Saturday, October 21, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki SC - Chapter 1 เงาที่เร้นกายคืบคลาน

บทที่ 1 เงาที่เร้นกายคืบคลาน
第一章 忍び寄る影
เอสเทลที่ได้เดินทางมาถึงเมืองท่ารูอันที่กำลังมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนใหม่อยู่นั้น
ก็ได้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น แถมยังเป็นเรื่องที่ไม่ถูกกับเอสเทลเป็นที่สุดเสียด้วยสิ แต่เพราะได้รับความร่วมมือจากผู้ร่วมเดินทางในอดีต ทำให้เบื้องหลังของเหตุการณ์ปริศนาที่เกิดขึ้นได้เปิดเผยออกมา!!


Walkthrough Chart - Main Quest
เขตที่ถูกผนึก 『封印区面』
- "ร้อยเอกยูเลีย" 『ユリア大尉』 (ได้รับการเลื่อนยศจาก "ร้อยโท" 『中尉』 เป็น "ร้อยเอก" 『大尉』 ค่ะ) นำทาง "หลวงพ่อเควิน" 『ケビン神父』 มายังเขตที่ถูกผนึกที่ชั้นใต้ดินของราชวังแกรนเซลชั้นสุดท้าย
หลวงพ่อเควิน "ฟู่~ ยังไงก็ตาม นี่มันลำบากสุด ๆ เลยนะคร๊าบ ปวดขาซะจนชาไปหมดแล้วเนี่ย"
ร้อยเอกยูเลีย "หึหึ วางใจเถอะ ที่นี่เป็นชั้นสุดท้ายของ [เขตที่ถูกผนึก] แล้วล่ะ"
หลวงพ่อเควิน "ว้าว จริงเหรอคร๊าบ!? เฮ้อ~ คิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี ถ้าตอบมาว่าเพิ่งจะมาได้แค่ครึ่งทางเองน่ะครับ"
ร้อยเอกยูเลีย "หึ กรุณาอย่าถ่อมตัวเลย หลวงพ่อเป็นถึงผู้เผยแพร่ศาสนา มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วล่ะว่าผ่านการฝึกฝนมามากมายทีเดียว ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็คงจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างง่ายดายหรอกกระมัง"
หลวงพ่อเควิน "คุณเนี่ยเอาไม่อยู่เลยน๊า อ~าวเถอะ ราชวงศ์ลีเบร์ลกะราชวังนี้น่ะ ดูเหมือนว่าจะยิ่งกว่าที่เล่าลืออีกนะครับเนี่ย จริงสิคุณร้อยเอก เรื่องไอ้ของนั่นของคุณนายกเทศมนตรีคนก่อนน่ะ......"
ร้อยเอกยูเลีย "อ้อ [คฑาล้ำค่าแห่งการผนึก] 『封じの宝杖』 สินะ ทางเราได้เลือกสรรวิธีในการเก็บรักษาภายใต้การคุ้มกันอย่างเข้มงวดตามข้อตกลงแล้ว คงจะส่งมอบให้เธอได้ทุกเมื่อน่ะ"
หลวงพ่อเควิน "ช่วยได้มากเลยนะครับ ถ้างั้น...... จะขอดูของนั่นหน่อยได้มั้ยครับ?"
ร้อยเอกยูเลีย "ได้ ----- เชิญทางนี้"
- เควินและร้อยเอกยูเลียเดินไปยังซากของ [ทรอยเมไร] 『トロイメライ』 [ผู้พิทักษ์แห่งวงแหวน] 『環の守護者』 ที่หลงเหลือมาจากการต่อสู้ในตอนท้ายของภาค FC
หลวงพ่อเควิน "เจ้านี่อีกแล้ว......"
ร้อยเอกยูเลีย "แม้แต่โบสถ์เจ็ดจรัสเองก็คงลำบากที่จะรับเจ้าพวกนี้ไปจัดการกระมัง เพราะเจ้าสิ่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นอาร์ติแฟกซ์ระดับสูงเลยล่ะ"
หลวงพ่อเควิน "........... ขอ ตรวจสอบดูหน่อยจะได้มั้ยครับ?"
ร้อยเอกยูเลีย "แน่นอนอยู่แล้ว ก็ได้รับพระบรมราชานุญาตจากฝ่าบาทมาแล้วนี่ ยังไงก็ขอยืมความรอบรู้ของเธอด้วยแล้วกัน"
- เควินเดินไปสำรวจ [ทรอยเมไร] อย่างใกล้ชิด
หลวงพ่อเควิน "เจ้านี่คือ [ผู้พิทักษ์แห่งวงแหวน] ที่อยู่ในรายงานงั้นเหรอ เหมือนกับเจ้ายักษ์ใหญ่ที่ปรากฏตัวในคาลวาร์ดเลย...... อือ~ ไม่ได้เห็นกับตาตัวเองตอนที่มันยังขยับได้อยู่ซะด้วยสิ --------- แล้วนั่นก็...."
- เควินเดินไปสำรวจที่แท่นโบราณวัตถุปริศนา
หลวงพ่อเควิน "อารยธรรมเซมเรียตอนปลาย...... โบราณวัตถุเมื่อ 1200 ปีก่อนสินะ...... รูปแบบการทำงานของเครื่องจักรไม่ชัดเจนก็จริงอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นศูนย์กลางทั้งหมดของโบราณสถาน......"
ร้อยเอกยูเลีย "ดูท่าการวิเคราะห์อาร์ติแฟกซ์อันนี้ คงจะใช้วิทยาการในสมัยนี้ไม่ได้สินะ ถึงจะทำงานด้วยพลังงานออร์บเมนท์เหมือนกัน แต่ออร์บเมนท์ที่ใช้ก็เป็นระบบที่แตกต่างกันออกไป...... ดร. รัซเซลบอกไว้เช่นนั้นน่ะ"
หลวงพ่อเควิน "[ของขวัญแห่งเทพธิดาผู้เร่งรีบจนเกินไป] ---- โบสถ์ได้ให้คำจำกัดความไว้เช่นนั้นน่ะครับ ส่วนทางนั้นก็......"
- เควินเดินไปสำรวจใกล้ ๆ กับดีไวซ์ทาวเวอร์ที่ตอนนี้หยุดการทำงานไปแล้ว
หลวงพ่อเควิน "หลังจากที่ใช้ออร์บเมนท์สีดำขลับที่เรียกว่า [กอสเปล] นั่น...... ดูเหมือนเสายักษ์ใหญ่ที่อยู่ตรงนี้ถูกเก็บไว้ใต้พื้นนี้สินะครับ?"
ร้อยเอกยูเลีย "ใช่ ได้ยินมาว่าถ้ารวมอันนี้เข้าไปด้วย ก็มีเสาอยู่ที่มุมทั้ง 4 ถูกเก็บเอาไว้น่ะ ทั้ง ๆ ที่ผ่านไปตั้ง 2 เดือนแล้ว แต่ก็ยังตีความไม่ได้เลยว่ามีไว้เพื่ออะไร"
หลวงพ่อเควิน "[วงแหวนประกายแสง] 『輝く環』 ที่ถูกผนึกไว้....... แล้วก็ [กอสเปล (พระสุรเสียง)] 『福音(ゴスペル)』 สีดำขลับที่ใช้...... เครื่องจักร, การเดินเครื่องของ [อาณาเขตที่ 2] กับ [ดีไวซ์ทาวเวอร์]............ อย่างนี้นี่เอง............ เริ่มมองออกว่าเป็นกลไกที่สลับซับซ้อนขึ้นมาแล้วล่ะ"
ร้อยเอกยูเลีย "! มองออกว่าเป็นกลไก...... นะ นั่นมันหมายความว่าอย่างไรกัน.........!?"
หลวงพ่อเควิน "เอ~ จะพูดไงดี คงจะเป็นสิ่งที่คล้าย ๆ กับสัญชาตญาณล่ะมั๊งครับ มีความเป็นไปได้ว่าสถานที่แห่งนี้คงจะเป็น [ประตู] น่ะครับ"
ร้อยเอกยูเลีย "[ประตู]......?"
หลวงพ่อเควิน "ใช่ครับ [ประตู] ที่เชื่อมสู่ [เส้นทาง] ที่นำพาไปสู่สมบัติแห่งเทพธิดา แล้วสิ่งที่ใช้งัดมันออกมาก็คือกุญแจสีดำขลับที่เรียกกันว่า [พระสุรเสียง] ....... ถ้าพิจารณาได้ตามนั้น ก็จะสรุปได้ว่าทำไม [วงแหวนประกายแสง] ที่เป็นหัวใจสำคัญถึงไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ"
ร้อยเอกยูเลีย "ตะ แต่ถึงจะพูดว่าเป็น [เส้นทาง] ก็เถอะ ที่นี่มันเป็นชั้นสุดท้ายของโบราณสถานแห่งนี้แล้วนะ แม้แต่การสำรวจของดอกเตอร์ในพื้นที่อื่น ๆ ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วด้วยว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ........"
หลวงพ่อเควิน "คงจะเป็น [เส้นทาง] ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาล่ะมั๊งคร๊าบ"
หลวงพ่อเควิน "ชีพจรเจ็ดจรัสที่ไหลไปมาอยู่ใต้แผ่นดิน... หรือก็คือเส้นทางที่พิเศษยิ่งกว่า......
อาจมีร่องรอยของ [วงแหวน] ที่ได้ผ่านเลยสิ่งนั้นไปอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างแน่นอน"



เกรทน่า 『グレトナ号』
- "เอสเทล" กับ "อาเนราส" ที่เพิ่งผ่านการฝึกซ้อมจากสถานที่ฝึกซ้อม [ลู=ลอคเคิล] มาหมาด ๆ ใช้เวลามากกว่าครึ่งวันนั่งเรือประจำทางระหว่างประเทศ "เกรทน่า" กลับมาที่นครหลวงแกรนเซล
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- ไปรายงานผลการฝึกกับ "เอลนัน" 『エルナン』 ที่สาขานครหลวงค่ะ
(เอลนันจะให้ BP จากการฝึกซ้อมแก่เอสเทลด้วย เพราะการฝึกก็ถือเป็นงานอย่างหนึ่งค่ะ)
- เอสเทลจะบอกเอลนันว่าพวกคูลซ์ยังอยู่ที่สถานที่ฝึกซ้อม และดูเหมือนว่าพวกคารูน่าก็กำลังฝึกซ้อมอยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปอีกค่ะ ทำให้อาเนราสกังวลใจว่าเบรเซอร์ทางการอยู่ต่างประเทศตั้ง 3 คน ทางนี้ก็คงจะยุ่งวุ่นวายเพราะคนไม่พอแน่เลย แถมคุณคาซิอุสก็กำลังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง "นายพลจัตวา" 『准将』 เป็นผู้บังคับการกองพลกลยุทธ์อยู่ที่ค่ายเรสตอนค่ะ
- ซึ่งเอลนันได้บอกว่า ตอนนี้คุณคาซิอุสกล่าวได้ว่าเป็นระดับท็อปของกองทัพเลยเชียวล่ะค่ะ ทำให้เอสเทลกับอาเนราสตกใจมาก เพราะจริง ๆ แล้วคนที่เป็นผู้นำสูงสุดคือ "นายพลมอร์แกน" ตรงนี้เอลนันได้อธิบายต่ออีกว่า
เอลนัน "ตอนแรกดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามนั้นน่ะครับ แต่เป็นความประสงค์ของท่านนายพลเอง ที่ได้มอบหมายให้คุณคาซิอุสให้เป็นศูนย์รวมของอำนาจทางการทหารน่ะครับ ท่านนายพลคงอยากจะฝากฝังอนาคตของกองทัพราชอาณาจักรไว้กับคุณคาซิอุสที่ยังอ่อนวัยก็เป็นได้ครับ"
- เอสเทลได้ฟังดังนั้นก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลยค่ะ แต่เรื่องนี้ทำให้อาเนราสทั้งดีใจระคนกับความกังวลใจ เพราะจากนี้ไปทางสมาคมคงต้องลำบากมากขึ้น แต่เอลนันได้บอกว่าตอนนี้นั้นทางกองทัพได้ให้ความร่วมมือกับทางสมาคมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ทว่าตอนนี้ทางสมาคมก็มีเรื่องที่ควรระวังเอาไว้นั่นก็คือเรื่องของ "องค์กร" ค่ะ
- จากคำบอกเล่าของเอลนันนั้น เขาเล่าว่า
เอลนัน "ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น เช่นว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงของพวกสัตว์ปิศาจที่อาศัยอยู่ทุกพื้นที่ และต่อมาก็มีสัตว์ปิศาจชนิดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนจนถึงตอนนี้ ปรากฏตัวไปทั่วเช่นเดียวกัน นอกจากนั้น สัตว์ปิศาจที่มีมาก่อนหน้านี้ฝีมือก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์สาเหตุได้จนถึงบัดนี้ครับ"
- นอกจากนั้นเอลนันยังได้บอกว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ นั้น เริ่มเกิดขึ้นหลังจากช่วงงานเทศกาลเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพองค์ราชินีค่ะ ดังนั้นแล้วเอลนันจึงอยากขอร้องให้เอสเทลและอาเนราส ให้ความร่วมมือกับสาขาทำงานพิเศษให้หน่อย
- "อะไรกัน มาถึงแล้วเหรอเนี่ย" "เจ๊เชร่า" เข้ามาในสมาคมพร้อม ๆ กับ "อากัต" ซึ่งอากัตได้ยินเรื่องของโยชัวร์มาจากตาลุง (ป๋าคาซิอุส) แล้ว และยังบอกอีกว่าดูเหมือนสภาพร่างกายและจิตใจของเอสเทลจะกลับมาเหมือนเดิมแล้วด้วยค่ะ
(ที่เจ๊เชร่ากับอากัตมาด้วยกันนั้น เพราะมีหน้าที่พิเศษที่ต้องปฏิบัติงานร่วมกัน ซึ่งก็คือการตรวจสอบ [งูกินหาง] ค่ะ)
- ดังนั้นแล้ว เรื่องที่เอลนันขอให้เอสเทลกับอาเนราสช่วยก็คือ เคลื่อนไหวไปพร้อม ๆ กับเชราซาร์ดและอากัตทำการรวบรวมข้อมูลในทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร โดยจะแบ่งทีมตรวจสอบออกเป็น 2 กลุ่มค่ะ
- อาเนราสจะมอบหน้าที่ให้เอสเทลเป็นคนตัดสินใจเลือกก่อนว่าจะไปกับใครค่ะ
- เลือกคู่หูระหว่าง "เชราซาร์ด" หรือ "อากัต" ค่ะ
◆หากเลือก "เจ๊เชร่า" (เน้นรูปแบบการโจมตีด้วยอาร์ท) อากัตกับอาเนราสจะไปพื้นที่บอส
◆แต่ถ้าเลือก "อากัต" (เน้นรูปแบบการโจมตีกายภาพ) เจ๊เชร่ากับอาเนราสจะไปพื้นที่รอเลนซ์ค่ะ
☆ไม่ว่าจะเลือกคนไหน เอสเทลก็จะไปยังพื้นที่รูอัน
ส่วนที่แตกต่างกันก็มีแค่บทสนทนาเล็ก ๆ น้อยเท่านั้นเองค่ะ☆
☆ดังนั้น เลือกตัวละครที่ชอบได้เลยนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าใครจะเก่งกว่าใคร
เพราะ Bracer Rank ของเจ๊เชร่ากับอากัตอยู่ในระดับเดียวกันค่ะ (ระดับ B)
เน้นว่าให้เลือกเล่นตามสไตล์ของแต่ละคนแล้วกันนะคะ☆
☆ในส่วนของบทสรุปนี้ เราขอเลือกเจ๊เชร่านะคะ
เพราะในการเล่นครั้งก่อนเลือกอากัตไปแล้วค่ะ
แต่ยังไงก็จะพยายามหาบทสนทนาที่น่าสนใจของแต่ละฝ่าย มาลงให้ในภายหลังแล้วกันนะคะ☆

