Saturday, October 21, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki SC - Chapter 4 เป้าหมายของปิศาจหมอก

บทที่ 4 เป้าหมายของปิศาจหมอก
第四章 霧魔の標的
สถานที่ต่อไปที่พวกเอสเทลต้องมุ่งหน้าไปคือพื้นที่บอส
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้นในพื้นที่รอเลนซ์ ซึ่งเป็นสถานีที่เรือเหาะประจำทางต้องจอดแวะก่อนไปยังพื้นที่บอส
แม้จะมีความกังวลและร้อนรนใจอยากจะไปยังพื้นที่บอสให้เร็วที่สุดก็ตาม
แต่ด้วยหมอกปริศนาที่ลงจัด ทำให้เอสเทลตัดสินใจอยู่ที่นี่เพื่อทำการตรวจสอบหมอกประหลาดที่เกิดขึ้น
และนั่นทำให้รู้ว่าคนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้นั้น มีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับเจ๊เชร่าและเอสเทลด้วย!!


Walkthrough Chart - Main Quest
- กลางดึกของเมื่อคืนวาน -
หุบเขาหมอก 『霜降り峡谷』
- ในฐานทัพลับของสลัดอากาศ "หัวหน้ากองรักษาความปลอดภัย" นำทาง "มิวเลอร์" มาดู "แมวป่า" 『山猫号』
(เนื่องจากว่า ทางกองทัพราชอาณาจักรได้นำ้เรือเหาะลำนี้ไปใช้ในการทดสอบการบิน จึงได้ทำการซ่อมบำรุง เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ)
- โดยตอนนี้ "มิวเลอร์" คิดที่จะนำยานลำนี้กลับไปให้เร็วที่สุด ภายในวันสองวันนี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากพวกที่เหลือรอดจากเหตุการณ์ปฏิวัติค่ะ
(จากคำบอกเล่าของหัวหน้ากองฯ เขาเคยขับยานลำนี้ประมาณ 2 ครั้ง และเมื่อลองเปรียบเทียบดู พบว่า "แมวป่า" ที่ "บริษัทไรน์ฟอร์ต" 『ラインフォルト社』 ผลิตออกมาเมื่อ 3 ปีก่อนลำนี้นั้น ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และความเร็ว อยู่ในระดับที่สูงกว่า "เรือเหาะรักษาความปลอดภัย" ของทางราชอาณาจักรค่ะ แต่มิวเลอร์บอกว่า ถ้าในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ และระบบตัวถัง ยังเทียบกับของลีเบร์ลไม่ได้ค่ะ ดังนั้น "แมวป่า" จึงไม่เหมาะสำหรับกิจกรรมทางทหารค่ะ)
- "ว้าว------ บรรยากาศต่างกับตอนที่มาครั้งก่อนเลยนะคะเนี่ย-----" เสียงของหญิงสาว ผู้มีเอกลักษณ์ที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น "โดรธี" ตามนายทหารเพื่อมาทำข่าวของ "แมวป่า" และใช้ความสามารถอันโดดเด่นที่มีถ่ายรูปเก็บไว้หลายใบดังเช่นเคย ซึ่งนายทหารบอกว่าก่อนจะถ่ายรูปก็ควรจะขออนุญาตก่อน แต่โดรธีไม่ไดัฟังที่เขาพูดเลย ดันหันไปถ่ายรูปแสงจันทร์ที่ส่องแสงสะท้อนกลางหุบเขาหมอกซะงั้น
(เฮ้อ น่าหนักใจแทนไนแอล จริง ๆ นะเนี่ย แถมนิด เวลาคุณเธอถ่ายรูป ไม่ว่าจะกับคนหรือสิ่งของก็ต้องพูดว่า "คิวท์ (น่ารัก)" ทุกครั้งไปค่ะ เพราะงี้มั๊งคะภาพเลยออกมาสวย)
โดรธี "เห~ ใส่เครื่องแบบทหารที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะคะเนี่ย~ ตัวก็ใหญ่ด้วย~ สังกัดอยู่หน่วยไหนเหรอค๊~า?"
- โดรธีหันมาให้ความสนใจกับมิวเลอร์แทน และเริ่มอีเวนท์แนะนำตัวระหว่างมิวเลอร์กับโดรธีค่ะ
(จากตรงนี้จะทราบว่าโดรธีไม่เคยเจอทหารของเอเรโบเนียมาก่อนค่ะ เพราะเมื่อ 10 ปีก่อนช่วง [สงครามร้อยวัน] นั้น เธออาศัยอยู่ที่นครหลวงตลอด (นครหลวง เป็นพื้นที่เดียว ที่ไม่โดนโจมตีเข้ามาด้านในค่ะ) เหตุการณ์โดยละเอียดของ [สงครามร้อยวัน] หาอ่านได้ใน บทสรุปภาค FC บทส่งท้าย นะคะ)
- จากนั้น พลทหารจะเข้ามาแจ้งหัวหน้ากองของเขาว่ามีการติดต่อมาจากกองบัญชาการเกี่ยวกับผู้เหลือรอดค่ะ



- หุบเขาหมอก ทางเข้าสู่ฐานทัพลับ -
- พลทหารที่ทำหน้าที่เฝ้ายามอยู่ 2 คนกำลังรอเวลาผลัดกะด้วยความง่วง
("พลทหารลาเคล" รู้สึกจะถูกอกถูกใจโดรธีอยู่ไม่น้อยนะคะ ก็พี่แกเล่นพูดว่า "ถึงจะเป็นตัวของตัวเองไปซักหน่อย แต่น่ารักใช่เล่นเลยแฮะ อยากจะสนิทสนมกันให้มากกว่านี้จัง" น่ะค่ะ แหม โดรธีก็มีเสน่ห์สาวแว่นนะเนี่ย)
- จากนั้น หัวหน้ากองฯ จะมาแจ้งข่าวที่ทางกองบัญชาการแจ้งมา ทั้งเรื่องที่สามารถจับตัวอดีตร้อยเอกคาโนเน่กับพวกได้และเรื่องตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ปรากฏตัวค่ะ
- หลังจากหัวหน้ากองไปแล้ว พวกทหารจะได้ยินเสียงแปลก ๆ มาจากทางด้านหน้า เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปดู โยชัวร์ก็ได้อาศัยจังหวะนั้นลอบเข้ามาด้านหลังและทำให้พวกทหารสลบไป
- "เห๊ะเฮ ทำได้ดีเลยไม่ใช่เหรอ" พวกตระกูลคาปัวเดินเข้ามาสมทบโยชัวร์
คีล "ยอดเยี่ยมมาก แค่พริบตาเดียวเองนะ"
โจเซ็ต "อื้อหืมม์...... ทำได้ดีทีเดียว"
โยชัวร์ "......ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แค่ทำให้ทหารที่ไม่ทันระวังตัวหลับไปก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย"
โจเซ็ต "อ๊า~ รู้แล้วรู้แล้ว จะขอให้นายทำตัวให้น่ารักน่ะ ผมมันโง่ไปเองล่ะ"
โดรุน "แต่จริงเหรอที่ [แมวป่า] ยังถูกเก็บเอาไว้ที่นี่น่ะ? นึกว่าจะโดนย้ายไปไว้ที่ค่ายที่ว่าซะอีก......"
โยชัวร์ "เท่าที่ได้ตรวจสอบดูไม่ผิดแน่นอน ทางกองทัพใช้ในการทดสอบบินด้วย ดังนั้นก็ต้องมีการบำรุงรักษาให้อยู่แล้วล่ะ"
คีล "เห๊ะเหะ รู้สึกขอบคุณแฮะ แต่ว่าการเคลื่อนย้ายมันออกมาจำเป็นต้องใช้กุญแจเดินเครื่อง [แมวป่า] ------ แล้วมีวิธีเอามันมาหรือยังล่ะ?"
โยชัวร์ "คิดว่าหัวหน้ากองรักษาความปลอดภัยคนเมื่อกี๊น่าจะเป็นคนที่ถือกุญแจอยู่ คงกะจะคืนให้ทางกองทัพจักรวรรดิไปพร้อม ๆ กับตอนที่คืนเรือเหาะล่ะมั๊ง"
โจเซ็ต "ก็ต้องใช้กำลังเอาคืนมาสินะ"
โยชัวร์ "แต่ด้วยวิธีที่ไม่ถึงกับชีวิตนะ อย่าให้กองทัพราชอาณาจักรกลายมาเป็นศัตรูมากเกินความจำเป็นจะดีกว่า ถึงจะเจอกับทหารที่เดินเวรยาม ก็ให้ซ่อนตัวเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน"
โจเซ็ต "ปัดโธ่...... พูดอะไรยุ่งยากจังนะ แต่ผมก็คัดค้านการฆ่าคนอยู่แล้วล่ะ"
โดรุน "เหะเหะ มันแน่นอนอยู่แล้ว ฆ่าคนกับทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องต้องห้ามของพวกเรา [ตระกูลคาปัว] อยู่แล้วน่ะ"
คึล "เฮ้อ นี่พวกเรากลายเป็นวายร้ายเต็มขั้นไปแล้วยังงั้นเหรอเนี่ย...... คงจะเป็นอย่างที่ร้อยตรีนั่นเคยพูดล่ะมั๊ง"
โยชัวร์ "......หึหึ"
โจเซ็ต "มะ มีอะไรแปลกเหรอไง?"
โยชัวร์ "เปล่า...... เวลาไม่คอยท่า เริ่มกันเถอะ"
โจเซ็ต "อะ อืม......"
คีล "ใกล้แล้วสินะ......"
โดรุน "โอ๊~ส...... พลังใจเต็มเปี่ยมเลยเฟ้ย!"
- เข้าไปในฐานทัพลับเก่าค่ะ **ตระกูลคาปัว เข้าเป็น NPC**
- ทางที่เราเริ่มเข้ามาจะเป็นทางลับที่เราเคยเจอตอนภาค FC นะคะ
☆เมื่อเข้ามาจะมีทางแยก 2 ทาง แนะนำให้ขึ้นไปห้องทางด้านขวาเพื่อไปเก็บ "เฟเธอร์บรอธ" ก่อน แล้วค่อยกลับไปทำเหตุการณ์ที่ห้องทางด้านซ้าย เพราะห้องทางด้านซ้ายนั้นเมื่อเข้าไปจะเกิดการต่อสู้ขึ้น และศัตรูสามารถใช้ท่าทำให้เราติด "หมดสติ" ได้ แต่หากสวมใส่เครื่องประดับข้างต้นก็จะป้องกันได้ค่ะ☆
☆ในห้องทางด้านขวา โยชัวร์จะขอยืม "กระสุนS2" จากคีลเพื่อทำให้ทหารหลับค่ะ แล้วเราก็จะเข้าไปเก็บ "เฟเธอร์บรอธ" และ "EPชาร์จ I" ที่ห้องด้านในได้ค่ะ☆
- ไปทางด้านซ้ายมือ เข้าไปยังห้องที่ตระกูลคาปัวเคยใช้ แต่ตอนนี้ใช้เป็นห้องของหัวหน้ากองที่ถือกุญแจอยู่ค่ะ
- ในขณะที่เราจะเริ่มลงมือค้นหา โยชัวร์จับกลิ่นอายได้ว่าพวกกองทัพกำลังจะเข้ามาค่ะ (โยชัวร์เก่งและเท่ห์อย่างไม่น่าให้อภัย)
- นายร้อยกองทัพราชอาณาจักร + พลทหารกองทัพราชอาณาจักร*2 -
- 『王国軍士官+王国軍兵士*2』 -
**โยชัวร์เก่งแถมยังมีพวกตระกูลคาปัวคอยให้ความช่วยเหลือ การต่อสู้โดยรวมจึงไม่ยากค่ะ**
**พวกทหาร มีท่าโจมตีที่ทำให้เราติด "มืดมิด" "เยือกแข็ง" และ "หมดสติ" ได้**
**หากแวะไปเก็บ "เฟเธอร์บรอธ" เตรียมไว้ก่อนแล้วล่ะก็ ไม่น่าเป็นห่วงเลยค่ะ**
**แนะนำ ให้พยายามสะสม CP เอาไว้ สำหรับการต่อสู้สุดหฤโหดในอนาคตอันใกล้นี้ค่ะ**
- ปราบได้โยชัวร์จะค้นตัวของหัวหน้ากอง ได้รับ "กุญแจเดินเครื่องแมวป่า" ค่ะ
- "......นี่ โยชัวร์" ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยของโจเซ็ตเอ่ยถามโยชัวร์
โจเซ็ต "ที่สู้กับพวกผมตอนก่อน นาย ออมมืองั้นเหรอ?"
โยชัวร์ "? หมายความว่ายังไง?"
โจเซ็ต "ก็นายน่ะ ไม่แข็งแกร่งเกินเหตุไปหน่อยเหรอ พูดตรง ๆ เลยนะว่าตอนนั้นน่ะเทียบไม่ได้เลย"
โยชัวร์ "ไม่ได้ออมมือซักหน่อย แค่ยังไม่ได้กด [สวิตซ์] ต่างหากล่ะ"
โจเซ็ต "สวิตซ์?"
โยชัวร์ "อธิบายคร่าว ๆ ก็คือ...... พอกดสวิตซ์นั่นแล้ว ผมจะใช้ความรู้สึกนึกคิดมุ่งตรงไปยังเป้าหมาย ลงมือทำการโดยใช้พลังจนถึงขีดจำกัดของความสามารถ ------ ความแตกต่างก็มีแค่เฉพาะตรงนั้น"
โจเซ็ต "อะ อื~ม...... เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ"
คีล "เหมือนกับพลังที่ใช้การได้...... จะบอกว่าพลังอันนั้นใช้ให้เกิดประสิทธิผลในระดับที่แตกต่างจากเดิมงั้นเหรอ"
โยชัวร์ "จะคิดแบบนั้นก็ได้"
โดรุน "เห๊ะ ยิ่งใหญ่จังนะ ถ้าเป็นนายตอนนี้ก็สามารถประมือกับหัวหน้าของพวกทหารพิเศษนั่นได้ใช่ไม๊ล่ะ?"
คีล "ร้อยตรีโรแลนซ์ที่ทำงานให้กับ [องค์กร] สินะ"
โยชัวร์ "ไม่หรอก...... ไม่มีทางเลย ความสามารถของผมมีไว้สำหรับการล้วงความลับและการต่อสู้กับคนหมู่มาก ไม่มีทางสู้กับ [จักรพรรดิดาบ] 『剣帝』 แบบ 1 ต่อ 1 ได้หรอก"
โดรุน "[จักรพรรดิดาบ]......?"
โจเซ็ต "หมายถึงร้อยตรีนั่นน่ะเหรอ?"
โยชัวร์ "อา...... แค่มีเขาอยู่ ผมไม่มีทางที่จะเผชิญหน้ากับ [องค์กร] ได้อย่างซึ่ง ๆ หน้า ได้แต่ลอบกัดด้วยเขี้ยวจากความมืดมิด........ ตามชื่อ [เขี้ยวดำขลับ] 『漆黒の牙』 เท่านั้น"
โจเซ็ต "......อ๊ะ.................."
โดรุน "นาย............"
คีล "จะพูดไงดี...... เป็นเรื่องที่หนักหนาทีเดียวนะ"
โยชัวร์ "......แค่เรื่องไร้สาระ ------ ไม่มีเวลาแล้ว รีบ ๆ ไปต่อกันเถอะ"
- เมื่อได้กุญแจมาแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังโกดังเก็บเรือเหาะได้เลยค่ะ (อย่าลืมแวะเก็บไอเทมระหว่างทางด้วยนะคะ)
- ระหว่างทางจะมีอยู่ประตูนึง มีอีเวนท์ที่พวกโดรธีกำลังทานข้าวกันอยู่ค่ะ
(จากคำบอกเล่าของมิวเลอร์ อาหารที่ทานกันในกองทัพเอเรโบเนียส่วนใหญ่ก็คือ คอร์นบีฟที่มีแค่รสเค็มและเผ็ด ถั่วต้มที่ไม่มีรสชาติ หรือไม่ก็ขนมปังดำ ๆ ที่มีราขึ้นค่ะ ซึ่งเมื่อเทียบกับอาหารกองทัพลีเบร์ลแล้วเหมือนฟ้ากับเหวน่ะค่ะ (น่าสงสารจังเลย) แล้วโดรธีก็ได้พูดอย่างไม่คิดอะไรตามสไตล์เธอไปว่า "ถ้ากินแต่ของแบบนั้~น ทำไมไม่เลิกทำสงครามล่ะคะ?" มิวเลอร์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะตอบว่า "ก็แค่ ควบคุมระดับสารอาหารให้เข้าสู่ร่างกายเท่าที่จำเป็นเพื่อที่จะรักษากำลังทหารที่มีจำนวนมากเอาไว้น่ะ...... คงจะมีแนวความคิดอย่างที่ว่าล่ะมั๊ง" แต่มิวเลอร์ก็ไม่อาจพูดอะไรเกี่ยวกับการเลิกทำสงครามได้อยู่ดี เพราะเอเรโบเนียเป็นประเทศที่อยู่ได้ด้วยสงครามค่ะ)
- โยชัวร์ที่ได้ฟังพวกโดรธีอยู่ด้านนอก ถึงแม้จะทำสีหน้าครุ่นคิดกับคำพูดที่ได้ยิน แต่ก็บอกกับพวกคาปัวว่าไม่มีอะไร ดูเหมือนว่าข้างในกำลังทานข้าวกันอยู่ให้ฉวยโอกาสนี้ รีบ ๆ ไปกันได้แล้วค่ะ
- เมื่อมาถึงโกดังเรือเหาะ พวกคาปัวจะดีใจมาก ๆ ที่ได้พบกับ [แมวป่า] สุดรักของพวกเขา แถมยังมีการดูแลรักษามาอย่างดีซะด้วยสิ
- ในขณะที่ พวกเราจะขึ้นไปบนเรือเหาะ กองทัพราชอาณาจักร (ที่เมื่อกี๊โดนแก๊ซนอนหลับไป) จะตามเรามาค่ะ
- เกิดการต่อสู้กับ (ทหารกองทัพราชอาณาจักร*4)
- ปราบได้ โยชัวร์บอกว่า จะต้องมีอีกกลุ่มตามมาอย่างแน่นอน ก็เลยให้พวกคาปัวไปเตรียมเครื่องไว้ก่อน ส่วนโยชัวร์จะรอรับมืออยู่ทางนี้ค่ะ
โยชัวร์ "โจเซ็ต...... เธอไม่ไปเหรอ?"
โจเซ็ต "เรื่องเอา [แมวป่า] ขึ้นบินล่ะก็ มีพวกพี่ ๆ อยู่ก็พอแล้วล่ะ ผมจะอยู่ที่นี่ คอยซัพพอร์ตนายเอง"
โยชัวร์ "แต่ว่า......."
โจเซ็ต "เห๊ะเหะ....... ถึงจะมาทำเป็นเย็นชาใส่ แต่นายน่ะ ยังอ่อนนะ"
โยชัวร์ "เอ๊ะ......"
โจเซ็ต "จนถึงเมื่อกี๊ ไม่ว่าจะพูดยังไง นายก็คอยให้ความช่วยเหลือพวกผม...... คงไม่ได้คิดว่าพวกผมจะทิ้งนายไว้ที่นี่ แล้วหนีไปหรอกนะ?"
โยชัวร์ "......นี่ก็ เพราะดูคนเป็นน่ะสิ โดยเฉพาะกับพวกที่เชื่อคนง่ายอย่างพวกเธอน่ะ"
โจเซ็ต "ทะ ที่เชื่อคนง่ายน่ะ มันนายล่ะมั๊ง"
- "เฮ้อ...... นึกว่าเอะอะอะไรกันถึงได้มาดู" ที่ต้นเสียงนั้นมิวเลอร์ตามขึ้นมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มิวเลอร์ "[กลุ่มสลัดอากาศคาปัว]...... ปรากฏตัวในเวลานี้เองเหรอเนี่ย แต่คาดไม่ถึงเลยว่า เธอจะร่วมทางมาด้วยนะ"
โยชัวร์ "......จำได้ด้วยเหรอครับ"
โจเซ็ต "ทะ ทหารของเอเรโบเนีย ในที่แบบนี้!? คนรู้จักของนายงั้นเหรอ!?"
โยชัวร์ "......รู้จักหน้าค่าตากันเฉย ๆ น่ะ คงมาเพื่อเอาเรือเหาะกลับคืนไปก่อนสนธิสัญญาไม่ทำสงครามสินะ"
มิวเลอร์ "ตามที่คาดนั่นแหล่ะ ถึงจะดูเหมือนพวกเธอมาเพื่อชิงเรือเหาะนั่นไป สำหรับพวกเราแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรหรอกนะ...... แต่เพราะบังเอิญมาอยู่ที่นี่ ก็เลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้น่ะ"
- มิวเลอร์ชักดาบใหญ่ ความยาวเกือบเท่าตัวของเขาขึ้นมา
มิวเลอร์ "ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ใต้สังกัดกองทัพจักรวรรดิหน่วยที่ 7 กองพลหุ้มเกราะ 『帝国軍第7義甲師団』----------- พันตรีมิวเลอร์ แวนเดอร์"
โจเซ็ต "คึ......!"
โยชัวร์ "ระวังตัวล่ะ...... ท่าทางจะเอาชนะไม่ได้ง่าย ๆ"
มิวเลอร์ "แต่คิดว่าคงไม่เท่าเธอหรอก ----------- รับมือ!"
- มิวเลอร์ -
- 『ミュラー』 -
**ไม่ว่าจะพูดยังไง พี่ชายแสนจริงจังขี้หงุดหงิดคนนี้........ เก่งเทพค่า (ถือได้ว่า เก่งที่สุดในช่วงต้น ๆ เกมแล้วล่ะค่ะ)**
**พี่แกจะมีคราฟท์ต่าง ๆ อันทรงอานุภาพ ไม่ว่าจะเป็น "ลากูน่าไบนด์" (ท่าที่ใช้ดึงอีกฝ่ายเข้ามา สงสัยฝึกมาไว้จับโอลิเวียร์ค่ะ) "ฮาวนด์เกล" (โจมตีกินอาณาเขต) และ "เบลดแดนเซอร์" ค่ะ**
**หากโดนโจมตีแล้วเลือดเหลือประมาณ 4,500 - 5,000 (สังเกตสีหน้าของโยชัวร์ก็ได้ค่ะ) ให้รีบเพิ่มเลือดให้เร็วที่สุด**
**แนะนำ ใช้ "คล็อกอัฟ รุ่นปรับปรุง" ใส่ตัวเอง แล้วใช้ "คล็อกดาวน์" ใส่มิวเลอร์จะง่ายขึ้นค่ะ**
**ไม่แนะนำให้ใช้ S-Craft เพราะความเสียหายที่ทำได้กับ CP ที่เสียไปนั้นไม่คุ้มกันเลยค่ะ ควรโจมตีด้วย Craft อย่าง "เพลงดาบคู่" ที่จะโจมตีได้บ่อยแทนดีกว่า**
**แนะนำ ให้สวมควอทซ์ "โจมตี3" ที่ได้มาจากหีบเพื่อเพิ่ม STR (แต่ลด DEF) ค่ะ**
**ระวังด้วยนะคะ มิวเลอร์มีท่า "มิราจเอดจ์" สกัดกั้นการร่ายอาร์ทและทำให้เราติด "ผนึกมาร" อีกด้วย หากติดให้ใช้ไอเทมแก้ค่ะ**
**โอกาสที่โจเซ็ตจะหมดสภาพในการต่อสู้ครั้งนี้สูงมาก ๆ ถ้าหากเธอตายก็ไม่ต้องชุบนะคะ เพราะไม่ได้ทำให้ Game Over ปล่อยทิ้งไว้ทั้ง ๆ อย่างนั้น จะดีที่สุดค่ะ**
☆ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ชนะก็ตาม เราจะสามารถดำเนินเรื่องต่อไปได้ค่ะ (ไม่มีผลกับโบนัส BP) ส่วนที่แตกต่างกันมีแค่บทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นค่ะ☆
- ปราบได้ มิวเลอร์จะไม่ยอมล้มลงไป (แข็งแกร่งจริง ๆ ค่ะ)
โยชัวร์ "มาสเตอร์คลาส (ระดับผู้เชี่ยวชาญ)...... ยิ่งไปกว่านั้นนามสกุลก็คือแวนเดอร์ 『ヴァンダール』 งั้นหรือ เริ่มจะมองตัวจริงของคุณโอลิเวียร์ออกบ้างแล้วล่ะครับ"
มิวเลอร์ "ถ้าพูดถึงขนาดนั้น ตัวจริงของเธอก็น่าตระหนกเหมือนกัน -------- เด็กที่รอดตายแห่ง [เฮอร์เมล] 『ハーメル』 โยชัวร์ แอสเทรย์คุง"
โยชัวร์ "!!!"
โจเซ็ต "......เอ๊ะ......"
มิวเลอร์ "จริงเหรอเนี่ย...... ดูท่าลางสังหรณ์ของเจ้าบ้ายอนั่น นาน ๆ ครั้งก็ตรงเหมือนกัน"
- สีหน้าของโยชัวร์เปลี่ยนไปในทันทีที่ได้ยินมิวเลอร์พูดถึง [เฮอร์เมล] คลื่นพลังสีดำขลับแผ่ขยายออกมาทั่วร่างของโยชัวร์
โจเซ็ต "ยะ โยชัวร์!?"
โยชัวร์ "ช่วยพูดให้ฟังหน่อยจะได้ไม๊ครับ...... ทำไมพวกคุณถึงรู้จักชื่อนั้นได้น่ะ......"
มิวเลอร์ "ท่าทางชั้นจะทำให้เธอเอาจริงขึ้นมาแล้วสินะ...... ถ้าอย่างนั้น ชั้นก็จะตอบรับด้วยพลังทั้งหมดเหมือนกัน"
- มิวเลอร์รีดเร้นพลังออกมาจากภายในคลื่นสีทองแผ่ขยายรอบ ๆ ตัวเขา แต่ในขณะนั้นเองเสียงเครื่องยนต์จาก [แมวป่า] ดังขึ้น
- โดรุนและคีลเตรียมการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว คีลบอกให้โยชัวร์และโจเซ็ตรีบขึ้นมาบนเรือเหาะ ในตอนแรกนั้นโยชัวร์เหมือนจะลังเลอยู่ครู่นึง เพราะเขายังหาข้อยุติกับมิวเลอร์ไม่ได้ แต่ก็ต้องตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเรือเหาะและหนีไปพร้อม ๆ กับพวกคาปัว
- พวกทหารที่ประจำการที่เหลืออยู่ รวมทั้งโดรธีก็ตามขึ้นมาด้วย มือของเธอไม่ลืมที่จะกดชัตเตอร์ของออร์เบิลคาเมร่า
- หลังจากที่ [แมวป่า] ลับตาไปแล้ว เหล่าพลทหารรีบรายงานเหตุการณ์ไปยังประตูฮาเก้น
- โดรธียืนมองไปทางที่เรือเหาะบินลับไป "เด็กผู้ชายคนนั้น เหมือนเคยเห็นที่ไหนกันน๊~า" เมื่อโดรธีใช้เวลาครุ่นคิดไม่นานก็รู้สึกได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือ...... เธอพูดกับตัวเองด้วยความกังวลใจว่า "ตะ ต้องไปปรึกษารุ่นพี่ไนแอล......!"
- อีกด้านหนึ่ง มิวเลอร์เดินลงมายังฐานทัพลับ เขาหยุดเดินแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง
มิวเลอร์ "รอดตายได้อย่างหวุดหวิด หรือว่าจริง ๆ แล้ว...... หึหึ ชั้นยังอ่อนหัดเกินไปสินะ ------------ แต่ว่า [เฮอร์เมล] งั้นหรือ.......... ท่าทางคงต้องให้เจ้าบ้ายอนั่นช่วยซะแล้วสิ"



