Saturday, October 21, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki SC - Epilogue chapter รอยทางแห่งฟากฟ้า - Part 3

บทส่งท้าย รอยทางแห่งฟากฟ้า
終章 空の軌跡
- Part 3 -


Walkthrough Chart - Main Quest

หอคอยแกนกลาง - ชั้นที่ 4 『中枢塔・第四層』
☆ไอเทมที่พบ "ยาแห่งคิวเรีย", "ยาแห่งอาเซราส", "EPชาร์จIII",
"ยาแห่งเซราส", "EPชาร์จII" และ "EPชาร์จIII" ค่ะ☆
☆ไอเทมที่พบ "ไกอา สูท" (สู้กับ มาสเตอร์ แทร็ปเปอร์ *3) ค่ะ☆
หอคอยแกนกลาง - ชั้นที่ 5 『中枢塔・第五層』
☆ไอเทมที่พบ "S-แทบเล็ต", "ยาแห่งเทียร์ ออล", "เกราะบาร์บารอซซ่า" และ "ยาแห่งเทียร์รอล" ค่ะ☆
- "คิกคิก...... มาจนถึงที่นี่ได้อย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วยนะ" เมื่อออกไปด้านนอกของหอคอย เสียงเด็กสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น พบกับ "นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น" [ผู้ดำเนินแผนการ] No.XV ค่ะ
◆ในกรณีที่มี "ทีต้า" ร่วมกลุ่มมาด้วย จะมีบทสนทนาพิเศษนิด ๆ หน่อย ๆ ค่ะ
เอสเทล "เร็น......"
โยชัวร์ "......เป็นเธอจริง ๆ หรือเนี่ย"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "การจะปราบ 3 คนนั่นลงออกจะลำบากไม่น้อย...... แต่เร็นก็เชื่อนะ ว่าเอสเทลกับโยชัวร์จะมาหาเร็นจนได้น่ะ"
- เร็นยิ้มร่า พูดต้อนรับพวกเอสเทลอย่างพึงพอใจ
เอสเทล "เร็น......"
โยชัวร์ "แต่ถึงอย่างนั้น...... เธอก็คิดที่จะสู้สินะ?"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ เอาไงดีน้า ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์สัญญาเอาไว้แล้ว แต่ตอนเจอกันที่ปราสาทก็อดฆ่าซะด้วยสิ...... จะหยวน ๆ ให้ก็ได้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของเอสเทลนะ?"
เอสเทล "ท่าที...... ของชั้น?"
- เอสเทลทวนคำพูดของเร็นด้วยความสงสัย
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ...... เรื่องง่าย ๆ น่ะ แค่ถอนคำพูดที่เคยพูดกับเร็นก่อนหน้านี้ก็พอแล้วล่ะ"
เอสเทล "เอ๊ะ!?"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ก่อนนี้ เคยพูดว่าที่เร็นอยู่กับ [องค์กร] 『結社』 มันผิดสินะ แค่ถอนคำพูดคำนั้นไป เร็นก็จะยอมถอยไปจากที่นี่ให้ล่ะ ว่าไง เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่เลวเลยใช่ม้า?"
- เอสเทลได้แต่มองเร็น ที่กำลังยื่นข้อเสนอให้เธอด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาด้วยความเป็นห่วง
(ในกรณีที่มี "ทีต้า" ร่วมกลุ่มมาด้วย ทีต้าจะรู้สึกไม่สบายใจที่เร็นพูดออกมาเช่นนี้ค่ะ)
โยชัวร์ "เร็น...... ข้อแลกเปลี่ยนแบบนั้นมัน ไม่ถูกต้องนะ ถึงจะให้ถอนคำพูดที่ต้องการ แต่หากความรู้สึกที่แท้จริงยังคิดว่าผิดอยู่ ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย......"
เอสเทล "โยชัวร์...... พอเถอะ ---------ที่นี่...... ขอให้ชั้นจัดการเองนะ?"
โยชัวร์ "เอสเทล...... เข้าใจแล้ว...... ฝากด้วยนะ"
เอสเทล "......ขอบคุณนะ"
- เอสเทลก้าวออกไปข้างหน้า เร็นเห็นดังนั้น ก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแสดงความพอใจกับชัยชนะแบบเด็ก ๆ
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ ดูเหมือนว่าในที่สุดก็ยอมเปลี่ยนใจแล้วสินะ? เอ้า พูดมาสิ ว่าที่เร็นอยู่กับ [องค์กร] แล้วผิดอะไรนั่น มันไม่จริงน่ะ"
เอสเทล "เร็น...... ......เลิกอ้อนแบบเอาแต่ใจซักทีจะได้มั้ยห๊ะ"
- เอสเทลพูดแบบไม่สบอารมณ์ โดยที่เร็นก็ได้แต่ประหลาดใจ เอสเทลพูดต่อด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเอาจริงเอาจังว่า
เอสเทล "โลกไม่ได้หมุนรอบตัว โดยมีเร็นเป็นศูนย์กลางซักหน่อยนะ แล้วก็ไม่ได้ทำให้อะไร ๆ เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้เร็นสะดวกสบายขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าเร็นจะมีพลังอันมากมายมหาศาลอยู่...... ถึงแม้ว่าปาป๊ากับมาม๊า (ปาเทล=มาเทล) ที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นจะคอยให้ความช่วยเหลือก็ตาม...... ถึงอย่างนั้น...... ก็ทำกับจิตใจของคนอื่นตามใจชอบไม่ได้อยู่ดี"
- สายตาแสดงความไม่ชอบใจของเร็น จ้องมองไปยังเอสเทลอย่างเงียบงัน
เอสเทล "ที่ไม่อยากให้เร็นไปอยู่กับองค์กร อาจจะเป็นอีโก้ของชั้นเองก็ได้มั้ง ชั้นก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปฝืนไปบังคับอะไร...... แต่ชั้นคิดว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เร็นรู้สึกตัวด้วยตนเอง แล้วสักวันหนึ่ง ก็จะสามารถมาเป็นอย่างโยชัวร์ได้......"
โยชัวร์ ".........เอสเทล............"
- โยชัวร์ยิ้มให้กับเอสเทล ทว่าเร็นกลับยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะพูดต่อว่า
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "............เหรอ..................... ทั้ง ๆ ที่เร็นอุตส่าห์ให้โอกาสแล้วแท้ ๆ แต่ดันพลาดไปซะได้...... โง่สุด ๆ จนไม่รู้จะช่วยยังไงเลยนะ"
- เร็นหยิบเคียวยักษ์ของเธอ และตั้งท่าเรียก [ปาเทล=มาเทล] ออกมา พวกเอสเทลค่อย ๆ ถอยไปตั้งหลัก เอสเทลกล่าวขอโทษทุกคน ที่เธอไม่สามารถหลบเลี่ยงการต่อสู้ไปได้ แต่โยชัวร์บอกว่า "......ไม่ต้องขอโทษหรอก ก็เธอ...... ช่วยบอกเด็กคนนั้นในสิ่งที่ผมอยากจะพูดทั้งหมดแล้ว" ซึ่งเพื่อน ๆ ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เอสเทลพูด และไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นความผิดของเอสเทลซักนิดเดียวค่ะ
- ด้านนอกของหอคอยแกนกลาง สั่นสะเทือนด้วยแรงกระแทกขณะที่ [ปาเทล=มาเทล] ลงจอด
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "......ไม่ชอบใจเลย...... ไม่ชอบใจจริง ๆ...... [ปาเทล=มาเทล] 『パテル=マテル』! ปลดลิมิตเตอร์ซะ! จะใช้พลังทั้งหมดทำลายล้างพวกเอสเทลแล้วนะ!"
- นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น + ปาเทล=มาเทล -
- 『殲滅天使レン + パテル=マテル』 -
**แนะนำ ให้ใส่เครื่องประดับป้องกัน "ตายคาที่" เตรียมไว้ให้พร้อม เพราะไม่ว่าจะ Craft หรือ S-craft ของเร็นทุกท่า หรือแม้แต่ท่า "กีกันท์เพรส" ของปาเทล=มาเทล มีสิทธิ์ทำให้เราเกิดอาการ "ตายคาที่" ได้ค่ะ**
**นอกจากนั้น ปาเทล=มาเทลยังมีท่า "ดับเบิ้ล บัสเตอร์ แคนนอน" ที่โจมตีเป็นเส้นตรงและทำให้เราติด "มืดมิด" ทั้งยังมีการโจมตีปกติที่จะทำให้เราติด "หมดสติ" ด้วย ถ้ายังไงพยายามใส่เครื่องประดับป้องกันเอาไว้ จะง่ายขึ้นค่ะ**
**ระวัง เราไม่สามารถใช้อาร์ทใด ๆ ที่จะทำให้เกิดสถานะผิดปกติกับเร็นหรือปาเทล=มาเทลได้ค่ะ**
**แนะนำ ให้ใช้อาร์ทสนับสนุนฝ่ายเราอย่าง "คล็อกอัฟ รุ่นปรับปรุง" (1 คน - SPD+50%) หรือ "โซดิแอค" (ทั่วฉาก - STR&DEF+25%) แทน จะง่ายขึ้นค่ะ**

**พึงระลึกไว้เสมอว่า เมื่อเร็นหมดสภาพ ปาเทล=มาเทลจะใช้ "รีไวฟ์เวิลบีม" ชุบชีวิต & ฟื้นฟู HP 10000 หน่วยให้เร็น ดังนั้น คำนวนเทิร์นที่จะปราบให้ดี ๆ นะคะ**
ดูคราฟท์ต่าง ๆ ของ "เร็น" ได้ตรงนี้ค่ะ
- ปราบได้ [ปาเทล=มาเทล] จะไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ใหม่ได้
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ทะ ทำไม...... ทำไม [ปาเทล=มาเทล] ถึงแพ้ให้กับพวกเอสเทลได้ล่ะ!?"
- พวกเราเก็บอาวุธลง โยชัวร์พลางพูดขึ้นมาเรียบ ๆ ว่า
โยชัวร์ "เพราะดูเหมือนว่า ตุ๊กตาสงครามระดับโกลเดียส 『ゴルディアス級の人形兵器』 ระบบควบคุมยังไม่เสถียรน่ะสิ...... อาจเป็นเพราะแบกรับน้ำหนักที่ส่วนข้อต่อมากเกิน ก็เลยไม่สามารถเดินเครื่องขึ้นมาได้"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "......แบบนั้นมัน......"
