Saturday, October 21, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki SC - Chapter 6 ที่ที่สายสัมพันธ์คงอยู่

บทที่ 6 ที่ที่สายสัมพันธ์คงอยู่
第六章 絆の在り処
วันหยุดพักผ่อนของเหล่าเบรเซอร์ และเหล่าผู้ให้ความช่วยเหลือ ผ่านไปเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ
เอสเทลได้พบกับคูลซ์ เบรเซอร์รุ่นพี่ที่นำข่าวสารถึงฐานที่มั่นของ [งูกินหาง] และเหล่ารุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่ถูกจับ
แต่เรื่องราวกลับพลิกผัน เมื่อเธอเป็นฝ่ายถูกจับซะเอง!!
บนเรืออาร์คแดงลำใหญ่ เส้นทางแห่งสายสัมพันธ์ก็มาบรรจบกันอีกครั้ง!!


Walkthrough Chart - Main Quest
แมวป่า 『山猫号』
- ยามค่ำคืนอันมืดมิดบนแมวป่า สาวน้อยโจเซ็ตเดินออกมาบนดาดฟ้าเรือ เธอกำลังหาอะไรบางอย่าง
โจเซ็ต "อะไรกัน มาอยู่ที่นี่เอง"
โยชัวร์ "......ก็มองจากฝั่งนี้จะเห็นพระจันทร์ได้ชัดน่ะ แล้วก็รู้สึกถึงสายลมที่มาสัมผัสได้ด้วย"
โจเซ็ต "อะฮ่าฮ่า ทำเป็นเท่ห์อีกแล้~ว"
- โจเซ็ตเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ โยชัวร์
โจเซ็ต "ไม่ได้แค่ทำเป็นเท่ห์...... แต่มีความจำเป็นด้วยสินะ?"
โยชัวร์ "แสงสว่างของพระจันทร์ ตำแหน่งของก้อนเมฆ สายลมที่พริ้วไหว เป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ ก็แค่อยากจะลดความเป็นไปได้ที่จะพลาดลงเท่าที่จะทำได้น่ะ"
โจเซ็ต "ทะ เท่าที่จะทำได้เนี่ย...... นายนี่นะ...... อย่ามาพูดว่าเท่าที่จะทำได้สิ! ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาจะตายเอานะ!?"
โยชัวร์ "ไม่เป็นไร ความเป็นไปได้ที่จะพลาดมีอยู่เล็กน้อย เพราะระดับของงานในครั้งนี้ สมัยก่อนก็เคยทำอยู่ทุกวันน่ะ ที่อันตรายจริง ๆ น่ะ...... คงจะหลังจากที่งานประสบความสำเร็จแล้วมากกว่า"
โจเซ็ต ".......................... ......นี่ โยชัวร์ นายน่ะจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?"
โยชัวร์ "เอ๊ะ......?"
โจเซ็ต "นายเองก็เหมือนกับพวกเราที่เกิดในเอเรโบเนียสินะ แล้วก็มีเหตุจำเป็นร่วมกันทำให้กลับไปยังบ้านเกิดไม่ได้...... เพราะฉะนั้น ก็ไม่จำเป็นปักหลักอยู่ในประเทศที่ไม่เกี่ยวพันกันเลยไม่ใช่หรือไง? [องค์กร] จะทำอะไรก็ช่างหัวมันไปเถอะ"
- โยชัวร์ไม่ตอบอะไร
โจเซ็ต "นี่ ถ้าตอนนี้ยังทันนะ ออกจากลีเบร์ลไปพร้อมกับพวกเราทั้ง ๆ แบบนี้...... แล้วไปเริ่มต้นงานใหม่ ๆ แถว ๆ เขตปกครองตัวเองที่ไหนซักแห่งดู? ไม่ต้องทำงานสลัดอากาศเลี้ยงชีพแล้วไปหางานอื่นทำก็ได้นะ พวกพี่ ๆ ก็พูดเหมือนกันว่าความเร็วของเรือลำเนี๊ยะ มีประโยชน์กับงานขนส่งสินค้านะ"
โยชัวร์ "งานขนส่งสินค้าที่ใช้ยานบินงั้นเหรอ...... ดูท่าหลังจากนี้คงจะเป็นที่ต้องการด้วย อาจจะเป็นธุรกิจที่มีอนาคตก็เป็นได้นะ อย่างน้อยก็สามารถหาเงินได้กว่าการเป็นสลัดอากาศจริง ๆ"
โจเซ็ต "ถะ ถ้าอย่างงั้น!"