เซชิเรีย 『セシリア号』
- ".....ฟู่........." เอสเทลยืนมองภาพถ่ายของโยชัวร์ แล้วครุ่นคิดคนเดียวอยู่บนดาดฟ้าเรือประจำทาง
เอสเทล "(เนี่ยน่ะ...... โยชัวร์จริง ๆ ด้วยสินะ...... พันผ้าพันคอซะด้วยสิ ไม่ขี้เก๊กไปหน่อยเหรอไง...... กินข้าวครบ 3 มื้อ...... หรือเปล่าน๊า......)
- ถึงแม้จะมีรอยยิ้ม แต่ในจิตใจของเอสเทลกลับรู้สึกเศร้าสร้อยเดียวดายอย่างบอกไม่ถูก
เอสเทล "(โยชัวร์อยู่ที่ไหนสักแห่งในลีเบร์ลจริง ๆ ด้วย...... ร่วมมือกับพวกสลัดอากาศแล้วกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่....... แต่ว่า...... แล้วทำไม....... ทำไมไม่ขอชั้น...... ไม่ขอให้พวกชั้นช่วยล่ะ?)"
- เอสเทลจ้องมองโยชัวร์บนภาพถ่ายอีกครั้ง
เอสเทล "(โยชัวร์บ้า....... บุกเข้าไปในฐานของกองทัพนั่นน่ะ ทำอะไรไม่ยั้งคิดเลย...... แล้วยัง...... ทำสายตาเย็นชาเหมือนกับตอนที่พบกันครั้งแรก...... ยิ่งกว่านั้น...... ยิ่งไปกว่านั้น......)
- "ทำไมรูปที่ถ่ายออกมาถึงดูสนิทสนมกับยัยห้าวนั่นล่ะ!?" เอสเทลระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยเสียงอันดัง
- "เอสเทล?" เสียงหญิงคนหนึ่งที่ฟังดูคุ้นเคยเรียกเอสเทล "เจ๊เชร่า......" เอสเทลรีบซ่อนรูปของโยชัวร์อย่างรวดเร็ว
เชราซาร์ด "อะไรกัน มาอยู่ที่นี่เอง เธอหายออกมาทำให้ชั้นเป็นห่วงไม่ใช่เหรอไง มีอะไรเหรอ? เมาเครื่องหรือยังไงกัน?"
เอสเทล "อ๊ะ อืม...... อย่าห่วงไปเลย ไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหนนี่นา"
เชราซาร์ด "งั้นเหรอ ---------- ฟู่ วันนี้ก็อากาศดีนะ ภายใต้ท้องฟ้าที่เงียบสงบเช่นนี้ก็ยังมีพวกที่กำลังวางแผนน่าสงสัยอยู่...... เป็นเรื่องที่บ้าบอจริง ๆ เลยนะ"
เอสเทล "อืม......"
เชราซาร์ด ".......นี่ เอสเทล ไม่จำเป็นต้องทนฝืนอยู่คนเดียวหรอกนะ?"
เอสเทล "เอ๊ะ"
เชราซาร์ด "เรื่องที่พวกคุณนักข่าวพูด ชั้นจะไม่ถามหรอกนะว่าเป็นเรื่องอะไร...... แต่เธอยังมีพรรคพวกดีดีที่จะไปพึ่งพิงเขาได้นะจ๊ะ แน่นอนว่ารวมถึงชั้นด้วยน่ะ"
เอสเทล "............อ๊ะ.........................."
เชราซาร์ด "แล้วก็ จะไปขอร้องแม้แต่เรื่องคาใจของเธอคนเดียวก็ได้จ้ะ ก็เพราะพวกชั้นทุกคนตั้งใจจะเป็นกำลังให้กับเธอนะ เรื่องนั้นอย่าลืมซะล่ะ"
เอสเทล "เจ๊เชร่า ชั้น......."
เชราซาร์ด "หึหึ เรื่องที่จะพูดก็มีแค่นี้แหล่ะ ก่อนที่จะถึงบอสยังมีเวลาเหลืออยู่...... ตอนที่เครื่องแวะจอดที่รอเลนซ์ก็ให้กลับมานั่งที่เก้าอี้นะ"
เอสเทล "อืม......"
- หลังจากเจ็เชร่าไปแล้ว เอสเทลจะพึมพำกับตัวเองว่า "พึ่งพิงงั้นเหรอ...... ลองไปคุยกับทุกคนซักหน่อยดีกว่า......"
- ให้ไปคุยกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในเรือเหาะทุกคนค่ะ
★บนนี้เราจะเจอกับ "แอนตอน" 『アントン』 หนุ่มผู้ใฝ่ฝันถึงฤดูใบไม้ผลิแห่งวัยหนุ่ม อย่างมุ่งมั่น
(ถึงจะโดนสาวหักอกมาหลายรายแล้วก็ตามที หมดอาลับตายอยากก็หลายรอบ)
★ส่วน "คุณป้าบลูม" 『ブルーム婆さん』 แม่ผู้แสนดีที่กำลังหาเจ้าสาวให้กับลูกชายของตนอยู่ กับ "คิดดี้" 『キディ』 สาวน้อยที่ฝันอยากจะมีร้านเป็นของตนเอง กำลังคุยกันอยู่ค่ะ คิดดี้ได้ฟังเรื่องที่ป้าบลูมเปิดร้านเล็ก ๆ ที่รอเลนซ์ ก็อยากจะไปเห็น แต่น่าเสียดาย เพราะเธอใช้วันหยุดจากห้างเอเดลในคราวนี้ เพื่อไปทัศนศึกษาที่เมืองบอสค่ะ ส่วนป้าบลูมก็บอกว่า อย่างหนู่คิดดี้เนี่ย รินอนน่าจะถูกใจนะ
★คุยกับ "คลอเซ่" ที่ห้องชมวิว คลอเซ่จะเดาถูกว่าเรื่องที่ไนแอลคุยกับเอสเทล ก็คือ เรื่องของโยชัวร์ค่ะ
(จริง ๆ แล้วคลอเซ่แค่เดาเท่านั้นค่ะ แต่ใช้ 1 ในมารยาหญิง ล่อหลอกให้เอสเทลแสดงอาการ และคายความลับออกมาค่ะ)
แต่ไม่เพียงเท่านั้น คลอเซ่ยังเดาถูกอีกว่า โยชัวร์ยังปลอดภัยดี และน่าจะอยู่ในลีเบร์ลด้วย เอสเทลถึงกับบ่นอุบว่า "คลอเซ่......มองได้ทะลุปรุโปร่งเลยแฮะ จะเก่งกาจเกินไปแล้วนะ -----แต่เท่านี้ชั้นก็คิดว่าเธอจะต้องเป็นราชินีที่สง่างามได้อย่างแน่นอนเลยล่ะ" แล้วเอสเทลจะถามความเห็นของคลอเซ่ว่า ถึงโยชัวร์จะไม่เป็นอะไร แต่ก็มีแววตาที่น่ากลัว เหมือนกับตอนของดัลมอร์ แต่คลอเซ่ก็ไม่อาจให้ความเห็นใด ๆ ได้ค่ะ เอสเทลเลยขอโทษที่ไม่ได้เล่าเรื่องอะไรให้กระจ่าง เอาแต่ถามอยู่ฝ่ายเดียว และบอกว่าหากเธอพร้อมเมื่อไร จะเล่ารายละเอียดที่ยังปิดเอาไว้ ให้กับคลอเซ่ค่ะ ซึ่งคลอเซ่ก็ยินดีเป็นที่ระบายให้กับเอสเทลค่ะ
(แต่เรื่องของเด็กผู้หญิงที่อายุเท่ากัน (โจเซ็ต) ที่โยชัวร์อยู่ด้วยตอนนี้ ทั้งเอสเทล ทั้งคลอเซ่มีความเห็นตรงกันว่า "ยอมไม่ได้" ค่ะ)
★คุยกับ "ทีต้า" ที่กำลังคิดมากว่า เธอไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาให้กับพี่เอสเทลของเธอ ที่กำลังมีเรื่องไม่สบายใจได้ แถมทีต้ายังโทษตัวเองอีกว่า ไม่ว่าจะเรื่องของพี่เอสเทล หรือของเร็น เธอก็รั้งแต่จะเกะกะซะเปล่า ๆ แต่เอสเทลบอกว่า "น่าจะพูดว่า ชั้นไม่ได้กังวลอย่างที่ทีต้าคิดไปหรอก แค่กำลังสับสนเท่านั้นเอง ถึงจะไปขอร้องคนอื่นก็ใช่ว่าจะมาช่วยแก้ไขได้หรอก...... ดังนั้นตอนนี้ชั้นขอแค่คิดอะไร.......... ด้วยตัวคนเดียวไปก่อนก็แล้วกัน" ถึงเอสเทลจะพูดแบบนั้น แต่ทีต้าก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เธอถามเอสเทลว่า "หนูจะเป็นพลังให้กับพี่จ๋าได้หรือเปล่า?" ซึ่งเอสเทลเข้าไปกอดทีต้าแล้วบอกว่าแค่ทีต้าอยู่ข้าง ๆ คอยส่งยิ้มให้ ก็ทำให้เธอมีกำลังใจขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ (ซึ้ง อีกแล้ว)
★ลงไปที่ท้องเรือ "โอลิเวียร์" จะคุยโทรศัพท์ (กับมิวเลอร์) ในเรื่องที่ว่า ท่าทีของเอสเทลดูเปลี่ยนไป หลังจากที่พวกนักข่าวเข้ามาคุยกับเธอ แล้วโอลิเวียร์ยังบอกว่า เรื่องนั้น (เรื่องโยชัวร์) ไม่ต้องแจ้งข้อมูลไปทางกองทัพราชอาณาจักรด้วยค่ะ
(เท่าที่ฟังดู ความรู้สึกของโอลิเวียร์นั้น ค่อนไปทางเป็นห่วงทั้งเอสเทล ทั้งโยชัวร์ค่ะ จริง ๆ แล้วนายติ๊งต๊องนี่ ก็มีดีเหมือนกันนะ)
นอกจากนั้น โอลิเวียร์ยังกำชับให้มิวเลอร์ระวังไม่ให้ [คน ๆ นั้น] เข้ามาขัดขวางด้วย
(นายโอลิเวียร์ ได้ทีเกทับมิวเลอร์อีกว่า "ลางสังหรณ์ของผมน่ะ สุดยอดใช่ม๊า" อีกด้วยล่ะค่ะ แต่ก็โดนมิวเลอร์ทำเสียงน่ากลัวตอกกลับมาเหมือนเดิม)
เอสเทลได้ยินเหมือนโอลิเวียร์กำลังคุยกับใครอยู่ แต่พอมองหาแล้วก็ไม่มี โอลิเวียร์เลยไหลไปว่า "ผมคนนี้ จะแอบนัดหญิงอื่นนอกจากเธอในที่แบบนี้น่ะเหรอ?" แต่เอสเทลรู้ทัน เพราะรูสึกว่ามันแปลก ๆ ค่ะ ก็เธอได้ยินจริง ๆ ว่าโอลิเวียร์กำลังคุยกับใครอยู่ โอลิเวียร์เลยใช้มุขพูดคนเดียว เพราะกำลังซ้อมบทละครที่จะขึ้นแสดงเป็นตัวเอกอยู่ (ซึ่งแน่นอนว่า เอสเทลไม่เชื่อค่ะ)
เอสเทล "โอลิเวียร์มีส่วนที่น่าสงสัยอยู่เยอะเลยนะ ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะกระซิบกระซาบพูดคุยอะไรกับคุณพ่อด้วย ได้เวลาที่ต้องบอกเป้าหมายที่แท้จริงได้แล้วมั๊ง?"
โอลิเวียร์ "หื~ม ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนเธอถามซอกแซกแบบนี้นะ เติบโตขึ้นอีกแล้วน๊าา เอสเทลคุง"
จากนั้น เอสเทลจะบังคับให้โอลิเวียร์เลือกที่จะเล่าหรือไม่เล่าความจริงค่ะ ซึ่งโอลิเวียร์รับปากบอกได้แค่เพียงเรื่องของสลัดอากาศเท่านั้น เพราะมันเกี่ยวโยงกับเอเรโบเนียค่ะ ก่อนโอลิเวียร์จะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ เอสเทลจะถามโอลิเวียร์ว่า
เอสเทล "ชั้นไม่รู้เรื่องที่เกี่ยวกับตัวโอลิเวียร์เยอะแยะเลยนะ...... ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็จะให้นายช่วยเหลืออย่างสุด ๆ ในฐานะที่เป็นพวกเดียวกัน ไม่ว่าจะเจอเรื่องแบบไหนชั้นก็จะคิดว่า นายเป็นคนที่สามารถไว้วางใจได้ ....... พูดอย่างนี้จะทำให้นายเดือดร้อนหรือเปล่านะ?"
โอลิเวียร์ได้ฟังเอสเทลดังนั้นก็มองเอสเทลอย่างไม่วางตา ก่อนที่เขาจะบอกว่าเขายินดีให้ความช่วยเหลือ เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาเดือดร้อนอะไรเลยค่ะ (แต่ก็มีหยอดคำหวานหลีหญิงตามแบบฉบับเขาเหมือนเดิมค่ะ)
★คุยกับ "อากัต" เขาจะขอบคุณเอสเทลที่เหนื่อยมามากกับการตามสะสางเหตุการณ์ที่ [องค์กร] ทำให้เกิดขึ้นตามพื้นที่ต่าง ๆ แล้วเขาจะรู้สึกังวลกับสถานที่ต่อไปก็คือพื้นที่บอส ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า และบอกว่าเมื่อถึงบอสแล้วอาจจะต้องเริ่มทำการตรวจสอบพวกสลัดอากาศต่อไปอีก เอสเทลเลยตกใจเพราะเธอก็กำลังพะวงเรื่องที่โยชัวร์ไปปรากฏตัวอยู่ที่บอส เอสเทลเลยพยายามพูดแนว ๆ ว่าความเป็นไปได้ที่พวกสลัดอากาศจะยังอยู่ที่นั่น อาจจะน้อยกว่าที่คิดก็เป็นได้ อากัตก็เลยงง ๆ กับคำพูดไม่ได้ใจความของเอสเทลค่ะ
★คุยกับ "จิน" เขาจะถามเพื่อความแน่ใจว่า บ้านของเอสเทลอยู่ในเมืองรอเลนซ์ เมืองต่อไปที่เรือประจำทางจะแวะจอดรับ-ส่งผู้โดยสาร ก่อนไปเมืองบอสใช่หรือเปล่า เอสเทลบอกกับจินว่า "ถ้าจะพูดให้ถูก บ้านชั้นไม่ได้ตั้งอยู่ในเมืองหรอก แต่ปลูกไว้แถว ๆ นอกเมืองน่ะ ดูเหมือนว่าจะเป็นความจู้จี้ของคุณพ่อล่ะนะ" จินจะทึ่งที่คาซิอุสถึงกับปลูกบ้านเองค่ะ ซึ่งเอสเทลบอกว่า เธอรู้สึกว่าบ้านหลังนั้น มีแต่ความคิดคำนึงที่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณพ่อ เรื่องของคุณแม่ เรื่องของโยชัวร์ ถ้ามีโอกาสได้ไปที่รอเลนซ์ล่ะก็ เธอจะพาจินไปชมบ้านของเธอค่ะ ซึ่งจินก็จะเฝ้ารอ และเปลี่ยนเรื่องไปว่า พอถึงบอสแล้ว จะให้เอสเทลลองซ้อมมือกับเขา เพราะที่นครหลวงน่ะ เขาได้แต่ (โดนยา) นอนหลับ ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายเลย ร่างกายมันเลยรู้สึกฝืด ๆ ค่ะ ซึ่งเอสเทลยินดีมากที่จะเป็นคู่มือให้เขาค่ะ
- เมื่อคุยครบกับทุกคนแล้ว ให้ตัดฉากไปที่นั่งชั้นบนสุด ก็จะผ่านบทได้ค่ะ
- ในขณะที่เสียงของพนักงานต้อนรับบนเรือเหาะประจำทาง แจ้งการลงจอดแวะรับ-ส่งผู้โดยสาร ก่อนมุ่งหน้าไปเมืองบอสต่อนั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เรือประจำทางเข้ามาอยู่ในหมู่เมฆที่มืดครึ้ม ทั้ง ๆ ที่ความสูงระดับนี้ไม่น่าจะมีเมฆให้เห็นได้เลย ในห้องกัปตัน มีการติดต่อเข้ามาจากเมืองรอเลนซ์ว่า จู่ ๆ ก็มีหมอกหนาทึบ ปรากฏขึ้นที่เมืองรอเลนซ์ค่ะ
- เอสเทล และเจ๊เชร่านั้น ยืนยันได้ว่า หมอกหนาทึบไม่เคยมีปรากฏขึ้นที่เมืองรอเลนซ์มาก่อน เป็นไปได้ว่า จะมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้น
- เมื่อเรือประจำทางลงจอด ก็ต้องรอจนกว่าหมอกจะจาง ถึงจะเดินทางต่อไปยังเมืองบอสได้ ดังนั้น พวกเราเลยตัดสินใจลองไปสอบถามไอน่า ที่สมาคมกันก่อน เพราะเป็นไปได้ว่า ที่ต่อไปที่พวก [องค์กร] ลงมือ อาจจะเป็นที่รอเลนซ์ ไม่ใช่เมืองบอสค่ะ
สาขารอเลนซ์ 『ローレント支部』
ไอน่า "หึหึ ไม่คิดว่าพวกคุณจะมาในเวลาแบบนี้นะ น่าจะอยู่ระหว่างเดินทางไปเมืองบอสสินะ?"
เชราซาร์ด "ใช่ เป็นงั้นแหล่ะ มาอยู่ที่นี่ในจังหวะแบบนี้ เหมือนกับอยากให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้เลยนะ"
ไอน่า "แต่นี่ก็ช่วยทางนี้ได้มากเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น...... ไม่ได้เจอกับเอสเทลตั้งแต่ตอนที่ไปสถานที่ฝึกซ้อมแล้วใช่ไม๊นะ? ดู ๆ ไปชุดทำงานชุดใหม่นั่นเหมาะมากเลยนะ"
เอสเทล "งะ งั้นเหรอ......"
ไอน่า "คุณจิน องค์หญิงคลอเดีย คุณทีต้า เพิ่งจะเคยพบกันเป็นครั้งแรกสินะ? ฉันชื่อไอน่า ทำงานเป็นประชาสัมพันธ์สาขารอเลนซ์ค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"
คลอเซ่ "ทางนี้ต่างหากล่ะคะ"
ทีต้า "เอ่อ เอ่อ...... ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ"
จิน "ฮ่าฮ่า เคยได้ยินข่าวลือของเธอมาเยอะแยะเลยล่ะ"
ไอน่า "อุ๊ย...... อย่างนั้นเหรอคะ? (ไอน่าหันไปทางโอลิเวียร์) แล้วทำไมคุณโอลิเวียร์ถึงไปอยู่ตรงนั้นซะล่ะ?"
- โอลิเวียร์แอบอยู่หลังบอร์ดรับงาน เมื่อไอน่าทัก เขาจึงค่อย ๆ โผล่ออกมาแบบหน้าซีดเหงื่อตก
โอลิเวียร์ "ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ...... ยะ อย่าใส่ใจไปเลย ก็ไม่ได้หมายความแบบว่า จะนึกเรื่องเมื่อคืนนั้นออกหรือเรื่องอะไรแบบนั้นซักนิดเดียวน่ะ?"
ไอน่า "???"
เชราซาร์ด "หึหึ...... ปล่อยเขาไว้ตรงนั้นนั่นแหล่ะ จะว่าไปอากัตรู้จักไอน่ามาก่อนแล้วสินะ?"
อากัต "ก็นะ ถึงไม่ค่อยได้แวะมาที่รอเลนซ์ซักเท่าไร แต่ก็พบกันไม่รู้กี่ครั้งแล้วล่ะ"
ไอน่า "หึหึ คราวนี้ก็รบกวนด้วยนะ ------ แนะนำตัวแต่เพียงเท่านี้ก็แล้วกัน ขออธิบายสถานการณ์ต่อทันทีเลยได้ไม๊?"
เชราซาร์ด "ได้สิ รบกวนด้วยนะ"
- จากข้อมูลของ "ไอน่า" 『アイナ』 ตอนที่พอจะทราบก็คือ หมอกได้ลงมาปกคลุมทั่วเมืองรอเลนซ์เท่านั้น แถมหมอกนั้น ยังมีหลายประเภท จึงไม่ทราบว่าหมอกที่เห็นกันอยู่ตอนนี้ เกิดขึ้นมาจากสาเหตุอะไรค่ะ
- เจ๊เชร่า และอากัต จะตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไปยังพื้นที่บอส และเปลี่ยนจุดหมาย มาทำการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่รอเลนซ์ไปซักระยะนึงก่อน เอสเทลได้ยินพวกรุ่นพี่พูดแบบนั้น จึงแสดงความไม่สบายใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเธออยากจะไปที่บอส เพื่อตามไปตรวจสอบเรื่องโยชัวร์
อากัต "มีอะไร เอสเทล?"
เอสเทล "เอ่อ ก็นึกอยู่ว่าคดีสลัดอากาศที่ว่าจะเอายังไงดี......"
อากัต "แต่เดิมเรื่องนั้นดูเหมือนว่าเรายังไม่ได้รับมาดำเนินการนี่ เป็นแค่เรื่องที่บอกให้ทำการตรวจสอบดูเฉย ๆ ไม่ใช่เรอะ? แล้วกองทัพราชอาณาจักรก็เป็นคนตรวจสอบเองด้วย พวกเราไม่จำเป็นต้องไปก็ได้นี่นา"
เอสเทล "ตะ แต่ว่า......"
อากัต "......อะไร มีเรื่องอะไรติดใจอย่างงั้นเรอะ?"
เอสเทล "อ๊ะ เปล่าหรอก...... มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย...... แต่...... ชั้น......"
- เพื่อน ๆ ทุกคนหันมายังเอสเทล
เชราซาร์ด "......เอสเทล ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่...... แต่ลองทำใจให้เยือกเย็นแล้วพิจารณาให้ดี ๆ"
เอสเทล "เอ๋......?"
เชราซาร์ด "คดีชิงยานสลัดอากาศน่ะ ตามความรู้สึกแล้วก็เป็นคดีที่ปิดไปแล้วนะ ไม่ใช่เรื่องที่กิลด์จะต้องรีบทำการอย่างเร่งด่วนอะไร แต่ถ้ามีการจับตัวประกันไปด้วยก็ค่อยว่าไปอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดที่พวกสลัดอากาศจะยังวนเวียนอยู่รอบ ๆ บอสน่ะ ไม่แน่ว่าเหตุการณ์ที่รอเลนซ์ในคราวนี้ ก็น่าจะเป็นฝีมือของ [องค์กร] เหมือนกัน"
- หลังจากเอสเทลได้ฟังเหตุผลของเจ๊เชร่า เธอก็ตาสว่าง และขอโทษเจ๊เชร่าที่เธอคิดอะไรอย่างไม่ตรึกตรองให้ดีเสียก่อน จากนั้นเอสเทลจึงตัดสินใจอยู่ที่รอเลนซ์เพื่อทำการตรวจสอบหมอกประหลาดนี้ค่ะ
- รับงานตรวจสอบหมอกประหลาด โดยไอน่าจะให้เราไปตรวจสอบสถานการณ์บนทางหลวงสายต่าง ๆ ในพื้นที่รอเลนซ์ค่ะ
☆เลือกเพื่อนเข้ากลุ่ม 2 คน (เอสเทล และเจ๊เชร่า 2 สาวชาวรอเลนซ์ เป็นตัวละครบังคับค่ะ)☆