- "[ปาเทล=มาเทล]!" เร็นตะโกนเรียกปาเทล=มาเทลจนสุดเสียง
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "นี่ รีบ ๆ ยืนขึ้นสิ! รีบ ๆ ฆ่าพวกเอสเทลทุกคนสิ!"
- [ปาเทล=มาเทล] ส่งเสียงขานรับและพยายามลุกยืนขึ้นตามคำสั่งของเร็น แต่ทว่าก็ไม่อาจลุกขึ้นได้
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "......อะ....................."
- เร็นถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น ทอดถอนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เอสเทลเดินนำเพื่อน ๆ เข้าไปหาเร็น
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อะไรอีกล่ะ...... พวกเอสเทลชนะแล้วนี่ จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ...... รีบ ๆ ปลดล็อกคอมพิวเตอร์ปลายทาง แล้วไปชั้นบนต่อสิ......"
เอสเทล "......เรื่องนั้นก็สำคัญอยู่หรอก แต่เอาไว้ทีหลังก็แล้วกันนะ เพราะตอนนี้ เธอสำคัญกว่านี่นา"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อะไรอีกล่ะ..... อย่างเอสเทลน่ะ ไม่ได้มารู้มาเข้าใจอะไรกับเรื่องของเร็นเลยแท้ ๆ......! แล้วทำไมต้องมาสนใจ...... ......ถึงขนาดนั้นด้วยล่ะ......!"
เอสเทล "อือหืมม์ มันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าชั้น ชอบเร็นนะ"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "!!"
เอสเทล "เพราะอย่างนั้นต่างหาก...... ชั้นถึงต้องทำอะไรบางอย่างกับเร็น โทษทีนะ แต่ขอชั้นทำแบบเบา ๆ มือก็แล้วกัน"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "เอ๊ะ......"
- "เพียะ!" เอสเทลดึงตัวเร็นให้ลุกขึ้นมา เงื้อมือตบหน้าเร็น ".........อะ..................... ...............ตบ....................." มือน้อย ๆ ของเด็กสาวจับใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเองอย่างงุนงงและสับสน
เอสเทล "เมื่อทำอะไรไม่ดีลงไป เป็นธรรมดาที่จะต้องโดนตีอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่โดนตี ก็จะไม่มีทางรับรู้ถึงความเจ็บปวดของคนอื่นได้เลย ตอนเด็ก ๆ ชั้นเองก็เคยเจอหมัดคุณพ่อเต็ม ๆ เหมือนกัน"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "เอสเทลก็...... เหมือนกันเหรอ...... ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเจ็บปวด...... แต่ก็ไม่เคยหยุดทำ...... เหมือนกับที่...... คนพวกนั้นทำเร็น ......ทำกับเร็นอย่างโหดร้าย......"
เอสเทล "เหมือนหรือไม่เหมือน เร็นลองคิดด้วยตัวเองดูสิ ว่าไง...... เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ใช่มั้ยล่ะ?"
- ดวงตาสีทองของเร็นปริ่มไปด้วยน้ำตา พลางคิดทบทวนตามที่เอสเทลบอก
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น ".........ไม่...... เข้าใจ............"
เอสเทล "ถ้างั้น...... แบบนี้ล่ะเป็นไง?"
- เอสเทลเข้าไปกอดเร็น
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น ".........อ๊ะ....................."
เอสเทล "ชั้นจะไม่พูดอะไร...... ......เร็นก็ตัดสินความรู้สึกด้วยใจของตัวเร็นเองทั้ง ๆ แบบนี้ซะนะ"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "......................................... ......ในหัวมันคลุมเครือ ไม่รู้ทำไมถึงไม่ค่อยเข้าใจ......"
- เร็นเอื้อมมือเข้าไปสวมกอดเอสเทลจนแน่น
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ถูกกอดแบบนี้ ......ก็ไม่ได้รังเกียจ...... ล่ะมั้ง......"
เอสเทล "งั้นเหรอ......"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "............................................. ..................จะกลับแล้ว.................."
เอสเทล "เอ๊ะ......"
- "[ปาเทล=มาเทล]!" เร็นเรียกปาเทล=มาเทลด้วยเสียงอันดัง "หยุดกลไกขับเคลื่อนตรงส่วนข้อต่อ แล้วควบคุมการถ่ายเทน้ำหนักไปที่บูสเตอร์อย่างเดียว!"
- [ปาเทล=มาเทล] ส่งเสียงขานรับ เร่งพลังไปที่บูสเตอร์เพียงอย่างเดียวตามคำสั่งของเร็น เพียงชั่วพริบตาก็สามารถขยับตัวได้อีกครั้ง เร็นกระโดดขึ้นไปบนมือของ [ปาเทล=มาเทล]
เอสเทล "เร็น......!"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ในหัวมันยุ่งเหยิงไปหมด ก็เลยจะค่อย ๆ คิดดูคนเดียว...... พวกเอสเทลจะขึ้นไปจนถึงดาดฟ้าทั้ง ๆ แบบนี้ก็ได้...... เรเวน่าจะรออยู่แน่ ๆ......"
เอสเทล "อ๊ะ......"
โยชัวร์ "......จริงเหรอ ขอบใจที่บอกนะ"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ไม่เป็นไรแน่เหรอ...... โยชัวร์?"
- เร็นเอ่ยถามโยชัวร์ด้วยความเป็นห่วง
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ดูท่าทางเรเว จะไม่ยอมให้ผ่านไปจริง ๆ นะ......"
โยชัวร์ "อืม...... รู้อยู่แล้วล่ะ แต่ว่า ทางผมก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว...... เพราะงั้น ไม่ต้องเป็นห่วงนะ"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "เหรอ...... งั้น เร็นไปล่ะนะ"
- [ปาเทล=มาเทล] เร่งบูสเตอร์ ลอยตัวสูงขึ้น
เอสเทล "เร็น...... รอเดี๋ยว!"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "......ลาก่อนนะ เอสเทล เร็นจะไปแล้ว...... แต่ถ้าหากตายไปล่ะก็ เร็นจะไม่ยกโทษให้นะ!"
- และแล้ว เร็นก็ขี่ [ปาเทล=มาเทล] บินหายลับไปบนฟากฟ้า เอสเทลมองตามด้วยความเป็นห่วง
เอสเทล "แบบนี้...... ดีแล้วหรือยังนะ?"
โยชัวร์ "อืม...... ไม่ต้องห่วง ผมว่าเพราะเกิดเรื่องต่าง ๆ ขึ้นตั้งมากมาย เด็กคนนั้นคงกำลังสับสนเท่านั้นเอง ในทันทีคงจะเป็นไปไม่ได้...... แต่ซักวันหนึ่ง จะต้องพบคำตอบด้วยตัวเองอย่างแน่นอน"
เอสเทล "งั้นเหรอ......"
- เอสเทลหันมายิ้มกับทุก ๆ คน หลังจากที่เธอรู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว แต่คราวนี้โยชัวร์กลับแสดงความไม่สบายใจออกมา หลังจากที่เอสเทลบอกให้ไปกันต่อ
เอสเทล "อ๊ะ จริงสิ...... เห็นบอกว่าเรเวรออยู่บนดาดฟ้าสินะ"
โยชัวร์ "อืม...... ผู้ดำเนินแผนการ No.II [จักรพรรดิดาบ] 『剣帝』 เลออนฮัล์ท ในบรรดา [ผู้ดำเนินแผนการ] เขาเป็นเจ้าของความสามารถทางการรบไม่ที่ 1 ก็ที่ 2 ---------เตรียมตัวให้เรียบร้อย แล้วมุ่งหน้าไปยังดาดฟ้ากันเถอะ"
เอสเทล "......ทราบแล้ว!"
- เข้าไปสำรวจคอมพิวเตอร์ปลายทาง เมื่อสำรวจแล้วกำแพงที่กั้นประตูอยู่จะหายไป และสามารถใช้งานแท่นวาร์ปได้เหมือนชั้นที่ผ่านมาค่ะ
- แนะนำ ให้กลับไป [อัลเซยู] ครั้งนึงก่อน จัดกลุ่มต่อสู้ที่คิดว่าดีที่สุด เตรียมตัวให้เรียบร้อย เพราะกลุ่มต่อสู้นี้จะเป็นกลุ่มต่อสู้ที่ต้องตะลุยไปจนถึงบทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวค่ะ
หอคอยแกนกลาง - ชั้นที่ 6 『中枢塔・第六層』
☆ไอเทมที่พบ "แถบฉนวน", "ออร่า เฟนเซอร์" (สู้กับ มาสเตอร์ แทร็ปเปอร์ *3), "ยาแห่งคิวเรีย",
"EPชาร์จIII", "เซพิธทุกคุณสมบัติx100" และ "ยาแห่งเทียร์ ออล" ค่ะ☆
☆ไอเทมที่พบ "เกราะซิกรินเด้" ค่ะ☆
- เตรียมตัวตรงจุดที่เพิ่มเลือดให้เรียบร้อย เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว บุกเข้าไปขึ้นลิฟท์ด้านในได้เลยค่ะ
หอคอยแกนกลาง - ดาดฟ้า 『中枢塔・屋上』
- "......มาแล้วเรอะ" เสียงหนึ่งดังขึ้น ณ แท่นตรงกลางซึ่งกำลังส่องแสงสีทองออกไปทั่วพื้น ณ เบื้องหน้าของพวกเอสเทล ชายหนุ่มผมเงินสวมโค้ทสีงาที่ดูคุ้นตายืนรอด้วยท่าทีใจเย็นเหมือนเช่นเคย
- "เรเว......" โยชัวร์วิ่งนำเพื่อน ๆ เข้าไป
จักรพรรดิดาบเรเว "......เร็วกว่าที่คิดนะ นึกว่าจะต้องคอยต่ออีกนิดซะอีก"
เอสเทล "ก็นะ เพราะพวกชั้นก็เติบโตขึ้นมาอีกนิดด้วยนี่นา สมกับที่ทำให้พรรคพวกของคุณ ตึงมือไม่ใช่น้อยไปแล้วด้วย"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึหึ...... พูดได้ดี แต่อย่านึกว่า [จักรพรรดิดาบ] 『剣帝』 คนนี้ จะเหมือนกับพวกเขาล่ะ สำหรับการประมือกันแบบซึ่ง ๆ หน้า ผู้ที่จะนำหน้าชั้นได้นั้นไม่มีหรอก ไม่ว่าจะเป็นเบรเซอร์ระดับ S หรือแม้แต่ [สาวกแห่งงู] 『蛇の使徒』 ก็ตาม"
เอสเทล "......เข้าใจอยู่แล้วล่ะว่า ความแข็งแกร่งของคุณมันช่างมากมายเหลือเกิน แต่พวกชั้นมีเหตุผลและมาจนถึงที่นี่ ก็เพื่อหยุดยั้งความผิดปกติที่เกิดจาก [วงแหวนประกายแสง] 『輝く環』 และเพื่อป้องกันความสับสนวุ่นวายกับไฟสงคราม...... ได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมาย พวกชั้นถึงมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ได้ เพราะงั้นจึง...... ไม่คิดที่จะหนีไปไหน"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... สำหรับเหตุผลนั้นฟังดูไม่เลว แต่ว่า โยชัวร์ รู้สึกว่าเหตุผลของนายจะต่างออกไปนี่นะ?"
