป จินเห็นท่าไม่ดีจึงใช้ "ลมปราณ" ใส่คูลซ์ทำให้เขาอาการดีขึ้น และพอจะนึกเรื่องบางส่วนออก เขาได้บอกว่า
คูลซ์ "เรื่องงานที่ชั้นได้ทำเมื่อประมาณ 3 เดือนก่อนนั้น มีคนวานให้ชั้นดำเนินการตรวจสอบพวกกลุ่มคนชุดดำ หลังจากนั้น ก็ได้ชิงเอา [ของน่าสงสัย] อย่างหนึ่งที่พวกนั้นนำมา ซึ่งก็คือ [ออร์บเมนท์สีดำขลับ] แล้วคนที่วานให้ชั้นทำงานนี้ก็คือ คุณคาซิอุส -------------ด้วยความรีบร้อน ชั้นก็ได้ส่งออร์บเม้นท์นั่นเป็นพัสดุจ่าหน้าถึงคุณคาซิอุส.............. ก็นึกออกได้แค่นี้แหล่ะ..."
- มาถึงตรงนี้ จะทำให้เราทราบว่า "K" ที่จ่าหน้าในพัสดุที่เราได้มานั้น ก็คือ "คูลซ์=Kulz" นั่นเองค่ะ แต่เรื่องหลังจากนี้คูลซ์จะนึกยังไงก็นึกไม่ออก นึกได้แต่เพียงว่าตอนที่เขาออกมาจากท่าเทียบเรือเหาะ มีคนเรียกเขาไว้ แล้วเขาก็จำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นอีกเลยค่ะ
(2) กรัซ 『グラッツ』
- บาร์ ซันนี่เบล อินน์ หน้าเคาท์เตอร์ค่ะ

(3) คารูน่า 『カルナ』
- บริษัทค้าอาวุธไวส์ บนชั้น 2 ค่ะ

(4) อาเนราส 『アネラス』
- ห้างเอเดล
- ช่วงที่แวะมาที่ห้างเอเดล อย่าลืมซื้อ "ลีเบร์ลสาร เล่ม 9" ติดมือมาด้วยนะคะ
- ไปพบ "ร้อยโทยูเลีย" ที่มหาวิหาร แต่เธอไม่อยู่ที่นี่ค่ะ
- ไปคุยกับ "อัครสังฆราชคาแลนท์" 『カラント大司教』 แทนค่ะ
(ได้รับทราบว่า อัครสังฆราชคาแลนท์เป็นคนให้ยูเลียปลอมตัวเป็นซิสเตอร์อยู่ที่นี่เอง เพราะทางโบสถ์มีความสัมพันธ์อันดีกับเชื้อพระวงศ์มานานจึงรับเธอเอาไว้ แต่ยูเลียก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้กับคาแลนท์ฟัง เหตุผลน่าจะเป็นเพราะว่า ไม่อยากทำความเดือดร้อนให้ทางโบสถ์ไปมากกว่านี้ คาแลนท์ยังบอกอีกว่า "ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเธอไปที่ไหน แต่ตอนที่จากไปนัยน์ตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความหวัง" เมื่อเอสเทลได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกวางใจขึ้นมากค่ะ)
☆ในช่วงนี้หากใครสะสม "คาร์เนเรีย" ครบ 11 เล่มแล้ว
อย่าลืมแวะไปคุยกับ "บาราล" มาสเตอร์ร้าน "คอฟฟี่เฮ้าส์ บาราล" ด้วยนะคะ
เขาจะขอแลกคาร์เนเรียยกชุดกับของสะสมสุดรักของเขา
ซึ่งก็คือคอลเล็คชั่นจากดินแดนทางตะวันออก
ในตอนที่เขาไปเป็นตัวแทนทูตสันทวไมตรีที่ดินแดนทางตะวันออกค่ะ
โดยเราสามารถเลือกรับอาวุธสุดยอดของเอสเทล "พลองจุดเริ่มจักรวาล (พลองไท้เก็ก)"
หรือของโยชัวร์ "ปักษาขาวดำ พันปักษาพิสุทธิ์" มาอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ☆
- ไปที่สำนักข่าวลีเบร์ลบนชั้น 2 พบกับ "โดรธี" ที่กำลังป็นห่วงรุ่นพี่ไนแอลที่หายไปถึง 2 วัน เราจะบอกกับโดรธี และหัวหน้ากองบรรณาธิการว่า เมื่อวานซืนเราเพิ่งจะมาขอข้อมูลจากไนแอลอยู่เลย โดรธีจะถามว่าแล้วรุ่นพี่หายไปไหนล่ะ จะมีคำตอบให้เลือกดังนี้ค่ะ
取材にでかけた
ออกไปหาวัตถุดิบมาทำข่าว
BP+1
誰かに呼び出された
มีใครบางคนเรียกออกไป
BP+2
一緒に夕食に出かけた
ออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน
BP+0

- เราจะลงความเห็นกันว่า ไนแอลคงหายตัวไปตั้งแต่ที่มีคนเรียกเขาออกไปพบนั่นแหล่ะ ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไนแอลตรวจสอบก่อนหายตัวไป
- จะมีคำตอบให้เลือก ดังนี้ค่ะ
武器大会の優勝者
ผู้ชนะงานประลองยุทธ์
BP+1
クローデイア姫の縁談について
เกี่ยวกับการดูตัวขององค์หญิงคลอเดีย
BP+2
ユリアとカノネの過去について
เกี่ยวกับอดีตของยูเลียและคาโนเน่
BP+1

- เรื่องที่ไนแอลพูดขึ้นมาก่อนที่จะหายตัวไป ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหญิงคลอเดีย ทำให้โยชัวร์คิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ไนแอลจะโดนจับอยู่ที่ราชคฤหาสน์เอลเบด้วย แต่ยังไงเราก็ยังไม่สามารถเล่าเบื้องหลังของเรื่องที่เกิดขึ้นได้ให้กับหัวหน้าบ.ก. ได้ ได้แต่ขอให้เขาวางใจให้เราเป็นคนจัดการเรื่องช่วยไนแอลกลับมาค่ะ
★หากช่วงนี้ไปคุยกับ "ศจ.อัลบา" ทีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ เขาจะบอกให้เรารู้ถึงว่า "เชื้อพระวงศ์" ของลีเบร์ลมีประวัติศาสตร์มายาวนานมาก ๆ ตั้งแต่สมัยเซมเรียค่ะ
- เมื่อรวบรวมเบรเซอร์ทุกคนและรวบรวมข้อมูลได้ครบแล้ว กลับไปคุยกับ "เอลนัน" เพื่อรายงานผลอีกครั้งค่ะ
- จากนั้น เราจะวางแผนกันบนชั้น 3 ของสาขา โดยเราจะแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มนึงล่อพวกหน่วยสืบข้อมูลและพวกทหารพิเศษที่อยู่ในราชคฤหาสน์เอลเบออกมา ส่วนอีกกลุ่มนึงให้บุกทะลวงเข้าไปด้านในราชคฤหาสน์ แต่ด้วยกำลังคนแค่นี้ ดูเหมือนว่าคงจะไม่พอค่ะ
- พบกับ "ร้อยโทยูเลีย" ซึ่งเธอได้นำข่าวดีมาให้ว่า เธอกำลังรวมกำลังคนของหน่วยองค์รักษ์อีก 8 คนมาช่วย ทำให้เราสามารถใช้แผนแยกเป็น 2 กลุ่มได้ค่ะ
(ส่วนที่ยูเลียรู้ว่าเรากำลังขาดคนนั้น เพราะว่าเธอมีวิธีได้ข้อมูลในราชวังมาโดยที่หน่วยสืบข้อมูลไม่รู้ค่ะ อยากรู้ว่าใช้วิธีไหน ก็ติดตามต่อได้เลยค่ะ)
- หลังจากที่เราตกลงกันว่าให้แบ่งเป็นกลุ่มละ 4 คน โดยกลุ่มของยูเลียจะเป็นตัวล่อพวกทหารให้ออกมา ส่วนพวกรุ่นพี่จะดักซุ่มโจมตีพวกที่ถูกล่ออกมาในป่าค่ะ และพวกเอสเทลจะเป็นกลุ่มที่รับหน้าที่บุกเข้าไปช่วยองค์หญิงออกมาค่ะ
- จะมีเวลาให้เตรียมตัว เมื่อเตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้ว ก็ไปคุยกับ "เอลนัน" อีกครั้งเพื่อเริ่มกลยุทธ์ได้เลยค่ะ
- เราจะมารวมตัวกันที่จุดนัดพบ (แผ่นหินอำพัน) บนถนนรอบเมืองเอลเบ คูลซ์จะให้เอสเทลเป็นคนสั่งการ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยค่ะ
ราชคฤหาสน์เอลเบ 『エルベ離宮』
- เพราะแผนที่วางเอาไว้ ทำให้เราสามารถเข้ามาสู่ "ราชคฤหาสน์เอลเบ" ได้อย่างสวยงามค่ะ
- เมื่อเข้ามาจะเกิดการต่อสู้กับ (ทหารพิเศษ กงเล็บ + ทหารพิเศษ มือปืน *2) ทันทีค่ะ
- เกิดการต่อสู้กับ (ทหารพิเศษ กงเล็บ + ทหารพิเศษ มือปืน + แอทแทคเดอเว่น *2) ค่ะ

☆หากเราเข้าออกห้องบ่อย ๆ (ประมาณ 3 ครั้ง) เมื่อออกมาจะเกิดการต่อสู้กับทหารพิเศษเรื่อย ๆ ค่ะ
หากใครอยากเก็บเลเวลก็ตามสะดวกเลยนะคะ☆
- ที่ "ห้องสนทนา" (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) เข้าไปจะเกิดการต่อสู้กับ (ทหารพิเศษ กงเล็บ *3 + ทหารพิเศษ มือปืน) ค่ะ
- คุยกับ "หัวหน้าพ่อบ้านเรมอนด์" 『執事レイモンド』 ค่ะ
(จากตรงนี้ทำให้เราทราบว่า เรมอนด์ก็คือเพื่อนของไนแอลที่เป็นคนที่โทรเรียกไนแอลออกมาเพื่อทำการสัมภาษณ์องค์หญิงค่ะ แต่ตัวเรมอนด์คาดไม่ถึงว่าพวกหน่วยสืบข้อมูลที่นำเสด็จองค์หญิงมา กลับกลายเป็นว่า จับตัวองค์หญิงมาคุมขังที่ "ห้องตราประจำตระกูล" ต่างหาก แถมไนแอลก็โดนจับไปรวมอยู่ในนั้นอีกด้วยค่ะ)
☆หากใครเลือดเหลือน้อย ก็สามารถเพิ่ม HP & EP กับเรมอนด์ได้นะคะ☆
- สำรวจประตูส่วนกลาง จะพบว่าล็อคกุญแจอยู่ทำให้ไม่สามารถเข้าไปได้ค่ะ
- กลับไปคุยกับ "หัวหน้าพ่อบ้านเรมอนด์" อีกครั้ง เขาจะบอกว่า หัวหน้ากองร้อยที่นำพวกทหารพิเศษอยู่เป็นคนถือกุญแจเอาไว้ แต่เรื่องของเรื่องก็คือ คุณยูเลียได้ล่อพวกนั้นออกไปซะแล้วสิ แต่โชคดีที่เรมอนด์นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีกุญแจสำรองเก็บอยู่ตรงไหนซักแห่งในห้องจัดแสดงค่ะ
- ไปที่ "ห้องจัดแสดง" (ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) สำรวจไหด้านในสุดจะได้รับ "กุญแจสำรอง" 『スペアキー』 มาค่ะ
- ใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปในห้องส่วนกลาง จะเกิดการสู้กับ
- ทหารพิเศษเกราะหนัก *2 -
- 『重装特務兵*2』 -
**ศัตรูมีพลังโจมตีแรงมาก ๆ แนะนำ ให้ใช้อาร์ท "คาออสแบรนด์" ทำให้ติดสับสนจะชนะง่ายขึ้นค่ะ**
**แล้วก็ระวังท่าที่ทำให้ติด "หมดสติ" ของศัตรูด้วยนะคะ จะใส่เครื่องประดับกันไว้ก่อนก็ได้ค่ะ**

- ปราบได้ ให้เข้าไปยังห้องด้านในจะพบกับ "องค์หญิงคลอเดีย", "ไนแอล" และเหล่าตัวประกันค่ะ
- เอสเทลกล่าวทักทายที่ได้รู้จักกับองค์หญิง (ไม่รู้ว่าองค์หญิงก็คือคลอเซ่) คลอเซ่จึงพูดว่า "ไม่ใช่ยินดีที่รู้จักหรอกนะคะ... คุณเอสเทล คุณโยชัวร์ ในที่สุดก็ได้พบกันตามที่ได้สัญญากันเอาไว้แล้วนะคะ" ถึงจะได้ยินประโยคนี้ แต่เอสเทลนางเอกสุดเป๋อของเราก็ยังไม่เก็ตค่ะ โยชัวร์ก็กล่าวทักทายคลอเซ่ โดยยังคงเรียกเธอด้วยชื่อ "คลอเซ่" เหมือนเดิม เพราะดูเหมือนคลอเซ่เองก็อยากจะให้เรียกชื่อนี้มากกว่า พอเอสเทลรู้ว่าคลอเซ่ก็คือองค์หญิง ถึงกับร้องเสียงหลงเชียวค่ะ
(คลอเซ่บอกว่า อันที่จริงเธอตั้งใจจะเปิดเผยตัวจริงให้พวกเอสเทลรู้ในตอนที่จะได้เจอกันที่นครหลวงอีกครั้ง แต่ถูกพันเอกริชาร์ดจับตัวไปซะก่อนค่ะ)
- เราจะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ จนกระทั่งถึงตอนนี้ให้กับคลอเซ่ฟัง เธอจะขอบคุณที่ช่วยเธอ แต่เอสเทลบอกว่า "ถ้ารู้แต่แรกว่าเป็นคลอเซ่ล่ะก็ ไม่ต้องไหว้วานให้มาช่วยออกไป ชั้นก็ต้องมาช่วยอยู่แล้วล่ะ" ทำให้คลอเซ่ดีใจมาก ๆ ค่ะ
- แต่ทว่า "หัวหน้ากองร้อย" ที่พวกยูเลียล่อออกไปได้ย้อนกลับเข้ามาที่นี่ และจับตัว "ริอันนุ" เป็นตัวประกันเอาไว้ คลอเซ่ขอให้หัวหน้ากองร้อยปล่อยตัวเด็กแล้วจับตัวเธอเป็นตัวประกันแทน แต่เขากลับบอกว่าไม่อาจเอื้อมที่จะจับตัวเชื้อพระวงศ์ได้ แค่หลานสาวของนายพลมอร์แกนก็เหมาะมือดีอยู่แล้ว ดังนั้น พวกเราจึงไม่มีอำนาจต่อรองที่จะทำอะไรหัวหน้ากองร้อยได้ แถมพวกทหารที่ออกไปลาดตระเวนก็กำลังจะกลับเข้ามารวมพลกับฝ่ายเขาอีกด้วย ทำให้สถานการณ์กำลังพลิกกลับทำให้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบค่ะ
- "ถ้าหมายถึงเจ้าพวกนั้นล่ะก็ โดนชั้นปราบไปหมดแล้วล่ะ" ทันใดนั้น "เจ๊เชร่า" ก็ปรากฏตัวเข้ามาช่วยริอันนุได้ แถมยังพ่วงตาติ๊งต๊อง "โอลิเวียร์" มาอีกต่างหาก
(จินเห็นเจ๊เชร่า ก็ทักทายกันตามประสาคนรู้จัก แถมยังบอกว่าเจ๊เชร่าดูมีเสน่ห์ขึ้นนะ ทำเอาโอลิเวียร์อิจฉาไม่ใช่น้อย แล้วพูดอย่างน้อยอกน้อยใจกับเจ๊เชร่าว่า "พอหมดสิ้นเยื่อใย ก็ทิ้งผมอย่างไม่ใยดีเลยน๊า" เจ๊เชร่ารู้ทางโอลิเวียร์อยู่แล้ว จึงอ้างไอน่าขึ้นมาทำให้โอลิเวียร์ต้องขอโทษเจ๊แกแบบเสียไม่ได้ค่ะ)
- ที่เจ๊เชร่าสามารถมาถึงนครหลวงได้แม้จะมีการตั้งด่านนั้น เพราะเจ๊แกใช้เรือมาจากทะเลสาบวาเลเรียค่ะ ส่วนที่มาพร้อมกับนายติ๊งต๊องนี่ได้ ก็เพราะว่าตอนที่กำลังออกมาจากสมาคมเพื่อจะมาที่นี่นั้นก็เจอโอลิเวียร์พอดี แถมนายนี่ก็เกาะติดไม่ยอมปล่อยเจ๊แกเลยต้องจำใจพามาด้วยน่ะค่ะ
(หลังจากที่ "ยูเลีย" เข้ามาสมทบ เราจะให้พวกตัวประกันไปพักผ่อน ส่วนพวกเอสเทลจะมารวมตัวกันที่ห้องพักค่ะ ซึ่งตรงนี้เราจะได้ทราบว่า คนที่นำจดหมายไปไว้ที่ห้องพักของพวกเอสเทล และคนที่สืบได้ว่าองค์ราชินีไหว้วานพวกเอสเทลก็คือ ฮะยะบุซะคู่ใจคลอเซ่ สัญลักษณ์แห่งลีเบร์ล "ซิก" นั่นเอง แต่ซิกไม่สามารถหาทางเข้าไปในห้ององค์ราชินีได้ จึงไม่สามารถแจ้งความเป็นไปให้กับองค์ราชินีได้ ทางยูเลียจึงต้องไหว้วานพวกเราค่ะ)
- ได้รับคำไหว้วานจากองค์หญิงคลอเดียให้ทำการช่วยเหลือองค์ราชินีออกมา จากนั้น องค์หญิงคลอเดีย (คลอเซ่) จะให้เราดูแผนที่เก่าแก่ของทางน้ำใต้ดินซึ่งมีทางลับเข้าไปสู่พระราชวังค่ะ
ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- ที่ท้องพระโรง "ร้อยตรีโรแลนซ์" รายงาน "ร้อยเอกคาโนเน่" ว่าพวกเราสามารถยึดราชคฤหาสน์เอลเบได้แล้ว ทำให้คาโนเน่โกรธมาก เพราะเรื่องนี้เพราะโรแลนซ์สั่งการไม่ได้เรื่องค่ะ
- จากนั้น คาโนเน่จะสั่งการพวกทหารพิเศษให้ทำการปิดพระราชวังทั้งทางบกและทางอากาศ ไม่ให้ใครเล็ดลอดเข้ามาได้ รวมทั้งให้จัดกำลังพลบุกไปที่ราชคฤหาสน์เอลเบอีกด้วยค่ะ
- ร้อยตรีโรแลนซ์เห็นการสั่งการที่ยอดเยี่ยมของคาโนเน่ก็ออกปากชม แต่คาโนเน่กลับค่อนแคะโรแลนซ์ว่า เธอไม่ทำงานพลาดเหมือนคนเข้าใหม่อย่างร้อยตรีหรอก และเธอจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขัดขวางแผนการของพันเอกได้อย่างเด็ดขาดค่ะ
ราชคฤหาสน์เอลเบ 『エルベ離宮』
- กลับมาที่ราชคฤหาสน์ "ยูเลีย" จะวางแผนให้ทีมของโยชัวร์ ใช้ทางน้ำใต้ดินลอบเข้าไปเปิดประตูราชวังในห้องทำงานของหน่วยองค์รักษ์ และให้หน่วยองค์รักษ์ทุกคนรวมทั้งรุ่นพี่เบรเซอร์ทั้ง 4 คน บุกจากเขตเมืองเข้าไปด้านในราชวังค่ะ
- ยูเลียรู้สึกเป็นห่วงที่คลอเซ่ได้ตัดสินใจจะไปช่วยท่านย่าด้วยตัวเอง แต่เอสเทลกับเจ๊เชร่าบอกไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีพวกเธอคอยคุ้มครองอยู่แล้ว ดังนั้นยูเลียจึงวางใจและมอบหมายให้พวกเอสเทลใช้เรือเหาะเฉพาะกิจ บุกจากทางอากาศขึ้นไปยังสวนลอยฟ้าเพื่อช่วยราชินีอาริเชียออกมาค่ะ
- ก่อนที่เราจะแยกย้ายกัน เอสเทลกับโยชัวร์จะบอกกันและกันว่าให้ระวังตัวให้ดี ยังไงก็ต้องทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนนี้ และมาเจอกันที่ราชวังแกรนเซลอีกครั้ง เจ๊เชร่าบอกกับโยชัวร์ว่า
เชราซาร์ด "ไม่ต้องเป็นห่วงเอสเทลไปหรอกนะ เพราะชั้นอยู่ด้วยทั้งคนนี่นา แถมหลังจากที่เอสเทลออกเดินทางมาพร้อม ๆ กับเธอ ไม่ใช่แค่ดูสมกับเป็นเบรเซอร์มากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะดูสมกับเป็นผู้หญิงมากขึ้นด้วยนะนี่"
- คำพูดนี้ของเจ๊เชร่า ทำเอาเอสเทลเขินจนหน้าแดงไปเลยค่ะ
(พอคล้อยหลังพวกโยชัวร์ เจ๊เชร่ารีบเข้าไปกระซิบถามคลอเซ่ ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของเด็กพวกนั้นหรือเปล่า คลอเซ่ตอบว่าเธอก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ก็คือ ทั้ง 2 คนมีสีหน้าที่ดีมาก ๆ ซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกอิจฉาเล็ก ๆ ค่ะ)
 
