Saturday, October 21, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki SC - Chapter 8 แผ่นดินอันยุ่งเหยิง - Part 2

บทที่ 8 แผ่นดินอันยุ่งเหยิง
第八章 混迷の大地
- Part 2 -


Walkthrough Chart - Main Quest
วิกฤตการณ์ประชิดนครหลวง
『王都に迫る危機』 (BP10)
- เมื่อมาถึงพื้นที่นครหลวง พวกเราจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเรือเหาะ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก ๆ ที่มีเสียงเครื่องยนต์ของเรือเหาะในเวลาที่ออร์บเมนท์ใช้งานไม่ได้แบบนี้ แต่เมื่อมองไปบนฟ้า พวกเราก็ต้องตกตะลึงกับไปภาพที่เห็น เพราะยานสอดแนมขององค์กรหลายลำได้มุ่งหน้าไปยังนครหลวงค่ะ
- ด้านหน้าประตูเข้าสู่นครหลวง -
- ยานสอดแนมลำหนึ่งร่อนลงจอดประตูทางเข้าสู่นครหลวง ปรากฏร่างของเหล่าผู้ดำเนินแผนการทั้ง 4
จอมโจรบลูแบลง "เอาล่ะ...... ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "โธ่เว้ย ถ้ามี [ปราชญ์ดาบ] 『剣聖』 อยู่ด้วยล่ะก็ คงจะทำให้สนุกขึ้นอีกเยอะเลย...... พลทหารที่ใช้ปืนยิงไม่ได้แบบนั้น ไม่ได้ทำให้เครื่องร้อนขึ้นมาเลยนะเฟ้ย?"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ ก็ดีไม่ใช่เหรอ เร็นว่าปราบพวกคนไร้ประโยชน์ไปพลาง เดินไปพลางก็สนุกดีออก"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่ต้องเรียกปาเทล มาเทลออกมาก็แล้วกัน เพราะเดี๋ยวผู้คนจะหนีหายไปซะก่อน"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อ้าว น่าเบื่อจังเลยนะ ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์คิดเอาไว้ว่าจะทำให้ปราสาทสวย ๆ นั่นให้แหลกเป็นผงไปเลยซักกะหน่อย♪"
จอมโจรบลูแบลง "ความงดงามที่ได้พังทลายลงงั้นหรือ...... ฟังดูไม่เลวเลย"
- กองกำลังป้องกันราชอาณาจักรออกมาต้านเหล่าผู้ดำเนินแผนการ แม้ฝ่ายกองทัพจะมีคนมากกว่าหลายเท่าตัว แต่ก็ไม่อาจต่อกรกับผู้ดำเนินแผนการได้เลยแม่แต่น้อย
(ลูชิโอล่าบอกว่าถ้าเป็นกองกำลังรักษาพระองค์ออกมารับมือ อาจจะสนุกมากกว่านี้หน่อยด้วยนะคะ แสดงว่าฝีมือของหน่วยองครักษ์สูงกว่าพวกกองกำลังป้องกันประเทศงั้นเหรอเนี่ย)
- จากนั้น เหล่าทหารชุดแดงและตุ๊กตาสงครามขนาดใหญ่ (แวนการ์ด) จะบุกเข้าสู่นครหลวงตามแผนการที่วางเอาไว้ ภายใต้การนำของเหล่าผู้ดำเนินแผนการค่ะ
- เมื่อพวกเอสเทลมาถึงด้านหน้าประตูทางเข้าสู่นครหลวงบนถนนคิลเช จะได้รับทราบจากหัวหน้ากองที่เมื่อสักครู่ประมือกับเหล่างูกินหางว่า พวกผู้ดำเนินแผนการมีเป้าหมายอยู่ที่ราชวังค่ะ ถึงจะไม่ดีต่อพวกคุณทหารแต่ยังไงซะ พวกเราก็ต้องรีบรุดหน้าไปที่ราชวังแกรนเซลโดยเร็วค่ะ
นครหลวงแกรนเซล 『王都グランセル』
- เมื่อเข้าไปในนครหลวงจะเกิดการต่อสู้กับ (แวนการ์ด *2) ขึ้นทันทีค่ะ
- พบกับ "เอลนัน" ที่แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังคงใจเย็นเช่นเคยค่ะ
(เอลนันจะแจ้งสถานการณ์ในตอนนี้ให้กับพวกเราว่า กองกำลังป้องกันของกองทัพกำลังเข้าเผชิญหน้าต่อสู้กับฝ่ายศัตรูที่เขตเมืองด้านตะวันออกและด้านตะวันตกถึงแม้จะตึงมืออยู่บ้างแต่ตอนนี้มีแต่ต้องเชื่อมั่นทางกองทัพเท่านั้น เพราะเอลนันต้องการให้พวกเราตามพวกผู้ดำเนินแผนการที่มุ่งหน้าไปที่ราชวังก่อนค่ะ นอกจากนั้น เอลนันยังได้อพยพชาวเมืองบางส่วนไปที่สมาคมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งชาวเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองทางกองทัพก็จะพยายามช่วยเหลือออกมา ทำให้พวกเราเบาใจขึ้นและสามารถมุ่งหน้าไปยังราชวังได้โดยไม่ต้องห่วงทางนี้ค่ะ)
- ได้รับ "เซรั่มพาวเดอร์" (ฟื้นฟู CP 100 หน่วย) จากเอลนันค่ะ
☆สำหรับคนที่สะสม "แจ็คนักเสี่ยงโชค" ครบชุดทั้ง 14 เล่มแล้ว
ให้ไปคุยกับ "บาราล" 『バラル』 มาสเตอร์ของคอฟฟี่เฮ้าส์ บาราลที่มาหลบภัยอยู่บนชั้น 3 ของสมาคม
เขาจะมอบ "เซมเรียสโตน" 『ゼムリアストーン』 ที่เขาได้มาจากอัลเทเรียสำนักงานใหญ่ของโบสถ์เจ็ดจรัสในสมัยที่ยังเป็นนักการทูตอให้พวกเราเพื่อแลกกับหนังสือนวนิยายชุดนี้ยกชุดค่ะ
(ว่าแต่ มาสเตอร์แห่งคอฟฟี่เฮ้าส์คนนี้ ก็ช่างสรรหาของแปลก ๆ มาเก็บไว้มากมายจริง ๆ นะคะเนี่ย)☆
ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- ประตูทางเข้าสู่ราชวัง วอลเตอร์ใช้ลมปราณที่ได้ร่ำเรียนมาจากสำนักไทโตะทำลายประตูทางเข้าที่ปิดอยู่ได้อย่างงดงาม
- ภายในราชวัง กองกำลังรักษาพระองค์จัดแถวเตรียมพร้อมรับมือกับผู้บุกรุก เหล่าเชื้อพระวงศ์เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยความหวาดวิตกอยู่อีกด้าน
คุณนายฮิลด้า "หรือว่าประตูราชวังจะ......"
ดยุคดิวนัน "คึ ต้านไม่อยู่งั้นเหรอ...... คลอเดีย! หัวหน้านางกำนัล! ระ รีบ ๆ พาฝ่าบาทไปที่ตำหนักราชินีเร็วเข้า!"
- ทุกคนหันมามองดยุคดิวนันอย่างที่ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะพูดแบบนี้มาก่อน
องค์หญิงคลอเดีย "สะ เสด็จลุง......"
ราชินีอาริเชีย "ดิวนัน...... ท่าน"
ดยุคดิวนัน "ระ เราเองก็เป็นหนึ่งในเชื้อพระวงค์ลีเบร์ล! ไม่อาจเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ ปล่อยให้ผู้ที่หมายมั่นจะทำลายอำนาจบุกรุกเข้ามาเช่นนั้น! เวลาที่ยูเลียไม่อยู่นี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราลงคำสั่งพวกทหารอยู่ที่นี่เถอะ!"
องค์หญิงคลอเดีย "ตะ แต่ว่า......"
ดยุคดิวนัน "เถอะน่า อย่ามัวแต่อืดอาดยืดยาด! เจ้าพวกนั้นกำลังจะเข้ามาช่วงชิงสถานภาพของฝ่าบาทกับเจ้าอยู่นะ! สถานภาพราชินีกับมกุฏราชกุมารีน่ะ!"
- องค์หญิงคลอเดียมีสีหน้าที่จริงจังขึ้น ราวกับว่าเธอรู้สึกยอมไม่ได้ที่จะมีใครมาทำให้ราชอาณาจักรต้องสั่นคลอนชาวประชาต้องเดือดร้อน
ดยุคดิวนัน "ตอนนี้ สิ่งที่เจ้าควรจะให้ความสำคัญมากกว่าก็คือการปกป้องฝ่าบาทและตัวของเจ้าเอง! ทำตามคำสั่งของเราซะ ยัยเด็กน้อย!"
- "เสด็จลุง...... ทราบแล้วค่ะ" องค์หญิงคลอเดียตอบรับดยุคดิวนันแต่โดยดี "เสด็จย่าเพคะ คุณฮิลด้า! รีบ ๆ ไปที่ตำหนักราชินีกันเถอะค่ะ!" จากนั้นราชินีอาริเชียจะขอให้ดยุคดิวนันปลอดภัย ส่วนฮิลด้าจะขอภาวนาต่อเทพเจ้าแห่งสงครามและขอให้ฟิลลิปเพื่อนสมัยเด็กของเธอปลอดภัยเช่นเดียวกันค่ะ
- "......ท่านดยุค ยอดเยี่ยมมากขอรับ ฟิลลิปคนนี้ ไม่นึกเสียใจที่ได้รับใช้ท่านดยุคมาจนถึงบัดนี้เลยขอรับ" ลุงฟิลลิปกล่าวต่อดยุคดิวนันด้วยความปลาบปลื้มในความเติบใหญ่ (ทางความคิดอ่ะนะ) ของดยุดดิวนันที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก
- แต่ทันใดนั้นเอง เหล่าผู้ดำเนินแผนการก็ทำลายประตูบานที่ 2 ลง และบุกเข้ามาถึงภายในราชวังจนได้
- ฟิลลิปบอกให้นายของเขาหนีไป และกระโดดลงมาจากชั้นบนที่เขายืนอยู่เพื่อมาประจันหน้ากับเหล่าศัตรูผู้มีกลิ่นอายของมารร้าย
(ลุงฟิลลิปเท่ห์มาก ๆ ค่า แต่ว่ากระโดดลงมาแบบนั้น กระดูกกระเดี้ยวจะไม่เป็นไรเหรอเนี่ย)
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อ้าว คุณลุงตาตี่นี่นา!?"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "แกเป็นใคร?"
หัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิป "หัวหน้าพ่อบ้านของท่านดยุคดิวนัน อดีตหัวหน้ากองพันแห่งกองกำลังรักษาพระองค์ 『王室親衛隊大隊長』 ฟิลลิป รูนาลขอรับ"
- พูดจบ ฟิลลิปก็ชักดาบขึ้นมาด้วยท่วงท่าที่คล่องแคล่วไม่เหมือนคนแก่แม้แต่น้อย ตาตี่ ๆ ของเขาเบิกโพลงพลางชี้ดาบไปยังศัตรู
หัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิป "ศิลปะวิชาที่ร่ำเรียนมาเมื่อครั้งอดีต...... ไม่ทราบว่าจะใช้ได้เต็มที่แค่ไหน แต่อย่างน้อยจะขอตวัดดาบนี้ล่ะขอรับ"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "โฮ่......"