เป็นกำลังให้สาขารูอัน
『ルーアン支部の応援』 (BP0)
ท่าเทียบเรือเหาะแกรนเซล 『グランセル・発着場』
- ที่ท่าเทียบเรือเหาะแกรนเซล เราจะแยกกับอาเนราสและรุ่นพี่ที่เราไม่ได้เลือกค่ะ
◆ในกรณีที่แยกกับ "อากัต" อากัตจะเป็นห่วงเอสเทลและบอกว่า
อากัต "ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเวลาที่ต้องฝืนเพื่อพยายามทำอะไรบางอย่างน่ะ มันจำเป็นหรือเปล่า...... ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง นาน ๆ ครั้งก็ควรไว้ใจและแสดงความอ่อนแอออกมาให้คนอื่นเห็นบ้างจะดีกว่านะ"
ทำให้เอสเทลเข้าใจว่าอากัตมาดูถูกที่เธอเป็นผู้หญิงค่ะ แต่อากัตบอกว่า
อากัต "ไม่ใช่อย่างนั้น ถึงจะเป็นผู้ชายก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่โง่เขลา ชอบลืมตัว ถือทิฐิมากเกินความจำเป็นน่ะ ไม่ว่าจะชั้นหรือลุง (หมายถึงป๋า) ...... โยชัวร์เองก็คงจะเหมือนกันด้วยล่ะมั๊ง ---- มีเฉพาะไอ้การถือทิฐิบ้าบอนี่ที่ถึงตายไปก็รักษาไม่หายน่ะ ดังนั้นเธอที่เป็นผู้หญิงก็ไม่ต้องมาฝืนทำเรื่องแบบเดียวกันหรอก บางครั้งบางคราว ก็ไว้วางใจใครซักคนแล้วก้าวไปข้างหน้าในแบบของตัวเองบ้างก็ได้"
เอสเทลได้ยินอากัตพูดดังนั้นก็รู้สึกดีใจที่อากัต (พยายาม) ปลอบเธอ ซึ่งเธอจะจำใส่ใจไว้ค่ะ
(อากัตผู้ชายที่พูดไม่ค่อยเก่ง ดูเหมือนว่าในภาคนี้จะแสดงความอ่อนโยนออกมาให้เห็นมากขึ้น จนคนเล่นเองก็ใจหวั่นไหวเลยล่ะค่ะ)
◆ในกรณีที่แยกกับ "เจ๊เชร่า" เจ๊เชร่าจะเป็นห่วงเอสเทลและบอกว่า
เชราซาร์ด "ไพ่ทาโรต์ที่ออกมา แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเธอกับโยชัวร์ไม่ได้สิ้นสุดลงซักหน่อย เพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เชื่อมั่นในสายสัมพันธ์ของเธอกับโยชัวร์สิ ถ้าทำแบบนั้นเส้นทางจะต้องเปิดออกอย่างแน่นอน"
เอสเทลได้ยินเจ๊เชร่าให้กำลังใจ ก็เลยมีความกล้าที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าค่ะ
- ส่วนอาเนราสก็จะรู้สึกเหงา ๆ ที่ต้องจากเอสเทลไปอีกนานเลยค่ะ
(มีบทสนทนาขำ ๆ ของอาเนราสที่ชวนให้ทุกคนเข้าใจผิดและคิดว่าเธอเป็น "พวกไม้ป่าเดียวกัน" ด้วยนะคะ เพราะเธอพูดแนว ๆ ว่า "อายุไม่เกี่ยง" และ "อยากจะผูกพันกับเอสเทลให้มากกว่านี้" ค่ะ แต่จริง ๆ แล้วเธออยากจะเป็นคู่ปรับกับเอสเทล เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตัวเองพยายามฝึกฝนให้มากขึ้นต่างหาก แต่กว่าทุกคนจะเข้าใจในสิ่งที่อาเนราสพูดนั้น ก็เล่นเอาตกอกตกใจกันไปหลายตลบ)
- หลังจากแยกกับพวกอาเนราสแล้ว เราจะขึ้นเรือเหาะลำต่อไปที่จะไปยังพื้นที่รูอันค่ะ แต่ก็ต้องไปซื้อตั๋วโดยสารที่บริษัทเรือเหาะก่อนนะคะ
☆เครื่องสวมใส่และควอทซ์ที่ "อาเนราส" ใส่อยู่ ตัวเกมถอดให้อัตโนมัติค่ะ☆
บริษัทเรือเหาะ 『飛行船公社』
- เข้าไปในบริษัทเรือเหาะเพื่อไปซื้อตั๋วโดยสาร จะพบกับผู้หญิงสวมแว่น (ท่านทูตแห่งสาธาณรัฐคาลวาร์ด "เอลซ่า" ที่เกลียดพวกจักรวรรดิเป็นที่สุด) กำลังยืนเถียงกับชายวัยกลางคนที่เป็นขุนนางของเอเรโบเนีย (ท่านทูตจักรวรรดิเอเรโบเนีย "ดาวิล") ซึ่ง "มิวเลอร์" ก็อยู่ด้วย และเขาก็ได้ห้ามปรามท่านทูตทั้ง 2 ไม่ให้เถียงกันไปมากกว่านี้ เพราะจะทำความเดือดร้อนให้กับแขกคนอื่น ๆ ค่ะ
- หลังจากที่ท่านทูตทั้ง 2 แยกย้ายกันไปแล้วเอสเทลจะเข้าไปทักทายมิวเลอร์
☆หากเราเคลียร์ซับเควสต์สุดท้าย (50) เรื่องไหว้วานจากสถานทูตจักรวรรดิ ในภาค FC
บทสนทนาของมิวเลอร์จะเปลี่ยนไปนิดหน่อยค่ะ☆
- ทราบจากมิวเลอร์ว่า ที่ท่านทูตทั้ง 2 จาก 2 ประเทศซึ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์อันดี แถมนิสัยก็ยังเข้ากันไม่ได้มายืนเถียงกันที่นี่เรื่องเครื่องยนต์ที่พัฒนาโดยโรงงานกลาง ซึ่งจะแบ่งสรรปันส่วนไปให้จักรวรรดิกับสาธารณรัฐเป็นเครื่องยนต์ตัวอย่างค่ะ ซึ่งตรงนี้มิวเลอร์ได้บอกว่า
มิวเลอร์ "ตามปกติแล้ว ไม่มีใครคิดที่จะสนับสนุนวิทยาการล่าสุดให้กับประเทศอื่น ๆ หรอก จะมีแต่องค์ราชินีนี่แหล่ะ ที่จะทำการสนับสนุนเรื่องนี้ ทั้งยังใช้เรื่องนี้นำพาไปสู่สันติสุขของทุกประเทศได้อีกด้วย"
- เอสเทลจะถามถึงโอลิเวียร์ ซึ่งมิวเลอร์บอกว่าเจ้าคนหลงตัวเองนั่นยังอยู่ในลีเบร์ล ตอนนี้ก็คงจะอยู่ที่บ่อน้ำพุร้อนเอลโมค่ะ นอกจากนั้นมิวเลอร์ยังรับปากว่าถ้าโอลิเวียร์กลับมาที่สถานทูต เขาจะบอกโอลิเวียร์ว่าพวกเราคิดถึง และถ้าถึงตอนที่พวกเขาจะกลับประเทศ ก็จะแจ้งไปยังสมาคมให้พวกเอสเทลรู้ด้วยค่ะ
◆หลังจากมิวเลอร์ไปแล้ว "เจ๊เชร่า" จะบอกว่าคนรู้จักของโอลิเวียร์ก็มีประเภทจริงจังแบบนั้นด้วยหรือเนี่ย แถมเจ๊แกยังอยากจะชวนมิวเลอร์ไปดื่มด้วยกันซักครั้งอีกแหน่ะ
เอสเทลจะถามเจ๊เชร่าว่าได้เจอโอลิเวียร์บ้างหรือเปล่า ซึ่งเจ๊เชร่าตอบว่าได้เจอกับโอลิเวียร์ไม่รู้กี่ครั้งที่นครหลวงค่ะ แถมโอลิเวียร์ยังชวนเจ๊แกไปบ่อน้ำพุร้อนด้วยกัน แต่เจ๊ปฏิเสธไปแล้วค่ะ ทำให้เอสเทลสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คนจริง ๆ
(แต่เจ๊เชร่าบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับโอลิเวียร์ค่ะ)
- อย่าลืมไปซื้อ "ลีเบร์ลสาร ฉบับ 2" ในบริษัทเรือเหาะด้วยนะคะ
- คุยกับ "ซาช่า" 『サーシャ』 (พนักงานหญิงด้านขวามือค่ะ) เพื่อซื้อตั๋วโดยสารค่ะ ซึ่งซาช่าแจ้งว่าเอลนันได้ติดต่อมาและออกเงินค่าตั๋วให้พวกเอสเทลเรียบร้อยแล้วค่ะ
ท่าเทียบเรือเหาะแกรนเซล 『グランセル・発着場』
- ออกมาคุยกับประชาสัมพันธ์ท่าเทียบเรือเหาะ "ฟีซ" 『フィズ』 (เลือกข้อ 2) เราจะเซ็นเอกสารเพื่อออกเดินทางไปยังพื้นที่รูอันด้วย "รินเด" ค่ะ
(หากใครลืมซื้อลีเบร์ลสาร จะกลับไปซื้อก่อนหรือจะไปซื้อที่เมืองรูอันก็ได้ค่ะ)
รินเด 『リンデ号』
- จะรู้จากอีกฝ่ายว่าตอนนี้พื้นที่รูอันกำลังมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนใหม่ ซึ่งตอนนี้มีผู้สมัครรับเลือกตั้งอยู่ 2 คนค่ะ (มีลงในลีเบร์ลสารด้วยเหมือนกันค่ะ)
- เอสเทลจะเล่าเรื่องราวในตอนที่พบกับคลอเซ่ กับตอนที่เธอกับโยชัวร์ช่วยเหลืองานเทศกาลโรงเรียน รวมทั้งเรื่องที่คิดถึงทีต้ากับดร. และก็คุณจินด้วยค่ะ
- อีกฝ่ายจะบอกเอสเทลว่าจินกลับไปยังคาลวาร์ดหลังจากงานเทศกาลเฉลิมฉลองจบลง เพราะสมาคมของสาธารณรัฐขอร้องเขาให้กลับไปค่ะ
◆เจ๊เชร่าจะบอกว่าทีต้าเป็นเด็กที่อ่อนโยนมาก "ตอนที่ได้ฟังเรื่องของพวกเธอแล้ว เด็กคนนั้นก็น้ำตาปริ่มขึ้นมา แต่ก็ไม่ร้องออกมาซักแอะ และยังบอกอีกว่า [ทั้ง ๆ ที่พี่สาวกำลังพยายามอยู่ หนูก็จะร้องไห้ไม่ได้ค่ะ] ด้วยนะ" เอสเทลได้ยินดังนั้นก็ดีใจและเกือบจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เจ๊เชร่ายังได้บอกกับเอสเทลอีกว่า "พวกเธอได้พบเจอแต่คนดี ๆ นะ ยังไงก็พยายามรักษาเอาไว้ให้ดีด้วยล่ะ"
- หลังจากแยกกับเจ๊เชร่าหรืออากัตแล้ว เอสเทลจะสามารถไปในเรือเหาะได้อย่างอิสระ ก็ไปคุยกับทุกคนในเรือเหาะให้ครบเลยนะคะ
★หากไปที่ห้องชมวิวจะพบ "ลูกเรือคลาริส" (แอร์โฮสเตส) 『乗務員クラリス』 เธอจะจำเราได้ตอนที่ช่วยเธอจากคดีสลัดอากาศค่ะ
★แล้วเราก็จะเจอกับตาลุงประหลาด "โอวิด" 『オーヴィッド』 ที่ออกมาหาวัตถุดิบทำอาหารแปลก ๆ ตามเคยค่ะ
★ที่ห้องนักบิน "กับตันแกรนท์" 『グラント船長』 ก็จะจำเราได้เหมือนกันค่ะ เขาจะบอกว่าถ้ารู้ว่าเอสเทลขึ้นเรือเหาะลำนี้ล่ะก็ เด็กคนนี้ (เรือเหาะ) ต้องพยายามสุดใจขาดดิ้นพาไปให้ถึงจุดหมายเลยค่ะ แล้วเสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้น กัปตันแกรนท์เลยบอกว่าดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะได้ยินที่พวกเราพูดกันน่ะค่ะ
- ไปที่ชั้นบนสุดของเรือประจำทาง คุยกับ "ลอยด์" 『ロイド』 เขาจะพึมพำกับตัวเองว่าทำยังไงถึงจะตกเจ้าของในตำนานแห่งทะเลสาบวาเลเรียได้นะ
- ได้รับ "สมุดบันทึกการตกปลา" และ "เบ็ดโปรเกร" 『プログレロッド』 จากลอยด์และเมื่อพบกับลอยด์อีกครั้งที่เมืองรูอัน เราก็จะสามารถตกปลาเพื่อรับไอเทมหรือพวกเซพิธได้อย่างสนุกสนานตลอดทั้งเกมเลยค่ะ
- เมื่อคุยกับทุกคนบนเรือประจำทางเรียบร้อยแล้ว ให้ตัดฉาก ก็จะดำเนินเรื่องต่อไปได้ค่ะ