เอสเทล "เอ๊ะ......"
โยชัวร์ "ท่าทาง...... จะมองได้ทะลุปรุโปร่งนะ"
- โยชัวร์ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ เรเว
โยชัวร์ "ผม...... มาที่นี่ก็เพื่อเผชิญหน้ากับความอ่อนแอของตัวเอง ---------ทั้งเรื่องที่ทำให้ตัวเองแตกสลาย เพื่อที่จะได้หนีไปจากการตายของพี่ในตอนนั้น...... ทั้งเรื่องที่ยอมทำตามคำสั่งของศาสตราจารย์เรื่อยมา...... ทั้งหมดนั่น...... เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความอ่อนแอของตัวผมเอง ---------เพื่อที่จะตอบแทนคนที่ทำให้รู้สึกตัวกับเรื่องนั้น...... เพื่อที่จะปกป้องสิ่งสำคัญ...... ผมจึงต้อง...... เผชิญหน้ากับเรเวหรือศาสตราจารย์ซึ่ง ๆ หน้า"
เอสเทล "โยชัวร์......"
- สายตาอันยากยึกหยั่งถึงของเรเวจับจ้องไปที่โยชัวร์ ก่อนที่จะพูดขึ้นมาเรียบ ๆ ว่า
จักรพรรดิดาบเรเว "......ถึงเวลาที่จะโบยบินไปเติบใหญ่ในโลกกว้างงั้นรึ ดูท่าคงไม่ต้องเป็นห่วงแทนคารินอีกแล้ว"
- เรเวชี้ดาบไปที่โยชัวร์ พลางพูดด้วยสีหน้าอันพึงพอใจ
จักรพรรดิดาบเรเว "......เท่านี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องออมมืออีกแล้ว ชั้นขอเอาจริงล่ะ"
- พวกเอสเทลได้แต่ตกใจไปตาม ๆ กัน
เอสเทล "ดะ เดี๋ยวก่อน! ทำถึงเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะ!? ในเมื่อเป็นห่วงเรื่องของโยชัวร์ แล้วทำไม------"
โยชัวร์ "ดีแล้วล่ะ เอสเทล"
- โยชัวร์ชักดาบคู่ของเขาขึ้นมา
โยชัวร์ "แค่การเตรียมตัวเตรียมใจเพียงอย่างเดียว เรเวไม่ยอมรับหรอก ถ้าไม่ใช้ความสามารถที่จะส่งผ่านการเตรียมตัวเตรียมใจนั้นควบคู่ไปด้วยน่ะ"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึหึ ถูกต้องตามนั้น"
- พูดจบ เรเวก็เรียกตุ๊กตาสงครามออกมา
จักรพรรดิดาบเรเว "------ชั้นเองก็มีการเตรียมตัวเตรียมใจของชั้น ถ้าหาก การเตรียมตัวเตรียมใจของพวกนาย เหนือกว่าอสูรอย่างชั้นล่ะก็...... ใช้ความสามารถที่มี พิสูจน์ให้ชั้นดูสิ!"
โยชัวร์ "อืม......!"
เอสเทล "......ก็ตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้วย่ะ!"
- จักรพรรดิดาบเรเว + ไรอ็อต เซเบอร์ *2 -
- 『剣帝レーヴェ + ライアットセイバー*2』 -
**แนะนำ ให้ใส่เครื่องประดับป้องกัน "เยือกแข็ง", "สับสน" และ "หมดสติ" เอาไว้ จะง่ายขึ้นค่ะ**
**ระวัง เราไม่สามารถใช้อาร์ทใด ๆ ที่จะทำให้เกิดสถานะผิดปกติกับเรเวได้ แต่สามารถใช้ใส่ไรอ็อต เซเบอร์ได้ค่ะ**
**แนะนำ ให้ใช้อาร์ทสนับสนุนฝ่ายเราอย่าง "คล็อกอัฟ รุ่นปรับปรุง" (1 คน - SPD+50%) หรือ "โซดิแอค" (ทั่วฉาก - STR&DEF+25%) หรือใช้อาหารแทน จะง่ายขึ้นค่ะ**
**ในกรณีที่มีคลอเซ่ร่วมกลุ่ม แนะนำให้ใช้คราฟท์ "เคมป์ฟาร์2" ลด STR&DEF เรเว (มีผลเฉพาะร่างต้น) จะง่ายขึ้นค่ะ**
**เรเวสามารถใช้คราฟท์ "ร่างแยก" ได้สูงสุด 2 ครั้ง**
**วิธีการดูร่างแยกของเรเว ให้เอาเคอร์เซอร์ไปชี้ หากตัวไหนไม่มีไอเทมให้ตกแสดงว่าเป็นร่างแยกค่ะ แต่ต้องสวมควอทซ์ "ข้อมูล" หรือ "เนตรสวรรค์" ก่อนนะคะ ถึงจะมองเห็นได้**
**ระวัง ร่างแยกของเรเวเปรียบได้กับตัวเขาอีกคนหนึ่ง เพราะฉะนั้น ถึงโจมตีร่างต้น ร่างแยกก็ไม่หายไปเหมือนบลูแบลงหรือลูชิโอล่าค่ะ**
**เรเวสามารถใช้อาร์ทสนับสนุนตัวเองอย่าง "เอิร์ธ การ์ด" หรือ "ลา เทียร์ร่า" หรืออาร์ทที่จะทำให้เราติด "สับสน" อย่าง "ซิลเวอร์ ธอร์น" ได้ ดังนั้น ถ้าเทิร์นทัน ก็ให้ใช้คราฟท์สกัดกั้นซะ หรือรีบเดินหนีให้เร็วที่สุดค่ะ**
**ถึงแม้ เราจะคุ้นเคยกับรูปแบบการต่อสู้ของเรเวมาแล้วในภาค FC แต่บอกได้คำเดียวว่า ไม่ว่าจะนำเพื่อนคนไหนเข้ากลุ่มต่อสู้ ก็ให้งัดทุกอย่างที่มีออกมาใช้ให้หมด เพราะการต่อสู้ในครั้งนี้เรเวเก่งเทพและหินสุด ๆ ค่ะ **
**รูปแบบการต่อสู้ของไรอ็อต เซเบอร์ จะเหมือนกับไรอ็อต อาร์มส์และไรอ็อต โครว์ เพียงแต่เจ้าตัวนี้จะมีท่า "บาเรีย เวฟ" เพิ่ม DEF ตัวมันเอง และท่า "ไรอ็อต สตาร์" เพิ่มขึ้นมา ทั้งยังสามารถใช้อาร์ท "ลา เทียร์ร่า" ได้อีก ถ้ายังไงปราบเจ้าตัวนี้ก่อน จะง่ายขึ้นค่ะ**
ดูคราฟท์ต่าง ๆ ของ "เรเว" ได้ตรงนี้ค่ะ
- ในกรณีที่มีการลง Patch Ver. 1.0.2.0 ขึ้นไป (ล่าสุดเปิดให้ Download Ver. 1.0.2.1 แล้วค่ะ)
- รูปแบบการต่อสู้ของเรเว จะเทพสุด ๆ ถึงขนาดที่ว่า ถ้าฝ่ายเรามี Lv ไม่เกิน 90 อย่าได้อาจหาญเอาเข้ากลุ่มต่อสู้อย่างเด็ดขาดค่ะ
(ถ้าต้องการนำ "ทีต้า" เข้ากลุ่มต่อสู้ ก็ต้องคิดหนักหน่อยนะคะ เพราะเธอมีค่า HP และ DEF ที่ต่ำมาก ๆ แต่มีทางแก้คือ ให้สวม "ยอร์มุนกันท์" เครื่องป้องกันสำหรับนักยิงปืนใหญ่เอาไว้ และสวมควอทซ์ "อัญมณีประกายวารี (HP5)" และเก็บ Lv ให้เกิน 90 ก็จะสามารถหลุดรอดจากการตายเพียงชั่วอึดใจได้ค่ะ)
- ในกรณีที่เราไม่สามารถเอาชนะเขาได้ (Game Over) จะมีคำสั่ง "ไปต่อ" 『先へ進む』 เพิ่มขึ้นมา ทำให้ไม่ต้องทนทรมานกับการรุมทึ้งของเรเวค่ะ
(แต่ถ้าเลือก "ไปต่อ" ก็ต้องทนฟังคำพูดของเรเว ที่กัดเจ็บใช่เล่นด้วยนะคะ)
- นอกจากนั้น ยังบทสนทนาพิเศษของเรเว ที่จะเปลี่ยนไปตามเพื่อน ๆ ที่ร่วมกลุ่มต่อสู้แต่ละคนด้วยค่ะ (เฉพาะกรณีที่สามารถเอาชนะเรเวได้เท่านั้น!!!)
- ปราบได้ เรเวจะทรุดลงไป แต่เราก็ดีใจกับชัยชนะได้ไม่นานค่ะ
จักรพรรดิดาบเรเว "......ทำได้ไม่เลว แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่จะหยุดยั้งอสูรอย่างชั้นได้"
- เรเวลุกขึ้น ท่าทางของเขาไม่แสดงถึงความเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
เอสเทล "ทะ ทำไม......!?"