โยชัวร์ "นั่นสินะ...... ถ้าผมสามารถรอดชีวิตจากการทำลายแผนการของ [องค์กร] มาได้ จะขอเอาไปคิดดูนะ"
- โจเซ็ตประหลาดใจในคำตอบของโยชัวร์
โยชัวร์ "อ้อ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วง สัญญาของเราสิ้นสุดลงแค่นี้ เพราะสัญญาเอาไว้ว่าถ้าให้ความร่วมมือกับกลยุทธ์ในครั้งนี้ หนี้บุญคุณก็หักกลบลบกันไป จะออกเดินทางไปเมื่อไรก็ได้ ผมไม่ว่าหรอก"
โจเซ็ต "......พอแล้ว"
โยชัวร์ "เอ๊ะ"
โจเซ็ต "เจ้าบ้า! ใครกำลังพูดถึงเรื่องติดหนี้บุญคุณกันหา! พอแล้ว! นายจะทำอะไรก็ไม่รู้ด้วยแล้ว! กระโจนเข้าหาอันตรายตามอำเภอใจ แล้วก็ตายตามอำเภอใจไปซะ!"
- โจเซ็ตวิ่งจากไปด้วยความโกรธ
โยชัวร์ "......ขอโทษนะ โจเซ็ต"
- "แกล้งทำเป็นทึ่มเนี่ย...... ไม่ง่ายเลยน๊า" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นมา จากประตูด้านบนเรือเหาะ
โยชัวร์ "......คุณคีล"
คีล "ยัยนั่นก็พูดเกินไป ยังไม่เลิกทำตัวเป็นเด็ก ๆ อีก...... แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อกี๊ชั้นว่าวิธีการพูดของนายมันแย่จริง ๆ"
โยชัวร์ "......นั่นสินะ ถึงผมไม่คิดที่จะไปขอโทษ แต่ก็รู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกัน"
คีล "เฮ้อ...... ก็พอจะเข้าใจความกังวลของนายอยู่ เอาเถอะ เรื่องเมื่อกี๊ช่วยคิดให้มันจริงจังหน่อยล่ะ ถ้าไม่คิดที่จะกลับไปหาคุณหนูเบรเซอร์คนนั้น หลังจากที่จัดการเรื่องต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วน่ะ"
โยชัวร์ "ฮะฮะ...... ไม่คิดอยู่แล้วล่ะ ท้ายที่สุดแล้วผมกับเธอน่ะ โลกที่อาศัยอยู่ของเรามันต่างกันเกินไป เรื่องที่จะกลับไปคบค้าสมาคมกันอีกไม่น่าจะมีอีกแล้วล่ะ"
คีล "หื~ม...... งั้นก็ดี แต่คงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าใช่ไม๊?"