ยุทธการช่วยเหลือองค์ราชินี1-2
『女王陛下救出作戦①‐②』 {BP10(+5)}

ราชวังแกรนเซล 『王都グランセル』
- ฝั่งของโยชัวร์จะมาที่นครหลวง ซึ่งกระทาชายนายโอลิเวียร์จะขอร้องไม่ให้เราเดินเข้าไปเฉียด ๆ แถวสถานทูตจักรวรรดิ เพราะเขากลัวมิวเลอร์จะจับได้ค่ะ
☆อย่าลืมรายงานผลซับเควสต์กับ "เอลนัน" ด้วยนะคะ
เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้รายงานผลซับเควสต์แล้วค่ะ☆
★คุยกับ "คุณนายแคทรีน่า" และเมด "ดาเลีย" พวกเธอจะบอกว่า ทางเอลนันแจ้งเรื่องของริอันนุมาเรียบร้อยแล้วค่ะ
★คุยกับ "หัวหน้ากองบ.ก." ซึ่งเอลนันก็ได้แจ้งมาแล้วเหมือนกันว่า ไนแอลยังอยู่ที่ราชคฤหาสน์เอลเบทำให้เขาโล่งใจมาก ๆ ส่วน "โดรธี" ก็ดีใจที่ไนแอลยังมีชีวิตอยู่ค่ะ
(ไม่มีใครบอกซักหน่อยว่า ไนแอลตายน่ะ คุณเธอคิดเองเออเองหมดเลยอ่ะ)
★หากคุยกับพวกชาวเมือง ทำให้เราได้รับรู้ว่าบางคนรู้สึกไม่ค่อยดีที่มีทหารชุดดำ (ทหารพิเศษ) มาเดินป้วนเปี้ยนเต็มเมืองไปหมดค่ะ
★หากเข้าไปในบาร์ "ซันนี่เบล อินน์" จะพบพลทหารทั้ง 2 ที่เคยเฝ้าหน้าประตูพระราชวัง เขาจะบอกว่าเพราะมีพวกทหารพิเศษมาเฝ้าประตูแทน พวกเขาจึงออกมาผ่อนคลายข้างนอกได้บ้างค่ะ
ทางน้ำใต้ดิน 『地下水路』
- ใช้ทางลับในเส้นทางน้ำใต้ดิน ลอบเข้าไปในพระราชวังแกรนเซลได้เลยค่ะ
☆ในตอนที่เราลงมาปราบสัตว์ปิศาจตามประกาศจับและได้สับสวิทซ์เปิดทางรอไว้แล้ว
จะเข้าจากเขตทิศไหนก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้สับเตรียมเอาไว้ต้องเข้ามาจากเขตทิศตะวันออกเท่านั้นค่ะ☆
- เมื่อมาถึงกำแพงที่เป็นเครื่องหมาย = สีแดงในแผนที่ โยชัวร์จะลองสำรวจกำแพงและพบกลไกเปิดทางลับ เพื่อเข้าไปสู่ทางน้ำใต้ดินด้านเหนือได้ค่ะ
- ที่สุดทาง โยชัวร์จะเจอสวิทซ์แบบเดียวกับกำแพงที่ผ่านมาก่อนหน้า หากไม่ลืมอะไรแล้วเลือก "รอจนกว่าจะถึงตอนเที่ยง" 『正午まで待機する』 จะสลับไปฝั่งเอสเทลค่ะ
※สลับไปยังฝั่งเอสเทลค่ะ※
นครหลงแกรนเซล - หน้าประตู 『王都グランセル・門前』
- ทางฝั่ง "ยูเลีย" เธอจะวางกำลังพล ทั้งเบรเซอร์รุ่นพี่และเหล่าหน่วยองค์รักษ์ที่หน้าประตูนครหลวง เพื่อเตรียมบุกเข้าไปพร้อม ๆ กันตอนเที่ยงวันค่ะ
ถนนรอบเมืองเอลเบ 『エルベ周歩道』
- พวกเอสเทลจะมาขึ้นเรือเหาะเฉพาะกิจของหน่วยสืบข้อมูลที่นี่ (ยึดมา) ซึ่งคลอเซ่สงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า เรือประสิทธิภาพสูงอย่างนี้พวกหน่วยสืบข้อมูลไปหามาจากที่ไหนกัน
- ช่วงนี้สามารถหาซื้อพวกไอเทมต่าง ๆ หรือผสมควอทซ์กับ "ช่างซ่อมบำรุงเพตัน" 『整備士ペイトン』 ได้นะคะ โดยปกติแล้ว เพตันจะทำงานซ่อมบำรุงอยู่บนยานอัลเซยู แต่ตอนนี้เขาจะมาช่วยซัพพอร์ตเราค่ะ
- เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เข้าไปในเรือเหาะได้เลยค่ะ
※สลับไปยังฝั่งโยชัวร์**
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยง "ไนแอล" ที่กลับมารออยู่ที่สำนักข่าวแล้วนั้น แสดงอาการตึงเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
- "โดรธี ไปกันได้แล้ว" เสียงไนแอลเรียก "โดรธี" ที่ยังเซ็ตควอทซ์ไวแสงให้กับออร์เบิลคาเมร่าไม่เสร็จ ทำให้เธอรีบเร่งเพื่อให้ทันใจรุ่นพี่ไนแอลของเธอ ที่ต้องการทำข่าวนี้เพื่อให้เรื่องทุกอย่างไขกระจ่างสู่มวลชนด้วยปลายปากกาของเขาค่ะ
ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- พวกโยชัวร์จะมาโผล่ที่โกดังเก็บอาหารชั้นใต้ดินค่ะ
- ขึ้นบันไดทางด้านทิศใต้จะเกิดการต่อสู้กับ (ทหารพิเศษ กงเล็บ *2 + ทหารพิเศษ มือปืน *2 + แอคแทคเดอเว่น *2)
- ปราบได้ โยชัวร์จะสับสวิทซ์แผงควบคุมเปิดประตูราชวัง เพื่อให้พวก "ร้อยโทยูเลีย" บุกทะลวงเข้ามาด้านในค่ะ
- "ร้อยเอกคาโนเน่" เห็นพวกยูเลียบุกเข้ามาจึงสั่งให้ทหารพิเศษลงไปป้องกันที่ท้องพระโรง แต่ทว่าอีกด้านหนึ่งนั้น พวกเอสเทลก็ได้ใช้เรือเหาะบุกเข้ามาตามแผนการได้สำเร็จค่ะ
※สลับไปฝั่งเอสเทล**
สวนลอยฟ้า 『空中庭園』
- ที่สวนลอยฟ้า เกิดการต่อสู้กับ
- ร้อยเอกคาโนเน่ + ทหารพิเศษ กงเล็บ *2 -
- 『カノーネ大尉 + 特務兵・爪*2』 -
**ไม่ยากค่ะ แต่แนะนำให้จัดการกับทหารพิเศษที่สามารถใช้ไอเทม "ยาแห่งเซราส" ชุบเพื่อนขึ้นมาได้ก่อน จะง่ายขึ้นค่ะ**

- ปราบได้ ก็เข้าไปในตำหนักราชินีได้เลยค่ะ
- เมื่อจะเข้ามาจะเกิดการต่อสู้ขึ้นกับ (ทหารพิเศษ กงเล็บ + ทหารพิเศษ มือปืน *2 + แอคแทคเดอเว่น *2) และ (ทหารพิเศษ มือปืน *2 + แอคแทคเดอเว่น *2 + โซลิดโดเซอร์ *2 ) ค่ะ
ตำหนักราชินี 『女王官』
- ในพระตำหนักจะพบกับ "ดยุคดิวนัน" (ที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าคลอเซ่ก็คือคลอเดีย ระบบความจำ แย่ยิ่งกว่าเอสเทลอีกนะเนี่ย) พอเขาเห็นคลอเดียที่ไปเข้าพวกกับพวกเบรเซอร์ ดยุคดิวนันก็โกรธมากและด่าทอว่า พวกผู้หญิงเนี่ยเชื่อถือไม่ได้และอื่น ๆ อีกมากมาย จนพวกทหารพิเศษรู้สึกว่าดยุคดิวนันพูดแรงเกินไปหน่อยด้วยค่ะ
- เกิดการต่อสู้กับ
- ดยุคดิวนัน + ทหารพิเศษเกราะหนัก + ทหารพิเศษ มือปืน *2 -
- 『デュナン公爵 + 重装特務兵 + 特務兵・銃*2』 -
**แนะนำให้ใช้อาร์ท "คาออสแบรนด์" ใส่พวกทหารพิเศษ จะง่ายขึ้นค่ะ**
**ระวัง พวกที่เราใช้อาร์ทใส่เข้าโจมตีดยุคดิวนันจนเลือดหมดด้วยนะคะ เพราะถ้าดยุคดิวนันอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ได้เราจะไม่ได้รับโบนัส BP ค่ะ**

- หากเราทำตามเงื่อนไขจะได้รับโบนัส BP ด้วยนะคะ
ปราบเฉพาะพวกทหารพิเศษเท่านั้น BP+2

- ปราบได้ ดยุคดิวนันจะสลบไป ลุง "ฟิลลิป" จะเข้ามาขอร้องและก้มหัวขอโทษพวกเราทุกคน กับเรื่องที่ดยุคดิวนันได้ทำลงไปค่ะ ซึ่งลุงฟิลลิปจะขอรับความผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว ที่เลี้ยงดูท่านดยุคมาให้เป็นแบบนี้ คลอเซ่ให้ฟิลลิปเงยหน้าขึ้นพร้อมทั้งบอกให้เขาพาดยุคดิวนันไปพักผ่อนที่ห้อง แล้วเราจะเข้าไปช่วยองค์ราชินีกันต่อค่ะ
ตำหนักราชินี - ระเบียง 『女王官・テラス』
- เมื่อไปถึงระเบียงด้านนอกห้องบรรทมองค์ราชินี จะพบกับ "ร้อยตรีโรแลนซ์" ที่มารออยู่แล้ว เขาจะชมเอสเทลว่า
ร้อยตรีโรแลนซ์ "สมกับที่เป็นลูกสาวของเบรเซอร์ระดับ S คาซิอุส ไบรท์จริง ๆ"
- ทำให้เจ๊เชร่ารู้สึกแปลกใจระคนสงสัยที่คนนอกอย่างโรแลนซ์ ล่วงรู้ระดับเบรเซอร์ที่แท้จริงของอาจารย์คาซิอุส ไม่เพียงแค่นั้นโรแลนซ์ยังรู้ว่าไปถึงว่า เจ๊เชร่าอยู่ระดับ C และกำลังจะเลื่อนขึ้นเป็นระดับ B อีกด้วยค่ะ
- นอกจากนั้น โรแลนซ์ได้หันมาพูดกับคลอเซ่ที่ไม่เห็นเหตุผลในการต่อสู้กับเขาอีกด้วยว่า
ร้อยตรีโรแลนซ์ "สิ่งที่ทำให้ให้โลกใบนี้ขับเคลื่อนไป ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตา ถ้ามองเพียงแค่ด้านหนึ่งของควอทซ์ ก็ไม่อาจรู้ถึงการเคลื่อนไหวของฟันเฟืองได้... ใช้จิตใจสิ องค์หญิงคลอเดีย... สิ่งที่เรียกว่าประเทศชาติ ก็เหมือนกับออร์บเมนท์ขนาดใหญ่อันสลับซับซ้อน ที่ได้ดึงพลังจากควอทซ์ซึ่งเปรียบดังผู้คนมากมาย ส่วนฟันเฟืองก็คือระบบโครงสร้างจำนวนมาก เฟรมก็คือแผ่นดินของประเทศที่ห่อหุ้มสิ่งเหล่านั้นเอาไว้... ถ้าไม่เข้าใจสภาพความเป็นจริงเช่นนั้นแล้วล่ะก็ เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ขึ้นเป็นราชินีหรอกนะ"
- ราชินีอาริเชียที่ได้ฟังคำพูดของโรแลนซ์ก็ตรัสขึ้นมาว่า
ราชินีอาริเชีย "เปรียบเปรยได้น่าสนใจที่เดียวนะคะ แต่ทว่า จริง ๆ แล้วคงจะไม่ได้เป็นไปตามนั้นกระมัง ทฤษฎีของประเทศชาติที่ได้ฟังนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่อาจเป็นไปได้หรอก...."
- ยังไงก็แล้วแต่ เอสเทลก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พูดหรอกนะ แต่ถ้าหากร้อยตรีโรแลนซ์ไม่ยอมถอย ก็มีแต่ต้องต่อสู้เท่านั้น เรื่องหลังจากนี้ค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน เมื่อร้อยตรีโรแลนซ์ได้ฟังดังนั้น จึงคิดที่จะเอาจริงขึ้นมาบ้าง และแล้วเขาก็เปิดเผยใบหน้าใต้หน้ากากสีดำ ให้พวกเอสเทลได้เห็นใบหน้าที่แท้จริง เจ๊เชร่าได้เห็นผมสีแอชบลอนด์ของเขา ทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้เกิดที่ประเทศทางเหนือค่ะ
ร้อยตรีโรแลนซ์ "ที่บอกว่าทางเหนือนั้นก็ไม่ผิด แต่ก็คงไม่ไกลไปจากที่นี่ซักเท่าไหร่ ...ถึงพวกเธอจะเป็นผู้หญิง ชั้นก็ไม่คิดจะออมมือให้หรอกนะ... ...บุกล่ะ"
- เกิดการต่อสู้กับ
- ร้อยตรีโรแลนซ์ -
- 『ロランス少尉』 -
**ให้เอสเทลสวม "แกรล ล็อกเก็ต" เพื่อกันสภาพผิดปกติทุกอย่างเอาไว้ได้เลยค่ะ**
**ส่วนคนอื่น ๆ ก็ให้สวมไอเทมป้องกัน "สับสน" และ "หมดสติ" เอาไว้ เพราะร้อยตรีโรแลนซ์สามารถใช้อาร์ท "ซิลเวอรธอร์น" ทำให้ติด "สับสน" ได้ แถมยังมี S-Craft "ตัดเพลิงอสูร" ที่ทำให้ติด "หมดสติ" ได้เช่นกันค่ะ**
**ในการต่อสู้ครั้งนี้ เราไม่สามารถใช้อาร์ท "แอนตี้เซฟต์" ใส่เขาเหมือนตอนที่สู้ในงานประลองยุทธ์ได้ แต่สามารถใช้เอฟเฟคต์จากพวกควอทซ์สกัดกั้นหรือพวกคราฟท์ที่ใช้ยกเลิกการร่ายอาร์ทได้ ซึ่งมักจะใช่ไม่ทัน เพราะเทิร์นของโรแลนซ์เร็วมาก ๆ ค่า**
**แนะนำให้เอสเทลใช้คราฟท์ "ตะโกน" เพิ่ม STR ของฝ่ายเรา, ให้คลอเซ่ใช้คราฟท์ "เคมป์ฟาร์" โจมตีใส่โรแลนซ์เพื่อลด STR & DEF หากทำได้แล้ว พยายามโจมตีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าโชคดีมี AT Bonus เป็น Criticle ก็พยายามใช้ S-Break รุมเลยค่ะ (พยายามสะสม S Craft ของเอสเทลให้ Max จะได้โจมตีแรงขึ้น)**
**การต่อสู้ครั้งนี้ไม่สามารถแบ่งได้ว่า ใครมีหน้าที่ทำอะไร เพราะหากร่ายอาร์ทบางทีก็ไม่ทันเทิร์นของโรแลนซ์ แบ่ง ๆ หน้าที่กันตามโอกาสดีกว่าค่ะ**
**การเพิ่มเลือดหรือแก้สถานะผิดปกติ แนะนำให้ใช้พวกไอเทมหรือพวกอาหารแทน ไม่แนะนำให้ใช้อาร์ทอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลข้างต้นที่บอกไปค่ะ**
**หากช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เทิร์นไม่ทันโรแลนซ์ ให้เจ๊เชร่าใช้คราฟท์ "เฮฟเว่นคิส" (AT advance) ช่วยเร่งเทิร์นของเอสเทลหรือคลอเซ่ได้ค่ะ**
**ถ้าเราใช้อาร์ท "เอิร์ธวอล์ล" ก็จะสามารถกันการโจมตีทุกอย่างได้ 1 ครั้ง ถ้าคิดว่าเร็วพอที่จะร่ายจบก่อนจะโดนคราฟท์ "เซโร่สตอร์ม" (สกัดกั้นการร่ายอาร์ท) ของโรแลนซ์ ก็ใช้ได้ตามสะดวกเลยค่ะ**
**ระวังให้ดี ร้อยตรีโรแลนซ์ร่ายอาร์ทได้เร็วมาก เขาจะมีอาร์ท "เอิร์ธวอล์ล รุ่นปรับปรุง" และ "เทียร์รอล" สนับสนุนตัวเองได้ หากฝ่ายเราเร็วไม่พอจะกลายเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อได้นะคะ**

- ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ชนะก็ตาม เราก็สามารถดำเนินเรื่องต่อไปได้ แต่แนะนำให้พยายามสู้ให้ชนะ เพราะจะได้โบนัส BP ตามนี้ค่ะ
สามารถชนะร้อยตรีโรแลนซ์ได้ BP+3

☆ ในกรณีที่สามารถเอาชนะโรแลนซ์ได้
เขาจะเอ่ยปากชมเอสเทล ว่าไม่แน่เอสเทลอาจจะเก่งได้ถึงระดับพ่อของเธอด้วยนะคะ
แต่ยังไงก็ตามร้อยตรีโรแลนซ์ก็สามารถฟื้นคืนสภาพได้เร็วมาก ๆ อยู่ดีค่ะ☆
- ราชินีอาริเชียตรัสกับร้อยตรีโรแลนซ์ว่า
ราชินีอาริเชีย "แววตานั่น... เพราะอะไรถึงได้มีแววตาที่อยากหยั่งถึงเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อยอยู่แท้ ๆ... คงจะพบเจออะไรมามากมายสินะ"
ร้อยตรีโรแลนซ์ "........................ ราชินีเอ๋ย ท่านไม่มีสิทธิมาเวทนาสงสารชั้นหรอกนะ โดยเฉพาะกับท่านที่รู้จัก [เฮอร์เมล] 『ハーメル』 น่ะ..."
ราชินีอาริเชีย "!?"
ร้อยตรีโรแลนซ์ "เอาล่ะ ได้เวลาแล้วล่ะนะ ตามที่พวกเธอขอเอาไว้ชั้นจะคืนองค์ราชินีให้ก็แล้วกัน ถ้าอยากจะหยุดยั้งพันเอกล่ะก็ รีบ ๆ ไปที่ชั้นใต้ดินจะดีกว่า แต่อาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้... ถ้าความเสียหายจากความรู้เท่าไม่ถึงการขยายเป็นวงกว้างออกไปแล้วล่ะก็ อาจจะถูกกลืนกินไปก็เป็นได้"
ราชินีอาริเชีย "ใต้ดิน หรือว่าจะลงไปใต้ดินจากที่แห่งนั้นเช่นนั้นหรือ"
ร้อยตรีโรแลนซ์ "หึ... ถ้าเป็นท่านในตอนนี้ล่ะก็ รู้อยู่แล้วล่ะว่าคงจะพูดจาแสดงความรังเกียจเรื่องอย่างนั้น ไม่ลองชี้แนะพวกเขาดูล่ะ ...ลาล่ะนะ"
- พูดจบ ร้อยตรีโรแลนซ์กระโดดหนีไปจากระเบียงด้วยความเร็วชั่วพริบตา พวกเอสเทลรีบวิ่งไปดูแต่กลับไม่เห็นแม่แต่ผิวน้ำกระเพื่อมไหว นั่นแสดงว่าร้อยตรีโรแลนซ์ ไม่ได้ตกลงไปในทะเลสาบอย่างแน่นอนค่ะ
- หลังจากนั้น "โยชัวร์", "จิน", "โอลิเวียร์" และ "ยูเลีย" ก็วิ่งตามมาสมทบ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างดีใจที่ไม่มีใครเป็นอะไรค่ะ
- พอโยชัวร์รู้ว่าร้อยตรีโรแลนซ์อยู่ที่นี่จนถึงเมื่อกี๊นี้ ก็มีท่าทางเหมือนไม่สบายใจ แต่ทว่าแค่เห็นเอสเทลไม่เป็นอะไรไปเขาก็ดีใจแล้ว ส่วนยูเลียได้ขอให้ราชินีอาริเชียหนีไปขึ้นเรือเหาะ แต่ราชินีไม่ยอมหนีและต้องการที่จะหยุดยั้งพันเอกริชาร์ด เพราะว่าเมื่อวานนี้พันเอกริชาร์ดได้เข้ามาคุยกับองค์ราชินี และบอกถึงเหตุผลที่แท้จริงที่เขาได้ทำทั้งหมด นั่นก็คือ การครอบครอง "วงแหวนประกายแสง (โอรีออล)" 『輝く環 《オーリオール》』 ซึ่งราชินีอาริเชีย ได้กล่าวอีกว่า ยังมีคำกล่าวสืบทอดกันมาในราชวงศ์ว่า
ราชินีอาริเชีย "วงแหวนประกายแสง เมื่อใดก็ตามที่เกิดภัยพิบัติขึ้น เพื่อไม่ให้วิญญาณของเหล่าลูกหลานถูกนำพาไปสู่แดนดินถิ่นนรก ผองเรา (ราชวงศ์) จำต้องผนึกวงแหวน กำราบความมืดที่มืดมิดยิ่งกว่าความมืด เพื่อเหล่าผู้คนที่ยังคงมีชีวิตอยู่..."
- จากคำบอกเล่านี้ ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า วงแหวนประกายแสงเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายโดยธรรมชาติของมันเอง จึงถูกต้นตระกูลของราชวงศ์ผนึกเอาไว้ และเมื่อรวมกับข้อมูลที่ว่า ได้มีการตรวจพบพลังงานออร์บเมนท์อันมหาศาลที่ชั้นใต้ดิน เป็นไปได้ว่าวงแหวนประกายแสงอาจจะถูกผนึกเอาไว้ที่นี่ค่ะ
- ราชินีเกรงว่าจะเกิด "การล่มสลายครั้งยิ่งใหญ่" เหมือนเช่นในอดีต ดังนั้น เพื่อที่จะยับยั้งแผนการของพันเอกริชาร์ด เราจะไปที่ "เขตที่ถูกผนึก" ชั้นใต้ดินของราชวังแกรนเซลค่ะ
 
วงแหวนประกายแสง
『輝く環』 (BP12)

ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- ที่โกดังสมบัติในโกดังเก็บอาหาร เมื่อราชินีใช้กุญแจไขเข้าไป จะเจอลิฟท์ที่พันเอกริชาร์ดสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางลงไปสู่ชั้นใต้ดินค่ะ
- โยชัวร์สำรวจแผงควบคุมของลิฟท์ แล้วพบว่าลิฟท์ถูกล็อกด้วยออร์บเมนท์ ต้องหาควอทซ์ที่เป็นกุญแจถึงจะทำให้ลิฟท์ใช้งานได้ ได้ยินดังนั้น ร้อยโทยูเลียจึงขออนุญาตราชินีอาริเชียลงคำสั่งให้พวกทหารค้นหากุญแจดูค่ะ
- "ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นร๊อก" เสียงชายแก่คนหนึ่งดังขึ้น เมื่อพวกเราหันไปที่ต้นเสียงนั้น ก็พบกับ "ดร. รัซเซล", "อากัต" และ "ทีต้า" อีกครั้งค่ะ **อากัต ทีต้าเข้ากลุ่ม**
(ทีต้ารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอกับเอสเทลและโยชัวร์อีกครั้ง เพราะเธอได้ยินเรื่องที่พวกเอสเทลเข้ามาต่อสู้ในพระราชวังจากทางสมาคม ทำให้เป็นห่วงพวกเอสเทลอย่างมาก ซึ่งอากัตได้บอกว่าที่พวกเขามาที่นครหลวงนี่ได้ก็เพราะเรือขนส่งสินค้า และเอลนันยังได้ฝากให้อากัตนำรางวัลของผลงานในครั้งนี้ มาให้กับพวกเราด้วยค่ะ)
☆ได้รับการรายงานผลเมนเควสต์จากอากัต☆
- อากัตสงสัยว่าทำไมนักเรียนอย่างคลอเซ่มาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังคิดว่าราชินีอาริเชียเป็นผู้เกี่ยวข้องธรรมด๊าธรรมดาซะอีก พอรู้ว่าเป็นราชินีอากัตถึงกับหน้าถอดสี ก็เพราะดูไม่เห็นจะใช่เลย จากนั้นก็จะมีอีเวนท์แนะนำตัวเองค่ะ
(โอลิเวียร์ขอให้ทีต้าเรียกเขาว่า "พี่โอลิเวียร์" แต่เอสเทลบอกว่า "ไม่มีทางโดนเรียกแบบนั้นหรอกย่ะ ถ้าเป็นนายล่ะก็นะ" ค่ะ)
- หลังจากนั้น "ดร. รัซเซล" จะลองตรวจดูและพบว่า ลิฟท์ตัวนี้ต้องใช้การ์ดติดควอทซ์ซึ่งเป็นการ์ดที่เพิ่งมีการพัฒนาขึ้นมาถึงจะปลดล็อกได้ก็จริงอยู่ แต่ดร. ได้ทำการตัดสายเคเบิลที่เป็นวงจรออกและทำการเชื่อมวงจรใหม่อีกครั้ง ทำให้ลิฟท์สามารถใช้งานได้ค่ะ
- "ทหารหน่วยองค์รักษ์" ได้เข้ามารายงานว่ามีกองทัพของ "ทหารประจำการ" ภายใต้การนำของหน่วยสืบข้อมูล กองพลใหญ่เคลื่อนทัพมาที่หน้าประตูราชวัง ทั้งยังมีอีก 3 เหล่าทัพที่จะยกพลขึ้นบกอีกด้วย เมื่อได้ฟังดังนั้น ราชินีอาริเชียจึงตัดสินใจที่ออกไปพบปะพูดคุยกับเหล่าผู้นำทัพจากทางระเบียงของราชวังด้วยตนเอง และให้ร้อยโทยูเลียเตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งราชินีอาริเชียเชื่อมั่นว่า จะไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น เพราะยังไงพวกเขาเหล่านั้น ก็เป็นประชาชนของลีเบร์ล และราชินีก็ได้ฝากความหวังเอาไว้ที่พวกเราให้ช่วยหยุดยั้งพันเอกริชาร์ดให้ได้ค่ะ
เขตที่ถูกผนึก - ระเบียงกลางหาว ชั้นที่ 1 『封印区画・第1層空中回路』
- เมื่อมาถึงระเบียงกลางหาวชั้นที่ 1 เราจะแบ่งกลุ่มกัน โดยกลุ่มคนที่รออยู่ (ไม่ได้จัดกลุ่มเข้าสู้) จะตามไปทีหลังเมื่อกลุ่มแนวหน้าหาเส้นทางไปต่อพบ ซึ่งทุกคนได้ลงความเห็นให้เอสเทลและโยชัวร์ เป็นผู้นำในการคลี่คลายเหตุการณ์ในครั้งนี้ค่ะ
☆เลือกเพื่อนเข้ากลุ่มต่อสู้ 2 คน (เอสเทลกับโยชัวร์เป็นตัวละครบังคับ)
ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนกลุ่มในภายหลังได้เรื่อย ๆ ค่ะ☆
- เมื่อจัดกลุ่มเรียบร้อย คลอเซ่จะให้ซิกเป็นคน (หรือนก?) นำทางกลุ่มหลัง ในกรณีที่กลุ่มแนวหน้าพบเส้นทางแล้วค่ะ
- หากต้องการจัดกลุ่มต่อสู้ใหม่ หรือต้องการซื้อไอเทม, จัดการพวกออร์บเมนท์ ก็คุยกับ "ดร. รัซเซล" ได้เลยค่ะ
☆ให้ระวังเรื่องของการจัดกลุ่มให้ดี ๆ นะคะ
เพราะช่วงหลังจากนี้พวกเครื่องป้องกันที่ได้มาจะแบ่งเป็นของชายและหญิงชัดเจน
พยายามจัดให้กลุ่มมีชาย 2 หญิง 2 จะดีกว่าค่ะ☆
เขตที่ถูกผนึก - ชั้นที่ 1 『封印区画・第1層』
- ไอเทมที่พบในชั้นที่ 1
อาวุธ: "มาเจสเตอร์", "ไดดารอสอาร์ม", "ไนน์เทลส์", "เบอร์เซอร์เกอร์" (ต้องใช้ลิฟท์จากชั้น 2 ลงมาถึงจะได้มาค่ะ) โดยทั้ง 4 หีบจะต้องสู้กับ (โฟตอนจัดจ์ *3 + โบรคเค่นพีส *2 + การ์ดโดมิเนี่ยน *3) ค่ะ
เครื่องป้องกัน: "รอแยลการ์ด" (สู้กับ ดูม รูปแบบ D *3 + โบรคเค่นพีส *2) ค่ะ
ยา: "ยาแห่งอาเซราส" *2, "ยาแห่งเทียร์ร่า" *2, "ยาแห่งเทียร์ ออล", "EPชาร์จ รุ่นปรับปรุง"
เขตที่ถูกผนึก - ชั้นที่ 2 『封印区画・第2層』
- ไอเทมที่เจอในชั้นที่ 2
อาวุธ: "ออโต้เครล", "ธอร์แฮมเมอร์" (ต้องใช้ลิฟท์จากชั้น 3 ลงมาถึงจะได้มาค่ะ) โดยทั้ง 2 หีบจะต้องสู้กับ (โฟตอนจัดจ์ *3 + โบรคเค่นพีส *2 + การ์ดโดมิเนี่ยน *3) ค่ะ
เครื่องป้องกัน: "แอตลาสเกียร์", "วาคิรี่เดรส", "ซิลเฟ่นบู๊ท" โดยทั้ง 3 หีบจะต้องสู้กับ (ดูม รุ่น D *3 + โบรคเค่นพีส *2) ค่ะ
ยา: "ยาแห่งเทียร่า" *3, "ยาแห่งเทียร์ ออล"
เขตที่ถูกผนึก - ระเบียงกลางหาว ชั้นที่ 3 『封印区画・第3層空中回路
- ที่ระเบียงกลางหาวชั้น 3 พบกับ "ร้อยเอกคาโนเน่" ที่มาขัดขวางพวกเอสเทลค่ะ
(จากตรงนี้จะทราบว่า ด้วยการตรวจสอบของหน่วยสืบข้อมูล ทำให้ร้อยเอกคาโนเน่สามารถใช้ข้อมูลที่ได้มาทำการบังคับ "ตุ๊กตาโบราณ โอเวอร์มัพเพ็ต" ได้ค่ะ)
- เกิดการต่อสู้กับ
- ร้อยเอกคาโนเน่ + กันดอลล์ *2 -
- 『カノーネ大尉 + ガンドール*2』 -
**ไม่ยากค่ะ แต่ให้ระวังท่าดูด EP ของคาโนเน่ด้วย เพราะหากเธอดูด EP ของเราไปแล้ว จะสามารถใช้อาร์ท "ชาโดว์สเปียร์" ทำให้พวกเราติด "ตายคาที่" ได้นะคะ หากเธอใช้อาร์ทไม่ได้ จะใช้ "กระสุนพิษ" แทนค่ะ**
**ส่วนกันดอลล์ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร เพราะมีท่าโจมตีที่ส่วนใหญ่มักจะใช้พลาดเองซะมากกว่า แต่ก็ให้ระวังมันเรียก "ดูม รุ่น M" ออกมาด้วย เพราะเจ้าดูมรุ่นนี้ใช้อาร์ทได้ในระดับรุนแรงเลยล่ะค่ะแถมเวลามันตายต้องระวังท่าระเบิดตัวเองด้วยนะคะ**

- ปราบได้ พวก "ดร. รัซเซล" จะขึ้นมาที่ชั้นนี้ด้วย หากต้องการจัดกลุ่มใหม่ก็คุยกับดร. ได้นะคะ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปต่อได้เลยค่ะ