จอมโจรบลูแบลง "ฮะฮะ...... น่าสนใจดีนี่!"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "หึหึ...... ท่าทางจะทำให้สนุกได้อีกนิดนะ"
- เมื่อไปถึงหน้าทางเข้าราชวังแกรนเซล พวกเราจะตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพประตูป้องกันราชวังที่กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดแตกเป็นเสี่ยง ๆ
- เกิดการต่อสู้กับ (เพลอาปาเช่ *3 + วอล์กเกิล235 *3) ค่ะ
- ปราบได้ เข้าไปในราชวังจะพบกับลุงฟิลลิปและดยุคดิวนันที่ขัดขวางเหล่าผู้ดำเนินแผนการจนสุดความสามารถนอนสิ้นท่าอยู่ตรงหน้าบันไดค่ะ
(อันที่จริง ลุงฟิลลิปแกแก่เกินไปหน่อย ก็เลยรับมือพวกเร็นไม่ไหวค่ะ นี่ถ้าหนุ่มกว่านี้ไม่แน่ว่าอาจจะเก่งไม่แพ้ยูเลียเลยล่ะมั๊งคะเนี่ย)
สวนลอยฟ้า 『空中庭園』
- เหล่าผู้ดำเนินแผนการมุ่งหน้ามาจนถึงที่หมาย ซึ่งก็คือตำหนักราชินีนั่นเองค่ะ
(จากตรงนี้ เหล่างูกินหางจะพูดคุยกันว่าลุงฟิลลิปเป็นยอดฝีมือที่ยอดเยี่ยมทีเดียว ส่วนดยุคดิวนันเองก็ไม่เห็นจะเหมือนข่าวลือที่ได้ยินมาว่าเป็นคนสำมะเลเทเมาเลย โดยเฉพาะลูชิโอล่าจะรู้สึกว่าดิวนันมีเสน่ห์ตอนที่หมดสติลงไปด้วยนะคะ สงสัยเจ๊แกจะชอบของแปลกค่ะ)
- เมื่อเหล่าองครักษ์ออกมาต้านพวกเขา เร็นก็เสนอให้แข่งกันว่าใครจะจับตัวราชินีได้ก่อนซึ่งทุกคนก็เห็นว่าน่าสนุกดีก็เลยเอาด้วย และแล้วเพียงชั่วพริบตาเดียวเหล่าองครักษ์ก็ต้องพ่ายต่อทั้ง 4 คนไปโดยไม่ทันได้ออกท่าแม้แต่ท่าเดียวค่ะ
- ตามขึ้นไปที่สวนลอยฟ้า จะเกิดอีเวนท์ขึ้นที่หน้าตำหนักราชินีค่ะ
เอสเทล "คลอเซ่! องค์ราชินี!"
องค์หญิงคลอเดีย "คุณเอสเทล...... ......คุณโยชัวร์......"
ราชินีอาริเชีย "ทุกท่าน...... ขอบคุณที่มานะคะ"
- ทั้งราชินีอาริเชียและองค์หญิงคลอเดีย (คลอเซ่) กล่าวต่อพวกเอสเทลด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลเมื่ออยู่ภายใต้เงื้อมมือของฝ่ายศัตรูไปซะแล้ว
โยชัวร์ "......มาไม่ทันเหรอเนี่ย"
เอสเทล "พะ พวกนาย...... คิดจะทำอะไรกันแน่ห๊า!? ปล่อยพวกคลอเซ่เดี๋ยวนี้นะ!"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ ไม่ได้หรอก ก็ศาสตราจารย์ให้มาจับไปได้ตามสะดวกนี่นา"
เอสเทล "ศะ ศาสตราจารย์ให้มา?"
โยชัวร์ "ที่บอกว่าตามสะดวกนั่น...... ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับ [แผนการพระสุรเสียง] 『福音計画』 อย่างนั้นเหรอ?"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ เห็นบอกว่าเพราะทุกคนสุขสบายดีกว่าที่คิดเอาไว้ ก็เลยไม่อยากจะทดลองอะไรต่าง ๆ ขึ้นมาน่ะสิ"
เอสเทล "สะ สุขสบายดีเนี่ยนะ......"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "ดูเหมือนจะทำให้การสื่อสารในทุกพื้นที่ฟื้นคืนมาเป็นบางส่วน...... ท่าทางศาสตราจารย์จะไม่พอใจเรื่องนั้นน่ะสิจ๊ะ คงเพราะอยากจะดูสีหน้าท่าทางที่เจ็บปวดของพวกเธออีกซักนิดน่ะจ้ะ"
เอสเทล "......อึก......! ยะ อย่ามาพูดจาเหลวไหลนะ! เพื่อเรื่องพรรค์นั้นถึงกับต้องบุกเข้ามาที่นครหลวงเนี่ยนะ!?"
โยชัวร์ "......สมกับที่เป็นคน ๆ นั้นนั่นแหล่ะ"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "คึคึ...... ชั้นว่ามันช่างเป็นงานอดิเรกไร้รสนิยมก็จริงอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะมอบให้เรเวจัดการนครลอยฟ้าคนเดียวนี่สิ ถ้าว่างชั้นเองก็อยากจะทำงานนั้นเหมือนกันนะเฟ้ย"
ราชินีอาริเชีย "......เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วค่ะ ถ้าเช่นนั้นจับตัวข้าพเจ้าไว้เป็นเชลยแต่เพียงผู้เดียวก็น่าจะเพียงพอแล้วกระมัง ได้โปรดปล่อยคลอเดียไปจะได้หรือไม่คะ?"
องค์หญิงคลอเดีย "ไม่ได้เพคะ เสด็จย่า! ถ้าจะถูกจับล่ะก็ขอให้เป็นหม่อมฉัน......"
จอมโจรบลูแบลง "ฮืม คำสั่งของศาสตราจารย์น่าจะเป็นใครก็ได้คนนึงนั่นแหล่ะ...... เอ เอาไงดีล่ะ"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "อ้าว ถ้าจำไม่ผิดคุณไม่ได้หลงใหลในตัวองค์หญิงหรอกเหรอ?"
จอมโจรบลูแบลง "หึหึ สำหรับนกในกรงมันไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจอีกแล้วน่ะสิ เอาเถอะ ก็รู้สึกอยู่บ้างว่าอยากจะชื่นชมความงดงามที่อาจจะระยิบระยับแม้จะโดนจับอยู่หรือไม่ก็ตาม......"
- องค์หญิงคลอเดียไม่แม้แต่จะเอื้อนเอ่ยวาจาใด ๆ ออกมาแม้แต่น้อย มีเพียงสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจที่จับจ้องไปที่บลูแบลง
เอสเทล "พะ พวกนาย...... อย่ามาพูดจาเหลวไหลนะ...... เรื่องแบบนั้น...... ยังไงชั้นก็ไม่ยอมให้ทำเด็ดขาด!"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "คึคึ น่าหัวร่อจริงนะ สมมติว่าถ้าไม่มีตัวประกันอยู่ล่ะก็ คิดว่าจะชนะพวกชั้นทุกคนได้อย่างนั้นเรอะ?"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ เคยสัญญาเอาไว้ว่า ถ้าพบกันคราวหน้าเร็นจะฆ่าให้หมดสินะ? พอดีเลยด้วย...... จะฆ่าให้หมดตรงนี้เลยก็แล้วกัน"
เอสเทล "คึ......"
โยชัวร์ "(......อดทนไว้ เอสเทล อย่างที่พวกเขาบอก...... ความแตกต่างของกำลังมันไม่มีทางเลือก ตอนนี้ต้องคอยมองหาโอกาสที่จะชนะเท่านั้น)"
เอสเทล "(ตะ แต่ว่า......)"
จอมโจรบลูแบลง "หึหึ ไม่มีประโยชน์หรอกโยชัวร์ หากจะใช้การพรางตัวของเธอเปิดช่องโหว่พวกเรา......"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "แล้วจะเปิดช่องโหว่พวกเราในสภาพที่เผยให้เห็นตัวแล้วแบบนี้ เป็นไปไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้จะเป็น [เขี้ยวดำขลับ] 『漆黒の牙』 ก็ตาม"
โยชัวร์ "......นั่นสินะ แต่ดูเหมือนว่า การเปิดช่องโหว่นั่นไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องทำแล้วล่ะ"
จอมโจรบลูแบลง "ว่าไงนะ......"
- ชั่วพริบตานั้น "พันโทซีด" 『シード中佐』 บุกเข้าโจมตีเร็นที่ปฏิกริยาตอบรับรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ บลูแบลงสวนกลับไปทันที แต่พันโทซีดก็หลบได้อย่างว่องไว ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่ววินาทีโดยที่เอสเทลยังตกตะลึงกับสภาพที่เกิดขึ้น
พันโทซีด "ไง ขอบคุณที่เหนื่อยนะทุกคน ------ฝ่าบาท องค์หญิง ขอประทานอภัยที่มาช้าพะย่ะค่ะ"
องค์หญิงคลอเดีย "พันโทซีด......"
ราชินีอาริเชีย "......ขอบคุณที่มาค่ะ"
จอมโจรบลูแบลง "โฮ่...... ผู้สืบทอด [ปราชญ์ดาบ] งั้นหรือ"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ...... น่าเสียดายจังนะ อีกนิดเดียวก็จะเปิดช่องโหว่พวกเร็นได้แล้วแท้ ๆ"
พันโทซีด "อ้อ บอกตามตรงว่าตกใจอยู่ เพราะไม่คิดว่าการเข้าจู่โจมเมื่อสักครู่จะโดนสวนกลับได้น่ะ"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "คึคึ ดีเลย อุตส่าห์จะมาเล่นด้วยกับพวกเราทั้ง ๆ แบบนี้เลยใช่มั้ยล่ะ?"
พันโทซีด "เปล่าหรอก รู้สึกเกรงใจน่ะ เพราะที่สุดแล้วฉันเป็นแค่นกต่อเท่านั้นน่ะสิ"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "ว่าไงนะ......"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "!!!"
- "ซิก" โฉบเข้าโจมตีลูชิโอล่า เธอไหวตัวและหลบได้ทัน แต่ทว่าในชั่วเสี้ยววินาทีนั้นเอง ปรากฏร่างของชายอีกคนในชุดหน่วยสืบข้อมูลเข้าโจมตีลูชิโอล่าและวอลเตอร์ด้วยท่วงท่าที่มองตามแทบไม่ทัน
- ในขณะที่เหล่าผู้ดำเนินแผนการกำลังตกตะลึงกับผู้ช่วยเหลือที่ไม่คาดคิด พันโทซีดก็เข้าโจมตีเร็นและบลูแบลงอีกครั้ง และสามารถแยกตัวประกันออกมาได้อย่างงดงาม
ชายหนุ่มในชุดทหาร "ทันอย่างนั้นเหรอ......"
องค์หญิงคลอเดีย "คะ คุณคือ......"