ตรวจสอบอาณาเขตหมอกหนาทึบ
『濃霧の範囲を調査』 (BP3)
เมืองรอเลนซ์ 『ローレント市』
- ตรวจสอบอาณาเขตที่หมอกกระจายไปถึง บนทางหลวงต่าง ๆ ในพื้นที่รอเลนซ์ดังนี้ค่ะ
(1) ทางหลวงเอรีซ
(2) ทางหลวงมิลฮี
(3) เส้นทางภูเขามัลก้า
- นอกจากนั้น เอสเทลจะขอเพื่อน ๆ ให้ลองไปดูสภาพบ้านของเธอว่า เป็นยังไงบ้าง และถือโอกาสแนะนำบ้านที่เธออยู่ไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
☆ทั้ง 4 ที่ข้างต้น (รวมบ้านเอสเทลด้วย) เพื่อน ๆ จะเริ่มสำรวจจากที่ไหนก่อนก็ได้ค่ะ☆
(26) แหวนหมั้นที่หายไปบนท้องฟ้า
(27) เสาะหาสถานที่ตกปลา
(28) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงเอรีซ
(29) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงมิลฮี
★คุยกับลุง "เอลเกอร์" 『エルガー』 ที่ "บริษัทค้าอาวุธเอลเกอร์" ลุงแกจะบอกว่า ได้ยินมาจากไอน่าแล้วว่า ทั้งเอสเทล ทั้งเชราซาร์ดตั้งใจทำงานมาก ๆ เลย แถมเอสเทลยังได้เป็นเบรเซอร์อย่างทางการแล้วด้วย ทั้ง ๆ ที่ออกจะเกลียดการทำข้อสอบแท้ ๆ เอสเทลจะรีบเปลี่ยนเรื่องไปในทันทีค่ะ
(จริง ๆ แล้วการทดสอบเบรเซอร์นั้น เจ๊เชร่าได้บอกกับลุงเอลเกอร์ว่า เน้นไปด้านการใช้เทคนิคลงพื้นที่จริงเสียมากกว่าค่ะ เอสเทลก็เลยสอบผ่านมาได้)
ลุงเอลเกอร์จะถามเอสเทลว่า ได้ข้อมูลของโยชัวร์บ้างหรือยัง เพราะว่าตั้งแต่ตอนที่คาซิอุสมาบอกเรื่องโยชัวร์หายไป เขาก็เป็นห่วงทั้งโยชัวร์ ทั้งเอสเทลมาก ๆ ค่ะ แต่เห็นเอสเทลสบายดี ก็เลยโล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง และบอกให้เอสเทลโผล่ไปให้ "สเตล่า" เห็นหน้าบ้างค่ะ
★คุยกับป้า "สเตล่า" 『ステラ』 บนชั้น 2 ป้าแกจะดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอเอสเทล รวมทั้งเชราซาร์ดด้วย ป้าสเตล่าบอกว่า พอได้ยินเรื่องของโยชัวร์ก็เป็นห่วงมาก ๆ เลย แต่เห็นเอสเทลพยามมาจนขนาดนี้ ก็พอจะโล่งใจไปได้บ้างค่ะ แล้วป้าแกจะจ้องเอสเทลไม่วางตา เพราะเห็นว่า เอสเทลเปลี่ยนมาใส่กระโปรงแล้ว จนอดไม่ได้ที่จะชมเอสเทลว่า น่ารักมาก ๆ ค่ะ และก็หันไปชมเจ๊เชร่าด้วย ที่มีเซ้นส์ในการเลือกเสื้อผ้าดีมาก ๆ แถมป้าแกพูดไปร้องไห้ไปด้วยความตื้นตัน ที่เห็นเอสเทลดูเป็นผู้หญิงขึ้นมาแล้วค่ะ
(ปกติเอสเทลจะไม่ค่อยใส่ใจ แปรงฟัน ล้างหน้า ซักเท่าไร เอาแต่ทะโมน ๆ ตกปลา จับแมลง ไปวัน ๆ ซึ่งป้าสเตล่าก็จะคอยบ่นคอยเตือนเอสเทลมาตั้งแต่เด็กเป็นประจำค่ะ)
★คุยกับ "รินอน" 『リノン』 ที่ "ร้านสารพัดอย่างรินอน" เขาจะรู้เรื่องที่เอสเทลไปฝึกตนที่สถานที่ฝึกซ้อมมาค่ะ และบอกเอสเทลว่า อย่าดูถูกเน็ตเวิร์กของที่นี่สิ (สัจธรรมแบบบ้านนอก ใครทำอะไรรู้หมดเลย) รินอนจะรู้สึกว่า หมอกนี่ไม่ธรรมดา และบอกให้เอสเทลกับเชราซาร์ด ทำงานระวัง ๆ ด้วยค่ะ หากคุยกับรินอนอีกครั้ง เขาจะบอกว่า แม่เขาเพิ่งกลับมาจากนครหลวง แต่พาสาวน้อยที่เขาไม่รู้จักมาด้วย ซึ่งแม่เขาบอกว่า เพิ่งรู้จักกับสาวน้อยคนนั้นบนเรือประจำทางค่ะ รินอนก็ได้แต่คิดว่า ไม่รู้ว่าแม่กำลังหาคู่แต่งงานให้เขาอีกหรือเปล่า แต่ยังไงเขาก็ยังไม่อยากแต่งงานนะ
- อย่าลืมซื้อ "ลีเบร์ลสาร ฉบับ 6" ที่ร้านของรินอนด้วยนะคะ ลงข่าวเรื่องคาโนเน่ และการร่วมลงนามสนธิสัญญาไม่ทำสงคราม ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ด้วยค่ะ
★หากขึ้นไปคุยกับ "คุณป้าบลูม" 『ブルーム婆さん』 ป้าบลูมจะบอกว่า เห็นสาวน้อยคนนี้น่าสงสาร เพราะกำลังลำบาก ที่เรือประจำทางหยุดออกบินชั่วคราวเพราะมีหมอกลงจัด ก็เลยให้มาอาศัยอยู่ที่บ้าน จนกว่าเรือประจำทางจะออกบินได้เหมือนเดิมค่ะ ส่วน "คิดดี้" 『キディ』 ก็บอกว่า ถ้าไมได้คุณป้าบลูม ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เธอจึงอยากตอบแทนด้วยการช่วยงานอยู่ที่นี่ จนกว่าเรือประจำทางจะออกบินได้ค่ะ แถมเรื่องขายของเธอก็มั่นใจมากด้วย เพราะว่าเธอทำงานประจำอยู่ที่ห้างเอเดลในนครหลวงอยู่แล้วค่ะ
★ที่ "โรงงานเมลเดิร์ซ" จะพบกับ "ฟรายดี้" 『フライディ』 ที่กลับมายังรอเลนซ์แล้ว
(เพื่อน ๆ น่าจะจำได้ว่า ฟรายดี้เดินทางไปร่ำเรียนการใช้ออร์บเมนท์รุ่นใหม่ ที่เมืองไซสส์มาค่ะ)
★คุยกับ "เฟท" 『フェイト』 เพื่อนสมัยเป็นทหารของป๋าคาซิอุส ในบ้านทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง เขาจะบอกว่า สาขารอเลนซ์มีคนช่วยงานไม่ค่อยจะพอ ไหนจะคุณคาซิอุสที่ออกจากสมาคมไป เชราซาร์ดก็ไม่อยู่ พอเขาเห็นเอสเทลกับเจ๊เชร่ากลับมาก็วางใจได้ค่ะ
★คุยกับ "คลูเซ่" 『クルーセ』 สาวน้อยผู้มีความสามารถเทียบเท่ากับนักข่าวอาชีพ (พูดง่าย ๆ ว่าคุณน้อง ชอบสอดรู้สอดเห็นค่ะ) คลูเซ่จะบอกว่า ได้ยินเรื่องของโยชัวร์แล้ว จากการวิเคราะห์ของเธอ คิดว่าโยชัวร์คงได้รับคำสั่งลับจากสมาคม ให้ไปต่อสู้กับกลุ่มคนไม่ดีแน่นอน (ถึงจะถูกบางส่วน แต่เอสเทลก็ต้องสะอึกกับความเฉียบแหลมของคลูเซ่ค่ะ)
★คุยกับ "ริจจ์" 『リッジ』 เบรเซอร์ประจำสาขารอเลนซ์ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หอนาฬิกา เขากำลังทำงานคุ้มภัยให้กับนักเดินทาง ที่มีเรื่องด่วนต้องรีบกลับไปยังนครหลวงค่ะ พวกเอสเทลจะให้กำลังใจริจจ์ด้วยนะคะ
☆อย่าลืมไปคุยกับ "เซร่า" 『セーラ』 บนชั้น 2 ของบ้านที่อยู่ข้าง ๆ บาร์อาเบนด์ด้วยนะคะ เธอจะมอบ "แจ็คนักเสี่ยงโชค เล่ม 6" ที่กำลังจะทิ้งให้กับเราค่ะ
★คุยกับ "ลุค" 『ルック』 กับ "แพ็ต" 『パット』 พอพวกเขาเห็นเอสเทลแล้ว ลุคถึงกับดีใจจนออกนอกหน้าเลยล่ะค่ะ เอสเทลเลยแซวไปว่า "คิดถึงชั้นใช่ไม๊ล่า" ลุครีบแก้เขินบอกว่า ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย แค่ตกใจที่ จู่ ๆ ก็ได้เจอค่ะ แต่แพ็ตดันบอกไปด้วยความใสซื่อว่า "อ้าว ลุคไม่ได้รอพี่สาวอยู่หรอกเหรอ?" เอสเทลก็เลยรู้ว่าลุคแกล้งทำเป็นไม่ดีใจค่ะ เธอเลยบอกให้ลุคอ้อนเธอให้เต็มที่เลยค่ะ แน่นอนว่าลุคต้องปฏิเสธ (ด้วยความเขิน) แล้วแก้เขินให้เอสเทลมาดวลดาบกับเขาแทนค่ะ นอกจากนั้น เอสเทลยังบอกให้พวกลุครีบกลับเข้าไปอยู่ในบ้าน เพราะหมอกลงจัดมากเดี๋ยวจะเป็นอันตราย แต่ลุคไม่ฟังและบอกว่า ถ้าเอาแต่อยู่ในบ้าน เพราะกลัวหมอกแค่นี้ มันไม่เท่ห์ค่ะ เอสเทลเลยยกเหตุการณ์ที่หอคอยหยกขึ้นมา และบอกลุคว่า ก่อนที่จะทำเท่ห์ให้สมกับเป็นผู้ชาย ก่อนอื่นก็อย่าทำให้ใครต่อใครเป็นห่วงค่ะ ดังนั้น ลุค กับแพ็ตก็เลยสัญญาว่า จะกลับเข้าบ้านก่อนที่จะมืดค่ะ
(แต่ลุคก็ยังดื้อจะดวลกับเอสเทลอยู่ดีนั่นแหล่ะ)
★คุยกับ "ฟอล์คเนอร์" 『フォークナー』 ที่บาร์อาเบนด์ เจ๊เชร่าจะขู่เขาว่า คิดถึงเธออยู่ใช่ไม๊ ช่วงที่เธอไม่อยู่ คงจะดื่มด่ำไปกับไอน่าสินะ ฟอคเนอร์จะกลัวจนพูดไม่ออกเลยล่ะค่ะ
(ฟอคเนอร์กลัวพวกคอทองแดง อย่าง 2 สาว ไอน่า & เชร่า มาก ๆ ค่ะ และถ้าพาโอลิเวียร์มาด้วย โอลิเวียร์จะบอกว่า เขาเข้าใจความรู้สึกของฟอคเนอร์ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ)
หากคุยกับฟอคเนอร์อีกครั้ง เขาบอกว่าถ้าคุณเชราซาร์ดกับคุณไอน่ามาดื่ม เขาจะขอลางานหนีไปซัก 2 - 3 วันค่ะ (ถึงกับใช้มุขนี้เลยแฮะ)
★คุยกับ "เอลิซซ่า" 『エリッサ』 เพื่อนสนิทเอสเทล เธอจะดีใจที่เอสเทลกลับมาแล้วค่ะ และก็ชมเอสเทลเสียยกใหญ่ว่า ไปถึงต่างประเทศแล้วคงจะเป็นเบรเซอร์ระดับประเทศไปแล้วสินะ
(เอสเทลบอกเอลิซซ่าว่า แค่ไปฝึกตนที่ต่างประเทศเอง ไม่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้นค่ะ)
เอลิซซ่าจะสังเกตเห็นเอสเทลใส่กระโปรง เอสเทลเลยเขิน ๆ ถามว่า ดูแปลก ๆ ไม๊ แต่เอลิซซ่าบอกว่าดีไซน์เหมาะกับเอสเทลมาก ๆ ค่ะ เอลิซซ่ายังให้กำลังใจเอสเทล เรื่องของโยชัวร์ด้วยนะคะ
(ทุกคนในเมืองรู้ว่าโยชัวร์หายตัวไป เพราะป๋าเป็นคนบอกค่ะ แต่ป๋าไม่ได้บอกเหตุผลที่โยชัวร์หายไปนะคะ)
★คุยกับลุง "เด็ซเซล" 『テッセル』 พ่อของเอลิซซ่าที่เป็นเชฟและโอนเนอร์ของบาร์ อาเบนด์ เขาจะบอกว่าเมนูอาหารที่เอลิซซ่าคิด ช่วยทางร้านได้มากเลยค่ะ
★คุยกับป้า "โทลต้า" 『トルタ』 แม่ของเอลิซซ่า บนชั้น 2 ป้าโทลต้าจะบอกว่า เอลิซซ่าคิดถึงเอสเทลมาก ๆ เลย
★หากไปคุยกับ "อลัน" 『アラン』 ประชาสัมพันธ์ของท่าเทียบเริอเหาะ พอเขาเห็น "knee sock" (ถุงเท้ายาวคลุมเข่า) ของเอสเทล (ไม่ดูหน้า แต่ดันดูช่วงขาเนี่ยนะ) เขาจะให้คะแนนเอสเทลที่ดูสมหญิงขึ้นมาถึง 90 คะแนนค่ะ เอสเทลนั้น ค่อนข้างเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมเหล่สาวของอลัน ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยค่ะ
(ในกรณีที่ใช้ "เจ๊เชร่า" นำกลุ่มเข้ามา อลันจะระทวยกับเสื้อผ่าอกที่ให้ความรู้สึกเซ็กซี่โดยเฉพาะเสื้อผ้าชิ้นด้านล่าง และคะแนนที่ให้เจ๊ก็คือ 97 คะแนนค่ะ แต่เจ๊เชร่าบอกว่าไม่ใช่ 100 คะแนนหรอกเหรอซะงั้นอ่ะค่ะ)
(ในกรณีที่ใช้ "คลอเซ่" นำกลุ่มเข้ามา อลันจะระทวยกับ "High sock" สีน้ำเงินและเครื่องแบบนักเรียนกระโปรงสั้นสีขาว และคะแนนที่เขาให้คลอเซ่ไปคือ 100 คะแนนเต็มค่ะ! แต่คลอเซ่รู้สึกลำบากใจมากว่าจะดีใจน่ะสิคะ)
(ในกรณีที่ใช้ "ทีต้า" นำกลุ่มเข้ามา อลันจะระทวยกับผมสีฮันนี่บลอนด์และดวงตาสีฟ้าราวกับทะเลกลางฤดูร้อน และให้คะแนนทีต้า 80 คะแนนโดยเผื่อไว้สำหรับอนาคตที่เธอจะเติบโตขึ้นมาอีกนิดค่ะ แต่ทีต้ากลัวอลันขึ้นมาเลยค่ะ)
★หากไปคุยกับ "นายกเทศมนตรีคลาอุส" 『クラウス市長』 จะรู้ว่าคลาอุสต้องไปยังนครหลวง ในฐานะผู้นำเมืองรอเลนซ์ค่ะ แต่เพราะต้องการดูสถานการณ์ที่หมอกลงจัด เลยเลื่อนการเดินทางให้ช้าลงไปค่ะ แต่ถึงยังไงเรือประจำทางก็ยังใช้ตอนนี้ไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น หากเขามีข้อมูล หรือเรื่องไว้วานอะไรจะติดต่อไปยังสมาคมเองค่ะ (ในกรณีที่พา "คลอเซ่" มาด้วย คลาอุสจะถวายความเคารพองค์หญิงคลอเดียค่ะ)
บ้านตระกูลไบรท์ 『ブライト家』
- เอสเทลจะชวนเพื่อน ๆ ไปดื่มชาในบ้าน แต่เจ๊เชร่าเห็นหน้าต่างห้องใต้หลังคาเปิดอยู่ จึงบอกให้เอสเทลรีบขึ้นไปปิดก่อนที่หมอกจะเข้าไปในบ้าน ส่วนน้ำชาเจ๊แกจะเป็นคนชงเองค่ะ ซึ่งเพื่อน ๆ จะรู้สึกว่าเจ๊เชร่าคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้มาก ๆ เลย
- อีเวนท์ในอดีต ตอนที่พบกันของเอสเทล และเจ๊เชร่าเมื่อ 10 กว่าปีก่อนค่ะ
เชราซาร์ด "เมื่อ 12 ปีก่อนหน้านี้...... คณะของพวกเราได้เดินทางมาเปิดการแสดงที่รอเลนซ์ ---------- เอสเทลในตอนนั้นน่ะ มีความอยากรู้อยากเห็นอยู่เต็มเปี่ยมแบบไม่กลัวอะไรทั้งนั้นยิ่งกว่าตอนนี้อีกนะ หลังจากการแสดงจบลง ก็มาเที่ยวเล่นที่เต๊นท์ของพวกชั้นคนเดียว --------- ......นักแสดงร่อนเร่ในคณะละครสัตว์น่ะ ถ้าจะพูดก็คือ [คนแปลกหน้า] ใช่ไม๊ล่ะ? ตามปกติ คนในท้องถิ่นนอกจากมาชมการแสดงแล้ว ก็ไม่มีใครเข้ามาใกล้พวกเราหรอก ตอนแรก ๆ ทุกคนในคณะก็ลังเลอยู่....... แหม แต่ถึงยังไงก็เป็นเด็กที่ไม่กลัวอะไรเลยนี่นะ มาเที่ยวเล่นทุกวัน ๆ เข้า แป๊ปเดียวก็ที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนไปซะแล้วล่ะ แน่นอนว่ารวมชั้นด้วยนะ --------- แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ที่เอสเทลต้องกลับบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว...... ชั้นก็เลยต้องไปส่งเอสเทลที่บ้าน ตอนที่ได้รู้จักกับ------- อาจารย์คาซิอุสและคุณเรน่า คุณแม่ของเอสเทลก็เป็นช่วงนั้นแหล่ะ"
- เพื่อน ๆ จะไม่แปลกใจกับนิสัยที่ไม่กลัวใครของเอสเทล ที่มีมาตั้งแต่เด็ก (เพราะตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่) ถ้าเป็นทีต้า กับคลอเซ่จะเอ่ยปากชมเอสเทลซะด้วยซ้ำค่ะ
เอสเทล "อะ อ๊ะฮ่าฮ่า...... จำไม่ค่อยได้หรอกนะ ก็ตอนนั้นเพิ่งจะ 4 ขวบเอง...... แต่ว่า ตั้งแต่ตอนนั้น ทุกคร้งที่เจ๊เชร่ามาเปิดการแสดงที่รอเลนซ์ ก็จะมาเที่ยวที่บ้านของชั้นอยู่เรื่อยเลยล่ะ"
เชราซาร์ด "หึหึ จริงด้วยสินะ"
- จากนั้น เพื่อน ๆ จะสงสัยว่า ทำไม นักแสดงร่อนเร่อย่างเจ๊เชร่า ถึงกลายมาเป็นเบรเซอร์ได้
เชราซาร์ด "......เพราะมีเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายน่ะ --------- ตอนที่ตัดสินใจว่าจะมาเป็นเบรเซอร์ เมื่อ 8 ปีก่อน ชั้นก็เลยไปขอร้องอาจารย์คาซิอุส ตั้งแต่นั้นมาก็อยู่ที่ลีเบร์ลมาตลอดเลยน่ะ"
- หลังจากนั้น เพื่อน ๆ จะถามพวกเอสเทลว่า โยชัวร์ได้อยู่ตอนนั้นแล้วหรือยัง
เอสเทล "อะ เปล่าหรอก...... ตอนที่รับโยชัวร์เข้ามา ก็หลังจากนั้นประมาณ 3 ปีล่ะมั๊ง --------------- เป็นช่วงที่เจ๊เชร่าเดินทางไปรอบ ๆ ราชอาณาจักร เพื่อมุ่งสู่การเป็นเบรเซอร์อย่างทางการสินะ?"
เชราซาร์ด "ใช่ เป็นอย่างนั้นแหล่ะจ้ะ ---------- พอกลับมาจากการเดินทาง จู่ ๆ ก็มาแนะนำเด็กผู้ชายที่ไม่รู้จักให้กับชั้นน่ะ ตกใจนิด ๆ เลยล่ะ"
- จากนั้น พวกเอสเทลก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไป ดื่มน้ำชากันไปค่ะ
☆เราสามารถมาที่บ้านตระกูลไบรท์ แล้วใช้เตียงในห้องของเอสเทลหรือของโยชัวร์ นอนพักผ่อนเพื่อฟื้นพลังได้นะคะ☆
- จากนั้น ให้ไปสำรวจบนทางหลวงทั้ง 3 ที่ได้เลยค่ะ พวกเราจะพบจุดที่หมอกกระจายตัวมาถึง ห่างจากตัวเมืองเพียงเล็กน้อยค่ะ
★หลังจากสำรวจบนทางหลวงเอรีซแล้ว ระหว่างทางในตอนกลับเข้าไปในเมือง จะพบกับ "ริจจ์" 『リッジ』 ที่กำลังทำงานคุ้มภัย ไปส่งนักเดินทางที่นครหลวงค่ะ
★ตอนไปสำรวจบนทางหลวงมิลฮี อย่าลืมแวะไปคุยกับเพื่อนเก่า "ทีโอ" 『ティオ』 ที่ไร่เพอเซลด้วยนะคะ ทีโอจะชมเอสเทลว่า เหมาะกับชุดใหม่มาก ๆ ค่ะ ซึ่งทีโอจะให้กำลังใจเอสเทลในเรื่องของโยชัวร์ ที่เธอฟังมาจากเอลิซซ่าด้วยค่ะ หากคุยกับทีโออีกครั้ง เธอจะบอกว่าน้อง ๆ ของเธอ อยากเจอโยชัวร์มาก หากเสร็จงานแล้ว ก็ให้มาเที่ยวที่นี่พร้อมกันทั้งเอสเทลและโยชัวร์นะ
★คุยกับฝาแฝด "วิล" 『ウィル』 และ "เชล" 『チェル』 วิลเห็นเอสเทลมา ก็นึกว่าจะมาเล่นกับพวกเขา พอรู้ว่ามาทำงานก็เลยแสดงอารมณ์เบื่อไปตามระเบียบ ส่วนเชลจะคิดถึงโยชัวร์มาก ๆ ค่ะ
★คุยกับ "ฟลันซ์" 『フランツ』 และ "ฮันนา" 『ハンナ』 พ่อแม่ของพวกทีโอ เขาจะดีใจที่ได้เจอเอสเทลและก็เจ๊เชร่าค่ะ และพวกเรายังทราบว่า พวกเขาได้รับความเดือดร้อนจากหมอกที่ลงจัดนี่มาก โดยเฉพาะเวลาเดินทางไปเมืองรอเลนซ์ เพื่อส่งพวกผักผลไม้น่ะค่ะ (ความทุกข์ของชาวไร่)
★หากไปคุยกับ "หัวหน้ากองแอสตอน" 『アストン隊長』 (พ่อของลุค) ในด่านที่สะพานเวรูท เขาบอกว่า เพราะคดีที่สลัดอากาศชิงยานไป ดังนั้น ทางกองทัพก็เลยมีคำสั่งลงมาว่า ในช่วงนี้ ต้องตรวจคนที่เข้า-ออกด่านไปให้เข้มขึ้น เพื่อความมั่นใจว่า จะไม่มีคนร้ายแฝงตัวหลบหนีไปค่ะ แต่ตัวแอสตอนเอง เป็นห่วงเรื่องหมอกที่ลงจัดผิดปกติ จนถึงต้องหยุดการเดินเรือเหาะประจำทางมากกว่า พอรู้ว่าพวกเอสเทลกำลังตรวจสอบหมอกนี่อยู่ ก็เลยขอร้องว่าหากได้เรื่องแล้วก็ให้ติดต่อไปที่กองทัพด้วยค่ะ
- เมื่อสำรวจครบทั้ง 3 ที่ และแวะไปที่บ้านตระกูลไบรท์แล้ว ก็ให้กลับไปรายงานผลกับไอน่าที่สาขาได้เลยค่ะ
เมืองรอเลนซ์ 『ローレント市』
- เมื่อเข้ามาพวกเราจะได้ยินเสียงกระพรวนดังกังวาน แต่ไม่รู้ทำไมเจ๊เชร่าถึงได้เหม่อลอย เมื่อได้ยินเสียงกระพรวนนั้นค่ะ
- รายงานผลกับ "ไอน่า" ค่ะ
- พวกเราจะยังสรุปที่มาของหมอกนี่ไม่ได้เลย รู้แต่เพียงว่า อาณาเขตที่หมอกกระจายไปอย่างไม่มีรูปแบบนี่ น่าจะมาจากแรงลมมากกว่า
(เอสเทลยังบ้าจี้ ไปถามทีต้าว่า ดร. รัซเซล มี [เครื่องกำจัดหมอก] ให้ยืมรึเปล่า ด้วยนะคะ แต่ทีต้าบอกว่า คุณตาของเธอประดิษฐ์แต่ [เครื่องกำจัดความชื้น] เท่านั้นเอง และมันก็ใช้กับหมอกไม่ได้ด้วย)
- จากนั้น พวกเราจะลงความเห็นกันว่า หากเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของ [องค์กร] จริง มันก็ดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็เป็นไปได้ว่า หมอกที่พวกเราเห็นนั้น พวกองค์กรอาจใช้เป็นข้อความเพื่อสื่ออะไรบางอย่าง เหมือนกับการทดลองที่พวกเราเจอกับเหล่าผู้ดำเนินแผนการ ในแต่ละเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็เป็นได้ ดูเหมือนว่าเจ๊เชร่า จะรู้สึกถึงความผิดปกติของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วยค่ะ
- "นายกเทศมนตรีคลาอุส" 『クラウス市長』 วิ่งกระหืดกระหอบมาบอกพวกเราว่า
นายกเทศมนตรีคลาอุส "......เมื่อกี๊นี้ ริต้าคุงที่บ้านฉัน จู่ ๆ ก็ล้มลงไป แล้วก็ดูเหมือนว่าจะมีชาวเมืองคนอื่นที่จู่ ๆ ก็ล้มลงไปเหมือนกันด้วย"