☆ปาร์ตี้ศึกสุดท้ายของเราใช้ "เอสเทล + โยชัวร์ + เจ๊เชร่า + โอลิเวียร์" ค่ะ
อันนี้แล้วแต่เพื่อน ๆ ตามสะดวกเลยนะคะ☆
เขตที่ถูกผนึก - ชั้นที่ 3 『封印区画・第3層』
- ไอเทมที่เจอในชั้นที่ 3
เครื่องป้องกัน: "ซิลเฟ่นบู๊ท" (สู้กับ ดูม รุ่น D *3 + โบรคเค่นพีส *2), "แอตลาสเกียร์" (สู้กับ ดูม รุ่น M *3 + การ์ดโดมิเนี่ยน *2 + โบรคเค่นพีส *2) ค่ะ
ยา: "EPชาร์จ รุ่นปรับปรุง" *3, "ยาแห่งเทียร์ร่า" *2
เขตที่ถูกผนึก - ชั้นที่ 4 『封印区画・第4層』
- ไอเทมที่เจอในชั้นที่ 4
อาวุธ: "เอลเบเบลด", "อาร์ค ร็อด" โดยทั้ง 2 หีบจะต้องสู้กับ (ดูม รุ่น M *2 + กันดอลล์ + โบรคเค่นพีส *2) ค่ะ
เครื่องป้องกัน: "รอแยลการ์ด", "วาคิรี่เดรส" โดยทั้ง 2 หีบจะต้องสู้กับ (ดูม รุ่น M *3 + การ์ดโดมิเนี่ยน *2 + โบรคเค่นพีส *2) ค่ะ
ยา: "ยาแห่งเทียร์ ออล" *4, "EPชาร์จ รุ่นปรับปรุง", "ยาแห่งอาเซราส" *3
เขตที่ถูกผนึก - ชั้นสุดท้าย 『封印区画・最下層』
- ที่ชั้นใต้ดินชั้นสุดท้ายพบกับ "พันเอกริชาร์ด" ค่ะ
พันเอกริชาร์ด "...มาแล้วหรือ อย่างที่คิดเอาไว้เลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเธอก็ต้องมาอยู่แล้ว"
เอสเทล "พันเอกริชาร์ด... พวกชั้นได้รับการขอร้องจากองค์ราชินี ให้มาที่นี่เพื่อหยุดยั้งแผนการของคุณ"
โยชัวร์ "ดูท่าแล้ว คงยังไม่ได้ใช้ [กอสเปล] สินะครับ ถ้าเป็นตอนนี้ก็ยังทันเวลา"
พันเอกริชาร์ด "หึหึ ไม่ให้เป็นอย่างนั้นหรอก"
เอสเทล "อะไรล่ะ!? [โอรีออล] ที่ว่านั่น เดิมทีมันคืออะไรล่ะ!? ถ้าได้ของแบบนั้นมา จะเอามาทำอะไรล่ะหา!?"
พันเอกริชาร์ด "ในอดีต ว่ากันว่าคนในสมัยโบราณได้ยืมพลังจาก [เซ็พต์ เทเรี่ยน (สมบัติทั้ง 7)] ที่ได้รับมาจากสรวงสวรรค์ ปกครองท้องทะเล, แผ่นดินและสวรรค์ และ 1 ในสมบัติที่ว่าก็คือ [วงแหวนประกายแสง] ยังไงล่ะ สมมติว่าถ้ามันมีอยู่จริง... และนำไปใช้กับประเทศนี้ล่ะก็ พวกเธอก็คงจะรู้ความหมายของมันใช่มั้ยล่ะ?"
เอสเทล "ชะ ใช้กับประเทศนี้...!?"
พันเอกริชาร์ด "ถูกต้อง ตามที่รู้ ลีเบร์ลแห่งนี้ด้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ มีประชากรเท่ากับ 1 ใน 5 ของคาลวาร์ด กำลังทหารทั้งหมดมีเพียงหยิบมือไม่เกิน 1 ใน 8 ของเอเรโบเนีย เทคโนโลยีที่เหนือกว่าอันน่าภาคภูมิใจเพียงหนึ่งเดียว ก็ไม่รู้จะรักษาต่อไปได้จนถึงเมื่อไหร่ เพื่อที่จะไม่ถูกรุกรานอีกเป็นครั้งที่ 2 พวกเราจำเป็นต้องมีพลังอำนาจที่มากที่สุดยังไงล่ะ"
เอสเทล "กะ ก็แล้วไงล่ะ มันไม่จำเป็นที่ต้องใช้ของโบราณแบบนั้นเลยก็ได้นี่นา! ดูอย่างสงครามเมื่อ 10 ปีก่อนสิ!"
พันเอกริชาร์ด "ที่สามารถขับไล่การรุกรานในคราวนั้นได้ ก็เพราะมีพันเอกคาซิอุส ไบรท์ต่างหากล่ะ แต่ทว่า เขาก็ได้ลาออกจากกองทัพไปแล้ว วีรบุรุษที่ปกป้องประเทศได้จากไปแล้ว ดังนั้น สิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์นั้น ไม่ว่าจะเป็นเทพธิดาหรือหญิงอันเป็นที่รัก วีรบุรุษนั่นทำให้มันเกิดขึ้นไม่ได้อีกแล้ว..."
- เอสเทลนิ่งเงียบ
พันเอกริชาร์ด "ดังนั้นชั้นจึงจัดตั้งหน่วยสืบข้อมูลขึ้นมายังไงล่ะ ด้วยการสืบข้อมูลทางการสงครามก็ทำให้นำหน้าประเทศอื่น ๆ ไปหนึ่งก้าว... ใช้เครือข่ายข้อมูลทั้งหมดที่มี ค้นหาสิ่งที่จะทำให้ลีเบร์ลมีพลังอำนาจมากที่สุด เวลาที่ลีเบร์ลตกอยู่ในสถานะการณ์ย่ำแย่ ก็จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์อีกครั้งไงล่ะ"
เอสเทล "ที่ว่ามานั่น... มันจะใช่ปาฏิหาริย์อย่างงั้นเหรอ?"
พันเอกริชาร์ด "ว่าไงนะ...?"
เอสเทล "ก็ พวกชั้นที่เป็นเบรเซอร์ทำงานที่พูดได้ว่าปกป้องสิ่งสำคัญของทุกคนอยู่น่ะนะ... แต่ถึงจะพูดว่าปกป้องก็เถอะ ปกติแล้วก็ไม่ได้ปกป้องอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียวหรอกนะ ถ้าจะให้พูดล่ะก็ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ก็มีความรู้สึกที่พร้อมจะให้การสนับสนุนและปกป้องทุกคนด้วยกันต่างหาก"
พันเอกริชาร์ด "แล้ว... ทำไมล่ะ?"
เอสเทล "ถึงจะเป็นคุณพ่อก็ไม่สามารถชนะกองทัพจักรวรรดิได้ด้วยตัวคนเดียวไม่ใช่เหรอ คงเพราะได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมาย และปกป้องประเทศนี้ด้วยกันอย่างเอาเป็นเอาตายใช่มั้ยล่ะ? เพราะมีทุกคนให้การสนับสนุนดังเช่นเกราะคุ้มกัน จึงทำให้สงครามจบลง แล้วตัวพันเอกเอง ก็เป็น 1 ในนั้นใช่มั้ยล่ะ?"
พันเอกริชาร์ด "..........................................."
เอสเทล "ที่พวกชั้นมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ คิดว่าก็คงจะเหมือน ๆ กันนั่นแหล่ะ ตอนที่รู้แผนการของพันเอกก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน... แต่เพราะมีผู้คนให้ความช่วยเหลือก็เลยตามรอยทางมาจนถึงที่นี่ได้ นั่นน่ะ ไม่คิดว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างงั้นเหรอ?"
- พันเอกริชาร์ดได้แต่ฟังสิ่งที่เอสเทลพูดอย่างเงียบ ๆ

เอสเทล "แต่... ไม่ว่าเป็นปาฏิหาริย์หรือไม่ก็ตามที... พวกชั้นคิดว่ามันก็คงไม่ใช่ความเป็นไปได้ทั่ว ๆ ไปหรอกนะ ถึงแม้ว่าจากนี้ต่อไปจะมีสงครามเกิดขึ้นอีกก็ตาม... ชั้นรู้สึกว่า หากทุกคนสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่ว่าอะไรก็จะสามารถฟันฝ่าไปได้ ด้วยพลังที่มากยิ่งกว่าของโบราณอะไรนั่นอีก อย่างนั้นมันน่าเชื่อถือกว่าอยู่แล้วล่ะ!"
โยชัวร์ "เอสเทล..."
พันเอกริชาร์ด "หึหึ... เข้มแข็งจังนะ เธอน่ะ แต่ว่าทุกคนก็คือทุกคน ไม่สามารถเข็มแข็งได้อย่างเธอไม่ใช่หรือไง พลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้านี่... ยากที่จะต้านทานได้ ดังนั้นเพื่อเวลาเช่นนี้ ชั้นก็ได้เตรียมการอย่างรอบคอบจนมาถึงขนาดนี้ ป่านนี้แล้วจะย้อนกลับไปได้หรือไงกัน"
โยชัวร์ ".............................. ช่วยบอกอะไรอย่างหนึ่งได้มั้ยครับว่า ทำไมพันเอก... ถึงได้รู้จักสถานที่แห่งนี้ได้?"
พันเอกริชาร์ด "ว่าไงนะ....?"
โยชัวร์ "โบราณสถานซึ่งมีพลังต้องห้ามหลับไหลอยู่ ที่แม้แต่องค์ราชินียังไม่ทรงทราบ... ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถสร้างลิฟท์ที่ลงมาจนถึงชั้นใต้ดินจากโกดังสมบัติ แล้วตามรอยทางจากชั้นบนสุดมาได้นั้น... คิดว่านี่ คงไม่ได้มาจากการใช้เครือข่ายข้อมูลที่ได้รู้มาของคุณหรอกครับ"
พันเอกริชาร์ด "นั่นมัน..."
โยชัวร์ "และก็ [กอสเปล] นั่น... ออร์บเมนท์ปริศนาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวิทยาการซึ่งไม่ได้มาจากโรงงานกลางไซสส์... คุณ ได้สิ่งนั้นมาจากที่ไหนหรือครับ?..."
พันเอกริชาร์ด "...ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตอบนี่นา"
โยชัวร์ "ไม่ใช่หรอก...! คุณไม่สามารถตอบคำถามของผมได้ต่างหากล่ะ!"
พันเอกริชาร์ด "!!!"
เอสเทล "ระ เรื่องอะไรกันน่ะ...?"
โยชัวร์ "คนธรรมดาอย่างคุณ เชื่อมั่นว่ามี [วงแหวนประกายแสง] โบราณวัตถุที่มีพลังยิ่งใหญ่หลับไหลอยู่ในที่แห่งนี้ และก็คิดเอาเองว่า ถ้าใช้ออร์บเมนท์สีดำนั่นก็จะได้มันมา แต่แรงจูงใจที่คิดได้เช่นนั้น ทำไมถึงนึกไม่ออกล่ะ ใช่มั้ยล่ะครับ!?"
- พันเอกริชาร์ดได้แต่โกรธและนิ่งเงียบ เพราะไม่สามารถตอบอะไรโยชัวร์ได้จริง ๆ อย่างที่โยชัวร์พูด
เอสเทล "ถะ ถ้างั้น..."
พันเอกริชาร์ด "ก็บอกแล้วไงว่า กำลังพิสูจน์โบราณสถานใต้ดินแห่งนี้ถึงการมีอยู่ของพลังอันยิ่งใหญ่อยู่! ด้วยวิทยาการในสมัยนี้ ไม่มีทางที่จะสร้างโอเวอร์มัพเพ็ตได้หรอก! เพราะงั้นชั้นน่ะ... ชั้นก็แค่ผ่านมาจนถึงเส้นทางที่ชั้นได้เลือกแล้วยังไงล่ะ!"
- โอเวอร์มัพเพ็ตปรากฏกาย พร้อม ๆ กับที่ออร์บเมนท์สีดำได้เปล่งแสงสีดำขึ้น
พันเอกริชาร์ด "ถ้าคำพูดของพวกเธอเป็นความจริงแล้วล่ะก็ ลองจัดการชั้นให้ดูหน่อยสิ... หากเรื่องนี้ไม่สามารถเป็นจริงได้ ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นแค่อุดมการณ์อันฟอนเฟะ ดูให้ดี! ความสามารถที่ได้รับการสืบทอดมาจาก [ปราชญ์ดาบ]!"
เอสเทล "ก็บอกไปแล้วนี่นา!"
โยชัวร์ "งั้นทางนี้ก็จะเข้าไปอย่างไม่เกรงใจนะครับ!"
- พันเอกริชาร์ด + โฟตอนจัดจ์ *2 -
- 『リチャール大佐 + フォトンジャッジ*2』 -
**หากเป็นไปได้ ให้ใส่เครื่องประดับป้องกัน "หมดสติ" เอาไว้ก่อน เพราะพันเอกริชาร์ดสามารถใช้คราฟท์ "ตัดกงล้อแสง" ทำให้ติด "หมดสติ" ได้ค่ะ**
**โฟตอนจัดจ์จะมีท่า "อตอมมิค มิซไซล์" ที่โจมตีทั่วฉากได้รุนแรงมาก ๆ ยังไงก็พยายามโจมตีไปด้วย เพิ่มเลือดไปด้วยนะคะ**
**หากเราร่ายอาร์ทอยู่ ให้ระวังโฟตอนจัดจ์ใช้ท่า "AAแคนเซิ่ลเลอร์" สกัดกั้นการร่ายของเราด้วยนะคะ ดูเทิร์นให้ดี ๆ ค่ะ**
**ก่อนที่จะชนะ พยายามสะสม CP ให้ได้มากที่สุดและพยายามเหลือเลือดให้พอด้วย เพราะศึกต่อไปกำลังรออยู่ค่ะ**

- ปราบได้ [กอสเปล] จะเริ่มทำงาน ทำให้เกิด "ปรากฏการณ์ออร์บเมนท์หยุดการทำงาน" วงแหวนที่ส่องประกายที่อยู่ทั่วเขตที่ถูกผนึกเริ่มหายไปทีละวง และเมื่อออร์บเมนท์สีดำหยุดการส่องแสง วงแหวนที่ส่องประกายตรงหน้าพวกเราก็กลับมาอีกครั้ง และมีเสียงพูดเตือนภัย ยืนยันว่าอาณาเขตป้องกันชั้นที่ 1 ที่ผนึก [โอรีออล] อ่อนแรงลงไป และ [ดีไวซ์ทาวเวอร์] เริ่มทำงานดังขึ้น จากนั้นเสาทั้ง 4 ที่อยู่ในห้องจะเริ่มขยับและวงแหวนได้หายไปอีกครั้ง ซึ่งพันเอกริชาร์ดเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ค่ะ
- และ ณ ตอนนั้นเอง ก็ปรากฏร่างของ "ผู้พิทักษ์วงแหวน ทรอยเมไร" และเกิดการต่อสู้ขึ้นค่ะ
สู้ครั้งที่ 1
- ทรอยเมไร + โบซอร์ฟ L + โบซอร์ฟ R -
- 『トロイメライ + ボソープL + ボソープR』 -
**โดยรวมแล้วไม่อยากเลยค่ะ ทรอยเมไรสามารถชาร์จเพื่อใช้ท่ายิงเลเซอร์ (เส้นตรง) ได้ หากเห็นมันชาร์จแล้วล่ะก็ ให้เดินหนีออกมาหรือไม่ก็สกัดกั้นการชาร์จซะ เพราะท่านี้รุนแรงใช่เล่น และถ้าอยู่ใกล้ ๆ ตัวทรอยเมไรให้ระวังท่าควงแขนหมุนติ้ว โบกสะบัดพัดเรากระเด็นด้วยนะคะ แต่ท่านี้โจมตีเบากว่าท่าแรกมาก ๆ ค่ะ**
**โบซอร์ฟL จะแพ้การโจมตกายภาพ ส่วนโบซอร์ฟR จะแพ้การโจมตีด้วยอาร์ท และทั้ง 2 ตัวสามารถใช้อาร์ทโจมตีและเพิ่มเลือดได้ตามลำดับค่ะ**

- ปราบได้ ทรอยเมไรจะไม่ยอมล้มลง แต่ยังคงยืนหยัดเพื่อทำหน้าที่พิทักษ์วงแหวนต่อ ซ้ำยังได้รวมร่างกับ โบซอร์ฟL และโบซอร์ฟR เข้าสู้โหมด "เจโนไซด์" ค่ะ
สู้ครั้งที่ 2
- ทรอยเมไร + แอพโพสทอล อัลฟ่า + แอพโพสทอล เบต้า -
- 『トロイメライ + アポストールα + アポストールβ』 -
**ระวังท่า "เดธเรจ" ที่จะทำให้เกิดอาการ "ตายคาที่" และท่า "AAแคนเซิ่ลเลอร์" ที่จะยกเลิการร่ายอาร์ทของเราด้วยค่ะ**
**ทรอยเมไร เจโนไซด์โหมด สามารถเรียกแอพโพสทอลอัลฟ่าและแอพโพสทอลเบต้าออกมาได้ ซึ่งอัลฟ่าสามารถใช้อาร์ทอันตรายอย่าง "ชาโดว์สเปียร์" ได้ แถมยังสามารถแบ่งเลือดของตัวเองไปให้กับทรอยเมไรไดอีกด้วยค่ะ**
**หากทรอยเมไร ชาร์จเพื่อยิงเลเซอร์หรือใช้ท่า "เจโนไซด์" (ทั่วฉาก) เทิร์นต่อไป DEF ของมันจะลดลง ช่วงนี้ก็กระหน่ำรุมตีได้เลยค่ะ**
**หากเลือดทรอยเมไรลดลงถึงระดับหนึ่ง แขนขวาจะพังลง ทำให้ไม่สามารถใช้ท่า "AAแคนเซิ่ลเลอร์" ได้ค่ะ**
**และเมื่อทรอยเมไรใกล้พัง ส่วนที่ใช้ยิงเลเซอร์ก็จะพังลงเช่นค่ะ แต่มันจะใช้ปืนบนหัวยิงเราทำให้ติด AT Delay ด้วยนะคะ**