- พวกเอสเทลวิ่งเข้ามาสมทบไปพลาง ประหลาดใจไปพลาง เพราะชายชุดทหารที่เข้ามาช่วยก็คือ
เอสเทล "พะ พะ พะ...... พันเอกริชาร์ด!?"
ริชาร์ด "ฮะฮะ...... ไม่เจอกันนานนะ เอสเทลคุง แต่ว่าตอนนี้ฉันน่ะถูกถอดยศไปแล้ว เป็นแค่เพียงผู้ร้ายของประเทศที่อยู่ระหว่างการชดเชยความผิดเท่านั้น เลิกเรียกว่าพันเอกซะเถอะ"
เอสเทล "ละ เลิกเรียกซะเถอะเนี่ยนะ......"
- เอสเทลทวนคำพูดของริชาร์ดด้วยความหงุดหงิดนิด ๆ เพราะถึงแม้ตัวริชาร์ดเองจะบอกว่าไม่มียศทหารแล้วก็ตามแต่คำพูดคำจายังใช้สำนวนออกคำสั่งอยู่เหมือนเคยค่ะ
- "ทะ ท่านริชาร์ด ......ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ" ราชินีอาริเชียกล่าวกับริชาร์ดด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความดีใจอย่างสุดซึ้งที่ได้พบกับชายผู้รักอาณาจักรแห่งนี้เสียยิ่งกว่าผู้ใดอีกครั้ง
ริชาร์ด "......ฝ่าบาทกับองค์หญิงเอง ทรงมีพระวรกายที่แข็งแรงก็เป็นเรื่องดีที่สุดแล้วเช่นกันพะย่ะค่ะ คิดว่าคงได้ฟังเรื่องทั้งหมดมาจากนายพลจัตวาแล้ว...... เวลานี้ขอให้กระหม่อมปกป้องพวกพระองค์จากพวกก่อความไม่สงบพวกนี้เอง"
ราชินีอาริเชีย "หึหึ ได้เลยค่ะ"
องค์หญิงคลอเดีย "รบกวนด้วยนะคะ"
ริชาร์ด "......เป็นพระมหากรุณาธิคุณพะย่ะค่ะ"
เอสเทล "อะ อะไรกันล่ะเนี่ย......"
โยชัวร์ "ดูเหมือนสถานการณ์จะเคลื่อนไหวไปมาในช่วงที่พวกผมไม่รู้สินะ"
จอมโจรบลูแบลง "2 คนที่สืบทอด [ปราชญ์ดาบ]...... แล้วก็ [เขี้ยวดำขลับ] กับเหล่าเบรเซอร์ยอดฝีมืองั้นเหรอ"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "หึหึ มาเล่นด้วยกันมากเกินไปหรือเปล่าจ๊ะ"
ริชาร์ด "หึ...... แต่สำหรับทางนี้แล้วช่วยได้ทีเดียวเลยล่ะ อันที่จริงในตัวเมืองก็ได้ยื่นมือเข้าไปอยู่ก่อนแล้วด้วยนะ"
เอสเทล "เอ๊ะ......!?"
- พวกเราทุกคนมองลงมาจากสวนลอยฟ้า ทางเขตเมืองตะวันออกนั้นอดีตร้อยเอก "คาโนเน่" 『カノーネ』 ได้นำกองกำลังทหารพิเศษในสังกัดหน่วยสืบข้อมูลที่เคยแตกกองไปแล้ว เข้ามาช่วยรับมือกับพวกทหารพรานและตุ๊กตาสงครามด้วยฝีมือที่เยี่ยมยอดสมกับที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักค่ะ
- "ไนแอล" และ "โดรธี" ที่แอบซุ่มตัวเฝ้าดูเหตุการณ์ทหารชุดแดงบุกรุกนครหลวงอยู่ ก็ต้องประหลาดเมื่อเห็นทหารพิเศษเข้ามาช่วยเหลือในสถานการณ์เช่นนี้
(ไนแอลก็ยังคงไม่ลืมที่จะบอกให้โดรธีใช้กล้องรุ่นเก่าเก็บภาพสกู๊ปเด็ดแบบนี้เอาไว้เช่นเคยค่ะ 2 คนนี่เลือดนักข่าวช่างร้อนแรงจริง ๆ นะคะ)
- เมื่อสถานการณ์กลับตาลปัตรเช่นนี้ เหล่างูกินหางก็ต้องถอยทัพไปอย่างเสียไม่ได้ และทิ้งท้ายให้พวกเราเตรียมตัวกับ [วิกฤตการณ์ครั้งต่อไป] ด้วยค่ะ
(ตอนแรกเร็นจะเรียกปาเทล มาเทลออกมาถล่มที่นี่ แต่เหล่าพวกพ้องไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเวลานี้ถอยไปก่อนจะดีที่สุดค่ะ เร็นจึงจากไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก)
- ด้วยความร่วมมือของพวกเอสเทลและเหล่ากองทัพแห่งราชอาณาจักร สถานการณ์ทุกอย่างจึงคืนสู่ความปกติ จากนั้น เราจะเรียกพวกเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เลือกเข้ากลุ่มให้มาที่นครหลวงเพื่อรวมพลค่ะ
(มีบทสนทนาขำ ๆ ด้วยนะคะ เพราะไม่ว่าริชาร์ดจะบอกว่าเขาไม่ใช่พันเอกแล้ว แต่เอสเทลก็ยังเรียกริชาร์ดว่า "พันเอก" อยู่ดี จนริชาร์ดต้องปล่อยเลยตามเลยค่ะ)
☆ได้รับการรายงานผลเมนเควสต์อันนี้อัตโนมัติ ซึ่งเมนเควสต์อันนี้เป็นเมนเควสต์สุดท้ายที่จะมี BP ให้
และจำนวน BP ที่ได้รับสูงสุดของภาคนี้จะเท่ากับ 382 ค่ะ☆



ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- "เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นไปตามคำสั่งของนายพลจัตวาคาซิอุส ตามที่ได้กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้ เพราะได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีภัยร้ายมาเยือนนครหลวง" "พันโทซีด" อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับพวกเอสเทล องค์หญิงคลอเดียและราชินีอาริเชียที่มารวมตัวกันในท้องพระโรงค่ะ
พันโทซีด "ทว่าตุ๊กตาสงครามที่เป็นอาวุธหลักนั้น สำหรับกองทัพประจำการอาจจะให้ความคุ้มครองไม่ทั่วถึง...... เพราะอย่างนั้นจึงได้ตัดสินใจส่งทหารพิเศษซึ่งเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้ประชิดตัวเข้ามาช่วยเหลือ"
ริชาร์ด "แน่นอนว่า ข้ออ้างเพื่อที่จะส่งพวกเราที่อยู่ระหว่างการรับโทษนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เพราะอย่างนั้นเรื่องจึงกลายเป็นว่าในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวมายังนครหลวงพวกเราได้ถูกดึงเข้ามาร่วมในความไม่สงบในคราวนี้ และผลที่ออกมาก็ได้กลายเป็นว่าได้ปกป้องเมืองเอาไว้ได้"
เอสเทล "ยะ อย่างนี้นี่เอง...... แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง ชั้นว่ามันไม่น่าเชื่ออยู่ดีนั่นแหล่ะ"
โยชัวร์ "ดูท่าทางพวกฝ่าบาทจะทราบเรื่องนี้อยู่แล้วนะครับ?"
ราชินีอาริเชีย "ใช่ค่ะ เพราะเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับท่านคาซิอุสเอาไว้แล้ว ถึงแม้อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ ขึ้นมาในอนาคตข้างหน้า แต่ก็จะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับความปลอดภัยของประชาชน และข้าพเจ้าก็เชื่อมั่นในความรักชาติของท่านริชาร์ดยิ่งกว่าสิ่งใดค่ะ"
ริชาร์ด "......หม่อมฉันมิบังอาจ"
เอสเทล "งั้นเหรอ ถ้าเรื่องเป็นแบบนั้นล่ะก็...... ! จะว่าไป...... ที่เรียกพวกชั้นมาที่ราชวัง ก็เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเหรอคะ?"
ราชินีอาริเชีย "ค่ะ เรื่องนั้นก็ด้วย...... แต่ความจริงแล้ว เพราะมีเรื่องของคลอเดียที่อยากจะแจ้งให้ทราบค่ะ"
เอสเทล "เอ๊ะ......?"
โยชัวร์ "......ของคลอเซ่?"
องค์หญิงคลอเดีย "ค่ะ ที่จริงแล้ว...... ถึงจะเป็นพิธีคร่าว ๆ แต่เช้าวันนี้ ได้มีพิธีเข้ารับตำแหน่งเป็นมกุฏราชกุมารีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดิฉันในตอนนี้ มีสถานะเป็นว่าที่ราชินีองค์ต่อไปแห่งราชอาณาจักรลีเบร์ลค่ะ"
- ทุกคนต่างตกใจไปตาม ๆ กันที่คลอเซ่ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะขึ้นเป็นราชินีองค์ต่อไปหลังจากที่เธอได้จมอยู่กับความสับสนในจิตใจมานาน ค่ะ
☆ในกรณีที่เคลียร์ (48) คดียึดโรงเรียนแห่งราชอาณาจักร
จะมีบทสนาพิเศษที่คลอเซ่ขอบคุณพวกเราด้วยนะคะ
แน่นอนว่าเอสเทลไม่ขอรับความดีความชอบไว้แค่พวกเธอค่ะ
เพราะยังมีคุณอาเนราสและซิกให้ความช่วยเหลือด้วยนี่นา☆
- เอสเทลเดินเข้าไปกุมมือของคลอเซ่ กล่าวแสดงความยินดีกับเธอที่ได้ตัดสินใจรับสืบทอดราชบัลลังก์เพราะต้องการที่จะปกป้องเหล่าคนสำคัญและราชอาณาจักร ตรงนี้คลอเซ่ได้บอกว่าตัวเธอเองยังอ่อนหัด ตอนที่ลำบากคงต้องขอให้พวกเอสเทลช่วยเหลือ ซึ่งเอสเทลก็ยินดีที่ช่วยอย่างยิ่งค่ะ
(เอสเทลถล่มตัวเองด้วยนะคะ เธอบอกว่าตัวเธอก็ยังอ่อนหัดเหมือนกัน ส่วนโยชัวร์ก็ให้คำมั่นว่าพวกเขาจะช่วยคลอเซ่ เหมือนกับที่คลอเซ่คอยให้ความช่วยเหลือพวกเขามาตลอดค่ะ)
- ริชาร์ดที่ได้เห็นความเชื่อมั่นของเหล่าคนหนุ่มสาว ก็พลางพึมพัมด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อย
ริชาร์ด "(......ความโง่เขลาของตนเอง จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่อาจหาคำตอบได้ เพราะเอาแต่ทำเรื่องแบบนั้นมาตลอดจึงไม่แม้แต่จะรู้สึกตัวกับความเป็นไปได้ของเหล่าคนหนุ่มสาวที่จะแบกรับอนาคต......)"
พันโทซีด "(คุณริชาร์ด......)"
ราชินีอาริเชีย "(หึหึ พูดอะไรอย่างนั้นคะ ก็เพราะคุณได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางคนหนุ่มสาวที่จะแบกรับอนาคตอยู่แล้วนี่คะ)"
พันโทซีด "(ฝ่าบาท......)"