โยชัวร์ "นั่นสินะ...... คิดที่จะก้าวไปข้างหน้าไว้ดีกว่า"
- สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น เป็นไปตามที่โยชัวร์คาดการณ์เอาไว้ว่า "เจ้าพวกนั้น" มาจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ
- บังคับ "โยชัวร์" ไปห้องบังคับการค่ะ
(เมื่อเข้าไป "โดรุน" จะให้เราดูสถานการณ์จากหน้าจอแสดงผล ซึ่งโยชัวร์ได้ติดเรดาร์ชนิดพิเศษให้กับ [แมวป่า] เตรียมไว้แล้ว ทำให้จับสัญญาณยานที่บินด้วยระดับความเร็วบนระดับความสูง ที่เรดาร์ทั่วไปจับไม่ได้ แต่ก็ไม่แน่ว่า ที่เรดาร์จับได้นั้นอาจจะเป็นยานสอดแนมของจักรวรรดิก็เป็นได้ ดังนั้น โยชัวร์จึงให้คีล ใช้กล้องส่องดูให้แน่ใจค่ะ)
- "......ไม่ผิดแน่ เป้าหมายในคราวนี้แหล่ะ" โยชัวร์สรุปสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว จากภาพของยานลำเล็กสีแดงที่มีสัญลักษณ์เดียวกับรอยสักบนต้นแขนของเขา ตามที่ได้ตระเตรียมและตกลงกันไว้ ทีเหลือโยชัวร์จะเป็นคนตามยานนั่นไปคนเดียว ก่อนที่เขาจะออกไปทำตามแผนก็ได้หยุดยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
โยชัวร์ "คุณโดรุน คุณคีล แล้วก็โจเซ็ต...... จนถึงตอนนี้ขอบคุณนะ ไม่เกี่ยวกับสัญญาที่มี แต่ผมรู้สึกขอบคุณจริง ๆ"
- สามพี่น้องคาปัวประหลาดใจกับคำพูดของโยชัวร์ เขาหันมาพูดกับตระกูลคาปัวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเช่นเคย มีเพียงรอยยิ้มตรงมุมปากเท่านั้นที่เผยให้เห็น
โยชัวร์ "อันที่จริง ควรจะพูดหลังจากกลยุทธ์จบลง...... แต่ที่พูดไว้ตอนนี้เลย เพราะอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็เป็นได้ ถ้าอย่างนั้น ขอให้โชคดีนะ"
- โยชัวร์เดินจากไป ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องบังคับการ
คีล "หมอนั่น......"
โดรุน "ปัดโธ่...... จนถึงที่สุดแล้วก็ยังมาทำแบบนั้น"
- โจเซ็ตรีบวิ่งตามโยชัวร์ออกไปที่ดาดฟ้าเรือ เธอเข้าไปกอดโยชัวร์เอาไว้
โจเซ็ต "เป็นคนที่ไม่น่ารักจนถึงที่สุดจริง ๆ นะ! ทำหน้าอ่อนโยนแล้วมา [จนถึงตอนนี้ขอบคุณนะ] อะไรกันห๊า! ถึงจะพูดแบบนั้นผมก็ไม่รู้สึกดีใจหรอกนะ! คำพูดแบบนั้นน่ะผมไม่ต้องการ!"
โยชัวร์ "......โจเซ็ต......"
โจเซ็ต "......สัญญานะ ว่าอย่าทำอะไรเกินตัว...... มีชีวิตรอดกลับมาให้ได้นะ......"
โยชัวร์ "................. มันรับปากกันไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ"
โจเซ็ต ".......อึก......"
โยชัวร์ "แต่...... ถ้าแค่สัญญาว่า ถึงแม้เป้าหมายของผมไม่สามารถบรรลุได้ก็ตาม...... แต่ถ้ามีชีวิตรอดกลับมาสักวันหนึ่งจะมากล่าวขอบคุณพวกเธออีกครั้ง"
โจเซ็ต "อา......"
- โยชัวร์ ค่อย ๆ หันมาหาโจเซ็ต
โยชัวร์ "......ได้ไม๊ล่ะ?"
โจเซ็ต "อืม...... ห้ามลืมนะ! ก็สัญญาแล้วนี่!"