- ปราบได้ ทรอยเมไรจะล้มลง แต่สักพักจะสามารถเคลื่อนไหวและเตรียมตัวโจมตีพวกเราที่กำลังอ่อนแรงอีกครั้ง โยชัวร์เห็นท่าไม่ดี จึงพยายามฝืนร่างกายที่อ่อนแรงเข้ามาป้องกันเอสเทลเอาไว้ค่ะ
- ในจังหวะที่ทรอยเมไรโจมตีเข้ามา "พันเอกริชาร์ด" ก็มาช่วยสกัดการโจมตีของทรอยเมไรเอาไว้ และบอกให้พวกเราหนีไปค่ะ
- ถึงแม้ เพลงดาบของพันเอกริชาร์ดจะสุดยอดเพียงใด ก็ไม่อาจล้มทรอยเมไรลงได้ด้วยตัวคนเดียว ทำได้เพียงแต่ยืดเวลาหนีของพวกเราเท่านั้น จังหวะที่รับการโจมตีนั่นเอง ทำให้ดาบคู่ใจของเขาหักกระเด็นและพลาดท่าถูกทรอยเมไรจับ แต่พันเอกริชาร์ดก็ยังยืนยันให้พวกเราหนีไปซะ เพราะว่าชะตากรรมของเขาถูกกำหนดเอาไว้ ตั้งแต่ตอนที่ได้ตัดสินกับพวกเราแล้วค่ะ
- ทันใดนั้น เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น ที่ต้นเสียงนั้นชายวัยกลางคนรูปร่างคุ้นตาก็โผล่มาช่วยได้ทันท่วงที เปิดโอกาสให้พวกเอสเทลสามารถโจมตีทรอยเมไรได้อีกครั้ง
สู้ครั้งที่ 3
- ทรอยเมไร -
- 『トロイメライ』 -
**การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับทรอยเมไร ให้กดปุ่ม "S-Break" เพื่อใช้ "S-Craft" ได้เลยนะคะ เพราะตอนนี้ CP Max ทุกคนค่ะ**

 
★ในกรณีที่ "ฺเบรเซอร์แรงค์" มากกว่าระดับ 4 ขึ้นไป - พวกเอสเทลจะเป็นคนจบการต่อสู้★
★ในกรณีที่ "เบรเซอร์แรงค์" ต่ำกว่าระดับ 5 ลงมา - คาซิอุสจะเป็นคนจบการต่อสู้★
 
- ปราบได้ "คาซิอุส" ก็เดินมาหาลูก ๆ ของเขาพร้อมกับพูดว่า "กลับมาแล้ว เอสเทล โยชัวร์ ไม่ได้เจอกันนานนะ" ถึงเอสเทลจะว่าอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ก็ดีใจที่พ่อของตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัยค่ะ
☆บทพูดของคาซิอุสกับเพื่อน ๆ ของเราที่นำมาเข้ากลุ่มต่อสู้ จะแตกต่างกันไปนะคะ☆
- แล้วพวก "ดร. รัซเซล" จะเข้ามาสมทบ คาซิอุสบอกว่าเรื่องทหารที่อยู่นอกราชวังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะได้ฝากให้นายพลมอร์แกนและพันตรีซีดจัดการแล้วค่ะ
- พันเอกริชาร์ดฟื้นขึ้นมาและรู้สึกทึ่งกับพวกเราและพวกนายพลมอร์แกน รวมไปถึงซีดที่สามารถมาจนถึงขนาดนี้ได้ คาซิอุสได้พูดกับพันเอกริชาร์ดว่า
คาซิอุส "แต่ว่านะ ริชาร์ด เรื่องที่ชั้นทำมันก็ได้แค่นั้นนั่นแหล่ะ ถึงชั้นไม่อยู่ พวกเขาก็ต้องทำอะไรด้วยตัวเองได้แน่นอนอยู่แล้ว"
พันเอกริชาร์ด "ไม่หรอก... ผิดแล้วล่ะ เพราะคุณคือวีรบุรุษต่างหากล่ะ.. หลังจากที่คุณไปจากกองทัพ ไม่แปลก...... ที่ผมจะกังวล...... เพราะไม่อาจคิดว่า หากมีการรุกรานครั้งต่อไปจะสามารถเอาชนะศัตรูได้... ดังนั้น... จึงได้ตามหาสิ่งที่จะมาเป็นที่พึงพิงอันอื่น หากเพียงแต่คุณยังอยู่กับกองทัพ ผมก็คงจะไม่ทำเรื่องอย่างนี้หรอก..."
- คาซิอุสได้ฟังดังนั้น ก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาริชาร์ด และต่อยไปที่หน้าเขาจังเบอเร้อ จนริชาร์ดกระเด็นไปด้านหลัง แล้วคาซิอุสได้พูดต่อด้วยสีหน้าจริงจังกับริชาร์ดว่า
คาซิอุส "อย่ามาทำเป็นอ้อนไปหน่อยเลย ริชาร์ด! สิ่งที่แกหลงผิดอยู่ก็คือไม่อาจสลัดภาพลวงของชั้นออกไปได้ต่างหากล่ะ! ทั้งที่มีความเฉลียวฉลาดมากถึงขนาดนั้น ทำไมถึงยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองไม่ได้ล่ะ!? เพราะมีนายอยู่ ชั้นถึงได้วางใจสามารถลาออกจากกองทัพได้แท้ ๆ!?"
พันเอกริชาร์ด "พะ พันเอก..."
คาซิอุส "ชั้นน่ะ... ไม่ใช่ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เมื่อ 10 ปีก่อนก็เหมือนกัน เพราะได้รับความช่วยเหลือจากนายพลและจากนาย ถึงคว้าชัยมาได้ และชั้นก็เป็นผู้ชายที่ได้แต่หนีจากความเป็นจริง เพียงเพราะไม่สามารถปกป้องสิ่งสำคัญเอาไว้ได้ต่างหากล่ะ"
พันเอกริชาร์ด "................"
เอสเทล "...คุณพ่อ..."
คาซิอุส "แต่ว่านะ... ชั้นไม่คิดจะหนีอีกเป็นครั้งที่ 2 หรอก ดังนั้นริชาร์ด นายก็เลิกหนีไปมากกว่านี้ จงชดใช้ความผิด คิดทบทวนสิ่งที่ขาดหายไปด้วยตนเองเถอะ"
- สามารถหยุดยั้งแผนการปฏิวัติได้สำเร็จ นายพลมอร์แกนและพันตรีซีดสามารถยับยั้งเหตุจลาจลเอาไว้ได้ เหล่าทหารแห่งหน่วยสืบข้อมูลถูกจับกุมค่ะ
 

 
- หนึ่งสัปดาห์ให้หลังเหตุการณ์ปฏิวัติ -
- วันเทศกาลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา องค์ราชินีอาริเชีย -
สาขาแกรนเซล 『グランセル支部』
- นำ "ใบรับรองคุณวุฒิอย่างเป็นทางการ" มอบให้ป๋า "คาซิอุส" เอสเทลและโยชัวร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "เบรเซอร์อย่างทางการ" 『正遊撃士』 ด้วยความสง่าผ่าเผย ท่ามกลางความยินดีของเหล่าเบรเซอร์รุ่นพี่ค่ะ
- ได้รับ "สัญลักษณ์เบรเซอร์อย่างทางการ" ค่ะ
- "เอลนัน" แจ้งเรื่องน่าเสียดายต่อสมาคมเบรเซอร์ แก่เบรเซอร์ทุกคนว่า
เอลนัน "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณ คาซิอุส ไบร์ทจะออกจากสมาคมเบรเซอร์ และกลับไปเป็นทหารประจำการกองทัพราชอาณาจักรในระยะยาวครับ"
ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- เอสเทลที่อยากจะให้คุณพ่อพาชมงานเทศกาลซักหน่อย แต่ดูเหมือนว่าพ่อของเธอจะยุ่ง ๆ อยู่กับพวกหน่วยสืบข้อมูลบางคนที่หนีไปได้หลังริชาร์ดถูกจับ ในจำนวนพวกที่หนีไปได้มี "ร้อยเอกคาโนเน่" ซึ่งสลบอยู่ที่เขตที่ถูกผนึกอยู่ด้วย รวมทั้ง "กลุ่มสลัดอากาศ" ก็อาศัยความชุลมุนนี้แอบหนีออกไปเหมือนกันค่ะ
(ได้รับทราบว่า "คูลซ์" สามารถนึกที่มาของ "ออร์บเมนท์สีดำ" ออกแล้ว แต่เรื่องที่นึกออกไม่ใช่แหล่งต้นกำเนิด แต่เป็นคนที่นำมันมาให้ริชาร์ด ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือ "ร้อยตรีโรแลนซ์ เบลเกอร์" นั่นเองค่ะ ทำให้หลังจากนี้ ทางกองทัพจำเป็นจะต้องตรวจสอบสถานะที่แท้จริงของร้อยตรีโรแลนซ์อย่างเร่งด่วน ซึ่งเอสเทลที่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของโรแลนซ์แล้ว ก็เลยเสนอคาซิอุสว่า จะวาดภาพเหมือนของร้อยตรีโรแลนซ์ให้ แต่คาซิอุสบอกว่า สำหรับเรื่องนี้ฝากให้เชราซาร์ดทำน่าจะดีกว่านะ ก็ฝีมือการวาดภาพของเอสเทลมัน...)
- โยชัวร์พอได้รู้ว่า เอสเทลเห็นใบหน้าที่แท้จริงของร้อยตรีโรแลนซ์ ทำให้โยชัวร์ถึงกับเก็บอาการตกใจเอาไว้ไม่อยู่ และครุ่นคิดถึงคำพูดที่โรแลนซ์พูดกับราชินีว่า "ไม่มีสิทธิมาเวทนาสงสาร" ตามที่เอสเทลเล่าให้ฟัง คาซิอุสเห็นโยชัวร์มีท่าทีที่เคร่งเครียดจึงบอกให้โยชัวร์เลิกคิดมาก และบอกกับลูก ๆ ว่า เขาได้ขอยืมห้องในพระราชวังปีกขวา 2 ห้องสำหรับพักผ่อนเอาไว้ให้ โดยห้องหนึ่งของเอสเทลกับเจ๊เชร่า อีกห้องก็ของโยชัวร์กับป๋าค่ะ
(เอสเทลทำท่าทางเสียดายที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับโยชัวร์ แต่เอสเทลมาคิดดูดี ๆ แล้ว อยู่กับเจ๊เชร่าดีกว่าให้ป๋าไปนอนห้องเดียวกันกับเจ๊เชร่า หรือโยชัวร์ไปนอนห้องเดียวกันกับเจ๊เชร่าล่ะนะ)
- เมื่อป๋าไม่ว่าง เอสเทลกับโยชัวร์ จะไปเที่ยวชมงานเทศกาลกัน 2 คนค่ะ
★หากช่วงนี้เข้าไปคุยกับ "นายพลมอร์แกน" ที่ท้องพระโรง เขาจะขอบคุณเราที่ช่วยหลานสาวของเขา (ริอันนุ) เอาไว้จากเหตุการณ์ที่ราชคฤหาสน์เอลเบค่ะ แถมยังพูดชมพวกเบรเซอร์ด้วยนะคะ แต่เอสเทลก็รู้สึกเหมือนไม่ได้ชมยังไงก็ไม่รู้แฮะ
★หากต้องการเคลียร์ซับเควสต์อันสุดท้าย (50) เรื่องไหว้วานจากสถานทูตจักรวรรดิ ก็ให้ไปคุยกับ "โอลิเวียร์" ที่ห้องสนทนาด้วยนะคะ เขาจะแสดงความยินดีกับพวก "ลูกแมวน้อยของผม" ที่ได้เป็นเบรเซอร์อย่างทางการแล้ว แต่พวกเอสเทลสงสัยว่าทำไมคนชอบงานเลี้ยง (ชอบแส่) อย่างโอลิเวียร์ ถึงมานั่งดื่มคนเดียวที่นี่ได้ โอลิเวียร์ก็เลยบอกว่า เป็นเพราะเขาลงแข่งขันงานประลองก็เลยมีแฟน ๆ ที่หลงไหลใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ตามติดไม่ห่างก็เลยหนีมาหลบอยู่ที่นี่ค่ะ (โกหกอีกและ)
★คุยกับ "โอลิเวียร์" อีกครั้ง (เฉพาะกรณีที่นำเขาเข้าร่วมศึกครั้งสุดท้าย) เอสเทลกับโยชัวร์จะสงสัยว่า โอลิเวียร์คุยอะไรกับคุณพ่อของเธอหรือเปล่า เพราะดูเหมือนคุณพ่อจะรู้จักกับโอลิเวียร์ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะพบกันเพียงครั้งเดียว โอลิเวียร์ทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่พวกเราก็จับโกหกได้ เพราะรู้ว่าถ้าโอลิเวียร์โกหกแบบตั้งใจโกหกจริง ๆ จะพูดจาบ่ายเบี่ยงแบบเน้นคำพูด แต่ถึงยังไงพวกเอสเทลก็ไม่สืบสาวราวเรื่องอะไร ปล่อยให้ตาติ๊งต๊องเพ้อไปคนเดียวดีกว่าค่ะ**
นครหลวงแกรนเซล - เขตเมืองด้านเหนือ 『王都グランセル・北街区』
★หากช่วงนี้คุยกับชาวเมือง จะรู้ว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่า หัวหอกของเหตุการณ์ปฏิวัติก็คือพันเอกริชาร์ดค่ะ
★หากคุยกับนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิง 3 คน ที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ในเขตเมืองด้านทิศเหนือ (ตรงห้วมุม) พวกเธอจะบอกว่า เห็นเด็กผู้หญิงสวมชุดนักเรียนหน้าตาคล้าย ๆ องค์หญิงคลอเดีย เดินไปเดินมาด้วยล่ะ แต่คิดว่าคงไม่ใช่มั๊ง
★หากเข้าไปที่ "โฮเต็ล โลเอมบาว์ม" จะพบ "คลอเซ่" ซึ่ง "อาจารย์ใหญ่โคลินซ์" เป็นคนบอกเธอเองว่า "จิล" และ "ฮันส์" มาเที่ยวงานเทศกาลด้วยค่ะ ฮันส์ก็ยังเหมือนเดิมแซวโยชัวร์ว่า ตั้งแต่โยชัวร์ไม่อยู่ เขาก็เหง๊าเหงา ส่วนจิลก็รู้เรื่องของพวกเราจากคลอเซ่หมดแล้ว และชมเอสเทลว่าสมกับที่เป็น "อัศวินแดงยูริอุส" เลยนะ ส่วนคลอเซ่ก็ขอบคุณเอสเทลที่พูดให้กำลังใจและพร้อมที่จะพยายามไปด้วยกัน ทำให้เธอรู้สึกดีใจมากที่ได้มารู้จักกับพวกเอสเทลค่ะ
นครหลวงแกรนเซล - เขตเมืองด้านตะวันตก 『王都グランセル・西街区』
★คุยกับ "โดรธี" ที่สำนักข่าวลีเบร์ล เธอจะบอกว่าเพราะข่าวการปฏิวัติ ทำให้เธอกับรุ่นพี่ไนแอลได้รับเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัล "ฟิวริตทัวร์" ที่มอบให้กับนักข่าวที่เป็นยอดในด้านต่าง ๆ ค่ะ
★ที่คอฟฟี่เฮ้าส์บาราล จะพบ "ดร. รัซเซล" เขาจะเล่าตอนที่หนีไปกับอากัตให้พวกเราฟังว่า เห็นอากัตอย่างนั้น แต่มีจิตใจที่คำนึงถึงคนรอบข้างตลอดเวลา ในตอนที่พาเขากับหลานหนีไปก็ไม่พยายามฝืนพวกเขามากเกินไป แต่ถ้าให้เปรียบกับคาซิอุสแล้วล่ะก็ยังเป็นแค่ลูกเจี๊ยบ แต่เป็นลูกเจี๊ยบที่น่าชื่นชมอยู่ไม่น้อยล่ะนะ
★ส่วน "ทีต้า" กำลังดีใจที่คุณตาจะพาไปเลี้ยงไอศครีม แต่ก็รู้สึกน้อยใจที่อากัตไม่ยอมไปด้วย แล้วก็คิดคนเดียวไปว่า "หรือคุณอากัตจะไม่ชอบของหวานกันนะ" ค่ะ
★หากไปที่บ้านของนายพลมอร์แกน เมด "ดาเลีย" จะบอกว่า ที่จริงแล้วพันเอกริชาร์ดเคยมาที่บ้านนี้บ่อย ๆ แถมนายท่านก็เอ่ยปากชมความสามารถของเขาอีกต่างหาก ส่วน "คุณนายแคทรีน่า" ยังคงเชื่อมั่นว่า ที่พันเอกริชาร์ดทำเรื่องเช่นนี้ ก็ด้วยความรักในราชอาณาจักรเป็นที่สุดค่ะ
★หากไปที่มหาวิหาร จะพบ "ร้อยโทยูเลีย" ที่มาขอบคุณอัครสังฆราชคาแลนท์ด้วยนะคะ
นครหลวงแกรนเซล - เขตเมืองด้านใต้『 王都グランセル・南街区』
(50) เรื่องไหว้วานจากสถานทูตจักรวรรดิ
- ไปที่สมาคม ตรวจดูบอร์ดรับงานจะมีซับเควสต์สุดท้ายให้เราเก็บค่ะ ถ้าหากคุยกับ "เอลนัน" เขาจะแซวพวกเอสเทลว่ามาเดทกันด้วยนะคะ
- หากคุยกับ "เอลนัน" อีกครั้ง เขาจะบอกว่าสามารถรวบรวมข้อมูลของ "หน่วยทหารพรานเจสเตอร์" ได้แล้วค่ะ
เอลนัน "ดูเหมือนว่า หน่วยทหารพรานเจสเตอร์มีหน่วยหลักอยู่ในเขตปกครองตนเองที่อยู่รอบ ๆ จักรวรรดิเอเรโบเนีย และก็ได้รับการเรียกขานอย่างเหมาะสมว่า [เยเกอร์] ได้ยินมาว่า มีความสามารถ และผลงานที่ผ่านมาอยู่ในระดับดีเยี่ยม แต่เมื่อประมาณครึ่งปีก่อน ทั้งกองพลก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดูเหมือนจะไม่ได้แพ้สงคราม เพราะตอนนั้นรู้สึกจะไม่มีการว่าจ้างให้ไปทำสงคราม ในสถานการณ์แบบนั้นจู่ ๆ กองกำลังกว่า 100 นายก็หายตัวไป บรรดาพวกที่ทำอาชีพเดียวกันก็ได้แต่พิจารณาไปกันต่าง ๆ นานาน่ะครับ"
- โยชัวร์คาดว่า ตอนที่เกิดเหตุการณ์กองทหารพรานหายตัวไปนั้น เป็นช่วงเดียวกันกับที่ร้อยตรีโรแลนซ์ เข้าร่วมกับหน่วยสืบข้อมูลพอดี เป็นไปได้ว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ทางเอลนันก็กำลังตรวจสอบอยู่ เอลนันยังได้บอกข้อมูล เรื่องเชื้อพระวงศ์ของเอเรโบเนียด้วยว่า ตามข่าวที่ได้มาเชื้อพระวงศ์คนนั้นได้เดินทางมาพำนักที่ราชอาณาจักรแล้ว ดูเหมือนว่าทางราชินีอาริเชียได้ปฏิเสธเรื่องการหมั้นหมายไปแล้วด้วยค่ะ
★ที่หน้าประตูนคร จะพบ "นายกเทศมนตรีเมเบล" และเมด "รีร่า" เมเบลจะพูดถึงการประชุมสภาวิสามัญที่จะมีการจัดขึ้นหลังจากหารือกับอาจารย์ใหญ่โคลินซ์เรียบร้อยค่ะ
★หากไปที่ "สมาพันธ์นักตกปลา" จะพบ "หัวหน้าโรงงานเมอร์ด็อกซ์" และ "นายกเทศมนตรีคลาอุส" ที่บ้าการตกปลาไม่แพ้กันเลยด้วยนะคะ
★หากไปที่บาร์ "ซันนี่เบล อินน์" จะพบ "จิน" และ "อากัต" จินจะตอบเอสเทลที่ถามว่าเขาจะอยู่ที่ลีเบร์ลถึงเมืองไรว่า "ชั้นคงยังไม่กลับไปที่สาธารณรัฐในตอนนี้หรอก เพราะก็ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น คงจะอยู่ที่ราชอาณาจักรไปอีกซักระยะล่ะนะ แล้วก็จะได้อยู่ฝึกฝีมือที่นี่กับพวกเบรเซอร์หนุ่มสาวที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น [อากัตดาบหนัก] จากนั้นก็ [เชราซาร์ดประกายเงิน] และก็อยากจะลองสู้กับพวกนายดูสักครั้งด้วยนะ" ซึ่งเอสเทลกับโยชัวร์ถึงจะเขิน ๆ ที่จินชมพวกเขาตรง ๆ แต่ก็ยินดีที่จะเป็นคู่มือให้เขาค่ะ
★ส่วน "อากัต" ก็เปรย ๆ ว่าอยากจะลองประลองพลังกับ "จินผู้มั่นคง" ดูเหมือนกัน แต่นายหัวไก่นี่คำพูดคำจาก็ยังไม่น่ารักเหมือนเดิมค่ะ
★ที่ชั้น 2 ของบาร์ จะพบ "กรัซ" และ "คูลซ์" คุยกับคูลซ์เขาจะบอกว่า "ไม่ว่าจะพยายามยังไง ก็ไม่สามารถนึกใบหน้าของคนที่ลบความทรงจำของชั้นออกได้ซักที" ค่ะ
นครหลวงแกรนเซล - เขตเมืองด้านตะวันออก 『王都グランセル・東街区』
★คุยกับ "โรเชีย" ตรงเคาน์เตอร์ของ "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์" เธอจะเล่าว่า ศจ. อัลบาบอกว่ามีเรื่องพิเศษที่ต้องวิจัย แล้วก็หายไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ
★หากคุยกับพวกชาวเมืองที่ท่าเทียบเรือเหาะ จะทราบว่าตอนนี้เรือประจำทางเริ่มให้บริการตามปกติได้แล้วค่ะ
★ที่ท่าเทียบเรือเหาะ จะพบ "เฟย์" และ "พลทหารบรัม" ด้วยนะคะ (ในกรณีที่เราเคลียร์ซับเควส์ (40) ทูตแห่งการขอคืนดี โดยเลือกซื้อของขวัญแพงที่สุดให้) ซึ่งบรัมจะขอบคุณพวกเราที่ทำให้เขาคืนดีกับเฟย์ได้ค่ะ
- ที่ห้างเอเดล-มุมจิปาถะ อย่าลืมซื้อ "ลีเบร์ลสาร ฉบับพิเศษ" ด้วยนะคะ ซึ่งในฉบับนี้ จะมีเรื่องราวของพวกเอสเทลที่ไนแอลเขียนเอาไว้ว่า "ขอบคุณจากใจจริง ๆ ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ จะให้เลี้ยงข้าวแกงกะหรี่มากกว่านี้ อีกกี่เท่าก็ยอม (N)" ด้วยค่ะ