ตรวจสอบคดีหมดสติ
『昏睡事件の調査』 {BP3(+6)}
โบสถ์รอเลนซ์ 『ローレント教会』
- "สังฆราชดีไวน์" บอกกับพวกเราที่มาสอบถามข้อมูลว่า เขาได้ลองไปตรวจดูตามบ้านต่าง ๆ แล้วพบว่า ทุกคนมีอาการแบบเดียวกันหมด ไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นกับร่างกาย ไม่ว่าจะจังหวะของการหายใจ หรือการกลอกไปมาของลูกตาดำ ดูเหมือนเป็นแค่การหลับลึก ที่เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่นเท่านั้นเอง แต่ถ้าปล่อยให้พวกเขานอนต่อไป ร่างกายก็จะอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ตอนนี้ยังระบุที่มาไม่ได้ แต่สังฆราชดีไวน์รู้สึกว่า เหมือนกับมีอะไรมาหน่วงเหนี่ยวดวงวิญญาณของพวกเขา ไม่ให้มีสติกลับคืนมาค่ะ
- เจ๊เชร่า จะเสนอให้ลองไปสอบถามพวกญาติของคนที่สลบไป เผื่อจะรู้ต้นเหตุของอาการหลับลึกก็เป็นได้ค่ะ และนายกเทศมนตรีคลาอุส จะทำเรื่องไว้วานอย่างเป็นทางการ ให้ทางสมาคมช่วยตรวจสอบเหตุการณ์นี้ด้วยค่ะ
เมืองรอเลนซ์ 『ローレント市』
- จากเหตุการที่เกิดขึ้น พวกเราเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่า [องค์กร] จะเป็นคนลงมือกระทำให้เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ บางที อาจเป็นข้อความเพื่อสื่ออะไรบางอย่างให้เราก็เป็นได้
(30) ตามหาเหมียวหลงทาง **หากเลยช่วงนี้ไป ซับเควสต์นี้จะหายไปค่ะ**
- ให้แวะไปตามบ้านทั้ง 4 คนที่หลับไป เพื่อสอบถามรายละเอียดจากญาติ ๆ ของพวกเขาค่ะ
(1) คุณริต้า เมดของคฤหาสน์นายกเทศมนตรี
- คุยกับ "คุณนายมิเรนุ" 『ミレーヌ夫人』 ข้อมูลที่ได้คือ ช่วงเวลาที่ริต้าล้มลงไปคือ เวลาก่อน 5 โมงเย็น ซึ่งคุณนายมิเรนุเห็นริต้าล้มลงอยู่หน้าประตู ในตอนที่เธอเดินออกมาจากห้องครัว หลังจากเตรียมเครื่องปรุงอาหารเสร็จ ซึ่งเวลาที่ใช้เตรียมอาหารนั้น คุณนายมิเรนุบอกคร่าว ๆ ว่า น่าจะประมาณ 30 นาทีค่ะ นอกจากนั้น ยังมีเรื่องประหลาดก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็คือ คุณนายมิเรนุได้ยินเสียงกระพรวนเบา ๆ ตอนที่เธอเตรียมอาหารอยู่ในห้องครัวด้วยค่ะ
★หากไปคุยกับ "นายกเทศมนตรีคลาอุส" เขาจะบอกพวกเราว่า เขายกเลิกการเดินทางไปที่นครหลวงแล้วค่ะ ถึงแม้จะเป็นการไม่บังควรต่อองค์ราชินี ที่ไม่เดินทางไปร่วมพิธีลงนาม ซึ่งถือเป็นหน้าที่อย่างนึงของนายกเทศมนตรี แต่ตอนนี้ เขาไม่อาจละทิ้งเมืองและชาวเมืองที่กำลังประสบปัญหาไปได้ ถึงแม้จะมีพระกระแสรับสั่งขององค์ราชินีลงมาก็ตามค่ะ
(รักชาวเมือง มากกว่าชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง น่านับถือจังเลยค่ะ)
(2) คุณป้าโทลต้า บาร์ อาเบนด์
- คุยกับ "เอลิซซ่า" 『エリッサ』 บนชั้น 2 ข้อมูลที่ได้คือ ช่วงเวลาที่แม่ของเธอล้มลงไปคือ ประมาณ 5 โมงเย็น เป็นช่วงที่เอลิซซ่ากับแม่ของเธอ กำลังช่วยกันเก็บกวาดโต๊ะเก้าอี้ตรงเทอร์เรสอยู่ค่ะ ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่ง พ่อของเธอเรียกเข้าไปในบาร์ พอกลับออกมาก็เห็นแม่หลับอยู่บนเก้าอี้ค่ะ (เอลิซซ่าจะเสียขวัญมาก ที่แม่ของเธอเป็นแบบนี้ เอสเทลเห็นเอลิซซ่าจะร้องไห้ก็เดินเข้าไปกอดเพื่อนของเธอค่ะ) ยิ่งไปกว่านั้น เอลิซซ่ายังเห็นผู้หญิงเดินออกมาจากหอนาฬิกา ตอนที่พ่อเรียกเธอเข้ามาในร้านด้วยค่ะ แต่เพราะหมอกลงจัดจึงมองไม่เห็นหน้า แต่ชุดที่ผู้หญิงคนนั้นใส่อยู่ เป็นชุดกระโปรงสีดำที่มีดีไซน์แปลกมาก เอลิซซ่าก็เลยคิดว่า ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นนักเดินทางค่ะ
★หากคุยกับ "เด็ซเซล" 『デッセル』 (พ่อเอลิซซ่า) เชฟและเจ้าของร้านที่นี่ เขาจะเป็นห่วงภรรยาที่ล้มลงไป แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดงานที่บาร์ได้ เพราะในช่วงเวลาเช่นนี้ หากบาร์ปิด เหล่าชาวเมือง และบรรยากาศของเมืองอาจจะแย่ลงยิ่งกว่านี้ เขาก็เลยได้แต่ขอร้องพวกเอสเทล ให้ช่วยเหลือภรรยาของเขาด้วยค่ะ
★หากคุยกับ "แอนตอน" 『アントン』 นายคนที่เฝ้าฝันถึงฤดูใบไม้ผลิแห่งวัยหนุ่ม เขากำลังดื่มกับเพื่อนเขาอยู่ พร้อมกับพร่ำเพ้อถึง "พี่สาวผมทอง" ผู้สุดแสนวิเศษที่ไม่คิดว่าจะมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้
(3) ลุค บ้านคุณแอสตอน (บ้านข้าง ๆ บาร์อาเบนด์)
- คุยกับ "คุณยายแมกกี้" 『マギー婆さん』 ย่าของลุค และ "แพ็ต" ที่มาดูอาการลุคค่ะ ข้อมูลที่ได้คือ ประมาณ 5 โมงเศษค่ะ ตอนนั้นเขากับลุคกำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ แพ็ตเป็นคนหาแล้วลุคเป็นคนแอบ พอขึ้นไปบนหอนาฬิกา แพ็ตเจอลุคหมดสติอยู่บนนั้นค่ะ ดีที่ได้ลุงแบนดิวอุ้มลุคมาที่นี่ค่ะ ส่วนเรื่องแปลก ๆ ก่อนหรือหลังลุคล้มลงไปนั้น แพ็ตจำไม่ค่อยได้ค่ะ
(4) คุณลุงลาโอ บ้านที่อยู่ใกล้ ๆ ทางออกด้านตะวันตก
- คุยกับ "ฟลีโอ" 『フリオ』 ลูกเขยและ "เออูรี" 『エウリ』 ลูกสาวของลุงลาโอ ข้อมูลที่ได้คือ ช่วงที่ลุงลาโอล้มลงไปคือ ประมาณ 5 โมงครึ่ง จุดที่ล้มลงก็คือ ระเบียงด้านนอกค่ะ ซึ่งตอนนั้นลุงลาโอกำลังรอให้พวกฟลีโอเปิดประตูให้อยู่ แต่พอฟลีโอเปิดประตูออกไป ก็พบกับพ่อตาของเขาที่ล้มฟุบอยู่ตรงระเบียง นอกจากนั้น ช่วงที่กำลังอุ้มลุงลาโอมาที่เตียง พวกเขา 2 คนได้ยินเสียงกระพรวนเบา ๆ ด้วยค่ะ
- เมื่อสอบถามครบทั้ง 4 บ้านแล้ว ก็ไปรายงานผลกับไอน่าได้เลยค่ะ
สาขารอเลนซ์ 『ローレント支部』
- ไอน่าจะเรียกเพื่อน ๆ มารวมกัน เพื่อฟังเรื่องราวที่เราไปสอบถามมาค่ะ
- จากข้อมูลที่ได้มา ไอน่าจะมีความเห็นว่า คำให้การทั้ง 4 มีจุดที่ร่วมกันคือ
昏睡した時刻
ช่วงเวลาที่หมดสติ
-
目撃者の有無
ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์
Bonus BP
聞こえた物音
เสียงที่ได้ยิน
-
- ซึ่งจุดที่ร่วมกันก็คือ ไม่มีผู้พบเห็นเหตุการณ์ในจังหวะที่คนหมดสติเลย มีแต่คนเห็นตอนที่ล้มลงไปแล้วเท่านั้นค่ะ
(จากข้อมูลที่ได้มาพอจะระบุได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น หมอก หรือ [เสียงกระพรวน] และ [ผู้หญิงชุดดำ] ที่ได้ฟังมา ต้องมีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างแน่นอน)
- เอสเทลจะสงสัยว่า คนที่เห็นผู้หญิงชุดดำมีแค่เอลิซซ่าคนเดียว เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นแค่ความบังเอิญ แต่เจ๊เชร่าบอกว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญและบอกให้เอสเทลลองคิดดี ๆ ว่า สถานที่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัว มีอะไรเกิดขึ้น
- มีคำตอบให้เลือกดังนี้ค่ะ
トルタが昏睡した
โทลต้านอนหมดสติอยู่
-
ラオ老人が昏睡した
ผู้เฒ่าลาโอนอนหมดสติอยู่
-
ルックが昏睡した
ลุคนอนหมดสติอยู่
Bonus BP
- จากการวิเคราะห์ข้อมูล ที่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวก็คือ หอนาฬิกา เป็นที่ ๆ แพ็ตเจอลุคสลบอยู่ที่นั่น ดังนั้น เรื่องที่เอลิซซ่าเจอผู้หญิงคนนั้นจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และผู้หญิงชุดดำคนนั้นต้องเป็น [ผู้ดำเนินแผนการ] และเป็นคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยใช้เสียงกระพรวนเป็น [ข้อความ] ส่งถึงพวกเราค่ะ
- ไอน่าจะตัดสินใจแจ้งไปยังทุกสาขาค่ะ ส่วนพวกเอสเทล ก็จะช่วยเดินเวรยามกันตลอดคืนค่ะ แต่จินกับอากัตเห็นว่า การเดินยามปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาดีกว่า เจ๊เชร่าก็เห็นด้วย เพราะเห็นว่าวันนี้เอสเทลเหนื่อยมามากแล้วค่ะ และบอกให้เอสเทลไปพักที่บ้านกับองค์หญิงและทีต้าค่ะ แต่อากัตพูดกับเจ๊เชร่าว่า อย่าพูดเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น เพราะเขาหมายถึงให้พวกผู้หญิงไปพักผ่อน ซึ่งรวมถึงเชราซาร์ด้วย ส่วนการเดินเวรยามปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกผู้ชายต่างหากค่ะ
(จริง ๆ แล้วเจ๊เชร่า พยายามปิดบังความเหนื่อยล้าเอาไว้ แต่พวกอากัต (รวมทั้ง โอลิเวียร์ด้วย) ดูออกค่ะ เจ๊เชร่าเลยโดนบังคับให้ไปพักผ่อนกับพวกเอสเทลค่ะ แถมตอนที่พวกผู้หญิงจะกลับไปที่บ้าน นายติ๊งต๊องโอลิเวียร์ยังจะตามไปด้วยนะคะ ประมาณว่า หน้าที่ของเขาคือปกป้องฮาเร็ม ไม่ใช่เดินยามน่ะค่ะ แต่สุดท้าย อากัตก็มาลากตัวโอลิเวียร์ให้ไปเดินเวรยามด้วย โอลิเวียร์อ้างว่า เห็นคุณจินกับอากัตคุงพูดว่า จะเดินเวรยามกัน 2 คนไม่ใช่เหรอ แต่อากัตบอกว่า ไม่ได้พูดอย่างนั้นค่ะ แต่พูดว่า พวกผู้ชายจะเป็นคนเดินเวรยามเอง ดังนั้น ความฝันของโอลิเวียร์ที่จะปกป้อง (หรือทำมิดีมิร้าย) ฮาเร็ม ก็เอวังด้วยประการฉะนี้ค่ะ)
บ้านตระกูลไบรท์ 『ブライト家』
- กลางดึกคืนนั้น เอสเทลได้ยินเสียงเปิดประตู เธอจึงลุกออกจากเตียงเพื่อจะลงไปดูค่ะ
★หากไปที่ห้องของโยชัวร์ "คลอเซ่" จะนอนละเมอถึง ผ.อ. เทเรซ่า และพวกเด็ก ๆ ค่ะ
(ตรงนี้จะทราบว่า ตอนที่เอสเทลพาชมภายในบ้าน พอคลอเซ่เห็นห้องโยชัวร์แล้ว ก็ได้แสดงท่าทีลนลานมากเลยค่ะ ถึงจะเป็นศัตรูด้านความรัก แต่เอสเทลก็พ่ายแพ้ต่อความน่ารักของคลอเซ่อยู่ดีค่ะ ก็น่ารักอย่างคลอเซ่ใครจะไปโกรธลงอ่ะนะ)
★ออกไปที่ระเบียง เอสเทลจะนึกถึงตอนที่เคยมาฟังโยชัวร์เป่าฮาร์โมนิก้าบนนี้ค่ะ
★ก่อนที่จะลงไปชั้น 1 หากเข้าไปในห้องของเอสเทลอีกครั้ง (ต้องไปสำรวจ 2 ที่ข้างต้นก่อน ถึงจะได้เห็นอีเวนท์นี้นะ) จะเห็น "ทีต้า" นอนละเมอถึงพ่อแม่ของเธอ แล้วงึมงำออกมาว่า เพราะมีพวกพี่เอสเทลอยู่ เธอจึงไม่เป็นไร และจะทำตัวเป็นเด็กดีด้วยค่ะ (น่าร๊าาาาก)
★หากไปที่ห้องของป๋า เอสเทลจะเห็นว่าเจ๊เชร่าจะไม่ได้อยู่ที่เตียงค่ะ
- ไปที่ห้องอาหารชั้น 1 จะพบเจ๊เชร่านอนไม่หลับ มานั่งทำนายไพ่ทาโร่ต์อยู่คนเดียวค่ะ
(เสียงที่เอสเทลได้ยินก็คือ เสียงเจ๊เชร่าเปิดประตูค่ะ เจ๊เชร่าเลยชมเอสเทลไปเปราะใหญ่ว่า รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติรอบตัวได้รวดเร็ว สมกับเป็นเบรเซอร์ทางการมากขึ้นแล้วด้วยนะคะ)
เอสเทล "นี่ เห็นอะไรบ้างอ่ะ?"
เชราซาร์ด "นั่นสินะ...... (หยิบไพ่ขึ้นมา) ไพ่ [จักรพรรดิ] กลับหัว ------ ความเมตตากรุณา ความรู้สึกร่วมกัน ความไว้วางใจ อุปสรรค ความอ่อนหัด ------ แล้วก็ความรู้สึกอึดอัดที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู"
เอสเทล "อะ อะไรกัน เป็นไพ่ที่ให้ข้อคิดจัง แต่ความรู้สึกอึดอัดที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูนี่ ไม่ค่อยอยากจะยอมรับเลยแฮะ......"
เชราซาร์ด "หึหึ...... ในตอนนี้น่ะ ชั้นไม่ได้ทำนายเรื่องของเอสเทลหรอกนะ"
เอสเทล "เอ๊ะ"
เชราซาร์ด "หึหึ แต่ดูเหมือนว่าไพ่จะออกมาในส่วนของเธอด้วยเหมือนกันนะ อย่างเรื่องของคุณนักข่าวที่ว่า?"
- สีหน้าของเอสเทล แสดงความกังวลใจ เธอไม่ตอบอะไรกลับไป
เชราซาร์ด "ไม่ได้เร่งเร้าอะไรเธอหรอกนะ แต่ถ้าจัดการกับความรู้สึกได้แล้วล่ะก็ ลองพูดออกมาอาจจะดีกว่าก็เป็นได้นะ"
เอสเทล "........................ เจ๊เชร่า...... ปรึกษา หน่อยได้ไม๊?"
เชราซาร์ด "เธอเป็นน้องสาวบุญธรรมของชั้น แล้วชั้นที่เป็นพี่สาวบุญธรรมก็มีไว้เพื่อเวลาอย่างนี้อยู่แล้วนี่"
เอสเทล "เจ๊เชร่า......"
- "......ดูนี่ หน่อยได้ไม๊?" เอสเทลนำรูปที่ได้รับมาจากโดรธี ยื่นให้กับเจ๊เชร่า เมื่อเจ๊เชร่ารับมาดู เธอเงียบไปครู่นึง
เชราซาร์ด "......เป็นอย่างนี้นี่เอง นี่สินะที่ทำให้เธอไม่แจ่มใสน่ะ"
เอสเทล "......อืม......"
- เจ๊เชร่าดูรูป แล้ววิเคราะห์ความเป็นไปได้ ด้วยความเชี่ยวชาญในประสบการณ์จากรูปที่เห็น "เพิ่งจะมาทำตัวปิดบังซ่อนเร้นเอาตอนสุดท้ายหรือไงกัน...... อย่างนี้นี่เอง อาจจะเป็นเรื่องที่ใช้ตำแหน่งของเบรเซอร์ทำไม่ได้สินะ ฮืม...... มีเป้าหมายอะไรนะ?"
เอสเทล "เจ๊เชร่า...... ไม่ตกใจเหรอ?"
เชราซาร์ด "บอกตามตรง คิดว่าเขาคงไม่ได้ทำเรื่องที่มันหนักหนาสาหัสอะไรหรอก แล้วดูเหมื่อนว่าคดีชิงยานสลัดอากาศนี่ ก็แค่ทำให้พลทหารหมดสติไปเท่านั้นเองนี่นา น่าจะเป็นผลมาจากความฉลาดหลักแหลมที่สมกับเป็นโยชัวร์ล่ะนะ"
เอสเทล "กะ ก็คงงั้น......"
เชราซาร์ด "แต่ถึงขนาดโดนถ่ายรูปออกมานี่ ไม่ทันระวังตัวเลยนะ จุดนี้เนี่ย ไม่สมกับเป็นเด็กคนนั้นเลย"
เอสเทล "ก็แหม...... อีกฝ่ายเป็นโดรธีนี่นา ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการถ่ายรูปเนี่ย ดูเหมือนจะมีโชคในพรสวรรค์ รวมกับความสามารถที่แท้จริงด้วย"
เชราซาร์ด "เข้าใจแล้ว เด็กแว่นคนนั้นเองน่ะเหรอ"
เอสเทล "......นี่ เจ๊เชร่า รูปนี้น่ะ...... คิดว่าควรจะมอบให้กิลด์ดีไม๊?"
เชราซาร์ด "เบื้องต้นก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้สำหรับเบรเซอร์ แต่นั่นก็มีไว้ใช้เพื่อช่วยเหลือชาวเมืองที่ถูกทำร้ายอย่างไม่ถูกทำนองคลองธรรมเท่านั้นน่ะ แล้วเธอคิดว่าโยชัวร์ร่วมมือกับสลัดอากาศไปทำร้ายชาวเมืองเหรอไง?"
เอสเทล "ระ เรื่องพรรค์นั้น โยชัวร์ไม่ทำแน่นอนอยู่แล้ว!"
เชราซาร์ด "เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรายงาน แล้วชั้นก็ไม่คิดที่จะลำบากลำบนไปรายงานผลด้วยเหมือนกันนะ เอาเป็นว่า แค่เธอเชื่อใจโยชัวร์ก็พอแล้วล่ะจ้ะ"
- สีหน้าของเอสเทล แสดงถึงความไม่สบายใจ
เชราซาร์ด "หรือว่า...... เชื่อใจไม่ได้เหรอไง?"
เอสเทล "เชื่อสิ...... เชื่ออยู่แล้ว...... แต่ว่า...... ไม่สบายใจน่ะ...... ไม่ว่าจะอยู่ในที่ ๆ ชั้นไม่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นแววตาที่เย็นชา...... ทั้งยังทำเรื่องเกินตัว...... ถึงจะพูดไปว่า เรื่องของตัวเองจะเป็นไงก็ช่าง แต่มาลองคิด ๆ ดูแล้วก็พบว่า ชั้นควรจะไปปรึกษาคุณพ่อ แล้วขอให้มาช่วยคุ้มครองตัวเองอะไรแบบนี้น่ะ......"
เชราซาร์ด "......เอสเทล......"
เอสเทล "แต่ว่า ชั้นน่ะมาจนถึงนี่ไปเพื่ออะไรกันเหรอ? ไม่ใช่เพื่อที่จะดึงโยชัวร์กลับมาด้วยมือของชั้นเองหรอกเหรอ? ......พอคิดไปถึงขนาดนั้นในหัวก็สับสนไปหมด......"
เชราซาร์ด "งั้นเองเหรอ...... แต่ว่านะ เอสเทล ชั้นว่าเธอไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรก็ต้องค้นพบคำตอบได้แน่"
เอสเทล "......เอ๊ะ......"
เชราซาร์ด "เธอในตอนนี้น่ะ น่าจะเข้าใจจิตใจของตนเองได้เป็นอย่างดี นี่ก็แค่ปล่อยให้สิ่งที่อยากจะทำคลาดสายตาไปก็เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร ก็จะค้นพบคำตอบที่ออกมาจากภายในตัวของเธอเองได้อย่างแน่นอน"
เอสเทล "เจ๊เชร่า......"
เชราซาร์ด "เทียบกับตอนที่เพิ่งลงมาจากเรือเหาะแล้ว ดูเธอจะสบายใจขึ้นมากแล้วด้วย อย่างน้อยน่าจะเข้าใจแล้วว่า ตอนนี้อะไรควรทำแล้วไม่ใช่เหรอไง?"
เอสเทล "อะ อืม...... ตอนที่รู้เรื่องที่ลุค หรือแม่ของเอลิซซ่าหมดสติไป...... ไม่ใช่ไม่แจ่มใสอะไรหรอกนะ แต่มีใจที่จะทำขึ้นมาต่างหากล่ะ พอเป็นอย่างนั้น ความรู้สึกที่มันคลุมเครืออยู่ก็ค่อย ๆ จางหายไปน่ะ...... ชั้นเนี่ย...... เป็นคนง่าย ๆ เกินไปหรือเปล่านะ?"
เชราซาร์ด "หึหึ ไม่ใช่หรอก แต่ดูท่าทางเธอน่ะต้องให้ทำงานไปเรื่อย ๆ จะดีกว่านะ คงจะเป็นประเภทที่ต้องเดินไปข้างหน้าของข้างหน้าอีกที ถึงจะพบคำตอบน่ะ"
เอสเทล "อูย...... พูดเหมือนกับว่าชั้นเป็นหมูป่าแบบนั้นน่ะ ไม่ดีใจหรอกนะ แต่ก็ ขอบคุณนะเจ๊เชร่า รู้สึกว่าจะเริ่มมองเห็นคำตอบขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ"
เชราซาร์ด "หึหึ...... ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยจ้ะ ------แต่ยังไงก็ตาม โยชัวร์เนี่ยไม่เลวเลยแฮะ ทำตัวสนิทสนมกับแม่สลัดอากาศนั่นด้วยนะเนี่ย❤"
- เอสเทลจะฉุนกึกขึ้นมาทันที และบอกเจ๊เชร่าว่า นั่นยังตัดสินลงไปไม่ได้หรอกว่า โยชัวร์มีความสัมพันธ์ยังไงกับยัยห้าวนั่นน่ะค่ะ
(ดูเหมือนว่าเจ๊เชร่าจะแหย่เอสเทลให้หึงนะเนี่ย แถมยังทำเหมือนว่าเจ๊แกชอบเด็กผู้หญิงสไตล์โจเซ็ตอีกด้วย เอสเทลถึงกับบนอุบว่า เจ๊เชร่าเหมือนพวกคุณลุงเลยค่ะ)
- จากนั้น เอสเทลจะขอตัวไปนอนก่อนค่ะ ส่วนเจ๊แกก็ขออยู่ต่ออีกสักพัก แล้วหยิบไพ่ทาโร่ต์ขึ้นมาดูอีก
เชราซาร์ด "ไพ่ [จักรพรรดิ] กลับหัว ------ ความเมตตากรุณา ความรู้สึกร่วมกัน ความไว้วางใจ อุปสรรค ความอ่อนหัด ------แล้วก็ความรู้สึกอึดอัดที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู ---------------- ก็แค่ ปล่อยให้สิ่งที่อยากจะทำคลาดสายตาไปก็เท่านั้นงั้นเหรอ...... ------------------ หึหึ...... หมายถึงใครกันแน่นะ"
- เช้าวันต่อมา พวกเราจะสังเกตเห็นว่า หมอกลงจัดกว่าเมื่อวานนี้อีกค่ะ ยังไงก็ตาม ก็ต้องไปดูพวกอากัตที่สมาคม แล้วก็ขอฟังผลจากการเดิมยามด้วยค่ะ
เมืองรอเลนซ์ 『ローレント市』
- ใช้ทางหลวงเอรีซ มุ่งสู่เมืองรอเลนซ์ได้เลยค่ะ
☆ก่อนที่จะไปทำเหตุการณ์ที่สาขา หากแวะไปคุยกับ "รินอน" จะเริ่ม "Sub-Event" ที่สาว ๆ จะลงขันกันซื้อของให้กับพวกผู้ชาย ที่อุตส่าห์เสียสละเดินยามตอนกลางคืนด้วยนะคะ เพื่อน ๆ คนไหนอยากเห็นก็ลองทำดูได้นะคะ
โดยทีต้าจะเสนอความคิดให้พวกเราซื้ออะไรตอบแทนพวกอากัตค่ะ คลอเซ่แนะนำว่าให้เป็นของหวาน ๆ เพราะช่วยคลายความเหนื่อยล้าได้ดี แล้วพวกผู้ชายก็น่าจะดีใจด้วยค่ะ
ดังนั้น รินอนเลยแนะนำสินค้าที่พอจะมีในร้านของเขา ซึ่งก็คือ บิทเทอร์ช็อคโกแล็ต ที่ออกรสขมแบบที่ผู้ชายชอบ สนนราคา 1 ชิ้น 200 มิร่าค่ะ
(หากเลือกที่จะซื้อจะเสียคนละ 150 มิร่า และได้ไอเทม "บิทเทอร์ช็อคโกแล็ต" ค่ะ)☆
★หากแวะไปที่ โฮเต็ล รอเลนซ์ บนชั้น 2 จะพบ "โอลิเวียร์" กำลังละเมอ (ฝันร้าย) ถึงเจ๊เชร่ากะไอน่าค่ะ
★ถ้าไปคุยกับคนที่เฝ้าไข้เหล่าคนที่หมดสติไป พวกเขาจะบอกว่าสีหน้าของคนที่หมดสติไปนั้น ไม่แสดงความเจ็บปวดอะไรเลย แต่กลับแสดงสีหน้าที่มีความสุขมาก ๆ ค่ะ
★จะพบกับ "แอนตอน" ยืนอยู่ด้านข้างสาขารอเลนซ์ เขากำลังตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะเข้าไปชวนสาวสวยที่อยู่ในสาขาค่ะ ส่วน "ริกซ์" เพื่อนของเขาก็พูดสบาย ๆ ว่า เมื่อไรแอนตอนจะเลิกตกหลุมรักใครไปเรื่อย ๆ แล้วมานั่งดูนกพิราบสนุก ๆ ดีกว่า
(เฮ้อ สองคนนี่ เป็นเพื่อนกันได้ไงเนี่ย คนละขั้วกันเลยแฮะ)
สาขารอเลนซ์ 『ロレント支部』
- พบกับ "อากัต" และ "จิน" ที่กำลังรายงานผลกับ "ไอน่า" อยู่ค่ะ
(อากัตจะบอกว่า "โอลิเวียร์" หลับเป็นตายอยู่ที่โรงแรมค่ะ (หากเราไปพบโอลิเวียร์มาแล้ว เอสเทลจะบอกว่าเห็นโอลิเวียร์ที่โรงแรมแล้วค่ะ) ซึ่งจินบอกว่า ถึงหมอนั่นจะบ่นนู่นบ่นนี่ แต่ก็เดินยามอย่างตั้งใจทีเดียวเชียวแหล่ะค่ะ (โห ไม่น่าเชื่อ)
- ได้รับทราบจาก "ไอน่า" ว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีคนหมดสติเพิ่ม แต่คนที่หมดสติอยู่ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาเหมือนกันค่ะ ส่วนสถานการณ์ของหมอกที่ลงตอนนี้ นอกจากจะลงจัดมากขึ้นแล้ว อาณาเขตที่ครอบคลุมก็ยังแผ่ขยายกว้างออกไป แต่ก็มีข่าวดีที่ว่า ทางกองทัพจะส่งคนให้มาช่วยคุ้มครองชาวเมืองรอเลนซ์ ดังนั้น เมื่อทางกองทัพมาช่วยดูแลเมืองให้ ก็จะทำให้พวกเบรเซอร์อย่างพวกเรา สามารถไปทำงานอื่น ๆ ได้ค่ะ
- เนื่องจากว่า ในตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลใหม่ ๆ ของ [องค์กร] เข้ามา "ไอน่า" จึงเสนอให้พวกเอสเทล ทำงานพาชาวเมืองลี้ีภัย เพื่อเป็นการป้องกันคนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากหมอกที่ขยายวงกว้างขึ้น หรือป้องกันกรณีที่จู่ ๆ อาจจะมีชาวเมืองที่หมดสติไปเฉย ๆ โดยสถานที่ไอน่าจะให้เราไปนั้น ก็จะมีที่ "ไร่เพอเซล" กับ "เหมืองมัลก้า" ค่ะ
- ดังนั้น พวกเราจึงตกลงรับงานนี้ค่ะ โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มผู้หญิงจะขอไปที่ไร่เพอเซลเอง เพราะเอสเทลมีเพื่อนอยู่ที่นั่น ส่วนกลุ่มผู้ชายจะไปที่เหมืองมัลก้าค่ะ
(ว่าแล้ว โอลิเวียร์ก็ปรากฏตัว แล้วนายนี่ ก็อุตส่าห์ดีดลูทเพื่อฉากปรากฏตัวเลยนะคะ แถมยังมีหน้ามาบอกว่า ความจริงแล้วจะอาศัยช่วงที่เดินยาม ไปโผล่ที่บ้านของพวกเอสเทล (ฮาเร็ม) ซักหน่อย แต่ไม่มีโอกาสเลยค่ะ)
- จากนั้น ไอน่าจะเล่ารายละเอียดของงานให้กับโอลิเวียร์ค่ะ นายติ๊งต๊องอยากจะไปที่ไร่ กับพวกผู้หญิงอีกแน่ะ แต่อากัตจะบังคับว่าให้โอลิเวียร์ไปกับเขาค่ะ โอลิเวียร์เลยบอกว่า "จริง ๆ แล้วอยากจะไปกับผมสินะ อากัตคุงเนี่ย น่ารักจังเลย❤" แน่นอนว่า อากัตจะสยดสยองขนลุกขนพองกับคำพูดของโอลิเวียร์ม๊ากมากค่ะ
(ทีต้าเป็นเดือดเป็นร้อนด้วย น่ารักจังเลย)
☆ในกรณีที่ลงขันซื้อของให้พวกผู้ชาย "ทีต้า" จะเตือนให้พวกเราเอา "บิทเทอร์ช็อคโกแล็ต" ให้กับพวกอากัตค่ะ
จินกับโอลิเวียร์ไม่รังเกียจที่จะรับของตอบแทนนี่เลยค่ะ แต่ดูเหมือนว่าอากัตจะเขินตามสไตล์เขานะ
(เงียบ แล้วทำหน้าตาน่ากลัว แบบเดาอารมณ์ไม่ถูก นึกว่าโกรธอยู่)
แต่อากัตก็บอกว่าไม่ได้เกลียดของหวาน แล้วท้องก็ว่างอยู่ด้วย ยังไงเขาก็จะกินรองท้องไว้แล้วกันค่ะ
(ทีต้าจะดีใจ ยิ้มจนแก้มนุ่มนิ่ม ๆ ปริเลยค่ะ)

