Saturday, October 21, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki SC - Chapter 5 ผู้ที่สมควรปกป้อง

บทที่ 5 ผู้ที่สมควรปกป้อง
第五章 守るべきもの
เมื่อมาถึงพื้นที่บอส พวกเอสเทลก็ได้เผชิญหน้ากับ [จักรพรรดิดาบ] เรเว
และยังได้พบกับ [มังกรโบราณเลกนาร์ต] สัตว์เทพเจ้าที่มีชีวิตยืนยาวมากว่า 1200 ปี!!
ถึงจะแตกต่างจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนในครั้งนี้ ก็มีความเกี่ยวข้องกับ [การทดลอง] ของ [องค์กร]
ทั้งยังได้รู้ถึงอดีตทีเ่จ็บปวดของอากัต ที่ไม่เคยอภัยให้กับความผิดของตัวเองอีกด้วย


Walkthrough Chart - Main Quest
หอคอยหยก 『翡翠の塔』
- ณ ชั้นดาดฟ้าของหอคอย ปรากฏร่างของ "กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า" "[หอคอยหยก] ------ ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่รายงานมาเลยนะ"
- ลูชิโอล่าเดินเข้าไปใกล้แท่นปริศนาที่อยู่บนนั้น
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "อีกด้านหนึ่งของ [ดีไวซ์ทาวเวอร์] ที่ส่งพลังถึงกันกับเขตที่ถูกผนึกในราชวังแกรนเซล...... [อาณาเขตที่ 2] ที่ใช้ปิดกั้นระหว่างเบื้องหน้ากับเบื้องหลัง...... หึหึ ศาสตราจารย์ก็อุตส่าห์ตรวจสอบจนเจอได้นะ"
- ในขณะนั้น ยานสีแดงก็บินลงมาเทียบข้าง ๆ หอคอย ชายหนุ่ม 2 คนเดินออกมาทักทายลูชิโอล่า
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "โย่ รอนานไม๊"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "หึหึ ขอบคุณที่เหนื่อยนะ"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "อุ๊ย...... ไม่คิดว่าพวกเธอจะมานะเนี่ย นึกว่าเรเวจะเป็นคนมาเองซะอีก แล้วลมอะไรหอบมางั้นหรือ?"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "หึหึ ถ้าเรเวล่ะก็ ไปเป็นเพื่อนกับศาสตราจารย์น่ะ ทางโน้นมันเกินความสามารถไปหน่อย พวกผมก็เลยต้องแวะมารับที่นี่แทนก็เท่านั้นเอง"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "ก็ จนกว่าจะถึงขั้นตอนต่อไปไม่มีอะไรให้ทำนี่นะ เลยขอมาแทนเผื่อจะได้ฆ่าเวลาซักหน่อย"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "หึหึ ชอบทำอะไรแผลง ๆ กันจัง แต่ที่บอกว่าศาสตราจารย์กับเรเวเดินทางไปด้วยกันเนี่ย...... หมายความว่า ในที่สุดการทดลองขั้นสุดท้ายก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วสิ?"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "คึคึ คงงั้นนะ เห็นบอกว่า [แผนการพระสุรเสียง] 『福音計画』 ก็ใกล้จะถึงขั้นตอนต่อไปแล้วด้วย"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "พวกตุ๊กตากับทหารพรานก็เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยไปมาก เมื่อทำให้ [β] เสร็จสมบูรณ์ คงจะยุ่งขึ้นจมเลยล่ะ"
- ภายในยานลำสีแดงนั้น -
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "------การทดลองขั้นสุดท้ายที่ว่า อีกฝ่ายเป็น [ไอ้นั่น] สินะ ถึงจะเป็นศาสตราจารย์หรือเรเว ก็คงจะใช้วิธีอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้สินะ"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "คึคึ อาจจะเป็นอย่างนั้นน่ะ จะพูดยังไงก็ตามนั่นก็เป็นสิ่งมีชีวิตตามตำนาน ความแข็งแกร่งก็คงจะผิดกัน ......แต่ว่าคัมพาเนลล่า คราวนี้ไม่สมกับที่เป็นแกเลยไม่ใช่เหรอ"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "อ้าว อะไรเหรอ?"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "ถ้าเป็นแกตามปกติล่ะก็ คงจะยินดีร่วมเดินทางไปกับศาสตราจารย์แน่ ๆ ถ้าไม่ทำแบบนั้น แสดงว่ามีข้อมูลอื่นที่น่าสนใจอยู่ใช่ไม๊ล่ะ? รีบ ๆ คายออกมาซะ"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "ไม่เอาน่า วอลเตอร์ ผมเนี่ย เชื่อใจไม่ได้เลยเหรอไง?"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "คึคึ เชื่อใจสิ เหมือนกับหมายเลขของแกไง"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "No. 0 ------ หึหึ ความเชื่อใจเท่ากับศูนย์สินะ"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "เฮ้อ ทั้ง 2 คนใจดำจังน๊า ก็นะ ผมมีของที่อยากจะชื่นชมอยู่มากมายก่ายกอง แต่โชคร้ายที่มีงานด่วนเข้ามาน่ะ ผมตั้งใจว่าจะไปขออนุญาตใช้ [เรืออาร์ค] จากท่านผู้นั้นน่ะ"
- ทั้งลูชิโอล่า และวอลเตอร์ ตกใจกับความคิดของคัมพาเนลล่า
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "คึฮ่าฮ่า! เอาจริงเหรอเนี่ย! จะให้เข้าไปอยู่ในของประหลาดยิ่งกว่าอะไรนั่นน่ะ!"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "[เรืออาร์คแดง] --------- กลอเรียส นึกว่าจะเป็นไปไม่ได้...... แต่ตั้งใจจะทำให้ลีเบร์ลกลายเป็นเถ้าถ่านหรือไง?"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "หึหึ นั่นก็แล้วแต่ศาสตราจารย์กับเรเวนะ ------------ ก็มีเท่านี้แหล่ะ หลังจากนี้ต้องออกเดินทางไปทันที ถ้ากลับมาแล้วก็ช่วยเล่าความเป็นไปของการทดลองด้วยล่ะ"



- ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ราวกับอยู่ในหุบเขาหมอก -
- "ศจ. ไวส์แมน" และ "ชายหนุ่มผมเงิน" เข้ามาในถ้ำขนาดใหญ่
ชายหนุ่มผมเงิน "......นี่มัน......."
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ...... ดูท่าคงจะอาศัยอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วยสินะ ดูซะ เรเว เป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ใช่ไม๊ล่ะ"
ชายหนุ่มผมเงิน "คิดจะใช้ของแบบนี้ ทำ [การทดลอง] จริง ๆ งั้นหรือ?"
ศจ. ไวส์แมน "เป็นธรรมดาที่เธอจะวิตก ทว่า การทำให้ [β] เสร็จสมบูรณ์น่ะ ไม่ว่าจะยังไงจำเป็นต้องใช้ข้อมูลที่จำเป็นนี้นะ"
- "..................พวกเจ้าคือ..............." สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ปรากฏเบื้องหน้าของทั้ง 2 คน
ศจ. ไวส์แมน "โอ้...... ดูเหมือนว่าจะตื่นแล้วนะเนี่ย เป็นการลืมตาตื่นในรอบ 20 ปีหรือเปล่านะ?"
- เสียงนั้นไม่ตอบอะไร
ศจ. ไวส์แมน "ยินดีที่ได้รู้จัก ชั้นชื่อ เกออร์ก ไวส์แมน ได้รับมอบหมายให้เป็น [สาวกแห่งงู] ผู้ดำเนินการจัดการ [งูกินหาง]"
เสียง ".........................ไปซะ................... พลังที่เจ้าปลดปล่อยออกมานั้น...... แม้จะรู้สึกโหยหาถึงบางสิ่งเพียงใด...... แต่ไม่ชอบแววตาของเจ้าเลย...... เพียงแค่มองดูก็เห็นเนื้อแท้ของความปรีดาอันมืดมิดเท่านั้น .......... รวมทั้งสัมผัสกลิ่นอายวิญญาณที่บิดเบี้ยวนั่นด้วย.........."
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ รู้สึกเป็นเกียรติสำหรับคำชมนั่น แต่น่าเสียดายที่คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของเทพธิดาน่ะ"
เสียง ".........ว่าไงนะ.........?"
ศจ. ไวส์แมน "เรเว เอาให้ดูสิ"
- ชายหนุ่มผมเงินหยิบเอา [กอสเปล] ออกมาตามที่ ศจ. ไวส์แมนสั่ง อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
เสียง "......นั่นมัน......!"
ศจ. ไวส์แมน "ความทรงจำเมื่อ 1200 ปีก่อนหวนกลับมาหรือไงกัน? ถึงจะเป็นแค่ของจำลอง แต่ก็คงจะประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ?"
เสียง "...............พวกเจ้า................ .........หรือว่า [วงแหวนประกายแสง] 『輝く環』....................!!"
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้"
- ศจ. ไวส์แมน เรียกคฑาของเขาออกมา
ศจ. ไวส์แมน "ถ้าเช่นนั้น------ เรามาเริ่ม [การทดลอง] ขั้นสุดท้ายกันเถอะ"



เมืองรอเลนซ์ 『ロレント市』
☆เลือกเพื่อนเข้ากลุ่ม 2 คนได้เลยค่ะ (เอสเทล และเจ๊เชร่าเป็นตัวละครบังคับ)☆
☆ก่อนที่จะไปยังท่าเทียบเรือเหาะ อย่าลืมแวะไปดูที่บอร์ดรับงาน จะมีงาน 3 งานให้ทำในช่วงนี้ด้วยนะคะ ดูรายละเอียดหัวข้อซับเควสต์ของบทที่ 4 ได้เลยค่ะ☆
(33) เมนูอาหารที่คนึงหา
(34) ตำรับยาลับแห่งเดียเซโต้
(35) หนังสือมอบอำนาจเหมืองแร่
☆แล้วก็อย่าลืมไปที่มิสต์วอลท์ เพื่อเคลียร์ซับเควสต์ (27) เสาะหาสถานที่ตกปลา ด้วยนะคะ☆
★คุยกับ "หลวงพ่อเควิน" 『ケビン神父』 ที่โบสถ์ เอสเทลจะขอบคุณเควิน ที่ช่วยดูแลพวกทีโอค่ะ แต่เควินก็หยอดคำหวานจีบเอสเทลอีกนั่นแหล่ะว่า "ไม่ว่าจะให้ชั้นทำอะไร ชั้นก็จะทำเพื่อเอสเทลจังที่รัก" ค่ะ เจ๊เชร่าเลยสวนเควินไปว่า "ปากหาเรื่องเนี่ย เป็นคู่แข่งกับโอลิเวียร์ได้เลยนะ" แล้วเควินจะบอกว่า ช่วงนี้เขาคงต้องหยุดงานของหลวงพ่อลาดตระเวนไปก่อน เพราะได้รับมอบหมายให้ไปทำธุระน่าเบื่อบางอย่างค่ะ แต่เอสเทลก็พอจะเข้าใจว่า ธุระน่าเบื่อที่เควินบอก หมายถึงงานสำคัญแน่ ๆ เลย (แหม นางเอกของเราเริ่ม มองได้ทะลุปรุโปร่ง เก่งกาจขึ้นอีกแล้วสินะเนี่ย) ซึ่งเควินบอกว่า ไว้ถึงตอนนั้นเขาจะมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพวกเอสเทลค่ะ
★คุยกับ "อารุม" 『アルム』 และ "แอร์รี่" 『エアリー』 พวกเขากำลังตัดสินใจอยู่ว่า จะจัดงานแต่งงานกันที่รอเลนซ์ค่ะ เพราะเป็นสถานที่แรกที่พวกเขาได้พบและรู้จักกันค่ะ
★คุยกับ "ริจจ์" 『リッジ』 ที่สาขา เขาจะบอกว่างานที่รอเลนซ์ปล่อยให้เขาจัดการเอง เพราะจะให้เขา เอาแต่พึ่งรุ่นพี่เชร่ากับคุณคาซิอุสเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว คราวนี้เขาจะพยายามทำงานด้วยตัวคนเดียวให้ได้ค่ะ
★คุยกับ "ฟลีโอ" 『フリオ』 ที่ทำงานอยู่หน้าสมาคม เขาจะขอบคุณพวกเราที่ช่วยทำให้พ่อตาของเขาฟื้นค่ะ
★คุยกับป้า "สเตล่า" 『ステラ』 ที่ชั้น 2 ของบริษัทค้าอาวุธเอลเกอร์ ป้าแกจะแกล้งร้องไห้ เพราะเมื่อได้เห็นเอสเทลในตอนนี้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกปลื้มใจค่ะ (ตอนแรกเอสเทลนึกว่าป้าแกร้องไห้จริง ๆ แถมบ่นอุบ ว่าป้าสเตล่าแกล้งร้องไห้เหมือนจริงลยน่ะสิ) แล้วป้าแกก็จะหันไปกำชับเจ๊เชร่าว่า อย่าให้เอสเทลดื่มเหล้าเด็ดขาดนะ ซึ่งเจ๊แกก็รับปากว่า เธอถือคติว่าไม่บังคับใครอยู่แล้วค่ะ (ทุกคนถึงกับตกใจเลยค่ะว่า ฟังที่เจ๊เชร่าพูดผิดไปหรือเปล่าเนี่ย)
★คุยกับ "คิดดี้" 『キディ』 เธอจะยกเลิกการเดินทางไปบอส แล้วใช้วันหยุดที่เหลืออยู่ช่วยทำงานที่นี่แทนค่ะ
★คุยกับ "รินอน" 『リノン』 เอสเทลจะฝากรินอนว่า ถ้ามีรองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ของบริษัทสเตรเกอร์เข้ามา ให้เก็บเอาไว้ให้เธอเหมือนเดิมค่ะ
คุยกับรินอนอีกครั้งเขาจะบอกว่า รู้สึกแปลก ๆ ประมาณว่าทั้งดีใจ ทั้งกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก ที่คิดดี้จะอยู่ร่ำเรียนเทคนิคการขายที่นี่อีกซักระยะหนึ่งค่ะ (ดูเหมือนว่า คนที่ไม่อยากมีแฟนอย่างรินอน เริ่มสนใจสาวน้อยคิดดี้ซะแล้วสิ)
★คุยกับ "ฟรายดี้" 『フライディ』 ที่โรงงานเมลเดิร์ซ เขาจะขอบคุณพวกเรา ที่ทำให้เมืองรอเลนซ์กลับมาเป็นเหมือนเดิม เจ๊เชร่าเลยชวนฟรายดี้ไปดื่มกันซักแก้วแทนคำขอบคุณ แต่ฟรายดี้รีบบอกปัด แล้วโยนให้ไปเป็นหน้าที่ของฟอล์กเนอร์คุง ที่บาร์อาร์เบนด์ก็แล้วกัน
(ดูเหมือนทุกคนขยาดเจ๊เชร่ามาก ๆ เลยนะเนี่ย)
★หากช่วงนี้ไปคุยกับเหล่าผู้คนที่หมดสติ และพวกญาติ ๆ เขาจะขอบคุณพวกเอสเทลด้วยค่ะ
★คุยกับป้า "โทลต้า" 『トルタ』 แม่ของเอลิซซ่า ป้าแกจะเล่าความฝันว่า ได้ฝันถึงช่วงที่ตัวเองอายุไล่เลี่ยกับเอสเทล มีทั้ง "ฮันนา" (แม่ของทีโอ) และ "เรน่า" (แม่ของเอสเทล) เพื่อน ๆ สมัยโรงเรียนวันอาทิตย์ไปเที่ยวปิคนิคด้วยกัน แต่ก็เป็นฝันที่ประหลาดมาก เพราะมีพวกเอสเทล โยชัวร์ ที่อายุเท่านี้ออกมาในฝันด้วยนะคะ แต่ถึงยังไงป้าโทลต้าก็รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอกับเรน่าที่คิดถึงด้วย ถึงแม้จะเจอแค่ในฝันก็ตามค่ะ
★คุยกับ "ลุค" 『ルック』 ที่หน้าหอนาฬิกา เอสเทลจะโล่งใจที่เห็นลุคดีขึ้นแล้ว ส่วนลุคบอกว่า เขาฝันว่าตัวเองเป็นเบรเซอร์ที่มีผลงานมากมายด้วยนะคะ ว่าแล้ว ลุคก็คุยข่มเอสเทลและไม่ลืมที่จะท้าดวลเอสเทลเหมือนเดิมค่ะ
★หากไปที่โฮเต็ล รอเลนซ์ บนห้องพักชั้น 2 จะพบกับ "แอนตอน" 『アントン』 กำลังจมน้ำ เอ๊ย ดื่มน้ำในอ่างอาบน้ำอยู่ค่ะ ก็ตอนนี้คอของเขาร้อนเป็นไฟ เพราะดื่มมากไปน่ะค่ะ (ในกรณีที่เคลียร์ซับเควสต์ (34) ตำรับยาลับแห่งเดียเซโต้ ค่ะ)
★แวะไปที่ "ไร่เพอเซล" คุยกับ "วิล" 『ウィル』 และ "เชล" 『チェル』 ดูเหมือนทั้ง 2 คนจะถูกอกถูกใจคนมีอารมณ์ขันอย่าง "หลวงพ่อเควิน" โดยเฉพาะแฝดสาวเชลจะรู้สึกว่า พอเห็นหลวงพ่อเควินที่ใจดีแล้วทำให้หนูน้อยนึกถึงโยชัวร์ขึ้นมาค่ะ
★คุยกับ "ทีโอ" 『ティオ』 เพื่อนรัก เธอจะบอกว่าได้ฟังรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นจากคุณเควินแล้วค่ะ ทีโอเล่าว่า ตอนแรกที่ฟื้นขึ้นมาแล้วเจอผู้ชายแปลกหน้าก็ตกใจอยู่เหมือนกัน แล้วก็ไม่ค่อยจะเชื่อด้วยว่าคุณเควินเป็นบาทหลวงจริง ๆ ค่ะ (ก็มีแต่คนบอกอ่ะนะ) แต่ทีโอก็รู้สึกขอบคุณ คุณเควินมาก ๆ เพราะไหนจะช่วยปกป้องครอบครัวของเธอ แถมก่อนที่เขาจะกลับไปก็ยังอุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนเล่นกับน้องฝาแฝดของเธอด้วยค่ะ
★คุยกับ "ฮันนา" 『ハンナ』 แม่ของทีโอ เธอจะมอบ "ชาสมุนไพรคั้นอันดับหนึ่ง" 『一番搾り薬草茶』 ให้เราด้วยนะคะ
ท่าเทียบเรือเหาะรอเลนซ์ 『ロレント発着場』
- คุยกับ "อลัน" 『アラン』 ที่ท่าเทียบเรือเหาะค่ะ ซึ่งไอน่าได้จองตั๋วไว้ให้เรียบร้อยแล้ว หากเราไม่ลืมทำอะไรที่รอเลนซ์ก็ตอบข้อ 2 ได้เลยค่ะ



โรงงานรัซเซล 『ラッセル工房』
ดร. รัซเซล "อย่างนี้นี่เอง [กอสเปล] คราวนี้ใช้สำหรับเข้าไปแทรกแซงจิตใจของมนุษย์งั้นเร้อ....... แล้วก็บังคับควบคุมในวงกว้าง ๆ ด้วยอนุภาคของหมอกที่ใช้เป็นตัวกลาง ฮืม...... ตัดสินได้ซักที"
- "ดร. รัซเซล" กำลังวิเคราะห์ข้อมูลของ [กอสเปล] อยู่ในบ้านของเขา "ดร. รบกวนหน่อยครับ" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น
ดร. รัซเซล "โอ้ คาซิอุส ไม่ได้เจอกัน 1 เดือนได้แล้วมั๊ง มาจากค่ายเรสตอนเร้อ?"
คาซิอุส "ครับ ในที่สุดก็ได้รับอนุญาตให้พักซักที ก็เลยมาดูว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าน่ะครับ"
- คาซิอุสเดินเข้าไปหา ดร. รัซเซล
คาซิอุส "นั่น...... รายงานของหลานสาวเหรอครับ?"
ดร. รัซเซล "อืม เพิ่งส่งมาจากมาจากรอเลนซ์เมื่อเช้านี้เอง เพราะรายงานอันนี้แท้ ๆ จึงทำให้แน่ใจได้ซักที"
คาซิอุส "ตัวจริงของ [กอสเปล] งั้นหรือครับ"
ดร. รัซเซล "อืม แต่ก็เป็นแค่สมมติฐาน จนได้มาทำการทดลองตามสมมติฐาน และใช้ [คาเปล] จำลองสถานการณ์มากกว่า 1000 ครั้ง จะลองฟังดูไม๊ล่ะ?"
คาซิอุส "แน่นอนอยู่แล้ว"
- "อืม ถ้าอย่างนั้น------" ดร. รัซเซลตอบรับด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข แล้วเดินไปหยิบ [กอสเปล] มาจากเครื่องทดลองของเขา
ดร. รัซเซล "[กอสเปล] อันนี้ทำให้เกิด [ปรากฏการณ์ออร์บเมนท์หยุดการทำงาน]...... แล้วเจ้า รู้รึเปล่าว่าปรากฏการณ์ที่ว่า มีลักษณะเป็นแบบไหน?"
คาซิอุส "ทำให้ออร์บเมนท์ที่อยู่รอบ ๆ [กอสเปล] หยุดการทำงานในแบบลูกโซ่...... พอจะเข้าใจได้ประมาณนั้นครับ"
ดร. รัซเซล "ถูกครึ่งนึงผิดครึ่งนึงน่ะ ปรากฏการณ์ที่เจ้าว่า จะพูดยังไงมันก็คล้าย ๆ กับการทำงานของ [แอนตี้เซพต์] ออร์เบิลอาร์ทที่แค่ทำให้ออร์บเมนท์ทำงานไม่ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยการตัดวงจรผลึกที่อยู่ภายใน แต่ปรากฏการณ์ที่ [กอสเปล] ทำให้เกิดขึ้นมา ทำให้เกิดความผิดปกติที่มูลฐานของออร์บเมนท์...... โดยดูดเอาอินทรีย์วัตถุของพลังงานออร์บเมนท์ที่ก่อเป็นรูปเป็นร่างอยู่ภายในตัวออร์บเมนท์ยังไงล่ะ"
คาซิอุส "กล่าวคือ ไม่ใช่ [หยุดการทำงาน] 『導力停止』 แต่เป็น [ดูดกลืนพลังงาน] 『導力吸収』 งั้นเหรอครับ......"
ดร. รัซเซล "อืม ถ้าเปรียบเป็นเครื่องกำเนิดการเผาไหม้จากภายใน เครื่องที่ว่า ก็ทำการดูดพลังงานมาจากก๊าซโซลีนนั่นแหล่ะ"
คาซิอุส "ฮืม ถ้าอย่างนั้น ดูเหมือนจะอธิบายได้ว่า สิ่งนั้นมีความแตกต่างกับ [แอนตี้เซพต์] อย่างแน่นอนสินะครับ...... ไม่สิ...... เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วพลังงานออร์บเมนท์ที่ถูกช่วงชิงไปก็น่าจะถูกเก็บสะสมไว้ใน [กอสเปล] สิ"
ดร. รัซเซล "อืม ในที่สุดก็เข้าใจได้ถูกจุดนะ ถ้าระบุจากข้อสรุปที่ได้ พลังงานออร์บเมนท์จากรอบ ๆ ที่ได้ถูกช่วงชิงไปนั้น ไม่ได้อยู่ภายใน [กอสเปล] ร๊อก ไม่มีเลยแม้แต่ EP เดียวน่ะ"
คาซิอุส "แล้วความน่าจะเป็นที่กระจัดกระจายออกไปรอบ ๆ ล่ะ?"
ดร. รัซเซล "ไม่มี หายไปอยู่ที่ไหนซักแห่งแบบหมดเกลี้ยงเลยล่ะ แล้ว [กอสเปลรุ่นใหม่] ที่พวกเอสเทลไปพบโดยบังเอิญนั้น ทำให้เกิดปรากฏการณ์ [เป็นไปไม่ได้] ที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาการออร์บเมนท์ในสมัยนี้ได้ เรื่องที่ทำให้ปรากฏการณ์แบบนั้นเกิดได้ยังไงนั้น ก็ยังไม่ชัดเจนดี...... แต่มีอยู่เรื่องที่แน่ใจได้คือ"
คาซิอุส "คือ......?"
ดร. รัซเซล "เล็กเกินไป ------ ปรากฏการณ์ประหลาดระดับยักษ์ที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ ฟังก์ชั่นที่ทำให้มันเกิดขึ้น พลังงานที่ถูกเก็บลงไปในสิ่งที่มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือนั้น พูดในทางฟิสิกส์แล้ว เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้า [องค์กร] มีวิทยาการที่ก้าวไปไกลกว่าพวกเราแล้วล่ะก็"
คาซิอุส "อย่างนี้นี่เอง...... จะยังไงก็ตามพอจะจับเค้าได้แล้วครับ กล่าวก็คือ [กอสเปล] อันนี้ เป็นเพียง [คอมพิวเตอร์ปลายทาง] (Terminal Computer) สินะครับ?"
ดร. รัซเซล "อื้ม...... ถูกต้อง! [กอสเปล] มีฟังก์ชั่นที่ทำให้เกิดอะไรบางอย่าง ที่คล้าย ๆ กับการบิดเบี้ยวแปลก ๆ บนพื้นที่พลังงานออร์บเมนท์ในตัวของมันเองน่ะ แล้วการบิดเบี้ยวนั่นก็ส่งสัญญาณออกไปเป็นบริเวณกว้าง ช่วงชิงพลังงานออร์บเมนท์จากออร์บเมนท์ที่อยู่โดยรอบ แล้วพลังงานออร์บเมนท์ที่ถูกช่วงชิงไปก็หายไปด้วยการถูกดูดเข้าไปในการบิดเบี้ยวนั้น ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ไม่ได้หายไป แต่ถูกส่งไปยังมิติอื่นต่างหาก"
คาซิอุส "แล้วก็มี [อะไรบางอย่าง] ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ในมิตินั้น...... จะพูดอย่างนั้นใช่ไม๊ครับ"
ดร. รัซเซล "อืม ไม่ผิดแน่ องค์กรคงจะทำการดึงพลังงานที่ [อะไรบางอย่าง] นั้นมีอยู่ โดยใช้ [กอสเปล] ----- จริง ๆ เลย [กอสเปล (พระสุรเสียง)] เนี่ยไม่ใช่ของที่จะมาทำขึ้นมาเล่น ๆ ได้เลยนะ"
คาซิอุส "............. ถ้าเป็นอย่างนั้น...... ตัวจริงของ [อะไรบางอย่าง]...... ออร์บเมนท์ที่สร้างขึ้นมาด้วยวิทยาการที่ก้าวไกล หรือ......"
ดร. รัซเซล "เกี่ยวกับเรื่องนั้นทั้งหมดนั่น เมื่อพิจารณาถึงความน่าจะเป็นต่าง ๆ นั้น ในตอนนี้ไม่อาจชี้ชัดลงไปได้มากกว่านี้ได้ เอาล่ะคาซิอุส------ ขอถามเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อนนะ ด้วยสถานการณ์แบบนี้ คิดว่าชั้นต้องการจะทำอะไรหลังจากนี้?"
คาซิอุส "ฮะฮะ ใช้คำพูดเหมือนกับตอนที่ ขอให้ทำยานรักษาความปลอดภัยเสร็จสมบูรณ์เลยเหรอครับ ฮืม นั่นสินะ......"
- คาซิอุสเดินครุ่นคิดไปมา
คาซิอุส "การบิดเบี้ยวแปลก ๆ ของพื้นที่พลังงานออร์บเมนท์ ที่ [กอสเปล] ทำให้เกิดขึ้น------ คงไม่ใช่ว่า จะขอทำการพัฒนาวิธีที่จะมาป้องกันการส่งสัญญาณนั่นใช่ไม๊ครับ?"
ดร. รัซเซล "หึหึ คิดไว้อย่างนั้นแหล่ะ ตอนนี้สิ่งประดิษฐ์ที่ได้เตรียมเอาไว้ ก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ซักที ถ้าทำเสร็จแล้วก็คงจะเริ่มการพัฒนาต่อได้ทันทีเลยล่ะมั๊ง"