★ในห้างเอเดลเราจะพบกับลุง "ฟิลลิป" ที่ออกมาซื้อโดนัทให้กับดยุคดิวนัน ที่ตอนนี้โดนให้ไปพำนักอยู่ที่ราชคฤหาสน์เอลเบชั่วคราวไปก่อนค่ะ
★"อาเนราส" ก็กำลังดูของน่ารัก ๆ อยู่ในนี้ด้วยนะคะ เธอจะกระซิบคุยกับเอสเทลว่า "พวกเธอน่ะ พออยู่ด้วยกันแล้วเป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันมากเลยนะ" ทำให้เอสเทลดีใจมาก หน้างี้แดงถึงหูเลยค่ะ อาเนราสยังบอกอีกว่า เธอก็อยากจะหาแฟนวิเศษ ๆ ให้ได้แบบโยชัวร์บ้างเหมือนกันนะ
★"เจ๊เชร่า" ที่นาน ๆ ที จะได้ออกมาเดินซื้อของ จากตรงนี้เราจะรู้ว่า ตอนเอสเทลกับโยชัวร์เด็ก ๆ ก็ไปเป็นเพื่อนซื้อของกับเจ๊แกด้วยนะคะ เจ๊เชร่ายังบอกอีกว่า ถ้ากลับไปที่รอเลนซ์แล้ว จะซื้อชุดให้เป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่ได้เป็นเบรเซอร์อย่างทางการให้กับเอสเทลอีกด้วยค่ะ (ชุดใหม่ของเอสเทลในภาค SC นั้นเจ๊เชร่าเป็นคนซื้อให้ค่ะ)
★ส่วน "คารูน่า" ที่ไม่ค่อยชอบออกมาซื้อของแบบผู้หญิงนัก (ชอบอาวุธมากกว่า) แต่ก็ต้องออกมา เพราะว่าเจ๊เชร่ากับอาเนราสชวน (แกมบังคับ) ให้มาด้วยค่ะ
- ที่เขตเมืองด้านทิศตะวันออก เดินไปแถว ๆ ร้านไอศครีมจะเห็นคนต่อแถวกันยาวเหยียด แล้วเอสเทลจะนึกขึ้นมาได้ว่าเธอสัญญาว่าจะเลี้ยงไอศครีมโยชัวร์ค่ะ
เอสเทล "ก็ตอนที่แต่งชุดเมดที่ราชวังโยชัวร์เคยงอนไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นชั้นบอกว่าจะเลี้ยงไอศครีมให้ใช่ม๊า"
โยชัวร์ "ทำไมถึงจำได้แต่เรื่องไร้สาระแบบนั้นนะ...... ผมนึกว่าหมายถึงเรื่องที่เราสัญญาด้วยกันตรงลานพักผ่อนซะอีก"
เอสเทล "อ๊ะ...... อืม ก็เรื่องนั้นด้วยนั่นแหล่ะ แต่ยังกลางวันอยู่เลย หรือจะบอกว่าชั้นยังรู้สึกตื่นเต้นอะไรแบบนี้มากกว่า"
โยชัวร์ "???"
เอสเทล "ยะ ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเดินดูรอบ ๆ เสร็จแล้ว ค่อยไปพักกันตรงลานพักผ่อนด้านหลังห้างก็แล้วกัน! แล้วตอนนั้นชั้นจะเลี้ยงไอศครีมให้ก็ได้! OK มั้ย!?"
โยชัวร์ "อะ โอเค......"
- ที่ลานม้านั่งพักผ่อนประตูด้านเหนือของห้างเอเดล เลือกคำสั่งที่ 2 ทั้ง 2 คนจะนั่งพักกันตรงม้านั่ง แล้วก็จะคุยกันถึงที่ได้ขึ้นเป็นเบรเซอร์ทางการ พอโยชัวร์ได้ยินเอสเทลพูดถึงป๋าที่ชอบบอกเอสเทลเสมอ ๆ ว่า "พอโยชัวร์ไม่อยู่แล้วก็ทำอะไรไม่ได้" โยชัวร์ก็พูดขึ้นมาว่า
โยชัวร์ "แต่ว่าผม จากนี้ไปก็อยากจะอยู่ดัวยกันกับเธอนะ"
- เอสเทลอึ้งไปในทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ก่อนที่จะอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ
โยชัวร์ "เอ๊ะ หรือว่าจะทำให้เดือดร้อนเหรอ?"
เอสเทล "เปล่า ไม่ใช่ทำให้เดือดร้อนหรอก...... ไอ้ที่บอกว่า...... ยะ อยู่ ดะ..... ด้วยกัน...... น่ะ หมะ...... หมายความว่า......?"
โยชัวร์ "ก็ นิสัยใจคอก็รู้ ๆ กันอยู่แล้ว และก็เข้าใจซึ่งกันและกันด้วย ผมคิดว่าน่าจะจับคู่กันไปแบบนี้เรื่อย ๆ น่ะ......"
เอสเทล "อ๋อ...... หมายถึงงานของเบรเซอร์เองงั้นหรอกเหรอ...... อะไรเนี่ย นึกว่าฉัน จะเป็นฝ่ายถูกสารภาพซะอีก......"
- โยชัวร์ได้ยินประโยคนี้ก็สงสัยว่าหมายถึงอะไร ส่วนเอสเทลก็เขินโยชัวร์มากและบอกให้โยชัวร์ลืมเรื่องที่พูดเมื่อตะกี๊ไปซะ ว่าแล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องโดยทำเป็นว่าจะออกไปซื้อไอศครีมมาให้ พลางวิ่งไปแบบไม่ลืมหูลืมตา โยชัวร์ได้แต่ถอนใจกับความป้ำเป๋อของเอสเทลแล้วพูดว่า
โยชัวร์ "ที่ขายไอศครีมน่ะ มันไปทางนั้นซะเมื่อไรกันล่ะ..."
- แล้วเขาก็นึกสะกิดใจที่เอสเทลทำท่าทางแปลก ๆ แบบนั้น
โยชัวร์ "อย่าบอกนะว่า......... เอสเทล...... ไม่หรอก......... ........เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะ......."
- "แหม คนหนุ่มสาวนี่น่าอิจฉาจังเลยนะครับ" สิ้นเสียง "ศจ. อัลบา" ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาโยชัวร์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่บรรยากาศรอบตัวไม่ได้ให้ความรู้สึกไปในทางเดียวกันกับรอยยิ้มบนใบหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
ศจ. อัลบา "ไง ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะครับ ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย แต่ก็ดีที่สันติสุขกลับคืนมาได้ เรื่องความเป็นอยู่อย่างสงบสุขไร้กังวลนี่ ก็เป็นเรื่องลำดับต้น ๆ ของมนุษย์เลยนะครับ"
- โยชัวร์นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร และมีสีหน้าไม่ไว้วางใจในตัวผู้ชายคนนี้
ศจ. อัลบา "อ้าว ทำไมเหรอครับ? สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย...... อุตส่าห์ได้เป็นเบรเซอร์อย่างทางการแล้วทั้งที ต้องทำหน้าตาให้มันร่าเริงกว่านี้หน่อยนะ.... จริงสิ ให้ผมมอบของขวัญแสดงความยินดีด้วยได้มั้ยครับ? ถึงมันจะเป็นของไม่มีราคาค่างวดมากมายอะไรก็จริง"
โยชัวร์ "ตั้งแต่ตอนที่พบกันครั้งแรก...... ก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกขัดกันอย่างรุนแรง...... ถึงตอนนี้จะรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาบ้าง..... แต่เวลาที่ผมมองคุณ ทำไมร่างกายถึงได้สั่นไม่หยุด......"
ศจ. อัลบา "โฮ่......?"
โยชัวร์ "แล้วก็...... เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไปทั่ว...... เหล่าผู้คนที่ถูกลบความทรงจำ...... ในพื้นที่ที่คุณแสร้งทำเป็นไปสำรวจ...... ก็มักจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น...... ใช่แล้ว...... จังหวะมันลงตัวเกินไป......"
ศจ. อัลบา "..........................................."
โยชัวร์ "ตอนที่เริ่มมั่นใจได้นั้น...... ก็คือปฏิกิริยาของคุณคูลซ์...... คุณคูลซ์ที่ได้ถูกลบความทรงจำไป...... ในตอนนั้นเขาเคยบอกว่ารู้สึกถึงสิ่งชั่วร้ายบางอย่างจากที่นั่งของผู้ชมในอารีน่า...... แล้ว...... ในที่แห่งนั้นก็มีคุณอยู่ด้วยเหมือนกัน......"
- ศจ. อัลบายังคงมีใบหน้าอ่อนโยนที่นิ่งเฉยเหมือนเช่นปกติ โยชัวร์ลุกยืนขึ้นหันไปประจัญหน้ากับศจ. อัลบา
โยชัวร์ "ศจ. อัลบา...... เป็นคุณ...... สินะครับ?"
ศจ. อัลบา "คึคึ...... ถูกควบคุมสติสัมปชัญญะกับความทรงจำไปแล้ว แต่ยังรู้สึกตัวได้ถึงขนาดนี้ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ เลย สมกับเป็นของที่ชั้นสร้างขึ้นมาเลยนะ"
โยชัวร์ "......เอ๊ะ.............."
- ศจ. อัลบาแสยะยิ้มที่มุมปาก ใบหน้าของเขาช่างเยือกเย็นไม่เหลือเค้าความอ่อนโยนอีกแล้ว
ศจ. อัลบา "ถ้าอย่างนั้น จะบอกใบ้ให้ก็แล้วกัน"
- ศจ. อัลบาเดินเข้าไปใกล้ ๆ โยชัวร์ และดีดนิ้วให้สัญญาณ ทันใดนั้น สภาพแวดล้อมรอบตัวทั้ง 2 คนหยุดนิ่ง ความทรงจำที่ถูกปิดกั้นของโยชัวร์ค่อย ๆ เผยออกมาเป็นลำดับ ๆ และสัญลักษณ์สุดท้ายที่ในความทรงจำที่ได้เห็นก็คือ งูที่กัดกินร่างกายของตัวเอง
โยชัวร์ ".............................อ๊ะ.................. คุณคือ........ ......คุณคือ......เฮือก!?"
??? "หึหึ ดูเหมือนว่าในที่สุดก็นึกเรื่องของฉันออกแล้วสินะ เรื่องที่ฉันคนนี้ เป็นคนที่รักษาและประกอบหัวใจของเธอที่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขึ้นมาให้ใหม่ เรื่องที่ฉันคนนี้ เป็นคนใส่จิตวิญญาณให้กับตุ๊กตาที่ว่างเปล่า"
- สีหน้าของโยชัวร์ เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่หน้ากลัวเหมือนกับตอนของดัลมอร์ ไม่เหมือนกับโยชัวร์ผู้มีใบหน้าอันสุขุมเยือกเย็นคนเดิมอีกแล้ว
โยชัวร์ "ความสามารถประหลาด ที่ทำการควบคุมบิดเบือนสติสัมปชัญญะและความทรงจำของคนที่เป็นเป้าหมาย......! --------------- 1 ใน [แองกิส (สาวกแห่งงู)] 『蛇の使徒(アンギス)』 ทั้ง 7! [ไร้หน้า] ไวส์แมน......!"
- โยชัวร์ชักดาบคู่ของเขาขึ้นมา พร้อมกับดีดตัวถอยไปตั้งหลักเตรียมพร้อมที่จะบุกได้ทุกเมื่อ
ไวส์แมน "ฮะฮะ...... ไม่ได้คุยกันแบบนี้ซะนานเลย [เรกิออน (ผู้ดำเนินแผนการ)] 『執行者(レギオン)』 No. XIII [เขี้ยวดำขลับ] 『漆黒の牙』 ------ โยชัวร์ แอสเทรย์"
โยชัวร์ "คะ คุณ...... คุณนี่เองที่ชักใยเหตุการณ์ในครั้งนี้อยู่เบื้องหลัง! ถ้าอย่างนั้น ร้อยตรีโรแลนซ์นั่นคงจะเป็น......"
ไวส์แมน "ตามที่คาดนั่นแหล่ะ เพราะไม่ได้ลบความทรงจำ เขาก็เลยรู้ตัวจริงได้ทันที ฮะฮะ เขาก็คงรู้สึกดีใจอยู่ล่ะมั๊ง"
โยชัวร์ "คะ....... คุณ......... .............................. มาจัดการผม....... ให้มันจบเรื่องไปอย่างงั้นเหรอครับ"
ไวส์แมน "หึหึ...... ไม่ได้เตรียมการมาอย่างนั้นหรอก แผนการขั้นที่ 1 จบลงโดยสวัสดิภาพ ก็แค่อยากจะมาพบเธอด้วยเวลาที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง"
โยชัวร์ "ขั้นที่ 1...... ผนึกในโบราณสถานนั่นน่ะเหรอ......"
ไวส์แมน "[ประตู] ที่ปิดกั้นเส้นทางไปยัง [วงแหวน]...... งัดสิ่งนั้นออกมา ก็เรียกได้ว่าเป็นแผนการขั้นที่ 1 แล้วล่ะนะ หึหึ...... ปิดบังไม่มิดซะแล้วสิ"
โยชัวร์ "นึกแล้วเชียว...... คงยังไม่จบแค่นี้ใช่มั้ย...... [วงแหวนประกายแสง] คืออะไรกันแน่ครับ!? [องค์กร] กำลัง...... คุณกำลังวางแผนชั่วร้ายอะไรอยู่!?"
ไวส์แมน "ถ้าอยากจะรู้นักล่ะก็ ลองกลับไปที่องค์กรดูเป็นไงล่ะ? ถ้าเป็นเธอก็คงจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีเลยใช่มั้ย ถ้าฝีมือจะฝืดไปบ้าง ให้ฉันทำการรักษานิด ๆ หน่อย ๆ ก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิมอยู่แล้วล่ะ"
- โยชัวร์ได้แต่นิ่งเงียบ และยังไม่เอ่ยปากตอบอะไรให้กับไวส์แมน
ไวส์แมน "หึหึ...... ไม่ต้องทำหน้าตาน่ากลัวถึงขนาดนั้นก็ได้ รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าเธอในตอนนี้มีครอบครัวที่สำคัญอยู่ มีพ่อที่น่ายกย่องเชิดชูและมีสาวน้อยคนสำคัญที่รักยิ่งกว่าอะไร...... ถึงแม้ว่า [เขา] จะมาอยู่ฝ่ายนี้ แต่จะทิ้งสิ่งเหล่านั้นไปมันก็เป็นเรื่องไร้สาระ"
โยชัวร์ ".............อึก............"
ไวส์แมน "เพราะงั้นฉันจึงมาพบเธอ เพื่อมาปลดปล่อยให้เป็นอิสระจาก [องค์กร] อย่างแท้จริง แทนของขวัญแสดงคำขอบคุณที่ได้ให้ความร่วมมือกับแผนการ .......ยินดีด้วย โยชัวร์ เธอเป็นอิสระจาก [องค์กร] แล้ว ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี่ ขอบคุณที่เหนื่อยนะ"
- โยชัวร์ประหลาดใจในคำพูดของไวส์แมน ก่อนที่จะอุทานออกมาสั้น ๆ ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก
ไวส์แมน "อะไรกัน น่าเบื่อจริง ๆ นะเนี่ย นึกว่าจะทำหน้าตาดีใจมากกว่านี้ให้ฉันดูซะอีก...... อืม หรือว่าระบบการแสดงอารมณ์ยังมีจุดที่ไม่สมบูรณ์หรือเปล่านะ?"
- โยชัวร์ยิ้มนิด ๆ แต่ทว่าไม่ใช่รอยยิ้มที่มาจากภายใน สายตาของเขาดูเหม่อลอย
โยชัวร์ "ผม...... ให้ความร่วมมือกับแผนการ...... ......ฮะฮะ...... พูด...... เรื่องบ้า ๆ อะไรอยู่น่ะ......?"
ไวส์แมน "อ้าว โทษที ลืมพูดไปซะได้ ว่าหน้าที่ที่แท้จริงของเธอไม่ใช่ลอบสังหาร แต่เป็นล้วงข้อมูลต่างหากล่ะ"
โยชัวร์ "เอ๊ะ......"
ไวส์แมน "ในฐานะที่เป็นเด็กที่ถูก [องค์กร] ทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี เรียกร้องความเห็นใจ ได้รับการคุ้มครองอย่างยอดเยี่ยม แล้วก็รายงานเรื่องต่าง ๆ ให้กับคนติดต่อขององค์กรอย่างสม่ำเสมอ ก็เรื่องทิศทางของสมาคมเบรเซอร์กับ...... ข้อมูลของคาซิอุส ไบรท์ยังไงล่ะ"
โยชัวร์ "!!!"
ไวส์แมน "ไม่ต้องสงสัยไปหรอก ที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไป ตัวเธอย่อมต้องจำไม่ได้อยู่แล้ว ก็ฉันเป็นคนทำให้เป็นแบบนั้นเองนี่นา"
- โยชัวร์หน้าถอดสี ได้แต่ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเป็นคนทำเรื่องแบบนั้นในขณะที่ไม่รู้สึกตัวอะไรเลย
ไวส์แมน "เบรเซอร์ระดับ S คาซิอุส ไบรท์ เขาเป็นก้างชิ้นใหญ่สำหรับแผนการในครั้งนี้ หากเขาอยู่ในราชอาณาจักรแล้วล่ะก็ ภายในเวลาไม่นานคงจะทำลายการปฏิวัติของพันเอกลงได้อย่างแน่นอน เพื่อการนั้นก็ต้องวิเคราะห์นิสัยใจคอของเขาและรูปแบบการเคลื่อนไหว และดึงตัวเขายังต่างประเทศโดยไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่...... ข้อมูลของเธอมีประโยชน์มากจริง ๆ"
โยชัวร์ "............ไม่......จริง..............."
ไวส์แมน "เพราะงั้น ขอขอบคุณอีกครั้งก็แล้วกัน ในช่วง 5 ปีมานี่ ขอบคุณที่เหนื่อยนะ"
โยชัวร์ "ไม่จริง ไม่จริง! ไม่จริงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!"
- โยชัวร์ตะโกนออกมาสุดเสียง ทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้น
โยชัวร์ ".......ผม....... ช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่กับเอสเทล....... .........ช่วงเวลานั้นของผม............."
ไวส์แมน "หึหึ...... มันน่าเศร้าใจถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อะไร แล้วก็ไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัวอันแสนสำคัญก็ได้นี่นา? ถ้าเธอไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครรู้หรอก"
โยชัวร์ "................................."
ไวส์แมน "แต่ก็นะ...... ถ้าลองมาคิด ๆ ดู มันก็เป็นเรื่องที่โหดร้ายอยู่นะ เพราะดูเหมือนว่าพ่อลูกตระกูลไบรท์ออกจะสมบูรณ์พูนสุขมากเกินไป สำหรับปิศาจอย่างเธอแล้ว มันคงจะเจิดจ้าจนเกินไปหน่อยซะล่ะมั้ง?"
โยชัวร์ "..............อา........................"
ไวส์แมน "เธอน่ะ ถึงจะทำตัวให้เหมือนกับมนุษย์ แต่ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป เป็นเฟรมที่ไม่ว่าเมื่อไรก็พิจารณาถึงความสมเหตุสมผล คำนึงถึงการทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ กายเนื้อกับประสาทตอบรับที่ถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นถึงขีดสุด จนสามารถต่อกรกับกองพลได้ด้วยตัวคนเดียว มนุษย์สงครามสุดยอดที่ฉันได้สร้างขึ้นมา ทั้งหมดนั่นก็คือเธอ ------ [เขี้ยวดำขลับ]"
โยชัวร์ "......................................"
ไวส์แมน "เธอที่เป็นแบบนั้น ท้ายที่สุดแล้วก็เปลี่ยนไปเป็นมนุษย์ไม่ได้อยู่ดี ต่อจากนี้ถึงจะไปอยู่กับพวกเขา เธอก็ไม่มีทางมีความสุขได้หรอก"
โยชัวร์ "........................................"
ไวส์แมน "ดังนั้น ถ้ารู้สึกทุกข์ทรมานขึ้นมา ก็กลับมาได้ทุกเมื่อ กลับมาสู่องค์กรแห่งจิตวิญญาณที่นายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้นำ ------ [อุโรโบรอส (งูกินหาง)] 『身喰らう蛇(ウロボロス)』 ของพวกเรายังไงล่ะ......"
- พูดจบไวส์แมนก็เดินจากไป ทิ้งโยชัวร์ทีได้แต่นิ่งเงียบเอาไว้โดยไม่หันมามองเลยแม้แต่น้อย
- ไวส์แมนจากไปแล้ว แต่โยชัวร์ยังคงพึมพำกับตัวเองทั้ง ๆ แบบนั้น
โยชัวร์ "....................................... นี่คงเป็น...... การลงโทษใช่มั้ย....... ......พี่ครับ...... เรเว......... .............ผม................................ ..................................................ผมน่ะ.........................."
- อาทิตย์อัสดงแล้ว "เฮ้อ...... รอซะนานเลยเลยแฮะ...... จะยังไงก็ตามก็ตกเย็นแล้วด้วย...... โยชัวร์...... จะคิดยังไงกับเรื่องเมื่อกี๊นี้นะ...... อื~อ...... พอนึกขึ้นมาหน้าก็ร้อนผ่าวอีกแล้ว......" เอสเทลพูดกับตัวเองอย่างอาย ๆ หลังจากที่เธอซื้อไอศครีมมาได้หลังจากต่อแถวรอคิวมายาวนาน
- "โอ้ คุณเอสเทล" "ศจ. อัลบา" เอ่ยทักเอสเทล เอสเทลรู้สึกประหลาดใจที่มาเจอกับศจ. ที่นี่ "จริงสิ เมื่อตะกี๊ผมก็พบโยชัวร์คุงมาด้วยล่ะครับ ยินดีด้วยนะครับ ท่าทางจะได้ขึ้นเป็นเบรเซอร์อย่างทางการแล้วสินะ" ศจ. อัลบาเปลี่ยนเรื่องไปแสดงความยินดีกับเอสเทล ส่วนเอสเทลรู้สึกว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวของศจ. ผิดแผกไปนิดหน่อย ดูเหมือนสีหน้าจะมีความสุขมาก ๆ ซึ่ง ศจ. อัลบาได้ตอบว่า เพราะเขาได้อะไรหลาย ๆ อย่างจากการวิจัยโบราณคดีก็เลยดีใจมากเท่านั้นเอง
- เอสเทลกลัวไอศครีมจะละลายไปมากกว่านี้ ก็เลยขอตัวไปหาโยชัวร์ก่อน
ไวส์แมน "หึหึ อย่างนี้เองสินะ ลูกสาวของคาซิอุส ไบรท์งั้นหรือ...... ดูท่าคงจะทำให้สนุกไม่น้อยเลยทีเดียว"
- ที่ลานพักผ่อน เอสเทลขอโทษที่ปล่อยให้โยชัวร์รอนาน เมื่อให้ไอศครีมโยชัวร์ไปแล้ว เอสเทลถามโยชัวร์ถึงเรื่องที่พูดเมื่อกี๊นี้แบบเขิน ๆ โยชัวร์ยิ้มตอบเอสเทล
โยชัวร์ "อ๋อ เมื่อกี๋นี้โทษทีที่พูดอะไรคลุมเครือ ท่าทางจะเป็นการสารภาพที่ให้ผลแย่ ๆ ไปสินะ"
เอสเทล "เอ๊ะ...... เปล่าหรอก......... ไม่ใช่ให้ผลแย่ ๆ..... อะไรแบบนั้นซักหน่อย......"
โยชัวร์ "ก็ พอมาลองคิด ๆ ดูแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบเร่งให้คำตอบแบบนั้นด้วย ถึงจะได้ขึ้นเป็นเบรเซอร์อย่างทางการแล้ว ผมก็เลยอยากพูดถึงงานที่จะทำ อาจจะต้องคิดถึงอนาคตไปด้วยกันให้มาก ๆ ล่ะมั๊งนะ"
เอสเทล "กะ ก็จริงนะ...... (เพราะถ้าแต่งงานกันแล้ว ก็ต้องเลี้ยงลูกไปด้วยนี่นา...... ......เพราะงั้น! คิดไปซะไกลเชียว ชั้นนี่!)"
โยชัวร์ "เอาล่ะ นี่ก็เย็นมากแล้ว กลับไปที่ราชวังไป กินไอศครีมไปกันเถอะ คุณพ่อกับทุก ๆ คนรออยู่นะ"
- เอสเทลรู้สึกถึงความผิดปกติของโยชัวร์ แต่พอเธอจะเอ่ยถาม โยชัวร์ก็ชิงถามก่อนว่าจะปรึกษาเรื่องอนาคตงั้นเหรอ จนเอสเทลหมดอารมณ์ถามต่อเร่งให้กลับไปที่ราชวังเร็ว ๆ ค่ะ
ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- เอสเทลเดินไปเดินมาภายในห้องพักรับรอง เจ๊เชร่าที่กำลังนั่งทำนายไพ่ทาโร่ต์อยู่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเอสเทลเป็นอะไรไป เอสเทลจึงถามเจ๊เชร่าว่า "นี่ เจ๊เชร่า...... ตอนกินข้าวเย็นกัน...... โยชัวร์ดูแปลก ๆ ไปหรือเปล่า?" เจ๊เชร่าตอบแบบงง ๆ ว่า "ที่แปลก ๆ ไปน่ะมันเธอไม่ใช่เหรอไง เด็กคนนั้นก็ใจเย็นตามปกติอยู่แล้วนี่" แต่เอสเทลบอกว่าไม่ใช่แบบนั้น เจ๊เชร่าจึงจับไต๋เอสเทลได้
เชราซาร์ด "ฮะฮ้า งั้นเองเหรอ เรื่องนั้นเองน่ะเหรอ"
เอสเทล "อะ อะไรเหรอจู่ ๆ ก็......"
เชราซาร์ด "อย่าเขินไปเลย อย่าเขินไปเลย♪ บรรยากาศแบบนั้น...... แสดงว่ารู้ใจตัวเองแล้วสินะ รู้สึกชอบ...... โยชัวร์ขึ้นมาแล้วสินะ?"
- เจ๊เชร่าดูท่าทางของเอสเทลแล้ว ก็รู้ว่าเอสเทลคงยังไม่ได้บอกความรู้สึกให้โยชัวร์ได้รับรู้ จึงแนะนำให้เอสเทลบอกความรู้สึกนี้ให้โยชัวร์ได้รับรู้จะดีกว่า แล้วเจ๊แกก็รู้สึกดีใจที่ผู้หญิงที่เห็นของกินดีกว่าดอกไม้อย่างเอสเทล เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
- ดังนั้น เอสเทลจึงตัดสินใจจะไปสารภาพความรู้สึกที่มีกับโยชัวร์เดี๋ยวนี้เลย ว่าแล้วสาวน้อยก็วิ่งออกไปทันที เจ๊เชร่านั่งมองไพ่ทาโรต์ต่อแล้วพูดว่า "......รักครั้งแรกงั้นเหรอ...... ถ้าเป็นไปได้ด้วยดีก็คงจะดีนะ......"
- ไปหาโยชัวร์ที่ห้อง แต่ทั้งป๋าทั้งโยชัวร์ไม่อยู่เลยซักคน แล้วเอสเทลก็นึกขึ้นมาได้ว่าคุณพ่อบอกว่ามีประชุม แต่โยชัวร์ล่ะ
- จากนั้น เอสเทลก็ได้ยินเสียงฮาร์โมนิก้าของโยชัวร์แว่วมาจากที่ไหนซักแห่ง
- ออกไปหาโยชัวร์ค่ะ
★ที่ห้องพักรับรองจะมีเพื่อน ๆ เราพักผ่อนอยู่นะคะ หากไปคุยกับ "จิน" เขาจะพูดถึงร้อยตรีโรแลนซ์ว่า เป็นชายผู้เก่งกาจที่สมควรเรียกว่า "อสูร" เลยล่ะค่ะ นอกจากนั้น จินยังถามเอสเทลถึงเรื่องที่ได้สู้กับร้อยตรีโรแลนซ์บนระเบียงที่ตำหนักราชินีด้วย เพราะจินรู้สึกได้ว่าตอนที่สู้กันในงานประลองยุทธ์ โรแลนซ์ออมมือให้พวกเรา เอสเทลเห็นด้วยกับจินว่า ตอนที่สู้ครั้งที่ 2 ระดับความแข็งแกร่งต่างจากตอนที่สู้กันครั้งแรกจริง ๆ ค่ะ
★หากไปคุยกับ "ทีต้า" และ "อากัต" ทั้ง 2 กำลังคุยกันถึงเรื่อง "มีช่า" น้องสาวของอากัต แต่ดูเหมือนอากัตจะไม่ค่อยอยากพูดอะไรมากเท่าไร แค่บอกว่าเป็นพี่น้องที่รักกันมาก ไว้มีโอกาสเขาจะพาไปทำความรู้จักค่ะ
(อากัตจะพูดถึงเพลงที่โยชัวร์เป่า ว่าเหมือนเขาเคยได้ยินมาจากที่ไหนซักแห่ง ส่วนทีต้าไม่เคยได้ฟังเพลงนี้มาก่อน แต่ก็รู้สึกประทับใจกับท่วงทำนองอันไพเราะนี้มาก ๆ ยิ่งพอรู้ว่าพี่โยชัวร์เป็นคนเป่าก็ยิ่งปลื้มสุด ๆ ค่ะ)
★หากช่วงนี้เราไปคุยกับ "โอลิเวียร์" ที่ห้องสนทนา เขาจะบอกว่าเพลง "ที่ที่ดวงดาวคงอยู่" 『星の在り処』 ที่ได้ยินโยชัวร์คุงเป่าอยู่นี้ เขาเคยได้ยินตอนที่โยชัวร์เป่าที่ริมทะเลสาบด้วยทำให้รู้ว่าโยชัวร์คงจะฝึกเป่ามาเยอะทีเดียว (เอสเทลบอกว่าโยชัวร์ก็เป่าเพลงอื่นเหมือนกัน แต่เพลงนี้โยชัวร์ชอบเป่าให้ฟังมากที่สุดค่ะ) โอลิเวียร์บอกว่าถ้าเป็นชาวจักรวรรดิจะรู้จักเพลงนี้ดี แต่ชาวราชอาณาจักรส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่แต่งขึ้นในจักรวรรดิเอเรโบเนีย นอกจากนั้น เพลงนี้ไม่ได้เป็นเพลงที่บรรเลงแค่ในนครหลวงจักรวรรดิ แม้แต่ตามชนบทก็ยังมีบรรเลงให้ฟังกันค่ะ
สวนลอยฟ้า 『空中庭園』
- สารภาพความรู้สึกที่มีให้กับโยชัวร์ที่สวนลอยฟ้า กับบทสนทนาจำต้องลาจาก
โยชัวร์ "......ไง เอสเทล เป็นคืนที่ดีนะ"
เอสเทล "อืม...... เพลงนั้นอีกแล้วนะ [ที่ที่ดวงดาวคงอยู่]"
โยชัวร์ "เพราะว่าผมได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างสูญเสียไป...... แต่มีเพียงบทเพลงนี้ กับฮาโมนิก้าอันนี้เท่านั้นที่ยังคงอยู่กับผมเสมอมา...... ดังนั้น ก็เลยตั้งใจว่าจะเป่ามันให้ได้มากที่สุดน่ะ"
เอสเทล "เอ๋...... "
โยชัวร์ "จะให้ผมทำตามที่สัญญาที่เคยให้ไว้ได้มั้ยนะ เรื่องที่ผมทำอะไรมา ก่อนที่จะมารู้จักกับเธอน่ะ...... ตอนนี้อยากจะเล่าให้ฟังขึ้นมาแล้วล่ะ"
เอสเทล "โยชัวร์...... อืม...... เข้าใจแล้ว"
โยชัวร์ "เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาวซักหน่อย ถึงจะเป็นอย่างนั้น...... ก็ไม่รังเกียจใช่มั้ย?"
เอสเทล "แน่นอนอยู่แล้ว....... จะขอฟังจนจบเลยล่ะ"
โยชัวร์ "ขอบใจนะ......."
- โยชัวร์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปทอดสายตาออกไปด้านนอกสวนลอยฟ้า แล้วเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เอสเทลฟังด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง "นานมาแล้ว...... ณ สถานที่แห่งหนึ่งเคยมีเด็กชายอยู่ 1 คน" ความทรงจำต่าง ๆ ของเขาได้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านคำพูดเรียบ ๆ