ริชาร์ด "(ยะ อย่าได้ทรงล้อเล่นสิพะย่ะค่ะ......)"
- ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและน่ายินดี จู่ ๆ เสียงหนุ่มองครักษ์ก็ตะโกนลั่นพลางวิ่งกระหืดกระหอบพลาง เข้ามารายงานว่า "มะ เมื่อสักครู่มีการติดต่อมาจากประตูฮาเก้น...... ดูเหมือนว่ากองกำลังของกองทัพจักรวรรดิกำลังเคลื่อนพลเข้ามาใกล้เขตชายแดนครับท่าน! รู้สึกว่าที่รวมพลอยู่ในขณะนี้มีประมาณ 1 กองพล...... ตะ แต่ดูเหมือนว่าในจำนวนนั้นจะมีกองทหารรถถังอยู่ด้วย......" เมื่อพวกเราได้ยินดังนั้น ก็ต้องประหลาดใจ เพราะในสถานการณ์ที่ออร์บเมนท์หยุดการทำงานเช่นนี้ ทำไมรถถังถึงทำงานได้ จากรายงานที่องครักษ์หนุ่มได้รับมานั้นก็คือ ทางกองทัพจักรวรรดิไม่ได้ใช้ออร์บเมนท์เหมือนของ [องค์กร] เป็นรถถังที่ไม่ได้ติดตั้งฟังก์ชั่นออร์บเมนท์ แต่เป็นรถถังที่ทำงานโดยใช้ [เครื่องจักรพลังงานไอน้ำ] 『蒸気機関』 ค่ะ
(จากคำบอกเล่าของ "ทีต้า" [เครื่องจักรพลังไอน้ำ] ก็คืออุปกรณ์ที่ใช้พลังงานจากไอน้ำซึ่งถือกำเนิดมาก่อนหน้าเครื่องกำเนิดพลังงานเผาไหม้จากภายใน เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เผยแพร่ออกมาพร้อม ๆ กับออร์บเมนท์แต่ก็เลิกใช้ไปในทันทีค่ะ)
- และจากการวิเคราะห์ของพวกลุง ๆ ที่กองทัพจักรวรรดิมีเจ้าอุปกรณ์ที่เลิกใช้ไปแล้ว และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในตอนนี้นั้น น่าจะเป็นเพราะทำการผลิตขึ้นมาอย่างลับ ๆ ภายในจักรวรรดิ ทำให้พวกเราทราบว่า [วิกฤตการณ์ครั้งต่อไป] ที่พวกงูกินหางบอกก็คือเรื่องนี้นั่นเอง ซึ่งแผนการเข้ามาชิงตัวประกันที่นครหลวงก็เป็น 1 ในแผนการที่จะทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นค่ะ
โยชัวร์ "ยังมีอีกเรื่อง...... คุณพ่อคงจะคิดมาตลอดในเรื่องที่จะเก็บตัวคุณเอาไว้เป็นตัวช่วยลับ ๆ ในฐานะโจ๊กเกอร์ใบสุดท้ายที่จะสามารถมาแทนตัวคุณพ่อได้ในเวลาที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทว่าไพ่ใบนั้นก็ถูกทิ้งไปก่อนซะแล้ว"
- ริชาร์ดตกตะลึงกับการวิเคราะห์ของโยชัวร์ในเรื่องที่ว่า นอกจากมาชิงตัวประกันแล้วนั้น เป้าหมายอีกอย่างที่งูกินหางต้องการก็คือล่อให้คาซิอุสเอาตัวริชาร์ดออกมา เพื่อรอจังหวะให้กองทัพจักรวรรดิอาศัยช่วงนี้บุกรุกเข้ามาใกล้ลีเบร์ลค่ะ ส่วนพันโทซีดได้แต่กล่าวนิ่ง ๆ ว่า "[งูกินหาง] ...... เล็งเอาไว้ถึงขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย"
- คลอเซ่ครุ่นคิดก่อนที่เธอจะเอ่ยขอให้เสด็จย่าของเธออนุญาตให้เธอไปที่ประตูฮาเก้น เมื่อทุกคนได้ยินการตัดสินใจของคลอเซ่ก็ต่างตกใจไปตาม ๆ กัน
องค์หญิงคลอเดีย "หากตอนนี้ไม่ทำอะไร ก็ไม่อาจบากหน้าไปขอโทษพวกเสด็จลุงที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อให้พวกหม่อมฉันหนีมาได้ หม่อมฉันจะลองเจรจากับทางกองทัพจักรวรรดิในฐานะตัวแทนของเสด็จย่าให้สำเร็จให้จงได้เพคะ"
ราชินีอาริเชีย "......เข้าใจแล้วค่ะ แม้จะมีการลงนามสนธิสัญญาไม่ทำสงครามไปแล้ว แต่ก็คงจะกล่าวได้ว่าตอนนี้ดุลภาพระหว่างราชอาณาจักรกับจักรวรรดิก็ยังไม่อาจวางใจได้ เหตุการณ์ในคราวนี้อาจจะต่อเนื่องเป็นระลอกที่ใหญ่ขึ้น ------ การทำให้ดุลภาพเกิดความสมดุลนั้น...... ย่าขอฝากด้วยนะคะ"
องค์หญิงคลอเดีย "......เพคะ!"
- เมื่อเรื่องราวดำเนินไปเช่นนี้ พวกเอสเทลก็ได้ประชุมกันและตัดสินใจว่าจะขอรับหน้าที่พามกุฏราชกุมารีไปส่งที่ประตูฮาเก้น และถ้าหากเกิดการต่อสู้ขึ้นพวกเราก็จะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ ถึงแม้ตามบทบัญญัติของทางสมาคมจะไม่อนุญาตให้เข้าร่วมสงคราม แต่ถ้าอยู่ในฐานะตัวกลางในการไกล่เกลี่ยล่ะก็ พวกเราจะรับหน้าที่เองค่ะ ส่วนเรื่องทางนี้ ริชาร์ดกับพันโทซีดจะขอรับหน้าที่จับตาการเคลื่อนไหวขององค์กรอยู่ที่นครหลวงเองค่ะ
- จากนั้น พวกเอสเทลจะคุ้มกันคลอเซ่ไปพร้อม ๆ กับมุ่งหน้าไปที่ประตูฮาเก้นให้เร็วที่สุดค่ะ



ประตูฮาเก้น 『ハーケン門』
- สถานการณ์ที่ทุ่งหญ้าทางเหนือของประตูฮาเก้นเข้าสู่ภาวะตึงเครียด เหล่าพลทหารแห่งกองทัพราชอาณาจักรประจำที่เตรียมตัวป้องกันราชอาณาจักรภายใต้การนำของหัวหน้ากองทุกหมู่เหล่า ในขณะที่รถถังพลังงานไอน้ำพร้อมด้วยพลทหารของกองทัพจักรวรรดิก็เคลื่อนพลเข้าใกล้ประตูฮาเก้นเรื่อย ๆ ชายแก่ในชุดทหารเต็มยศของกองทัพจักรวรรดิเดินออกมาพบกับ "นายพลมอร์แกน" 『モルガン将軍』 ซึ่งได้มายืนรอเพื่อเจรจากันด้านนอกประตูฮาเก้นอยู่แล้ว
นายพลมอร์แกน "ชี้แจงให้ฟังด้วย! พลโทเซคส์ แวนเดอร์! 『ゼクス・ヴァンダール中将』 ว่าทำไมถึงได้นำกองพลแห่งกองทัพจักรวรรดิมาในที่แบบนี้!? สนธิสัญญาไม่ทำสงครามที่เพิ่งจะมีการลงนามไป คงไม่บอกหรอกนะว่าลืมไปสิ้นแล้ว!?"
พลโทเซคส์ "นายพลมอร์แกน...... ที่อยากจะฟังคำชี้แจงควรจะเป็นทางเรามากกว่าครับท่าน"
นายพลมอร์แกน "ว่าไงนะ......!?"
พลโทเซคส์ "สถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ ปรากฏการณ์ประหลาดที่ทำให้อุปกรณ์ออร์บเมนท์ในเมืองทางภาคใต้ของจักรวรรดิหยุดการทำงานมาตั้งแต่หลายวันก่อน และเรื่องที่ว่านั่น ทางเราได้รับข้อมูลที่แน่ชัดว่ามีสิ่งที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ปริศนาปรากฏตัวขึ้นเหนือทะเลสาบในอาณาจักรของท่าน เรื่องนี้มันยังไงกันแน่ครับ?"
นายพลมอร์แกน "......ไม่ว่าจะเป็นอะไร สำหรับตอนนี้ก็ตามที่เจ้ากล่าวนั่นแหล่ะ พวกฉันเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายสับสนกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน"
พลโทเซคส์ "รู้สึกว่าจะเป็นอย่างนั้นตามที่คิดเอาไว้ รวมทั้งเรื่องที่ภัยพิบัตินั่นกำลังล่วงล้ำเข้ามาสู่ดินแดนจักรวรรดิก็เป็นข้อเท็จจริง เมื่อเป็นเช่นนั้น คิดว่าคงจะเข้าใจเหตุผลที่พวกเรามาอยู่ที่นี่แล้วนะครับท่าน"
นายพลมอร์แกน "พวกเจ้า...... คิดจะเล่นงานจุดอ่อนพวกเรางั้นรึ?"
พลโทเซคส์ "ขอเรียนว่า ไม่ได้คิดเช่นนั้นครับท่าน จะขอเรียนถามอยู่เหมือนกันว่า การฉวยโอกาสที่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดซึ่งองค์กรอาชญากรรมที่น่าสงสัยเข้าเข้าไปวิ่งพล่านภายในราชอาณาจักร ในฐานะภาคีที่ร่วมลงนามในสนธิสัญญาไม่ทำสงคราม จะไม่สามารถเป็นกำลังอะไรให้ได้เลยหรือ...... ในฐานะรัฐบาลจักรวรรดิ รู้สึกว่าจะมีเจตนาเช่นนั้นครับท่าน"
นายพลมอร์แกน "ไร้สาระ...... ถ้าเช่นนั้นรถถังนั่นมันอะไร!? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีรถถังที่ทำงานโดยใช้ไอน้ำ! ทำไมถึงได้นำของแบบนั้นมาซะมากมายในสถานการณ์เช่นนี้!?"
พลโทเซคส์ "เรื่องนั้น...... ขอเรียนว่าเป็นความลับทางการทหารครับท่าน ทว่า เพราะมีรถถังนี่ต่างหาก จึงทำให้ความไม่สบายใจของเหล่าชาวเมืองสงบลง ทั้งยังตรงตามเจตนาที่จะช่วยอาณาจักรของท่านให้รอดพ้นจากความลำบากยากเข็ญด้วย ถ้ายังไงก็ช่วยเข้าใจได้หรือไม่ครับท่าน?"
นายพลมอร์แกน "คึ......"