เซชิเรีย 『セシリア号』
- ให้ไปคุยกับเพื่อน ๆ ทุกคน ที่อยู่บนเรือประจำทางได้เลยค่ะ
☆หากไปคุยกับเพื่อน ๆ คนที่เราเอาเข้าร่วมต่อสู้ ในตอนที่ลูชิโอล่าใช้วิชามายาทำให้หลับไป จะมีบทสนทนาพิเศษที่เอสเทลจะถามถึงความฝันของเพื่อนคนนั้น ๆ ด้วยนะคะ☆
★คุยกับ "เชราซาร์ด" เจ๊แกจะรู้ว่า เอสเทลอยากจะถามเธอถึงเรื่องพี่ลูชิโอล่า ที่เอสเทลจำไม่ค่อยได้ว่า พี่ลูชิโอล่าเป็นคนแบบไหน เพราะเป็นเรื่องนานมาแล้วค่ะ
เชราซาร์ด "[กระพรวนเสน่ห์] ลูชิโอล่า เป็นผู้ที่สามารถทำให้ผู้ชมได้เห็นมายาจากการใช้กระพรวนและพัด [ร่ายรำ]...... กล่าวได้ว่าเป็นนักแสดงที่น่าจับตามองของคณะที่ชั้นเคยอยู่"
เอสเทล "งั้นเหรอ...... แล้วมายาเนี่ย ใช้ออร์บเมนท์เหรอ?"
เชราซาร์ด "เปล่า ดูเหมือนว่าจะเป็น [วิชามายา] ที่สืบทอดต่อ ๆ กันมาตั้งแต่อดีตน่ะ เดิมที ดูเหมือนว่าคุณพี่จะเกิดในตระกูลที่ว่าน่ะ"
เอสเทล "เดิมที......?"
เชราซาร์ด "คนที่เป็นนักแสดงเร่ร่อนน่ะ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ก็คือ คนที่ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนด้วยเหตุผลบางอย่าง กับคนที่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน...... ซึ่งพี่ลูชิโอล่าเป็นประเภทแรก..... แล้ว...... ชั้นก็เป็นประเภทหลังน่ะ"
เจ๊เชร่าเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เอสเทลฟัง
เชราซาร์ด "คณะฮาร์เวย์รับชั้นมาเลี้ยงตอนอายุราว ๆ 7 ขวบ ชั้นในตอนนั้นน่ะ ใช้ชีวิตด้วยความแร้นแค้นอยู่ที่สลัมในเมือง ล้วงกระเป๋า วิ่งราว ลักขโมย...... ทำแต่เรื่องไม่ได้ความจริง ๆ นะ แต่ชั้นที่เป็นแบบนั้น หัวหน้าคณะฮาร์เวย์กับคุณพี่ ก็ยังยื่นมือออกมาหาชั้น ------ สอนให้ชั้นที่ทำใจให้เชื่อใจคนอื่นไม่ได้ รู้ถึงความอบอุ่นของครอบครัว...... ให้ชั้นได้มีที่พักพิง สอนการแสดงหรือพวกเทคนิคต่าง ๆ ให้ ทั้งเต้นรำ การใช้สัตว์ดุร้าย ไพ่ทาโร่ต์ ทั้งหมดนั่น ชั้นได้รับการสั่งสอนมาจากพวกคุณพี่ แต่ว่า ...... 8 ปีก่อน หลังจากที่หัวหน้าคณะเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ คณะละครสัตว์ก็แตกกระสานซ่านเซ็นไปหมด ชั้นเคยตั้งใจว่าจะติดตามคุณพี่ไป...... แต่คุณพี่ทิ้งคำพูดเอาไว้ว่า [มีเรื่องที่ต้องทำ] แล้วก็หายตัวไปเลย ชั้นที่ลำบากเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ก็ได้ไปปรึกษากับคนที่คิดว่าจะมาเป็นที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียว นอกเหนือจากหัวหน้าคณะหรือคุณพี่ดู ใช่แล้ว ------ ชั้นไปปรึกษากับอาจารย์คาซิอุส ที่มีชื่อเสียงและผลงานมากมาย ในฐานะที่เป็นเบรเซอร์อยู่แล้วไงล่ะ"
เอสเทล "มีเรื่องแบบนั้นด้วย......"
เชราซาร์ด "ที่ชั้นมุ่งสู่การเป็นเบรเซอร์ ก็เพราะอยากจะแข็งแกร่งขึ้น แม้เพียงนิดเดียวก็ยังดี จนกว่าคุณพี่จะกลับมา เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยตัวคนเดียวให้ได้ แต่...... ผ่านไป 8 ปี ชั้นก็ได้ทบทวนวิถีทางของตัวเองซะใหม่ นั่นก็อาจจะเป็นโอกาสอันดีก็เป็นได้นะ"
เอสเทล "เจ๊เชร่า......"
เชราซาร์ด "หึหึ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ อย่างที่คุณจินเคยบอก ชั้นไม่คิดที่จะไปสู้รบปรบมือ ต่อล้อต่อเถียงอะไรหรอก ก็แค่อยากจะถามอะไรบางอย่างจากคุณพี่อีกซักครั้งนึงน่ะว่า มีเหตุผลอะไรถึงต้องไปเข้าร่วมกับ [องค์กร] อะไรแบบนี้น่ะ"
เอสเทล "อืม...... จริงด้วยสินะ เจ๊เชร่า สู้ ๆ! ชั้นเองก็จะช่วยเท่าที่จะทำได้นะ!"
เชราซาร์ด "หึหึ ขอบใจจ้ะ แต่ว่าเอสเทล...... เธอน่ะ เติบโตขึ้นแล้วจริง ๆ นะ"
เอสเทล "อะ อะไรเหรอ จู่ ๆ ก็"
เชราซาร์ด "จนถึงตอนนี้ชั้นก็เข้าใจมาตลอดว่า เธอนี่สมกับเป็นลูกสาวของอาจารย์นะ...... แต่ก็อาจจะเข้าใจผิดไปนิดหน่อย"
เอสเทล "เห...... เรื่องอะไรเหรอ?"
เชราซาร์ด "ความเข้มแข็งของเธอ ดูเหมือนว่าจะแตกต่างกับความเข้มแข็งของอาจารย์อยู่นิดหน่อย อาจารย์น่ะ มีความเข้มแข็งอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ลึกลงไปในความลึกดุจดั่งทะเล...... ส่วนเธอ นั่นสินะ...... มีความเข้มแข็งดุจดั่งพระอาทิตย์ ที่ทำให้ทั้งตัวเธอเองและก็คนอื่น ๆ เจิดจรัสขึ้นมาได้น่ะ"
เอสเทล "เอ๋......"
"เอสเทลของผม.... เธอเป็นดังดวงตะวันอันเจิดจ้า"
เพราะคำพูดของเจ๊เชร่า ทำให้เอสเทลนึกถึงคำพูดที่โยชัวร์เคยพูดกับเธอก่อนจากไป เมื่อนึกขึ้นมาได้ ความเศร้าก็ปรากฏบนใบหน้าของเอสเทล
เชราซาร์ด "ชั้นว่าทุกคน คงจะถูกดึงดูดด้วยจุดที่ว่าของเธอนั่นแหล่ะ ทั้งชั้น...... แล้วก็โยชัวร์ด้วย ชั้นว่าเธอไม่จำเป็นต้องไปรู้สึกกดดันเรื่องของอาจารย์หรอกนะ"
เอสเทล "อืม...... เอ๊ะเหะเหะ เจ๊เชร่าเนี่ย เป็นพี่สาวของชั้นจริง ๆ ด้วยสินะ ขอบคุณที่ให้กำลังใจชั้นเสมอ ๆ นะ......"
เชราซาร์ด "หึหึ ไม่เป็นไร แต่เรื่องค่าตอบแทน คราวหน้าก็มาเป็นเพื่อนดื่มด้วยกันซะสิ ได้เป็นเบรเซอร์ทางการแล้วก็ต้องดื่มเหล้าให้เก่ง ๆ นะ❤"
เอสเทล "ชั้นว่านั่นมันไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันเลยอ่ะ......"
★คุยกับ "โอลิเวียร์" นายติ๊งต๊องนี่บอกว่า ในที่สุดก็จะได้ไปยังพื้นที่บอส สถานที่แห่งความทรงจำในการพบกันครั้งแรกของเขากับพวกเอสเทลค่ะ แต่เอสเทลนึกขึ้นมาแล้วฉุน เพราะตอนนั้นโอลิเวียร์ไร้มารยาทเป็นที่สุด มาบอกว่าเอสเทล [ไม่มีเสน่ห์] ค่ะ โอลิเวียร์ก็ไหลไปตามสไตล์ของเขาว่า ที่พูดอย่างงั้น ก็เพราะเขาปิดบังความเขินที่มีต่อเอสเทลผู้น่ารักสดใสต่างหากล่ะ แต่ยังไงก็ตามโอลิเวียร์เห็นว่า เอสเทลเป็นสาวขึ้นมาก เสน่ห์ในตอนนี้ไม่แพ้เชร่าคุงกับโยชัวร์คุงเลยค่ะ เอสเทลก็เลยรู้สึกเขินนิด ๆ ที่โอลิเวียร์พูดชมเธอค่ะ แต่หมอนี่ก็ยังไม่วาย เอ่ยปากให้เอสเทลมาเรียนรู้เรื่องของผู้ใหญ่จากพี่ชายอย่างเขา แต่เอสเทลบอกว่า "ถ้าจะขอให้โอลิเวียร์ช่วย ไปขอร้องเจ๊เชร่ายังดีซะกว่าย่ะ" แล้วนายโอลิเวียร์ก็คิดอะไรแปลก ๆ อีกและ
★คุยกับ "โอลิเวียร์" อีกครั้งเขาจะโทษเอสเทลว่า ถ้าเอสเทลไม่ปลุกเขาตื่น ก็จะสร้างฮาเร็มส่วนตัวได้แล้วเชียว ถ้าอย่างนั้นต้องให้เอสเทลคุงทำงานชดใช้ เอสเทลเลยตอกกลับเข้าให้ว่า "อยากจะหลับไปตลอดกาลด้วยพลองเหรอ?" (อันที่จริงเอสเทลเห็นโอลิเวียร์ทำสีหน้าเจ็บปวด จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจค่ะ) แต่โอลิเิวียร์บอกเอสเทลถึงฝันของเขาว่า "ไม่ใช่ฝันยิ่งใหญ่อะไร ก้แค่นึกถึงสมัยวัยรุ่น มิวเลอร์ก็ออกมาด้วยนะ" เอสเทลได้ฟังก็เบาใจค่ะ แต่ก็ฉุนนายนี่อีกครั้ง เพราะถ้าบอกมาตั้งแต่แรกเธอก็จะได้ไม่ต้องกังวลใจอย่างนี้ค่ะ (ในกรณีที่เอาเข้ากลุ่มต่อสู้)
★คุยกับ "โอลิเวียร์" อีกครั้ง เขาจะเฝ้ารอใจจดใจจ่อ ที่จะพบกับนายกเทศมนตรีคนสวยกับเมดคุงที่มีสายตาเยือกเย็นค่ะ"
★คุยกับ "ทีต้า" จะฝันถึงคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอ ว่าทั้ง 2 คนกลับมาบ้านแล้ว แถมคุณแม่ยังทะเลาะกับคุณตาเหมือนเคยด้วย แล้วก็ยังมีพี่เอสเทล พี่โยชัวร์ คุณอากัตโผล่มาในความฝันด้วย แล้วทุกคนก็ไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนตามที่คุณตาชวน ซึ่งทีต้าบอกว่า เป็นความฝันที่มีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ (ในกรณีที่เอาเข้ากลุ่มต่อสู้)
★คุยกับ "ทีต้า" เธอจะดีใจมาก ๆ ที่จะได้ไปพื้นที่บอส (ทีต้าไม่เคยไปพื้นที่บอสค่ะ) เพราะที่นั่นมีหมู่บ้านราเวนนูบ้านเกิดของคุณอากัตและคุณมีช่า ที่คุณอากัตไปเยี่ยมปีละหลาย ๆ ครั้งก็อยู่ที่นั่นด้วย (ทีต้ารู้เรื่องนี้ ในตอนท้ายของภาค FC ค่ะ) เอสเทลจะนินทาอากัตว่า "เห น้องสาวงั้นเหรอ...... มีพี่ชายหน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนั้น คงจะลำบากชัวร์เลยเนอะ" แต่ทีต้าออกปากแก้ตัวแทนอากัตว่า "ถึงคุณอากัตจะเป็นคนไม่มีอัธยาศัย แต่เป็นคนใจดีมาก ๆ นะ?" (อันที่จริง เอสเทลแค่หมายถึงว่า อากัตเป็นคนขี้อายแล้วก็พูดไม่ค่อยเก่งเท่านั้นเองแหล่ะค่ะ แต่ดูทีต้าเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องของอากัตมาก ๆ เลยนะเนี่ย) จากนั้น ทีต้าจะบอกว่า เวลาคุณอากัตพูดถึงคุณมีช่าทีไร จะมีสายตาที่อ่อนโยนมาก ๆ เลย เธอก็เลยรู้สึกแปล๊บ ๆ ในอกนิด ๆ เอสเทลถึงกับอดคิดไม่ได้ว่า ที่ทีต้ารู้สึกแบบนั้น มันเหมือนกับความรู้สึกหึงหวงเลยอ่ะ
★คุยกับ "อากัต" เอสเทลจะเห็นอากัตยืนคิดอะไรอยู่ แต่อากัตก็บอกว่าไม่มีอะไรค่ะ เอสเทลเลยแซวอากัตไปว่าจะได้กลับบ้านเกิดแล้วล่ะสิ อากัตถึงกับออกตัวว่า ทำไมเอสเทลถึงมาเดาว่าเขาจะต้องไปที่นั่นด้วยล่ะ
เอสเทล "ไม่ต้องอายไป ไม่ต้องอายไป ก็อากัตเคยบอกว่ามีคุณน้องสาวอยู่ที่บ้านเกิดนี่นา? อุหึหึ ไม่ใช่ว่าให้ความรักความเอ็นดูสุด ๆ หรือไงกา~น?"
อากัต "มันก็......"
เอสเทล "จะว่าไป บ้านของอากัตเนี่ย อยู่ตรงไหนของหมู่บ้านราเวนนูนะ? ก่อนนี้ ตอนที่ไปที่ตรวจสอบคดีสลัดอากาศ ชั้นไม่เห็นเจอเด็กประมาณนั้นเลยแฮะ เด็กผู้หญิงที่อยู่กับรูอี้คุง ก็รู้สึกว่าจะเด็กไปนิดนึงด้วย......"
อากัต "......ก็ เอาไว้จะแนะนำมีช่าให้ในเร็ว ๆ นี้แล้วกัน ถ้ามีโอกาสไปแวะที่หมู่บ้านน่ะนะ"
เมื่อได้ยินดังนั้น เอสเทลก็ยินดีค่ะ แถมยังแซวด้วยว่า "ยังงี้ก็ต้องพาทีต้าไปด้วย" อากัตก็เลยสงสัยว่าทำไมต้องพาไปด้วยล่ะ แหมเอสเทลได้ที ก็เลยรีบพูดอย่างเข้าอกเข้าใจน้องสาวสุดที่รักของเธอว่า "ก็ทีต้า ดูเหมือนจะใส่ใจอากัตมาก ๆ เลยนี่นา ถ้าไม่แนะนำน้องสาวให้ล่ะก็ ทีต้าคงจะรู้สึกผิดหวังไปเลยล่ะ? อ๊ะ รู้แล้ว! อากัตไม่อยากให้คุณน้องสาวกับทีต้าพบกันใช่ไม๊ล่~า?" อากัตถึงกับตกใจ เอสเทลก็เลยอธิบายไปว่า ทีต้ารู้สึกเหมือนจะหวง ๆ อากัตอยู่นะ (อากัตกังวลใจเป็นด้วยแฮะ) ซึ่งเอสเทลบอกว่า เป็นพี่ชายเนี่ยก็ลำบากเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เพราะเธอยินดีให้ความช่วยเหลืออากัตเต็มที่ค่ะ
★คุยกับ "อากัต" อีกครั้ง อากัตจะพูดกับเอสเทลว่า "บอกไว้ก่อนนะ ถึงแม้จะกลับไปที่หมู่บ้านก็ต้องจัดการงานให้เรียบร้อยก่อน ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยไม่ใส่ใจงานซะล่ะ" เอสเทลถึงกับตอบรับแบบหน้าเจื่อน ๆ ว่า "ขี้ตืด" เลยล่ะค่ะ
★คุยกับ "คลอเซ่" เอสเทลจะขอโทษคลอเซ่ที่เปิดเผยเรื่องของโยชัวร์ช้าไปหน่อยค่ะ แต่คลอเซ่ไม่ว่าอะไร แต่ก็คาดไม่ถึงว่า เด็กผู้หญิงที่คุณโยชัวร์อยู่ด้วยจะเป็นคนในกลุ่มสลัดอากาศค่ะ
เอสเทล "อืม ชื่อโจเซ็ตน่ะ เป็นเด็กผู้หญิงแก่แดดที่ชอบยั่วโมโหสุด ๆ เลยล่ะ เพราะเรียกตัวเองว่าผม ชั้นก็เลยเรียกว่า ยัยห้าว 『ボクっ子』 น่ะ"
คลอเซ่ "ยังงั้นเหรอคะ...... แต่ เท่าที่ดูจากรูปถ่าย ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ทีเดียวนะคะ"
เอสเทล "เฮ้อ~ ถ้าทำตัวเงียบ ๆ ก็ดูน่ารักนั่นแหล่ะ ตอนที่เจอกันครั้งแรกก็แสดงเป็นคุณหนูได้สมบูรณ์แบบด้วย......"
เอสเทลจะเล่าให้คลอเซ่ฟัง ถึงตอนที่ได้พบกับโจเซ็ตเป็นครั้งแรกค่ะ พอคลอเซ่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกถูกใจโจเซ็ตมาก ๆ ค่ะ เธอรู้สึกว่าถ้าได้คุยกับโจเซ็ต คงจะพูดคุยกันได้อย่างถูกคอเป็นแน่แท้ (ในภาค the3rd มีรายละเอียดตรงนี้ต่อด้วยนะคะ) แต่เอสเทลคิดว่า สำหรับตัวเธอกับโจเซ็ต ยังไงก็ไม่มีวันเข้ากันได้ เพราะมีนิสัยที่ต่างกันสุดขั้วนั่นเองค่ะ
★คุยกับ "คลอเซ่" อีกครั้ง เธอจะเล่าความฝันในช่วง [สงครามร้อยวัน] ที่เธอได้เห็นค่ะ เป็นตอนที่ได้พบกับพวก ผ.อ. เทเรซ่า และได้รับการเลี้ยงดูจากที่นั่น แต่ก็น่าแปลก ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ทำไมถึงมีพวกครัมคุงหรือพวกจิลออกมาด้วยก็ไม่รู้ ถ้าได้ฝันต่อไปไม่แน่ว่า อาจจะมีคุณเอสเทลหรือคุณโยชัวร์ออกมาด้วย แต่คลอเซ่ก็รู้สึกหวาดกลัวค่ะ เพราะในความฝันนั้นทำให้เธอมีความสุขจริง ๆ ในใจก็คิดว่าอยากจะอยู่ที่นั่นตลอดไป แต่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดค่ะ เพราะพลังของ [กอสเปล] ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เป็นสิ่งที่มีอันตรายอย่างมหันต์ (ในกรณีที่เอาเข้ากลุ่มต่อสู้)
★คุยกับ "คลอเซ่" อีกครั้ง จะรู้ว่า หลังจากที่เคยไปซื้อของกับจิลครั้งล่าสุด คลอเซ่ก็ไม่ได้ไปที่บอสนานแล้วค่ะ
★คุยกับ "จิน" เขาจะชมเอสเทลว่าเก่งขึ้นมากแล้วนะ แต่เอสเทลเห็นว่า ตัวเองยังอ่อนประสบการณ์ เทียบกับคุณพ่อไม่ได้เลยค่ะ แต่จินเห็นว่า ไม่มีความจำเป็น ที่เอสเทลต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับนายท่านหรอก (จินเรียกป๋าว่า "ดันน่ะ (คุณผู้ชาย, นายท่าน)" 『旦那』 ค่ะ) เพราะว่าเขาน่ะเป็นถึงเบรเซอร์ ระดับ S เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไปถึง [หลักการ] ที่น้อยคนนักจะไปถึง ขนาดจินเองยังบอกว่า ถึงเขาจะใช้เวลาทั้งชีวิต ยังไม่รู้เลยว่าจะไปถึงระดับนั้นได้หรือเปล่า
เอสเทล "งะ งั้นเหรอ...... คุณพ่อน่ะ แม้แต่ตอนนี้ ชั้นก็ยังไม่เห็นว่าเป็นยังงั้นเลย...... แต่ว่า [หลักการ] นั่น มันหมายถึงอะไรเหรอ?"
จิน "ฮืม...... นั่นสินะ...... ในอดีตได้ยินมาว่า ผู้คนเรียกขานนายท่านว่า [ปราชญ์ดาบ] 『剣聖』 เพราะมีฝีมือในการใช้ดาบที่เป็นเลิศ แต่ตอนนี้สามารถใช้พลองดุจการใช้ดาบที่คุ้นเคยได้อย่างใจนึก คิดว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงทำได้ล่ะ?"
เอสเทล "เอ เพราะฝึกฝนมามาก?"
จิน "มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น ก็เพราะสามารถจับแก่นแท้แห่งวิชาพลองได้ต่างหาก การตอบสนอง มุมมองที่มั่นคงหนักแน่นต่อหลักการ ก้าวข้ามพลังกายและพลังใจในการฝึกฝน จับแก่นแท้ของสรรพสิ่งทั้งมวลและสามารถบังคับควบคุมได้อย่างใจนึก...... นั่นล่ะคือ [หลักการ] ล่ะ"
ด้วยเหตุนี้ ป๋าที่เก่งเกินเหตุ จึงถูก [องค์กร] ใช้อุบายดึงตัวไปยังต่างประเทศในช่วงที่เกิดการปฏิวัติค่ะ แต่จินเห็นว่า คนที่ชื่อ [เรเว] หรือไม่ก็ [ศาสตราจารย์] น่าจะเป็นคนที่สามารถต่อกรกับป๋าได้ โดยเฉพาะคนที่ชื่อเรเว หรือร้อยตรีโรแลนซ์นั่น จินคิดว่าถ้าเป็นเขาอาจจะมีฝีมือสูสีพอ ๆ กับป๋าเลยล่ะค่ะ จินยังมีความเห็นต่อคนที่ชื่อเรเวว่า "แต่ความแข็งแกร่งของหมอนั่น เหมือนไม่ได้มาจาก [หลักการ] --- แต่เป็นคมดาบที่ได้ลับฝีมือจนคม ผ่านการฝึกปรือ คมดาบที่เย็นชาไม่ปล่อยให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไป...... ชั้นรู้สึกอย่างนั้นน่ะ" เอสเทลได้ฟัง ก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ นอกจากนั้น เอสเทลก็ยังรู้สึกติดใจเรื่องที่โยชัวร์ ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่ชื่อเรเวเหมือนกัน ตรงนี้ จินคิดว่าอาจจะเป็นบุญทำกรรมแต่งในสมัยที่โยชัวร์อยู่กับ [องค์กร] ก็เป็นได้ เหมือนกับตัวจินเอง หรือตัวเจ๊เชร่า ก็มีผลบุญผลกรรมที่แปลกประหลาดจนมากเกินไป นั่นก็อาจจะเป็นเพราะการชี้นำของเทพธิดาก็เป็นได้ค่ะ
★คุยกับ "จิน" อีกครั้ง จะรู้ว่าเขาฝันถึงเรื่องในสมัยก่อน แล้วในฝันนั่น ก็ได้เห็นคิริก้าหัวเราะอย่างไม่นึกไม่ฝันมาก่อนด้วย จากคำบอกเล่าของจิน ที่จริงเมื่อก่อนคิริก้าเป็นคนแบบนั้นโดยเฉพาะตอนที่อยู่กับวอลเตอร์ แต่พูดยังไม่ทันจบ จินก็บอกให้เอสเทลลืม ๆ เรื่องที่เขาพูดไปค่ะ (ในกรณีที่เอาเข้ากลุ่มต่อสู้)
★คุยกับ "จิน" อีกครั้ง เขาอยากจะเห็นประตูฮาเก้น สถานที่ ๆ จะเข้าไปสู่จักรวรรดิที่เลื่องลือกัน ในพื้นที่บอสค่ะ
- เมื่อคุยครบแล้ว ก็ตัดฉากจะผ่านบทไปได้ค่ะ
สาขาบอส 『ボース支部』
- คุยกับ "ผู้เฒ่ารูแกรน" 『ルグラン老人』 ค่ะ ผู้เฒ่ารูแกรนจะรู้สึกประหลาดใจมาก ๆ ที่คราวนี้ ทั้ง [มั่นคง] [ประกายเงิน] [ดาบหนัก] รวมทั้งมือใหม่ผู้เป็นที่คาดหวังก็มา ช่างเป็นกลุ่มที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจริง ๆ
เอสเทล "มือใหม่ผู้เป็นที่คาดหวัง?"
ผู้เฒ่ารูแกรน "ว่ะฮ่ะฮ่ะ ก็หมายถึงเจ้านั่นแหล่ะ คนเข้าใหม่มหัศจรรย์ที่ทำการหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายของ [องค์กร] ได้อย่างต่อเนื่อง...... ได้ยินเขาลือกันมาอย่างนั้นน่ะ"
- แต่เอสเทลบอกปู่รูแกรนว่าประเมินเธอสูงเกินไปแล้วค่ะ เพราะหลังจากที่ [การทดลอง] จบลง เธอก็เผลอไผลเปิดช่องให้ให้ [องค์กร] หนีไปได้ทุกครั้ง แต่เจ๊เชร่ากับจินบอกว่าเอสเทลทำได้ดีแล้ว โดยเฉพาะคดีที่รอเลนซ์น่ะ ทำเอาเอสเทลถึงกับเขินไปเลยค่ะ
- จากนั้น "ผู้เฒ่ารูแกรน" จะบอกว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ [องค์กร] เกิดขึ้น ส่วนคดีชิงยานสลัดอากาศทางกองทัพก็กำลังตามเรื่องอยู่ แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ช่วงนี้มีประกาศจับสัตว์ปิศาจเพิ่มขึ้นค่ะ
(จะได้ทราบว่า โดยปกติพื้นที่บอสก็มีพวกประกาศจับสัตว์ปิศาจมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ อยู่แล้ว แต่เฉพาะเดือนนี้ ก็มีประกาศจับสัตว์ปิศาจไปแล้วถึง 10 คดีค่ะ ซึ่งตรงนี้ "สติงก์" เบรเซอร์ประจำสาขานี้ก็ต้องทำงานเหนื่อยสุด ๆ แต่โชคดีที่เมื่อหลายวันก่อนพวกคูลซ์มาที่นี่ และก็ช่วยขับไล่ไปหลายตัวค่ะ)
- เรื่องในคราวนี้นั้น จินคิดว่าอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับ [องค์กร] ก็เป็นได้ ดูเหมือนว่าอากัตจะเคร่งเครียดมาก ๆ แต่เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรเช่นเคย
- พบกับ "นายกเทศมนตรีเมเบล" 『メイベル市長』 กับคุณเมด "รีร่า" 『リラ』 ค่ะ เมเบลกับรีร่าดีใจมาก ๆ ที่ได้พบกับพวกเอสเทล และการได้พบรุ่นน้องอย่างคลอเซ่อีกครั้ง (เอสเทลเพิ่งรู้ว่าเมเบล เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนเจนิส และก็เป็นรุ่นพี่ของคลอเซ่ด้วยค่ะ ทั้งเมเบลทั้งคลอเซ่บอกว่าหากไม่ใช่ในงานพิธีการแล้ว เธอ 2 คนจะเรียกชื่อกันธรรมดาค่ะ) แล้วเมเบลจะทักทายทุกคน และก็อากัตค่ะ
นายกเทศมนตรีเมเบล "แล้วก็...... คุณอากัต ครอสเนอร์ ไม่ได้เจอกันนานนะคะ"
อากัต "......ก็นะ"
เอสเทล "เอ๋ อากัตเนี่ย รู้จักกับคุณนายกเทศมนตรีมาก่อนเหรอ?"
นายกเทศมนตรีเมเบล "เคยรบกวนผ่านเรื่องที่ได้ไหว้วานมาหลายครั้งน่ะค่ะ แล้วก็เมื่อ 10 ปีก่อน......"
อากัต "นี่...... คุณหนู"
- "......ขอประทานโทษค่ะ" เมเบลกล่าวขอโทษและหยุดพูดเรื่องนี้ทันที และบอกว่าวันนี้ที่เธอมาก็เพราะได้ยินมาว่าทุกคนจะมาก็เลยออกมาทักทายเท่านั้นค่ะ แล้วถ้ามีเรื่องอะไรที่จะให้ช่วยเธอก็ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ แล้วเธอกับรีร่าจะขอตัวกลับไปก่อนค่ะ
ผู้เฒ่ารูแกรน "เฮ้อ อากัต เจ้าน่ะ มีอัธยาศัยให้มากขึ้นอีกนิดไม่ได้หรือไง?"
อากัต "โทษที นี่มันเป็นนิสัยส่วนตัวน่ะ แล้วนี่ก็ไม่ใช่งานด้วย ยกโทษให้หน่อยก็แล้วกันนะ"
เอสเทล "อื~ม อากัตน่ะไม่ว่าจะกับใครก็พูดจารุนแรงก็จริง...... แต่ชั้นก็รู้สึกได้ว่ามีความสุภาพอยู่บ้างนะ แต่กับคุณนายกเทศมนตรีเมื่อกี๊ รู้สึกว่าจะเย็นชาเกินไปนะ"
ทีต้า "............................."
อากัต "เหอะ คิดไปเองมั๊ง"
- จากนั้น อากัตจะให้ลุงรูแกรน แจ้งรายละเอียดสัตว์ปิศาจที่จะให้ไปปราบค่ะ ซึ่งคราวนี้ อากัตจะเป็นคนออกหน้าเอง
(ทุกคนก็เห็นด้วย เพราะพื้นที่บอสก็เป็นบ้านเกิดของอากัตนี่นะ แต่เอสเทลรู้สึกฉุน ที่อากัตทำมาเป็นสั่งให้เธอเลือกเพื่อนเข้ากลุ่มค่ะ)
☆เลือกเพื่อน 2 คนเข้ากลุ่มต่อสู้ (เอสเทล กับ อากัต เป็นตัวละครบังคับ☆