รับประกันความปลอดภัยไร่เพอเซล
『バーゼル農園の安全確保』 (BP1)
ทางหลวงมิลฮี 『ミルヒ街道』
- ใช้ "ทางหลวงมิลฮี" มุ่งสู่ไร่เพอเซลได้เลยค่ะ
- ระหว่างทาง จะพบกับพ่อของลุค "หัวหน้ากองแอสตอน" 『アストン隊長』 ที่นำกำลังทหารมาช่วยคุ้มครองเมืองรอเลนซ์ ตามที่ได้รับแจ้งจากประตูฮาเก้นค่ะ
(เอสเทลไม่รู้มาก่อนเหมือนกันว่า หน่วยที่มาทำหน้าที่คุ้มครอง จะเป็นหน่วยของแอสตอนค่ะ ส่วนเรื่องของลุคนั้น แอสตอนได้ข่าวมาแล้วว่า ลูกของเขาหมดสติไป แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต เขาจึงไม่อยากคิดอะไรมาก ทำได้แค่คิดถึงหน้าที่ของตนที่ต้องทำ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยลุคก็ได้ค่ะ พวกเอสเทลรู้ว่า แอสตอนต้องเป็นห่วงลุคมากแน่ ๆ แต่อดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ พอพวกเอสเทลเห็นแอสตอนเข้มแข็งได้ขนาดนั้น ก็เลยมีกำลังใจที่จะทำหน้าที่ของตนมากขึ้นอีกค่ะ)
★ถ้าหากแวะไปที่สะพานเวรูท จะพบกับทหารที่มาจากประตูฮาเก้น มาทำหน้าที่เฝ้าด่านแทนพวกแอสตอนค่ะ
ไร่เพอเซล 『パーゼル農園』
- เมื่อเข้ามาในไร่ พวกเอสเทลจะได้ยินเสียงกระพรวนดังขึ้นมาค่ะ ทำให้พวกเอสเทลใจคอไม่ดี รีบเข้าไปดูพวกเพอเซล แต่ทว่า กลับมีสัตว์ปิศาจหมอก ออกมาขัดขวางค่ะ
- อัลลาวเน่ *3 -
- 『アルラウネ*3』 -
**เจ้าตัวนี้หากใช้การโจมตีกายภาพ จะไม่ค่อยโดนนะคะ**
**แนะนำ ให้ใช้อาร์ทคุณสมบัติดินปราบค่ะ แต่ต้องระวังมันใช้ท่า "ควันละเมอ" ที่โจมตีแล้วสกัดกั้นการร่ายอาร์ทของเราด้วยนะคะ**
- ปราบได้ ให้เข้าไปตรวจสอบในบ้านเพอเซลค่ะ ซึ่งประตูหน้าจะล็อคอยู่ ให้ใช้ประตูด้านข้างแล้วอ้อมไปยังห้องรับแขกค่ะ
- เมื่อมาถึงห้องรับแขกจะพบว่า ทุกคนหมดสติไปเหมือนพวกลุคค่ะ โดยที่พวกเราไม่สามารถตามจับตัวการได้เลย เหมือนกับว่าหญิงชุดดำคนที่ทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น อ่านการกระทำของพวกเราออกหมดเลยค่ะ
- หลังจากที่พาพวกเพอเซลไปนอนที่เตียงแล้ว เอสเทลจะโทษตัวเองที่อ่อนหัด ถ้าเก่งกาจเทียบได้กับพ่อของตัวเอง พวกทีโอก็จะได้ไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เอสเทลยังรู้สึกว่าตัวเองนัน คงไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างที่เจ๊เชร่าบอกด้วย
- "เพียะ" เจ๊เชร่าได้ยินเอสเทลพูดดูถูกตัวเองแบบนนั้น ก็เลยตบเอสเทล เพื่อให้เธอตาสว่างค่ะ คลอเซ่ และทีต้าเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี แต่ก็ทำได้แค่ยืนมองเท่านั้น
เชราซาร์ด "......อ่อนหัดอะไรนั่น มันก็พอ ๆ กันนั่นแหล่ะ ชั้นเองก็ไม่ได้เก่งกาจเทียบเท่ากับอาจารย์หรอกนะ แต่กำลังดิ้นรนไปเรื่อย ๆ ต่างหากล่ะ ไม่ว่าจะเป็นอากัต ไม่ว่าจะเป็นคุณจิน หรือแม้แต่อาจารย์คาซิอุส...... ทุกคนน่ะ ในขณะที่ตระหนักว่าตนเองยังอ่อนด้อย ก็ได้พยายามต่อไปเรื่อย ๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย"
เอสเทล "คะ คุณพ่อก็ด้วย......?"
เชราซาร์ด "จำได้ใช่ไม๊? ตอนที่อาจารย์มาดูใจคุณเรน่าไม่ทัน......"
เอสเทล "......อ๊ะ......"
เชราซาร์ด "แต่ว่าอาจารย์น่ะ...... ฟันฝ่าการตายของคุณเรน่า แล้วเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งเบรเซอร์ โดยไม่หยุดยืนอยู่กับที่ แต่เลือกที่จะเดินต่อไปเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ ถึงตอนนี้จะกลับไปประจำที่กองทัพราชอาณาจักรอีกครั้ง แต่ก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจอันนั้นเลย เอสเทล...... เธอน่ะ อยากจะเป็นแบบไหนเหรอ?"
เอสเทล "............................"
เชราซาร์ด "ไม่จำเป็นต้องคิดมากเลยนะ ค้นหาความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาที่อยู่ลึกเข้าไปในตัวของเธอเองให้เจอซะ"
เอสเทล "................................... ------------ ถึงจะหาคำตอบ...... ไม่พบ...... ถึงจะเป็นอย่างนั้นชั้นน่ะ...... ก็อยากจะเดินไปข้างหน้าเพื่อที่จะปกป้องเหล่าคนสำคัญ...... ถึงจะบอกว่าตัวเองยังอ่อนหัด แต่ก็ไม่อยากหยุดยืนอยู่กับที่หรอก!"
เชราซาร์ด "หึหึ...... เข้าใจดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"
เอสเทล "ขอโทษนะ เจ๊เชร่า...... ชั้นเนี่ย...... เป็นน้องสาวที่ต้องใช้เวลามาลงทุนลงแรงสั่งสอนสินะ"
เชราซาร์ด "แต่นั่นก็ถือเป็นความโชคดีของพี่สาวเหมือนกัน แล้วก็น่าจะบอกว่าเป็นเด็กน่ารัก มากกว่าที่จะบอกว่า เป็นเด็กที่ต้องใช้เวลามาลงทุนลงแรงสั่งสอนต่างหากล่ะ"
เอสเทล "อุ......"
ทีต้า "คิกคิก......"
คลอเซ่ "หึหึ......"
เอสเทล "อ๊ะ...... ทะ โทษที ทำให้ เป็นห่วงใช่ไม๊เนี่ย?"
ทีต้า "อืม ก็ตกใจอยู่หรอกจ้ะ แต่ พี่เอสเทลกับคุณเชร่าเนี่ย รักกันมา~กเลยนะ เอ๊ะเหะเหะ...... รู้สึกอิจฉานิด ๆ ซะแล้วสิ"
คลอเซ่ "หึหึ ดิฉันรู้สึกว่าได้มาเห็นเหตุการณ์ที่ดีมาก ๆ เลยล่ะค่ะ"
- จากนั้น พวกเราจะตัดสินใจไม่ถูกว่าจะกลับไปที่สมาคมเพื่อรายงาน หรือจะอยู่เฝ้าพวกเพอเซลที่นี่ ซึ่งเจ๊เชร่าไม่อยากจะให้แยกกลุ่มกันค่ะ
- พบกับ "หลวงพ่อเควิน" (ที่ใช้มุขขนมจีบว่า เป็นการชี้นำจากเทพธิดากับเอสเทลอีกแล้วค่ะ) ที่ได้รับทราบเรื่องจาก "สังฆราชดีไวน์" ที่รายงานผลไปยังมหาวิหารที่นครหลวงค่ะ ซึ่งเควินก็มาตรวจสอบเรื่องหมอกที่นี่ให้แน่ใจ ในฐานะ [อัศวินจอกดารา] ค่ะ
(ไอน่าเป็นคนบอกเควินว่าพวกเอสเทลมาที่ไร่เพอเซล ตอนที่เควินแวะไปหาพวกเอสเทลที่สมาคมค่ะ)
- เควินจะอาสาเฝ้าไข้พวกเพอเซลอยู่ที่นี่เอง และบอกกับพวกเอสเทลว่า
หลวงพ่อเควิน "นี่ก็เป็นงานของบาทหลวงเหมือนกันครับ คนของโบสถ์นั้น มีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดีในศาสตร์แพทย์ ถ้ายังไงก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชั้นเถอะ"
- ดังนั้น พวกเอสเทลเลยวางใจ ให้เควินอยู่ดูแลพวกเพอเซลอยู่ที่นี่ ส่วนพวกเธอจะเดินทางกลับไปรายงานผลที่สมาคมค่ะ
เมืองรอเลนซ์ 『ロレント市』
- กลับไปรายงานผลที่สาขาค่ะ
★จะมีพวกทหารยืนเฝ้ายามอยู่เต็มไปหมด และถ้าแวะไปดูรอบ ๆ เมืองจะเห็นว่า พวกคนงานที่เหมืองมัลก้า เดินทางมาถึงรอเลนซ์โดยสวัสดิภาพแล้วค่ะ
★หากแวะไปคุยกับ "เอลิซซ่า" เธอจะสังเกตเห็นว่าเอสเทลสีหน้าเหมือนกับไม่ค่อยสบายใจ แต่เอสเทลไม่อยากทำให้เอลิซซ่ากังวลไปมากกว่านี้ เลยไม่บอกเรื่องของทีโอให้เอลิซซ่ารู้ค่ะ
★หากไปคุยกับ "สังฆราชดีไวน์" เขาจะถามว่าเราได้เจอกับหลวงพ่อเควินแล้วหรือยัง แถมสังฆราชยังสังเกตเห็นสีหน้าของเอสเทล ที่เต็มไปด้วยความสับสน แต่ดูเหมือนว่า จะได้รับการชี้แนะจากพวกรุ่นพี่ของเธอแล้วค่ะ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะสอนเอสเทลเหมือนเดิมค่ะว่า "เอาแต่นึกเสียใจไปกับความไร้พลังและความผิดพลาดไป ก็ไม่สามารถเริ่มอะไรใหม่ ๆ ได้ ในตอนนี้ก็ให้แต่ละคนทำสิ่งที่ตนทำได้อย่างสุดความสามารถไป ซึ่งนั่น จะต้องเป็นทางที่สั้น ที่สุดที่มุ่งสู่การคลี่คลายคดีได้อย่างแน่นอน"
(สังฆราชมองได้ทะลุปรุโปร่งจริง ๆ ค่ะ สมแล้วที่มีคนให้ความนับถือไปทั่ว)
★คุยกับ "ซิสเตอร์ เมย์" 『シスター・メイ』 เธอจะบอกว่า บาทหลวงที่มาจากนครหลวงคนเมื่อกี๊ (เควิน) ทรงผมก็เก๋ดีอยู่หรอก คำพูดที่ใช้ก็ไม่เหมือนใคร หรือว่าสไตล์แบบนั้น จะเป็นที่นิยมในนครหลวงหรือไงนะ
★หากไปคุยกับ "รินอน" เขาจะบอกว่า ตอนแรกนึกว่า แม่ของเขาใช้เงินจ้างคิดดี้ให้มาเป็นเจ้าสาวของเขาซะอีก แต่เท่าที่ได้เห็น เขาก็รู้ได้เลยว่า คิดดี้เป็นคนที่ชอบทำงานอย่างมาก ซึ่งรินอนคิดว่าคนที่เขาอยากจะได้มาเป็นคู่ชีวิตก็ประมาณนี้แหล่ะ
- ไปรายงานผลที่สาขาจะพบกับพวกอากัตที่มารออยู่แล้วค่ะ
(จากคำบอกเล่าของพวกอากัต ทางเหมืองมัลก้าไม่มีใครเป็นอะไรเลย แต่พวกเขาเจอกับพวกสัตว์ปิศาจแปลก ๆ ระหว่างการเดินทางกลับมาที่รอเลนซ์ค่ะ ซึ่งสัตว์ปิศาจที่พวกจินเจอนั้น เหมือนกับที่พวกเอสเทลเจอค่ะ โอลิเวียร์บอกว่า ควรจะเรียกว่า [ปิศาจหมอก] มากกว่าสัตว์ปิศาจค่ะ)
- จากนั้น พวกเราจะรายงานผล เรื่องที่พวกเราเจอที่ไร่เพอเซลให้กับพวกอากัต และไอน่าค่ะ ซึ่งจากที่พวกอากัตได้ฟัง และลองระดมความคิดแล้ว คิดว่าที่ประตูบ้านเพอเซลล็อคอยู่ น่าจะเป็นฝีมือของ "หญิงชุดดำ" ค่ะ
- พบกับ "ริจจ์" ที่เพิ่งกลับมาจากงานคุ้มภัยค่ะ
- พวกเอสเทลจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จนถึงตอนนี้ให้กับริจจ์ฟัง ซึ่งริจจ์บอกว่า [เสียงกระพรวน] ที่บอกนั่น เขาก็เพิ่งได้ยินตอนที่เดินผ่านทางหลวงเอรีซมา แถว ๆ ช่วงทางเข้ามิสต์วอลท์ค่ะ ดังนั้น พวกเราตัดสินใจ ลองไปที่มิสต์วอลท์เพื่อความแน่ใจค่ะ
☆เลือกเพื่อนเข้ากลุ่มต่อสู้ 2 คน (เอสเทล และเจ๊เชร่า เป็นตัวละครบังคับค่ะ)☆