- "......รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นห่วงค่ะ" เสียงหญิงสาวดังขึ้นมา ณ เบื้องหน้าของทหารเฒ่าทั้ง 2 ปรากฏร่างของคนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมายังจุดที่พวกเขากำลังต่อรองกันอยู่
(องค์หญิงคลอเดียจะขอรับหน้าที่เจรจาต่อจากนายพลมอร์แกน ตอนแรกนายพลมอร์แกนไม่พอใจที่พวกเอสเทลมาอยู่ที่นี่ด้วย แต่พอนายพลมอร์แกนได้ฟังเหตุผลแล้วก็ความจำเป็นของคลอเซ่ที่ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าตัวเธอเพียงคนเดียวจะเจรจาสำเร็จได้จึงยอมรับแต่โดยดี โดยบอกให้องค์หญิงคลอเดียระวังตัวเอาไว้ ถ้าอีกฝ่ายเผยเขี้ยวเล็บเมื่อไรให้รีบหนีไปเตรียมพร้อมที่ประตูทันทีค่ะ)
พลโทเซคส์ "รู้สึกว่าจะมีการเปลี่ยนตัวคู่เจรจานะครับ เท่าที่ดู คงจะเป็นคุณผู้หญิงผู้มีฐานะสูงส่ง......"
องค์หญิงคลอเดีย "ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ นามของข้าพเจ้าคือคลอเดีย ฟอน อาวส์เลเซ่ 『クローディア・フォン・アウスレーゼ』 พระราชนัดดาในองค์ราชินีอาริเชียแห่งลีเบร์ล และเมื่อวันก่อน ก็เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชินีลำดับต่อไปค่ะ"
- พลโทเซคส์ตกใจมากและรีบกล่าวขออภัยกับองค์หญิงที่เขาได้เสียมารยาทไป
พลโทเซคส์ "หม่อมฉัน พลโทเซคส์ แวนเดอร์ ผู้ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบกองพลที่ 3 กองทัพจักรวรรดิเอเรโบเนียพะย่ะค่ะ"
องค์หญิงคลอเดีย "เคยได้ยิน...... กิตติศัพท์ของคุณมาเช่นกันค่ะ"
(จากข้อมูลของโยชัวร์ที่บอกกับเอสเทลว่า พลโทเซคส์เป็นหนึ่งใน 5 แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในจักรวรรดิ ฉายา [เซคส์ตาเดียว] 『隻眼のゼクス』 ค่ะ)
พลโทเซคส์ "ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเคยเห็นรูปขององค์หญิงมาก่อนแต่...... ไม่คิดว่าจะทรงตัดพระเกศาไปน่ะพะย่ะค่ะ?"
องค์หญิงคลอเดีย "น่าอายยิ่งนัก...... แต่นี่เป็นรูปลักษณ์ที่เพิ่งจะผ่านพิธีของมกุฏราชกุมารีไป กรุณานึกเสียว่าเป็นการแสดงความตั้งใจของเด็กสาว ในการที่จะเผชิญหน้ากับภาระหน้าที่อันหนักอึ้งที่ต้องแบกรับเถอะค่ะ"
พลโทเซคส์ "เปล่าเลย รูปลักษณ์เช่นนั้นเหมาะมากเลยพะย่ะค่ะ ขอกล่าวแสดงความยินดี...... ที่ได้ขึ้นเป็นมกุฏราชกุมารีอีกครั้งพะย่ะค่ะ"
องค์หญิงคลอเดีย "ขอบคุณมากค่ะ พลโท"
พลโทเซคส์ "ทว่า...... ทำไมองค์หญิงถึงได้เสด็จมายังที่แบบนี้? คิดจะมาคัดค้านพวกเราเช่นเดียวกันกับนายพลมอร์แกนเช่นนั้นหรือพะย่ะค่ะ?"
องค์หญิงคลอเดีย "ไม่ค่ะ...... ไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย เหล่าผู้คนทางภาคใต้ของจักรวรรดิเองก็คงจะนึกไม่สบายใจอยู่เช่นกัน ความมืดมิดยามค่ำคืน ความเหน็บหนาว ข้อมูลที่หยุดชะงัก...... เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็สามารถทำให้เกิดความไม่สบายใจมากจนเกินพอค่ะ"
พลโทเซคส์ ".............................................."
องค์หญิงคลอเดีย "แต่ที่มา ก็เพราะอยากจะให้พิจารณาถึงปัญหาในกรณีที่กองกำลังอาณาจักรของคุณเข้ามายังประเทศของเรา แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว ไม่เพียงแต่อาณาจักรของท่าน แต่ทั่วผืนแผ่นดินจะกลายสภาพไปเป็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ถึงแม้ว่านั่นจะไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง แต่ชาวเมืองที่จะหวั่นวิตกก็คงมีเป็นจำนวนไม่น้อย...... เรื่องที่อาจจะทำให้เข้าใจความปรารถนาดีของอาณาจักรคุณผิดไป ข้าพเจ้าไม่คิดที่จะปิดบังแม้แต่นิดค่ะ"
พลโทเซคส์ "ตะ แต่ว่า......"
- องค์หญิงคลอเดียยังได้กล่าวต่อไปด้วยความเชื่อมั่นว่า พวกเราจะหาวิธีที่ดีที่สุดมาแก้ไขสถานการณ์นี้ รวมทั้งตอนนี้ก็กำลังจะเข้าถึงตัวองค์กรผู้ก่อการร้าย (งูกินหาง) ด้วยพลังของพวกเราเอง และเพื่อไม่ให้ขัดต่อกับสนธิสัญญาไม่ทำสงคราม องค์หญิงคลอเดียจะขอเวลาให้ทางลีเบร์ลเป็นฝ่ายดำเนินการเรื่องนี้เองค่ะ
- "......น่าเสียดาย ที่นั่นเป็นแค่ความเป็นไปของทางนั้นเท่านั้น" เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากฝั่งจักรวรรดิ ที่กำลังเดินออกมาจากขบวนรถถังที่จอดเรียงรายอยู่พร้อมกับชายหนุ่มร่างใหญ่อีกคน รูปร่างหน้าตาของเขาช่างดูคุ้นตา เสียแต่ว่าลักษณะของเขาช่างดูไม่เป็นมิตรกับพวกเราเอาเสียเลย
- "......พระโอรส......" พลโทเซคส์หันไปกล่าวกับชายหนุ่มผู้นั้น
ชายหนุ่มในชุดทหาร "ที่นี่ให้เราจัดการต่อเอง ถอยไปเถอะ พลโท"
- พลโทเซคส์น้อมรับคำสั่งโดยไม่มีท่าทีอิดออดแม้แต่น้อย
- เอสเทลและเหล่าเพื่อนพ้อง แทบไม่เชื่อสายตาที่ได้เห็นชายหนุ่มคนนั้น ณ เบื้องหน้าของพวกเขา ก็คน ๆ นั้นน่ะ......
ชายหนุ่มในชุดทหาร "ยินดีที่ได้รู้จัก องค์หญิงคลอเดีย พระโอรสองค์เดียวในองค์จักรพรรดิยูเกนต์แห่งเอเรโบเนีย 『エレボニア皇帝ユーゲント』 โอลิเวิร์ต ไรเซ่ อาร์โนลด์ 『オリヴァルト・ライゼ・アルノール』"
เอสเทล "!!! (โอรสคนเดียวของจักรพรรดิเนี่ย...... หมะ หมายถึงพระโอรสงั้นเหรอ~!? เจ๊เชร่า รู้มาก่อนรึเปล่า!?)"
เชราซาร์ด "(กะ ก็ต้องไม่รู้อยู่แล้วน่ะสิ! นึกว่าเป็นคนล้วงข้อมูลที่ถูกส่งมาจากจักรวรรดิซะอีก......)"
องค์หญิงคลอเดีย "พระโอรสโอลิเวิร์ต...... เคยได้ยินแต่ชื่อมาตลอด"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "หึหึ ถึงจะบอกว่าเป็นพระโอรส แต่ก็เป็นแค่ลูกนอกสมรสอันต้อยต่ำเท่านั้นน่ะ แล้วก็ไม่ค่อยจะไปออกหน้าออกตาตามสถานที่ทางการซักเท่าไร ถึงจะไม่รู้จักหน้าค่าตากันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่า พูดมาแบบนั้นก็รู้สึกช็อกนิดหน่อยนะ ถึงจะไม่เคยมีความข้องเกี่ยวกันมาก่อน แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะไม่รู้จักแม้กระทั่งหน้าตาของคู่ดูตัวในอดีตเลยนี่สิ"
เอสเทล "!? (วะ ว่าไงน๊า~!?)"
โยชัวร์ "(งั้นเองเหรอ...... เรื่องที่พันเอกเคยทาบทามเอาไว้นั่นเอง)"
องค์หญิงคลอเดีย "เป็นเช่นนั้นเองหรือ...... ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ต้องขอประทานอภัยเป็นอย่างยิ่งเพคะ"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ช่างเถอะ เคยได้ยินมาว่าเรื่องที่เคยมีการทาบทามสู่ขอกันนี่องค์ราชินีเองก็ไม่ได้ทรงทราบ เรื่องนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว...... แต่...... ไม่อาจปล่อยเหตุการณ์ในคราวนี้ให้ผ่านเลยไปได้น่ะสิ"
- สีหน้าของพระโอรสโอลิเวิร์ตแสดงให้เห็นว่าเขาเอาจริง
- นอกจากนั้น พระโอรสโอลิเวิร์ตได้บอกกับองค์หญิงคลอเดียว่า ตอนนี้มีข่าวลือว่า นครลอยฟ้าที่เห็นก็คืออาวุธสงครามรุ่นใหม่ของกองทัพลีเบร์ลที่วางแผนกลับมาแก้แค้นเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อนโดยค่ะ และถ้าหากฝ่ายลีเบร์ลไม่อาจหาข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลมาได้ ฝ่ายจักรวรรดิก็สมควรที่จะตอบโต้ด้วยวิธีที่เหมาะสมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพระโอรสโอลิเวิร์ตยังหาว่าลีเบร์ลใช้สนธิสัญญาไม่ทำสงครามบังหน้าแล้วมาหักหลังจักรวรรดิอีกด้วยค่ะ
- เอสเทลที่ฟังอยู่เงียบ ๆ มาตั้งนาน เกิดอาการโมโหจนลมออกหูตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังด้วยคำพูดติดปากของเธอว่า "อย่ามาพูดจาเหลวไหลนะ!" พูดจบ เอสเทลก็วิ่งออกไปข้างหน้า พลางพูดต่อด้วยอารมณ์เคืองสุด ๆ
เอสเทล "ฟังมาตั้งกะเมื่อตะกี๊แล้ว เจื้อยแจ้วเอาแต่ตัวเองเข้าว่า! โอลิเวียร์เองก็เข้าใจสถานการณ์ส่วนใหญ่ของทางนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง!? ทำไมถึงพูดแต่เรื่องที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบนนั้นล่ะห๊า!?"
องค์หญิงคลอเดีย "คะ คุณเอสเทล......"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "โอ้...... อะไรกันเนี่ย เธอน่ะ? ทำราวกับรู้เรื่องของเราเลย เป็นพวกคนที่เคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?"
เอสเทล "หา......"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ไม่สิ เป็นถึงขุนนางควรจะทำตัวให้มีมารยาทซักหน่อย...... ฮืมม์ แต่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ดูเหมือนจะเป็นแค่เด็กสาวชาวบ้านเท่านั้นเองนี่ แล้ว ตกลงเป็นใครกันล่ะเนี่ย?"