โยชัวร์ "เด็กชายที่ทั้งขี้อ้อน ทั้งอ่อนแอ และไม่มีข้อดีอะไรเลย...... แต่เพราะมีเหล่าคนสำคัญอยู่ด้วย ทุก ๆ วันของเด็กชายจึงมีแต่ความสุข
แต่ด้วยเรื่องบางอย่าง ทำให้หัวใจของเด็กชายแตกสลายไป สู้ญเสียคำพูด สูญเสียความรู้สึก ทุก ๆ วันเอาแต่เป่าฮาร์โมนิก้าไม่หยุดโดยไม่แตะต้องอาหารเลย....... ความพยายามของคนที่มองเห็นถึงความลำบากนั่นก็ไร้ประโยชน์ เด็กชายทรุดโทรมลงวันแล้ว วันเล่า
แต่ ณ เบื้องหน้าของเด็กชายพรรค์นั้น กลับปรากฏร่างของผู้ใช้มนต์ตราคนหนึ่ง [ชั้นจะรักษาหัวใจของเด็กคนนั้นให้เอง แต่จะขอรับสิ่งตอบแทนไปด้วยนะ] และแล้ว เด็กชายจึงถูกฝากเอาไว้กับผู้ใช้มนตรา
ผู้ใช้มนตราคนนั้น ทั้งเชื่อมหัวใจที่แตกสลาย...... ทั้งเปลี่ยนแปลงตัวตนของเด็กชายตามใจชอบ และแล้ว เวลาที่ได้หัวใจดวงใหม่มานั้น------- เด็กชายก็ได้กลายเป็นฆาตกร
ในช่วงเวลา 2 ปี ทุกวัน ทุกวัน เด็กชายก็ได้ฆ่าคนไปเรื่อย ๆ เร้นกายในความมืด ทำให้กองพลไม่รู้กี่สิบคนพินาศย่อยยับทั้งหมด ลอบเข้าไปตัดคอเหล่าผู้คนในคฤหาสน์รัฐมนตรีของประเทศหนึ่งที่มีการป้องกันอย่างเข้มแข็ง บางทีก็ใช้ระเบิด ดึงเอาผู้คนที่ไม่มีความผิดมาติดร่างแหด้วย ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ จากฆาตกรธรรมดา เด็กชายก็ได้เจริญเติบโตขึ้นเป็นปิศาจชั้นยอด...... ผู้คนต่างหวาดกลัวและขนานนามให้ว่า [เขี้ยวดำขลับ]
หลังจากนั้นเด็กชาย ก็ได้รับคำสั่งจากผู้ใช้มนตราให้ไปลอบสังหารเป้าหมายหนึ่ง วีรบุรุษที่เมื่อครั้งอดีตเคยปกปักษ์อาณาจักรซึ่งปกครองโดยราชินีจากประเทศอันยิ่งใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางเหนือ เบรเซอร์ผู้มีสมญานามพิเศษซึ่งมีเพียง 4 คนบนทวีปนี้ ------แต่ว่า เป้าหมายนั้นแข็งแกร่งเกินไป เด็กชายเป็นฝ่ายถูกทำให้ถอยร่นไป ราวกับลูกแมวถูกเสือตีโต้ให้ล่าถอย
เบื้องหน้าของเด็กชายที่ได้ทำงานพลาด ก็ปรากฏร่างของเหล่าสมุนของผู้ใช้มนตรา เพราะถูกเป้าหมายเห็นหน้าแล้วจึงคิดที่จะกำจัดเด็กชายซะ แต่ก็ได้มีคนมาขับไล่สมุนพวกนั้นไปและช่วยเด็กชายเอาไว้
คน ๆ นั้นก็คือ เบรเซอร์ผู้เป็นเป้าหมายในคราวนี้ที่เด็กชายลอบสังหารพลาดนั่นเอง หลังจากนั้นเด็กชาย...... ก็ถูกพาไปที่บ้านของคน ๆ นั้นและได้พบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง......"
- โยชัวร์ยังคงเล่าต่อด้วยสีหน้าที่เรียบสงบ
โยชัวร์ "ที่บ้านหลังนั้น ตลอดระยะเวลา 5 ปีเด็กชายก็ได้เห็นความฝันอันแสนวิเศษ ถ้าหากเป็นความจริงแล้วล่ะก็ เด็กชายคนนั้นคงไม่อาจได้เห็นความฝันที่ได้รับการอภัยแบบนั้น...... แต่ว่า ความฝันเป็นสิ่งที่สักวันก็ต้องลืมตาตื่น เวลาที่กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงก็ได้มาถึง"
- เล่าจบ โยชัวร์ก็หันกลับมาพูดกับเอสเทลด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
โยชัวร์ "เรื่องที่จะเล่า........ จบลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบใจ....... ที่ไม่รำคาญและฟังจนถึงตอนสุดท้าย"
เอสเทล "..................................... ......เอ่อ...... อาฮะ...................... เรื่องเมื่อกี๊...... เป็นเรื่องจริงจนถึงตอนไหนกันเนี่ย?"
โยชัวร์ "ทั้งหมด------- เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หัวใจของผมแตกสลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มือของผมแปดเปื้อนไปด้วยเลือด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ลอบสังหารพ่อของเธอพลาด แล้วก็...... ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะตัดขาดจากพวกเธอจากนี้ตลอดไป"
เอสเทล "!?"
โยชัวร์ "เด็กชายมีตัวตนอยู่อย่างไม่มีความจำเป็นที่ต้องรับการช่วยเหลือ เพียงแค่อยู่ตรงนี้ก็รู้สึกว่าจะนำพาความโชคร้ายและหายนะมา...... เป็นตัวตนอันโสมมแบบนั้นยังไงล่ะ"
เอสเทล "....................................."
โยชัวร์ "เพราะฉะนั้น...... เด็กชายจึงได้ตัดสินใจออกเดินทาง เพื่อที่จะไม่ให้เหล่าผู้คนที่ทำให้ตนได้เห็นความฝันอันแสนสุขมาเกี่ยวข้องไปมากกว่านี้ เพื่อที่จะหยุดยั้งผู้ใช้มนตราชั่วร้ายที่สร้างตัวตนของตนเองขึ้นมา"
- โยชัวร์เดินเข้าไปหาเอสเทล และมอบฮาร์โมนิก้าให้กับเธอ
เอสเทล "เอ๊ะ......?"
โยชัวร์ "นั่น เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมเก็บเอาไว้ในตอนที่ยังมีหัวใจดังเช่นมนุษย์อยู่ แต่มันไม่จำเป็นอีกแล้วล่ะ...... เพราะงั้นอยากจะให้เธอรับเอาไว้ แทนคำขอบคุณสำหรับช่วงระยะเวลา 5 ปีมานี่ ถึงแม้จะไม่มากมาย...... แต่ผมคิดว่ามีดีกว่าไม่มีนะ"
- เอสเทลจ้องมองไปที่โยชัวร์ เธอก้มหน้าลงพูดต่อด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
เอสเทล ".................อย่าพูดไปมากกว่านี้นะ"
โยชัวร์ "เอ๊ะ......?"
- เอสเทลวิ่งเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าโยชัวร์
เอสเทล "ก็บอกว่าอย่าพูดเหลวไหลไปมากกว่านี้ไงล่ะ! อย่ามาพูดว่าเป็นความฝันอะไรนั่น......! มันดูราวกับว่า...... เรื่องต่าง ๆ ที่มาจนถึงตอนนี้ เหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลยไม่ใช่เหรอไง! อดีตจะเป็นยังไงก็ช่าง! หัวใจแตกสลายไป!? แล้วมันทำไมเหรอ!?"
โยชัวร์ "เอสเทล......"
เอสเทล "มองชั้นสิ! มองตาชั้น! ชั้น...... ที่เฝ้ามองเด็กชายคนนั้นมาตลอด! รู้ทั้งข้อดีและข้อเสีย! รู้ว่าเด็กชายเจ็บปวด และพยายามอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะโยชัวร์ที่เป็นแบบนั้น ชั้นถึงได้ชอบยังไงล่ะ!"
โยชัวร์ "!!!"
- หยาดน้ำตาเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาของเอสเทล
เอสเทล "เพราะงั้นจะไปไหนคนเดียวไม่ได้นะ! จะทิ้งชั้น ทิ้งความรู้สึกของชั้นแล้วหายไปน่ะ! ชั้นจะไม่ยกโทษให้เด็ดขาด!"
โยชัวร์ "......เอสเทล........."
- โยชัวร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเอสเทล พลางจับไหล่ของเธอ แล้วบรรจงประกบริมฝีปากลงไปบนใบหน้าที่อาบน้ำตาของเอสเทล
เอสเทล ".......อา....... (......โยชัวร์......)"
- เอสเทลเคลิ้มกับความสุขชั่วครู่ได้ไม่นาน แต่เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรไหลเข้าไปในคอของเธอจึงรีบผลักโยชัวร์ออกแล้วถอยออกมา
เอสเทล "เมื่อกี๊อะไร......! ไหลเข้ามาในปาก......"
โยชัวร์ "......ยานอนหลับชนิดออกฤทธิ์ทันทีน่ะ ไม่มีผลข้างเคียงอะไร วางใจเถอะ"
- สติของเอสเทลเริ่มเลือนรางลงทุกที
เอสเทล "อ๊ะ...... ทะ....... ทำไมล่ะ......!? .......ทำไมถึงเอาของแบบนั้น.....!"
โยชัวร์ "เอสเทลของผม....... เธอเป็นดังดวงตะวันอันเจิดจ้า แค่อยู่ด้วยกันกับเธอ ผมก็มีความสุขแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเจ็บปวดด้วยเช่นกัน...... เปรียบได้ดังแสงสว่างสดใสที่ทำให้เงาชัดเจนขึ้น...... ยิ่งอยู่ด้วยกันกับเธอ ผมก็ยิ่งรู้สึกถึงนิสัยแท้จริงอันน่ารังเกียจของตัวเอง...... ดังนั้น ผมเคยคิดว่าหากเราไม่ได้พบกันคงจะดีกว่านี้"
เอสเทล ".......แบบนั้น......."
โยชัวร์ "แต่ว่า ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ผมรู้สึกขอบคุณที่ได้มาพบกับเธอ ผมที่ทำได้แต่หนีออกไปจากเด็กสาวคนสำคัญไปแบบนี้...... แต่ผมจะคิดถึงเธอยิ่งกว่าใคร ๆ"
เอสเทล "......โยชัวร์......โยชัวร์........."
โยชัวร์ "จนถึงตอนนี้ ขอบคุณมาก ตั้งแต่ตอนที่ได้พบกับเธอ...... เคยชอบเธอมากที่สุด"
โยชัวร์ "-----ลาก่อน เอสเทล"
 