ประกาศจับสัตว์ปิศาจปราบแบบรวดเดียวจบ
『手配魔獣の一斉退治』 {BP6(+3)}
☆ประกาศจับสัตว์ปิศาจคราวนี้ ถึงแม้จะอยู่ในหัวข้อเมนเควสต์ก็ตาม แต่แต่ละตัว จะแยกออกเป็นคนละซับเควสต์ดังนี้เลยค่ะ☆
(36) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนยอดเขาโครเน่
(37) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่หอคอยอำพัน
(38) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่หุบเขาหมอก
(39) เรื่องไหว้วานจากทูตจักรวรรดิ
(40) จัดส่งอาหารเลิศรส
(41) คุณหนูที่หายไป **หากปราบสัตว์ปิศาจครบ 3 ที่แล้ว ซับเควสต์นี้จะหายไปนะคะ**
◆ในกรณีที่เลือก "ทีต้า" เข้ากลุ่มต่อสู้ พอเอสเทลบอกว่าจะถือโอกาสแวะไปที่หมู่บ้านราเวนนู ทีต้าถึงกับดีใจจนออกนอกหน้า เพราะเธออยากจะไปที่บ้านเกิดของคุณอากัตซักครั้งนึงอยู่แล้ว แต่อากัตบอกว่าคราวนี้ไม่ได้ เพราะต้องไปขับไล่สัตว์ปิศาจตามประกาศจับก่อน เอสเทลถึงกับบ่นอุบว่า "ทีต้าอุตส่าห์มาด้วยทั้งที บริการให้มันดี ๆ หน่อยสิยะ" ทีต้ากลัวทั้ง 2 คนจะทะเลาะกันจึงรีบบอกว่าเธอไม่ไปแล้วก็ได้ แต่อากัตก็ไม่ใจร้ายค่ะ บอกกับทีต้าว่าไว้โอกาสหน้าเขาจะพาทีต้าไปก็แล้วกัน
- เดินทางไปปราบสัตว์ปิศาจตามที่ต่าง ๆ ได้เลยค่ะ
- อย่าลืมแวะไปซื้อ "ลีเบร์ลสาร ฉบับ 7" ซึ่งฉบับนี้จะลงข่าวความคืบหน้าของสนธิสัญญาไม่ทำสงคราม ที่เป็นไปด้วยดี จากร้านโกรเซอร์ มิเน่ด้วยนะคะ และถ้าหากใครพลาด "แจ็คนักเสี่ยงโชค เล่ม 6" ที่นี่ก็มีให้ตามเก็บค่ะ
☆ถ้าหากใครเคลียร์ซับเควสต์ (11) สำรวจแบลส์โคลว์ ในภาค FC ก็ให้ไปคุยกับผู้เฒ่าสเปนซ์จะได้รับยาลับ "เซรั่มพาวเดอร์" (ฟื้นฟู HP เต็ม & CP 100) ด้วยนะคะ☆
★คุยกับ "โพล" 『ポール』 เจ้าของร้าน "โพล เอลค์" ในบอสมาร์เก็ต เขาเห็นชุดของเอสเทลแล้วรู้ทันทีเลยว่าชุดที่เอสเทลใส่เป็นยี่ห้อของนครหลวงค่ะ ที่รู้ได้ทันทีก็เพราะชุดที่เอสเทลใส่ดูแตกต่างกับชุดอืน ๆ ดูก็รู้ว่าเป็นชุดสั่งตัด ที่ดีไซน์กิ๊บเก๋มาก ๆ ค่ะ ในฐานะช่างตัดเสื้ออย่างเขา พอมาเห็นแบบนี้แล้วก็มีกำลังใจที่จะพยายามให้มากกว่านี้ค่ะ
★คุยกับ "นายกเทศมนตรีเมเบล" ที่คฤหาสน์นายกฯ พอเมเบลรู้ว่าพวกเราจะไปช่วยงานปราบสัตว์ปิศาจก็โล่งใจ เพราะตอนนี้งานของเมืองบอสมีเยอะแยะไปหมด และถ้ามีประกาศจับสัตว์ปิศาจขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่ลำบากมาก ๆ สำหรับพวกพ่อค้าที่ต้องเดินทางไปโน่นมานี่ค่ะ
★คุยกับ "ประชาสัมพันธ์เท็ด" 『受付係テッド』 เขาจะทักทายคุณอากัตตามประสาคนรู้จัก ว่ากลับมาที่บ้านเกิดอีกหรือคราวนี้
★คุยกัล "โคเมลูส" 『コメルス』 เขาจะบอกว่า "นิการ์ด" 『ニガード』 ที่เขาเคยทิ้งร้านให้ดูนั้น ตอนนี้ยังโดนขังไว้ในคุกอยู่เลยค่ะ (เหตุการณ์นี้มาจากซับเควสต์ (15) โน้ตสีดำ ค่ะ)
★ในช่วงที่ยังเคลียร์สัตว์ปิศาจตามประกาศจับไม่ครบ 3 ตัว หากแวะเข้าไปที่ "เส้นทางภูเขาราเวนนู" อากัตจะไม่ให้พวกเอสเทลเข้าไป เพราะงานยังไม่เสร็จค่ะ เอสเทลบ่นอุบว่า "ไม่อยากแนะนำคุณน้องสาว ให้พวกเราได้รู้จักขนาดนั้นเลยหรือเปล่าเนี่ย"
(ถ้าพา "ทีต้า" มาด้วย ทีต้าจะรู้สึกว่า พวกเราอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปก็เป็นได้ แต่ทีต้าก็บอกเอสเทลว่าอย่าใส่ใจที่เธอพูดเมื่อกี๊เลยค่ะ)
☆แล้วก็อย่าลืมแวะไปที่ด่านบน "ยอดเขาโครเน่" แล้วไปคุยกับ "พลทหารไมกี้" 『兵士マイキー』 ด้วยนะคะ ถึงจะรู้สึกเสียดาย แต่เขาจะมอบหนังสือ "แจ็คนักเสี่ยงโชค เล่ม 7" ให้กับพวกเราค่ะ
★หากแวะไปที่ "ประตูฮาเก้น" จะพบกับ "สติงก์" 『スティング』 เบรเซอร์รุ่นพี่ประจำสาขาบอสค่ะ เขากับอากัตจะทักทายกันตามประสาคนรู้จัก และก็บอกด้วยว่าเพราะว่า "กรัซ" กับ "อาเนราส" ออกไปทำงานข้างนอกกันหมด ถ้าพวกเอสเทลมาก็ช่วยเขาได้มากเลยค่ะ
(เพื่อน ๆ พอจะจำได้ไม๊คะว่า กราฟฟิคของสติงก์ในภาคนี้ ทางฟาลคอมได้เปลี่ยนแปลงจากภาค FC ไปค่ะ โดยในภาค FC กราฟฟิคของสติงก์นั้น ใช้กราฟฟิคแบบเดียวกับคูลซ์เลย ซึ่งเราเองก็สับสนไปช่วงหนึ่งเหมือนกันค่ะ)
★ในกรณีที่พา "โอลิเวียร์" มาด้วย คุยกับ "นอลัน" 『ノーラン』 เขาจะจำโอลิเวียร์ได้ และถามไถ่โอลิเวียร์ว่า เดินทางท่องเที่ยวเป็นไงบ้างค่ะ
★คุยกับ "นายพลมอร์แกน" 『モルガン将軍』 เขาจะขอบคุณเอสเทลที่เหนื่อยตอนเหตุการณ์ปฏิวัติค่ะ และยังได้ยินมาว่า พวกเอสเทลกำลังติดตามการเคลื่อนไหวขององค์กรอยู่ค่ะ และไม่น่าเชื่อด้วยว่า นายพลมอร์แกนจะพูดให้กำลังใจพวกเอสเทลด้วยนะคะ
(สังเกตได้ว่าตอนนี้นายพลมอร์แกนมีท่าทีอ่อนลงต่อสมาคมเบรเซอร์อย่างเห็นได้ชัดค่ะ อาจเป็นเพราะป๋ากลับเข้ามารับหน้าที่ที่กองทัพแล้ว นายพลมอร์แกนก็เลยไม่มองพวกเบรเซอร์ในแง่ร้ายอีก โธ่ ที่แท้แก่แล้วก็ขี้ใจน้อย)
★ในระหว่างที่เดินทางไปปราบสัตว์ปิศาจที่หุบเขาหมอก อย่าลืมแวะไปคุยกับลุง "เวมเลอร์" 『ウェムラー』 ด้วยนะคะ ลุงแกจะจำพวกเอสเทลได้ โดยเฉพาะ "ไอ้หนู" ผมแดงที่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่อากัตบอกว่าเขาไม่ใช่ไอ้หนูแล้วล่ะค่ะ (อากัตกับลุงเวมเลอร์ รู้จักกันมาก่อนค่ะ และดูท่าทางอากัตจะให้ความนับถือลุงเวมเลอร์อยู่ไม่น้อยด้วย) และเราสามารถใช้กระท่อมของลุงพักผ่อนเพื่อเพิ่ม HP&EP ได้นะคะ
- เมื่อปราบสัตว์ปิศาจตามประกาศจับได้ครบ 3 ตัว พวกเราจะมีความรู้สึกขัด ๆ ว่า
魔獣が手強い
สัตว์ปิศาจรับมือได้ยาก
-
魔獣が怯えている
สัตว์ปิศาจมีอาการหวาดกลัว
Bonus BP
魔獣が興奮している
สัตว์ปิศาจมีอาการตื่นเต้นอยู่
-
- พวกเราจะรู้สึกว่าสัตว์ปิศาจกำลังหวาดกลัวอะไรซักอย่างอยู่ค่ะ และไม่แน่ว่าที่พวกสัตว์ปิศาจเป็นแบบนี้ อาจจะเป็นฝีมือของ [องค์กร] ก็เป็นได้ แถมอากัตยังรู้สึกเหมือนกับว่า เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยนะคะ พอเอสเทลถามว่าเหมือนเมื่อก่อนยังไง อากัตก็หยุดพูดไปซะเฉย ๆ ดังนั้น พวกเราจะลงความเห็นว่า ให้กลับไปที่สมาคมกันก่อนก็แล้วกัน
- มุ่งหน้ากลับไปยังเมืองบอสได้เลยค่ะ
สาขาบอส 『ボース支部』
- คุยกับ "ผู้เฒ่ารูแกรน" ที่สาขาค่ะ
- ได้รับการรายงานผล การปราบประกาศจับสัตว์ปิศาจแบบรวดเดียวจบ จากนั้น พวกเอสเทลจะเล่าเหตุการณ์และความรู้สึกผิดปกติของพวกสัตว์ปิศาจให้ผู้เฒ่ารูแกรนฟังค่ะ
เมืองบอส 『ボース市』
- ในตัวเมือง "นายกเทศมนตรีเมเบล" กับ "รีร่า" เมดคนสนิท ทั้ง 2 คนจะหยุดทักทาย "ผู้เฒ่ายาฮาโตะ" ค่ะ ซึ่งเมเบลบอกผู้เฒ่ายาฮาโตะที่เข้าใจว่าเธอกำลังจะไปโบสถ์ว่า เธอตั้งใจว่าจะไปสวดมนต์ที่โบสถ์หลังจากไปตรวจงานที่บอสมาร์เก็ตแล้วค่ะ
(รีร่าแอบประชดเมเบลนิด ๆ ว่าเมื่อหลายวันก่อนท่านเมเบลก็พูดยังนี้ แต่ก็ไม่ได้ไปที่โบสถ์เลย) แล้วเมเบลกับรีร่าจะขอตัวเข้าไปยังบอสมาร์เก็ตก่อนค่ะ
- ผู้เฒ่ายาฮาโตะมองดูเมเบลที่เขาเคยคิดว่า ตอนที่ท่านพ่อของเธอเสียไป แล้วเธอขึ้นเป็นนายกเทศมนตรีแทบจะทันทีนั้น ก็นึกเป็นห่วงว่าจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้กลับทำสีหน้าของนายกเทศมนตรีได้อย่างเต็มภาคภูมิจริง ๆ ค่ะ แต่แล้วสายตาของผู้เฒ่ายาฮาโตะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนท้องฟ้า