ตรวจสอบเงาสีขาว1-3
『白い影の調査①‐③』 {BP5(+3)}
เมืองรูอัน 『ルーアン市』
- ที่สมาคม คุยกับ "จาง" 『ジャン』 เขาจะบอกว่าเพราะคุณคารูน่าไม่อยู่ ก็เลยมีงานค้างที่บอร์ดรับงานเต็มไปหมดเลยค่ะ แถมตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ลดลง เพราะว่าการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่งวดขึ้นมาเรื่อย ๆ ซึ่งคนที่ลงสมัครก็จะมี [นายนอร์แมนผู้ผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว] กับ [นายพอลทอสผู้ปลุกกระแสให้อนุรักษ์อุตสาหกรรมท่าเรือ] ซึ่งชาวเมืองในทุกพื้นที่ของรูอันก็ให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ค่ะ
(จางยังแนะนำอีกด้วยว่า ให้เราลองอ่านในลีเบร์ลสารเพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วยนะคะ)
- แต่มีอยู่เรื่องที่จางต้องการให้เราตรวจสอบ แต่มันพูดออกมาจากปากได้ยากเหลือเกิน ซึ่งก็คือจางอยากจะให้พวกเราตรวจสอบเรื่อง "ผี" ค่ะ แต่พอพูดออกไปจางก็อดบ่นอุบกับปฏิกริยาของพวกเราไม่ได้ว่า
จาง "เฮ้อ ว่าแล้วเชียว ว่าพวกเธอต้องทำหน้าแบบนั้นใส่แน่ ๆ เพราะงั้นก็เลยไม่ค่อยอยากจะไหว้วานยังไงล่ะ"
- ได้ทราบเรื่องจากจางว่าในช่วง 1 - 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี่มีคนมารายงานกับทางสมาคมว่า "เห็นเงาสีขาวตอนกลางคืน" ในพื้นที่รูอันค่ะ พอได้ยินดังนั้นอาการกลัวผีของเอสเทลก็กำเริบ ทุกคนสังเกตเห็นท่าทางเอสเทลผิดปกติไป เธอก็เลยรีบแก้ตัวว่า
เอสเทล "คุณเอสเทลผู้เจิดจ้าที่แม้แต่เด็กเห็นยังร้องไห้ จะกลัวผีหรืออะไรอย่างนั้นน่ะ......"
- แต่ดูเหมือนว่าการแก้ตัวครั้งนี้จะไม่เป็นผลค่ะ
- ถึงแม้จะกลัว แต่ถ้าหากว่ามีเรื่องที่น่าจะเกี่ยวข้องกับ "องค์กร" ตามที่เจ๊เชร่าหรืออากัตบอก เอสเทลก็จะขอรับงานนี้ไปทำค่ะ
- จากข้อมูลของจาง คนที่เห็นเงาที่ว่ามีอยู่ 3 คนคือ
(1) พลทหารที่ด่าน [แอร์ แลตเท่น]
(2) สมาชิกกลุ่ม [เรเว่น]
(3) พวกเด็ก ๆ ของ [สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย]
- ดังนั้น เราจะต้องไปสอบถามข้อมูลจากทั้ง 3 คน 3 ที่ค่ะ
(1) ฮันเตอร์วัตถุดิบผู้มาถึง
(2) ถ่ายรูป [หอคอยฟ้าคราม]
(4) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนถนนป่าละเมาะวิสต้า
(5) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนถนนเลียบทะเลเมเว
☆อย่าลืมไปที่ "คาสิโนบาร์ ลาวันทาร์" สะสมให้ครบ 100 เมดัล แล้วแลก "แจ็คนักเสี่ยงโชค เล่ม 2" มาด้วยนะคะ
★หากคุยกับ "เปรมิโอ" 『プレミオ』 ที่เคาน์เตอร์บาร์ชั้นล่าง เราจะรู้ว่า 1 ใน 3 หัวโจกของกลุ่มเรเว่น "ดีน" 『ディン』 เป็นน้องชายของเขาค่ะ
(ในภาค FC เขาจะบอกแค่ว่าเขามีน้องชายอยู่ในกลุ่มเรเว่นเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใครค่ะ)
★ในช่วงนี้หากไปคุยกับพวกชาวเมืองแล้วล่ะก็ แต่ละคนจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนใหม่ที่หลากหลายค่ะ ซึ่งเท่าที่คุยดูบางคนออกจะรำคาญเวลามีการประกาศให้ช่วยลงคะแนนของแต่ละฝ่ายซะด้วยซ้ำค่ะ
- ไปที่ท่าเรือ (เขตเมืองด้านใต้) จะพบกับ "ลอยด์" อีกครั้งค่ะ คราวนี้เขาจะแนะนำสถานที่ที่สามารถตกปลาได้ให้กับเราค่ะ
How To Fish = วิธีการเล่นเกมตกปลา
หากเราพบผิวน้ำที่มีวงกลมกระเพื่อม ๆ อยู่ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ น้ำตก หรือห้วย หนอง คลอง บึง เราจะสามารถตกปลาได้ค่ะ แต่ต้องมีเหยื่อด้วยนะ แล้วเบ็ดบางอันก็สามารถใช้ได้กับเหยื่อบางชนิด ส่วนเหยื่อบางชนิดก็ใช้ได้แค่บางที่ เช่น ใช้ตกปลาในทะเลหรือใช้ตกปลาในแม่น้ำค่ะ
วิธีการตกก็ง่าย ๆ เลือกเบ็ด เลือกเหยื่อ จากนั้นก็รอเวลาเครื่องหมาย ! (Look Piont) ขึ้นมา กะจังหวะดี ๆ แล้วกด ปลาก็จะติดเบ็ดค่ะ
การตกปลานั้น บางทีเราก็จะตกได้ไอเทมติดขึ้นมาด้วยนะคะ เช่น เซพิธมากบ้างน้อยบ้างตามขนาดของปลาที่ตกได้ค่ะ แต่ที่แน่ ๆ หากตกได้ปลาดี ๆ ตัวใหญ่ ๆ ล่ะก็ จะได้เครื่องประดับบางอันที่หาซื้อไม่ได้มาฟรี ๆ อีกด้วยนะคะ
- ไปคุยกับพวกเรเว่นในโกดังที่ท่าเรือค่ะ
- เข้าไปในท่าเรือ "ร็อคโก้" 『ロッコ』 "เรส" 『レイス』 "ดีน" 『ディン』 กำลังคุยกันว่าช่วงนี้พวกเขาช่างเอื่อยเฉี่อยกันเสียจริง แถมพวกสัตว์ปิศาจบนทางหลวงก็เก่งขึ้นกว่าเดิม 2 - 3 เท่า ทั้ง 3 คนก็เลยขี้เกียจออกไปสู้ข้างนอกอีก เลยกะจะฉวยจังหวะที่เจ๊คารูน่าไม่อยู่แอบไปเที่ยวคาสิโนบาร์ที่เพิ่งเปิดใหม่ซะเลย
◆ในกรณีที่มากับ "เจ๊เชร่า" เอสเทลจะขู่พวกเรเว่นว่าไม่กลัวอากัตรู้หรือไง ดีนจะรีบแก้ตัวใหญ่เลย แต่ร็อคโก้บอกว่าไม่เห็นจะกลัวเลยซะงั้น ส่วนเรสนั้นก็จะสนใจแต่พี่สาวทรงเสน่ห์เจ๊เชร่า แค่เจ๊เชร่าบอกว่า "ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ หนุ่ม ๆ เกเรทั้งหลาย" แค่นี้ 3 หัวโจกก็ตกหล่มเสน่ห์เจ๊แกเข้าเต็ม ๆ ค่ะ
- เอสเทลจะถามพวก 3 หัวโจกเกี่ยวกับ "เงาสีขาว" ที่พวกเขาเห็น แต่ทั้ง 3 คนกลับซุบซิบอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วก็หันมาบอกกับเอสเทลว่าจะบอกเท่าที่พวกเขารู้ก็แล้วกัน แต่ต้องประลองฝีมือเวอร์ชั่นแก้มือจากงานประลองยุทธ์กับพวกเขาก่อนค่ะ
- เกิดการต่อสู้กับ (ร็อคโก้ + เรส + ดีน)
- ร็อคโก้ + เรส + ดีน -
- 『ロッコ + レイス + ディン』 -
**ไม่อยากเลยค่ะ แต่เวลา 1 ใน 3 คนไม่สามารถต่อสู้ได้ เขาจะใช้ท่า "ถ่ายเทความทรหด" ชุบเพื่อนขึ้นมาใหม่ แนะนำให้ปราบไปพร้อม ๆ กันทั้ง 3 คนดีกว่าค่ะ**
**3 คนนี้จะมีท่าสนับสนุนความสามารถในการต่อสู้หลายท่า แต่ไม่น่ากลัวซักท่าค่ะ จะมีก็แค่ท่า "โดดฟันแอคแทค" ที่พลังโจมตีค่อนข้างแรง ซึ่งพวกเขาจะชาร์จก่อนโจมตีค่ะ**
- ปราบได้ เอสเทลจะชมพวกเขาว่า
เอสเทล "พวกนายเก่งขึ้นกว่าตอนที่สู้กันในงานประลองยุทธ์อีกนะ อย่ามัวมาอยู่ในที่แบบนี้เลย ไม่ลองมุ่งสู่การเป็นเบรเซอร์ดูล่ะ?"
- พวกเรเว่นแทบไม่เชื่อหูว่าพวกเขาจะเป็นเบรเซอร์ได้ เอสเทลจึงเสริมอีกว่า
เอสเทล "ก็ขนาดชั้นที่เป็นเด็กผู้หญิงยังเป็นเบรเซอร์ได้เลยนะ ถ้าพวกนายมีใจคิดที่อยากจะเป็นแล้วล่ะก็ ชั้นว่านั่นก็เพียงพอแล้วล่ะ"
- แต่ตอนนี้พวกเรเว่นยังสับสนอยู่ เพราะคิดว่าพวกเขาน่ะมีดีก็แค่ทะเลาะวิวาทไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ยังไงพวกเขาก็จะรักษาสัญญาและบอกรายละเอียดของ "เงาสีขาว" ให้กับเราค่ะ
(จากข้อมูลที่ได้ คนในกลุ่มเรเว่นที่เห็นเงาสีขาวก็คือ "เบลูฟ" 『ベルフ』 ลูกชายคนโตของ "นอร์แมน" ที่เข้ากลุ่มเรเว่นเมื่อ 1 ปีก่อน ซึ่งเบลูฟไม่ได้มาที่โกดังเป็นอาทิตย์แล้วอาจเป็นเพราะช็อกที่เห็นผีค่ะ ส่วนรายละเอียดลึก ๆ นั้นเราจะต้องไปคุยกับเบลูฟเองค่ะ)
- ไปบ้านของนอร์แมนที่อยู่ด้านขวามือของคฤหาสน์นายกเทศมนตรีค่ะ
- เข้าไปในบ้าน "บริตเจ็ต" 『ブリジット』 ภรรยาของนอร์แมนจะนึกว่าเรามาหาสามีของเธอเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้งค่ะ เอสเทลเลยนึกขึ้นมาได้ว่า "นอร์แมน" เป็น 1 ในผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนี่เอง ส่วนบริตเจ็ตเองก็ไม่รู้เลยว่าลูกของตัวเองไปเจอกับอะไรมา เพราะเธอไม่ได้ถามและไม่กล้าคุยกับลูกที่นาน ๆ ครั้งจะกลับมาที่บ้านว่าเขาเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพราะอะไรด้วยค่ะ
- ไปคุยกับ "เบลูฟ" 『ベルフ』 บนชั้น 2 เบลูฟจะจำเอสเทลได้ว่าเป็นผู้ลงแข่งขันในงานประลองยุทธ์ที่เบลูฟไปชมมาด้วยค่ะ
◆ในกรณีที่มากับ "เจ๊เชร่า" เจ๊แกจะหว่านเสน่ห์ใส่เบลูฟว่า ถ้าหากเขาเล่าให้เจ๊ฟัง เจ๊จะทำเรื่องดี ๆ ให้ค่ะ และหลังจากเบลูฟเล่าเรื่องจบเจ๊แกจะจุ๊บที่แก้มของเขาเป็นการตอบแทนค่ะ และเจ๊เชร่ายังบอกให้เบลูฟพยายามคิดด้วยตัวเองว่าควรจะทำอะไร ซึ่งเบลูฟบอกว่าจะพยายามเข้ากับพ่อของตัวเองให้ได้ค่ะ
- จากข้อมูลที่ได้จาก "เบลูฟ" (ที่ไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องผี ๆ ซักเท่าไร เพราะกลัวเหมือนกัน) มีอยู่คืนที่เขาผลอยหลับไปในโกดังเพราะเมาเหมือนทุกทีนั้น ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึกจึงเดินออกไปรับลมข้างนอกแล้วก็ได้เห็น "เงาสีขาว" ที่ดูเหมือนว่าจะใส่ผ้าคลุมและใส่เสื้อผ้าโบราณเต้นไปเต้นมาอยู่บนฟ้า และบินหายไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือตอนประมาณตี 2 ค่ะ
- เมื่อได้รับข้อมูลมาแล้ว ก็ให้ไปหาข้อมูลจากผู้พบเห็นเหตุการณ์คนต่อไปได้เลยค่ะ
☆ในช่วงนี้ แนะนำให้แวะไปแถว ๆ หอคอยฟ้าครามก่อนค่ะ
แต่อย่าเพิ่งเคลียร์ซับเควสต์ (2) ถ่ายรูป [หอคอยฟ้าคราม] นะคะ
เพราะถ้าเคลียร์ตอนนี้จะไม่ได้รับโบนัส BP ไว้ค่อยมาเคลียร์ตอนหลังจะดีกว่าค่ะ
ที่ให้แวะไป เพราะอยากจะให้สู้กับศัตรูตามเก็บวัตถุดิบอาหารที่ตกได้จากศัตรูค่ะ
หากเก็บได้ตามที่บอกจะได้รับโบนัส BP ของซับเควสต์ (1) ฮันเตอร์วัตถุดิบผู้มาถึง ค่ะ☆
☆หากเจอศัตรู "โคว์ลี่บัวส์" (หมูเขียว) หรือ "ลอร์โดรัน" (นกกระจอกเทศ) ที่อยู่แถว ๆ นี้
บางทีจะเจอ "ซาซ่าแพนด้า" โผล่มาด้วย ซึ่งเจ้าตัวนี้เวลาโจมตีเราอาจทำให้เกิดอาการ "ตายคาที่"
แต่ถ้าปราบได้ จะได้รับ "ราวตากผ้าแบบประหยัด" 『徳用物干し竿』 อาวุธที่ดีที่สุดของเอสเทลในบทนี้
ถ้าไม่ได้ยังไง ก็มีขายที่บอสมาร์เก็ตในบทที่ 5 ค่ะ☆
แอร์ แลตเท่น 『エア=レッテン』
- ใช้ "ทางหลวงไอน่า" มุ่งสู่ "แอร์ แลตเท่น" ค่ะ
- เมื่อมาถึงแอร์ แลตเท่น เอสเทลไม่อยากเชื่อเลยว่าสถานที่สวย ๆ อย่างนี้จะมี "สิ่งนั้น" ออกมา
◆ในกรณีที่มากับ "เจ๊เชร่า" เอสเทลจะไม่เรียก "เงาสีขาว" ว่า "ผี" แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า "สิ่งนั้น" แทนค่ะ เจ๊เชร่าก็เลยบังคับให้เอสเทลเรียกว่า "ผี" ตรง ๆ (แกล้งเด็กอีกและ) แต่ฆ่าให้ตายเอสเทลก็ไม่ยอมเรียกค่ะ
- คุยกับ "หัวหน้ากองฮาน" 『ハーン隊長』 เพื่อสอบถามรายละเอียด (ในกรณีที่เคลียร์ซับเควสต์ (27) เกลี้ยกล่อมนักเดินทาง หัวหน้ากองจะจำเอสเทลได้ค่ะ)
- หัวหน้ากองฮานบอกว่า เป็นเรื่องน่าอายที่มีเหตุการณ์เห็นผีที่นี่ เพราะเขาคิดว่าพลทหารที่เห็นคงละเมอไปเองมากกว่า เราจึงบอกข้อมูลที่ได้จากจางให้หัวหน้ากองฟังว่ามีผู้พบเห็น "เงาสีขาว" ไปทั่วพื้นที่รูอันค่ะ หัวหน้ากองฮานได้ฟังดังนั้น จึงให้เราไปคุยกับ "พลทหารนิคส์" คนที่พบผีที่ว่าค่ะ
- ไปที่ชั้น 2 ของด่าน หน้าทางเข้าสู่อุโมงค์คัลเดีย คุยกับ "พลทหารนิคส์" 『兵士ニクス』 ค่ะ พอนิคส์รู้ว่าที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่ความฝันก็กลัวจนขนลุกซู่เลยค่ะ (ซึ่งเอสเทลก็เข้าใจความรู้สึกนี้ดี เพราะเธอก็เป็นแม่สาวกลัวผี ฮา)
- จากข้อมูลของพลทหารนิคส์ได้รับทราบว่า เมื่อกลางดึกของ 3 วันก่อนเขาเห็นบางอย่างที่ขาว ๆ มัว ๆ ใส่เสื้อแบบโบราณเต้นไปเต้นมาเหนือน้ำตก เห็นดังนั้นนิคส์ก็เลยยิงปืนไรเฟิลขู่ แต่จู่ ๆ เจ้าสิ่งนั้นก็หายไปทางท้องฟ้าด้านทิศเหนือค่ะ
- ถึงจะกลัวแต่เอสเทลคิดว่าไอ้ที่สิ่งนั้นออกมาปรากฏตัวให้เห็นต้องมีเหตุผลอะไรแน่ ๆ จึงพยายามตรวจสอบต่อไปค่ะ
- ลงมาที่ชั้น 1 จะพบกับเด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนจะมาท่องเที่ยวกับพ่อแม่ของเธอ
- "นี่ พี่สาวคนนั้นน่ะ น้ำตกนี่ชื่อว่าอะไรเหรอ? น้ำมากมายขนาดนี้ จะไหลไปถึงที่ไหนเหรอ?" จู่ ๆ เด็กหญิงที่ยืนดูน้ำตกก็หันมาถามเอสเทล เอสเทลจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ เด็กหญิงคนนั้นเพื่อบอกว่าที่นี่คือ แอร์ แลตเท่น และสงสัยว่าหนูน้อยคนนี้คงมาจากต่างประเทศจึงถามเธอว่ามาจากประเทศไหนค่ะ
เด็กหญิง "เอ๊ะ เร็นน่ะเหรอ? อื้ม เร็นมาจากที่ไกลแสนไกลมาก ๆ เลยล่ะ"
เอสเทล "งั้นเหรอ ชื่อเร็นจังเหรอ ชื่อน่ารักจังเลยน๊า"
เร็น "อุหึหึ ใช่มั้ยล่ะ? ก็เป็นชื่อที่ปาป๊ากะมาม๊าตั้งให้นี่นา"
แม่ของเร็น "เร็น อย่าไปรบกวนพี่สาวเค้าสิลูก"
พ่อของเร็น "ฮะฮะ ขอโทษที่ทำความเดือดร้อนให้กับพวกคุณ......"
เร็น "หื~ม เร็น ไม่ได้ทำให้เดือดร้อนซักหน่อย"
เอสเทล "อะฮะฮะ อย่าใส่ใจไปเลยค่ะ"
- พ่อของเร็นจะบอกว่าเขาทำการค้าขายระหว่างประเทศจึงเดินทางมาที่ลีเบร์ลบ่อย ๆ ปกติจะยุ่ง ๆ แต่คราวนี้ก็ได้พาลูกและภรรยามาท่องเที่ยวที่นี่ด้วยค่ะ
- เร็นจะถามชื่อของเอสเทล ดังนั้นเอสเทลก็เลยแนะนำตัวกับเร็นว่าเธอเป็นเบรเซอร์ชื่อเอสเทล ไบรท์ค่ะ
- หลังจากนั้นครอบครัวของเร็นจะขอแยกตัวไป เมื่อเอสเทลมองเร็นแล้วก็นึกถึงตอนที่ได้พบกับโยชัวร์ เพราะตอนที่พบกันครั้งแรกทั้งเธอทั้งโยชัวร์ก็อายุประมาณนี้ค่ะ
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย 『マーシア孤児院』
(3) ทดลองระบบประภาคาร
- ใช้ "ถนนเลียบทะเลเมเว" มุ่งหน้าสู่ "สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย" เพื่อสอบถามเรื่อง "เงาสีขาว" ค่ะ
- เมื่อมาถึงเราจะเห็นว่า สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้รับการซ่อมแซมจากตอนที่เกิดคดีวางเพลิงให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้ว และได้พบกับ "ผ.อ. เทเรซ่า" 『テレサ院長』 ค่ะ
◆ในกรณีที่มากับ "เจ๊เชร่า" ถึงผ.อ. เทเรซ่ากับเจ๊เชร่าเพิ่งจะพบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่เจ๊เชร่าก็ได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ของที่นี่จากเอสเทลมาก่อนแล้วค่ะ
- ผ.อ. เทเรซ่าบอกว่า พวกเด็ก ๆ ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนวันอาทิตย์กับบาทหลวงลาดตระเวนที่หมู่บ้านมาโนเลีย ซึ่งพอเธอรู้ว่าพวกเรามาสอบถามเด็ก ๆ เรื่อง "เงาสีขาว" ทำให้ทราบว่าเด็กที่เห็น "คุณลุงสีขาว" คือ "โปลี่" 『ポーリィ』 ค่ะ
- ผ.อ. เทเรซ่าจะเชิญพวกเอสเทลเข้าไปดื่มชาทานขนมด้านในกันก่อน เอสเทลเห็นผ.อ. เทเรซ่าไม่ถามเรื่องโยชัวร์เลยจึงลองพูดออกไปว่า
เอสเทล "ผ.อ. ไม่เห็นถามถึง......... โยชัวร์เลยนะคะ?"
ผ.อ. เทเรซ่า ".........ได้ฟังมาจากคลอเซ่แล้วล่ะค่ะ เห็นเด็กคนนั้นกังวลใจมาก ดิฉันจึงได้ให้คำปรึกษาแก่เธอไป... คุณเอสเทล......... คงเจอเรื่องลำบากมามากมายสินะคะ"
เอสเทล "......อ๊ะ............. อะฮะฮะ...... ไม่หรอก .........ถ้ามีคนแบบผ.อ. มาคอยปลอบล่ะก็...... ชั้น...... ---- ชักจะทนต่อไปไม่ไหวซะแล้วสิ......"
- เอสเทลไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ ได้แต่ก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย โดยที่ทุกคนได้แต่มองดู
ผ.อ. เทเรซ่า ".............ไม่จำเป็นต้องอดทนหรอกค่ะ ก็คนสำคัญข้างกายไม่อยู่แล้วนี่คะ......"
- ผ.อ. เทเรซ่าเข้าไปกอดเอสเทลด้วยความอบอุ่น
เอสเทล "......อา.........."
ผ.อ. เทเรซ่า "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...... แม้ว่าจะไม่สามารถมาแทนที่คุณแม่ของคุณได้...... แต่ขอให้ดิฉันได้โอบกอดคุณเอาไว้อย่างนี้นาน ๆ ก็แล้วกันนะคะ"
- ภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เอสเทลรู้สึกดีขึ้นมากแล้วแต่ก็รู้สึกอายตัวเองเหมือนกัน เพราะตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะให้ผ.อ. เทเรซ่าได้เห็นเธอในแบบที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นเบรเซอร์ทางการมากกว่านี้ต่างหากค่ะ
- เอสเทลถามผ.อ. เทเรซ่า ถึงเรื่องที่คลอเซ่ก็เป็นกังวลเรื่องของเธอกับโยชัวร์
(จากคำบอกเล่าของ ผ.อ. เทเรซ่า เรื่องที่คลอเซ่กังวลนั้น เพราะเหล่าคนสำคัญกำลังเจ็บปวด แต่ทว่าเธอไม่สามารถเป็นกำลังให้ได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่คลอเซ่เกลียดมากที่สุดค่ะ)
- เอสเทลจะรู้สึกดีใจที่คลอเซ่เห็นพวกเธอเป็นคนสำคัญ และตัดสินใจว่าต้องรีบไปพบกับคลอเซ่เร็ว ๆ แต่ผ.อ. บอกว่าตอนนี้เป็นสัปดาห์แห่งการสอบจึงยังเข้าไปในโรงเรียนไม่ได้ค่ะ ส่วนพวกเด็ก ๆ นั้นคิดว่าคงเรียนกันเสร็จแล้ว แต่คงกำลังเล่นกันอยู่ในหมู่บ้าน นอกจากนั้น ผ.อ. ยังบอกอีกว่ามีบาทหลวงลาดตระเวนคนใหม่มา และดูเหมือนบาทหลวงคนนั้นจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกเด็ก ๆ มากด้วยค่ะ
- ว่าแล้ว เอสเทลก็ตัดสินใจว่าจะไปรับพวกเด็ก ๆ มาที่นี่แทนคำขอบคุณน้ำชากับขนมที่ได้กินไปค่ะ
◆ในตอนที่ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า "เจ๊เชร่า" รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวของผ.อ. เทเรซ่า คล้าย ๆ กับคุณเรน่าแม่ของเอสเทลค่ะ ซึ่งเอสเทลก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน นอกจากนั้นเอสเทลยังรู้สึกว่าราชินีอาริเชียก็คล้าย ๆ กับแม่ของเธอด้วยเช่นกันค่ะ เจ๊เชร่าบอกว่าสำหรับตัวเธอนั้นคงยากที่จะมีบรรยากาศแบบนั้น เอสเทลเลยแซวเจ๊ไปว่าปัญหาใหญ่ของเจ๊ ก็คือเหล้านั่นแหล่ะ
หมู่บ้านมาโนเลีย 『マノリア村』
◆ในกรณีที่มากับ "เจ๊เชร่า" เจ๊จะบอกว่าไม่ได้มาที่หมู่บ้านนี้ตั้งนานค่ะ จริง ๆ แล้ว นอกจากเมืองรอเลนซ์ เจ๊เชร่ามักจะไปทำงานที่เมืองรูอันหรือที่นครหลวงบ่อย ๆ ส่วนอากัตนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่ได้สังกัดสาขาใด ๆ หมอนั่นก็ไปมาเรื่อยเปื่อยอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่เอสเทลไม่เคยเห็นอากัตแถว ๆ เมืองรอเลนซ์ก็เพราะที่นั่นมีป๋าคาซิอุสที่ชอบทำตัวเป็นคุณพ่อ ซึ่งเป็นแบบที่อากัตแพ้ทางก็เลยไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้น่ะค่ะ พอเอสเทลได้ฟังก็คิดว่าตรงจุดนั้น อาจจะเป็นจุดที่น่ารักของอากัตก็เป็นได้นะ
★ในโรงเตี๊ยมแมกโนเลียขาว พบกับ "ดาลิโอ" 『ダリオ』 พ่อบ้านของดัลมอร์นายกเทศมนตรีคนก่อน ดื่มเหล้าพึมพำคนเดียวว่า "ในช่วงที่ชั้นไม่อยู่ มันเกิดอะไรกันขึ้น"
★ส่วน "เล็กซ์" 『レックス』 เจ้าของโรงเตี๊ยมที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ ก็จำเอสเทลที่เคยมาซื้อแซนด์วิชกับเขาได้ค่ะ
★หากเราไปที่โกดังกังหันลมในหมู่บ้านมาโนเลีย เอสเทลจะนึกถึงตอนที่เคยมานั่งกินข้าวด้วยกันกับโยชัวร์ค่ะ ซึ่งเอสเทลบอกว่าตอนนั้นเธอเหมือนเด็ก ๆ ที่ไม่รู้แม้กระทั่งความรู้สึกของตนเอง ไม่อายสายตาใครพูดออกไปได้หน้าตาเฉยว่า "อ้~าม" กับโยชัวร์ค่ะ
- สำรวจประตูโกดัง เอสเทลจะสงสัยว่าเย็นป่านนี้แล้วทำไมเด็ก ๆ ยังไม่เลิกเรียนกันอีก กำลังเรียนอะไรกันอยู่น๊า ว่าแล้วเอสเทลก็เลยแง้มประตูแอบดูค่ะ แล้วก็ต้องประหลาดใจ ก็คน ๆ นั้นน่ะ...
- บาทหลวงที่อยู่ด้านในโกดังคนนั้น ก็คือ "หลวงพ่อเควิน" 『ケビン神父』 นี่เอง เขากำลังเล่านิทานเรื่อง "อัศวินตุ๊กตา" 『人形の騎士』 ให้พวกเด็ก ๆ ฟังรวดเดียว 22 เล่มจบค่ะ
- เควินสังเกตเห็นมีคนมายืนอยู่ที่หน้าประตู ก็เลยบอกว่าการเรียนการสอนจบแล้วจะเข้ามาก็ได้ พอเควินได้เห็นเอสเทลก็ตกใจ ส่วนพวกเด็ก ๆ เห็นเอสเทลมาหาจึงรีบกรูกันเข้าไปล้อมตัวเอสเทลด้วยความดีใจ
- เควินดีใจที่เอสเทลจำเขาได้ แถมยังไม่ลืมหยอดมุกอีกว่า "หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตาที่นำพาให้มาพบกันอีกครั้งน๊า❤"
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย 『マーシア孤児院』
ผ.อ. เทเรซ่า "เป็นเช่นนั้นเองหรือคะ...... ท่านบาทหลวงกับคุณเอสเทล รู้จักกันมาก่อนสินะ หึหึ โลกมันแคบนะคะ"
หลวงพ่อเควิน "ใช่แล้~ว เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วยนะคร๊าบ แต่ถึงกับให้ผมมาทานอาหารกลางวันด้วยอย่างนี้ ต้องขอโทษที่รบกวนจริง ๆ นะครับ"
ผ.อ. เทเรซ่า "ไม่หรอก พอดีเลยล่ะค่ะ ถือว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยสั่งสอนดูแลพวกเด็ก ๆ ก็แล้วกันนะคะ"
ครัม "นี่~ พี่เอสเทล ไม่เห็นพี่โยชัวร์เลย วันนี้ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ?"
เอสเทล "อ๊ะ อืม......... ก็นะ เขามีธุระนิดหน่อย เลยมาด้วยกันไม่ได้น่ะ"
หลวงพ่อเควิน "............................."
ดาเนียล "งั้นเหรอ....... ช่วยไม่ได้น๊า"
ครัม "อือ~ อยากจะให้พี่โยชัวร์มาเห็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมซักหน่อ~ย"
มารี่ "จริงด้วย น่าเสียดายจังเลยค่ะ"
โปลี่ "อยากเห็นพี่โยชัวร์เป็นองค์หญิงอีกครั้งจังเลย"
เอสเทล "อ๊ะ อาฮะฮะ......"
(เอสเทลถามพวกเด็ก ๆ ว่าเรียนกันนานเลย แล้วที่ได้ยินตอนสุดท้ายนั่นเป็นนวนิยายอะไรเหรอ ซึ่งเด็ก ๆ แต่ละคนก็คิดไปตามแบบฉบับของเขาค่ะ ครัมจะบอกว่าเป็นเรื่องแอคชั่นการต่อสู้ของผู้ใช้ตุ๊กตา ส่วนมารี่จะบอกว่าเป็นเรื่องเลิฟโรมานซ์ค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว เควินบอกว่ามันเป็นนวนิยายสำหรับเด็กหนุ่มต่างหากล่ะ)
- พอเควินถามว่าเอสเทลมาทำอะไรที่พื้นที่รูอัน ก็เลยทำให้เอสเทลนึกเรื่อง "คุณลุงสีขาว" ขึ้นมาได้ เธอจึงถามรายละเอียดกับโปลี่ค่ะ
- โปลี่บอกแค่ว่าเห็นคุณลุงสีขาวหมุนไปหมุนมาน่าสนุกดีจัง ดังนั้นมารี่ (ที่ดูจะพูดรู้เรื่องกว่าโปลี่) จึงขอเล่าให้เอสเทลฟังแทนค่ะ
- จากข้อมูลที่ได้ ที่โปลี่เห็น "คุณลุงสีขาว" นั้น เป็นเรื่องเมื่อ 4 วันก่อนในช่วงหลังทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว โปลี่เห็นคุณลุงสีขาวอยู่บนฟ้าเต้นไปเต้นมา แต่พอโปลี่ทักทายไปก็บินหายไปเลย ในตอนแรก ผ.อ. เทเรซ่าคิดว่าโปลี่ตาฝาด แต่ว่าดาเนียลก็เห็นด้วยเหมือนกัน ดาเนียลบอกว่าเขาเห็นเหมือนอะไรขาว ๆ บินฉิวไปทางตะวันออกค่ะ ซึ่งโปลี่บอกว่าไม่เห็นหน้าคุณลุงสีขาวที่ว่า เพราะว่าเขาใส่หน้ากากอยู่ค่ะ
- จากนั้น พวกเราจะกลับไปรายงานผลที่สาขา ซึ่งเควินก็จะขอตามไปจนถึงเมืองรูอันเพื่อขึ้นเรือประจำทางเดินทางไปพื้นที่อื่นต่อไปค่ะ **หลวงพ่อเควินเข้ากลุ่ม**
- ใช้ "ถนนเลียบทะเลเมเว" กลับไปที่เมืองรูอันค่ะ
เมืองรูอัน 『ルーアン市』
- เมื่อมาถึงเมืองรูอัน เควินจะขอบคุณพวกเอสเทลที่พาเขามาส่งถึงที่เมือง แต่พวกเอสเทลเห็นว่าถึงแม้จะไม่มีเบรเซอร์พามาด้วยฝีมือของเควินซึ่งใช้โบว์กันอาวุธที่ไม่ค่อยมีใครใช้นั้น ก็สามารถมาถึงที่เมืองได้ด้วยตัวเองอย่างสบาย ๆ อยู่แล้ว ซึ่งเควินถล่มตัวว่าที่ต้องมีฝีมือในการต่อสู้ ก็เพราะงานของบาทหลวงลาดตระเวนต้องไปไหนมาไหนอยู่เรื่อย ๆ ตรงนี้ทำให้เอสเทลคิดว่างานของเควินดู ๆ ไปก็มีส่วนคล้าย ๆ กับงานของเบรเซอร์เหมือนกันค่ะ
หลวงพ่อเควิน "❤แหม เอสเทลจังนี่ปากหวานจังเลยน๊า เล่นชมกันอย่างงี้เดี๋ยวพี่ชายก็เอาจริงขึ้นมาซะดีมั้ยเนี่ย?"
เอสเทล "พะ พูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ"
หลวงพ่อเควิน "ฮะฮะ เรื่องนี้พักไว้ก่อนก็ได้ --- เมื่อกี๊ เรื่องผีที่พูดถึงกันน่ะ ดูเหมือนว่าจะมีคนมาขอคำปรึกษากับทางโบสถ์รูอันเหมือนกันนะ แถมสังฆราชธีโอโดรก็ไม่คิดว่าจะเป็นวิญญาณธรรมดา ๆ ซะด้วยสิ"
เอสเทล "ไม่ใช่วิญญาณธรรมดา......?"
- จากตรงนี้ เราจะทราบว่าตามคำสอนของโบสถ์นั้น คนเราเมื่อตายไปวิญญาณที่ดีจะขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ ส่วนวิญญาณชั่วร้ายจะตกลงสู่นรกภูมิค่ะ แต่นาน ๆ ครั้งก็จะมีวิญญาณที่ตัดสินไม่ได้ว่าควรจะไปที่ไหนอยู่ด้วยเหมือนกัน (เหมือนของไทยแฮะ)
เอสเทล "อูย...... วิญญาณหลงทางสินะ...... แต่ไอ้ที่บอกว่าไม่ธรรมดาเนี่ย หมายถึงอะไรกันล่ะ"
หลวงพ่อเควิน "ในหลาย ๆ กรณี วิญญาณธรรมดาส่วนใหญ่ก็จะมีสิ่งที่ยึดติดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือคน แต่วิญญาณคราวนี้ไม่ได้มุ่งไปทางไหนทั้งนั้น ได้ยินท่านสังฆราชเคยพูดอยู่บ่อย ๆ น่ะ"
เอสเทล "หมายความว่า........... อย่างนี้นี่เองเหรอ"
หลวงพ่อเควิน "แหม มันก็เป็นแค่การอ้างอิงจากการตรวจสอบล่ะนะ เอาล่ะ ชั้นจะกลับไปที่โบสถ์ก่อนล่ะ แล้วเจอกันใหม่นะ --- พวกเอสเทลจัง"
- หลังจากเควินไปแล้ว เอสเทลจะรู้สึกว่าถึงเควินจะพูดแบบพวกผู้รับใช้ศาสนา แต่ดูยังไงก็ไม่เห็นเหมือนกับบาทหลวงเลยจริง ๆ **หลวงพ่อเควินออกจากกลุ่ม**
☆เครื่องสวมใส่และควอทซ์ของ "เควิน" ตัวเกมถอดให้อัตโนมัติค่ะ☆
◆ในกรณีที่มากับ "เจ๊เชร่า" เธอจะบอกว่า "ดูเหมือนว่าบาทหลวงลาดตระเวนจะมีคนแต่คนแปลก ๆ นะ แม้แต่สมัยที่ชั้นเคยอยู่คณะละครสัตว์ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมีซิสเตอร์ลาดตระเวนนิสัยแปลก ๆ เดินทางไปกับพวกเราด้วยน่ะ"
★หากไปที่โบสถ์รูอัน จะพบกับ "หลวงพ่อเควิน" กำลังรายงานผลการสอนหนังสือในโรงเรียนวันอาทิตย์ กับสังฆราชธีโอโดรก่อนที่จะออกเดินทางไปที่อื่นอีกค่ะ
★หากไปคุยกับ "ผู้เฒ่ามูราต" 『ムラート老人』 ที่ชั้นใต้ดินด้านหลังของโฮเต็ลบลังเช่ เขาจะบอกว่ามีคนยืมเรือออกไปแล้ว โดยคนที่ยืมไปพูดทิ้งท้ายกับปู่แกเอาไว้ว่าจะนั่งบรรเลงบทเพลงอยู่บนเรือค่ะ
(แล้วหลังจากนี้ อีกซักพักเราจะรู้ว่าใครกันที่ยืมเรือไป คือ 555)
- ไปรายงานผลกับ "จาง" ที่สาขา เมื่อเข้าไปในสมาคมจะพบกับ "ไนแอล" 『ナイアル』 และ "โดรธี" 『ドロジー』 ที่มาทำข่าวการเลือกตั้ง แต่พอดีพวกเขาได้ยินข่าว "เงาสีขาว" ก็เลยมาสอบถามข้อมูลกับทางสมาคมค่ะ แถมโดรธียังถ่ายรูปอะไรบางอย่างได้จากบนดาดฟ้าของโรงแรมด้วยนะ ซึ่งพวกเขาคิดว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พวกเอสเทลกำลังตรวจสอบอยู่ค่ะ
- เอสเทลเห็นรูปถ่ายแล้วแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่คือรูปถ่ายวิญญาณ (ปฏิเสธเต็มที่เลยแหล่ะ) แถมโทษว่าเป็นเพราะออร์เบิลคาเมร่าไม่ดีมากกว่าซะงั้น แต่โดรธีเถียงว่าเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะกล้องของเธอใช้ควอทซ์ไวแสงรุ่นใหม่ล่าสุดจากโรงงานกลาง แถมยังมีการบำรุงรักษาอย่างยอดเยี่ยมเลยด้วย เอสเทลเลยทำหน้าตาหน้ากลัวใส่โดรธี จนโดรธีกลัวไปเลยล่ะค่ะ
(หมายความว่าเอสเทลน่ากลัวกว่ารูปถ่ายวิญญาณใช้มั้ยอ่ะ หนูโดรธี)
- เรื่องนี้จางเห็นว่าสมาคมเบรเซอร์ควรจะร่วมมือกับพวกนักข่าวในคดีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ค่ะ
- "เปรมิโอ" แห่งคาสิโนบาร์ลาวันทาร์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแจ้งว่า ฝ่ายผู้สนับสนุนนอร์แมนกับฝ่ายผู้สนับสนุนพอลทอส กำลังมีเรื่องกันอยู่บนสะพานใหญ่แลนแกรนด์ จึงอยากให้พวกเบรเซอร์ไปช่วยระงับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ
(แต่ไนแอลตัดสินใจเร็วกว่า พอได้กลิ่นข่าวร้อน ๆ เขาก็รีบสั่งโดรธีให้ออกไปทำข่าวกับเขาทันทีค่ะ)
- ออกไปยับยั้งเหตุการณ์ชุลมุนบนสะพานใหญ่แลนแกรนด์ค่ะ
- ฝ่ายสนับสนุนนอร์แมนได้กล่าวว่าที่มีวิญญาณโผล่ออกมาที่โรงแรม แถมลูกชายของนอร์แมนก็ช็อกเพราะเรื่องนี้นั้น จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องที่ฝ่ายสนับสนุนพอลทอสเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมา แต่ฝ่ายสนับสนุนพอลทอสเห็นว่าลูกชายของนอร์แมนไปเข้ากับพวกเรเว่นกลุ่มเด็กเกเร จึงบอกว่าไม่น่าจะไปเชื่อคำพูดของเด็กแบบนั้น ดังนั้นพวกผู้สนับสนุนทั้ง 2 ฝ่ายก็ยิ่งเถียงกันดุเดือดมากขึ้น แต่ทั้งนอร์แมนทั้งพอลทอสกลับเห็นว่าไม่ควรจะมาทะเลาะกันรุนแรงแบบนี้
- ในขณะที่เอสเทลจะเข้าไปห้ามไม่ให้เหตุการณ์รุนแรงไปกว่านี้ เสียงลูทก็แว่วมาแต่ไกล (อีกและ)
ชายหนุ่มผมทอง "หึ มีเรื่องลำบากใช่มั้ย"
- ปรากฏร่างชายหนุ่มหน้าตาดี (แต่สมองเพี๊ยน) ร้องบรรเลงเพลงแห่งความรักอีกครั้ง (ความรักสีอำพัน)
โอลิเวียร์ "หึ... ดูเหมือนทุกคนจะรู้สึกแล้วสินะ ความเป็นจริงเพียงหนึ่งเดียวก็คือรักอันเป็นนิรันดร์ไงล่ะ ถ้าจะให้พูดก็คือ เลิฟ อีส เอเทอร์นอล"
- กลุ่มคนมากมายเมื่อสักครู่ ต่างคนต่างก็หายวับไปแทบจะในทันที (เข้าใจความรู้สึกค่ะ)
◆เจ๊เชร่าพูดด้วยสีหน้าหน่าย ๆ ว่า "เฮ้อ อีหรอบนี้อีกแล้วเหรอ"
(ถึงคนจะหนีไปกันหมด แต่โอลิเวียร์ก็ยังไม่รู้สึกตัวว่าที่ชาวเมืองหนีไปเพราะเพลงของตัวเองนั่นแหล่ะ แถมโดรธีมนุษย์ประเภทเดียวกันกับโอลิเวียร์ก็ชื่นชมถ่ายรูปเขาซะยกใหญ่ ส่วนพวกเราน่ะเหรอ ตัดสินใจทิ้ง 2 คนไว้ที่นี่แล้วกลับไปคุยกันที่สมาคมดีกว่า)
- เมื่อกลับมาที่สมาคม พวกเอสเทลรู้สึกสงสัยว่าทำไมโอลิเวียร์ถึงมาอยู่ที่รูอันได้ ซึ่งเขาบอกว่ามิวเลอร์ได้ติดต่อไปที่โรงเตี๊ยมโมมิจิบอกว่าเอสเทลกลับมาแล้วก็เลยรีบมาหาที่นี่ค่ะ เอสเทลจึงถือโอกาสนี้ขอบคุณโอลิเวียร์ที่ให้ความช่วยเหลือตอนเหตุการณ์ปฏิวัติที่เธอยังไมได้กล่าวขอบคุณเขาค่ะ
เอสเทล "ขอบใจนะ โอลิเวียร์ ดีใจจริง ๆ ที่ได้พบกันอีกครั้ง"
โอลิเวียร์ "งะ งั้นเหรอ... อื~ม เอสเทลคุงว่านอนสอนง่ายขึ้น แถมดูเหมือนลักษณะท่าทางจะแตกต่างไปจากเดิมด้วย ❤ถ้าไม่รีบรุกให้ดุเดือดกว่านี้ล่ะก็ ......จะกลายเป็นความปรารถนาที่ไม่อาจเติมเต็มได้นะเนี่ย"
เอสเทล "อย่ามาทำหน้าแดง แล้วพูดเรื่องพรรค์นั้นออกมานะยะ"
- เอสเทลไม่อยากพูดกับตาเพี๊ยนไปมากกว่านี้เลยจำใจเป็นฝ่ายสงบลงดีกว่า แล้วก็หันไปแนะนำโอลิเวียร์ให้จางรู้จักแทนค่ะ
◆ในกรณีที่มากับ "เจ๊เชร่า" โอลิเวียร์จะแซวว่า "ถ้าเป็นเรื่องของผมนี่เชร่าคุงรู้ไปหมดซะทุกอย่างเลยนะ" แต่เจ๊เชร่าบอกว่า "ถ้าประวัติส่วนตัวล่ะก็คงไม่ แต่ถ้าเป็นนิสัยส่วนใหญ่ล่ะก็นะ"
- เอสเทลจะรายงานข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มารวมไปถึงข้อมูลที่ได้มาจากหลวงพ่อเควินให้พวกไนแอลฟัง และดูเหมือนว่าโอลิเวียร์จะสะดุดใจกับสถานที่ที่วิญญาณปรากฏตัวตามที่เอสเทลบอก ซึ่งตรงนี้จางก็คิดแบบเดียวกับโอลิเวียร์ค่ะ
- โอลิเวียร์จะดูแผนที่และอธิบายสถานที่ทั้ง 3 แห่งที่เอสเทลไปหาข้อมูลมา และบอกกับเอสเทลว่าข้อมูลที่ได้มานั้นมีจุดที่เชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด โดยจะมีคำตอบให้เลือกดังนี้ค่ะ
白い影の現れた時間
เวลาที่ปรากฏตัวของเงาสีขาว
-
白い影の去った方角
ทิศทางที่หายไปของเงาสีขาว
Bonus BP
白い影のとった行動
การกระทำของเงาสีขาว
-
- ซึ่งจุดเชื่อมที่แปลกประหลาดนั่นก็คือ ทิศทางที่หายไปของเงาสีขาวค่ะ
(จุดต่าง ๆ ที่เงาสีขาวหายไปนั้น พวกเรเว่นบอกว่า "ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ" ส่วนพลทหารที่แอร์ แลตเท่น คือ "ทิศเหนือ" และพวกเด็ก ๆ ที่มาเชียคือ "ทิศตะวันออก" ค่ะ)
- ซึ่งทั้ง 3 จุดนี้ก็คือจุดเชื่อมใหญ่ ๆ และชี้ให้เห็นว่าจุดที่เงาสีขาวหายไปนั้นคือ "โรงเรียนเจนิสแห่งราชอาณาจักร" ค่ะ
(แหม โอลิเวียร์เนี่ย เอาเข้าจริง ๆ ก็เก่งเหมือนกันนะ)
- ดังนั้นแล้ว เราจึงต้องเข้าไปตรวจสอบที่โรงเรียนเจนิสค่ะ ไนแอลจะให้โดรธีรับผิดชอบข่าวนี้ ส่วนตัวเขาจะไปทำข่าวเลือกตั้งต่อ ส่วนจางก็จะรับหน้าที่ติดต่อไปที่โรงเรียนเตรียมไว้ก่อนค่ะ
(ก่อนจะไป ไนแอลจะบอกกับเอสเทลว่าเขารู้เรื่องโยชัวร์จากคุณพ่อของเอสเทลแล้ว ดังนั้นถ้าเขาได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับโยชัวร์ล่ะก็จะแจ้งมาที่สมาคม พร้อมกับพูดให้กำลังใจเอสเทลให้พยายามต่อไปด้วย ว่าแล้วไนแอลก็รีบเดินออกไปด้วยความเขินค่ะ)