แกะรอย [หญิงชุดดำ]
『《黒衣の女性》の追跡』 {BP5(+3)}
(31) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่หอคอยหยก
(32) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงมิลฮี2
มิสต์วอลท์ 『ミストヴァルト』
- ใช้ "ทางหลวงเอรีซ" มุ่งสู่มิสต์วอลท์ได้เลยค่ะ
- เมื่อเข้ามาถึงที่มิสต์วอลท์นี่ เราะจะเห็นว่าหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณนี้หมดเลยค่ะ
☆ระหว่างทางจะมีหีบสมบัติด้วย อย่าลืมเก็บให้ครบนะคะ "EPชาร์จ II", "แส้เขี้ยวหมาป่า", "ยาแห่งอาเซราส", "ฮาเก้นเทร็ค", "แบล็คบังเกิล", "ลิลลี่เน็คเลส", "เซอร์ไวฝ์เวสต์" ค่ะ☆
- เมื่อเข้ามาด้านในสุด ซึ่งควรจะเป็น "ต้นเซลเบ" ต้นใหญ่ที่อยู่ใจกลางมิสต์วอลท์นั้น พวกเอสเทลกลับได้ยินเสียงกระพรวน และถูกดึงเข้ามาอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่งค่ะ เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ๊เชร่าจะเห็นว่าสิ่งที่พอจะทำได้ก็คือ เดินสำรวจภายในที่แห่งนี้ ต้องเจอวิธีที่จะออกจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน
☆วิธีออกจากป่าแห่งหมอกนี้ เราต้องเดินตามเสียงกระพรวนไปเรื่อย ๆ ค่ะ ยิ่งใกล้ทางออกเท่าไร เสียงกระพรวนก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้นค่ะ
(เร่งลำโพงให้ดังเลยนะคะ เพราะเสียงกระพรวนที่ได้ยินนั้น แตกต่างกันนิดเดียวจริง ๆ ค่ะ)
- ในช่วงนี้ จะมีวิธีเก็บโบนัส BP ดังนี้ค่ะ
หาทางออกได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่เจ๊เชร่าจะพูดว่า "เวลาหมดแล้วนะ" 「時間切れね」 Bonus BP
เส้นทางที่แนะนำ
(1) ไปทางทิศเหนือ => ตะวันออก แล้วสลับไปทางเหนือ => ตะวันออกเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีบทสนทนาของพวกเราที่บอกว่า เสียงกระพรวนที่ได้ยิน น่าจะเป็นคำใบ้ค่ะ
(แนะนำให้เดินบนถนนนะคะ)
(2) หลังจากนั้นก็ให้ไปทางเหนืออีกครั้ง วิ่งขึ้นไปตรง ๆ จะพบหีบสมบัติที่ใส่ควอทซ์ "อาณาเขต" 『範囲』 อยู่ตรงกลางเลยค่ะ
(หากใครพลาดไป น่าเสียดายแย่เลยค่ะ เพราะควอทซ์อันนี้ ทั้งเกมมีแค่ 2 อันเท่านั้นค่ะ)
(3) ส่วนวิธีออกหลังจากเจอหีบสมบัติแล้ว ก็ให้ไปทางทิศ ตะวันออก => เหนือ => ตะวันออก เพียงเท่านี้ก็เคลียร์ค่ะ
- เมื่อออกจากป่าหมอกมาได้ เราจะกลับมาอยู่ที่มิสต์วอลท์ตามเดิมค่ะ
- เมื่อเข้าไปยัง "ต้นเซลเบ" ส่วนลึกที่สุดของมิสต์วอลท์ จะพบกับ [กอสเปล] ที่ฝังร่างลงไปบนลำต้นของต้นเซลเบ และหมอกที่ผุดขึ้นมาจากผิวน้ำค่ะ ซึ่งที่นี่ก็คือ จุดกำเนิดของหมอกค่ะ
- ในขณะที่เอสเทลจะตัดสินใจเข้าไปดึง [กอสเปล] ออกมา เสียงกระพรวนก็ดังขึ้น ปรากฏร่างของปิศาจหมอกค่ะ
- แซคคูม + จูบอคโค + อัลลาวเน่ *4 -
- 『ザックーム+ジュボッコ+アルラウネ*4』 -
**แนะนำ ให้ใส่เครื่องประดับป้องกัน "สับสน" และ "นอนหลับ" อย่าง "ลิลลี่เน็คเลส" หรือ "แบล็คบังเกิล" เอาไว้ก่อนค่ะ (หากมี "มาสเตอร์บีนส์" ที่ได้จากป้าอีด้า จะดีมาก ๆ เพราะเครื่องประดับอันนี้ กันได้ทั้ง 2 อย่างค่ะ)**
**แซ็คคูม จะดูดการโจมตีด้วยอาร์ท ดังนั้น เราจำเป็นต้องใช้การโจมตีกายภาพปราบค่ะ**
**จูบอคโค จะดูดการโจมตีกายภาพ ให้ใช้อาร์ทปราบค่ะ (แนะนำ อาร์ทคุณสมบัติ ดิน)**
**อัลลาวเน่ ให้ใช้วิธีปราบเหมือนเดิมค่ะ**