- เอสเทลเกิดการเดือดปุด ๆ รอบ 2
เอสเทล "......ไม่เลวเลยนะยะ สรุปก็คือจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จนถึงที่สุดสินะ ถ้าทางนายจะเอาอย่างนั้นล่ะก็ ทางชั้นก็ต้องคิดด้วยเหมือนกันย่ะ?"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "โฮ่......?"
เอสเทล "ชื่อของชั้นคือ เอสเทล ไบร์ท เบรเซอร์ระดับ (ระดับที่ได้รับ) ในสังกัดสมาคมเบรเซอร์แห่งลีเบร์ล จะขอทำการแทรกแซงปัญหานี้ด้วยสถานะคนกลางจนถึงที่สุดย่ะ!"
☆ในกรณีที่มีการลง Patch Ver. 1.0.2.0 ขึ้นไป (ล่าสุดเปิดให้ Download Ver. 1.0.2.1 แล้วค่ะ)
บทสนทนาของเอสเทลและโอลิเวียร์จะเปลี่ยนไปตาม Bracer Rank ของเอสเทลค่ะ
อยากจะฟังคำติหรือคำชมก็เชิญเก็บ BP มาตั้งแต่ต้นตามสะดวกเลยนะคะ☆
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ก็ได้...... แล้วด้วยสถานะคนกลางที่ว่า คิดจะทำอะไรในสถานการณ์เช่นนี้ล่ะ?"
เอสเทล "ก็จะขอประกาศที่นี่ให้ชัด ๆ เลยว่านครลอยฟ้านั่นไม่ใช่อาวุธสงครามของลีเบร์ล! ขอเอาสัญลักษณ์ [ปลอกแขนผนึกกำลัง] 『支える籠手』 เป็นเดิมพัน!"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "โฮ่...... พูดจาใหญ่โตดีนี่ สำหรับคำพูดของสมาคมเบรเซอร์ก็มีผลกระทบที่จะมองข้ามไม่ได้แน่นอนอยู่หรอก...... แต่คำพูดนั่นจะมีมูลความจริงที่จะทำให้เชื่อถือได้แค่ไหนกัน?"
เอสเทล "จะมูลความจริงอะไร พวกชั้นก็ไปเห็นมาด้วยตาคู่นี้แล้วน่ะสิ คนที่ทำให้นครลอยฟ้าปรากฏตัวออกมาก็คือองค์กรที่ชื่อ [งูกินหาง] ที่ตอนนี้กำลังเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ อยู่ในลีเบร์ล พวกชั้นน่ะ ร่วมมือกับกองทัพราชอาณาจักร ต่อสู้เพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายของพวกนั้นมาตลอด ถ้ายังไง จะให้ออกรายงานอย่างละเอีดยส่งไปที่รัฐบาลจักรวรรดิก็ได้นะ"
- ถึงแม้ พระโอรสโอลิเวิร์ตก็รู้สึกว่าการทำตามที่เอสเทลบอกนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเอสเทลจะลืมเรื่องสำคัญไปก็คือ จะใช้วิธีรับมือกับองค์กรที่เรียกได้ว่าเป็นอาชญากรอย่างไร ในสถานการณ์เช่นนี้ค่ะ
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ถ้าไม่มีล่ะก็ พวกเราก็ไม่คิดจะมองดูเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเหมือนกัน โชคดีที่อาวุธที่ติดตั้งให้กับรถถังพลังงานไอน้ำเป็นปืนใหญ่รุ่นที่ใช้ดินปืน ไม่คิดว่าเหมาะสมกับการที่จะทำให้นครลอยฟ้าร่วงลงมาอย่างนั้นหรือ?
เอสเทล "ละ ล้อเล่นใช่มั้ย!? ด้วยปืนใหญ่อะไรนั่น ไม่น่าจะทำให้นครลอยฟ้าร่วงลงมาได้ไม่ใช่เหรอไง!?"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "หึหึ...... ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร...... เรื่องเดียวที่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากก็คือ พวกเธอไม่มีทั้งมูลความจริง ไม่มีทั้งพลังที่แม้แต่จะทำให้ความหวังดีและความถูกต้องของพวกเราถอยร่นลงไปได้"
เอสเทล "คึ......"
องค์หญิงคลอเดีย "............................... ถ้าเช่นนั้น...... ถ้าหาข้อพิสูจน์ได้ก็ใช้ได้สินะเพคะ?"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "โฮ่......?"
องค์หญิงคลอเดีย "ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะทำอะไรกับนครลอยฟ้านั่นได้ล่ะก็...... คงจะให้เวลาซักระยะแก่พวกข้าพเจ้าได้สินะเพคะ?"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ฮืมม์ นั่นสินะ...... ถ้าแค่ชั่วครั้งชั่วคราวก็เห็นจะต้องเป็นแบบนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
- "พระ พระโอรส......!?" พลโทเซคส์รีบปรามพระโอรสโอลิเวิร์ต แต่พระโอรสโอลิเวิร์ตบอกว่าเขาแค่รับปากไปตามมารยาทที่อีกฝ่ายเป็นคู่ร่วมลงนามสนธิสัญญาไม่ทำสงครามเท่านั้น เพราะทางนั้นบอกว่า "ถ้าทำได้" น่ะค่ะ
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ถ้าเช่นนั้น...... ถ้าพวกเธอสามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ได้ล่ะก็ ขอให้คำมั่นว่าเราจะถอนกำลังออกไปซักระยะ ขอเอาสัญลักษณ์ [ม้าศึกทองคำ] 『黄金の軍馬』 กับนามของเราผู้เป็นเชื้อพระวงศ์เป็นเดิมพัน"
- "ได้ยินถ้อยคำนั้นอย่างชัดเจนแล้วพะย่ะค่ะ" ทันใดนั้นเองเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นสร้างความตกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก
เอสเทล "สะ เสียงเมื่อตะกี๊มัน......!"
เชราซาร์ด "หรือว่าจะเป็น......!"
จิน "ใช่...... ไม่ผิดแน่"
อากัต "เฮ้ย ไม่จริงน่า!"
โยชัวร์ "......คุณพ่อ"
- [อัลเซยู] ร่อนลงจอดบนพื้นหญ้า ท่ามกลางทุก ๆ คนที่จ้องมองด้วยความตกตะลึง บนดาดฟ้าปรากฏร่างชายวัยกลางคนที่ดูคุ้นตา
คาซิอุส "นี่ก็คือความเป็นไปได้ที่พวกเราสามารถแสดงให้เห็นได้ ณ เวลานี้ครับ เชิญดูให้เต็มตา"
เอสเทล "คุณพ่อ......!"
พลโทเซคส์ "คะ คาซิอุส ไบรท์!?"
คาซิอุส "พลตรีเซคส์ ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ โอ๊ะ...... ตอนนี้ต้องเป็นพลโทแล้วใช่มั้ยครับ?"
พลโทเซคส์ "เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง! ทะ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่...... ยิ่งไปกว่านั้นยานนั่นมันอะไรกัน!? ทำไมถึงบินบนฟ้าได้ในสถานการณ์เช่นนี้!?"
คาซิอุส "ขอเรียนว่านั่นเป็นความลับของทางราชอาณาจักร เหมือนกันกับเรื่องที่ว่าทำไมอาณาจักรของท่านจึงมีรถถังพลังงานไอน้ำในครอบครอง"
- พลโทเซคส์เจ็บใจที่ตัวเองได้แต่จนแต้มกับคาซิอุสย้อนคำที่เขาได้กล่าวไปกับพวกเราในตอนแรก
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ฮืมม์...... นี่คือ [อัลเซยู] ตามที่ร่ำลือเช่นนั้นหรือ แล้วคุณก็คือ นายพลจัตวาคาซิอุส ไบรท์ผู้มีชื่อเสียงนั่นอย่างนั้นสินะ?"
คาซิอุส "ยินดีที่ได้พบพะย่ะค่ะ พระโอรส เหมือนจะรู้สึกว่าเราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนเลยนะพะย่ะค่ะ......"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "บังเอิญจังนะ นายพล เราเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกันพอดี"
คาซิอุส "ไม่น่าเชื่อ......"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "นั่นน่ะสิ......"
- ทั้งคาซิอุสทั้งพระโอรสโอลิเวิร์ตหัวเราะชอบใจขึ้นมาพร้อม ๆ กัน พลโทเซคส์ถึงกับระงับความโกรธไม่อยู่เรียกพระโอรสด้วยเสียงอันดังลั่น
พระโอรสโอลิเวิร์ต "องค์หญิงคลอเดีย เอสเทลคุง เราเองก็เป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจ จะขอรักษาคำมั่นที่ให้ไว้เมื่อสักครู่ก็แล้วกัน จะให้กองกำลังทุกหมู่เหล่าของกองทัพจักรวรรดิถอนทัพออกไปจากบริเวณใกล้ ๆ นี่ทันที"
เอสเทล "โอลิเวียร์......"
องค์หญิงคลอเดีย "......ขอบพระทัยยิ่งแล้วเพคะ"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "แต่ว่า นั่นสินะ...... ไม่ใช่แค่เพียงแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ แต่ควรจะทำให้ประชาชนชาวจักรวรรดิของเราเข้าใจยอมรับด้วย สำหรับตอนนี้ ให้เราขึ้นไปสังเกตการณ์บนอัลเซยูด้วยตัวเองจะว่ายังไง?"
พลโทเซคส์ "พระ พระโอรส!?"
คาซิอุส "ฮืมม์ ถ้าพระโอรสจะสังเกตการณ์ด้วยพระองค์เอง รัฐบาลจักรวรรดิก็จะเข้าใจยอมรับไปด้วย จะรับสั่งเช่นไรดีพะย่ะค่ะ องค์หญิงคลอเดีย?"
องค์หญิงคลอเดีย "ไม่ต้องขอมาก็แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่า เรื่องนี้จะทำให้มิตรภาพระหว่างลีเบร์ลกับเอเรโบเนียผูกพันกันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกกระมัง ยินดีต้อนรับเพคะ พระโอรสโอลิเวิร์ต"
- เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยการยอมรับจากทุกคน ยกเว้นพลโทเซคส์เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย
พลโทเซคส์ "......พระโอรส! ทรงคิดจะทำอะไรกันแน่! อุตส่าห์นึกว่าไม่ได้พบหน้ากันซะนาน ละ แล้วมาเล่นละครลิงแบบนี้......!"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ฮะฮะฮะ ความลับแตกซะแล้ว?"
พลโทเซคส์ "มันแน่อยู่แล้วพะย่ะค่ะ! ว่าพระโอรสจะต้องวางแผนเรื่องแบบนี้อยู่ที่ลีเบร์ลแน่ ๆ...... มิวเลอร์! ในช่วงที่เจ้าอยู่ด้วยมัวทำอะไรอยู่!"
พันตรีมิวเลอร์ "ไม่ได้จะเถียงนะครับท่านลุง...... แต่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะยอมฟังที่ผมพูดแต่โดยดีเหรอครับ?"
พลโทเซคส์ "คึ......"