จักรพรรดิดาบเรเว "ท้ายที่สุดแล้ว เบรเซอร์อย่างพวกนาย ก็มีตัวตนอยู่เพียงเพื่อปกป้องผู้คนเท่านั้น ไปไม่ถึงแม้แต่ [หลักการ] 『理』 ไม่มีหลักเหตุผลที่จะส่งไปถึง [อสูร] 『修羅』 ได้ อุ่นเครื่องเท่านี้พอ------ ได้เวลาบดขยี้กันจริง ๆ แล้ว"
เอสเทล "คึ......"
- "......ถ้าอย่างนั้น เรเว" โยชัวร์เก็บอาวุธของเขาลงแล้วพูดต่อว่า "ต่อจากนี้ ขอให้ผมท้าสู้คนเดียวก็แล้วกันนะ" เพื่อน ๆ ทุกคนได้ยินถึงกับตกใจ
(ในกรณีที่นำ "อากัต" ร่วมกลุ่มมาด้วย ถึงแม้อากัตอยากจะลงมือท้าสู้กับเรเวเอง แต่เพราะเห็นว่าเป็นโยชัวร์จึงยอมให้ และไม่ลืมที่จะบอกให้โยชัวร์อย่ายอมแพ้เด็ดขาด เพื่อชดเชยในส่วนของเขาด้วยค่ะ)
จักรพรรดิดาบเรเว "โฮ่......"
เอสเทล "ยะ โยชัวร์......!?"
โยชัวร์ "ไม่เป็นไร เอสเทล เรเวแข็งแกร่งเกินไปก็จริง แต่ถึงอย่างนั้น ความเสียหายก็มีผลอยู่ดี ที่เหลือ...... ขอให้ผมจัดการเถอะนะ"
เอสเทล "โยชัวร์......"
- ถึงแม้จะเป็นห่วง แต่ทุก ๆ คนก็ยอมถอยให้โยชัวร์เข้าไปเผชิญหน้ากับเรเวคนเดียว
จักรพรรดิดาบเรเว "หึหึ ความสามารถในการเคลื่อนไหวของชั้นตกลงไปเพราะการต่อสู้เมื่อกี๊นี้จริง ๆ นั่นแหล่ะ เฉพาะจุดนั้นจุดเดียว อาจจะมีโอกาสชนะก็ได้...... แต่ถึงยังไง เปอร์เซ็นต์ที่นายจะชนะก็มีอยู่น้อยจนเกือบจะเป็นศูนย์?"
โยชัวร์ "......รู้อยู่แล้วล่ะ ---------พี่ที่คอยช่วยเหลือ ศาสตราจารย์ที่ซ่อมแซม คุณพ่อที่ทำให้เป็นอิสระ และจิตวิญญาณดวงนี้ที่มีเอสเทลอยู่ด้วย...... ข้อพึงปฏิบัติในฐานะที่เป็นเบรเซอร์ กับเทคนิคในฐานะที่เป็น [เขี้ยวดำขลับ]......"
- โยชัวร์ชักดาบคู่อาวุธคู่กายของเขาขึ้นมา ตั้งท่าเตรียมพร้อมจู่โจม
โยชัวร์ "จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี...... ขอท้าสู้กับ [จักรพรรดิดาบ]!!"
จักรพรรดิดาบเรเว "ได้สิ...... เข้ามา...... [เขี้ยวดำขลับ]!"
- ทันทีที่พูดจบ โยชัวร์ก็เร้นกายเข้าโจมตีเรเว และแล้ว การต่อสู้ของทั้ง 2 คนก็เริ่มขึ้น โยชัวร์ชิงเข้าโจมตีเรเวหลายชุด แต่เรเวก็ปัดป้องพร้อมกับหลบหลีกได้อย่างว่องไวไม่แพ้กัน
จักรพรรดิดาบเรเว "หึหึ...... ทำได้ไม่เลว ......ถ้าอย่างนั้นทางนี้ก็จะขอบุกด้วยพลังทั้งหมดก็แล้วกัน"
โยชัวร์ "!!!"
- เรเวตั้งท่า รีดเร้นพลัง แล้วเป็นเปลี่ยนเป็นฝ่ายเข้าจู่โจมโยชัวร์แบบสายฟ้าแลบ
- ถึงจะผ่านไปหลายกระบวนท่า แต่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำให้กับใคร ทั้ง 2 ประดาบกัน แต่ดูเหมือนว่า ณ เวลานี้โยชัวร์ยังเป็นรองด้านกำลังอยู่มาก
โยชัวร์ "คึ......!"
จักรพรรดิดาบเรเว "เป็นอะไรไปล่ะ โยชัวร์! คิดจะฉวยโอกาสชนะยังไง ในขณะที่ใช้ความรวดเร็วซึ่งเป็นจุดแข็งเพียงนึงเดียวที่มีไม่ได้น่ะ!?"
โยชัวร์ "...................................... ......นี่ เรเว ผมอยากให้ตอบอะไรอย่างนึง...... ทำไมถึงร่วมมือกับศาสตราจารย์ แล้วมาทำเรื่องแบบนี้อยู่ล่ะ......"
- ทั้ง ๆ ที่กำลังต้านดาบกันอยู่ แต่เมื่อได้ยินคำถามนี้ เรเวก็ต้องประหลาดใจ
โยชัวร์ "ก่อนนี้...... เคยบอกว่าการแก้แค้นให้พี่คาริน ไม่ใช่จุดประสงค์สินะ [เพื่อที่จะทดสอบโลกใบนี้] เรื่องนั้น...... มันหมายความว่ายังไงกันแน่?"
จักรพรรดิดาบเรเว "........................................ ......ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่อยากจะทดสอบความเป็นไปได้ของสิ่งที่มีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ขึ้นมาเท่านั้น"
โยชัวร์ "ความเป็นไปได้ของมนุษย์......"
จักรพรรดิดาบเรเว "การเปลี่ยนผันของยุคสมัย, ตรรกะของประเทศชาติ, การเปลี่ยนแปลงของค่านิยมและศีลธรรมจรรยา...... ไม่ว่าจะอย่างไหน สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ก็มักจะโดนสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นปั่นหัว และบางที เมื่อตกลงสู่หุบเหวก็ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ แล้วก็ก็หายไปทั้ง ๆ อย่างนั้น...... ซึ่งมันก็เหมือนกับ หมู่บ้านเฮอร์เมลของพวกเรา"
โยชัวร์ "!!"
จักรพรรดิดาบเรเว "แม้แต่นครแห่งนี้ก็เหมือนกัน ในอดีตผู้คนก็เคยใช้ชีวิตทุก ๆ วันบนนครบนฟ้าแห่งนี้จนหนำใจ ทว่า มนุษย์ก็ทำเหมือนกับ [การล่มสลายครั้งยิ่งใหญ่] 『大崩壊』 และกาลเวลา ทิ้งสรวงสวรรค์ไป แล้วก็ขยับขยายลงสู่พื้นดิน และแล้วนครลอยฟ้าก็ถูกผนึก...... เหล่าผู้คนก็ลืมการมีตัวตนนั้น ๆ ไปจนหมดสิ้น ราวกับว่าต้องการที่จะลืมเลือนสิ่งที่หมดคุณค่าไป......"
โยชัวร์ "............................................."
จักรพรรดิดาบเรเว "สิ่งที่เรียกว่าความแท้จริงถูกปกปิดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย และมนุษย์ก็ยอมรับในความเป็นจริงตามที่ตัวเองอยากจะเชื่อเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นความอ่อนแอของมนุษย์ เป็นขีดจำกัด ---------แต่ [วงแหวนประกายแสง] มีพลังอันยิ่งใหญ่ท่วมท้น มีตัวตนที่ไม่อาจเพิกเฉย และสามารถยืนยันความแท้จริงต่อมนุษย์ได้ ในยามที่สูญเสียสิ่งอุปถัมภ์ค้ำจุนซึ่งเรียกว่าประเทศชาติไปแล้ว พวกตนจะไร้ซึ่งพลังหรือไม่อย่างไร...... ชีวิตที่สะดวกสบายของพวกตน จะเป็นสิ่งที่เปราะบางหรือไม่แค่ไหน...... นั่นคือ...... ยืนยันทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกทำให้มองไม่เห็นด้วยการโกหกหลอกลวงตนเองยังไงล่ะ"
โยชัวร์ "จะบอกว่า...... การทำให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนั้น คือเป้าหมายของเรเว......?"
จักรพรรดิดาบเรเว "ถูกต้อง ตราบใดที่ยังแบกการโกหกหลองลวง มนุษย์ก็จะทำแต่เรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา จากนี้ไปโศกนาฏกรรมแห่งเฮอร์เมลที่ 2, ที่ 3 ก็จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ จะต้องมีคารินตายไปอีกสักกี่คน ที่ชั้น------ ทุ่มเทกายให้ [งูกินหาง] ก็เพื่อป้องกันเรื่องเหล่านั้น เพื่อเรื่องนั้น...... ถึงแม้ต้องกลายเป็นอสูรชั้นก็ไม่นึกเสียใจ"
- โยชัวร์ที่นิ่งเงียบฟังเรเวพูดมาตลอด ก็กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย
โยชัวร์ "นั่นต่างหาก...... ที่เป็นการโกหกหลอกลวงไม่ใช่เหรอ"
จักรพรรดิดาบเรเว "............ว่าไงนะ?"
โยชัวร์ "ผมเองก็เป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ...... เพราะงั้นคำพูดของเรเวทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ว่า...... มนุษย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างไร้พละกำลังเมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น เหมือนอย่างวันนั้นเมื่อ 10 ปีก่อน...... ที่พี่ปกป้องผมเอาไว้"
- เมื่อได้ฟังดังนั้น เรเวถึงกับพูดอะไรไม่ออก
โยชัวร์ "เรเวไม่ใช่ไม่รู้สึกถึงเรื่องนั้น เรเวที่รักและคิดถึงพี่มากขนาดนั้น...... เพราะงั้น...... ผมถึงคิดว่านั่นต่างหากที่เป็นการโกหกหลอกลวงจริง ๆ"
จักรพรรดิดาบเรเว "............คึ.................."