- เมื่อออกมานอกสมาคม คราวนี้เอสเทลจะออกปากขอให้โอลิเวียร์ไปด้วยกันกับพวกเธอ ทำให้โอลิเวียร์ประหลาดใจนิดหน่อยค่ะ (โดยปกติ นายนี่จะชอบแส่เข้ามาเองตั้งกะเมื่อก่อนแล้วค่ะ) **โอลิเวียร์เข้ากลุ่ม + โดรธีเข้าเป็น NPC**
◆ในกรณีที่มากับ "เจ๊เชร่า" เจ๊จะถามโอลิเวียร์ก่อนให้เขามาเข้ากลุ่มว่า "เธอรู้จักกับอาจารย์คาซิอุสที่อยู่ที่ลีเบร์ลตอนนี้ใช่มั้ย?" ซึ่งโอลิเวียร์จะตอบว่า "คำตอบก็คือ เยส ผมรู้จักคุณคาซิอุส แค่นี้จะยอมรับได้มั้ยล่ะ?" ดูเหมือนว่าเจ๊แกจะพอใจในคำตอบของโอลิเวียร์ และขู่ว่าถ้าหากเขาถอดใจไม่ช่วยเหลือต่อไปให้ตลอดล่ะก็ จะให้ไปเป็นเพื่อนดื่มด้วยกันจนถึงเช้าเลยค่ะ โดรธีรู้สึกว่า 2 คนนี้มีกลิ่นกรุ่นแห่งความเป็นผู้ใหญ่ที่เร่าร้อนมาก ๆ ค่ะ
(6) อาจารย์โรงเรียนวันอาทิตย์ **ต้องเคลียร์ก่อนไปทำเหตุการณ์ที่โรงเรียนเจนิสนะคะ ไม่เช่นนั้นซับเควสต์นี้จะหายไปค่ะ**
(7) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนยอดเขาโครเน่
(8) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงไอน่า
☆อย่าลืมเคลียร์ซับเควสต์ (2) ถ่ายรูป [หอคอยฟ้าคราม]
หากเคลียร์ในตอนที่มีโดรธีเป็น NPC แล้วล่ะก็ จะได้รับโบนัส BP ค่ะ☆
โรงเรียนเจนิสแห่งราชอาณาจักร 『ジェニス王立学園』
- ใช้ "ถนนเลียบทะเลเมเว" มุ่งสู่โรงเรียนเจนิสได้เลยค่ะ
★ในช่วงนี้ถ้าแวะไปคุยกับ "ครัม" ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย เขาจะเสียใจจริง ๆ ที่โยชัวร์ไม่ได้มาด้วย และฝากให้พี่เอสเทลไปบอกกับพี่โยชัวร์ว่าพวกเขาทุกคนกำลังพยามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดอยู่ที่นี่ ซึ่งเอสเทลก็รับปากครัมค่ะ
★คุยกับ "คาร่า" ที่โรงเตี๊ยมแมกโนเลียขาว เธอจะบอกว่า "ดาลิโอ" พ่อบ้านของนายกเทศมนตรีคนก่อนที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ตรงโต๊ะนั่น เอาแต่พร่ำบอกว่า "ฉันที่ไม่ใช่ฉัน"
(จะมีเฉลยคำพูดนี้ในตอนท้ายค่ะ)
- เมื่อมาถึงโรงเรียนเจนิส เอสเทลกับโดรธีจะพูดถึงตอนที่โยชัวร์แต่งหญิง โอลิเวียร์รู้สึกเสียดายที่ตัวเองไม่ได้เห็นโยชัวร์แต่งหญิงค่ะ (อยากจะเห็นไปทำไมกันล่ะหือ)
- ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่ "ซิก" 『ジーク』 ฮายะบุซะ (เหยี่ยว) คู่ใจคลอเซ่จะบินเข้ามาเกาะแขนเอสเทลด้วยความดีใจค่ะ
- พบกับ "คลอเซ่" 『クローゼ』 "จิล" 『ジル』 และ "ฮันส์" 『ハンス』
เอสเทล "คลอเซ่...... เอ๊ะเหะเหะ... ตั้งแต่ตอนงานเทศกาลโรงเรียนแล้วสินะ"
คลอเซ่ "ใช่ค่ะ ......เอ่อ...... ดิฉัน...... .............ดิฉัน..........."
- สีหน้าของคลอเซ่แสดงถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอวิ่งเข้าไปกอดเอสเทล
เอสเทล "หว่ะหวา...... คลอเซ่เป็นอะไรไป?"
คลอเซ่ "ขอโทษนะคะ...... .........ขอโทษจริง ๆ นะคะ....... ในตอนที่พวกคุณเอสเทลกำลังลำบาก ดิฉัน...... กลับทำอะไรไม่ได้เลย...... ดิฉันรู้สึกรังเกียจตนเองที่ไร้พลังเช่นนี้......"
เอสเทล "ไม่เอาน่า...... อย่าพูดแบบนั้นสิ...... แค่คิดเป็นห่วงชั้น แค่นี้ชั้นก็ดีใจแล้วล่ะ... ชั้นว่าโยชัวร์เองก็คงรู้สึกแบบนี้ด้วยเหมือนกัน...... ยังไงก็ตาม...... ได้พบกันอีกครั้งแค่นีชั้น้ก็ดีใจแล้วล่ะ......"
คลอเซ่ "ใช่ค่ะ...... ดิฉันก็เหมือนกันค่ะ รู้สึกอยากจะขอบคุณเทพธิดาแห่งท้องฟ้าที่ทำให้มาพบกันอีกครั้ง"
- ไปพบ "อาจารย์ใหญ่โคลินซ์" 『コーリンズ学園長』 เพื่ออธิบายเรื่องที่เราจะเข้ามาตรวจสอบ "เงาสีขาว" ภายในโรงเรียนค่ะ
(เอสเทลสงสัยว่า มีใครมาปรึกษาเรื่อง "เงาสีขาว" บ้างหรือเปล่า จิลบอกว่าตอนนี้อยู่ในช่วงสอบถึงพวกนักเรียนจะเจออะไรมาก็แทบจะไม่มีใครมาปรึกษาอยู่แล้ว เพราะว่าต่างคนก็ต่างเรียนอย่างหนักค่ะ)
- ได้รับความร่วมมือจากเหล่าสภานักเรียน โดยเราจะไปที่สภานักเรียนเพื่อแบ่งหน้าที่แยกย้ายกันไปดำเนินการตรวจสอบภายในโรงเรียนค่ะ
- จิลจะแบ่งทีมให้เจ๊เชร่าหรืออากัตไปสอบถามพวกนักการและอาจารย์ด้วยกันกับเธอ ให้ฮันส์ตรวจสอบเอกสารเก่า ๆ ในห้องข้อมูล และให้เอสเทลกับคลอเซ่ไปสอบถามข้อมูลจากพวกนักเรียน ส่วนโอลิเวียร์และโดรธีก็ให้ไปเดินตรวจสอบสถานที่รอบ ๆ โรงเรียนค่ะ แล้วเพื่อน ๆ ก็แยกย้ายกันไปเหลือแต่เอสเทลกับคลอเซ่ค่ะ
เอสเทล "ฮ้า...... ตอนเทศกาลโรงเรียนก็แบบนี้เหมือนกัน ยังจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเดิมเลยน๊า ตามปกติแล้วก็เห็นเจื้อยแจ้วไม่มีหยุด แต่ก็มีจุดที่สมกับเป็นประธานนักเรียนอยู่เหมือนกันนะเนี่ย"
คลอเซ่ "หึหึ...... ดูเหมือนว่าในอนาคต จิลเค้าอยากจะเป็นนักการเมืองอย่างนายกเทศมนตรีเมเบลน่ะค่ะ เห็นบอกว่าถ้าเกิดเร็วกว่านี้อีกซัก 10 ปี ก็จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ จิลก็เลยเจ็บใจที่ลงสมัครในตอนนี้ไม่ได้น่ะค่ะ"
เอสเทล "สะ สุดยอดไปเลยแฮะ จริงสิ....... พวกจิลรู้เรื่องของคลอเซ่ไปถึงไหนแล้วล่ะ?"
คลอเซ่ "หึหึ...... แทบจะทั้งหมดค่ะ หลังจากที่เข้าเรียนมาได้ใหม่ ๆ ประมาณครึ่งปีก็โดน 2 คนนั้นมองทะลุปรุโปร่งเลยล่ะค่ะ นอกเหนือจากนี้ คนอื่นที่ทราบเรื่องที่ดิฉันเป็นเชื้อพระวงศ์ก็มีแค่อาจารย์ใหญ่เท่านั้นค่ะ"
เอสเทล "งั้นเองเหรอ......... แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทั้ง 2 คนก็ปฏิบัติต่อคลอเซ่อย่างเป็นธรรมชาตินะ"
คลอเซ่ "ใช่ค่ะ......... ก็เหมือนกับคุณเอสเทล...... ทุกคนเป็นเพื่อนที่สำคัญของดิฉันค่ะ"
เอสเทล "อ๊ะฮะฮะ........ รู้สึกเขินขึ้นมานิด ๆ นะเนี่ย"
- ไปสอบถามข้อมูลจากพวกนักเรียนตามที่ต่าง ๆ ได้เลยค่ะ **คลอเซ่เข้าเป็นพวก**
★หากไปที่ห้องข้อมูลบนชั้น 2 ของคลับเฮ้าส์ (ฝั่งตรงข้ามห้องสภานักเรียนค่ะ) จะมีอีเวนท์คุยกับ "ฮันส์" ซึ่งฮันส์จะถามเอสเทลถึงเรื่องของโยชัวร์ค่ะ เพราะถึงแม้ฮันส์จะรู้จักโยชัวร์ได้ไม่นาน แต่ก็รู้สึกถูกชะตากันอย่างประหลาดและก็ได้คุยกันหลาย ๆ เรื่อง อย่างเรื่องหลังจากที่โยชัวร์มาอยู่ที่บ้านของเอสเทลอะไรแบบนี้ มีอยู่ครั้งนึงที่ฮันส์เผลอถามเรื่องในอดีตก่อนที่โยชัวร์จะมาอยู่ที่รอเลนซ์ แต่พอฮันส์เห็นแววตาของโยชัวร์แล้วก็เลยแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนไป และฮันส์ยังสังเกตเห็นในหลาย ๆ ครั้ง ที่โยชัวร์พยายามทำสีหน้าสดใสกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง ซึ่งฮันส์คิดว่า "ทั้ง ๆ ที่หมอนั่นมีสิทธิที่จะหัวเราะ มีสิทธิที่จะรักหรือทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ได้เหมือนกับพวกเราแท้ ๆ" ดังนั้นฮันส์จึงฝากเอสเทลว่า "หากเจอโยชัวร์ล่ะก็ ช่วยบอกหมอนั่นด้วยว่าอย่าทำหน้าแบบนั้นให้เห็นอีกเป็นครั้งที่ 2"
(จริง ๆ แล้วฮันส์เป็นห่วงโยชัวร์มาก ๆ เลยนะคะเนี่ย)
★ลงไปที่ชั้น 1 ของคลับเฮ้าส์ จะเจอ "โดรธี" ดูเหมือนว่าเธอจะลืมจุดประสงค์ที่มาที่นี่ แล้วไปหาอะไรอร่อย ๆ กินซะแล้วสิ
★ส่วน "โอลิเวียร์" ก็ยืนดีดลูทอ่อยเด็กนักเรียนหญิงอยู่หน้าคลับเฮ้าส์ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า "เรื่องสอบถามน่ะ วานให้โดรธีคุงทำไปแล้ว" (พอ ๆ กันเลยแฮะ 2 คนเนี่ย) แถมยังมาวานให้เอสเทลช่วยพาชมสถานที่ให้หน่อย แต่เอสเทลคิดว่าถึงตายก็ไม่พานายติ๊งต๊องนี่ชมสถานที่หรอก เพราะเป็นอันตรายกับนักเรียนหญิงชัวร์
★หากไปที่หอประชุมขึ้นไปบนเวทีจะเกิดอีเวนท์นึกถึงความหลังของ 2 สาวค่ะ
เอสเทล "ตั้งแต่ตอนนั้น ก็เกิดเรื่องอะไรขึ้นตั้งมากมาย....... โยชัวร์ที่แสดงเป็นองค์หญิงด้วยใบหน้าอันผุดผ่องก็ไม่อยู่แล้ว..... ตอนนี้มีแค่พวกเรา 2 คนอยู่บนเวทีนี้เท่านั้น..... มันรู้สึกแปลก ๆ พิกลเนอะ"
คลอเซ่ "จริงด้วยสินะคะ...... เอ่อ คุณเอสเทล ดิฉันขอสารภาพเรื่องเรื่องหนึ่งจะได้มั้ยคะ?"
เอสเทล "เอ๋.......?"
- คลอเซ่เข้ามานั่งด้านหน้าเวทีข้าง ๆ เอสเทล
คลอเซ่ "ดิฉัน... เคยชอบคุณโยชัวร์ค่ะ ตั้งแต่ตอนที่พบกันครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจอย่างมาก"
- เอสเทลตกใจที่จู่ ๆ คลอเซ่ก็เปิดอกพูดขึ้นมาแบบนี้
เอสเทล "......งั้นเหรอ อะฮะฮะ เคยรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ด้วยสินะ......"
คลอเซ่ "ฉากจูบในตอนท้าย ดิฉันใจเต้นตึกตักเลยล่ะค่ะ ในใจก็ได้แต่ขอโทษคุณเอสเทลไปด้วยและก็ตั้งใจแสดงอย่างสุดฝีมือไปด้วย ถ้าไม่ใช่ให้แกล้งแสดงแล้วล่ะก็ คิดในใจว่าจะทำให้โดนริมฝีปากไปเลยดีหรือเปล่านะ"
เอสเทล "งะ งั้นเหรอ...... คลอเซ่เนี่ยใจกล้าเกินคาดนะ......"
คลอเซ่ "หึหึ ดูเหมือนว่าคุณยูเลียก็จะหวาดหวั่นกับการกระทำของดิฉันเสมอ ๆ เลยล่ะค่ะ แต่ในตอนนั้น...... ตอนที่นายกเทศมนตรีดัลมอร์หันปืนมาที่คุณเอสเทล...... คุณโยชัวร์...... มีแววตาน่ากลัวจริง ๆ...... ทำให้ดิฉันทราบว่าคุณโยชัวร์เป็นห่วงคุณเอสเทลมากขนาดไหน ดังนั้นก็เลยตัดใจ เพราะดูไปแล้วดิฉันคงจะไม่มีหวังน่ะค่ะ"
เอสเทล "อือ อื~ม...... ชั้นจะพูดว่าไงดีนะ จะตัดใจน่ะมันเร็วไปไม่ใช่เหรอ พูดตรง ๆ แล้วถ้าเป็นคลอเซ่กับชั้นล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องมาตัดสินกันเลยล่ะ......"
คลอเซ่ "แล้วกันคุณเอสเทลเนี่ยล่ะก็ ไม่ค่อยประสากับเรื่องแบบนี้จริง ๆ เลยนะคะ ไม่รู้เลยเหรอคะว่าตัวเองมีเสน่ห์แค่ไหน"
เอสเทล "อึก...... อะไรล่ะ ชั้นทำแต่เรื่องบ้า ๆ ใช่มั้ยล่ะ?"
คลอเซ่ "หึหึ เกินคาดเลยล่ะค่ะ แต่ดิฉันก็ชอบตรงจุดนั้นของคุณเอสเทลนะคะ คิดว่าคุณโยชัวร์เองก็คงจะเหมือนกันนั่นแหล่ะค่ะ ถ้าจะให้พูด ดิฉันกับคุณโยชัวร์อาจจะเป็นประเภทที่คล้าย ๆ กันกระมังคะ"
เอสเทล "อ๊ะ...... พอพูดแล้วก็รู้สึกแบบนั้นขึ้นมานิด ๆ แฮะ หัวก็ดี มารยาทก็ดี ความใจเย็นก็ด้วย...... เพราะงั้นตอนแรก ชั้นถึงคิดว่าทั้ง 2 คนเหมาะกันดี เลยพูดหว่านล้อมโยชัวร์เรื่องคลอเซ่......"
คลอเซ่ "ก่อนที่จะมาพบกับพวกผ.อ. ดิฉันเคยใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาก่อนค่ะ ไม่แน่ว่าคุณโยชัวร์ก่อนที่จะมาพบกับคุณเอสเทลก็คงจะเหมือนกันกระมังคะ --- ส่วนที่ดิฉันกับคุณโยชัวร์แตกต่างกัน ......น่าจะเป็นความเข้มแข็งค่ะ"
เอสเทล "ความเข้มแข็ง?"
คลอเซ่ "เสด็จย่าประสงค์อยากจะให้ดิฉันขึ้นเป็นราชินีลำดับต่อไปค่ะ ถ้าคำนึงถึงสถานการณ์แล้วล่ะก็ ดิฉันว่าคงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว...... ทว่าหากเป็นราชินีแล้วล่ะก็...... ดิฉันจะไม่สามารถกลับไปเป็น [คลอเซ่] ได้อีกเป็นครั้งที่ 2 มีแต่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในฐานะของ [คลอเดีย ฟอน อาว์สเลเซ่] ผู้มีภาระหน้าที่และอำนาจอันยิ่งใหญ่เท่านั้น...... จะมาพูดคุยเรื่อยเปื่อยทำตัวตามสบายกับเพื่อน ๆ แบบนี้บ้าง อ้อนอาจารย์บ้าง หรือโอบกอดพวกเด็ก ๆ บ้าง ก็ไม่สามารถทำได้... ดิฉันทั้งกลัว...... ทั้งสมเพทตัวเองที่รู้สึกกลัวที่จะต้องกลับไปโดดเดี่ยว...... จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรที่ชัดเจนแก่เสด็จย่าลงไป..."
เอสเทล "คลอเซ่......"
คลอเซ่ "ดิฉันคิดว่าจุดนี้คุณโยชัวร์เข้มแข็งกว่าดิฉันไม่รู้เท่าไร ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะแยกจากคุณเอสเทลที่รักยิ่งกว่าใคร ๆ ...... แต่เพื่อที่จะไม่ดึงคุณเอสเทลเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของตนก็เลยหายตัวไป......"
เอสเทล "......โยชัวร์เข้มแข็งจริง ๆ น่ะแหล่ะ แต่ชั้นว่า...... นั่นเป็นความเข้มแข็งแบบผิด ๆ นะ"
คลอเซ่ "เอ๊ะ..."
เอสเทล "การเป็นองค์ราชินีที่ต้องปกครองประเทศให้เป็นปึกแผ่น เป็นธรรมดาที่คลอเซ่จะต้องกังวลอยู่แล้ว ถ้าทำตัวเฉย ๆ ไม่คิดอะไรเลยนั่นสิถึงจะแปลก แม้จะกังวลแบบนั้น แต่คลอเซ่ก็กำลังค้นหาคำตอบอยู่อย่างนี้ ชั้นคิดว่าคลอเซ่เหมาะสมที่จะเป็นองค์ราชินีนะ"
คลอเซ่ "คุณเอสเทล......"
เอสเทล "แต่โยชัวร์น่ะ...... โยชัวร์ไม่ได้กังวล โยชัวร์หายตัวไปจากพวกชั้นทั้ง ๆ อย่างนั้น โดยไม่ได้เป็นกังวลอะไรเลย...... สำหรับชั้น...... เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้มากที่สุดเลยล่ะ"
คลอเซ่ "คุณเอสเทล...... ......จริงด้วยสินะคะ ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ ค่ะ คิดว่าความรู้สึกของเด็กผู้หญิงเป็นอะไรกันอย่างนี้น่ะ"
- ทั้ง 2 สาวหันมามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมา
เอสเทล "ชั้นดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับคลอเซ่นะ คนที่จะพูดอะไรด้วยได้อย่างหมดเปลือกถึงขนาดนี้ไม่ค่อยจะมีหรอก......"
คลอเซ่ "หึหึ ดิฉันก็เหมือนกันค่ะ เอาแต่พูดเรื่องน่าอายอย่างเดียวเลยนะคะ...... กรุณาให้อภัยด้วยนะคะ เรื่องของคุณโยชัวร์น่ะ ตอนนี้ดิฉัน......."
เอสเทล "อา ช่างเถอะช่างเถอะ ความรู้สึกชอบไม่ใช่สิ่งที่จะอดกลั้นเอาไว้นี่นา แม้แต่ตัวชั้นเองท้ายที่สุดแล้วก็เข้าใจเรื่องนั้นเหมือนกัน แล้วก็เรื่องแบบนี้น่ะ ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของคนหนุ่มสาวหรอกเหรอ?"
คลอเซ่ "แหม คุณเอสเทลเนี่ยล่ะก็...... อื~ม แต่ถ้าจะให้พูดว่าดิฉันไม่หลงเหลือความรู้สึกอยู่เลยก็จะกลายเป็นเรื่องโกหกสินะคะ....... แต่จากนี้ไปดิฉันรู้สึกอยากเอาใจช่วยคุณทั้ง 2 คนมากกว่าค่ะ......"
เอสเทล "อืมอืม เข้าใจแล้ว ......เอาล่ะ เรื่องที่อยากจะเปิดอกพูดหมดแล้วสินะ ไปถามพวกนักเรียนกันต่อมั้ย?"
คลอเซ่ "อ๊ะ จริงด้วยสินะคะ ก่อนที่จะมืดไปถามให้ทั่ว ๆ กันเถอะค่ะ"
- คนที่จำเป็นต้องไปคุยจริง ๆ จะมีอยู่ตามนี้เลยค่ะ ส่วนคนอื่นนั้นไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ได้นะคะ
(1) คุยกับ "พาทอม" 『パトム』 หน้าบอร์ดบนชั้น 2 ของอาคารหลัก
- พาทอมจะบอกว่า เขาเห็นเงาของคนบินไปมาอยู่บนท้องฟ้าตอนกลางคืนในฤดูการสอบจากหน้าต่างของห้องเรียนค่ะ
(2) คุยกับ "มิค" 『ミック』 ในห้องเรียนภาควิชามนุษย์ศาสตร์บนชั้น 1 ของอาคารหลัก
- มิคจะบอกว่า ก่อนที่เขาจะกลับบ้านเห็นเงาสีขาวลอยตุ๊บป่อง ๆ แถว ๆ ด้านหลังอาคาร แล้วก็บินหายไปทางประตูด้านหลังโรงเรียนค่ะ
(3) คุยกับ "ฟรัซเซ่" 『フラッセ』 คุณหนูเอาแต่ใจและ "เรย์นะ" 『レイナ』 สาวน้อยขี้แกล้ง บนชั้น 2 ในหอพักหญิง
- เรย์นะบอกว่าเธอ 2 คนเห็นตุ๊กตาเต้นรำบนท้องฟ้าจากทางหน้าต่างตอนกลางดึกก่อนวันสอบ จากนั้นก็ลอยหายไปที่ด้านหลังโรงเรียนค่ะ แต่พอเรย์นะจะเล่าถึงตอนที่ฟรัซเซ่กลัวจนต้องคลุมโปงบนเตียง ฟรัซเซ่รีบบอกให้เรย์นะเลิกพูดเรื่องนี้ค่ะ
(อันที่จริงตอนที่เอสเทลเข้ามา ทั้ง 2 คนกำลังทะเลาะกันอยู่ค่ะ เพราะฟรัซเซ่คิดว่าเมื่อการสอบจบลงแล้วจะได้ไปท่องเที่ยวให้ทั่วลีเบร์ลพร้อมกับเรย์นะ แต่เรย์นะดันจองตั๋วกลับไปจักรวรรดิแล้ว ทำใหฟรัซเซ่โกรธมากค่ะ)
- เมื่อเราคุยจนครบทั้ง 3 คนที่จำเป็นแล้วออกมาด้านนอก ท้องฟ้าจะเริ่มมืดแล้ว ให้เรากลับไปรายงานผลที่สภานักเรียนค่ะ
- เมื่อเข้าไปทุกคนจะมารวมตัวกันแล้ว ทางฝ่ายนักการและอาจารย์ที่กลุ่มของจิลไปสอบถามนั้น มีคนเห็นเงาของคนน่าสงสัยไปทางประตูด้านหลังที่จะไปอาคารเรียนเก่าค่ะ
- เอสเทลจะบอกข้อมูลที่ได้มาจากนักเรียนทั้ง 3 (4) คนให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ
(ส่วนโดรธีกะโอลิเวียร์ก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ โดรธีถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย รวม ๆ แล้วเกือบ 80 รูปค่ะ ส่วนโอลิเวียร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง บอกมาได้หน้าตาเฉยว่าหาข้อมูลอะไรไม่ได้เลย เพราะตอนที่ดีดลูทอยู่เหล่าแมวน้อยที่น่ารักทั้งหลายก็มารวมตัวกันจนไปไหนไม่ได้ค่ะ)
- สุดท้าย จากข้อมูลที่ฮันส์หามาได้จากเอกสารเก่า ๆ เขาลองค้นหาข้อมูลเพื่อตรวจสอบอาคารเรียนเก่า และพบว่าอาคารเรียนเก่าเป็นตึกที่มีอายุมากว่า 100 ปีซึ่งไม่ได้ใช้มาเกือบ 20 ปีแล้ว เพราะมีการสร้างอาคารหลักที่เป็นตึกใหม่ขึ้นมาแทน
- ดังนั้น ทุกคนลงความเห็นกันว่าอาคารเรียนเก่านั่นแหล่ะที่น่าสงสัย แต่เอสเทลขอให้แยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อน เพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้วไว้ตรวจสอบพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
(โอลิเวียร์จะสงสัยว่าฟ้ายังไม่มืดซักหน่อย แถมยังผิดจากลักษณะนิสัยของเอสเทลที่ต้องทำอะไรทันทีอีกต่างหาก ซึ่งเอสเทลก็พยายามหาข้อแก้ตัวเต็มที่ค่ะ)
- ที่นอกหน้าต่างนั่น เอสเทลเห็นเหมือนกับว่ามีอะไรลอยผ่านไป ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นซิกเพราะเห็นเป็นเงาสีขาว ๆ แต่ว่า... สิ่งที่เห็นก็คือ "เงาสีขาว" ที่บินไปบินมา ซึ่งพอเงานั่นเห็นเอสเทลก็เข้ามาสวัสดีเธอแล้วก็บินจากไป เอสเทลถึงกับเข่าอ่อนสลบเหมือดไปเลยค่ะ (โถ นางเอกของเรา)
- ที่หอพักหญิง เอสเทลตื่นขึ้นมาแต่ยังสามารถจำรายละเอียดต่าง ๆ ของ "เงาสีขาว" ได้ ซึ่งตอนนี้ เอสเทลไม่สนแล้วว่าจะเป็นผีหรืออะไร ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีคนเล่นตลกอะไรแน่ และเธอจะจับตัวจริงนั้นให้ได้ค่ะ
- มารวมพลกันอีกครั้งที่ห้องอาหารชั้นล่างของคลับเฮ้าส์ ฮันส์จะนำกุญแจของอาคารเรียนเก่าที่ยืมมาจากอาจารย์ให้กับพวกเอสเทลค่ะ
- ได้รับ "กุญแจประตูด้านหลัง"
(เจ๊เชร่าหรืออากัตจะให้พวกจิลอยู่ที่นี่ ส่วนโดรธียังไงก็ต้องไปทำข่าวด้วยอยู่แล้ว ส่วนคลอเซ่จะขอเจ๊เชร่าหรืออากัตไปกับพวกเราด้วยค่ะ)
อาคารเรียนเก่า 『旧校舎』
- ใช้กุญแจที่ประตูด้านหลัง เราจะสามารถเข้าไปยังอาคารเรียนเก่าที่อยู่ด้านในได้ค่ะ
- พบการ์ดเสียบอยู่ที่ประตูหน้าของอาคารเรียนเก่า ข้อความในการ์ดเขียนเชิญพวกเอสเทลให้เข้าไปด้านในค่ะ
- เพื่อที่จะหาตัวจริงของ "เงาสีขาว" ให้พบ เราต้องตามปริศนาคำใบ้ในที่ต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ
(1) สถานที่ถูกสาปแห่งที่ 1 คือ ห้องโถง คำใบ้ [จงมุ่งสู่เปลวไฟที่ว่างเปล่า] 『虚ろなる炎を目指せ』
- ให้สำรวจเชิงเทียนที่ไฟดับที่อยู่ในห้องโถงค่ะ (ทางบันไดด้านขวา) จะเจอกับคำใบ้อีกอันค่ะ
(2) สถานที่ถูกสาปแห่งที่ 2 คือ ห้องเรียน คำใบ้ [นักเรียนที่มุ่งหน้าไปยังทิศใต้] 『南を向く生徒』
- เข้าไปยังปีกซ้ายของอาคารเรียน สำรวจโต๊ะที่หันหน้าไปทางทิศใต้ ในห้องเรียนห้องแรกค่ะ จะเจอกับคำใบ้อีกอันค่ะ
(3) สถานที่ถูกสาปแห่งที่ 3 คือ สวน [คอที่หักลงมา] 『落ちたる首』
- ขึ้นบันไดไปทางปีกขวาของอาคาร ออกไปที่สวนด้านนอก สำรวจกระถางต้นไม้ที่หักลงมา
- ได้รับ "กุญแจโบราณ" 『古びた鍵』
- ลงไปที่ชั้นหนึ่ง เข้าไปทางปีกขวาของอาคาร สำรวจห้องแรก เลือกข้อ 2 เราจะใช้กุญแจที่ได้มาเมื่อกี๊ไขเข้าไปค่ะ
- สำรวจรูปปั้นมังกร
(จากคำบอกเล่าของคลอเซ่ คาดว่ารูปปั้นนี้คงจะเป็นรูปปั้นมังกรยุคโบราณที่อาศัยอยู่ในลีเบร์ลเมื่อครั้งอดีตค่ะ)
- เจอทางลับลงไปยังชั้นใต้ดินของอาคารเรียนเก่าใต้ฐานของรูปปั้นมังกรค่ะ
อาคารเรียนเก่า - โบราณสถานใต้ดิน 『旧校舎・地下遺跡』
- เมื่อลงมาข้างล่าง ในห้องแรกจะเกิดการต่อสู้กับ (โมวคี)
- โมวคี -
- 『モウキ』 -
**ไม่ยากค่ะ แค่ระวังมันร่ายอาร์ทที่จะให้ "แอโร่สตอร์ม" ที่กินอาณาเขตกว้างก็พอแล้ว และก็เวลาเลือดมันใกล้หมดจะชอบใช้ท่าดูด HP บ่อยมากนะคะ ใช้อาร์ทคุณสมบัติดินกับไฟก็จะชนะได้สบาย ๆ ค่ะ**
- สัตว์ปิศาจที่อยู่ในนี้แข็งแกร่งมาก เราจึงลงความเห็นกันว่าให้โดรธีรออยู่ในห้องด้านหน้าไม่ให้ตามมาด้วยเพื่อความปลอดภัยค่ะ
- เมื่อลงมาถึงชั้นใต้ดิน ชั้นที่ 2 จะเกิดการต่อสู้ขึ้น (โมวคี + ดัสเตอร์ไกสต์ *2 + มัพเพ็ตแบลกเกอร์ *2)
- เข้าไปด้านในสุด ห้องที่มีจุดเพิ่มเลือดอยู่ด้านหน้า เข้าไปจะเจอกับต้นเหตุของเหตุการณ์ประหลาดในครั้งนี้ค่ะ
- พบกับชายสวมหน้ากาก ตัวจริงของ "เงาสีขาว" ที่คนในพื้นที่รูอันเห็นค่ะ ซึ่งเขาจะรู้ฐานะที่แท้จริงของคลอเซ่ด้วย
ชายสวมหน้ากาก "หึหึ... ไม่มีความลับอะไรที่ฉันขโมยไม่ได้ ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ผู้ดำเนินแผนการ NO. X [จอมโจรลึกลับ] 『怪盗紳士』 บลูแบลง -------- 1 ในผู้ที่เข้าร่วมกับ [งูกินหาง (อุโรโบรอส)] ยังไงล่ะ"
เอสเทล "งะ งูกินหาง!?"
- พวกเราจะตกใจที่จู่ ๆ ก็เจอกับสาวกขององค์กรแบบไม่ทันตั้งตัว จึงระวังตัวแล้วถอยไปตั้งหลัก
จอมโจรบลูแบลง "หึหึ...... ไม่ได้คิดจะมาฆ่าหรอก ที่ฉันมาอยู่ที่นี่ก็แค่มาทำการทดลองนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดที่จะประมือกับพวกเธอทุกคนแม้แต่น้อย"
เอสเทล "ทะ ทดลอง......?"
- แสงสะท้อนวาบวามมาจากของบางอย่างรูปครึ่งวงกลมที่ด้านหลังของบลูแบลง
เอสเทล "นะ นั่นมัน......"
คลอเซ่ "[กอสเปล] ออร์บเมนท์สีดำที่พันเอกริชาร์ดเคยใช้......"
โอลิเวียร์ "ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ที่มีอยู่ไปทั่วเลยนะ"
จอมโจรบลูแบลง "ฮืม ถูกต้อง แล้วรู้จักสิ่งนี้หรือไม่ล่ะ [กอสเปล] อันนี้เป็นรุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้กับการทดลองนี่ แถมยังให้ประโยชน์ในการทดลองครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษอีกด้วยนะ"
- บลูแบลงเห็นพวกเราสงสัยว่าเขาทำการทดลองอะไร ก็เลยแสดงของจริงให้พวกเราดู เมื่อเขาดำเนินการกดปุ่มเดินเครื่อง "ผี" ที่เราเห็นกันก็ปรากฏออกมา
(ที่พวกเอสเทลเห็นเงาสีขาวนั่นบินไปบินมาได้ เพราะว่าเป็นเทคนิคที่เหล่างูกินหางสร้างขึ้นมาทำให้ [กอสเปล] แสดงพลังได้อย่างนั้น)
- ว่าแล้วบลูแบลงก็แสดงให้ดู [กอสเปล] ส่องแสงสีดำออกมา แล้วร่างเงาของเขาก็บินไปบินมารอบ ๆ ตัวพวกเอสเทลก่อนที่เขาจะทำให้มันหายไป
จอมโจรบลูแบลง "---ก็ ประมาณนี้ล่ะ หึหึ ชาวเมืองรูอันทั้งหลายก็คงจะได้รับความเพลิดเพลินเป็นแน่แท้ใช่มั้ยล่ะ"
- แต่ว่า มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระสิ้นดี เอสเทลออกปากถามว่า [งูกินหาง] กำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่ แต่เรื่องนั้นบลูแบลงบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่เขาจำเป็นต้องตอบ
จอมโจรบลูแบลง "เหตุผลที่ฉันร่วมมือในแผนการครั้งนี้ มีเพียงข้อเดียว...... องค์หญิงคลอเดีย----- ฉันอยากจะพบท่านไงล่ะ"
คลอเซ่ "เอ๊ะ.......?"
จอมโจรบลูแบลง "ตอนที่เห็นความงดงามอันสูงส่งของท่าน ที่ทำการจับกุมนายกเทศมนตรี...... เพื่อที่จะได้สิ่งนั้นมาเป็นของ ๆ ฉัน ฉันจึงเข้าร่วมในแผนการครั้งนี้ไงล่ะ ตั้งแต่ตอนนั้น ในหลายเดือนมานี่ ฉันเฝ้ารอโอกาสนี้มานานเลยล่ะ"
คลอเซ่ "เอ๊ะ คือว่า นั่นมัน......"
เอสเทล ".......พูดถึงจับกุมนายกเทศมนตรี หมายถึงตอนคดีนายกเทศมนตรีดัลมอร์สินะ! ละ แล้วทำไม นายถึงรู้เรื่องในตอนนั้นได้ล่ะ!?"
จอมโจรบลูแบลง "หึหึ ตอนที่เกิดคดีนั้น ฉันซ่อนตัว แล้วก็คอยเฝ้าสังเกตพวกเธอน่ะสิ ยกตัวอย่างเช่น...... ใช้วิธีนี้ไง"
- บลูแบลง เปลี่ยนรูปลักษณ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งใบหน้าที่เห็นนั้น ก็คือ พ่อบ้านดาลิโอ พ่อบ้านของดัลมอร์นั่นเอง
(นี่ก็คือสาเหตุที่ ดาลิโอพร่ำบอกว่า เขาที่ไม่ใช่ตัวเขาไงคะ)
- บลูแบลงกลับคืนรูปลักษณ์มาเป็นเหมือนเดิมแล้วกล่าวว่า
จอมโจรบลูแบลง "จอมโจรน่ะ เป็นผู้ที่ลุ่มหลงในความงดงาม ไม่สามารถละทิ้งความสูงส่งที่คอยดึงดูดตัวเองได้หรอก องค์หญิง ด้วยจิตอันสูงส่งของท่าน ก็ได้ขโมยหัวใจคน ๆ หนึ่งไปแล้ว ไม่ใช่ใครอื่น ก็ต้องเป็นหัวใจจอมโจรอย่างฉัน...... โอ้ จะว่าไงดี การหลบลู่แบบอ่อนหวาน! คิดว่าท่านจะให้อภัยบาปนี้ได้อย่างไรหรือ?"
คลอเซ่ "อะ เอ่อคือ...... พูดแบบนั้นดิฉันลำบากใจนะคะ"
◆ในกรณีที่มากับ "เจ๊เชร่า" เจ๊จะบอกว่าวิธีการพูดแบบหลงตัวเองแบบนั้น เหมือนกับใครบางคนแถว ๆ นี้
- สู้กับ ครึ่งคนครึ่งม้าหุ้มเกราะ ผู้พิทักษ์ซากโบราณสถานแห่งนี้
- สตอร์มบลิงเกอร์ + มัพเพ็ตแบล็กเกอร์ *4 -
- 『ストームブリンガー + マペットフラッガー*4』 -
**สตอร์มบลิงเกอร์ มีท่าที่ทำให้ติด "มืดมิด" ส่วนมัพเพ็ตแบล็กเกอร์ โจมตีแล้วจะทำให้เราติด "หมดสติ" นะคะ ยังไงก็ใส่เครื่องประดับกันไว้ก่อนก็ดีค่ะ**
**นอกจากนี้ สตอร์มบลิงเกอร์ยังมีท่า "แก๊ซเบลด" ที่ทำให้ DEF หรือ MOV ลดลง บางทีทำให้ดิด AT Delay ด้วยนะคะ และยังสามารถเรียกมัพเพ็ตแบล็กเกอร์มาสู้เพิ่มได้อีกต่างหาก ยังไงก็ สู้ไปด้วย ค่อย ๆ เพิ่มเลือดไปด้วยจะดีกว่าค่ะ**
**แนะนำให้ปราบ สตอร์มบลิงเกอร์ก่อน เพราะหากปราบมัพเพ็ตแบล็กเกอร์ที่ปราบได้ง่ายกว่ามาก ๆ ก่อน เจ้าตัวนี้เวลามันตาย จะใช้พลังเฮือกสุดท้าย เพิ่ม STR & SPD ให้ตัวที่เหลืออยู่นะคะ แต่โดยรวมการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่ยากอะไรค่ะ**
- ปราบได้ บลูแบลงจะใช้วิชาตรึงเงาเหมือนตอนที่ดัลมอร์ใช้ไม้เท้าล้ำค่า แต่บลูแบลงบอกว่าสำหรับพวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งอาร์ติแฟกซ์แบบนั้นเลยค่ะ
- ซิกจะบินเข้ามาช่วยพวกเรา แต่ว่าก็โดนบลูแบลงตรึงเงาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
- ในขณะที่บลูแบลงกำลังจะพาตัวคลอเซ่ไป ซึ่งคลอเซ่ได้บอกว่า
คลอเซ่ "ถึงแม้จะได้ร่างกายไป แต่คุณก็ไม่สามารถได้หัวใจไปหรอก...... ตัวดิฉันที่ไม่ใช่ดิฉันน่ะ กรุณาคิดดูให้ดี"
จอมโจรบลูแบลง "นั่นแหล่ะ แววตาอย่างนั้นแหล่ะ! แววตาที่แน่วแน่ งดงามสูงส่งไร้ผู้ใดเปรียบ! ฉันอยากได้ความเจิดจรัสนั่นยิ่งกว่าสิ่งใด"
เอสเทล "มะ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดล้อเล่นนะ! เจ้าหน้ากากพิลึกนี่ ถอยออกมาจากคลอเซ่เดี๋ยวนี้นะ!"
จอมโจรบลูแบลง "เฮ้อ ท่าทางจะไม่เข้าใจถึงความงดงามของหน้ากากอันนี้นะ...... ดูเหมือนเธอไม่มีทางจะรับรู้ได้เลยว่าความงดงามคืออะไรนะ"
โอลิเวียร์ "หึหึ......"
จอมโจรบลูแบลง "หืม......?"
โอลิเวียร์ "ฮ่าฮ่า โทษที --- ไม่สิ เธอน่ะ ก้าวพลาดมาตั้งแต่แรกเลยล่ะ พลาดที่เผลอทำให้รอยยิ้มอันไร้มลทินจมดิ่งลึกลงไปน่ะ"
จอมโจรบลูแบลง "โฮ่...... น่าสนใจดีนี่ รู้ว่าฉันทำผิดพลาดตรงไหนสินะ?"
โอลิเวียร์ "ผมก็ไม่ใช่ไม่ยอมรับความงดงามขององค์หญิงหรอก แต่ไม่ยอมรับการตัดสินความงดงามด้วยความรู้ของเธอที่มีอยู่เพียงน้อยนิดนั่นต่างหากล่ะ น่าจะย้อนกลับไปดูตัวเองได้แล้ว"
จอมโจรบลูแบลง "โอ ช่างเป็นคนที่หยาบคายอะไรเช่นนี้! เป็นแค่นักดนตรีเร่ร่อน มีเหตุผลอะไรมาดูถูกศาสตร์แห่งความงดงามของฉัน!? ถ้าไม่ให้คำตอบกลับมา เธอจะต้องเสียใจ!"
โอลิเวียร์ "หึ ถ้างั้นขอถามบ้างนะ --- ความงดงามคืออะไร?"
จอมโจรบลูแบลง "คิดว่าอะไรซะอีก ไร้สาระจริง ๆ นะ...... ความงดงามก็คือความสูงส่งยังไงล่ะ! เป็นสิ่งที่ส่องประกายดั่งของล้ำค่า! นอกเหนือจากนี้แล้ว จะมีคำตอบอะไรอีกล่ะ?"
โอลิเวียร์ "หึ น่าขัน...... ความงามที่แท้จริงนั้น --- คือความรักต่างหากล่ะ!"
จอมโจรบลูแบลง "......ว่าไงนะ!?"
โอลิเวียร์ "การที่ได้รักใคร ยังผลให้มนุษย์รู้สึกได้ถึงความงดงาม! หากความงดงามไร้ความรัก ก็เป็นเพียงภาพลวงตาที่ว่างเปล่า! ไม่ว่าจะเป็นคนจิตใจสูงส่งหรือคนต่ำต้อย หากมีความรักแล้วไม่ว่าอะไรก็งดงามทั้งนั้น!"
จอมโจรบลูแบลง "หึ ช่างเปรียบเปรยจริง ๆ นะ มาพูดกับฉันแบบนี้ ความรักอะไรนั่นจะทำให้หายไปกลายเป็นความเพ้อฝันซะ!"
- ทุกคนได้แต่ยืนฟังชาย 2 คนผู้ลุ่มหลงในความงาม (ที่ถึงจะมีวิธีการวัดความงามกันคนละแบบ แต่ที่เหมือนกันคือ บ้าทั้งคู่) กันอย่างเงียบ ๆ แล้วก็รู้สึกว่าบทสนทนาที่ 2 คนนี้พูดกันมันฟังประหลาด ๆ พิกล แต่ดูเหมือนว่าบลูแบลงจะยอมรับโอลิเวียร์เป็นคู่ปรับและได้ถามชื่อของโอลิเวียร์เอาไว้ด้วยค่ะ
- โดรธีเข้ามาสมทบ เธอเห็นพี่ชายสวมหน้ากากแปลก ๆ ก็มือไวคว้าออร์เบิลคาเมร่ามาถ่ายรูปบลูแบลง แสงแฟลชทำให้เงาหายไป พวกเรากลับมาขยับได้อีกครั้งค่ะ
- บลูแบลงฉวยโอกาสเพียงชั่ววินาที หยิบ [กอสเปล] ออกจากแท่น และยังทิ้งท้ายชมพวกเอสเทลว่า "มาถึงที่นี่ได้ สมแล้วที่เคยร่วมทางกับ [เขี้ยวดำขลับ] มาก่อน" จากนั้น เขาก็จะหนีไปพร้อม ๆ กับ [กอสเปล] ค่ะ
เมืองรูอัน 『ルーアン市』
- กลับมารายงานผลที่เมืองรูอันในตอนเช้า (อัตโนมัติ)
- จากข้อมูลที่เราแจ้ง "จาง" ไป จางจะวิเคราะห์ว่า ที่จอมโจรบลูแบลงบอกว่าตัวเองเป็นผู้ดำเนินแผนการ คงหมายถึงเป็นตัวแทนของ "องค์กร" ซึ่งร้อยตรีโรแลนซ์ก็คงจะเหมือน ๆ กันค่ะ
- เอสเทลจะกังวลชื่อที่บลูแบลงพูดถึง [เขี้ยวดำขลับ] คำที่โยชัวร์เรียกตัวเองในวันนั้น เธอก็เลยคิดว่า ไม่แน่ว่าโยชัวร์อาจจะเคยเป็น [ผู้ดำเนินแผนการ] ด้วยเหมือนกัน
◆"เจ๊เชร่า" บอกว่าตอนที่เจอโยชัวร์ครั้งแรกก็ว่าแปลกเด็ก ไม่ว่าจะทั้งการกระทำหรือความนึกคิดก็เยี่ยมยอด แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ไม่แน่ว่าโยชัวร์อาจจะซ่อนความสามารถที่แท้จริงเอาไว้ก็เป็นได้ค่ะ
- จากที่เอสเทลได้ยินจอมโจรนั่นบอก ว่าแผนการเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น แสดงว่าต่อไปทั่วทุกพื้นที่ของลีเบร์ลจะต้องมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแน่ เธอจึงถามจางว่ามีข้อมูลมาจากสาขาอื่นบ้างหรือเปล่า แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรแจ้งเข้ามาเลย แต่ตอนนี้ที่เมืองไซสส์ "กุนดอล์ฟ" เบรเซอร์อย่างทางการที่ประจำที่นั่นไม่อยู่ ดังนั้น จางจึงขอไหว้วานให้เอสเทลไปช่วยเหลือทางนั้น ส่วนทางนี้ "สติงก์" เบรเซอร์ประจำสาขาบอส จะมาเป็นกำลังให้ในอีกหลายวันให้หลังจึงไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ
- แล้วจางจะบอกให้เราแวะไปหาดร. รัซเซล เพื่อแจ้งข้อมูลของ [กอสเปล] รุ่นใหม่ที่ได้เจอมาด้วยค่ะ
- จู่ ๆ โอลิเวียร์ก็บอกให้จางจองตั๋วเรือประจำทางให้ 4 ใบ แบบไม่ถามไถ่เอสเทลหรือคลอเซ่เลยค่ะ แต่อันที่จริง คลอเซ่ก็ตั้งใจจะร่วมทางไปกับพวกเอสเทลเหมือนกับคุณโอลิเวียร์อยู่แล้ว เพื่อราชอาณาจักรลีเบร์ลที่ต้องเผชิญกับ "องค์กร" และคลอเซ่นั้น ยังอยากเป็นกำลังให้กับเอสเทลและโยชัวร์ด้วยค่ะ ส่วนเรื่องเรียน เธอขอลาหยุด กับทางอาจารย์ใหญ่โคลินซ์เรียบร้อยแล้ว การสอบก็เพิ่งจบลงไป ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไร แถมจิลกับฮันส์ยังยุให้ไปกับเอสเทลอีกด้วยค่ะ
- เมื่อได้ยินดังนั้น จางจึงให้โอลิเวียร์กับคลอเซ่เป็น [ผู้ให้ความร่วมมือ] ไม่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายอะไรก็จะได้ให้สมาคมรับผิดชอบได้ค่ะ
- จบบทที่ 1 ค่ะ
☆หลังจากจบบทที่ 1 แล้วจะมีเควสต์ให้เราทำเพิ่มเติมด้วย
อย่าลืมตรวจสอบบอร์ดรับงานนะคะ แล้วก็ยังมีเควสต์ลับอีก 1 เควสต์ด้วยค่ะ☆
(9) รับสมัครนักเสี่ยงโชคผู้เก่งกาจด่วน
(10) คดีลอบทำร้ายในสำนักงานเลือกตั้ง