พันตรีมิวเลอร์ "แล้วผมเอง ก็มีเรื่องที่ยังเข้าใจยอมรับไม่ได้อยู่นิดหน่อย [โศกนาฏกรรมแห่งเฮอร์เมล] 『ハーメルの悲劇』 ...... เพิ่งจะได้รู้เรื่องมาจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นครั้งแรกนะครับ"
พลโทเซคส์ "!!!"
พันตรีมิวเลอร์ "......รู้อยู่แล้วจริง ๆ ด้วยสินะ"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ฮ่าฮ่า ไม่มีทางที่อาจารย์จะไม่รู้เหตุการณ์นั่นอยู่แล้ว? เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้วนี่นา"
พลโทเซคส์ "................................."
พระโอรสโอลิเวิร์ต "อ้าว ๆ อาจารย์ นี่ไม่ได้ตั้งใจจะชมอาจารย์หรอกนะ เพราะว่าอาจารย์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิงเฉพาะเรื่องวางแผนที่ฝ่ายสนับสนุนให้ทำสงครามส่วนหนึ่งทำขึ้นนี่นา"
- พระโอรสโอลิเวิร์ตทอดสายตาไปยังอีกฝั่งที่แสนไกลพร้อมกับพูดว่า "เพราะข่าวอื้อฉาวอันแสนโหดร้ายทารุณ เป็นบทบัญญัติในข้อมูลที่จะดำเนินการขั้นสูงสุด...... จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ต้องเข้าใจยอมรับ เพราะการแก้ไขปัญหาโดยการเพิกเฉย การแก้ไขปัญหาโดยการภาวนาวต่อเทพธิดา เป็นการแก้ไขปัญหาโดยความถูกต้องของชาติต่อประชาชน" พระโอรสโอลิเวิร์ตหันกลับมาพูดกับพลโทเซคส์ด้วยสีหน้าที่จริงจัง
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ทว่า...... ------การโกหกหลอกลวงแบบเดียวกันซ้ำไปซ้ำมา ย่อมจะให้อภัยไม่ได้"
พลโทเซคส์ "......อึก......"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "อาจารย์ จริง ๆ อาจารย์เองก็น่าจะรู้สึกตัวอยู่แล้ว ที่จู่ ๆ ก็มีการนำรถถังพลังงานไอน้ำมาใช้อย่างกระทันหันจนเกินไป...... และก็คำสั่งให้เดินทัพในจังหวะไคลแมกซ์อย่างไม่เป็นธรรมชาติ...... รวมทั้งเรื่องที่ทุกอย่างเป็นรูปที่ขีดเขียนด้วยฝีมือของ [นายกฯเลือดเหล็ก] 『鉄血宰相』 กีเรียส ออสบอร์น"
พลโทเซคส์ "!!"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "เรื่องในครั้งนี้ทำให้แน่ใจได้ ว่าเขาจะต้องติดต่อกับ [งูกินหาง] อยู่ไม่ผิดแน่ แม้เรื่องนั้นพูดไม่ได้ว่าจะนำผลกระทบแบบไหนมาสู่จักรวรรดิหรือไม่...... แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ใช่การกระทำที่เหมาะสมกับนายกรัฐมนตรีของประเทศเลย?"
พลโทเซคส์ "................................ พระโอรส หรือว่าพระองค์จะ......"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "หึหึ ก็หรือว่านั่นแหล่ะ นักการเมืองที่มาจากวงการทหารซึ่งกลายมาเป็นบุคคลสำคัญของรัฐบาลจักรวรรดิด้วยความสามารถที่โดดเด่นเมื่อ 10 ปีก่อน...... วางรากฐานเส้นทางรถไฟไปทั่วผืนแผ่นดินจักรวรรดิ ใช้กำลังเข้าห้ำหั่นรวบรวมเขตปกครองตนเองไม่รู้เท่าไร นักปฏิรูปผู้เลือดเย็นและไม่เกรงกลัวผู้ใด สัตว์ประหลาดที่ทำรังอยู่ในจักรวรรดิตัวนั้น ผมตัดสินใจแล้วว่าจะขับไล่มันเอง โดยใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นการประกาศสงครามยังไงล่ะ"
พลโทเซคส์ "......ทรงตรัสอะไรออกมา พระโอรส เข้าใจหรือไม่ว่าเรื่องนั้นจะทำให้เกิดความยุ่งยากลำบากแสนสาหัสขนาดไหน?"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "มันก็แน่อยู่แล้ว จะพูดว่ารัฐบาลและทั้ง 7 เหล่าทัพอยู่ภายใต้อำนาจของเขาแหง ๆ อยู่แล้ว ถ้ายกเว้นฝ่ายเป็นกลางอย่างอาจารย์ อำนาจที่จะมาต่อกรก็มีแค่พวกขุนนางที่เริ่มจะหมดอำนาจ แล้วก็ด้วยนิสัยแย่ ๆ นั่นก็ทำให้เสด็จพ่อไว้วางพระทัยยิ่งขึ้นไปอีก เป็นบุคคลที่ควรจะเรียกว่าสัตว์ประหลาดจริง ๆ นั่นแหล่ะ"
พลโทเซคส์ "ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไม......!"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "หึ มันแน่อยู่แล้ว เพราะวิธีการของเขามันไม่งดงามเอาเสียเลยน่ะสิ"
พลโทเซคส์ "!?"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ได้ท่องไปในลีเบร์ล ทำให้ผมมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ผู้คน อาณาจักร ยิ่งทีก็ยิ่งรู้สึกว่าศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจมีไม่รู้ตั้งเท่าไร และผมก็อยากจะให้บ้านเกิดเมืองนอนและเพื่อนร่วมชาติของผมมีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจแบบนั้นด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้อาจารย์มร่วมมือกับอุดมคตินั้นด้วย"
พลโทเซคส์ "............................... ......พระโอรส ทรงเติบโตขึ้นแล้วนะ"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "หึ ก็มีคำกล่าวที่ว่าจงดูแลเอาใจใส่เด็กชาย โดยไม่ต้องพบหน้ากัน 3 วัน ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ตอนที่อาจารย์สอนวิทยายุทธ์กับพิชัยสงครามให้เวลาก็ล่วงเลยมา 7 ปีแล้ว เรียกได้ว่าเติบโตขึ้นมาแค่นิดหน่อยเอง"
พลโทเซคส์ "หึหึ...... นั่นสิพะย่ะค่ะ เรื่องให้ถอนกำลังออกไปรับทราบแล้วพะย่ะค่ะ ทว่า กองพลที่ 3 ของหม่อมฉันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีกองพลอีก 10 กองพลที่กำลังรวมพลตามคำสั่งของท่านนายกฯ มาจากนครหลวงจักรวรรดิอีก รวมวันนี้ด้วยก็ 3 วัน...... ยืดเวลาออกไปเกินกว่านั้นไม่ได้พะย่ะค่ะ"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ได้...... ทราบแล้ว"
- พลโทเซคส์หันมากล่าวด้วยสีหน้าอันอ่อนโยนให้มิวเลอร์ร่วมเดินทางไปกับพระโอรสโอลิเวิร์ต ถ้าหากเกิดอะไรที่เป็นอันตรายขึ้นมาก็ให้มิวเลอร์ลากตัวกลับมาอาณาจักรได้เลย ซึ่งก็เป็นความตั้งใจของมิวเลอร์แต่ดั้งเดิมอยู่แล้วค่ะ
- จากนั้น พลโทเซคส์จะออกคำสั่งถอนกำลังทหารทั้งหมดให้ไปประจำที่ชานเมืองพารุม 『パルム市』 ค่ะ
- พระโอรสโอลิเวิร์ตกับมิวเลอร์เฝ้ามองกองกำลังอาณาจักรของตนค่อย ๆ เคลื่อนพลถอนทัพไป
พระโอรสโอลิเวิร์ต "เอ้อ...... แค่นี้ก็ต่อเวลาได้อีกนิดหรือเนี่ย แต่ถึงยังไงผมเนี่ย ก็ไว้วางใจอะไรไม่ได้เลยสิน๊าา"
พันตรีมิวเลอร์ "......มันแน่อยู่แล้ว ไอ้บ้า บอกตามตรง ไม่คิดว่าจะทำซะจนถึงขนาดนี้"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ถ้าจะทำ ก็ต้องทำให้มันสะดุดตาหน่อยถึงจะดีนี่นา~ นอกจากนั้น นายเองก็ทำให้การเตรียมการคืบหน้าไปได้อย่างสมบูรณ์เลยนี่? ถ้าจะให้พูด ก็คือผู้สมรู้ร่วมคิดที่รักกันหวานชื่นที่ได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันไง"
พันตรีมิวเลอร์ "หยุดพูดเรื่องน่าขยะแขยงซะ"
- "โอลิเวียร์!" พวกเอสเทลวิ่งเข้ามาหาพวกโอลิเวียร์
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ไง เอสเทลคุง ขอบคุณที่เหนื่อยนะ"
เอสเทล "ไม่ต้องมาขอบคุณที่เหนื่อยนะยะ! เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ห๊า!?"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "จะยังไงหรือจะอย่างไหน ก็ตามที่เห็น เพราะแผนการน่าสงสัยที่ได้เดินหน้าเรื่อยมาภายในจักรวรรดินั้น ถูกละครที่จัดขึ้นทำลายแผนการที่โผล่ออกมายังไงล่ะ"
เอสเทล "ละครเหรอ...... นายเนี่ยนะ"
พระโอรสโอลิเวิร์ต "ถ้าจะทำให้ศัตรูตายใจ ก็ต้องเริ่มจากพวกเดียวกันก่อน พอพ้นจากการเจรจาต่อรองอย่างจริงจังกับพวกเธอ อัลเซยูก็ออกมาตอนจังหวะพอดี...... นี่ก็คือฉากที่ผมกับคุณคาซิอุสคิดขึ้นมาในครั้งนี้ยังไงล่ะ"
เอสเทล "วะ ว่าแล้วเชียว......"