- เรเวปัดดาบออก พลางพูดด้วยใบหน้าที่โกรธขึง
จักรพรรดิดาบเรเว "คารินน่ะพิเศษกว่าคนอื่น! ไม่มีทางไปรวมอยู่กับพวกมนุษย์พรรค์นั้นง่าย ๆ เด็ดขาด! เพราะอย่างนั้นต่างหาก------ มนุษย์ถึงต้องถูกทดสอบ! ว่าจะสามารถชดใช้บาปที่อ่อนแอกับบาปที่โกหกหลอกลวงได้หรือเปล่า! มีค่าคู่ควรกับการเสียสละของคารินหรือไม่!"
โยชัวร์ "ถ้าอย่างนั้น------ ผมจะเป็นคนพิสูจน์เรื่องนั้นให้เห็นเอง! ว่าผมที่รอดตายมาเพราะพี่เสียสละ ผมที่ทั้งอ่อนแอ ทั้งขี้โกหกคนนี้...... ได้มาพบกับพวกเอสเทล จึงสามารถค้นพบเส้นทางที่ตัวเองควรจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้! และสามารถมาถึงที่นี่ ที่ ๆ เรเวอยู่ได้!"
- โยชัวร์สะบัดดาบคู่ เตรียมพร้อมโจมตีอีกครั้ง
โยชัวร์ "มนุษย์------ ตราบใดที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแล้ว ไม่ได้เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่ไร้พละกำลังเท่านั้น!"
- ทันทีที่พูดจบ โยชัวร์ทุ่มพลังเข้าใส่เรเวที่ได้แต่ยืนตะลึงอย่างเต็มที่ สองมือของเขา รัวดาบใส่ดาบของเรเวเพียงจุดเดียวด้วยท่วงท่าที่ว่องไวจนมองตามแทบไม่ทัน เพียงชั่วอึดใจ ดาบของเรเวก็กระเด็นหลุดออกจากมือ สายตาของพวกเอสเทลจับจ้องไป ณ เบื้องหน้ากับสภาพที่เกิดขึ้น โยชัวร์ยังคงหอบหายใจจากการทุ่มพลังทั้งหมดของเขา
จักรพรรดิดาบเรเว "ทุ่มกำลังทั้งหมดโถมเข้าโจมตีชั้น ใส่ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นเพียงจุดเดียวงั้นรึ...... ช่างเป็น..... เจ้าคนน่าระอาจนไม่อยากจะพูดจริง ๆ"
โยชัวร์ "ฮ้า...... ฮ้า...... ......ใช่ไม่ได้เลย...... ใช่มั้ย......?"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... การที่ [จักรพรรดิดาบ] โดนทำให้ดาบหลุดออกจากมือไปได้น่ะ คงจะหาข้อแก้ตัวใด ๆ มาใช้ไม่ได้อยู่แล้ว ท่าทางคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี"
- โยชัวร์ประหลาดใจในคำตอบของเรเว ที่กำลังเผยให้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ ซึ่งแสดงให้ว่าเขาพึงพอใจในความสามารถของโยชัวร์เป็นอย่างมาก
- "สำเร็จแล้วววว!" เอสเทลกู่ร้องด้วยความดีใจ วิ่งนำเพื่อนๆ เข้ามาชื่นชมและแสดงความยินดีกับโยชัวร์
(ในกรณีที่มี "โจเซ็ต" มาด้วย โจเซ็ตจะหาว่าเอสเทลขี้โกง ฉวยโอกาสวิ่งเข้ามาหาโยชัวร์ก่อนค่ะ)
เอสเทล "ยอดไปเลย! ยอดไปเลยนะโยชัวร์! ที่เอาชนะ [จักรพรรดิดาบ] คนนั้นได้น่ะ! ยิ่งไปกว่านั้น..... ก็ปัดเฉพาะดาบให้กระเด็นออกไปเท่านั้นด้วย!"
- "ตราบใดที่ไม่ทำแบบนั้น...... ก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะได้แม้แต่หนึ่งในหมื่นนี่นา ---------ให้ความสำคัญในการที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามปราศจากพละกำลังในการต่อสู้ โดยไม่ทำให้บาดเจ็บเท่าที่จะทำได้...... ข้อพึงปฏิบัติของเบรเซอร์ที่คุณพ่อสั่งสอนมา มีประโยชน์แล้วล่ะ" โยชัวร์ยืนขึ้น พร้อมกับหันมาพูดกับพวกเอสเทล
จักรพรรดิดาบเรเว "อย่างนี้นี่เอง...... เทคนิคที่ [ศาสตราจารย์] ฝึกมา กับข้อพึงปฏิบัติที่เรียนรู้มาจาก [ปราชญ์ดาบ] 『剣聖』 ...... หากใช้ทั้ง 2 สิ่งนั้น ก็เป็นหลักเหตุผลในการที่ชั้นจะพ่ายแพ้งั้นรึ......"
โยชัวร์ "เรเว......"
จักรพรรดิดาบเรเว ".......................................... ชั้น ร่วมมือกับ [งูกินหาง] ก็เพื่อจะทดสอบสิ่งมีชีวิตชีวิตซึ่งเรียกว่ามนุษย์ ด้วยคำตอบเพียงข้อเดียวที่นายแสดงออกมานั้น ก็ไม่มีหน้าที่ที่จะให้ความร่วมมืออีกต่อไปแล้ว คงจะได้เวลา...... ถอนตัวแล้วล่ะมั้ง"
โยชัวร์ "อ๊ะ......!"
- โยชัวร์วิ่งเข้าไปกอดเรเว พลางพูดด้วยความดีใจแบบเด็ก ๆ ท่ามกลางสายตาที่คาดไม่ถึงของเหล่าเพื่อนพ้อง
โยชัวร์ "ดีใจจัง...... ดีใจมาก ๆ เลย! ......เรเว...... เรเวยอมกลับมาแล้ว!"
จักรพรรดิดาบเรเว "ฮะ เฮ้ย......"
โยชัวร์ "ตั้งแต่ตอนที่คุณพ่อรับตัวไปก็รู้สึกกังวลใจมาตลอด...... ......ทั้งเสียงทั้งใบหน้าจำได้ก็จริง แต่ก็นึกไม่ออกเลยว่าเป็นใคร...... พอคิดว่าในที่สุดก็นึกออกได้สักที ......ก็ออกมาขวางหน้าในฐานะศัตรู...... ......ไม่สบายใจ...... มาตลอดเลย......"
จักรพรรดิดาบเรเว "งั้นรึ......"
- เรเวได้ยินความไม่สบายใจนั้น ก็กอดโยชัวร์แน่น ราวกับว่าจะชดเชยความอบอุ่นที่โยชัวร์ไม่ได้สัมผัสในช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนาน เอสเทลก็ได้แต่เหงื่อตกยืนอึ้งไปกับภาพที่เห็น (ออกจะ Y นิด ๆ รึเปล่าเนี่ย)
◆คำพูดของเพื่อน ๆ ที่ได้เห็นภาพอันคาดไม่ถึงของทั้ง 2 คน (พี่เขย&น้องสะใภ้!?) ก็จะให้ความเห็นต่าง ๆ กันไปด้วยนะคะ
★เจ๊เชร่า
เชราซาร์ด "(หึหึ...... ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เพราะเป็นความสัมพันธ์ฉันท์พี่ชายน้องชาย ยังไงก็ไม่สายเกินไปที่จะคืนดีกันนี่นา)"
เอสเทล "(เจ๊เชร่า......)"
★อากัต
อากัต "(เฮ้อ...... ถึงจะทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ แต่ก็ยังเป็นไอ้หนูที่มีช่วงเวลาที่อยากจะอ้อนรึเนี่ย)"
เอสเทล "(คะ คงจะอย่างนั้นล่ะมั้ง?)"
★คลอเซ่
คลอเซ่ "(มะ ไม่รู้จะพูดยังไง...... สนิทสนมกันมาก ๆ เลยนะคะ ......น่าอิจฉาจังเลย......)"
เอสเทล "(เดี๋ยวดิ๊คลอเซ่..... อย่าไปทำหน้าแดงถึงขนาดนั้นซี~)"
★โอลิเวียร์
โอลิเวียร์ "(อ๊าา โยชัวร์คุงของผม ไปอ้อนผู้ชายคนอื่นแบบนั้น...... ทำให้หัวใจของผู้ชายขี้อายอย่างผม ร้อนแรงไปด้วยความอิจฉาเลยน้า)"
เอสเทล "(นายไม่ต้องมามั่วเลยย่ะ!)"
★ทีต้า
ทีต้า "(เอ๊ะเหะเหะ...... พี่โยชัวร์เนี่ยล่ะก็ ดูเหมือนกำลังอ้อนพี่ชายอยู่เลย รู้สึกน่ารักนิด ๆ ล่ะมั้ง......)"
เอสเทล "(ทีต้า...... เอ่อ)"
★จิน
จิน "(ฮ่าฮ่า...... ท่าทางจะเติบโตมาด้วยกันแบบพี่ชายน้องชายนะ นาน ๆ ทีอ้อนกันซะบ้างก็ดีเหมือนกัน)"
เอสเทล "(คะ คงงั้นมั้ง......?)"
★หลวงพ่อเควิน
หลวงพ่อเควิน "(ฮะฮะ โยชัวร์คุงเองก็มีจุดที่น่ารักด้วยเหมือนกันแฮะ อืมม์ ชั้นเองก็อยากได้น้องชายแบบนั้นเหมือนกันนะเนี่ย)"
เอสเทล "(เอ่อ...... คุณเควิน)"
★โจเซ็ต
โจเซ็ต "(เดี๋ยวสิ 2 คนนั่น ไม่สนิทสนมกันมากเกินไปหน่อยเหรอ? น่าสงสัยยังไงไม่รุ......)"
เอสเทล "(จะ จินตนาการอะไรแปลก ๆ อยู่น่ะห๊ะ!)"
- "ทะ โทษทีเอสเทล...... ที่ทำอะไรเอะอะไปน่ะ...... ทั้ง ๆ ที่ยังแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลยแท้ ๆ......" โยชัวร์หันมาขอโทษเอสเทล
เอสเทล "โยชัวร์...... แล้วกัน เรื่องแบบนั้นไม่เห็นต้องขอโทษขอโพยเลยนี่นา ก็เป็นการคืนดีกันที่ไม่ได้ทำมาตั้งนานใช่มั้ยล่ะ? ต้องอ้อนพี่ชายให้เต็มที่ไปเลยนะ!"