**ระวัง จูบอคโค สามารถใช้ท่าที่ต้องชาร์จก่อนอย่างท่า "มิสต์สตอร์ม" ที่จะโจมตีทั่วฉาก และทำให้เราติด "นอนหลับ" ด้วยค่ะ หากเทิร์นทัน ให้ใช้ Craft สำหรับสกัดกั้นการร่ายอาร์ทค่ะ (แต่มันดูดการโจมตี เอาไปเพิ่มเลือดนะคะ ต้องคำนวณให้ดี ๆ ค่ะ)**
- ปราบได้เจ๊เชร่า จะบอกให้พวกเราระวัง เพราะเมื่อกี๊เป็นแค่ลูกสมุนเท่านั้น ต้องมีคนบงการอยู่แน่นอน
- "หึหึ พยายามได้ดีนะ ถ้าอย่างนั้นจะให้รางวัลกับทุกคนก็แล้วกัน" สิ้นเสียงของผู้หญิงที่ดังมาจากที่ไหนซักแห่ง [กอสเปล] ก็ได้ส่องแสงสีดำ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว เลือนหายไป
บ้านตระกูลไบรท์ 『ブライト家』
- เอสเทลที่เข้าใจว่า เมื่อกี๊ตัวเองอยู่ที่มิสต์วอลท์แท้ ๆ แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่บ้านได้
- เข้าไปในบ้าน จะพบกับป๋า "คาซิอุส" กำลังผ่าฟืนอยู่ค่ะ
- "คะ คุณพ่อ!!" เอสเทลส่งเสียงเรียกพ่อของเธอด้วยความประหลาดใจ แต่ดูคาซิอุสไม่แปลกใจเลย แถมยังบอกว่า "คิดถึงพ่อที่ไม่ค่อยได้กลับมาบ้านใช้ไม๊เนี่ย จะกระโดดมาให้พ่อกอดซักฟอดก็ได้นะ" อีกด้วยค่ะ
เอสเทล "ทั้ง ๆ ที่บอกว่ายุ่งอยู่แท้ ๆ แล้วหยุดงานมาตั้งกะเมื่อไรเนี่ย? น่าจะบอกกล่าวกันซักหน่อย จะได้เตรียมที่ทางเอาไว้ให้------"
- "แหม เจี๊ยวจ๊าวกันตั้งแต่เช้าเลยนะคะ" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เมื่อเอสเทลหันไปที่หน้าประตูบ้าน ก็ต้องตกใจ เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ......
เอสเทล "อะ เอ่อคือ...... หรือว่าคุณคือ...... .................................................คุณแม่......................?"
หญิงสาว "แหม แปลกเด็กจัง ลืมหน้าแม่ไปแล้วเหรอ?"
- รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเอสเทล "คุณแม่---...... คุณแม่จริง ๆ ด้วยล่ะ......"
- เอสเทลในวัยเด็กเอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ปริ่มไปด้วยน้ำตา "คุณแม่----------!" เธอร้องไห้โฮวิ่งเข้าไปกอดแม่ของเธอ
เรน่า "อ้าวอ้าว...... เป็นอะไรไปจ๊ะ เอสเทล? ฝันร้ายเหรอ?"
เอสเทล "ฮึก...... ฮึก...... จะ จำไม่ค่อยได้อ่ะ...... ตะ แต่ฝันว่า...... เหมือนกับคุณแม่ไปที่ไหนซักที่...... แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย......"
เรน่า "งั้นเหรอ...... หึหึ ไม่เป็นไรนะ คุณแม่อยู่นี่แล้วจ๊ะ แล้วก็จะไม่ไปไหนด้วย เพราะงั้นวางใจเถอะจ้ะ"
- "อืม...... อืม....." เอสเทลตอบรับเรน่าด้วยรอยยิ้ม คาซิอุสยืนมองภรรยากับลูกของตน แล้วก็พูดอย่างน้อยอกน้อยใจว่า "คุณพ่อก็รู้สึกเหงานิด ๆ น๊า......"
เรน่า "อ้าวคุณคะ อยู่ด้วยเหรอเนี่ย?"
คาซิอุส "คุณเรน่า ใจร้าย"
เรน่า "อุหึหึ ล้อเล่นน่ะค่ะ ------......เอ้า คุณคะ"
- คาซิอุสเดินเข้ามาหาเอสเทล เอสเทลกล่าวอรุณสวัสดิ์ด้วยเสียงอันสดใส แล้ววิ่งเข้าไปกอดพ่อของเธอ
คาซิอุส "โอ๊ะ จู่โจมได้ดี เอาล่ะ วันนี้คุณพ่อจะอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเอสเทลอย่างที่ลูกชอบนะ------"
เอสเทล "จริงอ่ะ!?"
คาซิอุส "ลูกผู้ชายชื่อ คาซิอุส ไบรท์ พูดแล้วไม่คืนคำ! ไม่ว่าจะเป็นเล่นพ่อแม่ลูก หรืออะไรก็แล้วแต่ พ่อก็จะเล่นเป็นเพื่อน!""
เอสเทล "หื~ม นั่นสินะ...... ถ้าอย่างนั้นหนู จะตกปลาล่ะ!"
คาซิอุส "โอ้ สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ มีงานอดิเรกที่ยอดไปเลยไม่ใช่เหรอไง ......แต่เดี๋ยว ตกปลาเนี่ย น่าจะเป็นงานอดิเรกของเด็กผู้ชายนี่ เล่นพ่อแม่ลูกไม่ดีกว่าเหรอ?"
เอสเทล "ไม่อ่ะ จะตกปลา"
คาซิอุส "อื~ม...... จะดีเหรอเนี่ย"
เรน่า "หึหึ ให้ทำในสิ่งที่ลูกชอบดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ แต่ไม่ว่าจะเล่นอะไร...... ไปทานข้าวเช้ากันก่อนดีกว่าไม๊คะ?"
- จากนั้น วันคืนที่มีความสุขของเอสเทลก็ดำเนินต่อไป วันที่เชราซาร์ดมาเที่ยวที่บ้านไบรท์ และต้องลาจากพวกเอสเทล ไปจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิหน้าที่คณะละครสัตว์จะมาเปิดการแสดง
- เรน่าจะขอบคุณเชร่าจัง ที่อุตส่าห์มาเล่นเป็นเพื่อนกับเอสเทล ซึ่งเชราซาร์ดนั้นยินดีอยู่แล้ว เพราะได้มาทานอาหารอร่อย ๆ ฝีมือของคุณเรน่าเป็นของแถมด้วย
- ส่วนคาซิอุสก็ชวนเชราซาร์ดว่า หากมาครั้งหน้าก็มาดื่มบรั่นดีเป็นเพื่อนกับเขาอีก เชราซาร์ดถึงกับยิ้มแก้มปริ แต่เรน่าก็ปรามสามีเธอด้วยเสียงเรียบ ๆ คาซิอุสถึงกับหงอไป แล้วแก้ตัวว่าพูดเล่นเฉย ๆ แล้วก็หันมาปรามเชราซาร์ดอีกคนด้วยค่ะ
เรน่า "ถึงคอจะแข็งแค่ไหน แต่เธอยังอายุแค่ 12 ดื่มให้พอประมาณจนกว่าจะเป็นผู้ใหญ่สิ"
เชราซาร์ด "เอ๋~ แต่ว่า~....."
เรน่า "เช~ ร่า~ จัง~"
เชราซาร์ด "อ๊ะหวาหวา เข้าใจแล้วค่ะ...... ตะ แต่ว่าชั้น ก็ไม่ได้ดื่มถึงขนาดที่พูดไปหรอกนะค๊~า หัวหน้าคณะไม่เท่าไรหรอก แต่คุณพี่น่ะเข้มสุด ๆ เลยล่ะค่ะ"
เรน่า "หึหึ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว ถ้างั้นเชร่าจัง ฝากสวัสดีทุกคนที่คณะด้วยนะจ๊ะ"
คาซิอุส "คราวหน้ามาเที่ยวที่นี่กับทุกคนเลยก็ได้ ถ้าเป็นที่สวนนี่ ก็พอจะทำบาร์บีคิวกินกันได้น่ะ"
เชราซาร์ด "ค่ะ จะไปบอกทุกคนนะคะ ถ้าอย่างนั้นเอสเทล ...... เป็นเด็กดีนะ?"
เอสเทล "อืม! เจ๊เชร่า บ๊ายบายนะ!"
- คาซิอุส เรน่า และเอสเทลยืนมองเชราซาร์ดที่จากไปด้วยรอยยิ้ม พวกเขาจะเฝ้ารอจนถึงฤดูใบไม้ผลิหน้า ที่คณะละครสัตว์ฮาร์เวย์จะมาถึง และจะได้จัดงานเลี้่ยงกัน
- "คุณพ่อ คุณแม่ หนู...... อยากมีพี่น้องจังเลย" เอสเทลหันมาพูดกับพ่อแม่ของเธอ
คาซิอุส "วะ ว่าไงนะ?"
เรน่า "อุ๊ย......"
เอสเทล "ก็เจ๊เชร่า นาน ๆ ครั้งถึงจะมาเล่นด้วยกัน...... หนู อยากได้พี่น้องที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลานี่นา"
คาซิอุส "ละ ลูกนี่นะ...... เรื่องแบบนั้น จะพูดไงดี มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนนะ"
เรน่า "อึหึหึ...... เอสเทลอยากมีพี่น้องสินะ แต่ว่านะ เฉพาะตอนนี้แม่สัญญาไม่ได้หรอกว่า จะให้ได้หรือเปล่า มันเป็นเรื่องที่ท่านเทพธิดาเป็นผู้ตัดสินน่ะจ้ะ"
เอสเทล "งั้นเหรอ?"
เรน่า "ใช่จ้ะ ท่านเทพธิดาจะเอาเด็กทารกมาวางเอาไว้ที่ไร่กะหล่ำปลีในตอนกลางคืน...... แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไปเจอเข้าไงล่ะจ๊ะ"
เอสเทล "เป็นงั้นเอง...... ถ้าอย่างนั้นหนู จะภาวนากับท่านเทพธิดาล่ะ!"
เรน่า "หึหึ ก็ดีจ้ะ...... แต่ถ้าเอสเทลเป็นเด็กดีล่ะก็ อาจจะได้รับรางวัลเป็นเด็กทารกมาจากท่านเทพธิดาก็ได้นะ"
เอสเทล "งั้นหนู จะเป็นเด็กดีล่ะ!"
คาซิอุส "เฮ้อ...... ฝีมือยังยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนไปเลยนะ"
เรน่า "อุ๊ย อย่าพูดเหมือนกับเป็นเรื่องของคนอื่นอย่างนั้นสิคะ คุณเองก็ต้องพยามยามให้เต็มที่เหมือนกันนะ"
คาซิอุส "❤ดะ ได้เลย อาวล่ะ ถ้างั้นตอนนี้ รีบ ๆ ไปพยายามที่ห้องกันเถอะจ้ะ......"
เรน่า "อยู่ในขอตเขตของสามัญสำนึกหน่อยสิคะ เดี๋ยวชั้นจะต้องไปเตรียมมื้อเย็นค่ะ"
- คาซิอุสถึงกับตอบรับอย่างจ๋อย ๆ โดยที่เด็กอย่างเอสเทลยืนมองพ่อแม่ของเธอแบบงง ๆ ค่ะ แล้วเรน่าจะเข้าไปเตรียมอาหาร ส่วนคาซิอุสหันไปชวนเอสเทลตกปลา แต่เอสเทลบอกว่า วันนี้อยากไปเล่นคนเดียวมากกว่า ทำเอาคาซิอุสจ๋อยอีกรอบ ที่ต้องไปอ่านหนังสือคนเดียวในห้องค่ะ
- "......พี่น้องเหรอ......" เอสเทลพูดคนเดียวหลังจากที่พ่อกับแม่พากันเข้าไปในบ้านแล้ว
เอสเทล "ทำไมกันนะ...... รู้สึกแปล๊บในอกจังเลย เหมือนกับ...... ลืมบางอย่างเอาไว้ที่ไหนซักที่นึง......"
- เอสเทลมองไปรอบ ๆ ตัว พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาว่า "......ต้องรีบไปหา......"
- บังคับ "เอสเทลน้อย" ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ดังนี้เลยค่ะ
★หากไปคุยกับ "เรน่า" ก่อนที่จะไปหาบางสิ่ง จะรู้ว่าเมนูวันนี้คือ "ออมเล็ต" ค่ะ ซึ่งเมนูนี้ เป็นเมนูสุดโปรดของบ้านนี้เลยนะคะ แหม แต่น่าอิจฉาจังเลยแฮะ นอกจากออมเล็ตไก่แล้ว ยังมีกราแตงหอมหัวใหญ่ กับสลัดผักเพื่อสุขภาพอีกแน่ะ
★หากไปคุยกับ "คาซิอุส" ป๋าของเอสเทลกำลังอ่านหนังสือ "เบรเซอร์กิลด์ในแต่ละประเทศ" อยู่ค่ะ หากคุยอีกครั้งจะทราบว่า ในช่วงนี้ ลีเบร์ลมีสมาคมเบรเซอร์ที่แกรนเซลอยู่แห่งเดียวเท่านั้นค่ะ ซึ่งป๋ามีความคิดว่า หากมีสาขาไปทั่วทุกพื้นที่ ทางสมาคมก็สามารถมาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของทางกองทัพไปได้ ทั้งนี้ เขาจะลองไปปรึกษากับนายพลมอร์แกนดู หลังจากหมดวันหยุดแล้วค่ะ
(1) สำรวจห้องข้าง ๆ ห้องเอสเทล (ห้องโยชัวร์) ประตูจะล็อคอยู่ค่ะ
- เอสเทลไม่รู้ว่าห้องนี้ใช้ทำอะไร ดังนั้นก็เลยจะลองไปถามพวกคุณพ่อดูค่ะ
(2) ลงไปคุยกับป๋า ที่ห้องหนังสือ (ห้องนอนของคาซิอุสกับเรน่า) ค่ะ
- จะทราบว่าห้องนั้นถูกใช้เป็นห้องเก็บของอยู่ เอสเทลเลยอยากจะลองเข้าไปผจญภัยค่ะ (นิสัยไม่กลัวอะไรเนี่ย เป็นตั้งแต่เด็กจริง ๆ ด้วย) ป๋าบอกว่าถ้าเป็นกุญแจห้องนั้น ให้ลองไปถามคุณแม่ดูค่ะ
(3) ไปคุยกับคุณแม่ ใต้ระเบียงที่เก็บเสบียงด้านนอกค่ะ
- ตอนแรกเรน่าเห็นว่าห้องนั้นมันสกปรก แต่เธอก็ปล่อยให้เอสเทลทำอย่างที่อยากจะทำค่ะ ซึ่งที่เก็บกุญแจนั้น อยู่ในลิ้นชักชั้นบนสุดของตู้หัวเตียงในห้องนอนป๋ากับม๊าค่ะ
(4) ไปค้นลิ้นชักหัวเตียงได้เลยค่ะ
- ได้รับ "กุญแจห้องเก็บของ"
(5) เริ่มการผจญภัย โดยใช้กุญแจกับห้องที่ล็อคอยู่ได้เลยค่ะ
- เมื่อเอสเทลเข้าไปในห้อง เธอจะรู้สึกแปลก ๆ และเจ็บแปล๊บ ๆ ในอกอีกครั้งค่ะ
(6) สำรวจหีบสมบัติด้านในสุด
- จะพบ "ฮาร์โมนิก้า" แหม อย่างเอสเทลต้องคิดที่จะลองเป่าดูอยู่แล้วค่ะ
☆หากกดใช้ตอนนี้ เอสเทลจะลองเป่าดู แล้วรู้สึกว่ามันเป่ายากมาก ๆ เลย แต่ว่าเหมือนเธอเคยได้ยินเสียงฮาร์โมนิก้านี้ มาจากที่ไหนซักแห่งหนึ่งค่ะ☆
★หากไปคุยกับ "คาซิอุส" ป๋าจะบอกว่าฮาร์โมนิก้าอันนี้ไม่ใช่ของเขา แล้วก็คิดว่าน่าจะไม่ใช่ของเรน่าด้วย พอคาซิอุสดูที่ฮาร์โมนิก้าแล้วจะพบว่า ฮาร์โมนิก้าอันนี้ ผลิตโดย "บริษัทรีเวลท์" 『リーヴェルト社』 ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในจักรวรรดิค่ะ
★หากไปคุยกับ "เรน่า" คุณแม่จะบอกว่าฮาร์โมนิก้าอันนี้ไม่ใช่ของเธอค่ะ ส่วนคุณพ่อก็ไม่เป่าฮาร์โมนิก้าด้วย ไม่รู้ว่าเป็นของใครกันนะ
(7) ไปที่ระเบียงด้านนอก (ที่ ๆ เอสเทลเคยฟังโยชัวร์เป่าฮาร์โมนิก้าในภาค FC)
- กดใช้ "ฮาร์โมนิก้า" จากเมนูไอเทมค่ะ
เอสเทล "อื~ม...... เป่าไม่ได้เรื่องเลยแฮะ ------ฮาร์โมนิก้าอันเนี๊ยะ เป็นของน่าสงสัยใช่เล่นเลยนะนี่ ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนจะเป่าได้ง่าย ๆ แต่มันยากเกินไปแล้วนะ"
"ถ้าให้เทียบกับวิชาพลองที่เธอใช้อยู่ล่ะก็ คิดว่าอันนี้ง่ายกว่ามาก ๆ เลยล่ะ......
ปัญหาน่าจะอยู่ที่การรวบรวมสมาธิ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญนั่นแหล่ะ
"
- "เห......?" เอสเทลนึกถึงคำพูดของใครบางคนออก
"แต่ว่า เป็นบทเพลงที่ไพเราะจังนะ ฟังแล้วรู้สึกสดชื่นก็จริง แต่ก็มีความรู้สึกเศร้าใจปนอยู่......
เพลงอื่นก็ชอบเหมือนกันนะ แต่เพลงนี้น่ะชอบมากที่สุดเลยล่ะ เอ...... ชื่อเพลงอะไรน๊า?
"
- เอสเทลลองเป่าฮาร์โมนิก้าดูอีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่นานเธอก็สามารถเป่าเพลงที่ฟังดูคุ้นเคยจนได้ ร่างกายของเด็กน้อย กลายเป็นเด็กสาว
เอสเทล "นี่ โยชัวร์...... เป็นครั้งแรก...... ที่ชั้นเป่าเพลง [ที่ที่ดวงดาวคงอยู่] 『星の在り処』 ได้ไม่ผิดเลยนะ"
- "หึหึ เป็นบทเพลงที่วิเศษมากเลยนะ" เสียงของผู้หญิงดังขึ้น เมื่อเอสเทลหันไป ก็ได้พบกับแม่ของเธอ "......คุณแม่......" เอสเทลเรียกแม่ของเธอด้วยสีหน้าที่ยิ้มแบบเศร้า ๆ
เรน่า "ถ้าจะพูดให้ถูก...... ฉันไม่ใช่แม่ของเธอหรอกนะ แต่ควรจะพูดว่าเป็นบุคลิกภาพจำลอง ที่สร้างขึ้นมาจากความทรงจำของเธอต่างหากจ้ะ เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมดจนถึงตอนนี้ เป็นเรื่องราวที่อยู่ในความฝันของเธอนั่นเอง"
เอสเทล "งั้นเหรอ...... แต่ถึงจะอยู่ในความฝัน คุณแม่ก็คือคุณแม่อยู่ดีนั่นแหล่ะ ทุกวันที่ผ่านไป...... ทั้งสนุก ทั้งดีใจ และมีความสุขมาก ๆ เลย"
เรน่า "หึหึ...... แม่ก็เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้น...... ลูกก็จะไปอยู่ดีสินะ?"
เอสเทล "......อืม เพราะตอนนี้หนูนึกออกแล้วว่า มีสถานที่ ที่หนูควรกลับไป......"
เรน่า "งั้นเหรอ...... โยชัวร์คุงสินะ? หึหึ ฟังดูแล้ว เป็นเด็กผู้ชายที่เท่ห์ไม่หยอกเลยนะ"
เอสเทล "คะ คุณแม่ล่ะก็......"
เรน่า "อุ๊ยตาย หน้าแดงขึ้นมาเลยเชียว ------ หึหึ...... มหัศจรรย์จังเลยนะ ถึงแม่จะไม่ใช่เรน่าตัวจริง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกสงบมาก...... เอสเทลตัวน้อยของแม่ เติบใหญ่ขึ้นมากขนาดนี้...... แล้วกำลังมีความรักอย่างจริงจังด้วย...... ในฐานะของคนเป็นแม่...... เฉพาะเรื่องนี้ก็รู้สึกดีใจแล้วล่ะจ๊ะ"
เอสเทล "......คุณแม่...... หนู...... หนู......"
เรน่า "เอ้า อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ นึกออกแล้วไม่ใช่เหรอไงว่า มีที่ ๆ ควรกลับไปอยู่น่ะ?"
- แสงสว่างสีทองเรืองรอง ออกมาจากประตูที่อยู่ตรงหน้าของเอสเทล
เรน่า "นั่นน่ะเป็นจุดจบของความฝัน...... เป็นทางออกไปสู่ช่วงเวลาและมิติที่ลูกอาศัยอยู่ในตอนนี้จ้ะ --------- เอาล่ะ...... ออกไปอย่างผึ่งผายซะ"
เอสเทล "อืม...... ------ เอ๊ะเหะเหะ ในที่สุดก็ไม่ได้กินออมเล็ตฝีมือคุณแม่สินะ"
เรน่า "อุ๊ย...... เอายังนี้สิ ถ้าลูกอยากกินขึ้นมาล่ะก็ลองทำกินเองสิจ๊ะ ออมเล็ตที่ลูกทำน่ะ ไม่แน่นะ รสชาติจะต้องเหมือนของแม่อย่างแน่นอนเลยล่ะ"
เอสเทล "เอ๋......?"
เรน่า "รสชาติอาหารในครอบครัวน่ะ เป็นสิ่งที่ตกทอดจากรุ่นแม่ไปสู่รุ่นลูกนะ ถึงแม้แม่จะไม่ได้สอนไปทั้งหมดก็ตาม แต่ขอให้ลูกทำด้วยความชอบและรสชาติที่จำได้ แม่คิดว่า แม้แต่ลูกเองก็ต้องได้รับสืบทอดไปเหมือนกัน"
เอสเทล "งั้นเหรอ...... อืม พอได้ฟังอย่างนั้น ก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ------- คุณแม่...... ได้เวลาที่หนูต้องไปแล้วนะ"
เรน่า "หึหึ ฝากความคิดถึงถึงคุณพ่อ กับโยชัวร์คุงด้วยนะ"
เอสเทล "อะ อืม! แล้วเจอกันใหม่นะ...... คุณแม่!"
- เอสเทลวิ่งเข้าประตูไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสตามสไตล์ของเธอ เรน่าเฝ้ามองลูกสาวของเธอวิ่งจากไป จนแสงสีทองที่ส่องแสงบอกทางออกดับวูบลง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขว่า
เรน่า "ลาก่อน...... เอสเทลที่น่ารักของแม่"
มิสต์วอลท์ 『ミストヴァルト』
- "รู้สึกตัวสิ เอสเทล" เสียงหญิงสาวเรียกให้เอสเทลตื่นขึ้น ซึ่งเสียงนั้นก็คือ "เจ๊เชร่า" นั่นเอง เอสเทลรู้สึกขอบคุณ "ฮาร์โมนิก้า" ที่ทำให้เธอรอดพ้นจากช่วงเวลาแห่งฝันนั่นได้ และหันไปเรียกเพื่อนอีก 2 คนที่ยังหลับไม่ได้สติอยู่
- เจ๊เชร่าจะรู้สึกวางใจที่เห็นทุกคนปลอดภัยแล้ว เธอตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังว่า "อยู่ใช่ไม๊! พี่ลูชิโอล่า!"
- "หึหึ...... ในที่สุดก็ยอมเรียกซักทีนะ" เสียงหญิงสาวขานรับ พร้อม ๆ กับเสียงกระพรวนดังขึ้น ปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดดำ ตรงหน้าพวกเอสเทล
หญิงชุดดำ "ไม่ได้เจอกันนานนะ เชราซาร์ด ------ 8 ปีได้แล้วมั๊ง?"
เชราซาร์ด "ใช่...... นั่นสินะ แต่ที่คุณพี่มาทำเรื่องแบบนี้น่ะ...... มันเรื่องอะไรกันแน่?"
เอสเทล "ดะ เดี๋ยวก่อน! คน ๆ นี้...... เป็นคนรู้จักของเจ๊เชร่างั้นเหรอ!?"
หญิงชุดดำ "หึหึ...... ทำเป็นห่างเหินจังนะคุณหนูน้อย ทั้ง ๆ ที่เคยเจอกับเธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง"
เอสเทล "เห?"
หญิงชุดดำ "ก็พี่สาวที่ใช้วิชามายาที่เคยมาเล่นไพ่ทาโรต์ด้วยกันไงจ๊ะ...... จำไม่ได้แล้วเหรอ?"
- เอสเทลนึกเรื่องเมื่อตอนเธอเป็นเด็ก เธอจำได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือ
เอสเทล "คะ คนที่เคย...... หรือว่าจะเป็น...... พี่ลูชิโอล่า!"
หญิงชุดดำ "หึหึ ถูกต้อง --------- ผู้ดำเนินแผนการ No. VI [กระพรวนเสน่ห์] 『幻惑の鈴』 ลูชิโอล่า ตอนนี้ใคร ๆ ก็เรียกกันว่าอย่างนั้นน่ะ"
เอสเทล "ทะ ทำไม......"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "หึหึ เชราซาร์ด ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ตัวมาก่อนแล้วสินะ?"
เชราซาร์ด "เพราะวิชามายาที่ใช้กระพรวน..... เป็นการแสดงที่ถนัดเป็นพิเศษของคุณพี่น่ะสิ หมอกที่รอเลนซ์นี่ อย่าบอกนะว่าไม่ได้ใช้วิชามายาน่ะ?"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "หึหึ จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกันล่ะ หมอกนี่เป็นผลมาจากการทดลอง [กอสเปล] ในคราวนี้ น่าจะบอกว่า เป็นตัวกระตุ้นให้เข้าไปแทรกแซงความฝันของผู้คนมากกว่านะ"
เชราซาร์ด "ตัวกระตุ้น...... จะบอกว่า [กอสเปล] นั่นเข้าไปแทรกแซงจิตใจของมนุษย์อย่างนั้นเหรอ!?"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "หึหึ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ แล้วกระพรวนของฉัน ก็ทำหน้าที่นำทางไปให้ถึงขีดสุด...... โดยสร้างความฝันเสมือนจริงให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ด้วยวิชามายาที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ ไม่มีทั้งความเจ็บปวด ไม่มีทั้งความโศกเศร้า มีเพียงความฝันที่เป็นสุขเท่านั้น"
เชราซาร์ด "......คึ......"
เอสเทล "นี่ คุณ...... ลูชิโอล่า ทำไม [องค์กร] ถึงทำแต่เรื่องแบบนี้ล่ะ? ทำการทดลองซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ คิดจะทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "ฉันเป็นแค่ [ผู้ดำเนินแผนการ] มีหน้าที่ทำงานเป็นแขนเป็นขาให้กับ [สาวก] เท่านั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่า จะทำเฉยไม่ให้ความร่วมมือกับแผนการในครั้งนี้ไม่ได้ไงล่ะจ๊ะ สำหรับรายละเอียด ไปถามศาสตราจารย์ กับเรเวเถอะ"
เอสเทล "ศาสตราจารย์, เรเว...... ได้ยินชื่อนี้มาก็หลายครั้ง แล้วตกลงคนพวกนี้ เป็นใครกันล่ะ?"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "เมื่อเวลามาถึงคงจะได้รู้เองนั่นแหละ จะว่าไปก็เคยได้ยินมาว่า ทั้ง 2 คนรู้จักมักคุ้นกับเธออยู่นะ"
เอสเทล "เอ๊ะ......"
เชราซาร์ด "..................... พี่ลูชิโอล่า ขอพูดอะไรหน่อยได้ไม๊?"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "อุ๊ย...... อะไรเหรอ?"
เชราซาร์ด "ตั้งแต่แรก ชั้นน่ะไม่ได้ตั้งใจที่จะมาลงหลักปักฐานอยู่ที่ลีเบร์ลนี่หรอก...... แค่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่ จนกว่าคุณพี่จะกลับมาเท่านั้น แต่จากตอนนั้นก็ล่วงเลยมาจนถึง 8 ปี ชั้นในตอนนี้ มีเพื่อน มีพวกพ้อง มีเหล่าผู้คนที่เปรียบเสมือนครอบครัว แล้วก็มีงานที่คิดว่าน่าภูมิใจอยู่ ไม่ใช่...... เชราซาร์ด นักเต้นของคณะฮาร์เวย์อีกต่อไปแล้ว"
เอสเทล "เจ๊เชร่า......"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "........................."
เชราซาร์ด "ถ้ามาเป็นศัตรู (หยิบแส้ขึ้นมา) กับบ้านเกิดหลังใหม่แห่งนี้...... ถึงเป็นคุณพี่ก็ไม่ให้อภัยหรอกนะ!"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "หึหึ...... ถ้างั้นก็ดี [องค์กร] น่ะ มีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับพวกเธอ จงใช้พลังที่มีทั้งหมดเผชิญหน้าเถอะ"
- พูดจบลูชิโอล่า ดึงเอา [กอสเปล] ที่ติดอยู่กับต้นเซลเบออกไป
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "หึหึ...... แล้วเจอกันใหม่ในเร็ว ๆ นี้นะจ๊ะ เรื่องอีกมากมายที่อยากจะพูด ก็เอาไว้ตอนนั้นแล้วกัน......"
- เจ๊เชร่าไม่อาจขวางลูชิโอล่าที่หายไปอย่างหมอกที่สลายไปได้ ได้แต่พูดกับพวกเอสเทลด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยว่า "หนีไปได้อีกแล้ว...... แต่คดีนี้ก็คงจบแล้วล่ะ พวกคนที่หมดสติอยู่อาจจะตื่นแล้วล่ะมั๊ง"
เมืองรอเลนซ์ 『ロレント市』
- หมอกที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่รอเลนซ์จางหายไปในทันที เหล่าผู้คนที่หมดสติอยู่ ต่างลืมตาขึ้น สร้างความดีใจให้กับคนใกล้ชิดเป็นอย่างมาก
- รายงานผลกับ "ไอน่า" ค่ะ
(ไอน่าชวนเจ๊เชร่าไปดื่มกัน เพื่อคลายความกังวลใจด้วยนะคะ แต่โอลิเวียร์สิ สั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ)
- จากนั้น พวกเราจะมาสรุปผลกับเหล่า [ผู้ดำเนินแผนการ] ที่ได้พบเจอมาทั้งหมด 5 คน รวมทั้ง [ศาสตราจารย์] และ [เรเว] อีก 2 คนที่ยังไม่เคยพบหน้าด้วย
- จากการวิเคราะห์ พวกเราคิดว่าคนที่ชื่อ "เรเว" มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาก็คือ "ร้อยตรีโรแลนซ์" แต่ "ศาสตราจารย์" นี่ เอสเทลพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ว่าเธอเคยพบคน ๆ นี้มาก่อนด้วยหรือ
- เจ๊เชร่าจะรู้สึกกังวลใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับลูชิโอล่า จินจึงให้กำลังใจกับเชราซาร์ด เพราะอยู่ในฐานะที่ต้องเผชิญหน้า กับคนที่เคยสนิทสนมกันมาในอดีตเหมือนกัน ซึ่งจินบอกเชราซาร์ดว่า ยังไม่ต้องรีบคิดหาคำตอบในตอนนี้หรอก แต่ค่อย ๆ ใช้เวลาดูให้แน่ใจไปเรื่อย ๆ ค่ะ ซึ่งเอสเทลก็เห็นด้วยกับจินค่ะ
- เมื่อเห็นจิตใจที่กล้าเผชิญหน้ากับเรื่องต่าง ๆ ของเหล่ารุ่นพี่เบรเซอร์ "เอสเทล" ครุ่นคิด ก่อนที่จะตัดสินใจเอารูปที่ได้รับจากโดรธีให้ทุกคนดู พร้อมทั้งขอโทษที่ปิดเงียบมาตลอด และเล่าทุกอย่างให้กับทุกคนค่ะ
- ถึงแม้เอสเทลจะกังวลใจเรื่องของโยชัวร์ว่าเขาอาจจะเป็น 1 ในสมาชิกของ [องค์กร] รวมถึงกังวลใจเรื่องความสัมพันธ์ของโยชัวร์และยัยห้าว แต่เอสเทลยังคงเชื่อมั่นใน "สายสัมพันธ์" ของเธอกับโยชัวร์ค่ะ และตั้งใจมุ่งมั่นที่จะนำโยชัวร์กลับมาให้จงได้ ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้เธอมีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง และทำให้มีความกล้าที่จะเปิดเผยความจริงนี้ ก็เพราะความฝันที่เธอได้เห็นมาค่ะ
(เอสเทลยังพูดเล่น ๆ ด้วยนะคะว่า "คงต้องขอบคุณ [กอสเปล] เฉพาะคราวนี้แหล่ะนะ")
- จบบทที่ 4 ค่ะ
☆หลังจากจบบทที่ 4 จะมีซับเควสต์ให้ทำดังนี้เลยนะคะ☆
(33) เมนูอาหารที่คนึงหา
(34) ตำรับยาลับแห่งเดียเซโต้
(35) หนังสือมอบอำนาจเหมืองแร่

previous: Chapter 3 งานเลี้ยงน้ำชาวิปลาส
to be continued: Chapter 5 ผู้ที่สมควรปกป้อง

Sub-Quest
 (26) แหวนหมั้นที่หายไปบนท้องฟ้า 『空に消えた婚約指輪』 (BP4)
- คุยกับ "อารุม" 『アルム』 และ "แอร์รี่" 『エアリー』 ที่ยืนหยอดคำหวานให้กันและกันอยู่ในโบสถ์รอเลนซ์ โดยไม่สนใจพวกเอสเทลเลยค่ะ กว่าจะเข้าเรื่องที่จะไว้วานให้ทำได้ ก็ต้องฟังคำหวานของทั้ง 2 จนเหงื่อตก
- พวกเขาจะไว้วานให้ช่วยตามหาแหวนหมั้น ที่อารุมใช้เงินเก็บหอมรอมริบซื้อมา แต่โดนอีกาขโมยไปแล้วค่ะ (ปกติอีกาจะชอบของที่เป็นประกายอยู่แล้วค่ะ แหวนที่มีประกายก็เลยโดนอีกาคาบไปซะงั้น)
- พวกเขาเห็นอีกาบินหนีไปทางเส้นทางภูเขามัลก้า แสดงว่าแหวนหมั้นน่าจะอยู่ที่ทางเหนือของเมืองรอเลนซ์ค่ะ
- ไปยังหอคอยหยก บนชั้นดาดฟ้าของหอคอย จะพบอีกา และ "แหวนทองคำขาว" ค่ะ
- นำแหวนไปมอบให้กับอารุม และแอร์รี่ ที่ยังยืนหยอดคำหวานให้กัน โดยไม่สนใจคนรอบข้างเหมือนเดิม
(ทั้ง 2 คนจะดีใจมาก ๆ ที่ได้แหวนคืนมา จากนั้น พวกเขาเตรียมกำหนดวันแต่งงานให้เร็วที่สุดได้ยิ่งดีค่ะ)

 (27) เสาะหาสถานที่ตกปลา 『釣り場探訪』 {BP4(+2)}
- ไปคุยกับ "เปชูล" 『ペシュール』 (1 ในสมาชิกของสมาพันธ์นักตกปลา) ในห้องอาหาร "ประตูกริวเน่"
(ตอนนี้ เปชูล กำลังเสาะหาสถานที่ตกปลา ที่อยู่ในพื้นที่รอเลนซ์ทั้งหมดอยู่ เพื่อเตรียมจัด "งานฝึกอบรมการตกปลาระยะสั้น" ค่ะ แต่เพราะมีหมอกลงจัด เขาจึงไม่สามารถเสาะหาสถานที่ตกปลาได้ จึงไว้วานให้เป็นหน้าที่ของเบรเซอร์ดีกว่าค่ะ)
- สถานที่ตกปลาในรอเลนซ์ ก็มีดังนี้เลยนะคะ (ต้องตกปลาให้ได้อย่างน้อย 1 ตัว ในจุดตกปลานั้น ๆ เกมถึงจะระบุลงไปในสมุดจดเบรเซอร์ให้ว่า เราค้นพบจุดที่ตกปลาได้แล้วค่ะ)
(1) ด้านหลังด่านที่สะพานเวรูท
(2) บ่อน้ำที่อยู่บนหลางหลวงมิลฮี
(3) ใกล้สะพานบนทางหลวงเอรีซ
(4) บ่อน้ำหลังบ้านตระกูลไบรท์
(5) ทางน้ำใต้ดิน เมืองรอเลนซ์
(6) คลองในมิสต์วอลท์ (สามารถไปได้หลังจากจบบทที่ 4 ค่ะ ถ้าเข้าไปตอนนี้ เราจะเข้าไปด้านในสุดของมิสต์วอล์ทไม่ได้นะคะ เพราะลูชิโอล่าใช้วิชามายา ปิดทางเอาไว้ค่ะ)
- วิธีการได้โบนัส BP ก็ดังนี้เลยค่ะ
หาได้ครบทั้ง 6 ที่ Bonus BP
- กลับไปรายงานผลกับเปชูลค่ะ เขาจะมอบเบ็ดตกปลา "ก้านไม้สุดแกร่งไทรเดนท์" ให้เราเป็นของตอบแทนด้วยนะคะ

 (28) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงเอรีซ 『エリーズ街道の手配魔獣』 (BP4)
- ปราบ (วิซดัม*2 + แมซสแปโรว์ *2 + ไพน์แพลนท์ *2) บนทางหลวงเอรีซ (จะอยู่ตรงฉากที่จะเข้าไปสู่ประตูกริวเน่ค่ะ)
**แนะนำ ให้สวมเครื่องประดับป้องกัน "ตายคาที่" อย่าง "สคัลเพนแดนท์" เอาไว้ก่อน เพราะ วิซดัม สามารถใช้ "ชาโดว์สเปียร์" ได้ และเวลาเลือดของมันเหลือน้อย มันจะใช้ท่าแบ่งเลือด ดูดเลือดของเราไปเพิ่มเลือดตัวเองได้ด้วยนะคะ**
**ให้ระวังเวลาที่ ไพน์แพลนท์ (สับปะรดหัวหญ่าย ๆ) ตายด้วยนะคะ เพราะมันจะระเบิดตัวเอง สร้างความเสียหายให้เรา แถมยังทำให้เราติด "พิษ" อีกด้วยค่ะ แนะนำให้ใช้อาร์ทคุณสมบัติไฟปราบ จะได้ไม่ต้องเสี่ยงเข้าไปโจมตีใกล้ ๆ ค่ะ**

 (29) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงมิลฮี 『ミルヒ街道の手配魔獣』 (BP4)
- ปราบ (ไจแอนท์ฟุ๊ต *3 + เหมียวบิน *2 + แมลงแก้วสีน้ำตาลแดง *2) บนทางหลวงมิลฮี (อยู่แถว ๆ ตรงกลางฉาก ที่จะเข้าไปสู่สะพานเวรูทค่ะ)
**ไจแอนท์ฟุ๊ตมีท่า "สโนว์เบรธ" โจมตีกินอาณาเขตและทำให้เราติด "เยือกแข็ง" และยังมีท่าโจมตี (จะมีการชาร์จก่อน) ที่ทำให้ติด "หมดสติ" ค่ะ**
**แนะนำให้ใส่พวก "เฟเธอร์บรอธ" หรือ "หมวกนิตติ้งฟู๊ฟู" ฯลฯ หรือถ้าเร็วพอ ก็ใช้คราฟท์ยกเลิกการชาร์จ หรือร่ายอาร์ทของฝ่ายเรา สกัดการชาร์จของศัตรูก็ได้นะคะ**
**นอกนั้น ก็แค่โจมตีธรรมดา กับใช้อาร์ทคุณสมบัติไฟ ก็จะปราบได้สบาย ๆ ค่ะ**