previous: Prologue Chapter การตัดสินใจของหญิงสาว
to be continued: Chapter 2 แผ่นดินอาละวาด

Sub-Quest
 (1) ฮันเตอร์วัตถุดิบผู้มาถึง 『来たれ食材ハンター』 {BP2(+1)}
※เควสต์ต่อเนื่องบทที่ 5
- ไปที่หมู่บ้านมาโนเรีย ที่ห้องพักบนชั้น 2 จะพบกับลุง "โอวิด" 『オーヴィッド』
☆หากเคยเคลียร์ซับเควสต์ (2) ล่าเห็ด และ (22) ค้นหาและคุ้มภัย ในภาค FC มาแล้ว บทสนทนาจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยค่ะ☆
- เรื่องของเรื่องก็คือ เขาได้ทำรายการวัตถุดิบต่าง ๆ จากพวกสัตว์ปิศาจในพื้นที่รูอันเอาไว้ แต่ช่วงนี้สัตว์ปิศาจแข็งแกร่งขึ้นมากทำให้เขาไม่สามารถทำการตรวจสอบต่อไปได้ จึงต้องขอแรงจากพวกเบรเซอร์ค่ะ
- รายการอาหารที่เขาได้ตรวจสอบแล้วจะมี
- ปีกสัตว์ปิศาจ / ลูกตาสัตว์ปิศาจ / เนื้อสัตว์ปิศาจ / เนื้อปลาสัตว์ปิศาจ / หางสัตว์ปิศาจ / กระดองสัตว์ปิศาจ / เมล็ดสัตว์ปิศาจ / เจลาตินสัตว์ปิศาจ
- ดังนั้น นอกจากรายการข้างต้นแล้ว โอวิดจึงอยากให้เอสเทลช่วยตรวจสอบให้หน่อยว่า ยังมีวัตถุดิบจากสัตว์ปิศาจอะไรอีกบ้าง ซึ่งเขาบอกว่า ชิ้นส่วนสัตว์ปิศาจน่าจะมีอีกประมาณ 5 - 6 รายการที่เขายังหาไม่ครบ แต่ถ้าหามาแค่ 3 รายการก็ได้ค่ะ
- รายการที่ลุงโอวิดยังหาไม่ครบ ตามด้านล่างเลยค่ะ
(1) "กระดูกสัตว์ปิศาจ" 『魔獣の骨』 (ปราบ "ทาทูว์นอน" ม้าน้ำสีทองที่หอคอยฟ้าคราม)
(2) "เขี้ยวสัตว์ปิศาจ" 『魔獣の牙』 (ปราบ "อุริบัว" หมูป่าสีชมพู)
(3) "เขาสัตว์ปิศาจ" 『魔獣の角』 (ปราบ "เฮล์มแคนเซอร์" หัวปลาดุกที่หอคอยฟ้าคราม)
(4) "ไข่ปลาสัตว์ปิศาจ" 『魔獣の魚卵』 (ปราบ "ซาเมะเก็ตเตอร์" แถว ๆ ถนนเลียบทะเลเมเว)
(5) "เนื้อนกสัตว์ปิศาจ" 『魔獣の鳥肉』 (ปราบ "ลอร์โดรัน" นกกระจอกเทศ)
(6) "ไข่นกสัตว์ปิศาจ" 『魔獣の鳥卵』 (ปราบ "ลอร์โดรัน" นกกระจอกเทศ)
- ซึ่งวัตถุดิบด้านบนนั้น เราจะได้มาจากการปราบสัตว์ปิศาจ หามาแค่อย่างละอันก็เพียงพอแล้วค่ะ ส่วนเงื่อนไขโบนัส BP ก็ตามนี้เลยนะคะ
หาวัตถุดิบที่ไม่มีในรายการครบทั้ง 6 ชนิด Bonus BP
- กลับไปรายงานผลกับโอวิด หากเราหาได้ครบทั้ง 6 ชนิด นอกจากโบนัส BP แล้ว เราจะได้ "ปีกสัตว์ปิศาจ" มาอีก 20 ชิ้นด้วยนะคะ