 
 
ドラマCD:ネタバレ注意!!
- หากใครมี Drama CD ที่แถมมาตอนที่สั่งซื้อ eiyuu densetsu VI:sora no kiseki SC แล้วล่ะก็ จะมีบทสนทนา ของโยชัวร์และคาซิอุส ในตอนที่โยชัวร์อุ้มเอสเทลไปนอนที่ห้องป๋าอีกนะคะ (โยชัวร์จะขอบคุณ คาซิอุสสำหรับเรื่องทุก ๆ อย่าง และเรียกเขาว่า "คุณคาซิอุส" ไม่เรียก "คุณพ่อ" ค่ะ) และเมื่อโยชัวร์จากไปแล้ว คาซิอุสยังได้คุยกับร้อยตรีโรแลนซ์ (เราจะรู้ชื่อจริงของเขาในภาค SC แต่ตอนนี้ป๋าเรียก "จักรพรรดิดาบ" ค่ะ) ที่คอยเผ้าดูแลโยชัวร์เสมอมาด้วยนะคะ (เรเวซ่อนตัวอยู่ แต่เพราะคาซิอุสรู้ตัวเขาเลยต้องออกมาคุยค่ะ)
 

 
 
Sub-Quest
(48) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่ทางน้ำใต้ดินเขตทิศตะวันตก 『地下水路西区画の手配魔獣』 (BP8)
- สู้กับ (ซีซาร์ฮันส์ *8) ที่ทางน้ำใต้ดินฝั่งตะวันตก
**ให้ระวังท่าโจมตีแล้วติด "ตายคาที่" นะคะ จะใส่ "สคัลแพนแดนท์" กันไว้ก่อนก็ได้ค่ะ**
**แนะนำ ให้ใช้อาร์ทสู้เพราะเจ้าพวกนี้แพ้อาร์ททุกคุณสมบัติค่ะ**

 
(49) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่ทางน้ำใต้ดินเขตทิศตะวันออก 『地下水路東区画の手配魔獣』 (BP8)
- สู้กับ (โบน ฟิช *4) ที่ทางน้ำใต้ดินฝั่งตะวันออก
**แนะนำ ให้ใส่ "หางไฟ" ป้องกันสถานะ "เยือกแข็ง" ไว้ค่ะ แล้วก็เน้นการโจมตีด้วยอาร์ทคุณสมบัติไฟก็จะสามารถชนะได้ง่ายขึ้น**
- จะมีสวิทซ์ด้านใน เมื่อสับแล้วจะทำให้กำแพงที่เชื่อมระหว่างเขตตะวันตกกับตะวันออก เปิดไปมาหากันได้ค่ะ
(อย่าลืมเปิดเอาไว้นะ มีประโยชน์ในภายหลังแน่นอนค่ะ)

 
(50) เรื่องไหว้วานจากสถานทูตจักรวรรดิ『帝国大使館の依頼』 (BP3)
- คุยกับ "โอลิเวียร์" ที่ห้องสนทนา (ห้องที่เราเข้าไปนั่งคุยกับพันเอกริชาร์ด์) ที่พระราชวังแกรนเซล
- ไปเช็คบอร์ดรับงานที่สาขา
- กลับไปคุยกับ "โอลิเวียร์" อีกครั้งค่ะ
(เราจะหลอกโอลิเวียร์ให้ออกมาเที่ยวงานเทศกาลนอกพระราชวังด้วยกัน ซึ่งหมอนี่ก็ติดกับยอมตามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนเดิมค่ะ)
- ที่สมาคมเบรเซอร์โอลิเวียร์สงสัยว่าทำไมต้องมาที่นี่ด้วย และ "เอลนัน" ก็กำลังติดต่อเรียกใครบางคนให้มาที่นี่ ซึ่งเป็นคนที่โอลิเวียร์รู้จักดีเลยล่ะ
(โอลิเวียร์ทำหน้ากรุ้มกริ่มคิดว่าเป็น "ลูกแมวน้อย" ในนครหลวงแห่งนี้ พลางพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น เฝ้ารอคนที่จะมาพบเขาที่นี่ "หรือว่าจะเป็น เชร่าคุง คุณคารูน่า หรืออาเนราสคุงล่ะ ไม่สิไม่สิ อาจจะเป็นนายกเทศมนตรีเมเบลหรือรีร่าคุงก็เป็นได้... ฮะ ไม่ใช่ว่าจะเป็นองค์หญิงคลอเดียหรือทีต้าคุงหรอกนะ!?")
- ทันใดนั้นเอง "มิวเลอร์" ก็ปรากฏกาย ทำหน้าเข้มลากโอลิเวียร์กลับไปที่สถานทูตค่ะ
(พวกเอสเทลไม่ได้บอกซักคำว่าคนที่รอโอลิเวียร์อยู่เป็นผู้หญิงนะ คิดเองเออเองเสร็จสรรพ เพราะงั้นก็เลยไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวงซักกะหน่อย)
- เนื่องจากว่า เรายังไม่ได้รับ "สมุดจดเบรเซอร์อย่างทางการ" เอลนันจึงให้พวกเราบันทึกผลงานคราวนี้ลงในสมุดจดเตรียมเบรเซอร์แทนค่ะ

 
☆หากเคลียร์ครบทุกเควสต์และได้ BP สูงสุดคือ 368 BP แล้วล่ะก็
เวลาดึงเซฟไปใช้ในภาค SC จะได้รับไอเทมพิเศษตั้งแต่ต้นเกมเลยนะคะ
ยังไงก็พยายามสะสมให้ได้ BP สูงสุดนะคะ☆



Related entries:
Sora no Kiseki FC (空の軌跡FC)


No comments:

Post a Comment