คดีมังกรยุคโบราณบุกจู่โจม
『古代竜の襲撃事件』 {BP3(+3)}
สาขาบอส 『ボース支部』
- "ผู้เฒ่ารูแกรน" ที่ได้ฟังเรื่องราวจากพวกเอสเทลแล้ว ก็รู้สึกว่าสภาพของพวกสัตว์ปิศาจแปลกไปจริง ๆ ค่ะ
- "จริงสิอากัต" เอสเทลหันไปถามอากัต
เอสเทล "เคยพูดเอาไว้ว่า เคยมีเรื่องคล้าย ๆ แบบนี้เกิดขึ้นในพื้นที่บอสมาก่อนอะไรแบบนี้สินะ?"
ผู้เฒ่ารูแกรน "หือ อย่างนั้นร๊อ?"
อากัต "ใช่...... ก็งั้นน่ะ เป็นเรื่องก่อนที่คุณปู่จะมาที่บอสน่ะ"
เอสเทล "เอ๋ คุณปู่รูแกรนเนี่ย ไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกหรอกเหรอ?"
ผู้เฒ่ารูแกรน "ชั้นมาที่เมืองนี้ก็หลังจากที่ [สงครามร้อยวัน] จบลงไปแล้วน่ะ สมาคมเบรเซอร์ของลีเบร์ลเมื่อครั้งอดีต ก็มีแค่แกรนเซลที่เดียว...... การก่อตั้งสาขาที่อยู่ในทุกพื้นที่นั้น ก็มีขึ้นหลังจากสงครามจบลงต่างหาก แล้วชั้นก็ทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ของสาขานครหลวงจนถึงเมื่อ 10 ปีก่อนน่ะ"
เอสเทล "เห~ อย่างนี้นี่เอง"
อากัต "...... ที่บอกว่าอาการของสัตว์ปิศาจแปลก ๆ ไป มันเป็นเรื่องก่อนหน้า [สงครามร้อยวัน] นั่นนิดเดียวน่ะ"
เอสเทล "เห......!?"
ผู้เฒ่ารูแกรน "ว่าไงนะ......!?"
- "ตึง!!!" เสียงอะไรบางอย่างปะทะกับพื้นดิน ดังกระหึ่มไปทั่ว พวกเราจึงรีบวิ่งกันออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
- ผู้คนสับสนอลม่าน วิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทาง ร่างของมังกรยักษ์สีเขียว ยืนตระหง่านบนหลังคาบอสมาร์เก็ตที่แตกกระจาย
เอสเทล "อะ อะไรน่ะ!?"
ทีต้า "ฮะหวาาา......"
เชราซาร์ด "ใหญ่โตอะไรอย่างนี้......"
จิน "เจ้านี่เป็น......มังกรงั้นเหรอ!?"
คลอเซ่ "ค่ะ...... เป็นมังกรยุคโบราณค่ะ! เล่าขานกันมาว่า ได้อาศัยอยู่ที่ไหนซักแห่งในลีเบร์ลมาตั้งแต่อดีตกาลค่ะ......"
โอลิเวียร์ "โอ้ น่าประหลาดใจจังนะ"
อากัต "หรือนี่จะเป็น...... ฝีมือของ [องค์กร] ด้วยอย่างงั้นเรอะ!?"
- "......ก็ ไม่ปฏิเสธ" เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่ง ตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น เบื้องหน้าของพวกเอสเทล ปรากฏร่างของชายหนุ่มผมเงิน สวมโค้ทสีงา
เอสเทล "อ๊ะ......!"
อากัต "แกคือ......!?"
เชราซาร์ด "หัวหน้ากองหน่วยทหารพิเศษ ร้อยตรีโรแลนซ์ เบลเกอร์!"
ชายหนุ่มผมเงิน "หึหึ นั่นมันแค่ชื่อปลอม"
ชายหนุ่มผมเงิน "ผู้ดำเนินแผนการ No. II [จักรพรรดิดาบ] 『剣帝』 เลออนฮัล์ท จากนี้ไป เรียกแบบนี้คงจะเหมาะกว่า"
เอสเทล "[จักรพรรดิดาบ] ......เลออนฮัล์ท"
โอลิเวียร์ "อย่างนี้นี่เอง...... [สิงโตผู้หาญกล้า (เลออน=ฮัล์ท)] อย่างงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้น [เรเว (สิงโต)] ก็เป็นชื่อเล่นของเธอสินะ"
เอสเทล "! วะ ว่าไงน๊า~!?"
คลอเซ่ "คุณก็คือ [เรเว] ......"
จักรพรรดิดาบเรเว "...... ไม่ได้เต็มใจให้เรียกแบบนั้นสักหน่อย แต่ในหมู่พรรคพวก คนที่เรียกแบบนั้นก็มีอยู่เยอะน่ะ เอาเถอะ พวกนายเองจะเรียกยังไงก็ตามสบายเลยแล้วกัน"
อากัต "......ทำมาเป็นพูดดี......"
- ในฉับพลันนั้น มังกรโบราณส่งเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่ว เปลวเพลิงสีแดงฉาน สว่างวาบออกมาจากปาก
เอสเทล "อ๊ะ!?"
เชราซาร์ด "คิดจะเผาเมืองงั้นเหรอ......!?"
จักรพรรดิดาบเรเว "......เฮ้อ ทำให้เปลืองแรงจริง ๆ"
- จักรพรรดิดาบเรเว กระโดดเพียงครั้งเดียวก็สามารถขึ้นไปขี่บนหลังของมังกรโบราณได้
อากัต "ดะ เดี๋ยวสิเฟ้ย!"
จักรพรรดิดาบเรเว "......การทดลองคราวนี้จะผิดแผกไปนิดหน่อยนะ บอกตามตรงเลยว่า ฝีมืออย่างพวกนายต่อกรไม่ไหวหรอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองทัพราชอาณาจักร แล้วทำตัวว่าง่าย ๆ เถอะ"
- พูดจบเรเวก็บังคับมังกรโบราณบินหายลับไปบนฟากฟ้า ปล่อยให้อากัตกู่ร้องตามด้วยความเจ็บใจ
เอสเทล "ทะ ทำไงดี...... จะปล่อยให้หนีไปทั้ง ๆ แบบนี้!"
อากัต "......จากนี้ไปชั้นจะตามเจ้าตัวยักษ์นั่นไป พวกนายก็ไปตรวจสอบสภาพความเสียหายจนกว่าทางกองทัพจะมาซะ"
เอสเทล "เอ๊ะ......!?"
เชราซาร์ด "อากัต?"
อากัต "เดี๋ยวจะติดต่อมาอีกที!"
- ทันทีที่พูดจบอากัตก็วิ่งตามทิศที่มังกรบินหายไปทันที โดยที่เพื่อน ๆ คนอืนไม่มีโอกาสได้พูดเลยแม้แต่น้อย
- "โพล" 『ポール』 เจ้าของร้าน "โพล เอลค์" ในบอสมาร์เก็ต เห็นพวกเรายืนอยู่ข้างนอกพอดี จึงขอร้องพวกเราให้เข้าไปช่วยคนที่ติดอยู่ข้างในหน่อย เพราะมีคนที่โดนหลังคาหล่นลงมาทับค่ะ
บอสมาร์เก็ต 『ボース・マーゲット』
- สภาพที่เห็นภายในบอสมาร์เก็ตนั้น เอสเทลถึงกับอุทานออกมาว่า "โหดร้าย" ร้านรวงที่เคยมีอยู่พังพินาศ ผู้คนสับสนอลม่าน มีคนบาดเจ็บ เมื่อเป็นแบบนี้เอสเทลได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรดี
とにかく救助を行う
ยังไงก็ต้องกู้ภัยก่อน
-
まずは役割分担を決める
ก่อนอื่น ต้องแบ่งหน้าที่กันก่อน
Bonus BP
☆ถ้าเลือกกู้ภัยก่อน เราจะได้เห็นการตัดสินใจอันชาญฉลาดของโอลิเวียร์ด้วยนะ☆
- จากนั้น เราจะแบ่งหน้าที่กันค่ะ โดยเจ๊เชร่า คลอเซ่ และทีต้า จะไปนำทางให้คนที่หนีไม่ทัน หนีออกไปก่อนค่ะ ส่วนเอสเทล จิน และโอลิเวียร์จะไปช่วยยกหลังคาที่หล่นลงมาค่ะ
เอสเทล "นายกเทศมนตรีเมเบล!"
นายกเทศมนตรีเมเบล "คุณเอสเทล!"
เอสเทล "มาช่วยแล้ว! มีคนอยู่ใต้นี้สินะ!?"
นายกเทศมนตรีเมเบล "ระ รีร่าน่ะ...... รีร่าปกป้องดิฉัน แล้วก็อยู่ใต้หลังคานี่......!"
เอสเทล "!!!"
จิน "ถ้าแบบนี้ คงจะยกคนเดียวไหวล่ะมั๊ง ช่วยหลีกไปจากตรงนั้นทีสิ"
- "บัค" 『バック』 และ "ทรัต" 『トラット』 2 หนุ่มร้านขายผักและอาหาร หลีกทางให้กับจิน เพียงแค่ชั่วอึดใจ จินสามารถยกกระเบื้องมุงหลังคาที่ตกลงมาได้อย่างสบาย ๆ รีร่าที่โดนทับอยู่นั่น คำแรกที่เธอพูดเมื่อฟื้นขึ้นมาก็คือ ".......คุณ...... หนู......" เมเบลร้อนใจมาก เอสเทลจึงให้โอลิเวียร์ช่วยเธออุ้มรีร่าออกมาค่ะ
สาขาบอส 『ボース支部』
- "ผู้เฒ่ารูแกรน" จะขอบคุณพวกเอสเทล และได้บอกว่าเรื่องการบูรณะบอสมาร์เก็ต ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางกองทัพที่กำลังเดินทางมา ส่วนตอนนี้ ยังไม่มีการติดต่อมาจากอากัต
- เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้น เอสเทลและทีต้านึกว่าสายนั้นจะเป็นการติดต่อมาจากอากัต แต่ทว่าปลายทางของสายนั้นเป็น "ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็น" แห่งหมู่บ้านราเวนนู ที่แจ้งมาว่าเมื่อสักครู่มังกรตัวที่ว่า ได้ไปเผาทำลายแปลงเกษตรกรรมของหมู่บ้าน แล้วในตอนนั้นอากัตก็ปรากฏตัวออกมา และช่วยทางหมู่บ้านดับไฟด้วยค่ะ
- เอสเทลได้ยินดังนั้น จึงตัดสินใจจะตามอากัตไปที่หมู่บ้านราเวนนู ทีต้าจะขอตามไปด้วย โดยให้เหตุผลว่า ปืนใหญ่ออร์บเมนท์ของเธอ น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการต่อสู้กับศัตรูอย่างมังกรที่บินบนฟ้าค่ะ แต่ยังไม่ทันที่ทีต้าจะพูดความรู้สึกที่เธอมี เอสเทลก็รับรู้ได้ว่าทีต้าเป็นห่วงอากัต จึงไม่เอ่ยปากห้าม และยอมให้ทีต้าไปด้วย แต่เอสเทลขอร้องทีต้าว่า อย่าฝืนมากเกินไป หากไม่ไหวก็ให้บอกเธอค่ะ
☆เลือกตัวละครเข้ากลุ่ม 2 คนค่ะ (เอสเทล และ ทีต้า เป็นตัวละครบังคับ)☆
เมืองบอส 『ボース市』
☆ในช่วงนี้ หากต้องการซื้อพวกไอเทมต่าง ๆ ที่เคยขายอยู่ในบอสมาร์เก็ต ก็ให้แวะไปที่ "ฟรีเด้น โฮเต็ล" หรือที่ "บาร์ คิลเช" นะคะ เพราะพวกพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายจะมาหลบภัยที่นี่ค่ะ☆
☆ส่วนพวกนักเดินทางที่มาท่องเที่ยวบอสมาร์เก็ต จะไปหลบภัยกันที่คฤหาสน์นายกเทศมนตรี และที่โบสถ์บอสค่ะ☆
★ไปคุยกับ "รุคเคน" 『リュッケン』 ที่ยืนอยู่หน้าบาร์ คิลเช เขาจะดีใจมาก ๆ ที่มังกรยุคโบราณที่เขากำลังทำวิจัยอยู่นั้น มีอยู่จริงตามสมมติฐานของเขาที่ตั้งเอาไว้ค่ะ
(นายคนนี้ ตามล่าหามังกรมาตั้งกะภาค FC แล้วค่ะ)
★คุยกับ "ซิสเตอร์ โรซ่า" 『シスター・ロザ』 เธอจะบอกว่ารีร่ายังไม่ได้สติก็จริง แต่ไม่มีแผลอันตรายถึงชีวิตค่ะ ส่วนเมด "ซาร่า" 『サラ』 ก็เป็นห่วงว่าถ้ารีร่าไม่ฟื้นขึ้นมา แล้วใครจะกำหนดเมนูอาหารเย็นนี้ล่ะ
★คุยกับ "นายกเทศมนตรีเมเบล" 『メイベル市長』 เธอจะกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเธอก็โกรธตัวเองที่มามัวกังวลอย่างนี้อยู่ได้ เพราะยังมีงานอีกมากมายก่ายกอง ที่ต้องสะสางในฐานะนายกเทศมนตรีค่ะ
★หากคุยกับผู้คนมากมายในเมืองบอส พวกเขาจะรู้สึกตื่นตระหนก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ
หมู่บ้านราเวนนู 『ラヴェンヌ村』
- ใช้ "ทางหลวงบอสฝั่งตะวันตก" เข้าไปยัง "เส้นทางภูเขาราเวนนู" เพื่อมุ่งสู่หมู่บ้านราเวนนูค่ะ
- เมื่อมาถึงหมู่บ้าน สวนผลไม้ที่ชาวบ้านช่วยกันดูแล ไม่ได้อยู่ในสภาพดังเช่นคราวก่อนที่พวกเอสเทลมา ต้นไม้ทุกต้นล้มระเนระนาด บนพื้นดินยังมีร่องรอยของควันไฟจากมังกรโบราณระอุออกมา
★คุยกับ "รูอี้" 『ルゥイ』 บนชั้น 2 ของโรงเตี๊ยมทางแสงจันทร์ เขาจะจำเอสเทลได้ค่ะ รูอี้รู้สึกกังวลเรื่องสวนผลไม้ที่พังไป เอสเทลก็เลยพูดให้กำลังใจและสัญญาว่าเธอจะเป็นคนจัดการต้นเหตุให้เองค่ะ
★ไปสำรวจที่ "หลุมศพ" เอสเทลจะรู้สึกเหมือนกับว่า ชื่อ "มีช่า" 1 ใน 6 คน ที่เสียชีวิตด้วยเปลวเพลิงจากสงคราม เมื่อปีเจ็ดจรัส 1192 (เมื่อ 10 ปีก่อน) ที่ปรากฏบนป้ายหลุมศพ เหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนค่ะ
- ไปคุยกับ "ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็น" 『ライゼン村長』 ในสวนผลไม้ค่ะ (ในกรณีที่เคลียร์ซับเควสต์ (16) ตรวจสอบสัตว์ปิศาจแห่งเส้นทางภูเขา บทสนทนาจะเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยค่ะ) ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็น จะจำพวกเอสเทลได้ค่ะ
- จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านไรเซ็น มังกรตัวนั้นบินหายไปทางทิศเหนือ หลังจากนั้นไม่นาน อากัตก็ปรากฏตัวมาช่วยชาวบ้านดับไฟ แล้วจู่ ๆ อากัตก็หายไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ค่ะ เอสเทลเลยสงสัยว่า อากัตอาจจะไปหาน้องสาวล่ะมั๊ง ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็นเงียบไปครู่นึงก่อนที่จะถามพวกเอสเทลว่า "งั้นเหรอ...... อากัตพูดไว้อย่างนั้นเหรอ" ทำให้พวกเอสเทลแปลกใจกับคำพูดของผู้ใหญ่บ้านว่า มันหมายความว่าอย่างไรค่ะ
ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็น "เมื่อกี๊ก็ไปดูให้แน่ใจแล้ว แต่อากัตไม่ได้อยู่กับมีช่าหรอก และแน่นอนว่าไม่ได้อยู่ที่บ้านด้วย"
เอสเทล "งะ งั้นเหรอ...... ถ้างั้น ก็คงตามมังกรนั่นไปจริง......"
★ในกรณีที่ไปสำรวจที่ป้ายหลุมศพเอสเทลจะนึกอะไรบางอย่างออก "(เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิ......! มีช่าที่ว่า...... ที่เห็นเมื่อกี๊นี้นี่......)" แต่พอทีต้าถามเอสเทลกลับบอกว่าไม่มีอะไรค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ไปสำรวจที่ป้ายหลุมศพก่อนไปคุยกับไรเซ็น หากไปสำรวจที่ป้ายหลุมศพหลังจากนี้ เอสเทลก็จะสะดุดใจกับชื่อมีช่าเช่นเดียวกันค่ะ
- แล้วเราจะรีบตามอากัตไป ตามข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้านให้มาค่ะ
(ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็นเป็นห่วงอากัตมาก ๆ นะคะ เพราะเขาถึงขนาดขอร้องให้เรา ช่วยพาอากัตกลับมาให้ด้วยค่ะ)
เหมืองร้างราเวนนู 『ラヴェンヌ廃坑』
- ใช้ "เส้นทางภูเขาราเวนนู" (ทางออกด้านเหนือของหมู่บ้านค่ะ) เพื่อมุ่งสู่เหมืองร้างราเวนนูค่ะ
- เมื่อมาถึงทางเข้าหน้าเหมืองร้างพวกเราจะเห็นโซ่ที่คล้องประตูท้างเข้าหล่นอยู่ เมื่อทีต้าเข้าไปสำรวจจึงรู้ว่าโซ่เส้นนี้เพิ่งถูกตัดไปไม่นานเอง ไม่แน่ว่าโซ่ที่ขาดพวกนี้อาจจะเป็นฝีมือของอากัตค่ะ
- เข้าไปในเหมืองจะเกิดอีเวนท์ขึ้นทันที
- ที่ด้านในสุดของเหมืองร้าง เรเวยืนประจัญหน้ากับมังกรยุคโบราณที่กำลังคลุ้มคลั่ง แต่เมื่อเรเวใช้ [กอสเปล] มังกรก็เริ่มสงบลง
จักรพรรดิดาบเรเว "ฮืม จะดึงข้อมูลออกมา จำเป็นต้องใช้เวลาอีกหน่อยงั้นหรือ เป็นคนที่ชอบยัดเยียดงานยุ่งยากวุ่นวายให้คนอื่นจริง ๆ นะ"
- "......อะไรล่ะที่ว่ายุ่งยากวุ่นวายน่ะ......?" อากัตไล่ตามเรเวและมังกรมาจนถึงที่นี่ บุคคลทั้ง 2 เตรียมพร้อมรับมืออย่างรู้ฝีมือของกันและกัน
จักรพรรดิดาบเรเว "นาย......"
อากัต "ดาบสีทองนั่น...... เป็นหัวหน้ากองสีแดงเมื่อตอนนั้นจริง ๆ เหรอเนี่ย ไม่ได้เจอกันนานเลยไม่ใช่เหรอไง"
จักรพรรดิดาบเรเว "แรงค์ C [ดาบหนัก] อากัต ครอสเนอร์ ไม่ใช่สิ ได้ยินมาว่าหลังเหตุการณ์ปฏิวัติ เลื่อนขึ้นเป็น B แล้วสินะ"
อากัต "เหอะ...... สมกับที่เป็นอดีตหน่วยสืบข้อมูล ในตอนนั้นทำเป็นลับ ๆ ล่อ ๆ อย่างกับหนู...... แต่คราวนี้ ทำซะสะดุดตาเชียวนะเฟ้ย"
- อากัตชักดาบหนักของเขาออกมา
อากัต "......คราวนี้ชั้นจะมาจับกุมนาย ไม่คิดจะมาพูดเรื่อยเปื่อย ------ จะฉีกหน้าเกลี้ยง ๆ นั่น ให้เป็นชิ้น ๆ เลย......"
จักรพรรดิดาบเรเว "ฟังดูองอาจดีนะ แต่ว่า ความเสียหายแค่นั้นไม่ใช่เรื่องที่สะดุดตาอะไรเลยนี่? ถ้าเทียบกับ...... ภาพที่นายเห็นเมื่อ 10 ปีก่อนน่ะ"
อากัต "!"
จักรพรรดิดาบเรเว "ประวัติเบรเซอร์ของประเทศนี้ ชั้นเคยสำรวจมาคร่าว ๆ แล้ว หึหึ ดูเหมือนว่านาย จะมีบางอย่างที่เหมือนกับชั้นจริง ๆ"
อากัต "........................... คึคึ...... เหมือนกันงั้นเหรอ?"
- ไม่ทันพูดจบ อากัตตั้งท่าเตรียมบุก สีหน้าของเขาบอกได้ว่าเอาจริงก่อนที่จะตะโกนออกมาสุดเสียง
อากัต "ไอบ้าที่ไม่รู้อะไรเลย อย่ามาทำเป็นพูดเป็นปี่เป็นขลุ่ยนะเฟ้ยยยยยยยยย!"
- อากัตทุ่มสุดตัวบุกเข้าโจมตีเรเวทันที
จักรพรรดิดาบเรเว "......น่าจะรู้ถึงความต่างชั้นของฝีมือในตอนที่สู้กันก่อนหน้านี้แล้วนะ ทั้งยังความน่ากลัวของมังกรที่มีเพิ่มเติมเข้ามา ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนี้แล้ว ทำไมถึงกับอาจหาญเข้ามาเพียงคนเดียวล่ะ?"
อากัต "รู้อยู่แล้วล่ะ โอกาสที่จะชนะน่ะ...... แต่ก็แค่...... ไม่ชอบขี้หน้าแกเท่านั้นแหล่ะเฟ้ย!"
จักรพรรดิดาบเรเว "เฮ้อ...... แค่นั้นเองเหรอ ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้มังกรหรอก"
อากัต "ว่าไงนะ......!?"
- เรเวสวนกลับอากัต ด้วยเพลงดาบที่รวดเร็วมองตามแทบไม่ทัน
อากัต "อั๊ก......"
จักรพรรดิดาบเรเว "มีส่วนที่เหมือนกันก็จริงอยู่...... แต่สุดท้ายชั้นกับนายก็แตกต่างกัน นั่นก็คือเหตุผลในการกวัดแกว่งดาบยังไงล่ะ"
อากัต "ว่ะ ว่าไงนะ........?"
จักรพรรดิดาบเรเว "เหตุผลที่ชั้นกวัดแกว่งดาบ ก็เพื่อละทิ้งความเป็นมนุษย์ แล้วกลายมาเป็นอสูร...... แต่นายน่ะ กวัดแกว่งมันเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าของตัวเอง"
- อากัตประหลาดใจกับคำพูดของเรเว
จักรพรรดิดาบเรเว "เติมเต็มความว่างเปล่าที่โศกเศร้า ด้วยการกวัดแกว่งก้อนเหล็กอันหนักอึ้งให้เต็มที่...... ในช่วงที่จิตใจสั่นสะท้านด้วยโทสะก็ได้ใช้มันเพื่อหลุดพ้นจากความโศกเศร้า แต่นั่น ก็เป็นเพียงแค่การโกหกหลอกลวง"
- "...................พอแล้ว............................" อากัตสั่นสะท้านไปทั่วร่าง แต่เรเวยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าที่ยิ้มเยาะ
จักรพรรดิดาบเรเว "แล้วคนที่มีแต่ความโกหกหลอกลวง ก็ไม่มีทางที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการไปสู่ [หลักการ] แม้แต่การร่วงหล่นสู่ [อสูร] ก็ไม่สามารถทำได้ หากปล่อยไปเรื่อย ๆ อย่างนี้...... นายมันก็แค่พวกครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไปไม่ถึงไหน"
อากัต "หุบปากซร้าาาาาาา!!!"
- "สะ เสียงของคุณอากัต!?" ที่ด้านหน้าของเหมืองร้าง ทีต้าใจไม่สู้ดีที่ได้ยินเสียงของอากัตดังมาจากด้านใน
เอสเทล "ถ้าดูจากทิศทางของเสียงสะท้อนนี่ ดูเหมือนว่าจะมาจากที่เหมืองกลางแจ้งนะ ยังไงก็ตามรีบไปกันเถอะ!"
- มุ่งสู่เหมืองกลางแจ้งค่ะ โดยเส้นทางที่ใช้เราจะเข้าไปยังเส้นทางเดิมตอนภาค FC ไม่ได้แล้ว (จากข้อมูลที่ได้จากเพื่อน ๆ เป็นไปได้ว่า หินถล่ม เพราะแรงสั่นสะเทือนตอนที่มังกรปรากฏตัวค่ะ) ต้องข้ามสะพานที่เคยพังก่อนหน้านี้ ที่อยู่ด้านตะวันตกของถ้ำแทนค่ะ
☆อย่าลืมเก็บหีบที่อยู่ในนี้ด้วยนะคะ "EPชาร์จ II", "EPชาร์จ I", "ไข่ปลาแซลมอน", "ยาแห่งเทียร์รอล", "สเต็ครบร้อยครั้งชนะร้อยครา" ค่ะ☆
- เมื่อออกมาที่เหมืองกลางแจ้ง จะเกิดอีเวนท์ต่อค่ะ
- อากัตเข้าโจมตีเรเวอีกครั้ง แต่ไม่อาจทำอะไรเรเว ชายผู้ที่ได้ฉายา [จักรพรรดิดาบ] ได้แม่แต่น้อย
อากัต "อะ ไอบ้าเอ๊ย......"
จักรพรรดิดาบเรเว "ดูไม่จืดเลยนะ...... อย่างน้อยก็จะถือซะว่าน่าเห็นใจ ได้เวลาทำให้มันจบแล้วล่ะ"
- "ฮ้าาาาาาาาาาาาาา..........." เรเวรีดเร้นพลังออกมา อากัตได้แต่ถอยหลัง เพื่อเตรียมตัวตั้งรับเท่านั้น เพียงแค่ดาบเดียวชั่วพริบตา ดาบหนักในมืออากัต หักออกเป็น 2 เสี่ยงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเรเว
- อากัตล้มลงไป โดยที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรเรเวได้เลย เรเวหันกลับมาจ้องมองอากัตด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนที่จะหันไปทางมังกรยุคโบราณ
จักรพรรดิดาบเรเว "เอาล่ะ...... ดูเหมือนจะได้เวลาแล้วนะ ในระหว่างนี้ ไปปรับปรุงระบบควบคุม [กอสเปล] เตรียมไว้ก่อนดีกว่า......"
อากัต "...... ดะ เดี๋ยวก่อนสิเฟ้ย......"
- "ยะ...... ยังหรอก......" อากัตลุกขึ้น และพยายามยืนหยัดเพื่อหยุดยั้งเรเวอีกครั้ง
อากัต "ยังไม่จบซักหน่อยเฟ้ย......"
- พวกเอสเทลมาถึงพอดี และสภาพที่เห็นนั้น ทำให้ทีต้าเป็นห่วงอากัตมาก และรีบวิ่งเข้าไปหาอากัตทันที
จักรพรรดิดาบเรเว "......ตอนนี้ถึงกับต้องพึ่งพาก้อนเหล็กที่ถูกทำลายเชียวหรือ (ชี้ดาบไปที่อากัต) ก็ได้ จะจบชีวิตลงทั้ง ๆ ที่ยังเป็นคนครึ่ง ๆ กลางนั่นเลยก็ได้"
- "ไม่ได้น๊าาา!!!" ทีต้าวิ่งเข้ามากันอากัตเอาไว้
อากัต "ยัยจิ๋ว...... ......ทำไม...... ถึงมาอยู่ในที่แบบนี้......"
ทีต้า "เอ่อเอ่อ...... ก็เป็นห่วงคุณอากัต แล้วก็มากับพวกพี่สาว......"
- พวกเอสเทลวิ่งตามทีต้ามาด้วยความเป็นห่วง แต่เรเวใช้ [กอสเปล] บังคับมังกรโบราณ ให้หยุดพวกเอสเทลเอาไว้ ในระหว่างนั้น เรเวเดินเข้าไปหาทีต้า
ทีต้า "ยะ อย่าเข้ามานะคะ!"
อากัต "ยะ ยัยบ้าเอ๊ย...... คิดจะใช้ของแบบนั้นสู้เหรอไง! ฟังนะ...... รีบ ๆ หนีไปซะ......!"
จักรพรรดิดาบเรเว "หลานสาวของ ดร. รัซเซล ทีต้า รัซเซล งั้นหรือ...... ได้ยินมาว่าเป็นเด็กสาวอัจฉริยะ แต่ทำอะไรไม่ยั้งคิดเกินไปหน่อยนะ ถึงการประมือกับเด็กผู้หญิงจะไม่ใช่รสนิยมของชั้น ------ แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องจัดการ ทำตัวดี ๆ แล้วถอยออกมาซะ"
อากัต "กะ แก ------- ......!"
ทีต้า "มะ ไม่ถอยค่ะ"
- อากัตและเรเว ต่างตกใจในคำพูดที่เด็ดเดี่ยวของทีต้า
ทีต้า "หนูน่ะ...... ได้แต่รับความช่วยเหลือจากคุณอากัตอยู่ฝ่ายเดียว...... มีเพียงเวลาอย่างนี้ที่พอจะตอบแทนได้...... ไม่สิ...... ผิดแล้ว...... พูดจาไม่มีอัธยาศัยบ้างล่ะ...... เอาแต่ทำหน้ามุ่ยเป็นประจำบ้างล่ะ...... มาเรียกว่ายัยจิ๋ว ทำเหมือนชั้นเป็นเด็ก ๆ บ้างล่ะ ...... แต่จริง ๆ แล้วใจดีมาก ๆ ...... คอยปกป้องหนูอยู่เสมอ ...... เป็นคนสำคัญ...... ที่ชอบมาก!"
- ทีต้าปล่อยปืนใหญ่ออร์บเมนท์ของเธอลงไปกองกับพื้น สองมือของเธอกางออกกว้าง แสดงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะปกป้องคนสำคัญเอาไว้
ทีต้า "เพราะงั้นหนูน่ะ...... จะไม่มีวันถอยเด็ดขาดค่ะ!!"
อากัต "......อ๊ะ.........."
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ กล้าหาญจังนะ กับคนครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนั้น ชั้นว่าไม่มีค่าพอที่ชั้นจะไปช่วงชิงมานักหรอก...... แต่ดูเหมือนจะมีตัวเกะกะเข้ามาพอดี คราวนี้จะปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน"
ทีต้า "เอ๋......"
- กระสุนปืนใหญ่ จากยานรักษาความปลอดภัยของกองทัพราชอาณาจักร ที่นำโดยนายพลมอร์แกน ยิงไปที่มังกรหลายต่อหลายนัด
นายพลมอร์แกน "เล็งปืนใหญ่หลักและปืนเสริมกาบขวาเรือไปที่มังกร! ในระหว่างที่ร่อนลงจอด ยกพลออกไปทันที!"
เหล่าทหาร "เยสเซอร์------!"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... ในที่สุดก็ออกมาแล้วเหรอ เท่านี้การทดลองขั้นสุดท้ายก็เริ่มได้แล้ว"
- เรเวกระโดดขึ้นไปยังหลังมังกรยุคโบราณ
จักรพรรดิดาบเรเว "อย่าลืมซะล่ะ อากัต ครอสเนอร์ ตราบใดที่ยังไม่ออกห่างจากการโกหกหลอกลวง นายก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้แต่การปกป้องคนสำคัญน่ะ"
อากัต ".........อึก........."
เอสเทล "หยะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฟังเงียบ ๆ มาตั้งกะเมื่อตะกี๊แล้ว เอาแต่พูดเจื้อยแจ้วเอาตัวเองเข้าว่า! ยังไงก็ไม่ปล่อยให้นายหนีไปได้หรอก!"
จักรพรรดิดาบเรเว "เอสเทล ไบรท์ เธอน่ะห่วงตัวเองไว้ก่อนเถอะ"
เอสเทล "เห......"
จักรพรรดิดาบเรเว "เมื่อการทดลองในครั้งนี้จบลง แผนการก็จะเดินหน้าไปขั้นต่อไป หากไม่ทำจิตใจให้เข้มแข็งจะต้องรู้สึกเสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน"
- พูดจบ เรเวก็ใช้ [กอสเปล] บังคับให้มังกรยุคโบราณเตรียมตัวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เอสเทล "ดะ เดี๋ยวสิ! ที่พูดนั่นหมายความว่าไง......"
- เหล่ากองทัพราชอาณาจักรที่เตรียมการเรียบร้อยแล้ว โจมตีเต็มกำลังเข้าใส่มังกรที่กำลังจะหนีไป
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ ใช้การโจมตีแบบนั้น ใส่มังกรยุคโบราณในตำนานจะได้ผลงั้นเหรอ ไปได้แล้ว ------ [มังกรโบราณเลกนาร์ต] 『古竜レグナート』"
- หลังจากที่ เรเวกับมังกรโบราณเลคนาร์ตจากไปแล้ว ทางกองทัพที่นำโดยนายพลมอร์แกน จะขอให้พวกเอสเทลวางมือจากงานในครังนี้ ทำให้เอสเทลโกรธอย่างมาก และคิดว่านายพลมอร์แกนยังคงเกลียดพวกเธอ (เบรเซอร์) อยู่ แต่นายพลมอร์แกนให้เหตุผลว่า ขนาดปืนใหญ่ของยานรักษาความปลอดภัยของกองทัพ ยังทำให้มังกรนั่นบาดเจ็บไม่ได้เลยแม้แต่นิด แล้วพวกเอสเทลคิดว่าจะทำอะไรได้หรือ
นายพลมอร์แกน "ความกล้าหาญกับความกล้าบ้าบิ่นเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน พวกเจ้าเอง ก็น่าจะได้เห็นการความเสียหายที่บอสและที่หมู่บ้านราเวนนูด้วยตาแล้วนี่ จะบอกว่าเหตุการณ์นี่กลายเป็นสงครามไปแล้ว ก็ไม่ได้พูดเกินจริงไปหรอกนะ"
เอสเทล "......................."
นายพลมอร์แกน "โมจิก็ต้องให้คนทำโมจิทำ (สำนวนญี่ปุ่น หมายถึง ให้คนที่ช่ำชองเป็นคนทำจะได้ผลดีที่สุดค่ะ) ถ้าเป็นสงครามก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพอย่างพวกเราเถอะ ส่วนพวกเจ้าก็ นั่นสินะ...... ก็ช่วยตั้งใจทำการตรวจสอบฐานที่มั่นของ [งูกินหาง] สิ"
เอสเทล "ตะ แต่ว่า......!"
- ".........เหลวไหล......" เสียงของชายหนุ่มดังมาจากอีกด้าน อากัตฝืนสังขารที่เต็มไปด้วยบาดแผลเข้ามา ทีต้าวิ่งตามมาด้วยความเป็นห่วง และบอกให้อากัตอย่าฝืนทั้ง ๆ ที่เพิ่งทำแผลเสร็จ
นายพลมอร์แกน "......เจ้าคือ...... อากัต [ดาบหนัก] สินะ เคยได้ยินมาจากคาซิอุสว่าเป็นเบรเซอร์หนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความองอาจ"
อากัต "เรื่องของตาลุงจะเป็นไงก็ช่าง...... นี่...... ท่านนายพล...... โมจิก็ต้องคนทำโมจิ สงครามก็ต้องมืออาชีพเหรอ......? นั่นน่ะ...... พูดจริงใช่ไม๊?"
นายพลมอร์แกน "......แน่นอนอยู่แล้ว ชั้นพูดจริง เบรเซอร์ที่ปกป้องแค่ผู้คนนั้น แตกต่างจากพวกเราที่ต้องปกป้องประเทศ ในกรณีนี้ประเทศก็คือพลเมืองและผืนแผ่นดิน และผู้ที่จะทำเรื่องนั้นให้สำเร็จลุล่วงก็มีแต่กองทัพเท่านั้น"
อากัต "คึคึ...... ปกป้องพลเมืองกับผืนแผ่นดินงั้นเหรอ......"
- อากัตเดินเข้าไปหานายพลมอร์แกน แล้วกระชากคอเสื้อของนายพลอย่างแรง
อากัต "น่าขันไปหน่อยม๊างง!!!"
นายพลมอร์แกน "อึก......"
เอสเทล "ดะ เดี๋ยวสิ!?"
ทีต้า "คะ คุณอากัต!?"
อากัต "ทุกครั้งเลย! พวกแกน่ะมาไม่เคยทันทุกครั้งเลย! ไม่เคลื่อนไหวไอ้ยานใหญ่ ๆ นั่นให้รวดเร็ว! คิดเอาแต่จัดเตรียมไพร่พลให้เพียบพร้อม! ถ้าไม่ออกคำสั่งก็ทำอะไรไม่ได้! ปกป้องคนที่ควรจะปกป้องไว้ก็ไม่ได้! ไม่ว่าจะตอนนี้! หรือสงครามเมื่อ 10 ปีก่อนน่ะ!!"
นายพลมอร์แกน "!! หรือว่าเจ้า จะเป็น...... เมื่อตอนนั้น"
อากัต "เหอะ...... ใครจะปล่อยให้เป็นพวกแกเป็นคนจัดการกันล่ะ...... คราวนี้...... คราวนี้ล่ะ...... ชั้นน่ะ...... ด้วยมือนี่...... จะต้องปกป้องมีช่าให้......"
- ไม่ทันพูดจบ อากัตก็สลบไป
ทีต้า "คุณอากัต!?"
เอสเทล "ดะ เดี๋ยวสิ!?"
นายพลมอร์แกน "......อืม ดูเหมือนบาดแผลจะไม่ได้เปิดนะ ท่าทางจะสลบไปเพราะใช้พลังกายกับพลังใจจนหมดเท่านั้น"
ทีต้า "......คุณอากัต......"
เอสเทล "ปะ ปัดโธ่เอ๊ย ทำให้คนเขาตกอกตกใจ......"
นายพลมอร์แกน "ก่อนอื่นรีบพาไปนอนที่เตียงจะดีกว่านะ บ้านของเจ้าหนูนี่ก็มี จะให้ไปส่งที่หมู่บ้านราเวนนูไม๊"
เอสเทล "อ๊ะ อืม รบกวนด้วยนะคะ ..................................... จะว่าไป ทำไมถึงรู้ว่าบ้านของอากัตอยู่ที่หมู่บ้านราเวนนูล่ะ?"
นายพลมอร์แกน "......ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยพบกับเจ้าหนูนี่มาครั้งหนึ่งแล้วน่ะ ตอนนั้นยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่เลย...... แต่เติบใหญ่ขึ้นมาขนาดนี้แล้ว"
เอสเทล "ตอนนั้น?"
นายพลมอร์แกน "หลังจากที่ [สงครามร้อยวัน] เพิ่งจะจบลงได้ไม่นาน...... ตอนที่วางแผ่นหินหน้าหลุมศพของน้องสาวเจ้าหนูนี่ แล้วก็พวกคนในหมู่บ้านน่ะ"
ทีต้า "!!!"
เอสเทล "อ๊ะ......!"
หมู่บ้านราเวนนู 『ラヴェンヌ村』
- พวกเอสเทล และ "นายพลมอร์แกน" เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นใหักับ "ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็น" ฟัง เอสเทลก็รู้สึกว่าพวกเธอช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย แถมยังปล่อยให้มังกรหนีไปเสียอีก แต่นายพลมอร์แกนเห็นว่าพวกเอสเทลช่วยได้มากแล้ว ไหนจะช่วยชีวิตคนที่มาร์เก็ตแล้วก็ช่วยดับไฟที่สวนผลไม้ด้วย
- มาถึงตอนนี้ พวกเอสเทลก็ได้รู้แล้วว่า "มีช่า" 『ミーシャ』 น้องสาวของอากัต ได้เสียชีวิตไปในสงครามเมื่อ 10 ปีก่อน เพราะปืนกลไฟของกองทัพจักรวรรดิที่บุกมาถึงหมู่บ้าน ทำให้บ้านของชาวบ้านไหม้ เหล่าผู้คนวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ซึ่งมีช่าก็เป็น 1 ในนั้น
◆ในกรณีที่พา "เจ๊เชร่า" มาด้วย เจ๊จะบอกว่าเธอเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าอากัตเจอกับเรื่องแบบนั้น แต่เห็นเจ้าตัวไม่พูดอะไรก็เลยได้แต่เงียบไปตามสถานการณ์ค่ะ
- นายพลมอร์แกนจะกล่าวโทษตัวเอง เพราะภายใต้การนำของเขาในช่วงสงครามร้อยวัน ไม่สามารถนำยานรักษาความปลอดภัยมาช่วยพวกชาวบ้านได้ทัน และเขายังเคยคิดที่จะออกจากราชการทหาร เพราะได้เห็นแววตาที่ลืมไม่ลงของเด็กหนุ่มผมแดงที่ได้เจอเมื่อตอนนั้น แววตาที่ได้มองมาที่เขา ทั้งโศกเศร้า ทั้งเจ็บปวด ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อ 10 ปีก่อนที่เรื่องกลายเป็นแบบนั้นไป อาจจะเป็นเพราะตัวเขาเองค่ะ แต่ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็นบอกว่าเป็นความผิดของเขาเอง ทำให้เอสเทลสงสัยว่าทำไมพูดอย่างนั้นค่ะ
ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็น "อากัตน่ะ รู้สึกว่าการตายของมีช่าเป็นความรับผิดชอบของตัวเองมาตลอด แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นร๊อก ตัวเขาคิดไปเอง แล้วก็กล่าวโทษตัวเองอย่างคับแค้นใจ ผลสุดท้ายก็ได้ออกจากหมู่บ้านไปทันที เพื่อที่จะค้นหาคำตอบว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถชดเชยให้กับมีช่าได้ แม้จะใช้ชีวิตอย่างสำมะเลเทเมาในแต่ละวันที่รูอัน แต่ก็ยังหาคำตอบนั้นไม่พบ ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นจะได้พบกับการชี้นำดีดี ก็เลยมุ่งมั่นไปสู่เส้นทางแห่งเบรเซอร์น่ะ...... แต่ดูเหมือนว่าสุดท้าย เจ้าหนูนั่นก็ยังหาคำตอบไม่เจอเหมือนกับเมื่อ 10 ปีก่อน ที่ขังตัวเองอยู่กับความโศกเศร้าอันล้ำลึกและโกรธเคืองตนเองอยู่ดี"
นายพลมอร์แกน ".........เป็นเรื่องที่หนักหนาจริง ๆ"
เอสเทล "......นี่ คุณนายพล...... ให้พวกชั้นร่วมมือ รับมือกับมังกรไม่ได้เหรอ?"
นายพลมอร์แกน "อะไรนะ......?"
เอสเทล "พวกชั้น (เบรเซอร์) น่ะ น่าจะมีความแข็งแกร่งอย่างที่กองทัพไม่มี อย่างพวกการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว หรือความใกล้ชิดกับพวกชาวเมือง...... หรืออย่างไปยังพื้นที่หลังเขา แบบที่พวกคุณทหารเข้าไปด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้น่ะ จะทำให้เห็นว่าพวกชั้นน่ะมีประโยชน์ได้อย่างแน่นอนเลยล่ะ"
นายพลมอร์แกน "แต่ว่า......."
เอสเทล "ชั้นว่าความเป็นไปได้ที่อากัตผันตัวเองมาเป็นเบรเซอร์ คงเพราะรู้สึกถึงตรงจุดนี้ล่ะมั๊ง ไม่ว่าจะต้องชดใช้ให้กับน้องสาว หรือเพราะจะหาคำตอบให้พบ...... ......สำหรับเรื่องนั้นชั้นว่า ชั้นเข้าใจในตัวอากัตที่กลายมาเป็นเบรเซอร์ตามที่คุณพ่อได้ชักนำนะ ตัวคุณพ่อเองก็กลายมาเป็นเบรเซอร์เพราะคุณแม่เสียไปเหมือนกัน......"
นายพลมอร์แกน ".........................."
เอสเทล "ไม่ว่าจะทำเพื่อพิสูจน์ความเป็นไปได้ของเบรเซอร์อีกซักครั้ง...... หรือทำเพื่อเป็นกำลังให้เหล่าผู้คนที่กำลังเดือดร้อนที่อยู่ตรงหน้า...... ชั้นน่ะ อยากจะทำเรื่องที่ตัวเองสามารถทำได้ให้เต็มที่ เพราะฉะนั้น...... ขอให้เราร่วมมือด้วยเถอะนะคะ"
นายพลมอร์แกน ".................... ถ้าเมื่อ 10 ปีก่อนพื้นที่บอสมีเบรเซอร์อยู่ล่ะก็......"
เอสเทล "เห?"
นายพลมอร์แกน "เปล่า...... ไม่มีอะไร ในครั้งนี้ชั้นนำทัพมารับมือกับมังกรแทนคาซิอุสที่งานยุ่ง ได้เวลาที่ต้องกลับไปที่ประตูฮาเก้น เพื่อเริ่มการประชุมกองทัพแล้วล่ะ เรื่องที่พวกเจ้าจะออกค้นหาด้วย จะขอพิจาณาตอนนั้นก็แล้วกัน"
เอสเทล "ถะ ถ้าอย่างนั้น......!"
- ซึ่งตอนนี้ นายพลมอร์แกนยังไม่อนุญาตให้พวกเอสเทลให้ความร่วมมือซะทีเดียวค่ะ แต่เขาจะให้คำสัญญาว่าจะติดต่อกลับมาหาพวกเอสเทลถึงผลสรุปที่ได้ว่าจะให้พวกเอสเทลทำการค้นหามังกร ที่สาขาบอสในภายหลังค่ะ (แต่จริง ๆ นายพลเองก็ยอมรับพวกเอสเทลแล้วล่ะนะ)
- จากนั้น พวกเราจะต้องกลับไปที่บอสค่ะ แต่ก่อนไปเอสเทลจะให้แวะไปเยี่ยมอากัตก่อนที่ต้องพักฟื้นซัก 2 - 3 วันอยู่ที่นี่ค่ะ
★คุยกับ "คุณยายบิลเน่" 『ビルネ婆さん』 ภรรยาของผู้ใหญ่บ้าน จะทราบว่ามีช่ามีรอยยิ้มที่น่ารักมาก และยังเป็นน้องสาวที่คิดถึงพี่ชายอยู่เสมอ แถมยังจิตใจเข้มแข็งไม่แพ้อากัตเลยค่ะ
★คุยกับ "ริมอร์เน่" 『リモーネ』 บนชั้น 2 ของโรงเตี๊ยมทางแสงจันทร์ เธอจะรู้สึกสะกิดใจกับเด็กผู้หญิงที่มากับอากัต (ทีต้า) ว่าเป็นใครกันนะ แล้วเธอจะบอกว่าเธอจะลองไปเยี่ยมอากัตดูค่ะ
★คุยกับ "คุณยายออรันจ์" 『オランジュ婆さん』 ที่บ้านข้าง ๆ โรงเตี๊ยม จะทราบว่าบ้านของอากัตโดนไฟไหม้หนักมากเมื่อตอนที่เกิดสงคราม แต่ในภายหลังก็ได้มีการบูรณะซ่อมแซมให้ใหม่ค่ะ
- ไปที่บ้านของอากัต (บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้านค่ะ)
- ทีต้าจะบอกว่าอากัตยังหลับไม่ได้สติแต่สีหน้าดีขึ้นมาก ถ้าให้นอนต่ออีกสักหน่อยคงจะไม่เป็นไรค่ะ
- เอสเทลมองไปรอบ ๆ บ้านเล็ก ๆ ที่ดูอบอุ่นของอากัต แล้วบังเอิญหันไปเห็นรูปของใครบางคนที่อยู่บนหัวเตียงค่ะ
- รูปนั้นเป็นรูปของอากัตตอนเด็กกับน้องสาวของเขาค่ะ ตามรูปที่เห็นนั้นอากัตดูสนิทกับน้องสาวมาก ๆ ทีต้าคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะทั้งคุณอากัตและคุณมีช่าสีหน้าดูดีมาก ๆ เลยค่ะ
(เอสเทลจะลองประมาณอายุของอากัตว่า น่าจะเป็นช่วงที่อากัตอายุราว ๆ 14 ปี ส่วนมีช่าก็ 12 ปีค่ะ แถมยังขำ ๆ ที่อากัตทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์เป็นด้วยอีกนะคะ)
เอสเทล "จะว่าไป...... ทำไมอากัตถึงไม่พูดอะไรเรื่องคุณน้องสาวกันนะ? รู้สึกว่าเวลาพูดถึงทีไร ก็ทำอย่างกับว่าน้องสาวยังมีชีวิตอยู่......"
ทีต้า "อืม...... แต่พอมาลองคิด ๆ ดู รู้สึกว่าคุณอากัตจะไม่ได้พูดซักคำว่าคุณมีช่ายังมีชีวิตอยู่นี่นา แล้วที่บอกว่า [นาน ๆ ทีก็กลับไปให้เห็นหน้าซักหน่อย] น่ะ คงจะหมายถึงมาเยี่ยมหลุมศพล่ะมั๊ง......"
เอสเทล "พอฟังดูก็...... แต่ว่า เรื่องที่พวกเราเข้าใจผิดกันอยู่ อากัตเองก็ต้องรู้อยู่แล้วสินะ แล้วทำไมไม่เห็นแก้ตัวอะไรเลยล่ะ?"
ทีต้า "หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...... แต่คุณอากัตเคยบอกว่าช่วงที่ไม่ได้ทำงานจะแนะนำให้รู้จัก...... คงคิดที่จะเล่าความจริงในตอนนั้นแน่เลย"
เอสเทล "งั้นเหรอ...... ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสินะ เอาเถอะ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่จะลองถามดูอีกครั้งก็แล้วกัน......"
- จากนั้นเอสเทลจะบอกกับทีต้าว่า พวกเธอต้องกับไปที่บอสเพื่อไปรอรับการติดต่อจากนายพลมอร์แกน แถมเอสเทลยังรู้ทันด้วยว่า ทีต้าไม่อยากกลับไปที่บอสเพราะอยากจะดูแลอากัตอยู่ทางนี้ ในฐานะพี่สาว เอสเทลก็เอาใจน้องสาวด้วยการยอมให้ทีต้าเฝ้าไข้อากัตค่ะ (ทีต้าเขินไปเลย) นอกจากนั้น ยังกำชับทีต้าด้วยว่า ถ้อากัตฟื้น ก็อย่าให้ทำอะไรฝืน ๆ อีกด้วยค่ะ **อากัต ทีต้า ออกจากกลุ่ม**
- หากไม่ลืมทำอะไรที่หมู่บ้านราเวนนูแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่เมืองบอสได้เลยค่ะ โดยเลือกคำสั่งที่ 1 เพื่อกลับเมืองบอส (อัตโนมัติ) ค่ะ
สาขาบอส 『ボース支部』
- ยามค่ำคืนในสาขาบอส เราจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งอดีตของอากัตให้กับ "ผู้เฒ่ารูแกรน" และ "นายกเทศมนตรีเมเบล" ฟังค่ะ พอเมเบลได้ฟังแล้ว ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของอากัตในตอนนั้นได้ เอสเทลเลยสงสัยว่าเมื่อตอนนั้น มันหมายความว่ายังไง
นายกเทศมนตรีเมเบล "เมื่อ 10 ปีก่อน...... หลังจาก [สงครามร้อยวัน] จบลงไปได้ไม่นาน คุณอากัตเคยมาที่บ้านของดิฉันค่ะ"
เอสเทล "เอ๋!?"
คลอเซ่ "ที่บ้านของรุ่นพี่เหรอคะ?"
นายกเทศมนตรีเมเบล "ใช่ค่ะ มาข่มขู่คุณพ่อที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีในช่วงนั้นอย่างรุนแรงว่า นายกเทศมนตรีเมืองบอสน่ะ มีหน้าที่รวมพื้นที่ทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวควบคู่ไปกับการเตรียมการป้องกัน...... ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่ทำไมถึงได้ทอดทิ้งหมู่บ้านราเวนนูน่ะค่ะ"
เอสเทล "อ๊ะ......"
นายกเทศมนตรีเมเบล "ดิฉันที่ยังเด็กอยู่ พอเห็นคุณอากัตที่กล่าวโทษคุณพ่อก็เลยรู้สึกโกรธเคือง...... แล้วก็เผลอตบตีไล่ให้เขาออกไปค่ะ"
เอสเทล "ห๊า ------ ......"
เชราซาร์ด "เป็นเหตุการณ์ที่น่าทุกข์ใจนะ"
นายกเทศมนตรีเมเบล "ใช่ค่ะ...... แต่สุดท้าย คุณพ่อก็ไม่สามารถตอบคำถามของคุณอากัตได้ และตั้งใจที่จะให้เงินช่วยเหลือสำหรับการบูรณะซ่อมแซมกับหมู่บ้านแทนคำอธิบายค่ะ พอคุณอากัตได้ยินแบบนั้นก็เงื้อกำปั้นเข้าใส่คุณพ่อ...... ......แต่แล้วก็วิ่งหายไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลงมือเลยค่ะ"
เอสเทล "มีเรื่องแบบนั้นด้วยแฮะ...... เพราะงั้นอากัตกับคุณนายกเทศมนตรีถึงได้มีบรรยากาศแปลก ๆ ต่อกันสินะ"
นายกเทศมนตรีเมเบล "......คงจะเป็น การระวังตัวไม่พูดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นต่อกันกระมังคะ แต่เรื่องที่น้องสาวของคุณอากัตเสียไปเพราะสงคราม...... ดูเหมือนว่าดิฉัน...... จะเข้าใจคุณคนนั้นผิดมาตลอดค่ะ"
เอสเทล "แหม เรื่องนั้นก็เป็นความผิดของเจ้าตัวที่ไม่ยอมพูดด้วยเหมือนกันนี่นา คุณนายกเทศมนตรีไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอก"
นายกเทศมนตรีเมเบล "จริง...... ด้วยสินะคะ ......แล้วบาดแผลของคุณอากัตอยู่ในระดับไหนเหรอคะ?"
เอสเทล "อ๊ะ อืม ไม่ต้องห่วง คิดว่าน่าจะขยับไปไหนมาไหนได้ภายใน 2 - 3 วันนี้แหล่ะ"
- เมื่อเมเบลได้ยินดังนั้นก็วางใจค่ะ คลอเซ่จะเป็นห่วงคุณรีร่าว่าเป็นยังไงบ้าง เมเบลได้บอกว่าบาดแผลของรีร่าทุเลาบ้างแล้ว แต่ก็ยังสลบไม่ตื่นเหมือนเดิมค่ะ โอลิเวียร์ได้ทีเลยบอกว่า "ทั้ง ๆ ที่เป็นคุณหนูสุดสวยที่น่าเอ็นดู เป็นสมบัติของโลกใบนี้แท้ ๆ" พอเมเบลได้ฟังก็ยิ้มออกมา แล้วบอกว่าถ้ารีร่าฟื้นแล้วจะบอกคำพูดนี้ให้กับเธอด้วยค่ะ นอกจากนั้น เมเบลที่ได้ฟังว่านายพลมอร์แกนจะให้ความร่วมมือกับเหล่าเบรเซอร์ ก็รู้สึกยินดีมาก ๆ เลยค่ะ
- จากนั้น จะมีโทรศัพท์จากนายพลมอร์แกนเข้ามาพอดี ซึ่งนายพลมอร์แกนแจ้งว่า พรุ่งนี้ทางกองทัพราชอาณาจักรจะใช้กองยานรบทำการวางแผนกลยุทธ์เพื่อจับมังกร โดยจะให้พวกเอสเทลขึ้นยานไปในฐานะ [ผู้สังเกตการณ์] ค่ะ
(ถึงแม้ผู้สังเกตการณ์จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่ก็สามารถเข้าไปสังเกตมังกรได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งเจ๊เร่ากับจินเห็นว่าไม่เสียหายอะไรและบอกว่าหากกลยุทธ์ของทางกองทัพพลาดไป ก็จะเป็นตาของพวกเราที่เป็นเบรเซอร์ออกมาดำเนินการต่อค่ะ)
- นายกเทศมนตรีเมเบลจะรู้สึกยินดีกับพวกเราค่ะ แต่ดูเหมือนเธอจะเหนื่อยมากถึงกับหน้ามืดไปครู่หนึ่ง พวกเราก็เลยเป็นห่วงว่าเมเบลจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า แต่เมเบลบอกว่า เธอจะต้องคุ้มครองชาวเมืองให้เต็มที่ ให้ดียิ่งกว่าคุณพ่อของเธอที่เคยคุ้มครองชาวเมืองเมื่อตอน [สงครามร้อยวัน] และบอกให้พวกเราไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนเรื่องชาวเมืองบอส กับผู้คนที่หมู่บ้านราเวนนูเธอจะจัดการให้ค่ะ
หมู่บ้านราเวนนู 『ラヴェンヌ村』
เสียงเด็กสาว "......นี่ พี่จ๋า...... .........พี่ชายเนี่ยล่ะก็......"
เด็กสาวผมแดง "เอ๊ะเหะเหะ วันเกิดปีนี้ รออย่างใจจดใจจ่อสินะ? หนูจะให้ของขวัญที่พี่จะต้องดีใจเลยล่ะ♪"
เด็กชายผมแดง "เห...... ของที่ชั้นจะต้องดีใจเนี่ยนะ จะทำอะไรอร่อย ๆ เลี้ยงงั้นเหรอ?"
เด็กสาวผมแดง "โธ่ ---- ทำไมต้องเป็นแบบนั้นด้วยล่ะ ถ้าพูดถึงของขวัญวันเกิดก็ต้องเป็นของที่เหลือให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างไม่ใช่เหรอ"
เด็กหนุ่มผมแดง "เป็นของแบบนั้นเหรอ? อื~ม เหลือให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง ของที่ชั้นจะต้องดีใจ...... มีดล่าสัตว์เหรอ?"
เด็กสาวผมแดง "เพิ่งจะได้มีดมาจากคุณผู้ใหญ่บ้านไปแล้วนี่ คำเฉลยก็คือ เครื่องประดับที่หนูทำเองค่า~! แต่ยังไม่เสร็จนะ"
เด็กหนุ่มผมแดง "ดะ เดี๋ยวก่อนสิ! เครื่องประดับเนี่ย มันของผู้หญิงไม่ใช่เหรอไง"
เด็กสาวผมแดง "โธ่~ พี่นี่เชยจัง ผู้ชายน่ะถ้าใส่เครื่องประดับซักอันจะดูดีมาก ๆ เลยนะ? ถึงจะเป็นคนหน้าไม่รับแขกอย่างพี่ ก็ต้องเป็นที่ชื่นชอบแน่ ๆ เลยล่ะ♪"
เด็กหนุ่มผมแดง "นี่นี่......"
เด็กสาวผมแดง "......ไม่ได้ เหรอ? หนูน่ะอยากจะขอบคุณพี่ที่คอยช่วยเหลืออยู่บ่อย ๆ ...... อุตส่าห์ทำแทบตายเชียวนะ......"
เด็กหนุ่มผมแดง "อึก...... คะ คงไม่ใช่แบบน่ารัก หรือสีสันฉูดฉาดใช่ไม๊ล่ะ?"
เด็กสาวผมแดง "เอ๊ะเหะเหะ ไม่ต้องห่วงเลยจ้ะ เป็นแบบธรรมดา ๆ ออกเท่ห์หน่อย ๆ น่าจะเหมาะกับพี่นะ พี่น่ะตัวก็สูง หนูว่าต้องเหมาะสุด ๆ เลยล่ะ"
เด็กหนุ่มผมแดง "อ๊า------ รู้แล้วรู้แล้ว จะรออย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ พยายามทำให้ดี ๆ ล่ะ"
เด็กสาวผมแดง "เอ๊ะเหะเหะ...... อื้ม! นี่ พี่อากัต"
อากัต "มีอะไรเหรอ มีช่า?"
มีช่า "ขอบคุณนะ ที่คอยปกป้องหนูมาตลอด......"
- อากัตลืมตาตื่นขึ้นมา "......ฝัน งั้นเหรอ" อากัตกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัว "ที่นี่มัน......"
- "......อืม แบบนี้ล่ะมั๊ง" เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น อากัตหันไปที่ต้นเสียงนั้นทันที "มีช่า......?"
ทีต้า "คุณอากัต!? ดีจัง ฟื้นแล้วสินะคะ!"
- ทีต้าที่ยืนทำอาหารอยู่ เห็นอากัตฟื้นขึ้นมาก็รีบวิ่งไปหาเขาด้วยความดีใจ
อากัต "ยัยจิ๋ว......"
ทีต้า "เอ่อ ร่างกายไม่เป็นไรแล้วใช่ไม๊คะ......?"
อากัต "อา ไม่เป็นไรแล้ว------"
- อากัตยกตัวขึ้นมา แต่ดูเหมือนเขาจะยังเจ็บบาดแผลอยู่
ทีต้า "มะ ไม่ได้นะค๊าา! ต้องนอนดี ๆ สิ! แผลยังปิดไม่สนิทเลยนะคะ!"
อากัต "เหอะ แผลแค่นี้ไม่เท่าไรหรอกน่า เดี๋ยวสักพักมันก็หายไปเองแหล่ะ......"
- "มะ ไม่ได้!" ทีต้าตะโกนเสียงดังใส่อากัต 2 มือน้อย ๆ ของเธอกางออกกันไม่ให้อากัตลุกออกจากเตียง
ทีต้า "เพราะว่าหนูสัญญากับพี่สาวไว้แล้วค่ะ! จนกว่าคุณอากัตจะดีขึ้น ยังไงก็ไม่ให้ลุกออกไปจากเตียงเด็ดขาด!"
- เมื่อได้เห็นสายตาเอาจริงของทีต้า อากัตจึงรับคำแล้วก็รีบนอนลงไปเหมือนเดิม อากัตจะถามทีต้าว่าพวกเอสเทลเป็นไงบ้าง ทีต้าก็เลยเล่าให้ฟังว่าพวกเอสเทลกลับไปที่บอสเพื่อรอการติดต่อจากนายพลมอร์แกนค่ะ
อากัต "......งี้นี่เอง ไอ้มอร์แกนนั่นเคลื่อนไหวแล้วเหรอ ถ้างั้น ได้เวลาที่กองทัพจะติดต่อไปที่กิลด์แล้วสินะ อาวล่ะ ชั้นเองก็......"
- ทีต้าจ้องเขม็งไปที่อากัตอีกครั้ง
อากัต "......ก็คิดจะไปอยู่หรอก แต่วันนี้ก็ดึกมากแล้วนี่นะ พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับไปที่บอสกันเถอะ"
ทีต้า "ตะ แต่ว่า......"
อากัต "นอนพอแล้วล่ะ พลังกายก็ฟื้นขึ้นมากแล้ว แค่แผลเล็ก ๆ กับแผลถลอก ถึงจะขยับตัวไปมาธรรมดา ๆ เดี๋ยวก็หายไปเองนั่นแหล่ะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ"
ทีต้า "ไม่ได้...... ฝืนอยู่ใช่ไม๊คะ?"
อากัต "นี่แน่ะ ชั้นเป็นเบรเซอร์นะ? ไม่ได้ใจกล้าหน้าด้านถึงขนาดฝืนไปเป็นคู่มือกับองค์กรหรือมังกรหรอกนะ ...... แล้วก็ไม่อยากทำให้เธอต้องไปพบกับอันตรายด้วยน่ะ"
ทีต้า "เอ๊ะ......"
อากัต "เอาเถอะ ไม่ต้องข่มขวัญจับตามมองแบบน่ากลัวอย่างนั้นหรอก เชื่อใจชั้นเถอะน่า"
ทีต้า "ละ แล้วกัน...... คุณอากัตเนี่ยล่ะก็...... แต่ว่า รู้สึกดีขึ้นแล้วจริง ๆ สินะคะ?"
อากัต "ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ตนเองต้องเข้าใจร่างกายของตนเองได้ดีที่สุดน่ะ"
ทีต้า "เอ๊ะเหะเหะ...... ดีจังเลยยย"
- "..........อ๊ะ..........." ทีต้าดีใจจนร้องไห้ออกมา อากัตรีบลุกขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
อากัต "กะ ก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ นี่! สาบานกับเทพธิดาเลยว่าไม่ได้พูดโกหก!"
ทีต้า "ฮึ่ก...... ......มะ ไม่ใช่ค่ะ...... พอเบาใจ...... หนู...... ก็เลยโล่งอก...... อือออ...... แ-----------------------ง......!"
- อากัตเริ่มเหนื่อยใจ แต่กลับแสดงสีหน้าที่อ่อนโยน "เฮ้อ ช่วยไม่ได้น๊า" เขาลุกออกจากเตียงเข้าไปปลอบทีต้า
อากัต "......โทษที ชั้นทำให้เป็นห่วงหลายเรื่องสินะ เอาแต่บุกเดี่ยวไปหาเรื่อง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีแววว่าจะชนะ...... สุดท้ายก็ทำเรื่องไม่มีเหตุผลแบบนั้นใส่เธอน่ะ"
ทีต้า "......ก็ใช่น่ะสิ! คุณอากัตบ้า!"
- ทีต้าซบเข้าไปหาอากัต
ทีต้า "หนูน่ะ...... หนู่น่ะ...... เป็นห่วงจริง ๆ นะ!"
อากัต "อา นั่นสินะ...... ชั้นนี่มัน...... บ้าสุด ๆ เลยล่ะ"
- หลังจากที่ทีต้าเริ่มสงบลงแล้ว ทีต้าจะขอโทษอากัตที่จู่ ๆ เธอก็ร้องไห้โฮออกมา อากัตเลยแซวทีต้าไปทีว่าทีตอนอยู่หน้าไอ้ผมเงินนั่นทำเป็นเก่ง ทีต้าก็ได้แต่หัวเราะแก้เขิน แล้วนึกขึ้นมาได้ว่าเธอทำซุปจากอาหารที่ผู้ใหญ่บ้านเอามาให้ อากัตเองก็ว่าได้กลิ่นหอม ๆ มาตั้งกะเมื่อกี๊แล้ว แต่อากัตก็สงสัยว่าทำไมถึงมีห้องครัว เขาลองมองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง
- อากัตสังเกตเห็นว่า บ้านของเขาทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่เว้นแม้แต่รูปที่อยู่บนหัวเตียง ทีต้าก็เลยสงสัยว่ามีอะไรค่ะ
อากัต "......อันที่จริงบ้านหลังนี้น่ะ ไหม้ไปหมดตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อนแล้วล่ะ"
ทีต้า "เอ๋......"
อากัต "เพราะระเบิดเพลิงของกองทัพจักรวรรดิที่ตกลงมาไม่หยุด...... ในพริบตาที่ติดไฟก็ดำเป็นตอตะโก หลังจากนั้น ก็มารู้ทีหลังว่า พวกผู้ใหญ่บ้านสร้างขึ้นมาให้ใหม่ตามอำเภอใจ...... แต่ไม่คิดว่าจะเตรียมเครื่องเรือน หรือทำการตกแต่งภายในให้ถึงขนาดนี้ ชั้นเองก็ไม่เคยเข้ามาข้างในจนถึงเดี๋ยวนี้เหมือนกัน...... แต่ทำให้ถึงขนาดนี้ คงต้องไปขอบคุณอย่างเดียวสินะ"
ทีต้า "................... ถ้า...... อย่างนั้น...... ในตอนนั้น...... คุณมีช่า......"
อากัต "................................ ......ฮะฮะ ความลับแตกซะแล้วเหรอ"
- อากัตนั่งลงบนเตียงก่อนที่จะเล่าเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นให้ทีต้าฟัง
อากัต "......เป็นวันเกิดของชั้น ที่กำลังเตรียมของขวัญให้ เครื่องประดับทำเอง...... ที่เหมาะกับชั้นน่ะ ในระหว่างที่ลี้ภัยไปที่เส้นทางภูเขา ยัยนั่นก็กลับมาเอามันที่บ้าน...... แล้วระเบิดเพลิงก็ร่วงลงมาที่นั่น"
ทีต้า "............................"
อากัต "ตอนที่มาช่วย...... ยัยนั่นก็ได้รับแผลไฟไหม้อย่างหนัก ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังกำของขวัญไว้ในมือจนแน่น...... ส่วนที่เป็นโลหะไหม้ไปหมดแล้ว แต่ส่วนที่เป็นหินยังปลอดภัย...... อันนี้ไงล่ะ"
- อากัตหยิบสร้อยหินที่เขาห้อยคอติดตัวเสมอ ๆ ออกมา
อากัต "ไม่ใช่หินเจ็ดจรัส ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เป็นแค่เพียงก้อนหินสวย ๆ ที่มีอยู่ดาษดื่นก็เท่านั้นเอง คงจะไปเจอมาแถวลำธารใกล้ ๆ นี่ล่ะมั๊ง เพื่อของแบบนี้แล้ว ไม่ว่าชั้นจะคิดทบทวนซักกี่ครั้งก็ยังไม่เข้าใจ...... แต่น่าประหลาดที่ไม่คิดที่จะตำหนิสิ่งนี้ แม้ไม่ใช่ของดูต่างหน้า...... แต่พอออกจากหมู่บ้านหลังจากที่สงครามจบลง ในช่วงที่ไปมีชีวิตสำมะเลเทเมา มีแค่ไอ้นี่เท่านั้นที่ทิ้งไปไม่ได้ ฮะฮะ...... เป็นเรื่องที่น่าสมเพชสินะ?"
ทีต้า "ระ เรื่องนั้น......!"
อากัต "จริง ๆ ก็เป็นเรื่องน่าสมเพชนั่นแหล่ะ ตอนที่มองดูไอ้นี่ชั้นก็ไม่อาจลืมความโกรธเคือง ความโกรธเคื่องในตัวเองที่อ่อนแอไม่สามารถช่วยยัยนั่นในตอนนั้นได้......"
ทีต้า "อ๊ะ......"
อากัต "และแล้ว ชั้นก็ใช้ชื่อดาบหนักฟาดฟันความโกรธเคืองที่ประทุขึ้น...... ดูไปแล้วชั้นน่ะ ยังรักษาตนเองเอาไว้ได้อยู่นะ ......ติดอยู่กับความโกหกหลอกลวง คนครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่ก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ได้...... คึคึคึ...... ตรงตามที่หมอนั่นพูดเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย"
ทีต้า "คุณอากัต......"
อากัต "ไม่สิ...... หรือว่านิสัยติดตัวที่ไม่ดี เป็นไอ้บ้าที่ได้แต่เบือนหน้าแล้วหนีไปจากเรื่องแย่ ๆ...... เหมือนกับสุนัขขี้แพ้ที่ชั้นเกลียดที่สุดเลย ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันผลงานชิ้นเอกเลยฟ่ะ!"
ทีต้า "คุณ...... อากัต......"
- ทีต้าค่อย ๆ เดินเข้าไปหาอากัตที่ก้มหน้าโทษตัวเองอยู่
ทีต้า "หนูน่ะ...... ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคุณอากัตซักเท่าไร...... เพราะอะไรถึงได้ทุกข์ทรมาณอยู่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้...... แต่นี่ หนูจะขอพูดแทนคุณมีช่าค่ะ"
อากัต "......?"
ทีต้า "......อย่ามาทำบ้า ๆ กับพี่ชายที่หนูรักนะ! ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มาเข้าใจส่วนดีดีของพี่เลยแท้ ๆ! เรื่องของพี่น่ะ หนูรู้ดีที่สุด! ถ้ามาพูดไม่ดีใส่ อย่างเรื่องตัวตนของพี่ล่ะก็ จะไม่ให้อภัยแน่นอน!"
อากัต "พะ......"
- ทีต้าไม่พูดอะไรต่อ แต่เธอเข้าไปกอดอากัตไว้
ทีต้า "หนูน่ะ อาจจะสู้คุณมีช่าไม่ได้...... แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็รู้ถึงส่วนดีดีของคุณอากัตเยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้น ถ้ามาพูดไม่ดีใส่ หนูจะรู้สึกเศร้าใจ...... แล้วก็รู้สึกโกรธมาก ๆ ที่มาพูดแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าใจอะไรในตัวคุณอากัตเลย...... เพราะฉะนั้น...... เพราะฉะนั้น......"
อากัต "....................... ......ฮะฮะ...... ยอมแพ้เลยแฮะ...... นึกว่ามาทำเป็นขึ้นเสียงด้วยน้ำเสียงที่เหมือนมีช่ามากซะอีก...... เด็กน้อยเอ๊ย ทำมาเป็นเลียนแบบได้เหมือนทีเดียวเลยนะ......"
ทีต้า "หยะ อย่ามาทำเหมือนหนูเป็นเด็กได้ไม๊...... หนูน่ะ...... หนูน่ะ...... ทั้งเศร้า...... ทั้งโกรธอยู่จริง ๆ นะ......"
อากัต "......งั้นเหรอ...... ................................. ชั้นเนี่ยไม่ได้เข้าใจเรื่องของชั้นเองเลยเหรอเนี่ย...... ......เป็นอย่างนั้นจริง ๆ สินะ"
- อากัตยืนขึ้น พร้อมทั้งเช็ดน้ำตาให้ทีต้า
อากัต "ขอบใจนะ ทีต้า ที่ทำให้ชั้นรู้สึกตัวซักทีน่ะ"
ทีต้า "คุณอากัต......"
อากัต "......ระดับความอ่อนหัดของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องวัดด้วยตัวของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยชั้นก็จะลองดิ้นรนดูก็แล้วกัน ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นความโกรธหรือความโศกเศร้า...... จนกว่าจะค้นพบคำตอบก็มีแต่ต้องเดินตรงไปข้างหน้าสินะ"
- อากัตกำสร้อยหินในมือของเขา
อากัต "เหอะ ส่วนนี่...... ความหมายที่ยังเก็บมันไว้อยู่ สักวันก็คงจะเข้าใจได้ล่ะมั๊ง"