 (2) ถ่ายรูป [หอคอยฟ้าคราม] 『《紺碧の塔》の写真撮影』 {BP1(+2)}
- คุยกับ "ซันเท" 『サンテ』 ในห้องพักบนชั้น 1 ห้อง 101 ที่โฮเต็ลบลังเช่
- ซันเทอยากจะให้เราช่วยไปถ่ายรูป "ของที่มีอยู่" (อุปกรณ์ปริศนา) ที่ชั้นดาดฟ้าของหอคอยฟ้าครามมาให้เขาค่ะ ซึ่งเจ้า "อุปกรณ์ปริศนา" ที่ว่า ซันเทบอกกับพวกเราว่า ดูเหมือนว่า ตอนนี้มันกำลังทำงานอยู่ก็เลยเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำการตรวจสอบในทันทีค่ะ
(ตอนแรกเอสเทลนึกว่า เขาเป็นพนักงานจากบริษัทนิตยสารที่เปิดใหม่ แต่ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นคนจาก "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์" ในนครหลวงที่ถูกส่งมาประจำที่นี่เพื่อทำการตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ค่ะ)
- ได้รับอีเวนท์ไอเทม "ออร์เบิลคาเมร่า"
- ก่อนจะไปซันเทจะกำชับให้เราเลือกถ่ายรูปจากมุมเหมาะ ๆ และดูเรียบง่ายด้วยค่ะ
(ซึ่งเป็นเรื่องยากพอควร สำหรับมือสมัครเล่นอย่างเอสเทลค่ะ)
- ไปถ่ายรูป "อุปกรณ์ปริศนา" บนชั้นบนสุดของ "หอคอยฟ้าคราม" ค่ะ
(เป็นตามที่ซันเทบอกเอาไว้ อุปกรณ์ที่ว่า กำลังทำงานอยู่จริง ๆ ด้วยค่ะ)
วิธีการถ่ายรูปหอคอยฟ้าคราม
(1) เดินไปยืนแถว ๆ กลางเสาหินทั้ง 4
(2) เข้า Camp Menu เลือกอีเวนท์ไอเทม "ออร์เบิลคาเมร่า" ค่ะ
ในกรณี ที่มาถ่ายรูปตอนโดรธีเป็น NPC
(เลือกตอบข้อ 1 ให้โดรธีช่วยถ่ายให้)
Bonus BP
☆เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสามารถเลือกได้ว่า จะกับเมืองรูอันอัตโนมัติ หรือจะเดินกลับเองก็ได้ค่ะ☆
- กลับไปรายงานผลกับซันเท ที่โฮเต็ลบลังเช่อีกครั้ง เราจะมอบออร์เบิลคาเมร่าคืนให้เขา จากนั้น ซันเทจะเอาควอทซ์ไวแสง ไปล้างรูปที่โรงงานออร์บเมนท์ค่ะ
☆ในกรณีที่เราให้โดรธีช่วยถ่ายให้ ซันเทจะบอกว่ารูปที่ออกมายอดเยี่ยมมาก เพราะเลือกถ่ายแบบพาโนรามา (แบบมุมกว้าง) และเขาจะให้เครื่องประดับ "มูนกราส" 『ムーングラス』 แก่เราด้วยนะคะ☆