โยชัวร์ "อะ อ้อนเนี่ยมัน......"
- "หึหึ...... เอสเทล ไบรท์ ......ต้องขอบคุณเธอแล้วล่ะ" เรเวหันมากล่าวขอบคุณเอสเทล นางเอกของเราก็ได้แต่ตกใจแบบเอ๋อ ๆ
จักรพรรดิดาบเรเว "จะเร็นก็ดี หมอนี่ก็ดี...... เพราะเธอทำเรื่องที่ชั้นไม่สามารถทำได้สำเร็จลงไปได้อย่างสบาย ๆ แล้วก็ชี้นำผู้คนที่หลากหลายมาจนถึงที่แห่งนี้ได้...... หึหึ...... เป็นผู้หญิงที่พิลึกจริง ๆ เชียว"
เอสเทล "มะ ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังได้รับคำขอบคุณแม้แต่นิดเดียวเลยอ่ะค่ะ......"
- เอสเทลตอบรับคำ (ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคำ) ขอบคุณแบบเซ็ง ๆ
◆ในกรณีที่ลง Patch ver 1.0.2.0 และสามารถเอาชนะเรเวได้ จะมีบทสนทนาพิเศษตามแต่ละคนด้วยนะคะ โดยเฉพาะบทสนทนากับเควินนั้น กล่าวได้ว่าเป็นบทสนทนาที่ทางฟาลคอมทำขึ้นมา (หลังจากเกมออกได้ 4 เดือน) เพื่อปูเรื่องราวไปยังภาค the3rd ค่ะ แน่นอนว่าสำหรับ PSP นอกจากจะมีบทสนาพิเศษเหมือนของ PC แล้ว ยังมีบทสนาพิเศษที่เพิ่มเติมขึ้นมาในส่วนของ "ร้อยเอกยูเลีย", "พันตรีมิวเลอร์" หรือ "โอลิเวียร์&พันตรีมิวเลอร์" ด้วยนะคะ
★เจ๊เชร่า
จักรพรรดิดาบเรเว "เชราซาร์ด ฮาร์เวย์ เธอทำให้ชั้นได้ประจักษ์กับความเฉียบคมของฝีมือที่เหมาะสมกับฉายา [ประกายเงิน] 『銀閃』 แล้ว ที่ดูแคลนเธอไปตอนที่อยู่ตำหนักราชินี ให้ชั้นกล่าวขอโทษอีกครั้งเถอะ"
เชราซาร์ด "อุหึหึ...... จั๊กจี๊ยังไงไม่รู้นะเนี่ย"
- เจ๊เชร่ายิ้มรับคำขอโทษ แล้วถามเรเวต่อด้วยสีหน้ากังวลใจ
เชราซาร์ด "เอ่อ...... คือว่า......... คุณ...... กับคุณพี่ลูชิโอล่า......?"
จักรพรรดิดาบเรเว "ก็เคยใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก่อน หล่อนเป็นผู้หญิงที่ดีเลิศ ที่ไม่ค่อยจะมีให้เห็นในหมู่ผู้ดำเนินแผนการที่เป็นพวกนอกรีตเหมือนกัน ......ถ้าเป็นไปได้ ให้ชั้นได้อธิษฐานขอให้หล่อนปลอดภัยด้วยเถอะ"
เชราซาร์ด "อ๊ะ...... ได้สิ...... ขอบคุณนะ"
★อากัต
จักรพรรดิดาบเรเว "อากัต ครอสเนอร์ วิชาดาบหนักที่ใช้ปลิดชีพคู่ต่อสู้ และหลอมรวมกับจิตมังกร ดูยังไง ๆ ก็เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียวจริง ๆ หึหึ...... รู้สึกว่าจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นแล้วใช่มั้ย?"
อากัต "ชะ ใช่...... เฮ้ย ทำหน้ายโสโอหังแล้วมาทำเป็นพูดดีอย่างกับรู้ไปซะหมดอย่างนี้! ทำเหมือนกับตาลุงเลยเฟ้ย นายน่ะ!"
- อากัตเลิ่กลักวางตัวไม่ถูกเมื่อได้รับคำชมจากเรเว
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... ที่บอกว่าชั้นเหมือนกับปราชญ์ดาบ รู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ"
★คลอเซ่
จักรพรรดิดาบเรเว "องค์หญิงคลอเดีย...... ไม่สิ ต้องเป็นมกุฎราชกุมารีแล้วสินะ คำพูดที่ชั้นเคยพูดที่ตำหนักราชินี ยังจดจำได้จนถึงตอนนี้รึเปล่า?"
คลอเซ่ "[......สิ่งที่เรียกว่าประเทศชาติ ก็เหมือนกับออร์บเมนท์ขนาดใหญ่อันสลับซับซ้อน] คำพูดของคุณในตอนนั้น ทำให้คิดได้ว่าเป็นความเป็นจริงซึ่งไม่มีสิ่งใดเกินไปยิ่งกว่า ณ เวลานี้ค่ะ"
- คลอเซ่ตอบเรเวด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง ก่อนที่จะพูดต่อด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
คลอเซ่ "แต่...... ดิฉันเห็นว่าโครงสร้างที่กล่าวมานั้น มิใช่สภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของโลกมนุษย์ค่ะ ดิฉันอยากจะลองค้นหา...... สภาพที่เป็นอยู่ของโลกที่มนุษย์จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมนุษย์ ถึงแม้จะอยู่ในฟันเฟืองขนาดใหญ่จำนวนมากที่หมุนไปก็ตาม อาจจะพูดอะไรตามใจไปหน่อยก็เป็นได้กระมังคะ......"
จักรพรรดิดาบเรเว "ถ้าตระหนักไปถึงขั้นนั้นได้ ชั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องไปสอดอะไรอีก ขอแสดงความเคารพให้กับจิตมุ่งมั่นอันสูงส่งและน่าภาคภูมิใจที่ว่ามานั้นก็แล้วกัน"
คลอเซ่ "......ขอบคุณมากค่ะ"
★โอลิเวียร์
จักรพรรดิดาบเรเว "ว่าแต่ พระโอรสโอลิเวิร์ต...... ไม่พาคนคุ้มกันตระกูลแวนเดอร์มาด้วย มันไม่เป็นการหุนหันพลันแล่นไปหน่อยรึ? ร่างกายนั่นไม่ควรจะเป็นของ ๆ ตัวท่านเองคนเดียวอีกต่อไปแล้ว"
โอลิเวียร์ "หึ มันเป็นปัญหาในการทำงานที่ต้องแข่งขันกับเวลาน่ะ เพราะถึงยังไงอัลเซยูคือตาข่ายชูชีพ ถือเป็นไพ่ตายของพวกผม ซ่อมแซมไปพร้อม ๆ กับปกป้องไป มันก็เกี่ยวเนื่องมาถึงการปกป้องผมเหมือนกันนี่นา"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึหึ...... ช่างเป็นความกล้าบ้าบิ่นบวกกับการตัดสินใจได้อย่างยอดเยี่ยม น่าเสียดายที่เป็นถึงพระโอรสนะ"
โอลิเวียร์ "เป็นเกียรติอย่างยิ่ง"
★ทีต้า
จักรพรรดิดาบเรเว "ทีต้า รัซเซล...... เธอทำให้ชั้นตกใจได้มากจริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่า จะตามมาจนถึงที่นี่ด้วยร่างกายที่บอบบางแบบนั้นได้ หรือว่านี่ก็เป็นการไม่รู้จักคิดและความลำพองเนื่องมาจากความที่ยังเยาว์วัยอยู่งั้นรึ"
ทีต้า "อะ อูย...... นึกแล้วเชียวว่าหนู...... เอาแต่ใจตัวเองใช่มั้ยคะ?"
- ทีต้าเอ่ยถามเรเวด้วยความไม่สบายใจ
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ ก็ไม่ได้จะตำหนิสักหน่อย เพียงแต่ ระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเองให้บ่อย ๆ เข้าน่าจะดีกว่า นั่นควรจะกล่าวได้ว่าเป็นมารยาทที่จะมอบให้แก่เหล่าผู้คนที่คอยปกป้องเธอจริง ๆ"
ทีต้า "คะ ค่ะ!"
★จิน
จักรพรรดิดาบเรเว "[จินผู้มั่นคง] 『不動のジン』 ...... ขอโทษที่เสียมารยาทไปในงานประลองยุทธ์ครั้งก่อน เคยได้ยินเรื่องของคุณมาจากวอลเตอร์อยู่บ้าง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะประมือกันอีกสักครั้ง"
จิน "โอ๊ะ...... ถึงจะพูดไปตามมารยาทก็รู้สึกดีใจนะเนี่ย"
- จินตอบรับคำพูดของเรเวด้วยรอยยิ้มในแบบฉบับคุณลุงใจดีของเขา
จิน "แต่ชั้นยังไม่ได้เรียนรู้ทั้งหมดของ [ไทโตะ] ถ้าเรียนรู้สำเร็จเมื่อไหร่ จะมาขอท้าสู้กับนายก็แล้วกัน"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... เข้าใจแล้ว"
★หลวงพ่อเควิน
จักรพรรดิดาบเรเว "......แล้วก็............ ........................................"
หลวงพ่อเควิน "หืม มีอะไรติดอยู่ที่หน้าของชั้นเรอะ?"
จักรพรรดิดาบเรเว "เปล่า...... ชื่อเควิน แกรแฮมสินะ รู้จักผู้หญิงคนที่ใช้โบว์กันที่ชื่อรูฟีน่า 『ルフィナ』 มั้ย?"
- เควินตกใจเมื่อได้ยินชื่อของผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วเริ่มเผยให้เห็นใบหน้าเคร่งเครียด
หลวงพ่อเควิน "นาย ไปได้ยินชื่อนั้นมาจากที่ไหน......"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... เป็นอัศวินจอกดารา 『聖杯騎士』 ตามคาดจริง ๆ งั้นเรอะ ชั้นเคยปะทะคารมในเหตุการณ์ ๆ หนึ่งเมื่อประมาณหลายปีก่อนหน้านี้ ในตอนนั้นหล่อนลงมือชิงตัดหน้าไปได้อย่างยอดเยี่ยม แล้วตอนนี้ยังแข็งแรงดีอยู่รึเปล่าล่ะ?"