แกะรอยมังกรยุคโบราณ1-2
『古代竜の襲撃事件①‐②』 (BP7)
เมืองบอส 『ボース市』
- "ผู้เฒ่ารูแกรน" จะแจ้งแก่พวกเอสเทลว่า ตอนนี้เริ่มมีการบูรณะซ่อมแซมมาร์เก็ตภายใต้การควบคุมดูแลของนายเทศมนตรีเมเบลแล้ว แถมยังมีการส่งของช่วยเหลือไปที่หมู่บ้านราเวนนูด้วยค่ะ
- นอกจากนั้น คลอเซ่บอกว่าองค์ราชินีได้ติดต่อมาหาเธอเมื่อวานนี้ และรับปากจะให้ความช่วยเหลือพวกเรา หาทางไม่ให้มังกรไปสร้างความเดือดร้อนในพื้นที่อื่น ๆ ให้เร็วที่สุดค่ะ
("โอลิเวียร์" กับ "จิน" ถึงกับบ่นอุบว่า จักรวรรดิและสาธารณรัฐน่าจะเลียนแบบการให้ความร่วมมือกันจากลีเบร์ลซะบ้างด้วยนะคะ แต่คลอเซ่เห็นว่าเพราะลีเบร์ลเป็นประเทศเล็ก ๆ ก็เลยเคลื่อนไหวอะไรได้สะดวกกว่าประเทศใหญ่ ๆ อย่างเอเรโบเนียหรือคาลวาร์ดค่ะ)
- สถานที่นัดพบที่เราจะไปขึ้นยานของกองทัพก็คือ ท่าเทียบเรือเหาะรูอัน ชานชลาที่ 1 เวลา 10 โมงเช้าค่ะ ตอนนี้เพิ่งจะ 9 โมง ผู้เฒ่ารูแกรนก็เลยให้เราไปหาซื้อของเตรียมกันก่อนก็ได้ค่ะ
- อย่าลืมแวะไปที่ "ร้านโกรเซอร์ มิเน่" บนชั้น 2 ของฟรีเด้น โฮเต็ล ด้วยนะคะ จะได้อัฟเดทข่าวกับ "ลีเบร์ลสาร ฉบับพิเศษ" ที่ลงข่าวมังกรโจมตีเมืองบอสซักหน่อยค่ะ
★คุยกับ "นายกเทศมนตรีเมเบล" เธอจะบอกว่า การส่งของบรรเทาทุกข์ไปที่หมู่บ้านราเวนนูเป็นไปด้วยดี ส่งถึงมือทุกคนโดยไม่มีปัญหาอะไร ส่วนรีร่านั้นก็ยังไม่ได้สติเหมือนเดิมค่ะ
★คุยกับ "ซาร่า" 『サラ』 เมดของคฤหาสน์นายกฯ อีกคน เธอออกมาซื้อของเลยแวะมาอธิษฐานที่โบสถ์ ขอพรให้รีร่าฟื้นไว ๆ ค่ะ
ท่าเทียบเรือเหาะ 『発着場』
- หากไม่ลืมทำอะไรแล้ว ก็ไปที่ท่าเทียบเรือเหาะตรงชานชลาที่ 1 (ชานชลาด้านบน) แล้วเลือกคำสั่งที่ 1 เลยค่ะ
- พวกเราจะรอ "ยานรักษาความปลอดภัย" ของทางกองทัพ แต่เมื่อมีประกาศว่าเรือเหาะของทางกองทัพจะลงจอด เอสเทลก็รู้สึกตะหงิด ๆ กับเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ เมื่อหันไปดู เอสเทลก็ต้องประหลาดใจ เพราะเรือเหาะที่พวกเธอจะได้ขึ้นนั้นไม่ใช่ยานรักษาความปลอดภัย แต่เป็นปีกสีขาวที่น่าภาคภูมิใจของราชอาณาจักร [อัลเซยู] ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ค่ะ
(แม้แต่คลอเซ่เอง ก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจะเป็นอัลเซยู เพราะเมื่อวานตอนที่ยูเลียติดต่อมาก็ไม่เห็นบอกเธอเรื่องนี้เลยค่ะ)
- และพวกเอสเทลก็ต้องประหลาดใจซ้ำสอง เพราะ "ไนแอล" และ "โดรธี" ก็ได้รับคำเชิญให้ขึ้น [อัลเซยู] เพื่อมาทำข่าวมังกรยุคโบราณด้วยค่ะ
("ร้อยเอกยูเลีย"ได้ออกมาอธิบายว่า ที่ไม่ได้บอกคลอเซ่เรื่องที่จะให้ขึ้นอัลเซยู ก็เพราะราชินีอาริเชียให้ยูเลียปิดเป็นความลับเพื่อทำให้พวกเราประหลาดใจค่ะ)
- จากนั้น "นายพลมอร์แกน" จะออกมาเชิญองค์หญิงคลอเดียเสด็จไปที่ห้องบังคับการในยาน เพราะเขาไม่สามารถให้คลอเซ่ขึ้นยานในฐานะแขกได้ค่ะ (เอสเทลบ่นอุบเลย ว่านายพลมอร์แกนเนี่ย เถรตรงไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ ค่ะ) ส่วนพวกเรา ยูเลียจะเป็นคนพาชมภายใน [อัลเซยู] เองค่ะ
ร้อยเอกยูเลีย "เหล่าเบรเซอร์ทั้งหลาย! --------- ยินดีต้อนรับสู่ยานลาดตระเวน [อัลเซยู] ในสังกัดกองกำลังรักษาพระองค์อีกครั้ง!"
- ในขณะที่ [อัลเซยู] ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า "อากัต" กับ "ทีต้า" ก็มาถึงพอดี แต่น่าเสียดายที่ทั้ง 2 คนตามมาไม่ทัน เมื่อเป็นอย่างนี้อากัตก็เลยปล่อยเลยตามเลยให้พวกเอสเทลเป็นคนค้นหามังกรไปก่อนค่ะ ส่วนทีต้าวิญญาณโอตาคุเครื่องจักรเข้าสิง เพราะรู้สึกเสียดายนิด ๆ ที่ไม่ได้ขึ้น [อัลเซยู] ค่ะ
- ทีต้าจะถามความเห็นว่าพวกเธอจะทำยังไงกันต่อดี ซึ่งอากัตตั้งใจไว้ว่าจะไปหาอาวุธมาแทนดาบหนักที่หักไปค่ะ
- ในขณะที่พวกอากัตกำลังหนักใจว่าจะไปหาอาวุธมาแทนดาบหนักที่ไหนดี "เท็ด" 『テッド』 ประชาสัมพันธ์ของที่ท่าเทียบแห่งนี้ ก็วิ่งตามมาบอกอากัตว่า เมื่อวานนี้มีพัสดุส่งด่วนจ่าหน้าถึงอากัต ซึ่งพัสดุนั้นส่งมาจาก "ดร. รัซเซล" ค่ะ
อัลเซยู 『アルセイユ』
- ภายในยาน [อัลเซยู] "นายพลมอร์แกน" จะอธิบายกลยุทธ์คร่าว ๆ ในการจับมังกรยุคโบราณค่ะ
- นายพลอธิบายว่า การจับมังกรยุคโบราณนั้น เมื่อพิจารณาจากความสามารถในการบินแล้ว มังกรสามารถบินไปทั่วลีเบร์ลได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงต้องมีการวางแผนกระจายกำลังไปรอบ ๆ ลีเบร์ล โดยใช้ [อัลเซยู] และยานรักษาความปลอดภัยอีก 12 ลำ เพื่อล่อมังกรให้มาอยู่ในวงล้อมค่ะ
- โดยแผนการก็คือ จากเรดาร์แสดงให้เห็น [อัลเซยู] ที่อยู่เหนือน่านฟ้าบอส และยานรักษาความปลอดภัยอีก 8 ลำกระจายไปทั่วลีเบร์ล และมังกรโบราณที่ปรากฏเหนือน่านฟ้ารูอัน โดยยานรักษาความปลอดภัย จะใช้ปืนกลยิงมังกร ล่อให้มาอยู่เหนือน่านฟ้าทะเลสาบวาเลเรียค่ะ และในขณะที่มังกรปรากฏตัวที่นั่น ยานรักษาความปลอดภัยที่เตรียมการอยู่ที่ค่ายเรสตอนอีก 4 ลำ ก็จะปรากฏตัวขึ้นมาในจังหวะเดียวกัน แล้วยานทั้ง 12 ก็จะรุมโจมตี เพื่อทำการจับมังกรค่ะ ซึ่งแผนนี้จะเรียกว่า [กลยุทธ์จับมังกร] ค่ะ
(เจ๊เชร่า ถึงกับอุบอิบว่ากลยุทธ์ช่างมีขนาดใหญ่ สมาคมเบรเซอร์เนี่ยเทียบไม่ได้เลยจริง ๆ ค่ะ)
- โดยการจับมังกรในครั้งนี้ องค์ราชินีรับสั่งลงมาให้จับเป็น ห้ามกำจัดเด็ดขาดค่ะ เพราะมังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษและไม่เคยยุ่งกับมนุษย์มาก่อน ก่อนหน้านี้ก็ได้แต่หลบซ่อนตัวมาตลอด คลอเซ่มีความเห็นว่า เป็นไปได้ที่มังกรจะถูก [องค์กร] ควบคุมอยู่ค่ะ
เอสเทล "จะว่าไป...... ผู้ชายที่ชื่อเรเวที่ควบคุมมังกรอยู่ ถือ [กอสเปล] เอาไว้นี่!?"
นายพลมอร์แกน "อืม...... อันตรายจากปรากฏการณ์ออร์บเมนท์หยุดการทำงานสินะ จากที่ ดร. รัซเซลบอก อาณาเขตลูกโซ่ของปรากฏการณ์ออร์บเมนท์หยุดการทำงานประมาณระยะคร่าว ๆ ได้ 5 อาร์จ ยานบินทุกลำจะกระทำการที่ระยะ 10 อาร์จขึ้นไป โดยไม่เข้าไปใกล้มังกร ถ้าทำแบบนั้นก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร"
- เมื่อได้ฟังนายพลมอร์แกนพูดแบบนั้น ทำให้เอสเทลโล่งใจอย่างมาก นายพลมอร์แกนยังเสริมอีกว่า หากแผนการล้มเหลวคงต้องฝากให้พวกเราช่วยเหลือค่ะ แต่เอสเทลบ่นอุบว่า "ถึงจะพูดมาแบบนั้น เรื่องที่กลยุทธ์จะล้มเหลวก็ไม่ได้อยู่ในหัวเลยไม่ใช่เหรอไง?" อันที่จริงนายพลมอร์แกนก็หวังไว้อย่างนั้นนั่นแหล่ะค่ะ แต่ที่เขาพูดหมายถึง ในกรณีที่ [องค์กร] ยื่นมือเข้ามายุ่งการจับกุมมังกรในครั้งนี้ แผนการที่วางเอาไว้ก็มีโอกาสที่จะล้มเหลวได้ค่ะ
- จากนั้นยูเลียจะให้พวกเราแยกย้ายกันไป หากมีอะไรเกิดขึ้นเธอจะประกาศแจ้งทันทีค่ะ
- บังคับ "เอสเทล" ไปคุยกับเพื่อน ๆ บน [อัลเซยู] ได้เลยค่ะ
★คุยกับ "นายพลมอร์แกน" ในห้องวางแผน เขากำลังตรวจสอบกลยุทธ์โดยรวมอีกครั้งเพื่อความแน่ใจค่ะ นายพลมอร์แกนดูเหมือนจะมั่นใจมาก ๆ กับแผนกลยุทธ์ในครั้งนี้ ถึงกับพูดว่า "น่าเสียดาย ที่คราวนี้ไม่ใช่ทีของเจ้านะ" แต่เอสเทลก็ไม่คิดอะไรค่ะ เพราะแค่พวกเธอได้รับอนุญาตให้มาที่นี่ก็น่าดีใจอยู่แล้ว แต่ถ้าหากกลยุทธ์เกิดผิดพลาดขึ้นมา เธอจะขออนุญาตให้พวกเธอดำเนินการต่อ ซึ่งนายพลมอร์แกนก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ
★คุยกับ "โอลิเวียร์" ให้ห้องอาหาร นายนี่ก่อนจะเริ่มกลยุทธ์ก็ยังดื่มเหล้าอีกนะคะ จากตรงนี้ทำให้รู้ว่า "มังกรในตำนาน" ก็มีตำนานเล่าลือไปถึงจักรวรรดิเลยล่ะค่ะ แถมทางจักรวรรดิยังเคยทำการวิจัยและตรวจสอบข้อมูลของมังกรโบราณมาก่อนด้วย แต่ความคิดที่มีต่อมังกรของลีเบร์ลและเอเรโบเนียนั้นแตกต่างกัน เพราะลีเบร์ลมองว่ามังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่เทียบเท่าพระเจ้า แต่เอเรโบเนียไม่ได้มองแบบนั้น หากเหตุการณ์คราวนี้เกิดขึ้นที่จักรวรรดิ ไม่แน่ว่าทางจักรวรรดิอาจจะฆ่ามังกรทิ้งก็เป็นได้ค่ะ (ในฐานะนักดนตรีอัจฉริยะ ผู้ใช้ความรักและสันติภาพ โอลิเวียร์ก็รู้สึกไม่ชอบใจ ที่เอเรโบเนียที่ออกจะเป็นประเทศป่าเถื่อนเหมือนกันค่ะ)
★หากคุยกับโอลิเวียร์แล้ว ลองไปคุยกับ "พ่อครัวเคธี่" 『調理師ケイシー』 กุ๊กที่เคยเป็นอดีตองครักษ์ค่ะ เขาจะบอกว่าตอนนี้เป็นช่วงก่อนร้านเปิดก็เลยยังไม่เปิดขายค่ะ แต่ที่มีคนมานั่งดื่มเหล้าได้เพราะตอนที่เขากำลังหาเหล้าที่พอจะมีเหลืออยู่ หมอนั่นก็มาทักเขาแถมยังรู้เรื่องเหล้าเป็นอย่างดีอีกด้วย เคธี่ก็เลยอภินันทนาการให้หนุ่มคนนั้นเป็นพิเศษน่ะค่ะ เอสเทลก็เลยสงสัยว่าทำไมคนอย่างโอลิเวียร์ไม่ได้โม้ออกไปเหรอว่า ตัวเองเป็นนักชิมอาหารน่ะ
★ส่วน "ไนแอล" ก็รู้สึกว่าโชคดีที่ได้ขึ้น [อัลเซยู] ที่ใฝ่ฝันมานานซักที และที่ได้ขึ้นมานี่ก็เพราะข่าวตอนเหตุการณ์ปฏิวัติที่เขาทำได้ดังระเบิดระเบ้อน่ะค่ะ
(ตอนแรกเอสเทลนึกว่าไนแอลจับฉลากได้ เลยได้มาค่ะ)
★หากคุยกับ "ไนแอล" อีกครั้ง ไนแอลจะขอให้เราช่วยแนะนำร้อยเอกยูเลียให้เขาหน่อย เพราะมีนักอ่านมากมายที่อยากจะเห็นอัลบั้มรวมภาพของร้อยเอกยูเลียที่พวกเขาชื่นชมค่ะ (ขนาดเอสเทลยังอยากเห็นเลย) แต่ไนแอลก็หนักใจว่า หากไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าตัวเขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี
★คุยกับ "โดรธี" เธอรู้สึกเป็นห่วงเอสเทลเรื่องรูปถ่ายของโยชัวร์ค่ะ แต่คุณเธอก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว (ประเภทเดียวกับโอลิเวียร์จริง ๆ แฮะ ซึมไม่ได้นาน) และยังให้กำลังใจเอสเทลในฐานะพี่สาวด้วยนะคะ
★คุยกับ "เจ๊เชร่า" ที่มายืนกินลมตรงดาดฟ้าเรือส่วนหลัง เอสเทลจะถามความเห็นของเจ๊เกี่ยวกับกลยุทธ์ในครั้งนี้ค่ะ ซึ่งเจ๊เชร่าเห็นว่าใช้ยานรักษาความปลอดภัยถึง 12 ลำ โอกาสที่มังกรจะหนีไปได้นั้นแทบจะไม่มีค่ะ
★คุยกับ "คลอเซ่" ที่ห้องบังคับการ คลอเซ่จะแซวเอสเทลว่า เห็นชอบเดินเล่นไปไหนมาไหนบนเรือเหาะอยู่เรื่อยตั้งแต่ตอนที่อยู่บนเรือเหาะประจำทางแล้ว สมกับเป็นคุณเอสเทลจริง ๆ (จากตรงนี้จะทราบว่า เอสเทลยังไม่ค่อยชินกับพวกยานบินค่ะ) แล้วคลอเซ่จะอธิบายถึงประสิทธิภาพของยานอัลเซยูให้เอสเทลวางใจว่า เรือเหาะลาดตระเวนความเร็วสูงที่น่าภาคภูมิของราชวงศ์ แม้จะบินด้วยความเร็วสูงสุด ถึงจะยืนอยู่ก็ไม่มีปัญหา เมื่ออยู่ภายในยานอาจจะไม่เห็นถึงความแตกต่างกับยานลำอื่น ๆ นัก แต่ถ้ามองมาจาด้านนอกแล้วล่ะก็ จะเหมือนกับว่ากำลังเจอกับพายุเลยล่ะค่ะ
★คุยกับ "ร้อยเอกยูเลีย" เธอจะบอกว่าถึงจะเพิ่งเปลี่ยนเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่เพิ่งพัฒนามา แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้มาร่วมกลยุทธ์อันยิ่งใหญ่แบบนี้ค่ะ อันที่จริงยูเลียไม่อยากรบกวนพวกเอสเทลมากไปกว่านี้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้กลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จภายในครั้งเดียวเลย แต่เรื่องในอนาคตก็เป็นสิ่งที่เทพธิดาเอดอสเท่านั้นที่รู้ค่ะ
(เพื่อน ๆ บางคนอาจไม่ทราบว่ายูเลียเป็นคนที่เชื่อถือเทพธิดาแห่งท้องฟ้าเป็นอย่างมากค่ะ คำพูดของเธอจึงมักจะกล่าวถึงเทพธิดาเอดอสอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นพวกเคร่งศาสนาก็ไม่ผิดเลยค่ะ)
★หากคุยกับไนแอลมาแล้ว (ต้องคุย 2 ครั้ง) คุยกับ "ร้อยเอกยูเลีย" อีกครั้ง เอสเทลจะลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ยูเลียเรื่องที่ไนแอลขอร้องว่าจะขอสัมภาษณ์ยูเลีย เพราะชาวประชาอยากจะรู้จักยูเลียให้มากขึ้นกว่านี้น่ะค่ะ ถึงแม้ยูเลียจะให้ความไว้วางใจในตัวไนแอล แต่ยูเลียก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่น เพราะหากเธอให้ไนแอลลงบทความของตัวเธอ ก็จะมีสำนักข่าวอื่น ๆ นอกจากสำนักข่าวลีเบร์ล แห่แหนมาขอทำข่าวด้วยเช่นกันค่ะ
★ก่อนที่จะคุยครบทุกคน หากเรามาขอร้องยูเลียแทนไนแอลแล้ว ให้กลับไปคุยกับ "ไนแอล" อีกครั้ง ถึงไนแอลจะเสียดายที่ไม่สามารถได้ข้อมูลของร้อยเอกยูเลียมาทำบทความได้ แต่ไนแอลก็พอจะเข้าใจว่าทางนั้นมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่ค่ะ แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้นะคะ ยังบอกว่าจะลองหาวิธีอื่นต่อค่ะ เอสเทลถึงกับเหนื่อยหน่ายที่ไนแอลไม่รู้จักเข็ดหลาบเลย
★ในห้องบังคับการบินนี้ จะมีเหล่าลูกน้องที่ร้อยเอกยูเลียให้ความไว้วางใจ 3 คนค่ะ ลองไปคุยกับเขาทำความรู้จักกันหน่อยก็ดีนะคะ โดยจะมี "เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์เอโก้" 『観測士エコー』 (ฟังจากการพูดแล้ว เป็นผู้หญิงที่จริงจังและค่อนข้างโหดทีเดียวเชียวค่ะ มีการบอกให้เอสเทลที่เป็นแค่ผู้สังเกตการณ์อย่ามาเกะกะด้วยนะคะ) "เจ้าหน้าที่บังคับการบินลูคูส" 『操舵士ルクス』 (ฟังจากคำพูดแล้ว น่าจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองพอสมควรและมีการตัดสินใจที่ดี แต่ดูจะเกรง ๆ เอโก้ไม่ใช่น้อยค่ะ เขาบอกให้เอสเทลไปทัศนศึกษาที่อื่น อย่ามายืนแถวนี้ เดี๋ยวเอโก้จะทำตาเขียวปั้ดใส่น่ะค่ะ) "เจ้าหน้าที่สื่อสารริออน" 『通信士リオン』 (ฟังจากการพูดแล้ว เป็นผู้ชายที่สุภาพมาก ๆ ค่ะ)
★คุยกับ "จิน" เขาจะฝึกซ้อมอยู่ที่ห้องพักด้านล่างค่ะ แต่เอสเทลเห็นว่าพื้นที่แคบ ๆ ก็ฝึกซ้อมได้ด้วยเหรอ ซึ่งจินบอกว่าขอให้มีที่ก็สามารถฝึกตนได้ค่ะ อย่างการฝึกสมาธิ กำหนดลมหายใจ การทำเช่นนี้ก็ถือเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อไม่ให้พลาดท่าเวลาลงพื้นที่จริงค่ะ
★ที่ห้องทดลองจะพบ "ฟูโก้" 『フーゴ』 และ "รุยเซ่" 『ルイーゼ』 2 นักวิจัยแห่งโรงงานกลางไซสส์ ที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลวัดระดับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ของอัลเซยู ที่โรงงานกลางเป็นผู้พัฒนาด้วยนะคะ
★ที่ห้องเครื่องจะพบกับ "ช่างซ่อมบำรุงเพตัน" 『整備士ペイトン』 ช่างซ่อมบำรุงประจำ [อัลเซยู] ที่เคยช่วยเหลือพวกเอสเทลตอนเหตุการณ์ปฏิวัติด้วยนะคะ
- เมื่อคุยครบทุกคนแล้ว ให้ตัดฉาก "ร้อยเอกยูเลีย" จะประกาศแจ้งว่า มีการติดต่อมาจาก [เมลเดอร์] 『メルダー号』 ว่าพบมังกรเหนือน่านฟ้าเหมืองมัลก้า และเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพวกเบรเซอร์มาระดมพลที่ห้องบังคับการค่ะ
(จากนั้น กลยุทธ์จับมังกร ก็เริ่มขึ้น ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี มังกรยุคโบราณร่วงลงไปเหนือผิวทะเลสาบวาเลเรีย จากนั้น [อัลเซยู] จะลงจอดบนทะเลสาบ เพื่อดำเนินการใช้ตาข่ายจับมังกรค่ะ)
- ไปที่ "ดาดฟ้าส่วนหัวเรือ" เพื่อดูการจับมังกรค่ะ
- เอสเทลจะนึกขึ้นมาได้ว่าผู้ชายที่ชื่อเรเวไปไหนซะแล้ว นายพลมอร์แกนเดาว่าน่าจะหนีไปแล้วค่ะ แต่พวกเราไม่คิดยังงั้น นายพลยังบอกต่ออีกว่ามังกรนี่เขาจะลากไปที่ค่ายเรสตอนก่อน แล้วหลังจากนั้นจะไปปรึกษากับองค์ราชินีและคาซิอุสว่าจะทำยังไงต่อไปค่ะ
- โดรธีจะสังเกตเห็นว่าหัวของมังกรดูแปลก ๆ เหมือนบนหน้าผากมีอะไรงอกออกมาค่ะ และในช่วงนั้นเอง จุดที่โดรธีบอกที่อยู่บนหน้าผากของมังกรยุคโบราณก็เปิดออก เผยให้เห็น [กอสเปล] ที่อยู่ด้านในค่ะ
- มังกรยุคโบราณฟื้นขึ้นและบินหนีไปได้ พวกเราจะรีบตามไปด้วยยานอัลเซยู เมื่อมิสไซล์ไม่สามารถล็อกเป้าหมายได้ ยูเลียจึงตัดสินใจใช้ปืนใหญ่หลัก แต่ทว่าความเร็วของมังกรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยูเลียจึงออกคำสั่งให้ใช้ความเร็วระดับสูงสุดของ [อัลเซยู] ที่ระดับ 3200CE/h ค่ะ
- [อัลเซยู] ที่ใช้ระดับความเร็วสูงสุด และเืกือบจะตามมังกรได้ทันก็ต้องคว้าน้ำเหลว เพราะมังกรลดระดับความสูงลงไปยัง "หุบเขาหมอก" ทำให้ยาน [อัลเซยู] ที่บินตามลงมาคลาดสายตาจากมังกรไปค่ะ และด้วยขนาดของ [อัลเซยู] จึงไม่สามารถตามมังกรลงไปในหุบเขาหมอกได้ นายพลมอร์แกนจึงออกคำสั่งยกเลิกกลยุทธ์ และให้ยานทุกลำกลับไปประจำที่บอสค่ะ
ท่าเทียบเรือเหาะ 『発着場』
- ภายในห้องวางแผน ของ [อัลเซยู] เราจะมาประชุมกันอีกครั้ง จุดที่มังกรหายไปก็คือ หุบเขาหมอก ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ และเป็นจุดที่อยู่ลึกเข้าไปยิ่งกว่าสถานที่ที่เคยเป็นฐานทัพลับของสลัดอากาศค่ะ ดังนั้น จึงเป็นการยากที่จะเข้าไปสำรวจในพื้นที่ลับแลเช่นนั้น
- "เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ชั้นเอง" เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น
นายพลมอร์แกน "เจ้า......"
เอสเทล "อากัต ทีต้า!?"
- เอสเทลจะตกใจที่อากัตกับทีต้ามาอยู่ที่นี่ เธออดเป็นห่วงไม่ได้ว่าบาดแผลของอากัตหายดีแล้วหรือยัง ทีต้าก็เลยช่วยอากัตยืนยันว่าแผลของอากัตหายดีแล้วค่ะ ส่วนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นอากัตได้ฟังมาจากผู้เฒ่ารูแกรนแล้ว และอากัตก็รู้จักคนที่รู้ทุกซอกทุกมุมของหุบเขาหมอกด้วย หากไปขอความร่วมมือจากคนที่บอก ก็คงจะเข้าไปถึงทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหุบเขาหมอกได้ค่ะ ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือตาลุง "เวมเลอร์" ที่อาศัยอยู่ในหุบเขานั่นเองค่ะ
- ถึงจะหาวิธีที่จะเข้าไปในหุบเขาหมอกได้ แต่นายพลมอร์แกนก็ยังกังวลเรื่อง [กอสเปล] ที่อยู่บนหน้าผากของมังกรยุคโบราณอยู่ดีค่ะ
- พวกเอสเทสลงความเห็นว่าความเป็นไปได้ที่มังกรปรากฏตัวขึ้นมาอาจจะเป็นเพราะ [กอสเปล] ก็เป็นได้ แต่ดูเหมือนพวกอากัตจะไม่กังวลเลย แถมยังพูดว่า "ก็แค่ทำลายเฟรมของ [กอสเปล] ก็สิ้นเรื่อง" เอสเทลเลยงง ๆ ว่า [กอสเปล] เนี่ยทำลายกันง่าย ๆ ได้ด้วยเหรอ อากัตก็เลยหยิบดาบหนักของเขาให้ทุกคนดูค่ะ
เอสเทล "นั่นมัน......"
เชราซาร์ด "ดูเหมือนจะมีอุปกรณ์อะไรบางอย่าง ฝังอยู่ในฐานของดาบนะ"
อากัต "อุปกรณ์ที่คุณตารัซเซลประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่และส่งมาถึงเมื่อเช้านี้...... อุปกรณ์สำหรับทำลาย [กอสเปล] ยังไงล่ะ"
เอสเทล "เอ๋!?"
โอลิเวียร์ "หืม..... มีโครงสร้างแบบไหนงั้นเหรอ?"
ทีต้า "คืองี้นะคะ...... ดูเหมือนว่าอุปกรณ์อันนี้น่ะ จะสร้างแรงสั่นสะเทือนของคลื่นความถี่ยาว ที่สามารถทำลายส่วนประกอบของเฟรมได้ ส่งไปที่คมดาบค่ะ หากใช้แรงสั่นสะเทือนไป 2 - 3 ครั้งจะพังลงก็จริง...... แต่ถ้าใช้คมดาบฟันลงไปได้ละก็ จะสามารถทำลาย [กอสเปล] ลงได้น่ะค่ะ"
เอสเทล "มะ ไม่ค่อยเข้าใจแฮะ แต่อาจจะเป็นการประดิษฐ์ที่ฟังดูเยี่ยมสุด ๆ เลยนะ"
โอลิเวียร์ "หึ สมกับที่เป็นนักวิชาการอัจฉริยะแห่งราชอาณาจักร"
- และเมื่อเป็นเช่นนี้ นายพลมอร์แกนจึงอนุญาตให้พวกเราดำเนินการจับมังกรต่อจากทางกองทัพค่ะ แต่เพื่อความแน่ใจเขาจะให้ [อัลเซยู] บินวนรอบ ๆ พื้นที่บอสเผื่อมังกรจะหนีขึ้นไปบนฟ้าค่ะ
(ก่อนจะไป นายพลมอร์แกนได้บอกกับเอสเทลและอากัตว่า เขาไม่อยากสร้างบาดแผลให้กับประชาชนลีเบร์ลอีกแล้ว ถ้ายังไงก็ให้พวกเอสเทลพยายามทำงานให้สำเร็จให้ได้ อากัตจะแซวว่าไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของคุณนายพลเลยค่ะ)
☆เลือกเพื่อนเข้ากลุ่มต่อสู้ 1 คนค่ะ (เอสเทล อากัต และทีต้า เป็นตัวละครบังคับ)☆
เมืองบอส 『ボース市』
- ถึงแม้อากัตจะไม่ค่อยอยากจะให้ทีต้าไปด้วย แต่ทีต้าก็หาเหตุผลมาว่า หากอุปกรณ์พังเธอก็สามารถซ่อมให้ได้ทันที และปืนใหญ่ของเธอก็มีประโยชน์สำหรับการต่อสู้กับศัตรูที่บินได้ อากัตก็เลยบอกทีต้าว่าอย่าฝืน แล้วคงไม่มาเกะกะเขานะ พวกเอสเทลจะรู้สึกว่าอากัตเปลี่ยนไปมากค่ะ ก็เลยแซวว่าคงได้เจออะไรดี ๆ มาซินะ (อ๊าก เกมนี้ก็มี ซิสค่อน + โลลิค่อน ค่ะ)
(42) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนเส้นทางภูเขาราเวนนู
★หากคุยกับ "ทหารกองทัพราชอาณาจักร" 『王国軍兵士』 เขาจะบอกว่ากลยุทธ์จับมังกรในครั้งนี้ ทางจักรวรรดิไม่มีท่าทีจะยื่นมือเข้ามายุ่งเลยซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก หรือที่ทางจักรวรรดิไม่เข้ามายู่ง อาจเป็นเพราะสนธิสัญญาไม่ทำสงครามก็เป็นได้ แต่ที่ [นายกฯเลือดเหล็ก] นิ่งเงียบเนี่ยยังไง ๆ เขาก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อซักเท่าไรค่ะ
★คุยกับ "ผู้เฒ่ายาฮาโตะ" 『ヤハト老人』 ที่เดินไปเดินมารอบ ๆ มาร์เก็ต เขาจะบอกว่าสภาพของเมืองบอสตอนนี้ เหมือนกับช่วงหลังเหตุการณ์ [สงครามร้อยวัน] เลยค่ะ
★หากคุยกับพวกชาวเมืองที่มาช่วยกันบูรณะ บอส มาร์เก็ต จะทราบว่าทั้ง ๆ ที่นายกเทศมนตรีเมเบลก็ออกจะยุ่ง แต่เธอก็พยายามมาทักทาย แลขอบคุณชาวเมืองทุกคนทีละคน ทีละคน ทำให้พวกเขารู้สึกปลาบปลื้มมาก ๆ ค่ะ
★คุยกับ "นายกเทศมนตรีเมเบล" ที่คฤหาสน์ฯ เธอจะดีใจมากที่รีร่าฟื้นแล้วค่ะ
★คุยกับ "รีร่า" เธอจะขอโทษพวกเราที่ทำให้เป็นห่วงค่ะ
(ถ้าพา "จิน" หรือ "โอลิเวียร์" มาด้วย รีร่าจะขอบคุณทั้ง 2 คนที่ช่วยเธอค่ะ)
★คุยกับ "ซิสเตอร์ โรซ่า" 『シスター・ローザ』 ซิสเตอร์จะบ่นให้ฟังว่า คุณรีร่าเนี่ยแย่จริง ๆ เพิ่งจะฟื้นแท้ ๆ แต่ไม่ยอมพัก จะไปทำงานต่อซะงั้นน่ะค่ะ (ก็สมกับเป็นรีร่าล่ะนะ)
★หากแวะไปคุยกับ "ไซน์" 『ザイン』 ที่บริษัทค้าอาวุธไซน์ เขตเมืองด้านใต้ เขาจะถามสภาพดาบของอากัตว่าเป็นไงบ้างน่ะค่ะ อากัตก็บอกว่าตอนนี้ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว ถึงจะใช้ได้แค่ 2 - 3 ครั้งก็ตามทีค่ะ
★ถ้าแวะไปที่หมู่บ้านราเวนนูแล้วไปคุยกับคนภายในหมู่บ้าน เขาจะถามไถ่อากัตด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านไรเซ็นและคุณป้าบิลเน่จะเป็นห่วงอากัตมาก ๆ ค่ะ นอกจากนั้น เรายังสามารถตกปลาตรงปลายสะพานปลาที่อยู่ในหมู่บ้านได้แล้วด้วยค่ะ
หุบเขาหมอก 『霜降り峡谷』
- ใช้ "ทางหลวงบอสฝั่งตะวันออก" มุ่งสู่ "กระท่อมกลางหุบเขา" ของลุงเวมเลอร์ ที่หุบเขาหมอกด้านตะวันออกได้เลยค่ะ
- คุยกับลุง "เวมเลอร์" 『ウェムラー』 เพื่อขอให้เขาช่วยบอกเส้นทางที่จะเข้าไปยังหุบเขาหมอกด้านตะวันตกเฉียงเหนือค่ะ แต่ลุงเวมเลอร์ปฏิเสธและเขาจะถามเราว่า "พวกเจ้าน่ะ ถ้าเจอมังกรแล้ว ตังใจจะทำอะไรงั้นเหรอ?" ซึ่งพวกเอสเทลให้คำตอบไปว่า พวกเธอก็แค่อยากจะจับและก็ทำลาย [กอสเปล] ที่ติดบนหน้าผากของมังกรเท่านั้นค่ะ
- แต่ลุงเวมเลอร์บอกว่ามังกรไม่ใช่สัตว์ปิศาจธรรมดา ๆ แต่เป็นสัตว์เทพเจ้าที่มีชีวิตอยู่มาก่อน [การล่มสลายครั้งยิ่งใหญ่] 『大崩壊』 เมื่อ 1200 ปีก่อนค่ะ ซึ่งมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา ๆ ไม่สามารถทำอะไรมังกรได้ แต่อากัตเห็นว่าถึงจะมีชีวิตอยู่มายืนยาว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้นี่
(แต่พอรู้ว่า ภายในโบสถ์เจ็ดจรัส มีการเล่าขานสืบกันมาว่า มังกรเป็นสัตว์เทพเจ้า ที่ทำหน้าที่ปกป้องเทพธิดาแห่งท้องฟ้า อากัตถึงกับเหงื่อตกเลยค่ะ)
- แต่อากัตก็ไม่ยอมถอดใจ ถึงแม้จะเป็นมังกรแต่หากไม่ทำอะไรเลยทุกอย่างก็จะยังคงตกอยู่ในหมอกหนาทึบ ลุงเวมเลอร์เห็นความตั้งใจจริงของอากัต เขาจึงยอมบอกในที่สุดค่ะ
- จากนั้น ลุงเวมเลอร์จะให้เราเตรียมตัว ส่วนเขาจะไปรอที่หุบเขาหมอกฝั่งตะวันตกค่ะ
(จริง ๆ แล้วเราแค่ขอให้เขาบอกทางเท่านั้น แต่ลุงเวมเลอร์อาสาจะพาไปที่ทางเข้าให้ เพราะเส้นทางภายในค่อนข้างสลับซับซ้อน เผื่อเขาจะช่วยอะไรได้ค่ะ)
☆เราสามารถพักผ่อนฟื้นฟู HP&EP ที่กระท่อมของลุงเวมเลอร์ได้ด้วยนะคะ☆
- เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้ว ให้ตามลุงเวมเลอร์ไปที่หุบเขาหมอกฝั่งตะวันตกค่ะ
- ไปทางด้านเหนือ (จุดที่เคยเป็นทางตันมาก่อน) จะพบกับลุงเวมเลอร์ที่มารออยู่แล้ว และเราจะสามารถข้ามไปด้านในได้ด้วยขอนไม้ที่ลุงเวมเลอร์เตรียมไว้ให้เราค่ะ
(จากคำบอกเล่าของลุงเวมเลอร์ หากเดินไปเรื่อย ๆ จนสุดทางของถ้ำด้านใน จะเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่สามารถปีนขึ้นลงจากบนฟ้าได้ ซึ่งมังกรอาจจะอยู่ในถ้ำนั่นก็เป็นได้ค่ะ)
- เมื่อเดินมาถึงทางเข้าถ้ำ เอสเทลจะเขียนโน้ตฝากให้ซิก นำไปให้พวกยูเลียที่อยู่บน [อัลเซยู] เพื่อแจ้งสถานที่ค่ะ (น่าสงสารซิกจัง ทำทุกอย่างตั้งกะไม้จิ้มฟันยันเรือรบเลยอะ)
◆ในกรณีที่ "คลอเซ่" เข้ากลุ่มต่อสู้ คลอเซ่จะเป็นคนใช้ซิกให้นำจดหมายไปส่งเองค่ะ
ที่ที่มังกรอาศัยอยู่ 『古竜の住み処』
☆อย่าลืมเก็บไอเทมตามทางนะคะ "EPชาร์จ I", "บัสเตอร์เกียร์", "ยาแห่งเทียร์ร่า", "เอโบนี่ชูส์", "EPชาร์จ I", "อารอนไดท์", "ลูกอมเจ็ดสีมหัศจรรย์" ค่ะ☆
เหนือน่านฟ้าพื้นที่บอส 『ボース地方上空』
- เมื่อออกไปยังไหล่เขาส่วนที่สอง ฉากจะตัดไปที่ "ซิก" ได้นำโน้ตที่เอสเทลผูกไว้ที่ขามาส่งให้กับยูเลีย เมื่อนายพลมอร์แกนรู้เส้นทางของพวกเอสเทลแล้ว ก็ได้ออกคำสั่งให้ยานทุกลำเตรียมกระสุนปืนใหญ่ให้พร้อม เตรียมตัวป้องกันไม่ให้มังกรบินหนีไปทางอากาศค่ะ
ที่ที่มังกรอาศัยอยู่ 『古竜の住み処』
☆ไอเทมในช่วงนี้ "เซพิธ (ดิน, มายา) x100", "มิสตี้เวลล์", "ยาแห่งเซราส", "ยาแห่งเทียร์รอล" ค่ะ☆
- เข้าไปในถ้ำด้านในสุดของหุบเขาหมอกจะพบกับ "มังกรโบราณเลกนาร์ต" นอนหลับอยู่ แถมชายที่ชื่อเรเวก็ไม่อยู่ด้วย ทำให้พวกเราคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีในการจับมังกรค่ะ เมื่อเป็นเช่นนี้ อากัตจะเข้าไปคนเดียวเพื่อฉวยโอกาสที่จะทำลาย [กอสเปล] ลงไปค่ะ
- "ย๊ากกกกกกกกกส์!!" อากัตเงื้อดาบฟันลงไปบน [กอสเปล] แล้วเฝ้าดูว่า สิ่งที่เขาทำจะสำเร็จหรือไม่ แต่ทว่า แสงสีดำของ [กอสเปล] ส่องประกายออกมา มังกรลืมตาตื่นขึ้น และได้พ่นไฟออกมา อากัตกระโดดหลบไปอีกด้านได้ทันท่วงที ทีต้าได้ยิงปืนใหญ่ออร์บเมนท์สกัด มังกรเอาไว้
เอสเทล "อากัต!"
อากัต "มีรอยบิ่นแล้ว แต่ว่าไม่ถึงกับทำลายลงไปได้! ถ้าเป็นแบบนี้มีแต่ต้องเปิดโอกาสอีกซักครั้งเท่านั้น! ช่วยหน่อยนะ!"
- เลกนาร์ต -
- 『レグナード』 -
**แนะนำ ให้ใส่ "คล็อกอัฟ รุ่นปรับปรุง" กับฝ่ายเรา แล้วใส่ "คล็อกดาว์น" กับเลกนาร์ต จะง่ายขึ้นค่ะ**
**การโจมตีปกติของเลกนาร์ต (พ่นไฟ หรือ ใช้หาง) จะโจมตีกินอาณาเขตปานกลาง ดังนั้น พยายามยืนกระจาย ๆ กันจะดีที่สุดค่ะ**
**เลกนาร์ตสามารถกระพือปีกพัดให้เราร่นไปอยู่ในแนวหลังได้ หาเราไม่เร็วพอ จะทำให้เสียเวลาในการเดินขึ้นมาอยู่แนวหน้าค่ะ**
**ระวังให้ดี มังกรโบราณเลกนาร์ต สามารถใช้เวทย์มนต์โบราณ "เพรชเชอร์ เอ็กโพลชั่น" ที่โจมตีทั่วฉากนะคะ (ชาร์จก่อนโจมตี สกัดกั้นไม่ได้) เมื่อเห็นศัตรูชาร์จให้เตรียมร่ายอาร์ทเพิ่มเลือดไว้เลยค่ะ**
**เนื่องจากว่า เลกนาร์ต ไม่แพ้คุณสมบัติใด ๆ เลย หากเก็บเลเวลมาอย่างเพียงพอ โจมตีไปเรื่อย ๆ ก็จะชนะได้โดยง่ายค่ะ**
- เมื่อชนะ เลกนาร์ตจะไม่ยอมล้มลงไปและเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาค่ะ อากัตจะสังเกตุเห็นชะง่อนหินที่พอจะปืนขึ้นไปบนหัวของเลกนาร์ตได้
อากัต "ทีต้า! เอากระสุนประกายแสงมาหรือเปล่า!?"
ทีต้า "เห...... เอามาค่ะ!"
อากัต "ใช้ไอ้นั่นทำให้มังกรเปิดช่องว่างทีซิ! เอสเทล (และเพื่อนอีกคน) แป๊ปเดียวก็ได้ หยุดการเคลื่อนไหวของมังกรซะ!"
เอสเทล "เอ๋ ----- !"
- อากัตวิ่งขึ้นไปบนชะง่อนหิน เตรียมตัวทำลาย [กอสเปล] อีกครั้ง
- จากนั้น ทีต้าจะยิงกระสุนแสง ส่วนพวกเอสเทลจะบุกเข้าโจมตีเพื่อให้มังกรหยุดการเคลื่อนไหวค่ะ
- อากัตภาวนาต่อสร้อยคอของเขา "โอ้อออออออออออออออ!!" และกระโดดแทง [กอสเปล] จากด้านบน ด้วยการอาศัยแรงดึงดูดของโลกและพลังทำลายของอากัต พร้อมด้วยดาบติดอุปกรณ์ก็สามารถทำลาย [กอสเปล] ลงไปได้อย่างสวยงามค่ะ
- "..........ยอดเยี่ยม................" ในขณะที่พวกเรากำลังดีใจกับความสำเร็จที่ทำลาย [กอสเปล] ลงไปได้นั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ซึ่งเสียงนั้นก็คือเสียงของเลกนาร์ตที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากหมดสติไปครู่นึงนั่นเองค่ะ
เสียง "ยอดเยี่ยม...... เหล่าลูกหลานมนุษย์เอย นามของข้าคือ [เลกนาร์ต] 『レグナート』 เผ่าพันธุ์มังกรที่หลับไหลอยู่บนแผ่นดินแห่งนี้"
เอสเทล "อ๊ะ......"
อากัต "นี่มัน...... นายกำลังพูดอยู่เรอะ!?"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "ข้าไม่มีอวัยวะที่ใช้เปล่งเสียงได้อย่างพวกเจ้า จึงสื่อสารด้วยรูปแบบที่เรียกว่า [โทรจิต] 『念話』 แต่พวกเจ้าจะสื่อสารโดยการเปล่งเสียงออกมาอย่างเดิมก็ได้"
อากัต "งะ งั้นเหรอ......"
ทีต้า "เห~ ......"
เอสเทล "ถะ ถ้าเป็นการสื่อสารด้วยคำพูด ก็อยากจะทำให้แน่ใจก่อนว่า...... ไม่ได้คิดที่จะสู้กับพวกชั้นแล้วสินะ?"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "อืม เพราะข้าแค่ถูกเครื่องมือนั่นควบคุมอยู่เท่านั้น ในที่สุดพวกเจ้าก็ได้ช่วยปลดปล่อยร่างกายนี้ ขอบใจนะ"
เอสเทล "อ๊ะฮะฮะ...... มะ ไม่เป็นไรค่ะ"
อากัต "ฮึ่ม...... ขอบจงขอบใจน่ะช่างเถอะ ที่พวกชั้นมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อฆ่าแกหรอกนะ แต่มาเพื่อจะป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ต่างหากล่ะ"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "หมายถึงเมืองหรือหมู่บ้านที่ข้าทำให้เกิดความเสียหายสินะ...... แม้จะถูกช่วงชิงสติสัมปชัญญะไปก็ตาม แต่ก็เป็นความรับผิดชอบของข้าอย่างแท้จริง...... แล้ว...... จะให้ข้าชดใช้เช่นไรดี"
เอสเทล "มะ แหม ที่ไม่ดีน่ะ เป็นพวก [องค์กร] ต่างหากล่ะ...... ถึงจะมีคนบาดเจ็บ แต่ก็ไม่มีคนตายซักกะหน่อย...... ถ้าบอกมาอย่างบริสุทธ์ใจแล้ว ชั้นว่าน่าจะได้รับการอภัยนะ?"
- อากัตครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
มังกรโบราณเลกนาร์ต "ฮืม บริสุทธิ์ใจเหรอ...... จะใช้ของแบบนั้นบอกไปได้หรือไม่ ไม่ค่อยมั่นใจหรอกนะ...... ลูกหลานมนุษย์เอ๋ย เข้ามาทางนี้ใกล้อีกนิดได้ไม๊ล่ะ?"
เอสเทล "อะ อืม? ก็ได้อยู่หรอก......"
อากัต "......คิดจะทำอะไรเนี่ย"
- ถึงจะพูดโง้นพูดงี้ แต่พวกเราทุกคนก็เดินเข้าไปใกล้ ๆ เลกนาร์ตตามที่เขาร้องขอ เมื่อพวกเรามาอยู่ต่อหน้าเขา เลกนาร์ตได้เสกอะไรบางอย่างที่ส่องแสงเรืองรองสีทอง และมอบสิ่งนั้นให้กับพวกเอสเทล
อากัต "นะ......"
ทีต้า "ว้าว......!"
เอสเทล "นี่มัน...... ผลึกหินเจ็ดจรัส!?"
เพื่อนเรา "ส่องประกายสีทอง...... ผลึกโกลเทียร์ (ศิลาประกายทอง) 『金輝石《ゴルティア》』 งั้นเหรอ......"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "ชดเชยในส่วนที่ข้าฝากรอยเล็บเอาไว้ ยังไงก็ช่วยนำไปมอบให้กับเจ้าเมืองหรือผู้ใหญ่บ้านด้วยมือของพวกเจ้าจะได้หรือไม่?"
เอสเทล "ยะ อย่างนี้นี่เอง...... อืม ถ้าเป็นเรื่องที่ว่าล่ะก็------"
อากัต "------ไม่ได้หรอกนะ"
เอสเทล "! ดะ เดี๋ยวดิ๊!?"
ทีต้า "คุณอากัต......"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "ฮืม หมายถึงเรื่องที่ไม่สามารถบอกไปอย่างบริสุทธิ์ใจด้วยสิ่งของอย่างนั้นหรือ?"
อากัต "ไม่ได้หมายความว่ายังงั้น แต่หมายถึงว่าถ้าขนาดใหญ่ประมาณนี้ 1 ก้อน ก็จะได้ราคา 10 ล้านมิร่าพอดี เอาผลึกที่เหมือนกับเจ้านี่ที่เล็กกว่านี้หมื่นเท่ามาให้ซักก้อนซิ"
เอสเทล "เห......?"
อากัต "ตราบใดที่ไม่ได้เป็นงานที่เข้าไปข้องเกี่ยวกับอาชญากรรม ก็ถือว่าส่วนนั้นเป็นค่าจ้างที่จ่ายให้กับเบรเซอร์ ถ้าเป็นค่าขนส่งสิ่งของล่ะก็ จ่ายซัก 1000 มิร่าก็เพียงพอแล้วล่ะ ถ้าจ่ายเท่าที่บอกชั้นก็จะรับงานนี้ไปทำนะ"
ทีต้า "อา......"
เอสเทล "ปัดโธ่เอ๊ย...... ไม่รู้จักพูดให้มันดี ๆ ซะบ้างเล๊ย"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "หืม หมายถึงเรื่องนั้นเองเหรอ ถ้างั้นก็รับไปซะสิ"
- เลกนาร์ตมอบผลึกสีทองเรืองรองที่มีขนาดเล็กกว่าที่มอบให้ไปก่อนหน้านี้ ตามที่อากัตบอก
อากัต "เอาล่ะ...... เจรจากันเสร็จแล้วนะ จะขอรับหน้าที่ นำหิน 2 ก้อนนี้ไปมอบให้ผู้ใหญ่บ้านแล้วก็นายกเทศมนตรี"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "อืม ฝากด้วยนะ หึหึ...... แต่ว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ ใช้ได้เลยล่ะ ตอนที่สู้กับนักดาบสีเงินเจ้าไม่ได้พึ่งพาใครแท้ ๆ ...... แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ได้ปลดปล่อยจิตใจออกมาแล้วใช่หรือไม่ล่ะ"
อากัต "! ว่า......"
ทีต้า "ห๊า จำเรื่องในเหมืองได้ด้วยเหรอคะ?"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "ถึงจะโดนควบคุมอยู่ แต่ก็ยังคงหลงเหลือสติสัมปชัญญะ สาวน้อยตัวเล็กเอ๋ย ข้าสรรเสิญในความกล้าหาญและความเข้มแข็งของเจ้ายิ่งนัก หึหึ...... ถึงได้บอกว่าสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์นั้น น่าสนใจยังไงล่ะ"
ทีต้า "อ๊ะ อูย......"
เอสเทล "อ๊ะฮะฮะ มีอารมณ์ขันอย่างไม่น่าเชื่อแฮะ"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "ฮืม แล้วเจ้า...... อย่างนี้นี่เอง ถึงได้มีกลิ่นที่จดจำได้จากตัวเจ้า ------ ลูกสาวของ [ปราชญ์ดาบ] 『剣聖』 สินะ?"
เอสเทล "เห......!?"
อากัต "เฮ้ย ทำไมถึงไปรู้จักกับตาลุงได้ล่ะ!?"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "1 ในมนุษย์ที่ข้าได้พบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่การหลับไหลเมื่อ 20 ปีก่อน เห็นบอกว่าจะมุ่งสู่วิถีแห่งดาบให้เชี่ยวชาญ ทำอะไรเสี่ยง ๆ อย่างไม่รู้จักตรึกตรองให้ดี...... แล้วตอนนี้ยังอยู่ดีมีสุขหรือเปล่า?"
เอสเทล "อะ อืม...... ก็แข็งแรงอยู่หรอก ......แต่ไอ้ที่มารู้จักแม้กระทั่งมังกรเนี่ย นึกไม่ถึงจริง ๆ ------ อ๊ะ จะว่าไป...... นี่ [เลกนาร์ต] ถามอะไรหน่อยได้ไม๊?"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "ฮืม มีอะไร?"
เอสเทล "คนที่ติด [กอสเปล] ให้กับคุณคือผู้ชายที่ชื่อเรเวคนนั้นสินะ? เห็นบอกว่าทำ [การทดลอง] อะไรซักอย่าง...... รู้รึเปล่าว่านี่เป็นการทดลองอะไรกันแน่น่ะ?"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "ฮืม...... เข้าใจผิดแล้วล่ะ คนที่ติดอุปกรณ์สีดำขลับนั้นกับข้า ไม่ใช่นักดาบสีเงินคนนั้นหรอก แต่เป็นคนที่มีพลังอันแปลกประหลาดที่เขาเรียก [ศาสตราจารย์] น่ะ"
เอสเทล "เอ๋~ !?"
อากัต "ว่าไงนะ......!?"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "นักดาบสีเงินปรากฏตัวขึ้นที่นี่พร้อมกับ [ศาสตราจารย์] แล้วหลังจากที่ข้าได้ทำความเสียหายตามอำเภอใจ เขาก็เข้าช่วยเหลือยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายมากเกินไปกว่านี้ หากไม่ได้เขาเข้าควบคุม ข้าคงจะหยุดทำลายเมืองหรือหมู่บ้านไม่ได้"
เอสเทล "มะ ไม่จริง......"
อากัต "เจ้านั่น...... คิดจะทำอะไรกันน่ะ"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "แล้ว เป้าหมายของ [ศาสตราจารย์] มีเพียงข้อเดียวคือ อาจจะดูว่าอุปกรณ์นั่นมีผลกับข้าหรือไม่ แล้วระบุระดับความสำเร็จเพื่อ [พระสุรเสียง] 『福音』 จาก [วงแหวนประกายแสง] 『輝く環』 กระมัง"
อากัต "ว่า......!?"
ทีต้า "วะ [วงแหวนประกายแสง]!?"
เอสเทล "ดะ เดี๋ยวก่อนสิ! หรือรู้ว่า [วงแหวนประกายแสง] เป็นของแบบไหนน่ะ!?"
มังกรโบราณเลกนาร์ต "................................ มันไม่มีอยู่ที่ใด แต่ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ทั่วไป เป็นพลังอันไร้ขอบเขต พรั่งพร้อมไปด้วยความรอบรู้ ก่อให้เกิดความสิ้นหวัง ยามเมื่อสิ่งนั้นมาอยู่ตรงหน้า...... ไม่มีทางที่มนุษย์จะหาคำตอบไม่ได้ ----------- สิ่งที่ข้าพอจะบอกได้ก็มีอยู่เท่านี้ ส่วนที่เกี่ยวข้องเกินกว่านี้ ได้ถูกห้ามไว้ตามสนธิสัญญาในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือพวกเจ้าหรือทำการหยุดพวกเขา ข้าก็ไม่สามารถทำได้"
- มังกรโบราณเลกนาร์ตกระพือปีกและส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง
มังกรโบราณเลกนาร์ต "ลาก่อน เหล่าลูกหลานมนุษย์เอ๋ย ยามเมื่อพวกเจ้าได้คำตอบ ข้าจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จะภาวนาให้ตอนนั้นมาถึงนะ"
- แล้วเลกนาร์ตก็บินจากพวกเอสเทลไป
- บนยาน [อัลเซยู] โดรธีจะเป็นห่วงพวกเอสเทลเพราะรู้สึกว่ามันช้าเกินไป แต่ร้อยเอกยูเลียเห็นว่าหากเกินอันตรายขึ้นซิกก็น่าจะกลับมารายงาน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีแต่ต้องเชื่อใจพวกเขาเท่านั้น
- นายพลมอร์แกนตัดสินใจว่าให้รอต่ออีกชั่วโมง แล้วค่อยเปิดฉากการโจมตีได้
- "ไม่จำเป็น" เสียงของมังกรบอกกับพวกนายพล พร้อมกับปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
มังกรโบราณเลกนาร์ต "เหล่านักรบผู้ปกป้องลีเบร์ลจงฟัง นามของข้าคือ [เลกนาร์ต] เผ่าพันธุ์มังกรที่หลับไหลอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ตั้งแต่ครั้งอดีต ถูกควบคุมโดยเหล่าคนผู้ชั่วร้าย แต่ได้รับการปลดปล่อยด้วยฝีมือของเหล่าเบรเซอร์แล้ว รายละเอียดไปถามจากพวกเขาก็แล้วกัน"
- แล้วเลกนาร์ตก็บินจากไป โดยที่พวกเราได้แต่ยืนมอง
(ยูเลียบอกว่า ระดับความสูงขนาดนั้น [อัลเซยู] ไม่สามารถไปถึงได้ค่ะ ก็เลยตามไม่ได้)
- จากนั้น พวกเราจะกลับไปยังเมืองบอสและเล่ารายละเอียดต่าง ๆ ให้กับนายพลมอร์แกนฟัง รวมทั้งได้นำผลึกศิลาประกายทองไปมอบให้กับนายกเทศมนตรีและผู้ใหญ่บ้านค่ะ



- หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ -
- หมู่บ้านราเวนนู -
- "อากัต" นำดอกไม้มาที่หลุมศพของน้องสาวเขาพร้อมกับ "ทีต้า" ซึ่ง "นายพลมอร์แกน" ได้นำดอกไม้มาเคารพหลุมศพอยู่ก่อนแล้ว
อากัต "ไม่คิดว่านายจะมาอยู่ที่นี่เลยนะ ลมอะไรหอบมาล่ะ?"
นายพลมอร์แกน "อะไร...... ก็แค่อารมณ์ปรวนแปรน่ะ จะมาไหว้น้องสาวใช่ไม๊? งั้นชั้นขอตัวแค่นี้ล่ะ"
อากัต "นี่นี่ ไม่ได้บอกว่านายมาเกะกะซักคำ ดอกไม้นั่น...... ของนายเหรอ?"
นายพลมอร์แกน "......ก็นะ เพราะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็เลยคิดที่จะเอามาประดับซักหน่อยน่ะ"
อากัต "ทุกปีจะมีดอกไม้ที่เหมือนกับของชั้นวางอยู่ คิดอยู่ว่าเป็นของใครที่ไหน...... แต่ไม่คิดว่าจะเป็นนายไปได้เลยแฮะ"
นายพลมอร์แกน "แล้วยังไงล่ะ...... ชั้นเองอายุปูนนี้ก็หลง ๆ ลืม ๆ ไปแล้วล่ะว่าเป็นของใคร"
อากัต "เหอะ พูดได้ดี"
ทีต้า "คิกคิก...... เอ่อ หนูเองก็จะเอาดอกไม้ไปไหว้ได้ไม๊คะ?"
นายพลมอร์แกน "โอ้......"
อากัต "อา ฝากหน่อยนะ"
- ทีต้านำดอกไม้ไปวางหน้าหลุมศพ แล้วยืนไว้อาลัยพร้อมกับอากัต
อากัต "ฟู่...... โทษทีนะทีต้า ที่ให้ลำบากลำบนมาด้วยกันกับชั้นน่ะ"
ทีต้า "ไม่หรอก หนูก็อยากจะมาทักทายคุณมีช่าให้ได้ซักครั้งอยู่แล้ว...... ขอบคุณนะ คุณอากัต"
อากัต "เฮ้ย จะพูดขอบคุณน่ะ มันทางนี้ไม่ใช่เหรอ ยิ่งกว่านั้นชั้นเคยสัญญาไว้แล้วว่าช่วงไม่มีงานจะพามาเจอน่ะ"
ทีต้า "เอ๊ะเหะเหะ...... นั่นสินะคะ"
นายพลมอร์แกน "หึหึ...... มังกรเองก็บอกไว้เหมือนกันว่าเจ้าเปลี่ยนไปแล้วน่ะ ชั้นสัมผัสได้ว่าเจ้าเริ่มปล่อยวางได้มากขึ้นแล้วนี่"
อากัต "พอเหอะ ชั้นยังอ่อนด้อยอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าเตรียมใจที่จะฝ่าความอ่อนด้อยของตนเองได้แล้วล่ะเฟ้ย ทุกอย่างน่ะมันหลังจากนี้ต่างหาก"
นายพลมอร์แกน "ฮืม...... เรื่องที่จะเป็นเหตุไม่ดีจากโครงสร้างกองทัพที่เจ้าเคยบอก...... เมื่อลองพิจารณาดูอีกครั้ง ชั้นว่าคำพูดของเจ้าก็มีเหตุผลนะ"
อากัต "นั่นน่ะ...... ชั้นก็แค่โมโหแล้วไปพาลกับคนอื่นเท่านั้นแหล่ะ อันที่จริงกองทัพจะผิดหรือไม่มันคิดแบบนั้นไม่ได้น่ะอยู่แล้ว"
นายพลมอร์แกน "ฟังนะ เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ ถึงได้รู้ว่าคนเรากับโครงสร้างกองทัพนั้นแตกต่างกัน หากพลังในโครงสร้างกองทัพมีคุณประโยชน์ การเข้าถึงสถานที่ได้อย่างรวดเร็วของเบรเซอร์เองก็ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี หากขาดด้านใดด้านหนึ่งไป คิดไม๊ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะไม่สำเร็จน่ะ?"
อากัต "......อาจจะนะ เพราะมีกลยุทธ์ของพวกนายถึงได้รู้ที่อยู่ของมังกรด้วยนี่"
นายพลมอร์แกน "นี่ไม่ใช่คำพูดของริชาร์ดหรอกนะ...... แต่หลังจากที่ออร์บเมนท์ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา ทิศทางการถ่ายเทของสิ่งของหรือข้อมูลก็รวดเร็วขึ้น เพื่อจัดการสิ่งเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพ สิ่งที่เรียกว่าโครงสร้างองค์กรก็ได้แปรเปลี่ยนไปทั้งส่วนใหญ่ ๆ และส่วนย่อย ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
อากัต "......กองทัพก็คือตัวอย่างที่ดีสินะ ------ กองกำลังป้องกันชายแดน 『国境師団』 กองกำลังยานบิน 『飛行艦隊』 กองกำลังรักษาพระองค์ 『王室親衛隊』 กองกำลังป้องกันนครหลวง 『王都警備隊』 หน่วยสืบข้อมูล 『情報部』......"
นายพลมอร์แกน "อืม...... แล้วสิ่งเหล่านั้น ก็กล่าวได้ว่าเป็นวิวัฒนาการสำหรับสนับสนุนกาลเวลาที่ผันแปร สิ่งที่ขาดหายไปจากตรงนั้นก็มีไม่ใช่น้อย...... แต่จะกลับไปเป็นอย่างเดิมไม่ได้แล้ว"
อากัต ".........................."
นายพลมอร์แกน "แต่เจ้าน่ะ...... เบรเซอร์อย่างพวกเจ้า จงปกป้องผู้ที่สมควรปกป้อง ด้วยวิธีการที่แตกต่างจากพวกเราเถอะ"
อากัต ".......เอ๋.........."
นายพลมอร์แกน "เผชิญหน้ากับกาลเวลา ร่วมพลังไปพร้อมกับกาลเวลา เพื่อสิ่งที่จะปกป้องร่วมกัน...... ส่งเสริมซึ่งกันและกัน และได้ข้อพิสูจน์ที่ถูกต้อง คิดไม๊ว่านั่นเป็นวิธีการอันถูกต้องที่จะสร้างความเกี่ยวพันกับพวกชั้นน่ะ?"
อากัต "......เหอะ ถูกต้อง งั้นหลังจากนี้ ก็จะขอเสนอหน้าเข้าไปให้เต็มที่เลยแล้วกันนะ เตรียมใจไว้ยังล่ะ?"
นายพลมอร์แกน "หึ นั่นมันคำพูดของทางนี้ต่างหากล่ะ จงเตรียมใจไว้ให้มากกว่าปกติโดยที่ไม่ทำอะไรหุนหันพลันแล่นน่ะ"
ทีต้า "คิกคิก......"
- "หึหึ......" เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมา "ถึงจะไม่ดีต่อสถานที่เงียบสงบเช่นนี้ แต่ขอรบกวนสักนิดนะ" พวกเราต่างประหลาดใจ เพราะที่ต้นเสียงนั้น "จักรพรรดิดาบเรเว" ปรากฏตัวขึ้นมาในมือของเขาถือช่อดอกไม้ช่อหนึ่งอยู่
จักรพรรดิดาบเรเว "เพิ่งได้พบกับท่านนายพลเป็นครั้งแรกสินะ ผู้ดำเนินแผนการของ [งูกินหาง] --------- เลออนฮัล์ท จากนี้ไปช่วยทำความคุ้นเคยไว้ด้วย"
นายพลมอร์แกน "! ว่าไงนะ!?"
- อากัตชักดาบของเขาออกมา
อากัต "......แก...... คิดจะทำอะไร......"
จักรพรรดิดาบเรเว "ที่นี่เป็นสถานที่หลับไหลของคนตาย มันก็มีเรื่องที่ควรจะทำอยู่เรื่องเดียวใช่ไม๊ล่ะ นายต่างหากล่ะ คิดจะต่อจากเมื่อวันก่อนที่นี่งั้นหรือ?"
อากัต "คึ......"
ทีต้า "คุณอากัต......"
อากัต "......เข้าใจแล้ว"
- อากัตเก็บดาบของเขา ปล่อยให้เรเวเดินเข้ามาทำความเคารพหลุมศพแต่โดยดี
นายพลมอร์แกน "เลออนฮัล์ท...... [จักรพรรดิดาบ] เรเว งั้นหรือ ชั้นเองก็ไม่อยากจะรบกวนสถานที่หลับไหลของคนตายเหมือนกัน...... แต่ขอถามอะไรซักข้อจะได้ไม๊"
จักรรพรรดิดาบเรเว "เชิญตามสบาย......"
นายพลมอร์แกน "จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ได้ยินมาว่าเจ้าได้เข้าควบคุมมังกรยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายมากเกินไปกว่านี้สินะ แล้วตอนนี้ก็มาสวดภาวนาไว้อาลัยให้กับผู้ตาย...... ทำไมคนเช่นเจ้า ถึงได้คิดที่จะทำให้เกิดการทำลายและความอลหม่านขึ้น? หรือเพราะ...... มีความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างงั้นหรือ?"
จักรพรรดิดาบเรเว "......หึ............ การเข้าควบคุมมังกรก็แค่ทำให้ [การทดลอง] เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นเลย"
นายพลมอร์แกน "แต่ว่า......"
จักรพรรดิดาบเรเว "......ชั้นดำเนินการในฐานะแขนขาของ [องค์กร] ที่ได้ออกคำสั่งมา ไม่ได้ถูกครอบงำจากความมุ่งมั่นของผู้ใด ขออย่าได้ทำเหมือนกับคุณที่ถูกกดดันให้นิ่งเงียบเรื่อง [เฮอร์เมล] เถอะ"
นายพลมอร์แกน "!!!"
อากัต "[เฮอร์เมล] งั้นเหรอ? ทำไมชื่อนั้น......"
- เรเวนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร
จักรพรรดิดาบเรเว "เอาล่ะ...... อากัต ครอสเนอร์ ถึงบอกว่าเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่หากไม่ใช้พลังที่แท้จริงก็ไม่มีความหมาย คราวหน้าชั้นไม่คิดจะจบแค่ทำให้ดาบกระเด็นออกไปเท่านั้นหรอกนะ"
อากัต "เหอะ...... เยี่ยม แต่เป็นแกต่างหาก ชั้นไม่คิดที่จะโดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ เดี๋ยวชั้นก็ตามทัน เตรียมตัวไว้ซะ"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... จะตั้งตารอนะ"
- เมื่อพูดจบ เรเวก็เดินจากไป
ทีต้า "......พี่ชายคนนั้น ทำตาเหมือนอ้างว้างจัง ตั้งแต่ตอนที่สวดภาวนา ตลอดเลย......"
อากัต "......................."
- "นี่...... นายพล" อากัตเดินเข้าไปถามนายพลมอร์แกน
อากัต "[เฮอร์เมล] ที่ว่าน่ะ หมายถึงหมู่บ้านฝั่งจักรวรรดิที่อยู่ตรงชายแดนสินะ?"
นายพลมอร์แกน "เจ้า...... รู้จักชื่อนั้นด้วยหรือ"
อากัต "ก่อนสงครามจะเกิด น่าจะเคยมีการติดต่อกับหมู่บ้านราเวนนูมาก่อนน่ะ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้การติดต่อจะขาดหายไปกลางคัน...... แล้วทำไมถึงมีชื่อนั้นออกมาได้?"
นายพลมอร์แกน "...................... ......เกี่ยวกับเรื่องนั้น ชั้นพูดไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวพันกับปัญหาระหว่างประเทศน่ะ"
อากัต "ว่าไงนะ......!?"
นายพลมอร์แกน "พูดได้แต่เพียงว่า หากเรื่องที่ชั้นคิดไว้ถูกต้อง...... ......ชายที่ชื่อเรเวคนนั้น คงได้เห็นนรกมาแล้วอย่างแน่นอน"
- จบบทที่ 5 ค่ะ
☆จะมีซับเควสต์ให้ทำ หลังจากจบบทที่ 5 ดังนี้ค่ะ☆
(43) คุ้มภัยพ่อค้า
(44) ความทรงจำเมื่อวันวาน
(45) ศึกขับไล่ศัตรูในเหมืองร้าง