 (30) ตามหาเหมียวหลงทาง 『迷い猫の捜索』 (BP3)
※ในกรณีที่เคลียร์ (8) ตามหาลูกแมวเหมียว ภาค FC บทสนทนาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย และจะได้รับไอเทมพิเศษด้วยค่ะ
- ไปคุยกับป้า "อีด้า" 『イーダ』 บนชั้น 1 ที่โฮเต็ล รอเลนซ์ค่ะ
(ป้าอีด้าแกตามหา "อารีลจัง" ลูกเหมียวน้อย มาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว แต่ไม่เจอเลย แต่เท่าที่ได้หาไป ป้าแกจะรู้สึก ตะหงิด ๆ กับท่าเทียบเรือเหาะที่เดียวเนี่ยแหล่ะ เพราะตอนที่ไปถามพวกพนักงานของท่าเทียบฯ เขาบอกมาว่า มีคนเห็นแมวสีน้ำตาลอ่อนด้วยล่ะ ต้องเป็นอารีลจังไม่ผิดแน่)
- ดังนั้น พวกเอสเทล จะไปสอบถามกับคนที่ท่าเทียบเรือเหาะกันก่อนค่ะ
(1) ไปคุยกับ "ฟาบลี" 『ファブリ』 ที่ท่าเทียบเรือเหาะ
- เขาจะบอกว่า เขาไม่ใช่คนที่เห็นแมวที่ว่าหรอก คนที่เห็นต้องเป็น "สคราท" แน่นอนเลยเชียว
(2) ไปคุยกับ "สคราท" 『スクラート』 ข้าง ๆ โกดัง ในท่าเทียบเรือเหาะ
- เขาจะบอกว่าเห็นแมวตัวที่ว่านั่นแหล่ะ แต่เห็นมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วล่ะ แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่เห็นอีกเลย ก็เลยไม่รู้ว่าแมวตัวนั้นไปที่ไหนค่ะ แต่เขาจะแนะนำให้พวกเอสเทลไปลองถามคนที่ชื่อ "ควินท์" พนักงานของ "เซชิเรีย" ที่เพิ่งออกไปกินข้าวในเมืองดู เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรบ้างค่ะ
(3) ไปที่บาร์ อาเบนด์ คุยกับ "กัปตันเปโตลอฟ" 『ペトロフ船長』 (ไม่บังคับค่ะ จะไปคุยกับควินท์เลยก็ได้)
- เขาจะบอกว่า "ควินท์" ออกไปเดินเล่นในเมืองค่ะ
(4) ไปที่โรงงานเมลเดิร์ซ คุยกับ "ลูกเรือควินท์" 『乗務員クイント』
- เขาบอกว่า เขาก็ไม่เห็นแมวตัวที่ว่าค่ะ แต่ได้ยินเรื่องแมวมาจากเพื่อนชื่อ "โซชิมอฟ" ที่ทำงานบนเรือเหาะลำเดียวกันอีกทีนึงค่ะ ถ้าจำไม่ผิดโซชิมอฟเคยบอกว่า เห็นแมวตอนที่ทำงานอยู่ที่ท่าเทียบเรือเหาะค่ะ
(5) กลับไปที่ท่าเทียบเรือเหาะอีกครั้ง คุยกับ "โซชิมอฟ" 『ゾシモフ』 ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นแรกฝั่งตะวันตก (เขาบอกว่ากำลังฟื้นฟูต้นไม้อยู่ค่ะ)
- โซชิมอฟบอกว่า เขาเห็นแมวและได้ยินเสียงร้อง "เหมียว" ตอนที่กำลังขนสัมภาระลงจากโกดังบนเรือเหาะ ประมาณช่วงเที่ยง ๆ ค่ะ แต่แมวที่เขาเห็นไม่ใช่แมวสีน้ำตาลอ่อน แต่เป็นสีดำสนิทนี่สิ แต่ยังไงก็ตาม พวกเอสเทลก็ต้องลองไปสำรวจเพื่อความแน่ใจก่อนค่ะ
(6) คุยกับ "ฟาบลี" อีกครั้ง
- เราจะขอให้เขา อนุญาตให้เราเข้าไปสำรวจในเรือเหาะค่ะ แต่เขาปฏิเสธทันที เพราะเป็นกฏระเบียบค่ะ เจ๊เชร่าเลยงัดไม้ตายซาละเปามหาเสน่ห์ และไหวพริบ (?) ของเธอให้เป็นประโยชน์ค่ะ
◆ถ้าพา "โอลิเวียร์" มาด้วย โอลิเวียร์จะอิจฉาฟาบลีมาก ๆ ที่เจ๊เชร่าเอาเบียดตัวเข้าไปซะขนาดนั้น
- เมื่อฟาบลีโดนเจ๊เชร่าโปรยเสน่ห์เข้าให้ ก็เลยยอมให้พวกเราเข้าไปค้นในเรือเหาะได้ค่ะ
- เข้าไปในเรือเหาะ
(เห็นเอสเทลทำหน้าเครียด ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ นางเอกของเรายังไม่หายจากโรคกลัวผีค่ะ)
- ลงไปที่โกดังเก็บของใต้ท้องเรือ จะพบกับน้องเหมียว "อารีล" และลูก ๆ ของเธอค่ะ
(แมวตัวสีดำที่โซชิมอฟเห็น ก็เป็นลูกของอารีลนี่แหล่ะค่ะ)
- กลับไปรายงานผลกับป้าอีด้า (อัตโนมัติ) ป้าแกก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่าอารีลจังของตัวเอง ท้องน่ะค่ะ แต่ป้าแกก็จะเลี้ยงดูครอบครัวของเธอที่เพิ่มขึ้นมาอีก 3 ตัวต่อไปค่ะ
☆ในกรณีที่เคลียร์ (8) ตามหาลูกแมวเหมียว ภาค FC จะได้รับเครื่องประดับ "มาสเตอร์บีนส์" แทนคำขอบคุณจากป้าอีด้าด้วยนะคะ☆

 (31) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่หอคอยหยก 『翡翠の塔の手配魔獣』 (BP4)
- ปราบ (ธันเดอร์เควก *3 + คอรัลเชลล์ *4) ที่หอคอยหยก จะอยู่ตรงทางเข้าของหอคอยเลยค่ะ
**ธันเดอร์เควก จะมีท่า "เวิลด์เชค" โจมตีทั่วฉาก แถมยังทำให้เราติด "มืดมิด" ด้วยนะคะ จะใส่เครื่องประดับอย่าง "แบล็คบังเกิล" กันไว้ก่อนก็ได้ค่ะ และก็ขอแนะนำให้ใช้อาร์ทคุณสมบัติดินปราบค่ะ**
**ห้ามใช้อาร์ทใส่ คอรัลเชลล์ เด็ดขาด!! เพราะเจ้าตัวนี้จะสะท้อนความเสียหายกลับมายังผู้ใช้ค่ะ**

 (32) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนทางหลวงมิลฮี2 『ミルヒ街道の手配魔獣②』 (BP5)
- ปราบ (เดธสเปคคิวเลอร์ *2 + ไพคอร์น *4) บนทางหลวงมิลฮี จะอยู่ตรงป้ายบอกทางเข้าไปยังไร่เพอเซลค่ะ
**แนะนำ ให้ใส่เครื่องประดับป้องกัน "ตายคาที่" กับ "สับสน" เอาไว้ จะง่ายขึ้นค่ะ**
**แล้วก็เจ้าม้าดำ-ขาวพวกนี้แพ้ไฟกับดินค่ะ**

 (33) เมนูอาหารที่คนึงหา 『懐かしのレシピ』 (BP4)
- คุยกับ "เด็ซเซล" 『デッセル』 (พ่อของเอลิซซ่า) ที่ห้องครัวของบาร์ อาเบนด์ เขาจะขอให้พวกเราช่วยรวบรวมเครื่องปรุง เพื่อทำอาหารที่เรียกว่า "ต้มเดือดแบบรอเลนซ์" (พวกเอสเทลได้ยินชื่อตรงตัวแบบนี้ ถึงกับรู้สึกไม่อยากกินเลยล่ะค่ะ)
- อันที่จริงแล้ว ตอนที่ปู่ลาโอหมดสติไปนั้น ได้ฝันถึงอาหารอันนี้ และอยากทานขึ้นมาค่ะ ก็เลยมาสั่งให้เดซเซลทำให้ พวกเอสเทลได้ฟังเหตุผลนั้น ก็เลยเต็มใจช่วยเต็มที่ เพราะเห็นว่าปู่ลาโอก็เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาด้วย
- ไปคุยกับ "ผู้เฒ่าลาโอ" 『ラオ老人』 ตรงหน้าเคาน์เตอร์ ในบาร์ อาเบนด์ เพื่อสอบถามรายละเอียด อย่างพวกรสชาติ หรือเครื่องปรุงของอาหารที่ว่าค่ะ
(แต่ปู่แกก็จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าของต้มพวกนั้น ใส่พวกพริกไทยดำ หรือพวกสมุนไพรลงไปด้วยค่ะ ดังนั้น พวกเอสเทลจึงจะลองไปถามพวกคนเฒ่า คนแก่ในหมู่บ้าน เผื่อมีใครบ้างที่พอจะรู้ส่วนผสมของอาหารสไตล์รอเลนซ์ค่ะ)
- ไปคุยกับ "คุณป้าบลูม" 『ブルーム婆さん』 บนชั้น 2 ของร้านสารพัดอย่างรินอนค่ะ
(ป้าแกจะรู้จักอาหารที่ว่าค่ะ ส่วนเครื่องปรุงนั้นป้าแกบอกว่า สูตรอาหารของแกเป็นเวอร์ชั่นที่ปรับรสชาติไปแล้ว จึงแตกต่างกับสูตรต้นตำรับค่ะ ยังไงก็ตามเอสเทลเห็นว่า ได้สูตรที่ปรับแล้วยังดีกว่าไม่ได้สูตรอะไรเลยค่ะ ว่าแล้วป้าแกจะหาสมุดจดสูตรอาหารให้ค่ะ แต่ว่าน่าเสียดาย เพราะดูเหมือนป้าแกให้ใครไปซะแล้วก็ไม่รู้ ซึ่งเท่าที่จำได้ ป้าบลูมแกให้สมุดเล่มนั้นแก่คนที่มีงานอดิเรกชอบสะสมหนังสือเก่า ๆ ค่ะ)
- ไปคุยกับ "เรโทร่า" 『レトラ』 ผู้ชื่นชอบการสะสมหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ บนชั้น 2 ของบ้านข้าง ๆ บาร์ อาเบนด์ค่ะ
(สมุดจดสูตรอาหารที่ว่านั้น อยู่กับเขานี่เองค่ะ แต่หนังสือที่เขามีอยู่เยอะมาก ๆ ดังนั้น เขาก็เลยให้เราหาสมุดที่ว่า ตามชั้นหนังสือที่อยู่ในห้องนี้เอาเองค่ะ)
- ค้นที่ชั้นหนังสือจะพบ "สมุดจดสูตรอาหารของคุณป้าบลูม" อ่านแล้ว เราจะได้ "สำเนาสูตรอาหาร" 『レシピの写し』 ของ "เนื้อติดกระดูกใส่พริกไทยและสมุนไพรแบบปูเชลโล" ค่ะ
- โดยส่วนผสมของเมนูที่ว่า ก็ให้เราไปหาดังนี้เลยนะคะ (ซื้อจากร้านรินอนได้ค่ะ)
(1) มิโซะสิบปี x1 『十年味噌』
(2) เหล้าโบราณร้อยปี x1 『百年古酒』
(3) เมเปิลชูการ์ x2 『メイプルシュガー』
(4) ก้อนเกลือคั่วหยาบ x5 『粗焼き岩塩』
(5) เฟรชเฮิร์บ x5 『フレッシュハーブ』
(6) ดรากอนบีนซ์ x2 『ドラゴンビーンズ』
(7) แบล็คเป็ปเปอร์ x4 『ブラックペッパー』
(8) กระดูกสัตว์ปิศาจ x2 『魔獣の骨』
- เมื่อได้ส่วนผสมครบแล้ว ให้กลับไปคุยกับ "เด็ซเซล" ซึ่งเราจะบอกเขาไปว่า สูตรที่ได้เป็นสูตรที่ปรับรสแล้ว แต่เดซเซลว่านั่นไม่ใช่ปัญหาค่ะ ในฐานะคนทำอาหาร จะรู้ว่าส่วนใหญ่แล้วแต่ละเมนู ส่วนผสมพื้นฐานมักจะไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ (สมกับที่เป็นเชฟใหญ่จริง ๆ ค่ะ) แล้วเราจะมอบส่วนผสมให้กับเดซเซลค่ะ
- หลังจากที่ปู่ลาโอได้ทานอาหาร พวกเอสเทลก็ต้องประหลาดใจ เพราะว่ารสชาติของอาหารอันนี้ เป็นอาหารรสชาติเดียวกันกับที่ปู่ลาโออยากทานค่ะ
(อันที่จริง อาหารอันนี้ปู่แกเคยทานสมัยหนุ่ม ๆ จากสาวน้อยที่ปู่แกเคยปลื้มค่ะ และสาวน้อยคนที่ว่านั้น ก็คือคุณป้าบลูมนี่เองค่ะ)
- ได้รับสูตรอาหาร "เครื่องเทศเคี่ยว" 『スパイス煮込み』 เป็นของแถมด้วยค่ะ

 (34) ตำรับยาลับแห่งเดียเซโต้ 『デアセトの秘薬』 (BP2)
- คุยกับ "แอนตอน" 『アントン』 บนจุดชมวิวของหอนาฬิกาค่ะ เขาจะขอให้เราช่วยตามหาส่วนผสมของเครื่องปรุงยาให้เขาค่ะ
- ซี่งส่วนผสมก็มีดังนี้ค่ะ
(1) กระดองสัตว์ปิศาจ x5 『魔獣の甲羅』
(2) ปีกสัตว์ปิศาจ x5 『魔獣の羽』
(3) เมล็ดสัตว์ปิศาจ x5 『魔獣の種』
(4) เพิร์ลกราส x1 『パールグラス』 (ดูสถานที่สามารถตกได้ ตรงนี้ ค่ะ)
- ซึ่งส่วนผสมพวกนี้ เขาจะเอาไปปรุงยาที่มีชื่อว่า "ตำรับยาลับแห่งเดียเซโต้" ที่ได้ยินมาจากสังฆราชว่ามีสรรพคุณ ที่ไม่ว่าจะดื่มเหล้าประเภทไหนเข้าไป ก็ทำให้ไม่มีวันเมาค่ะ
(เจ๊เชร่าเห็นว่า ดื่มไม่เมาแล้วจะดื่มทำไม แต่แอนตอนนั้น ไม่ได้มีงานอดิเรกดื่มเหล้า แต่มีเหตุผลบางอย่างที่อยากจะได้ยานี้ แต่เขาจะไม่ยอมบอกสาเหตุแก่พวกเราค่ะ)
- เมื่อได้ส่วนผสมครบแล้ว ให้กลับไปคุยกับ "แอนตอน" ค่ะ ซึ่งแอนตอนจะให้เราไปเป็นเพื่อนเขา เพื่อเอาส่วนผสมไปให้สังฆราชดีไวน์ช่วยปรุงยาให้ค่ะ
(เอสเทลก็ไม่เข้าเหมือนกันว่า ทำไมแอนตอนต้องให้พวกเธอไปด้วยนะ)
- เมื่อสังฆราชดีไวน์ปรุงยาสำเร็จ แอนตอนจะดีใจมาก ๆ "ทะ เท่านี้ ก็จะสารภาพกับคุณไอน่าได้อย่างผึ่งผายซักที -------" ทำให้พวกเรารู้ว่า ที่จริงแล้วแอนตอนหลงรักไอน่าค่ะ และเขาก็รู้ด้วยว่าคุณไอน่าที่ตัวเองหลงใหลใฝ่ฝันนั้น เป็นยอดคอทองแดงค่ะ (โห ถึงกับหาวิธีแบบนี้มาใช้ เพื่อจะชวนไอน่าดื่มเป็นเพื่อนเลยนะเนี่ย) ซึ่งเจ๊เชร่าเอง ก็อยากจะเห็นไอน่าล้มฟุบไปเหมือนกัน ดังนั้น เจ๊แกอยากเห็นอะไรสนุก ๆ ก็เลยให้ความร่วมมือกับแอนตอนเต็มที่ค่ะ
- จากนั้น แอนตอนจะรีบไปชวนไอน่า ส่วนพวกเอสเทลจะไปจองที่ที่บาร์ อาเบนด์ค่ะ
◆ในกรณีที่พา "โอลิเวียร์" มาด้วย พี่แกจะรีบวิ่งตามแอนตอนออกไป ด้วยความลิ่งโลดค่ะ
- ที่บาร์ อาเบนด์ "เจ๊เชร่า" "ไอน่า" "โอลิเวียร์" และ "แอนตอน" พร้อมดวดค่ะ ส่วนงานประชาสัมพันธ์ที่ยุ่งมาก ๆ และละทิ้งไม่ได้ ไอน่าจะวานให้ริจจ์ช่วยดูให้ก่อนค่ะ แอนตอนจะรู้สึกผิดที่ทำให้ไอน่าเสียการเสียงานด้วยนะคะ
(พวกเจ๊เชร่า ใช้ข้ออ้างว่า ผู้ว่าจ้างมีเรื่องจะปรึกษากับไอน่าค่ะ เอสเทลจะกังวลว่า ถ้าไอน่ารู้ขึ้นมาล่ะก็.......)
- อีเวนท์ที่เด็กดีไม่ควรทำตาม การประลองดวดเหล้า เพื่อดูว่าแอนตอนจะมีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับไอน่าหรือไม่ (เป็นความคิดของโอลิเวียร์ นายติ๊งต๊องค่ะ) และการสารภาพรักของแอนตอนค่ะ
(จริง ๆ แล้วโอลิเวียร์ก็ดื่มยาตำรับลับนั่นไปด้วยนะคะ ไม่งั้นตัวเขาเอง ไม่กล้าทำหน้าระรื่นต่อหน้าไอน่าหรอกค่ะ ก็เห็นหงอซะขนาดนั้น)
- ผ่านไป 20 แก้ว สีหน้าของไอน่าไม่เปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่แอนตอน และโอลิเวียร์เพิ่งจะผ่านไป 10 แก้วแต่หน้าเริ่มแดงแล้วค่ะ
- ผ่านไป 36 แก้ว (แต่ โอลิเวียร์กับแอนตอนเพิ่ง 18 แก้ว) สีหน้าของไอน่าก็ยังเหมือนเดิมค่ะ เหมือนทั้ง 2 คนจะไหว แต่แล้ว ก็ล้มฟุบไปกองกันบนพื้นค่ะ (ฮามาก ๆ) เจ๊เชร่าเสียดายมาก ทั้ง ๆ ที่วันนี้อาจจะได้เห็นไอน่าเมาแล้วแท้ ๆ แต่นายติ๊งต๊อง 2 คนกลับมาฟุบแบบนี้ซะได้
- ในขณะที่เอสเทลกำลังจะเล่าความจริงให้ไอน่าฟังนั้น "สังฆราชดีไวน์" ก็เข้ามาพอดี ซึ่งเขาตั้งใจจะมาบอกวิธีการใช้ยาค่ะว่า จริง ๆ แล้วยามีฤทธิ์อยู่ได้ 1 คืน แต่ที่หนุ่ม ๆ 2 คนนี้ฟุบไปแบบนี้ เพราะแบ่งยากันดื่มคนละครึ่ง ยาก็เลยไม่ได้ผลเท่าที่ควรค่ะ ไอน่าก็ว่ามันแปลก ๆ ตั้งแต่ที่โอลิเวียร์ไปชวนเธอออกมาแล้วล่ะค่ะ แล้วไอน่าจะขอตัวกลับไปที่สมาคมต่อ
(สังฆราชสงสัยว่า ทำไมไอน่าสีหน้าเป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่เห็นขวดเหล้ากองอยู่ตั้งขนาดนี้ หรือว่าเธอไม่ได้ดื่มเลย คำตอบที่ไอน่าให้มาทำให้ทุกคนตกใจมาก ๆ เพราะเธอเล่นบอกว่า นี่แค่เบาะ ๆ เป็นระดับการดื่มปกติของเธออยู่แล้วค่ะ)
- เคลียร์ค่ะ
☆เลือกเพื่อนเข้ากลุ่มอีกครั้ง แต่เราจะเลือกโอลิเวียร์ไม่ได้นะคะ
(ในกรณีที่เลือกเขาเข้ากลุ่มไว้ก่อนหน้าทำซับเควสต์นี้ พอกด Cancel หมอนี่ก็เข้ากลุ่มเหมือนเดิม แปลกดีนะคะ)
หากจะเลือก ต้องกลับไปคุยกับโอลิเวียร์ในสภาพเมาแอ๋ ที่สมาคมบนชั้น 2 อีกครั้งค่ะ☆

 (35) หนังสือมอบอำนาจเหมืองแร่ 『鉱山の委任状』 (BP5)
- ไปคุยกับ "หัวหน้าเหมืองกาตอน" 『ガートン親方』 ที่บนชั้น 2 ของบ้านที่อยู่ใกล้ทางออกด้านตะวันตกของเมืองค่ะ
- กาตอน กำลังมีปัญหาว่า "หนังสือมอบอำนาจเหมืองแร่" หายไปค่ะ ซึ่งหนังสือมอบอำนาจนี้ เป็นเอกสารสำคัญที่ได้รับพระราชทานมาจากองค์ราชินี ที่ลงนามมอบฉันทะในการดำเนินการขุดเหมืองค่ะ ซึ่งเหมืองมัลก้านั้น แต่เดิมอยู่ในกรรมสิทธิ์ส่วนพระองค์ขององค์ราชินีค่ะ แล้วในกล่องที่เก็บหนังสือมอบอำนาจนั่นอยู่ ก็มีคนเอาการ์ดประหลาดที่บอกคำใบ้มาใส่ไว้แทนค่ะ (อีกแล้ว)
(1) กุญแจที่ 1 คือ ในเมือง - จงสอบถาม [ผู้ที่นั่งข้างกายเทพธิดา]
- สำรวจเก้าอี้บนระเบียงชั้น 2 ในโบสถ์รอเลนซ์ค่ะ
(2) กุญแจที่ 2 คือ รูปสีเหลี่ยมจัตุรัสมหัศจรรย์ที่เรียงกัน
  ■■
■■■
=> ■ เป็นสิ่งมาจากป่า
- สำรวจลังไม้ ที่เรียงกันเหมือนในคำใบ้ ที่อยู่ข้างบ้านนายกเทศมนตรีค่ะ
(3) กุญแจที่ 3 อยู่ในเมือง - จงค้นหาท้องของ [สัตว์เหล็กตาแปดดวง]
- สำรวจโรงตีเหล็ก ที่ด้านหลังบริษัทค้าอาวุธเอลเกอร์ค่ะ
(4) จงนำกุญแจนี่ไปแล้วไข [ประตูที่ไม่มีวันเปิด] สิ่งที่ต้องการอยู่ก้นบึ้งของแผ่นดิน
- ได้รับ "กุญแจขึ้นสนิม" 『錆びた鍵』
- ไปที่ทางน้ำใต้ดินรอเลนซ์ แล้วใช้กุญแจกับประตูที่ล็อคอยู่ค่ะ
- เมื่อเข้าไปจะเกิดการต่อสู้ขึ้นกับ (โมวคี *3 + เดอร์ตี้รัชชู *3) ค่ะ
**แนะนำให้ใช้อาร์ทคุณสมบัติ "ดิน" กับ "ไฟ" ที่กินอาณาเขตปราบ จะง่ายขึ้นค่ะ**
- ปราบได้ สำรวจภายในห้องจะพบ "หนังสือมอบอำนาจเหมืองแร่" ค่ะ
- นำไปมอบให้กับหัวหน้าเหมืองกาตอน (อัตโนมัติ) แล้วเขาจะให้ "เซพิธ x500 (มีให้เลือกทุกคุณสมบัติ แต่เลือกได้แค่ชนิดเดียว)" กับเราเป็นของขอบคุณค่ะ



Related entries:
Sora no Kiseki SC (空の軌跡SC)


No comments:

Post a Comment