 (3) ทดลองระบบประภาคาร 『灯台の試運転』 {BP2(+1)}
※เควสต์ลับ
☆เวลาที่เริ่มทำได้ จะเป็นช่วงก่อนที่เราไปรับพวกเด็ก ๆ ที่หมู่บ้านมาโนเลีย แต่ก่อนไปทำอีเวนท์ที่โรงเรียนเจนิสนะคะ☆
- ไปคุยกับ "ผู้เฒ่าฟอกท์" 『フォクト老人』 ที่ประภาคารบาเรนน์ เขาจะบ่น ๆ ว่าเขาปวดโน่นปวดนี่ตามร่างกายไปหมดเลย คงจะรักษาให้หายทันทีไม่ได้ (ตอบข้อ 1 จะเริ่มเควสต์ค่ะ)
- เขาจะขอให้เราช่วยทำให้ออร์บเมนท์อุปกรณ์ส่งสัญญาณป้องกันภัยทางทะเลทำงาน แต่ว่าเอสเทลไม่รู้วิธีใช้เครื่องจึงต้องขอบายเรื่องนี้ไปโดยปริยายค่ะ
- ในขณะที่ พวกเรากำลังจะกลับ ปู่แกก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีหนังสือคู่มืออยู่ที่ชั้นหนังสือนี่นา (เอสเทลเริ่มรู้สึกว่า เข้าอีหรอบเดิมอีกแล้วจะขอร้องดี ๆ ก็ไม่ได้ ลุงฟอกท์ชอบมาไม้นี้อยู่เรื่อย) ดังนั้น เอสเทลจึงต้องอาศัยหนังสือและทำงานนี้ให้กับคุณปู่มหาภัยผู้แสนเอาแต่ใจตัวเองค่ะ
- อ่านหนังสือคู่มือที่ชั้นหนังสือ จะมีรายละเอียดบอกวิธีใช้ออร์บเมนท์อย่างง่ายของประภาคารให้ดูค่ะ
(เราจะต้องไล่ตามลำดับของแต่ละอุปกรณ์ โดยเริ่มจากพลังงานต่ำ ไปจนพลังงานสูง)
- ให้ดำเนินการตามนี้ได้เลยค่ะ
(1) "เครื่องออร์บเมนท์" 『導力圧』 - ปรับให้เป็น LOW
(2) "เครื่องสร้างความเสถียร" 『スタビライザ』 - ปรับให้เป็น LOW
(3) "ปุ่มเริ่ม" 『起動スイッチ』 - ปรับให้เป็น ON
(4) "เครื่องออร์บเมนท์" 『導力圧』 - ปรับให้เป็น MID
(5) "เครื่องสร้างความเสถียร" 『スタビライザ』 - ปรับให้เป็น MID
(6) "เครื่องออร์บเมนท์" 『導力圧』 - ปรับให้เป็น HIGH
(7) "เครื่องสร้างความเสถียร" 『スタビライザ』 - ปรับให้เป็น HIGH
(8) "วงจรผลึก" 『結晶回路』 - ปรับให้เป็น ON
- เมื่อเปิดเครื่องได้เรียบร้อย กลับไปรายงานผลกับ "ผู้เฒ่าฟอกท์" อีกทีค่ะ
(ปู่แกบอกว่า ตอนนี้เครื่องออร์บเมนท์ของประภาคารจะอยู่ในโหมดทดสอบ อีกเดี๋ยวก็คงจะหยุดทำงานไปเองค่ะ เพราะเป็นแค่การเทสต์เครื่องเท่านั้น)
- จะมีคำถามให้เอสเทลเลือกตอบค่ะ
おじいさんもお体を大事に
คุณปู่ก็ดูแลสุขภาพด้วยนะ
-
他にご用はない?
มีธุระอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกมั้ย?
Bonus BP
- เคลียร์ค่ะ

 (4) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนถนนป่าละเมาะวิสต้า 『ヴィスタ林道の手配魔獣』 (BP2)
- ปราบ (เมลคลีไวเปอร์ *2) บนถนนป่าละเมาะวิสต้า จะอยู่แถว ๆ ตรงที่เป็นทางแยก 2 ทาง ก่อนถึงโรงเรียนเจนิสค่ะ
**แนะนำให้ใส่ "ซิลเวอร์เพียส" เพื่อป้องกันการติด "พิษ" เอาไว้ก่อนนะคะ แถมเจ้าตัวนี้พลังโจมตีค่อนข้างรุนแรง พยายามสู้ พร้อมกับเพิ่มเลือดไปด้วยนะคะ**
**แนะนำให้โจมตีด้วยอาร์ทคุณสมบัติไฟและลมค่ะ ซึ่งถ้าหากเราใช้อาร์ท "แอเรียล" หรือ "ไฟเออร์โบลท์ รุ่นปรับปรุง" จะชนะได้ง่ายขึ้นค่ะ**

 (5) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนถนนเลียบทะเลเมเว 『メーヴェ海道の手配魔獣』 (BP3)
- ปราบ (โคบัลตี้เซเบอร์ *3) บนถนนเลียบทะเลเมเว
**แนะนำให้ใช้อาร์ทคุณสมบัติไฟ ที่กินอาณาเขตกว้างปราบเช่น "ไฟเออร์โบลท์ รุ่นปรับปรุง" จะชนะได้ง่ายขึ้น แล้วเจ้าพวกนี้เวลามันตาย จะใช้พลังเฮือกสุดท้าย เพิ่ม DEF & AGL ให้กับตัวที่เหลืออยู่นะคะ ระวังด้วยนะคะ**

 (6) อาจารย์โรงเรียนวันอาทิตย์ 『日曜学校の講師』 {BP2(+2)}
- ไปคุยกับ "ซิสเตอร์ ฟรีด้า" 『シスター・フリーダ』 ที่โบสถ์รูอัน เธอจะให้เราช่วยให้ความรู้เด็ก ๆ ที่มาเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ เกี่ยวกับเรื่องของเบรเซอร์ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ซิสเตอร์ฟรีด้า อยากจะไว้วานคารูน่าให้มาช่วย แต่ว่าตอนนี้เธอไม่อยู่ค่ะ ดังนั้น ตอนนี้ต้องวานให้เป็นหน้าที่ของเอสเทลแทน
(เพื่อน ๆ ของเรา จะไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่า วันที่เอสเทลสามารถยืนหยัด เป็นเบรเซอร์อย่างผึ่งผายได้ด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ชอบโดดเรียน จะมาถึง โดยพวกเขาจะคอยให้กำลังใจเอสเทลอยู่บนระเบียงชั้น 2 ค่ะ)
- การสอนจะแบ่งเป็น 2 ช่วงนะคะ คือ ช่วงให้ความรู้ และช่วงถาม-ตอบค่ะ
ช่วงให้ความรู้ ช่วงถาม-ตอบ ข้อสงสัยเพิ่มเติม
(1) หน้าที่ของเบรเซอร์คือ?
X①土の防衛と治安の確保
ทำตามคำสั่งรัฐบาลและคุ้มกันผืนแผ่นดิน
○ ②地域の平和と民間人の保護
ปกป้องคุ้มครองชาวเมือง และสันติสุขของแผ่นดิน

X③古代遺物の発見と封印
ค้นหาและผนึกมรดกจากอารยธรรมดบราณ
(1) อายุ ที่สามารถเข้ารับการทดสอบเป็นเบรเซอร์ได้
X①特に年齢による制限はない
ไม่มีการจำกัดอายุเอาไว้เป็นพิเศษ
○ ②16歳以上であることが条件
ต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป

X③18歳以上であることが条件
ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
(2) เบรเซอร์ทางการมีกี่ระดับ?
○ ①G級からA級まで7段階
เริ่มที่ระดับ G ไปจนถึงระดับ A รวมทั้งหมด 7 ระดับ