previous: Chapter 4 เป้าหมายของปิศาจหมอก
to be continued: Chapter 6 ที่ที่สายสัมพันธ์คงอยู่

Sub-Quest
 (36) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนยอดเขาโครเน่ 『クローネ峠の手配魔獣』 (BP0)
- ปราบ (เบลดแฟงก์ *2) บนยอดเขาโครเน่ค่ะ
**การต่อสู้โดยรวมไม่ยากค่ะ แค่ระวังเจ้าตัวนี้ใช้ท่าเพิ่ม STR&SPD แล้วโจมตีพวกเราเท่านั้นเองค่ะ วิธีปราบก็ไม่มีอะไรมาก แค่โจมตีสลับกับเพิ่มเลือดไปเรื่อย ๆ ก็เอาชนะได้อย่างง่ายดายค่ะ**

 (37) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่หอคอยอำพัน 『琥珀の塔の手配魔獣』 (BP0)
- ปราบ (ออคโต้บอร์น *4) บนดาดฟ้าของหอคอยอำพันค่ะ
**แนะนำให้สวมเครื่องประดับที่ป้องกัน "หมดสติ" เอาไว้ เพราะออคโต้บอร์น มีท่า "เมเทโอสตอร์ม" ที่โจมตีแล้วทำให้ติด "หมดสติ" ค่ะ ถ้าโชคดีออคโต้บอร์นจะโจมตีตัวเองแล้วติด "สับสน" ทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้ง่ายขึ้นมากค่ะ**

 (38) ประกาศจับสัตว์ปิศาจที่หุบเขาหมอก 『霧降り峡谷の手配魔獣』』 (BP0)
- ปราบ (โกสต์เอบิทาฟ *3 + ไอซ์เบ็คเกอร์ *5) ที่หุบเขาหมอกค่ะ
**แนะนำให้ใส่เครื่องประดับที่ทำการป้องกัน "เยือกแข็ง" และ "เป็นหิน" อย่างพวก "เฟลม ซิปโป้" เพราะโกสต์เอบิทาฟ สามารถใช้อาร์ท "โคคิวทอส" โจมตีทั่วฉาก และทำให้เราติด "เยือกแข็ง" ด้วยนะคะ**
**แนะนำให้เน้นการโจมตีด้วยอาร์ทคุณสมบัติไฟที่กินอาณาเขตอย่าง "โวลแคนิคเรฟ" หรือ "สไปรอลแฟลร์" ปราบจะง่ายขึ้นค่ะ**