โยชัวร์ "ผมก็คิดแบบนั้นครับ"
- "......ก็ เป็นอย่างนั้นแหล่ะ" "คาซิอุส" เดินมาหาพวกเอสเทล เอสเทลเห็นพ่อตัวเองก็อดเคืองนิด ๆ ไม่ได้ จนคาซิอุสต้องบอกลูกสาวแสนรักให้เลิกทำหน้าตาหน้ากลัวใส่เขาค่ะ
(จากตรงนี้ จะทราบว่าป๋าได้ยินการเจรจาต่อรองทุกประโยคผ่านทางเครื่องมือสื่อสารออร์บเมนท์ รอเวลาให้อัลเซยูปรากฏตัวในจังหวะเหมาะ ๆ เพื่อทำเกิดประสิทธิผลที่สุดค่ะ ตอนแรกเจ๊เชร่านึกว่าเป็นอาร์ติแฟกซ์สื่อสารที่โอลิเวียร์เคยใช้ (ในบทที่ 2 ภาค FC ค่ะ) แต่โอลิเวียร์บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่ให้เจ๊เชร่าพูดถึงเรื่องนี้ แต่ให้ไปถามจากพวกเขาดีกว่าค่ะ)
- พบกับ "หลวงพ่อเควิน", "ร้อยเอกยูเลีย" และ "ดร. รัซเซล" ค่ะ
ร้อยเอกยูเลีย "องค์หญิง...... รู้เรื่องการโจมตีที่นครหลวงแล้วเพคะ ดีจริง ๆ...... ที่ทรงปลอดภัย"
องค์หญิงคลอเดีย "ขอโทษนะคะ...... ที่ทำให้เป็นห่วง"
ดร. รัซเซล "แม๊~ ถ้าการวางโครงสร้างใหม่ของอัลเซยูเสร็จเร็วกว่านี้ อันตรายที่นครหลวงก็ไม่มีสิทธิ์ออกมาวิ่งพล่านร๊อก...... ใช้เวลามากกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีกนะเนี่ย แต่ดีแล้วล่ะ ที่ปลอดภัยกันทุกคน"
- และที่อัลเซยูบินได้อย่างปกตินั้น เป็นเพราะดร. รัซเซลพัฒนา [เครื่องกำเนิดสนามพลังงานศูนย์] ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้แล้วนั่นเองค่ะ
(เอสเทลก็ยังไม่วายค่อนแคะพ่อตัวเองว่า เรื่องนี้ก็เป็นเพราะพ่อยุยงส่งเสริมด้วยด้วยสินะ ทำเอาป๋า (เข้าข่ายคนแก่ขี้) น้อยใจไปตามระเบียบค่ะ แต่ถึงยังไงคาซิอุสก็ได้เอ่ยปากชมพวกเราว่า เขาแค่เปิดทางให้พวกเราเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ที่เดินมาจนถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะความมุ่งมั่นของพวกเรานั่นเองค่ะ)
เอสเทล "จะว่าไป ทำไมคุณเควินถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละ?"
หลวงพ่อเควิน "อ้อ ก็เพราะมีการติดต่อจากสำนักงานใหญ่กลุ่มอัศวินไปที่มหาวิหารน่ะ ทำให้เข้าใจขึ้นเยอะเลยว่า [วงแหวนประกายแสง] เป็นของแบบไหน แล้วทำยังไงถึงจะกำจัดภัยพิบัติได้ พอเอาเรื่องนั้นไปคุยกับคุณคาซิอุส ก็เลยได้มาจนถึงที่นี่ด้วยน่ะสิ"
เอสเทล "เอ๋!?"
โยชัวร์ "ตัวจริงของ [วงแหวนประกายแสง]...... เหรอครับ?"
หลวงพ่อเควิน "ใช่...... สิ่งที่เรียกว่า [วงแหวนประกายแสง] ไม่ใช่ตัวนครลอยฟ้า ดูเหมือนจะเป็นมรดกแห่งอารยธรรมโบราณที่ควบคุมการส่งพลังงานออร์บเมนท์ไปทั่วทั้งนคร แล้วที่ปลายสุดของที่นั่น ก็คือ [กอสเปล] นั่นยังไงล่ะ"
องค์หญิงคลอเดีย "มรดกแห่งอารยธรรมโบราณที่ควบคุมนครลอยฟ้า......"
ทีต้า "ตะ แต่ว่าทำไมของแบบนั้นถึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ออร์บเมนท์หยุดการทำงานได้ล่ะ?"
หลวงพ่อเควิน "เรื่องนี้ก็ได้แต่เดา...... ดูเหมือนว่า [วงแหวน] จะติดตั้งการทำงานที่จะทำการขับไล่สิ่งแปลกปลอมที่อยู่ภายนอก ในกรณีนี้สิ่งแปลกปลอมที่ว่าก็คือ อุปกรณ์พลังงานออร์บเมนท์รุ่นใหม่ที่มีการผลิตขึ้นในยุคนี้--------- หรือก็คือออร์บเมนท์ยังไงล่ะ"
จิน "ทำให้สิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในอาณาเขตที่มีผลไร้ซึ่งพลังงานทั้งหมด...... ถ้าจะให้พูดมันก็คือกลไกป้องกันใช่มั้ยล่ะ"
- และไม่ว่าจะยังไง นครแห่งนี้ก็จะสร้างความยากลำบากให้ ดังนั้น องค์หญิงคลอเดียจะอนุญาตให้นำอัลเซยูขึ้นไปบนนครลอยฟ้าเพื่อยับยั้งภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นค่ะ
องค์หญิงคลอเดีย "แล้วก็เบรเซอร์ทุกท่านคะ...... ขอยืมพลังของทุกคนช่วยเหลือลีเบร์ลที่อยู่ในสภาวะลำบากด้วยค่ะ ไม่แน่ว่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้คงจะเป็นคำไหว้วานครั้งสุดท้ายก็เป็นได้ค่ะ"
เชราซาร์ด "หึหึ...... นั่นสินะ"
อากัต "คำตอบมันก็แน่อยู่แล้ว......"
จิน "ลองฟังคำตอบจากตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ที่นี่เลยดีมั้ย"
เอสเทล "หืม...... ตัวแทน?"
อากัต "นี่...... เอสเทล มันก็ต้องเป็นเธออยู่แล้วนี่?"
เอสเทล "เอ๋!?"
เชราซาร์ด "หึหึ...... มัวแต่ตะลึงอะไรอยู่ล่ะ ก็เธอน่ะมีโชคชะตาของแต่ละคนอยู่...... ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ดูเหมือนพวกชั้นทุกคนจะโดนชักนำให้มาร่วมเดินทางไปกับเธอนะจ๊ะ"
จิน "ในความหมายนั้นก็คือ เอสเทล เธอก็คือลีดเดอร์ของพวกเราไม่ผิดแน่"
- เอสเทลเขินจนพูดอะไรไม่ออก
คาซิอุส "เฮ้อ...... หรืออาจจะมีความรับผิดชอบไม่พอล่ะมั๊ง?"
โยชัวร์ "......ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเอสเทลก็จะมุ่งไปข้างหน้า ไม่เคยละทิ้งความหวัง ไม่ว่าจะเวลาไหนความเจิดจรัสนั่นก็คอยนำทางให้ผม ------ ให้พวกเรา เพราะงั้น...... ถ้าไม่ใช่เอสเทลก็ทำไม่ได้หรอก"
เอสเทล "ดะ เดี๋ยวก่อนสิโยชัวร์!"
ทีต้า "เอ๊ะเหะเหะ...... พี่จ๋า หน้าแดงแจ๊ดเลย?"
- เอสเทลเขินระลอก 2 ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
เอสเทล "ก็ได้ เข้าใจแล้ว! คำไหว้วานของคลอเซ่...... จะขอรับเป็นธุระให้ด้วยความยินดี! จะหา [วงแหวนประกายแสง] ที่อยู่บนนครลอยฟ้าให้เจอ และคลีคลายสถานการณ์นี้ให้ดู!"
คลอเซ่ "หึหึ...... รบกวนด้วยนะคะ"
คาซิอุส "เฮ้อ...... ในที่สุดก็สรุปได้แล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นพ่อก็ได้เวลากลับไปที่กองบัญชาการได้ซักที"
- ทุกคนหันไปยังคาซิอุส และอย่างที่เอสเทลนึกไว้แต่แรกว่าพ่อของเธอคงไม่มาด้วยกันแน่ ๆ เพราะเขามีงานที่ยังต้องเฝ้าระวังการคุกคามจากกองทัพจักรวรรดิอยู่รวมทั้งอาจจะมีความเป็นไปได้ที่องค์กรจะก่อเรื่องอะไรขึ้นที่นครหลวงอีกค่ะ
- จากนั้น ป๋าคาซิอุสจะมอบจดหมายให้กับโยชัวร์
โยชัวร์ "นี่มัน......?"
คาซิอุส "ก็ ความรักความเอาใจใส่ของคนเป็นพ่อนิดหน่อยน่ะ เป็นเรื่องระหว่างผู้ชายด้วยกัน สำหรับเอสเทลคงจะมีแรงกระตุ้นเกินไปล่ะมั๊ง"
เอสเทล "อะ อะไรล่ะนั่น......"
โยชัวร์ "......รู้แล้ว จะเอาไปอ่านหลังจากนี้นะครับ"
คาซิอุส "อา อย่างนั้นก็ได้"
เอสเทล "ปัดโธ่เอ๊ย...... ผู้ชายก็แบบนี้อยู่เรื่อย"
คาซิอุส "เฮ้อ อย่างอนแบบนั้นสิ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย พ่อก็ตั้งใจว่าจะลาพักซักหน่อย ถึงตอนนั้นก็ไปใช้เวลาที่บ้านด้วยกันสบาย ๆ อย่างที่เราไม่ได้ทำมานานกันนะ แล้วพอถึงตอนนั้น เอสเทล ช่วยทำออมเล็ตนั่นให้พ่อกินอีกนะ"
เอสเทล "อ๊ะ...... ......อืม วางใจได้เลย!"
- "นายพลมอร์แกน" และ "คาซิอุส" เฝ้ามองเหล่าคนหนุ่มสาวผู้แบกรับความหวังทั้งหลายทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าไปพร้อม ๆ กับ [อัลเซยู]
นายพลมอร์แกน "จะดีหรือ...... คาซิอุส? ถ้าเป็นห่วงถึงขนาดนั้น ไปด้วยก็ได้นี่?"
คาซิอุส "ไม่เป็นไรครับ ดีแล้วล่ะ ผู้ชายที่ชื่อไวส์แมนนั่น อันตรายเกินกว่าที่คาดเอาไว้ ถ้าผมร่วมเดินทางไปด้วยก็คงต้องทำโดยไม่มีทางเลือก"
นายพลมอร์แกน "จะฆ่าทิ้งไปเลยใช่มั้ยล่ะ...... ......เฮ้อ เจ้าเองก็โดนกดดันมากเลยนะ"
คาซิอุส "หนักใจสุด ๆ เลยนะครับ แต่ในทางกลับกัน ก็คงจะมีช่องโหว่ที่เป็นประโยชน์ออกมาให้เห็นตรงจุดนั้น"
นายพลมอร์แกน "อ่านเรื่องออกและเปรียบเทียบความจริงกับความลวงที่ผสมปนเปกันงั้นหรือ...... แล้วทาง [นายกฯเลือดเหล็ก] ล่ะเป็นยังไง?"
คาซิอุส "เป็นบุคคลที่สร้างความยุ่งยากไปทางโน้นทีทางนี้ทีครับ...... แต่ถ้าทางนี้ไม่เผยให้เห็นช่องโหว่มากไปกว่านี้ก็คงจะไม่เป็นไรครับ"
นายพลมอร์แกน "ฮึ่ม งั้นหรือ...... เรื่องทั้งหมด ก็ต้องฝากไว้กับพวกที่ไปกับ [อัลเซยู] สินะ......"
คาซิอุส "ครับ......"
- คาซิอุสแหงนมองไปบนท้องฟ้า "(เรน่า...... แล้วก็เทพธิดาแห่งท้องฟ้าเอย...... ช่วยส่องทางสว่างให้กับย่างก้าวของเด็กเหล่านั้นด้วย...... ขอให้ค้นพบเส้นทางของตัวเอง...... ภายใต้ฟากฟ้าที่ยิ่งใหญ่ผืนนี้ด้วยเถอะ...... )"
- จบบทที่ 8 ค่ะ

previous: Chapter 8 แผ่นดินอันยุ่งเหยิง - Part 1
to be continued: Epilogue Chapter รอยทางแห่งฟากฟ้า - Part 1

No comments:

Post a Comment