หลวงพ่อเควิน "เปล่า...... น่าเสียดายที่เสียชีวิตไปแล้วในอุบัติเหตุ เป็นเรื่องเมื่อประมาณ 4 ปีก่อนหน้านี้น่ะ"
จักรพรรดิดาบเรเว "งั้นรึ...... ผู้หญิงดี ๆ มักจะถูกทำให้ตายไปอยู่เรื่อยจริง ๆ"
เอสเทล "(พูดถึงเรื่องของใครกันอ่ะ......?)"
★โจเซ็ต
จักรพรรดิดาบเรเว "ว่าแต่...... ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้? อดีตคุณหนูแห่งตระกูลบารอน โจเซ็ต คาปัว"
โจเซ็ต "มะ มันเรื่องของผมนี่! แล้วอีกอย่างก็มีความแค้นที่นายหลอกใช้พวกผมด้วย! เข้าใจรึเปล่าล่ะ เรื่องนั้นน่ะ!?"
จักรพรรดิดาบเรเว "คนที่หลอกใช้คือพันเอกไม่ใช่ชั้น..... แต่ก็ช่างเถอะ ขอโทษด้วย"
โจเซ็ต "เห......"
- โจเซ็ตเกิดอาการงง ที่เรเวยอมขอโทษเธอง่าย ๆ
จักรพรรดิดาบเรเว "อะไร? ก็ต้องการคำขอโทษไม่ใช่รึไง?"
โจเซ็ต "อ๊ะ อืม ก็ใช่...... (......เอ๋ รู้สึกเหมือนเด็กที่กำลังโดนปลอบยังไงไม่รู้~!)"
- "จะว่าไป...... ทำไมเรเวถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? คงไม่ได้จะบอกว่าเจ้าสิ่งที่ดูเหมือนค่ายเวทย์มนต์อันนี้คือ [วงแหวนประกายแสง] หรอกนะ?" เอสเทลเอ่ยถามเรเว
จักรพรรดิดาบเรเว "ไม่ใช่หรอก เจ้านี่เป็นแค่เทคนิควิชาทัศนศาสตร์เท่านั้น เป็นสิ่งที่มีไว้เปลี่ยนพลังงานที่ถูกส่งมาจาก [เขตรากฐาน] 『根源区画』 ให้กลายมาเป็น [ปาฏิหาริย์] น่ะ......"
เอสเทล "!!!"
- จากตรงนี้ เราจะได้ทราบจากเรเวว่า ที่ [เขตรากฐาน] มี [วงแหวนประกายแสง] อยู่ และ [หอคอยแกนกลาง] แห่งนี้ก็ทำหน้าที่เป็นเสาสัญญาณควบคู่ไปกับการทำหน้าที่เป็นเครื่องส่งพลังงานจาก [วงแหวน] ไปยังทุกพื้นที่ของนคร แถมอาณาเขตที่ได้รับผลกระทบโดยตรงนั้น ก็กินรัศมีราว ๆ 1000 เซลจ์ และถ้าหากมีการใช้ [กอสเปล] ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ปลายทางเป็นตัวกลางแล้วล่ะก็ ไม่เฉพาะลีเบร์ลเท่านั้น พลังงานจาก [วงแหวน] จะสามารถขยายผลกระทบไปได้ทั่วทวีปเลยเชียวค่ะ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น [วงแหวน] ก็เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจัดการได้ง่าย ๆ เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นอาร์ติแฟกซ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีการเตรียมฟังก์ชั่นที่จะคิดด้วยตัวของมันเอง และกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือผู้ที่แสดงตนเป็นศัตรูโดยไม่มียกเว้นค่ะ
(จริง ๆ แล้วข้อมูลที่เรเวบอกนี้ มีบันทึกไว้ในดาต้าคริสตัลด้วยนะคะ)
จักรพรรดิดาบเรเว "ดูเหมือนว่าแม้แต่บรรพบุรุษของราชวงศ์ลีเบร์ลที่ทำการผนึก [วงแหวน] ให้ไปอยู่ในมิติประหลาดเมื่อ 1200 ปีก่อน ก็ต้องพบกับความยากลำบากอย่างมากเหมือนกัน แล้วพวกเธอ ก็ต้องปะทะกับ [ไร้หน้า] 『白面』 ทำให้พบกับความยากลำบากที่ว่ามานั้นเพิ่มขึ้นไปอีก"
เอสเทล "!!"
โยชัวร์ "......เป็นธรรมดา ที่ต้องเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเรเวให้ความร่วมมือแล้วล่ะก็ ผมรู้สึกว่าพวกเราจะสามารถต่อกรได้แม้กระทั่งศาสตราจารย์"
จักรพรรดิดาบเรเว "นายนี่มัน...... ทำอย่างกับหวังเอาไว้ว่าชั้นจะไปด้วยแน่ ๆ อย่างนั้นเลยนะ?"
โยชัวร์ "เหะเหะ......"
- "หึหึ...... คืนดีกันได้ก็ดีอยู่หรอก แต่จะทำตัวกันตามสบายมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า?" เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น แทบจะในทันที่ "ศจ. ไวส์แมน" ปรากฏตัวขึ้น เขาก็ปล่อยสายฟ้าจากคฑาคู่กายยิงเข้าไปที่เรเวซึ่งยังไม่ทันตั้งตัวจนกระเด็น โยชัวร์รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของเรเว ท่ามกลางเพื่อน ๆ ที่กำลังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ...... สบายดีหรือเปล่า ดูเหมือนจะข้ามผ่านอุปสรรค แล้วมาจนถึงที่ได้อย่างยอดเยี่ยม...... แต่ฝ่าฝืนกฏกันแบบนี้ ฉันคงจะแสดงความชื่นชมไม่ได้หรอกนะ"
เอสเทล "ฝะ ฝ่าฝืนกฏอะไรกัน! พวกชั้นสู้กับพวกผู้ดำเนินแผนการมาอย่างขาวสะอาดย่ะ! แล้วโยชัวร์...... ก็เอาชนะเรเวในการต่อสู้ได้ด้วย! จะหาเรื่องกันแบบพิลึกพิลั่นเกินไปหรือเปล่ายะ!"
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ ดูเหมือนว่าจะยังไม่รู้สึกถึงเงื่อนไขหลักของแผนการในครั้งนี้สินะ ---------ผู้ที่สังกัดกับองค์กร ทุกคนได้รับพลังมาจาก [นายเหนือหัว] 『盟主』 ด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันไป ถ้าใช้สิ่งที่มีอยู่อย่างที่ว่ามานั้น ไปร่วมมือกับพวกเธอแล้ว ก็คาดหวังถึงการทดลองที่ถูกต้องแม่นยำไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?"
เอสเทล "กะ การทดลอง......?"
- เอสเทลทวนคำพูดของไวส์แมนด้วยความสับสน
- "......จะบอกว่า...... ที่พวกผมมาจนถึงที่นี่ ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนการด้วยอย่างงั้นเรอะ!?" โยชัวร์หันไปตั้งคำถามด้วยใบหน้าของ [เขี้ยวดำขลับ] กับไวส์แมน
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ...... บางส่วน ก็ใส่งานอดิเรกของฉันลงไปด้วยนั่นล่ะนะ อย่างน้อยก็กินเนื้อที่ครึ่งนึงในเงื่อนไขหลักของแผนการอย่างแน่นอน"
- จากตรงนี้ ทำให้เราทราบว่า [แผนการพระสุรเสียง] 『福音計画』 ไม่ใช่แผนการที่จะนำ [วงแหวนประกายแสง] มาไว้ในครอบครองเพียงอย่างเดียวค่ะ
ศจ. ไวส์แมน "คึคึ...... ทุกอย่างเป็นไปตามความตั้งใจของ [นายเหนือหัว] ---------ในความหมายนั้น โยชัวร์ เธอเองก็เป็นปัจจัยที่จะทำให้ความถูกต้องแม่นยำของการทดลองผิดเพี้ยนไปด้วยเหมือนกัน ขอโทษด้วยนะ..... แต่ถึงเวลาที่จะต้องให้เธอกลับมาเป็นตุ๊กตาของฉันแล้ว"
โยชัวร์ "!!!"
- ไวส์แมนดีดนิ้ว ฉับพลันในหัวของโยชัวร์ขาวโพลน มีเพียงสัญลักษณ์แห่งงูกินหางเท่านั้นที่ปรากฏขึ้น
- รอยสักที่ต้นแขนด้านซ้ายของโยชัวร์ร้อนผ่าว การเคลื่อนไหวของเขาหยุดลง พริบตาเดียวก็หายตัวไปยืนอยู่ข้าง ๆ ไวส์แมน และหันดาบเข้าหาพวกเรา แววตาของเขาดูเลื่อนลอยราวกับตุ๊กตาไม่มีชีวิตไม่มีจิตใจ
◆ในกรณีที่นำ "หลวงพ่อเควิน" ร่วมกลุ่มมาด้วย จะมีบทสนทนาที่เควินดูออกว่าไวส์แมนใช้เทคนิควิธีบางอย่างในการควบคุมสติสัมปชัญญะของโยชัวร์ ส่วนไวส์แมนก็พอจะรู้ว่าเควินเป็นคนเข้าใหม่ของ [หน่วยอัศวิน] 『騎士団』 ค่ะ
เอสเทล "โยชัวร์...... ไม่จริงสินะ...... นี่...... กลับมาทางนี้สิ......"
โยชัวร์ ".................................................."
เอสเทล "ขอร้องล่ะ...... อย่าทำตาอย่างนั้นได้มั้ยยย!"