X②初級から上級まで5段階
เริ่มที่ระดับแรก ไปจนถึงระดับสูง รวมทั้งหมด 5 ระดับ
X③9級から1級まで9段階 เริ่มที่ระดับ 9 ไปจนถึงระดับ 1 รวมทั้งหมด 9 ระดับ
(2) ทำไมถึงต้องต่อสู้กับสัตว์ปิศาจ
X①見た目によって判断
เพราะขวางหูขวางตา
X②倒すと決まっている
ต้องปราบอยู่แล้ว
○ ③依頼者の意向を重視
เพื่อทำตามคำร้องขอของผู้จ้างวาน
(3) สมาคมเบรเซอร์ได้ก่อตั้งมาเป็นเวลากี่ปี?
X①今から約10年前
10 ปีก่อนหน้านี้
X②今から約30年前
30 ปีก่อนหน้านี้
○③今から約50年前
50 ปีก่อนหน้านี้
(3) ผู้ที่ดำเนินการจับกุมสลัดอากาศคาปัว
X①もちろん遊撃士
ต้องเป็นเบรเซอร์อยู่แล้ว
○ ②王国軍の部隊
กองกำลังแห่งกองทัพราชอาณาจักร

X③親衛隊の隊士
หัวหน้ากองแห่งหน่วยองครักษ์
(4) ถ้ากล่าวถึงข้อตกลงระหว่างสมาคม กับประเทศชาติแล้ว?
X①国軍との非戦闘協定
ข้อตกลงไม่ทำการต่อสู้กับกองทัพราชอาณาจักร
X②貴族・王族の不逮捕
ไม่กักขังหน่วงหนี่ยวขุนนาง และราชนิกูล
○ ③国家権力への不干渉
ไม่ขัดต่อความมั่นคงของชาติ
(4) บทบัญญัติ ว่าด้วยหน้าที่คุ้มครองชาวเมือง
X①協会規約第一項
ข้อตกลงตามบทบัญญัติข้อที่ 1
○ ②協会規約第二項
ข้อตกลงตามบทบัญญัติข้อที่ 2

X③協会規約第三項
ข้อตกลงตามบทบัญญัติข้อที่ 3
(5) ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเบรเซอร์ต้อง...?
X①政府側の判断を優先
ปฏิบัติตามการตัดสินของของฝ่ายรัฐบาลก่อน เป็นอันดับแรก
○②民間人の保護を優先
คุ้มครองชาวเมืองก่อน เป็นอันดับแรก

X③国軍との協力を優先
ให้ความร่วมมือกับกองทัพก่อน เป็นอันดันแรก
(5) ความยาวตลอดลำของอัลเซยู?
X①全長22アージュ
ความยาวตลอดลำ 22 อาร์จ
X②全長32アージュ
ความยาวตลอดลำ 32 อาร์จ
○ ③全長42アージュ
ความยาวตลอดลำ 42 อาร์จ
- พยายามตอบให้ถูกทุกข้อนะ โบนัส BP ไม่หายไปไหนแน่นอนค่ะ
ตอบคำถามได้ถูกทุกข้อ Bonus BP
- เคลียร์ค่ะ
 (7) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนยอดเขาโครเน่ 『クローネ峠の手配魔獣』 (BP2)
- ปราบ (แฮพพิลแซก *2) บนยอดเขาโครเน่
**แนะนำให้ใส่ "ซิลเวอร์เพียส" ป้องกันพิษไว้ก่อนนะคะ โจมตีไปเรื่อย ๆ ก็สามารถปราบได้โดยง่ายค่ะ**
 (8) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงไอน่า 『アイナ街道の手配魔獣』 (BP3)
- ปราบ (แอชเซเบอร์ *3) บนทางหลวงไอน่า แถว ๆ ทางสามแพร่งก่อนที่จะถึงแอร์ แลตเท่นค่ะ
**เจ้าตัวนี้ เวลาโจมตีเราจะทำให้เราติด "หมดสติ" แนะนำให้ใส่ "เฟเธอร์บรอธ" กันเอาไว้ก่อน นอกจากนั้น ก่อนมันจะตาย จะใช้พลังเฮือกสุดท้ายเพิ่ม STR & SPD ให้กับตัวที่เหลืออยู่ด้วย ยังไงก็พยายามปราบไปพร้อม ๆ กันจะดีกว่าค่ะ**
 (9) รับสมัครนักเสี่ยงโชคผู้เก่งกาจด่วน 『凄腕ギャンブラー急募』 (BP2)
- ตรวจสอบบอร์ดรับงาน ตอนเริ่มบทที่ 2 ค่ะ
- ไปคุยกับ "ราคูช" 『ラクシュ』 บนชั้น 1 ของ "คาสิโนบาร์ ลาวันทาร์"
(เธอกำลังมีปัญหาว่า สามีของเธอ "ฟีลิโอ" 『フィリオ』 ไม่ยอมกลับบ้าน ด้วยความที่ว่าสามีของเธอ มีลางสังหรณ์ที่ดี เวลาเล่นพวกการพนันอะไร ก็จะชนะอยู่เสมอ และพอชนะไปเรื่อย ๆ ก็หยุดไม่อยู่ ดังนั้น ราคูช จึงต้องการคนที่จะสามารถเอาชนะการแข่งขันกับสามีเธอ ให้เข็ดหลาบจนไม่กล้าเล่นอีกค่ะ)
- ขึ้นไปบนชั้น 2 จะเกิดอีเวนท์ แข่งไพ่โป๊กเกอร์ค่ะ
(คลอเซ่ไม่สามารถลงแข่งได้ เนื่องจากว่าเธอยังเป็นนักเรียนอยู่ และมีกฏห้ามเอาไว้ด้วยค่ะ)
☆สำหรับคำตอบในการเลือกนั้นจะแตกต่างกันนะคะ ในกรณีที่มากับเจ๊เชร่า เจ๊เชร่าจะเป็นคนเล่นคนสุดท้าย แต่ถ้ามากับอากัต พี่ชายผู้โกหกไม่เก่ง มีอะไรแสดงออกทางสีหน้าหมดเลย ซึ่งเป็นเรื่องยากในการเล่นโป๊กเกอร์ ดังนั้น เราจะวางแผนให้อากัตลงเล่นเป็นคนแรกค่ะ)☆
- คำตอบตามนี้เลยนะคะ
ในกรณีของเจ๊เชร่า ในกรณีของอากัต
รอบที่ 1 - เอสเทล
เลือกไพ่
○ワンペアだけ残して交換
เปลี่ยนไพ่ โดยเหลือไว้ 1 คู่

Xハートのフラッシュ狙い
รอทำแฟลชโพธิ์แดง
ตัดสิน
○勝負する
ตัดสิน

X降りる
หมอบ
(ในกรณีที่เลือกถูก ฟีลิโอที่ทำท่าเหมือนถือไพ่เหนือกว่ากลับยอมหมอบซะเองค่ะ)
รอบที่ 1 - อากัต
เลือกไพ่
○Kだけ残して全て交換
เปลี่ยนทุกใบ โดยเหลือไว้แค่ไพ่ K
○4~8のストレート狙い
รอทำสเตท 4 - 8

(เลือกข้อไหนก็ไม่แตกต่างค่ะ)
ตัดสิน
○勝負する
ตัดสิน

X降りる
หมอบ
(ในกรณีของอากัต เขาจะทำหน้าตาหน้ากลัวมาก จนอีกฝ่ายถึงกับยอมหมอบไปเองค่ะ นี่สินะ ที่เรียกกันว่า ใช้หน้าตาเป็นอาวุธน่ะ)
รอบที่ 2 - โอลิเวียร์
เลือกไพ่
○ペアを残して残りは交換
เปลี่ยน ไพ่โดยเหลือไว้ 1 คู่
○ペアを残し1枚だけ交換
เปลี่ยนแค่ 1 ใบ

(เลือกข้อไหนก็ไม่แตกต่างค่ะ)
ตัดสิน
X勝負する
ตัดสิน
○降りる
หมอบ

(เมื่อยอมหมอบ ฟีลิโอที่ทำท่าเคร่งเครียดเหมือนไพ่ไม่ดี กลับทำท่าเสียดายที่เราหมอบซะงั้น)
รอบที่ 3 - เจ๊เชร่า
เลือกไพ่ และ ตัดสิน
XAのペアを残して交換
เปลี่ยนไพ่ โดยเหลือไว้แค่คู่ A
○スペード以外を全交換
เปลี่ยนทุกใบ นอกจากไพ่โพธิ์ดำ

(ไพ่ที่ออกมาขาดไปแค่ใบเดียวก็จะได้เสตรทแฟลช เมื่อมาถึงการเปิดไพ่ ฟีลิโอจะได้รอยัล เสตรทแฟลช (โพธิ์แดง) ตอนนั้นเองเอสเทลจะสังเกตเห็นว่า มือขวาของเจ๊เมื่อตะกี๊มัน... แต่เธอคิดว่าคงจะรู้สึกไปเอง และเมื่อเจ๊เชร่าเปิดไพ่ ไพ่ที่เจ๊ได้ก็คือรอยัล เสตรทแฟลช (โพธิ์ดำ) ที่เหนือกว่าของคู่ต่อสู้ ดังนั้น เราจึงเป็นฝ่ายชนะค่ะ เราจะมารู้ภายหลังว่าเจ๊เชร่ากับโอลิเวียร์รู้กัน และโอลิเวียร์ก็เป็นคนวางไพ่ให้เจ๊เล่นตุกติกได้สำเร็จ พอเอสเทลรู้ ถึงจะไม่พอใจที่ทั้ง 2 คนเล่นโกง แต่ก็ถือซะว่าทำงานสำเร็จค่ะ)
รอบที่ 3 - เอสเทล
เลือกไพ่ และ ตัดสิน
Xダイヤのフラッシュ狙い
รอทำแฟลชข้าวหลามตัด
○全てのカードを交換
เปลี่ยนไพ่ทุกใบ

(อันที่จริง โอลิเวียร์เป็นคนวางไพ่ให้เอสเทลเล่นตุกติกโดยที่เอสเทลไม่รู้ตัว เพราะถ้าเล่นกันซึ่ง ๆ หน้า โอลิเวียร์เห็นว่าเอสเทลคงจะไม่ชนะแน่ ๆ ค่ะ แหม โอลิเวียร์นี่ร้ายจริง ๆ นะคะ)
- จากการวางแผนของพวกเราทำให้สามารถชนะได้อย่างสวยงามและทำให้ผีพนันฟีลิโอยอมกลับไปบ้านได้ค่ะ
☆ในกรณีที่ชนะ จะได้รับโบนัส "2000 มิร่า"
แต่ถ้าแพ้ล่ะก็ซับเควสต์นี้จะหายไป โดยจะมีสัญลักษณ์ขีดฆ่าหน้าชื่อเควสต์ค่ะ (ทำงานไม่สำเร็จ)☆
- เคลียร์ค่ะ
 (10) คดีลอบทำร้ายในสำนักงานเลือกตั้ง 『選挙事務所の傷害事件』 (BP5)
※เควสต์ลับ
- ก่อนที่จะไปที่ไซสส์ ไปคุยกับ "ไนแอล" ที่พักอยู่ชั้นใต้ดินของโฮเต็ลบลังเช่ ส่วน "โดรธี" จะหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง เพราะเหนื่อยมาจากเหตุการณ์เมื่อคืนวานค่ะ
(จากข้อมูลของไนแอล ทำให้เรารู้ว่า [จอมโจร B] หรือก็คือ "บลูแบลง" มีชื่อเสียงโ่ด่งดังไปทั่วทวีปเซมเรียค่ะ เพราะของที่หมอนี่หมายตาเอาไว้ ต้องเอาไปให้ได้ และไม่เคยพลาดเลยด้วย แล้วไนแอลก็แทบไม่เชื่อเลยว่า [จอมโจร B] จะเป็นคนของ [องค์กร] แต่ยังไงก็ตาม ไนแอลได้ขอให้ทางสมาคมกับทางกองทัพช่วยหาข้อมูลให้เขา เพื่อที่จะเขียนข่าวและเปิดเผยเบื้องหลังของเหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในลีเบร์ลตอนนี้ค่ะ และยังได้ฝากเอสเทลว่า หากได้ข้อมูลอะไรใหม่ ๆ ช่วยบอกเขาด้วยค่ะ)
- เมื่อขึ้นมาบนชั้น 1 จะทราบเรื่องจาก "เฮริโอ" 『ヘリオ』 ว่า มีคดีทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น ที่สำนักงานเลือกตั้งของนอร์แมน บนชั้นบนสุดของโรงแรมนี้
- ที่สำนักงานเลือกตั้ง "คุนซ์" กำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่ผลัก "เดรุส" ตอนที่อยู่ที่ระเบียงด้านนอก จากทางด้านหลังค่ะ
(ซึ่งเวลาที่เกิดเหตุนั้น ก็คือช่วงเที่ยงของวันนี้ค่ะ ในตอนเกิดเหตุนั้น นอร์แมนกับเฮริโอเห็นคุนซ์ที่ได้รับการไว้วานมาจาก "พอลทอส" ให้มาปรึกษาเรื่องสะพานใหญ่กับนอร์แมน อยู่ข้าง ๆ เดรุสที่ล้มลงเพราะถูกผลัก แถมในห้อง ก็ไม่มีใครนอกจาก 2 คนนี้ด้วยค่ะ แต่คุนซ์ ยืนยันหนักแน่นว่า เขาไม่ใช่คนร้าย พอออกไปที่ระเบียงก็เจอเดรุสล้มลงไปอยู่แล้ว)
- หากที่คุนซ์พูดเป็นความจริง แสดงว่าคนร้ายต้องเข้ามาในห้องก่อนที่คุนซ์จะเข้ามา
(จากคำให้การของ "นอร์แมน" กล่าวว่า ภายในห้องหลังเกิดเหตุนั้นได้ถูกเก็บกวาดจนสะอาด ยิ่งกว่าตอนที่จะเกิดเหตุเสียอีก แล้วนอร์แมนจะสังเกตเห็นโอลิเวียร์แล้วสงสัยว่าเขาเป็นใคร เห็นพูดมาตั้งกะเมื่อตะกี๊แล้ว อันที่จริง โอลิเวียร์ก็กำลังรอให้นอร์แมนถามเขาอยู่พอดีค่ะ แต่ทว่าเอสเทลไม่สนใจนายติ๊งต๊องบ้ายอ แต่สนใจข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อรูปคดีมากกว่า จึงตัดบทโอลิเวียร์ไปซะดื้อ ๆ แบบไม่ใส่ใจ โอลิเวียร์พูดขึ้นมาด้วยความน้อยใจที่โดนแทรกตอนกำลังแนะนำตัวว่า "เอสเทลคุง... เก่งขึ้นกว่าเดิมแล้วนะ")
- แยกเป็น 2 ฝ่ายเพื่อรวบรวมหลักฐาน (เอสเทลจะไปกับคลอเซ่ค่ะ) ให้เราไปคุยกับทุกคน ที่อยู่ในโรงแรมตามนี้เลยค่ะ
- รายชื่อคนที่อยู่ในโรงแรมค่ะ
(1) "นอร์แมน" 『ノーマン』
(2) "เฮริโอ" 『ヘリオ』
(3) "เดรุส" 『デルス』
(4) "คุนท์" 『クンツ』
(5) "เออร์เนส" 『アーネスト』
(6) "เบลูฟ" 『ベルフ』
(7) "ผู้เฒ่ามูราต" 『ムラート老人』 ค่ะ
☆ตอนแรกจะมีหัวข้อคุยแค่ 1 ข้อ แต่เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จากคนข้างบนจะมีหัวข้อเพิ่มขึ้นค่ะ☆
- โดยหัวข้อทั้งหมดที่จะต้องหาได้พบ จะมีดังนี้
(1) เกี่ยวกับคุนซ์ 『クンツについて』
- คุยกับ "คุนซ์" จะได้หัวข้อที่ (2)
- คุยกับ "เบลูฟ" จะได้หัวข้อที่ (3)
(2) เสียงอะไรบางอย่าง 『物音』
- คุยกับ "ผู้เฒ่ามูราต" จะได้เบาะแส
(3) กำลังโมโหอยู่ 『怒っていた』
- คุยกับ "คุนซ์" จะได้หัวข้อที่ (4)
(4) เกี่ยวกับเฮริโอ 『ヘリオについて』
- เมื่อได้ข้อมูลจนถึงหัวข้อนี้ ให้มาคุยกับ "เออร์เนส" ที่เคาน์เตอร์ ด้วยหัวข้อที่ (4)
- เจ๊เชร่า หรืออากัต กับโอลิเวียร์ ที่สอบถามข้อมูลจากชั้นบนเสร็จแล้ว จะลงมาสอบถามข้อมูลที่ด้านล่างค่ะ
- ในช่วงนี้ ไปคุยกับ "เออร์เนส" โดยถามหัวข้อที่ (4) อีกครั้ง จะได้หัวข้อที่ (5)
(5) อาหารกลางวัน 『昼食』
- คุยกับ "ผู้เฒ่ามูราต" จะได้หัวข้อที่ (6)
(6) เสียงระฆังบอกเวลายกสะพาน 『鐘の音』
- คุยกับ "ผู้เฒ่ามูราต" ด้วยหัวข้อที่ 6) ที่ได้มาเมื่อกี๊ จะได้เบาะแส
- คุยกับ "เออร์เนส" ได้หัวข้อที่ (7)
- คุยกับทุกคน ด้วยหัวข้อที่ 6) จะได้เบาะแส
(7) หลังการเก็บกวาด 『後かたづけ』
- คุยกับ "นอร์แมน" และ "เฮริโอ" จะได้เบาะแส
- คุยกับ "เบลูฟ" ด้วยหัวข้อที่ (5) และข้อที่ (6) จะได้เบาะแส
- คุยกับ "ผู้เฒ่ามูราต" ด้วยหัวข้อที่ (5) จะได้เบาะแส
- คุยกับเบลูฟ ด้วยหัวข้อที่ (6) จะได้หัวข้อที่ (8)
(8) เกี่ยวกับเบลูฟ 『ベルフについて』
- คุยกับทุกคนให้ครบ ด้วยหัวข้อนี้ค่ะ
- เมื่อสอบถามด้วยหัวข้อที่ (8) กับทุกคนแล้ว ให้กลับไปรายงานผลกับเจ๊เชร่าหรืออากัตที่ชั้น 1 ค่ะ
☆หากหาข้อมูลไม่ครบ จะมีให้เลือกหลักฐานแค่ข้อ 1 ตามสมมติฐานของเบรเซอร์เท่านั้น และจะไม่สามารถเคลียร์เควสต์นี้ได้ค่ะ☆
- โดยเราจะวิเคราะห์หลักฐานดังนี้
คนร้ายในคดีนี้คือ?
เลือกตอบ - เบลูฟ 『ベルフ』
หลักฐานที่ยืนยันว่าคูลซ์ไม่ใช่คนร้ายในคดีนี้คือ?
เลือกตอบข้อ 2 - ข้อเท็จจริง : มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ 『立証した事実:犯行予想時刻にアリバイがある』
หลักฐานที่ยืนยันที่พิสูจน์ได้ว่าเบลูฟเป็นคนร้ายคือ?
เลือกตอบข้อ 2 - ข้อเท็จจริง : ไม่มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ 『立証した事実:犯行予想時刻にアリバイがない』
หลักฐานที่ช่วยยืนยันว่าเบลูฟเป็นคนร้ายคือ?
เลือกตอบข้อ 2 - หลักฐานที่แตกต่าง : เขารู้เรื่องเมนูอาหารกลางวัน พาเอเรียแบบพิเศษ 『証言の矛盾 :特製パエリアの事を知っていた』
- จากหลักฐานข้างต้น ที่เราสามารถวิเคราะห์ออกมา ทำให้รู้ว่า "เบลูฟ" คือคนร้ายค่ะ
(เบลูฟบอกว่า ที่ได้ทำร้ายเดรุสนั้น เป็นเรื่องที่เขาไม่ได้ตั้งใจค่ะ เพราะตอนที่เขาเปิดประตูออกไป ไม่รู้ว่ามีคนยืนอยู่ด้านนอกระเบียง ดังนั้น เหตุการณ์ทั้งหมด จึงเป็นแค่เพียงอุบัติเหตุเท่านั้น แต่เพราะเบลูฟกลัวความผิด แล้วจะผิดใจกับพ่อตัวเองอีก จึงไม่กล้าบอกใครค่ะ)
- สรุป คนร้ายคือ "ประตู" จึงเอวังด้วยประการฉะนี้ ขอเอาชื่อคุณปู่เป็นเดิมพัน (อ้าวคนละเรื่องเดียวกันเหรอ)



Related entries:
Sora no Kiseki SC (空の軌跡SC)


No comments:

Post a Comment