 (39) เรื่องไหว้วานจากทูตจักรวรรดิ 『帝国大使の依頼』 (BP5)
- ไปที่ "ฟรีเด้นโฮเต็ล" บนชั้น 2 ห้อง 203 ค่ะ "เจรัลด์" 『ジェラルド』 จะเปิดทางให้เราเข้าไปพบกับ "ทูตดาวิลล์" 『ダヴィル大使』 ที่มาพักผ่อนที่บอส หลังเสร็จสิ้นภารกิจต่าง ๆ ค่ะ
- ทราบว่าเครื่องราชอสริยาภรณ์ ที่ได้รับพระราชทานมาจากองค์จักรพรรดิของท่านทูตหายไปค่ะ "เสมียนเบิร์คเลย์" 『バークレー書記官』 จะให้เราดูอะไรบางอย่างตามคำสั่งของทูตดาวิลล์ค่ะ ซึ่งนั่นก็คือ การ์ดที่มีคำบอกใบ้ (อีกและ) ค่ะ
(1) กุญแจดอกที่ 1 คือ คาถาต่อไปนี้ ------ [RICUL อิโยะงารุเบะราชิโอ๊ะฮานะโนะอุระ] จุดจบของสรรพสิ่งก็คือจุดเริ่มต้น ห้ามเจ้าลืมคำๆ นี้
- อ่านกลับหลังจะได้ [จงสำรวจดอกไม้ที่ด้านหลัง LUCIR]
- ไปสำรวจกระถางดอกไม้ที่อยู่ด้านหลัง "โรงงานลูชิล" ที่เมืองบอส-เขตเมืองด้านใต้ค่ะ
(2) กุญแจดอกที่ 2 คือ คาถาต่อไปนี้ ------ [FTHKC2E จงดูหนังสือที่เปิดทิ้งไว้] ห้ามลืมเด็ดขาด ผู้ที่มองเห็นความจริงจะก้าวไปก่อน 1 ก้าวเสมอ
- อ่านคำใบ้ให้เป็นตัวอักษรถัดไปทุกตัวจะได้ [GUILD3F]
- สำรวจหนังสือที่เปิดทิ้งไว้บนสมาคมชั้น 3 ค่ะ
(3) ถ้าแสวงหากุญแจดอกที่ 3 ล่ะก็ จงดัดแปลง [หีบเก่า ๆ ที่ถือบางสิ่งไว้ในมือทั้งสองข้าง]
- สำรวจ "คอนเทนเนอร์" ที่รถขนของยกอยู่ ในท่าเทียบเรือเหาะค่ะ
- "ลักส์" 『ラックス』 พนักงานของที่นี่จะเข้ามาถามว่าเรามาทำอะไร อากัตเลยเอาสัญลักษณ์เบรเซอร์ให้เขาดู และบอกว่าต้องการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ค่ะ แล้วลักส์จะให้ความร่วมมือโดยการขยับตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นไปให้เราตรวจสอบด้านใต้ค่ะ
(4) ประตูใกล้จะเปิดออกแล้ว หลักฐานแห่งกิเลสที่ต้องการ อยู่ใน [คำกล่าวของเทพธิดา]
- สำรวจคัมภีร์ของโบสถ์เจ็ดจรัส บนชั้น 2 ในโบสถ์บอส จะได้รับ "เครื่องราชอิสริยาภรณ์ม้าปีกคู่ติดดาบล้ำค่า" ค่ะ
- นำไปมอบให้กับท่าน "ทูตดาวิลล์" (อัตโนมัติ) ค่ะ (มีบทสนทนาขำ ๆ ของเอสเทลเกี่ยวกับชื่อของเครื่องราชที่ได้คืนมานี่ด้วยนะคะ เพราะเอสเทลนางเอกของเรา จำชื่อยาว ๆ ของเครื่องราชอะไรนั่นไม่ได้ค่ะ) ท่านทูตดาวิลล์จะต่อว่าพวกเราว่า ทำไมถึงปล่อยให้คนร้ายหนีไป แต่อากัตอธิบายว่า "มันช่วยไม่ได้ เพราะหมอนั่นเป็นผู้ก่อการร้ายระดับประเทศนะ ไม่เคยได้ยินชื่อ [จอมโจร B] มาบ้างหรือไง?" ทูตดาวิลล์ก็เลยเข้าใจเลยว่าที่จับไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ เพราะก่อนหน้านั้น [จอมโจร B] ก็เคยไปอาละวาดที่จักรวรรดิและทางกองทัพของจักรวรรดิก็ไม่สามารถจับตัวได้ด้วยเหมือนกันค่ะ
- ได้รับมอบ "เหรียญสรรเสริญม้าเหล็ก" (เครื่องประดับ) จากท่านทูตดาวิลล์ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ตอบแทนในความดีของพวกเอสเทล (พร้อมกับเสียงปรบมือ) ด้วยนะคะ

 (40) จัดส่งอาหารเลิศรส 『珍味の調達』 {BP3(+2)}
※หากเคลียร์ซับเควสต์ (2) ล่าเห็ด ในภาค FC และ (1) ฮันเตอร์วัตถุดิบผู้มาถึง ในภาค SC จะได้รับ Bonus BP ค่ะ
- คุยกับ "กลูน่า" 『グルナ』 ในห้องครัวของภัตตาคารอันติโรเซ่ค่ะ เธอกำลังอยากได้วัตถุดิบทำอาหารแปลก ๆ เพื่อที่จะวิจัยเมนูอาหารใหม่ ๆ ค่ะ
- กลูน่าจะบอกว่า วัตถุดิบที่ให้หาทั้งหมด 6 อย่างนั้น มีอันที่หายากด้วย ซึ่งก็คือ [กระดูกสัตว์ปิศาจ] ที่หาได้แถว ๆ หุบเขาหมอก [เขาสัตว์ปิศาจ] ก็จะได้จากเส้นทางภูเขาราเวนนู แล้วสุดท้ายก็ [เขี้ยวสัตว์ปิศาจ] ซึ่งจะหาได้จากยอดเขาโครเน่ค่ะ
- วัตถุดิบที่กลูน่าต้องการนั้น มีดังนี้เลยค่ะ
(1) กระดูกสัตว์ปิศาจ x5 - ปราบ "ไจแอนท์ฟุ๊ต" (หุบเขาหมอก)
(2) เขาสัตว์ปิศาจ x5 - ปราบ "ยาสึเดดามะ" (คล้ายก้อนหินสีส้มมีหนวดสีม่วง) (เส้นทางภูเขาราเวนนู)
(3) เขี้ยวสัตว์ปิศาจ x5 - ปราบ "ควีนสคอล์ป" (แมงป่องบินสีม่วง) (ยอดเขาโครเน่)
(4) เนื้อนกสัตว์ปิศาจ x10 - ปราบ "เฟรสเวลก์" หรือ "รีเมลล่า" (ไอเซ่นโร้ด)
(5) ไข่นกสัตว์ปิศาจ x10 - ปราบ "ล็อคเป็กเกอร์" (ไก่ภูเขา) (ทางหลวงต่าง ๆ)
(6) ลูกตาสัตว์ปิศาจ x10 - ปราบ "บอยล์เด็กเกอร์G" หรือ "ไดเตอร์ไกสต์" (ทางหลวงต่าง ๆ)
- เมื่อได้ครบแล้ว ก็ให้กลับไปรายงานผลกับ "กลูน่า" ค่ะ
☆ก่อนที่จะเคลียร์ตามการแนะนำข้างต้น ซับเควสต์นี้จะมีวิธีได้โบนัส BP อยู่ด้วยนะคะ แต่จำเป็นต้องเคลียร์ซับเควสต์ (2) ล่าเห็ด ในภาค FC และ (1) ฮันเตอร์วัตถุดิบผู้มาถึง ในภาค SC ค่ะ☆
- วิธีที่จะได้ก็ตามนี้เลยค่ะ
พาลุงโอวิดไปมอบวัตถุดิบทำอาหารที่เขาเป็นคนรวบรวมมา มอบให้กับกลูน่า Bonus BP
- จากเงื่อนไขข้างบน ให้ไปคุยกับลุง "โอวิด" 『オーヴィッド』 ที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าประตูทางเข้าบอสมาร์เก็ตค่ะ (ประตูทางทิศใต้)
(ลุงโอวิดมายังพื้นที่บอสเพราะต้องการจะเข้าทำงานที่ [ภัตตาคารอันติโรเซ่] ค่ะ แต่ที่มาแวะที่บอสมาเก็ตก่อนก็เพราะ การจะเข้าไปทำงานที่ภัตตาคารได้ต้องมีคนแนะนำเข้าไป แกเลยจะมาคนที่พอจะแนะนำให้แกเข้าทำงานได้ค่ะ พอลุงแกได้ยินว่าพวกเอสเทลรับงานรวบรวมวัตถุดิบทำอาหารแปลก ๆ มาจากภัตตาคาร ถึงกับหูผึ่ง ซึ่งเอสเทลก็บอกโอวิดว่า ทางเธอก็ลำบากเหมือนกันที่จะต้องไปหาค่ะ ดังนั้นลุงโอวิดจึงขอดูรายชื่อของวัตถุดิบที่เรากำลังหาอยู่ และโชคดีมาก ๆ ที่ตาลุงนี่มีวัตถุดิบที่หายากทั้ง 3 อย่างเลยค่ะ แล้วลุงแกจะขอให้เราช่วยพาไปแนะนำตัวที่ภัตตาคารเป็นการแลกเปลี่ยนค่ะ)
- พาลุง "โอวิด" ไปแนะนำตัวกับ "กลูน่า" (อัตโนมัติ) เขาจะมอบวัตถุดิบหายาก 3 อย่างให้กับกลูน่าค่ะ แล้วกลูน่าจะให้ลุงโอวิดรอที่นี่ก่อน เพราะว่าตอนนี้หัวหน้าพ่อครัวกำลังยุ่ง ๆ จึงยังพาไปแนะนำตัวไม่ได้ค่ะ
- จากนั้นไปคุยกับ "กลูน่า" อีกครั้ง เราจะมอบวัตถุดิบหาง่ายอีก 3 อย่างให้กับเธอค่ะ
☆ในกรณีที่พาลุงโอวิดมาแนะนำตัว หลังเคลียร์ซับเควสต์แล้ว ให้เราคุยกับลุงแก ที่อยู่ในห้องครัวที่ภัตตาคาร เราจะสามารถซื้อพวกวัตถุดิบทำอาหารทั่วไป และวัตถุดิบทำอาหารแปลก ๆ ที่มาจากส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ปิศาจ (สนนราคาชิ้นละ 400 มิร่า) จากลุงโอวิดได้ด้วยนะคะ☆

 (41) คุณหนูที่หายไป 『消えたお嬢様』 {BP5(+2)}
- คุยกับ "เรย์นะ" 『レイナ』 ที่ภัตตาคารอันติโรเซ่ค่ะ ซึ่งเธอก็คือนักเรียนโรงเรียนเจนิสที่เอสเทลเคยไปสอบถามเรื่อง "ผี" มาก่อนค่ะ
◆ในกรณีที่พา "คลอเซ่" มาด้วย เรย์นะจะทักทายคุณคลอเซ่ด้วยนะคะ
- เรย์นะกับคุณพ่อบ้าน ต้องการให้พวกเอสเทลตามหา "ฟรัซเซ่" คุณหนูของพวกเขา ที่หนีงานดูตัวกับขุนนางจากจักรวรรดิที่จัดขึ้นที่ภัตตาคารไปค่ะ
◆ในกรณีที่พา "โอลิเวียร์" มาด้วย เขาจะบอกว่าที่คุณหนูคนนั้นหนีไปก็ต้องเป็นเพราะ กินแล้วหนีแน่นอน เอสเทลได้ยิน เลยสวนไปว่า "......นั่นมันนายไม่ใช่เหรอ"
- เอสเทลตกใจที่เด็กผู้หญิงอายุเพิ่งจะ 16 ก็ต้องมาดูตัวซะแล้ว เธอจึงถามว่าทำไมไม่ถามความรู้สึกของฟรัซเซ่ก่อนล่ะ แต่เรย์นะบอกว่าเป็นหน้าที่ของฟรัซเซ่ที่เป็นชนชั้นสูงของจักรวรรดิค่ะ แล้วคู่ดูตัวของฟรัซเซ่ก็มีทั้งฐานะมีชาติตระกูล นิสัยใจคอก็ดี หากฟรัซเซ่ได้เจอก็ต้องรู้สึกชอบแน่นอน ดังนั้น ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องเอาตัวฟรัซเซ่กลับมาให้ได้
- เรย์นะบอกว่า พวกเธอได้ลองหาฟรัซเซ่ในตัวเมืองแล้วไม่เจอ จึงคิดว่าฟรัซเซ่น่าจะออกไปที่ทางหลวง เพราะก่อนไปฟรัซเซ่บอกว่า "จะกลับไปที่โรงเรียน" ด้วยค่ะ ถ้าเป็นโรงเรียนก็หมายถึงว่าจะกลับไปพื้นที่รูอัน อากัตจึงแนะนำให้ลองไปหาตามเส้นทางที่จะไปยังพื้นที่รูอันค่ะ
- ก่อนที่เราจะไปตามหาคุณหนูผู้เอาแต่ใจ เรย์นะจะฝากเรา ให้ไปบอกฟรัซเซ่ด้วยว่า "คนขี้ขลาด" ค่ะ
(เอสเทลรู้สึกตะหงิด ๆ พิกลว่า ให้ไปพูดแบบนั้นเนี่ยมันออกจะ......)
- ไปที่ "ด่านบนยอดเขาโครเน่" แล้วเข้าไปคุยกับ "ฟรัซเซ่" 『フラッセ』 ที่ห้องพักของนักเดินทางค่ะ ฟรัซเซ่ก็จำเอสเทลได้เช่นเดียวกันค่ะ
◆ในกรณีที่พา "คลอเซ่" มาด้วย ทั้ง 2 สาวโรงเรียนเจนิส จะทักทายกันค่ะ
- ฟรัซเซ่อุตส่าห์เดินทางมาคนเดียวจนถึงด่านบนยอดเขาได้ (ขนาดมีสัตว์ปิศาจที่ประกาศจับ คุณเธอก็ยังผ่านมาได้) พอเอสเทลเอ่ยปากขอให้ฟรัซเซ่กับไปที่บอสกับพวกเธอ ฟรัซเซ่ถึงกับตกใจและพูดเสียงดังว่า "พวกคุณ...... ตกเป็นเครื่องมือของเรย์นะสินะ!" เอสเทลถึงกับพูดหน้าเจื่อน ๆ ว่า ไม่เห็นต้องใช้คำว่าเป็นเครื่องมือที่ฟังดูเลวร้ายยังไงก็ไม่รู้
- ไม่ว่าจะพูดยังไงฟรัซเซ่ก็ไม่ยอมกลับค่ะ อากัตถึงขนาดจะใช้กำลังลากตัวกลับไปเลยนะคะ เอสเทลรีบบอกให้อากัตหยุดก่อนและให้เธอลองพูดกับฟรัซเซ่ดู เพราะตัวเอสเทลเองก็รู้สึกไม่ดีที่ฟรัซเซ่โดนคลุมถุงชนค่ะ
- ฟรัซเซ่บอกว่าการดูตัว เธอย่อมยอมไม่ได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยอมไม่ได้ยิงกว่านั้น คือเธอไม่ยอมยกโทษให้เรย์นะที่หลอกเธอว่าจะมาท่องเที่ยวพื้นที่บอส ที่เธอรอคอยอย่างใจจดใจจ่อด้วยกัน แต่ดันพาเธอมาดูตัวแทนซะนี่ และตอนนี้เธอก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเรย์นะอีกต่อไปแล้ว
- เอสเทลยืนยันกับฟรัซเซ่อีกครั้งว่า ตกลงจะไม่ยอมกับไปกับพวกเธอใช่ไม๊ คำตอบที่ได้ก็คือ ยังไงฟรัซเซ่ก็ยังยืนยันไม่ยอมกลับค่ะ เมื่อเป็นอย่างนี้เอสเทลเลยงัดไม่เด็ดขึ้นมา
- มีคำตอบให้เลือกดังนี้ค่ะ
フラッセさんって頑固者ね
คุณฟรัซเซ่เนี่ย เป็นคนหัวดื้อจังนะ
-
フラッセさんって臆病者ね
คุณฟรัซเซ่เนี่ย เป็นคนขี้ขลาดจังนะ
Bonus BP
- เอสเทลจี้ใจดำฟรัซเซ่ว่า ฟรัซเซ่กลัวการดูตัว จึงเอาแต่โทษเรย์นะอยู่ฝ่ายเดียว แต่ถ้าคิดถึงฐานะของเรย์นะแล้วไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะเรย์นะเห็นว่าฟรัซเซ่เป็นคนขี้ขลาดถึงต้องโกหกเพื่อหลอกให้เธอมาที่นี่ แต่ไม่ว่ายังไงฟรัซเซ่ก็ไม่ยอมยกโทษให้เรย์นะค่ะ เธอพูดด้วยเสียงอันดังอีกครั้งว่า ในเวลาสำคัญเช่นนี้เพื่อนอย่างเรย์นะกลับไม่ให้ความเชื่อถือเธอ ฟรัซเซ่โกรธมาก และยิงคำถามใส่เอสเทลไม่หยุด และถามเอสเทลว่าเพื่อนคืออะไร ทำไมเรย์นะถึงทำแบบนี้ พอฟรัซเซ่อารมณ์เย็นลงแล้ว เธอก็ตัดสินใจกลับไปที่เมือง เพื่อจะไประบายความโกรธที่มีใส่ตัวเรย์นะค่ะ
- กลับไปยังภัตตาคาร "อันติโรเซ่" (อัตโนมัติ) ค่ะ
(ฟรัซเซ่ก็บอกเรย์นะว่า เธอยังไม่หายโกรธเรย์นะ และจะมาเปิดอกพูดคุยกันหลังดูตัวเสร็จค่ะ)
- เรย์นะจะขอบคุณเรา และมอบ "ทอร์นาโดแฟน" (เครื่องประดับ) ให้กับพวกเราแทนคำขอบคุณค่ะ
(เอสเทลจะเป็นห่วงว่า หลังจากนี้ความสัมพันธ์ของคุณเรย์นะกับคุณฟรัซเซ่จะไม่แย่ยิ่งกว่าเดิมเหรอ แต่เรย์นะบอกว่าชะตากรรมของผู้ติดตามอย่างเธอ มีแต่ต้องโดนเกลียดอยู่แล้วค่ะ พวกเอสเทลเลยบอกความในใจของฟรัซเซ่ที่ได้ยินมาว่า คุณฟรัซเซ่เห็นคุณเรย์นะเป็นเพื่อนไม่ใช่คนรับใช้ พอเรย์นะได้ฟัง เธอก็บอกว่าจะลองเก็บไปคิดดูและขอตัวไปก่อนค่ะ)
- เคลียร์ค่ะ

 (42) ประกาศจับสัตว์ปิศาจบนเส้นทางภูเขาราเวนนู 『ラヴェンヌ山道の手配魔獣』 (BP5)
- ปราบ (เฟดสปินเนอร์ *3 + ยาสึเดดามะ *3) บนเส้นทางภูเขาราเวนนู ระหว่างทางที่จะมุ่งไปยังเหมืองร้างราเวนนูค่ะ (จะอยู่ตรงปลายด้านตะวันออกของฉากแผนที่ ที่จะเข้าไปยังเหมือง หรือง่าย ๆ ก็คือ ฉากที่ 2 เมื่อนับจากหมู่บ้านราเวนนูมาค่ะ)
**แนะนำให้ใส่เครื่องประดับป้องกัน "เป็นหิน" "นอนหลับ" "มืดมิด" และ "สับสน" เอาไว้ และแนะนำให้ใช้อาร์ทคุณสมบัติน้ำปราบ จะง่ายขึ้นค่ะ แต่ระวังให้ดีเฟดสปินเนอร์มีท่าสกัดกั้นการร่ายอาร์ทด้วย ดูเทิร์นดี ๆ นะคะ**

 (43) คุ้มภัยพ่อค้า 『商人の護衛』 {BP3(+2)}
- คุยกับ "มิราโน่" 『ミラノ』 บนชั้น 2 ของบ้านทรีโน ที่อยู่ในเขตเมืองด้านใต้ เธอจะขอร้องให้เราพาไปส่งที่หมู่บ้านราเวนนูค่ะ
(ตอนแรกมิราโน่เห็นเอสเทลแล้ว ก็ไม่ค่อยจะเชื่อว่าเอสเทลเป็นเบรเซอร์ค่ะ เอสเทลเลยเคืองนิด ๆ)
- หากเราพร้อมก็ตอบตกลง (ข้อ 1) แล้วมิราโน่จะให้เราเตรียมตัวให้เรียบร้อย ส่วนเธอจะไปรอที่ทางออกด้านตะวันตกของเขตเมืองด้านเหนือค่ะ
- เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็ไปคุยกับ "มิราโน่" ที่ทางออกด้านตะวันตกของเขตเมืองด้านเหนือ เพื่อมุ่งสู่หมู่บ้านราเวนนูเลยค่ะ
- มิราโน่บอกว่าถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากเจอการต่อสู้ ถ้าเราทำได้จะมีโบนัสให้ค่ะ
ไม่เกิดการต่อสู้กับศัตรูเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในระหว่างที่พาไปส่งที่หมู่บ้านราเวนนู Bonus BP
☆ถ้าใส่ควอทซ์ "คาเงโร่" หรือ "หยินหยาง" แล้ววิ่งดี ๆ ไม่เข้าไปชนศัตรูเองแล้วล่ะก็ โบนัส BP ไม่หนีไปไหนแน่นอนค่ะ☆
- พาลูกสาวพ่อค้า "มิราโน่" ไปให้ถึงหมู่บ้านราเวนนูโดยสวัสดิภาพ
- เคลียร์ค่ะ
(จากตรงนี้จะทราบว่า มิราโน่มาที่นี่เพื่อที่จะมาดูสภาพของสวนผลไม้ที่ถูกมังกรทำลายให้เห็นกับตา และเพื่อมาดูว่ามีอะไรที่พ่อค้าอย่างเธอสามารถให้ความช่วยเหลือได้บ้างหรือเปล่าค่ะ)

 (44) ความทรงจำเมื่อวันวาน 『遠い日の記憶』 (BP5)
- คุยกับ "โคลน่า" 『コルナ』 ที่บาร์ คิลเชค่ะ
- ได้รับทราบว่าโคลน่า กำลังตามหาคน ที่หายไปเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งคนที่เธอต้องการตามหาก็คือ หลานสาวที่ชื่อ "เรนี่" 『レーニ』 ซึ่งถ้าหากมีชีวิตอยู่ ก็น่าจะอายุ 20 ปีค่ะ
(ที่โคลน่าพูดว่า หากมีชีวิตอยู่ เพราะเธอไม่แน่ใจว่า เรนี่ ได้ตายไปตอน [สงครามร้อยวัน] แล้วหรือยังน่ะค่ะ)
- จากนั้นโคลน่าจะเล่าว่า ในช่วงสงครามร้อยวัน เธอได้รู้จากคนรูจักว่า ครอบครัวของพี่สาวเธอที่ได้อพยพมาที่เมืองนี้โดนลูกหลงจากปืนไฟตายไป ส่วนเรนี่ที่อายุแค่ 10 ปีก็หายตัวไปไร้ร่องรอย แล้ว 10 ปีต่อมาที่เธอกลับมาตามหาเรนี่อีกครั้ง ก็เพราะมีคนบอกว่า "ได้ฝากเรนี่ให้กับคนในพื้นที่" ค่ะ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าเรนี่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แถมยังไม่รู้จักชื่อของคนที่รับฝากเรนี่ไปด้วย
- ได้รับอีเวนท์ไอเทม "รูปถ่ายของเรนี่" โดยเราจะต้องนำรูปนี้ไปให้คนในเมืองดู เผื่อจะมีใครนึกออกว่าเด็กที่อยู่ในรูปเป็นใครค่ะ
☆จะนำรูปไปใช้กับผู้คนในเมือง เพื่อดูปฏิกริยาของพวกเราต่อรูปสาวน้อยผู้น่ารัก (ส่วนใหญ่คนที่มีปฏิกริยาจะเป็นพวกคนวัยกลางคน ที่อาศัยอยู่ในเมืองมานานนะคะ หรือถ้าไปคุยกับ "สติงก์" เบรเซอร์รุ่นพี่เพื่อฟังแนวทางในการตามหาคนหายในกรณีแบบนี้ว่า "ถึงเวลาจะผ่านไป แต่คนเรานั้น มีบางสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ อย่างเช่นสีผม" ค่ะ)
- หรือจะผ่านบทไปโดยนำรูปไปแสดง ต่อคนด้านล่างเลยค่ะ
(1) รีร่า - เมดของคฤหาสน์นายกเทศมนตรี
- เธอจะมีปฏิกริยาอย่างมากกับรูปถ่ายใบนี้ เอสเทลเลยเล่าให้รีร่าฟังว่า คุณป้าที่ชื่อโคลน่ากำลังตามหาเด็กคนนี้อยู่ แต่รีร่าบอกว่าเธอไม่รู้จักค่ะ และได้บ่ายเบี่ยงไปว่าที่ตกใจก็เพราะเด็กที่อยู่ในรูปคนนี้เหมือนกับคนที่เคยรู้จักก็เท่านั้นค่ะ
(2) นายกเทศมนตรีเมเบล
- เมเบลจะถามว่าให้รีร่าดูรูปนี้แล้วหรือยัง (ถ้าให้ดูแล้วเมเบลจะถามเราว่ารีร่าพูดอะไรบ้างหรือเปล่าค่ะ)
- ได้รับทราบเรื่องราวเมื่อ 10 ปีก่อนจากเมเบลว่า คุณพ่อของเธอได้พารีร่ามาที่คฤหาสน์แห่งนี้ค่ะ โดยที่เมเบลไม่รู้ชื่อจริงของรีร่า เพราะตอนที่รีร่ามาที่นี่เธอไม่พูดอะไรเลย อาจจะเป็นเพราะช็อกก็เป็นได้ ส่วนชื่อรีร่านั้นเป็นชื่อที่พ่อของเมเบลเป็นคนตั้งให้ค่ะ
- จากนั้น "เมเบล" จะให้ "ซาร่า" เรียก "รีร่า" เข้ามาในห้องค่ะ
- เมเบลจะขอให้รีร่าไปพบกับป้าของเธอ แต่รีร่าบอกว่า
รี่ร่า "เรนี่ที่ทุกท่านตามหาอยู่ไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ เรนี่ได้เสียชีวิตไปพร้อมกับพ่อแม่ของเธอจากสงครามในครั้งนั้นแล้ว และตอนนี้ก็ได้หลับอย่างสงบ ณ ที่ไหนซักแห่งบนแผ่นดินนี้...... ......ดิฉันเชื่อเช่นนั้นและมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ หากไม่คิดเช่นนั้นก็จะอ้างว้างและทนไม่ได้......"
- เอสเทลได้ฟัง จึงพูดกับรีร่าว่า ทุกคนในเมืองบอสนั้น ต่างก็เปรียบเสมือนญาติของรีร่า เพราะฉะนั้น รีร่าจึงไม่จำเป็นที่จะต้องโกหกตัวเองว่าโดดเดี่ยวแบบนั้น เมเบลจึงบอกว่า เธอคิดว่ารีร่าเป็นเหมือนครอบครัวเธอคนหนึ่งเช่นเดียวกัน ไม่เฉพาะกับเธอ แม้แต่พ่อที่ตายไปของเธอก็คิดเช่นนั้นด้วยค่ะ
- หลังจากที่เมเบล และเอสเทลช่วยกันพูด ทำให้รีร่ายอมไปพบกับป้าของเธอ ซึ่งเมเบลก็จะขอตามไปพบด้วย
- ที่บาร์ คิลเช "โคลน่า" จะขอโทษหลานของเธอที่ไม่ตามหาให้พบเร็วกว่านี้ แต่รีร่าไม่โกรธเพราะไม่ได้เป็นความผิดของใคร และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเธอก็มีความสุขมากค่ะ
(ถึงแม้ในตอนแรกโคลน่าตั้งใจจะพาเรนี่กลับไปกลับเธอด้วย แต่พอได้เห็นสภาพของเรนี่ในตอนนี้แล้ว เธอจึงตัดสินใจให้เรนี่ใช้ชีวิตอยู่กับเมเบลต่อไปน่าจะมีความสุขกว่าอยู่กับเธอค่ะ แต่เธอก็อยากจะให้เรนี่ไปเยี่ยมเธอที่บ้านใน "เขตปกครองตนเองเรแมน" บ้างซักครั้งค่ะ (เป็นเขตปกครองที่พวกเอสเทลไปฝึกตนมาก่อนหน้านี้) เอสเทลก็เลยพอจะเข้าใจว่า ที่รีร่ามีบรรยากาศโดดเดี่ยว ๆ ก็เพราะเป็นชาวต่างชาตินี่เองค่ะ แบบว่าไม่กลมกลืนไปกับคนอื่นอะไรแบบนี้น่ะค่ะ)
- หน้ามาร์เก็ต เมเบลจะให้รีร่าจัดตารางงานของเธอให้ร่นขึ้นมา เพื่อที่จะได้มีเวลาว่างไปเยี่ยมป้าของรีร่าที่บ้านเกิดค่ะ
(แต่ตอนนี้รีร่า ก็ไม่เห็นวี่แววว่า นายของเธอจะมีเวลาว่างกับเขาเป็นด้วยน่ะค่ะ)
- เคลียร์ค่ะ

 (45) ศึกขับไล่ศัตรูในเหมืองร้าง 『廃坑の掃討戦』 (BP6)
※เควสต์ลับ
- ไปที่ "เหมืองร้างราเวนนู" คุยกับ "กองทัพราชอาณาจักร" เมื่อพวกเขารู้ว่าเราเป็นเบรเซอร์จึงขอร้องให้ช่วยปราบสัตว์ปิศาจที่ปรากฏตัวขึ้นมาภายในเหมืองร้าง และที่พวกเขาไม่สามารถจัดการเองได้ พราะสัตว์ปิศาจที่ปรากฏตัวออกมาไม่ใช่สัตว์ปิศาจธรรมดา ๆ ค่ะ
- เข้าไปปราบสัตว์ปิศาจที่อยู่ภายในเหมือง
(ก่อนจะเข้าไปพวกทหารจะกำชับเราให้ระวังสัตว์ปิศาจ ที่มีสีแตกต่างจากตัวอื่น ๆ เพราะมันจะใช้อาร์ทที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ)
- จะเกิดการต่อสู้กับ (วอล์กเกิล 570 + วอล์กเกิล 235 *4)
**ระวัง "วอล์กเกิล 570" สามารถร่ายอาร์ท "ลอสต์เมเบียส" อาร์ทโจมตีคุณสมบัติอากาศพลังทำลายสูงได้นะคะ**
☆ตรงลานกว้างด้านนอก จะมีหีบสมบัติที่ใส่เครื่องประดับ "คริมสันอาย" 『クリムゾンアイ』 ซ่อนอยู่ในถ้ำด้านนอก ด้วยอย่าลืมเก็บมาด้วยนะคะ☆
- เมื่อปราบครบ 5 ครั้ง จะมีข้อความบอกค่ะว่าเราปราบครบแล้ว ให้ออกไปรายงานผลกับพวกทหารที่ด้านนอกได้เลยค่ะ
(เอสเทลจะรู้สึกเหมือนกับว่า สัตว์ปิศาจพวกนั้นเหมือนเป็นเครื่องจักรมากกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นฝีมือขององค์กรก็เป็นได้ค่ะ)
- หลังจากพวกเอสเทลไปแล้ว ภายในถ้ำปรากฏร่างของทหารพรานที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่ง 1 ใน 2 คนนั้น มีลักษณะท่าทางที่ดูคุ้นเคยอย่างมาก และที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อทำการเทสต์ "โอเวอร์มัพเพ็ต" อยู่ และดูเหมือนว่าการทดลองจะไปได้สวยซะด้วยสิคะ
- เคลียร์ค่ะ



Related entries:
Sora no Kiseki SC (空の軌跡SC)


No comments:

Post a Comment