- เอสเทลน้ำตาปริ่ม ร้องเรียกโยชัวร์ให้กลับมา
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ หยุดทำอะไรเปล่าประโยชน์ซะเถอะ ในอดีตฉันได้ฝังเทคนิควิธีที่ขึ้นอยู่กับ [การแสดงนัยสัมบูรณ์] 『絶対暗示』 ไปในตอนที่ฟื้นฟูหัวใจของโยชัวร์ที่แตกสลาย [สติกม่า (ตราบาป)] 『聖痕(スティグマ)』 ที่สลักลงไปตอนนั้น แม้แต่ตอนนี้ก็ยังคงหลับไหลอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาน่ะ อำนาจนั้นแสนยิ่งใหญ่ และถ้าไปกระตุ้นมันเข้า ก็จะสามารถช่วงชิงการควบคุมร่างกายมาได้อย่างง่ายดาย"
เอสเทล ".........แบบนั้น............"
ศจ. ไวส์แมน "อ้อ อันที่จริงสัญลักษณ์ที่ไหล่ของโยชัวร์ ไม่ใช่รอยสักหรอกนะ แต่เป็นภาพจำลองของโยชัวร์ที่ปรากฏออกมาให้เห็น ตาม [ตราบาป] ที่ฉันเป็นคนฝังกลบลงไปต่างหาก หึหึ...... ฉันว่าเขาเองก็คงจะรู้สึกกังวลใจไม่น้อย หลังจากที่มันปรากฏออกมาพร้อม ๆ กับความทรงจำที่กลับคืนมาละมั้ง"
เอสเทล ".............................................. ......โกหก สินะ ที่บอกเอาไว้ว่าหลังจากที่ทำให้โยชัวร์ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสแล้ว จะปล่อยให้เป็นอิสระ...... แม้แต่เรื่องนั้น...... ก็โกหกสินะ......"
ศจ. ไวส์แมน "ก็ไม่ได้บอกว่าโกหกสักหน่อย เพียงแค่โยชัวร์มาถึงที่นี่พร้อม ๆ กับเธอ ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา คึคึ...... ทั้งหมดนั่น เป็นเส้นทางที่พวกเธอเลือกเอง"
เอสเทล "อึก...... ไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะนะยะ! คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาพูดถึงเรื่องเส้นทางที่ชั้นพวกชั้นเดินสักหน่อย!"
- เอสเทลและเหล่าเพื่อนพ้องหยิบอาวุธของตนขึ้นมา
เอสเทล "ถึงจะควบคุมโยชัวร์ได้ก็เหอะ ป่านนี้แล้วชั้นไม่ยอมเด็ดขาด! จะซัดคนอย่างนายให้กระเด็น แล้วเอาโยชัวร์กลับมาให้ได้!"
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ...... ต้องอย่างนั้นสิ แต่หลังจากนี้ ฉันก็มีธุระสำคัญที่ปล่อยไปไม่ได้ซะด้วย ฉันจะรออยู่ที่เขต [เขตรากฐาน] มาเยี่ยมให้ได้ซะสิ"
- ไวส์แมนใช้พลังจากคฑา เทเลพอร์ตตัวเองและโยชัวร์ให้หายไปต่อหน้าต่อตาพวกเราไปยัง [เขตรากฐาน] ที่เรายังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
- "......ใช้ลิฟท์ตัวใหญ่...... ที่อยู่ด้านในสิ......" เรเวที่ยังมีสติอยู่เอ่ยขึ้น
เอสเทล "เรเว......! ดีจังที่ไม่เป็นอะไร! แล้วลิฟท์ที่อยู่ด้านในที่ว่า....."
- เมื่อมองขึ้นไปบนบันไดด้านหน้า เอสเทลก็สังเกตเห็นพื้นโลหะขนาดยักษ์ใหญ่ที่อยู่ด้านในนั้น
จักรพรรดิดาบเรเว "มันจะลงไปสู่...... ......[เขตรากฐาน] ที่ [วงแหวน] หลับไหลได้...... รีบเข้าเถอะ...... ไม่มีเวลาอีกแล้ว......"
เอสเทล "ขะ เข้าใจแล้ว!"
- ทันใดนั้นเอง ตุ๊กตาสงครามรูปร่างแบบเดียวกับที่เข้าโจมตีอัลเซยู 2 ตัว ก็ปรากฏขึ้น ณ เบื้องหน้าพวกเรา
จักรพรรดิดาบเรเว "[ทรอยเมไร=ดรากิออน] 『トロイメライ=ドラギオン』 ...... ไอ้ไวส์แมน...... เตรียมหุ่นตัวอื่นนอกจากของชั้นเอาไว้ด้วยงั้นรึ......"
- ตุ๊กตาสงครามทั้ง 2 เตรียมพร้อมโจมตี ดูเหมือนว่าลำพังจำนวนคนของพวกเราในตอนนี้ คงจะผ่านพวกมันไปไม่ได้ง่าย ๆ
- "------ถ้าเช่นนั้น ที่นี่ให้พวกเราจัดการเอง" เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับกระสุนปืนที่เข้าโจมตีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตุ๊กตาสงครามทั้ง 2 และที่ต้นเสียงนั้น เหล่าเพื่อนพ้องทั้งหลายที่รออยู่บนอัลเซยู ไม่ว่าจะเป็น "ร้อยเอกยูเลีย", "พันตรีมิวเลอร์", "ดร. รัซเซล" หรือแม้แต่เหล่าตระกูลคาปัวที่รออยู่ที่แมวป่า ก็เข้ามาช่วยพวกเอสเทล พร้อมทั้งบอกให้เธอรีบตามไปช่วยโยชัวร์โดยเร็วค่ะ
(ได้รับทราบว่า การซ่อมแซมอัลเซยูและแมวป่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว เพื่อน ๆ ทุกคนก็เลยรวมตัวกันแล้วมุ่งหน้ามายังที่นี่ค่ะ)
จักรพรรดิดาบเรเว "ไปซะ......! เอสเทล ไบรท์......! ......นำความเจิดจรัสที่มีนั่น เอาโยชัวร์กลับมาให้ได้......!"
เอสเทล "......อื้ม!!"
- "ลุยเลย ทุกคน!" ร้อยเอกยูเลียออกคำสั่งโจมตี "แบ่งออกเป็นสองฝ่ายแล้วตีศัตรูให้แตกพ่ายไปซะ!" พันตรีมิวเลอร์ประกาศแผนการรบพร้อม ๆ กับเสียงตอบรับอย่างหนักแน่นของทุก ๆ คน ที่แยกออกเป็น 2 ฝั่งเข้าโจมตีตุ๊กตาสงครามทั้ง 2 ตัว เปิดโอกาสให้พวกเอสเทลวิ่งเข้าไปที่ลิฟท์ตัวใหญ่ที่อยู่ด้านใน
ปล่องลิฟท์ 『エレベータシャフト』
- ภายในปล่องทางขึ้นลงลิฟท์ขนาดใหญ่ เอสเทลรู้สึกเป็นกังวลเรื่องของโยชัวร์ เพื่อน ๆ จึงให้กำลังว่าพวกเราจะต้องช่วยโยชัวร์กลับมาได้อยู่แล้วค่ะ
(เอสเทลพูดแบบไม่พอใจนิด ๆ ด้วยว่า เธอไม่ยอมให้ชายสวมแว่นตาพรรค์นั้น มาทำเป็นเมินพวกเธอมากไปกว่านี้ ว่าแล้วก็เรียกกำลังใจว่า จะนำโยชัวร์กลับมาด้วยพลังของหญิงสาว แหม ใจสู้สมกับเป็นนางเอกของเราจริง ๆ นะคะ)
- ในขณะนั้นเอง เสียงเครื่องยนต์บางอย่างก็ดังขึ้น [ทรอยเมไร=ดรากิออน] ตัวหนึ่ง บินลงจอด ณ เบื้องหน้าของพวกเอสเทลค่ะ
- T.M. ดรากิออน -
- 『T.M.ドラギオン』 -
**เนื่องจากว่าขาดกำลังสำคัญอย่างโยชัวร์ไปคนนึง จึงเหลือเพื่อนต่อสู้แค่ 3 คนเท่านั้น แถมสภาพร่างกายของพวกเราหลังจากสู้กับเรเว ก็ไม่ได้ฟื้นคืนมาเหมือนเดิมซะด้วย แต่ถ้าเก็บเลเวลเพื่อน ๆ คนอื่นมาอย่างเพียงพอแล้ว การต่อสู้ในครั้งนี้จะไม่ยากเลยค่ะ**
**แนะนำ ให้ใช้ "คล็อกดาวน์" ใส่ศัตรู (SPD-50%) และ "ออร์เบิลดาวน์" (ADF-30%) จะง่ายขึ้นค่ะ**
**แนะนำ ให้ใช้คราฟท์ "ตะโกน" ของเอสเทล (STR+20%) จะง่ายขึ้นค่ะ**
**ท่าที่น่ากลัวของเจ้าโอเวอร์มัพเพ็ตตัวนี้มีอยู่ไม่กี่ท่า อย่างท่า "ไฮเปอร์อาร์มช็อต" (ทั่วฉาก+ชาร์จก่อนโจมตี+ยกเลิกไม่ได้) แต่ท่าที่น่ากลัวที่สุดจะเป็น "ปืนใหญ่ไฮเปอร์เวฟ" 『ハイパー波動砲』 ซึ่งจะโจมตีเป็นเส้นตรงและสร้างความเสียหายให้กับพวกเราได้มากโขค่ะ ถ้าโดนท่านี้ แนะนำให้เตรียมเพิ่มเลือดได้เลยนะคะ**
**ระวัง T.M. ดรากิออน (ทรอยเมไร=ดรากิออน) สามารถใช้ท่า "AAแคนเซิลเลอร์" โจมตีเรากินอาณาเขตปานกลาง ทั้งยังมีผลสกัดกั้นการร่ายอาร์ทของเราได้ ดูเทิร์นให้ดี ๆ นะคะ**
**สำหรับตัวละครสายอาร์ท ไม่ต้องกั๊ก EP ตะลุมบอนใช้ให้เกลี้ยงเลยก็ได้ เพราะต่อจากนี้จะมีจุดเพิ่มเลือดรอเราอยู่ค่ะ**
- ปราบได้ [ทรอยเมไร=ดรากิออน] จะเกิดการลัดวงจร ตกลงสู่เบื้องล่างค่ะ


previous: Epilogue Chapter รอยทางแห่งฟากฟ้า - Part 2
to be continued: Epilogue Chapter รอยทางแห่งฟากฟ้า - Part 4



Related entries:
Sora no Kiseki SC (空の軌跡SC)


No comments:

Post a Comment