- ภายในยานลำเล็กสีแดงนั้น ทหารชุดแดง 3 นายขับขี่ยานบนระดับความสูง 1559 อาร์จ จากชายแดนลีเบร์ลไปด้านตะวันออกเฉียงเหนือมุ่งหน้าไปสู่ริมทะเลสาบวาเลเรีย ในขณะที่เหล่าทหารชุดแดงกำลังย่ามใจ เพราะไม่เห็นยานรักษาความปลอดภัยของลีเบร์ล ก็ได้ถูก [แมวป่า] บุกโจมตีจากทางด้านหลัง
- ด้วยระดับความเร็วที่สุดยอดของ [แมวป่า] ภายใต้การผลิตของ [บริษัทไลน์ฟอลท์] แห่งจักรวรรดิ ก็สามารถตามยานลำสีแดงนั้นทัน
- โยชัวร์ที่เตรียมพร้อมอยู่บนดาดฟ้าเรืออยู่แล้วนั้น ก็ได้ใช้ความสามารถของเขาลอบเข้าไปในยานสีแดงได้อย่างงดงาม ท่ามกลางความโล่งใจของตระกูลคาปัว
- และแล้ว [แมวป่า] ก็ถอนทัพไปตามที่ตกลงเอาไว้ โดยที่เหล่าทหารชุดแดงตัดสินใจไม่ไล่ตามไป เพราะหากจะตามไปด้วยระดับความเร็วของ [แมวป่า] คงจะต้องเสียเวลาไปกับการไล่ล่านั่นเอง
- ยังไงก็ตามแต่ พวกทหารชุดแดงจะตัดสินใจกลับไปที่ [กลอเรียส] 『グロリアス』 เพื่อไปรายงานท่านคัมพาเนลล่าเรื่องสลัดอากาศค่ะ



เมืองบอส 『ボース市』
- "อากัต" และ "ทีต้า" เล่าเรื่องราวที่พวกเขาได้เจอกับ จักรพรรดิดาบ เรเว ที่หมู่บ้านราเวนนูให้พวกเอสเทลฟัง
- ถึงแม้อากัตจะปล่อยให้เรเวจากไป แต่ผู้เฒ่ารูแกรนเห็นว่า การทำแบบนั้นถูกต้องแล้ว (จะได้ไม่รบกวนคนตายน่ะค่ะ) แต่ก็ยังรู้สึกแปลก ๆ กับชื่อ [เฮอร์เมล] อยู่บ้าง
- เอสเทลก็รู้สึกมาตั้งแต่ตอนที่ร้อยตรีโรแลนซ์พูดถึงชื่อนี้ มาตั้งแต่ตอนที่สู้กันบนระเบียงในตำหนักราชินีเหมือนกันค่ะ
(ถึงแม้จะ ถาม "คลอเซ่" ที่น่าจะรู้อะไรบ้าง เพราะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่คลอเซ่ก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไร แต่เธอคิดว่า น่าจะมีความเกี่ยวพันกับเสด็จย่าของเธอ เพราะท่านบอกแต่เพียงว่า เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับประเทศชาติ จึงไม่เล่าอะไรให้เธอฟังค่ะ ดังนั้น เอสเทลเลยหันไปถาม "โอลิเวียร์" ที่เป็นชาวเอเรโบเนียแทน และทำให้ทราบว่า เมื่อก่อนเคยมีชื่อหมู่บ้านนี้อยู่ แต่ในปัจจุบัน แม้แต่ชื่อของหมู่บ้านแห่งนี้ ก็หายไปจากแผนที่ค่ะ โอลิเวียร์ได้ยินมาว่า ตอนนี้ [เฮอร์เมล] กลายเป็นหมู่บ้านร้าง เพราะภูเขาถล่ม ทำให้มีคนตายมากมายเมื่อหลายปีก่อน และหลังจากที่ทางกองทัพ ส่งกำลังเข้าไปช่วยเหลือหมู่บ้าน โอลิเวียร์ก็ไม่ทราบรายละเอียดใด ๆ เลยค่ะ)
- ได้รับการรายงานผลงานที่ทำจาก "ผู้เฒ่ารูแกรน" และได้รับอนุญาตให้หยุดพักผ่อนค่ะ
(แต่ตอนนี้ พวกเอสเทลไม่อยากพักผ่อน เพราะถึงแม้การ [ทดลอง] จะเกิดขึ้น 5 ครั้ง ในทุกพื้นที่ของลีเบร์ลจนครบแล้วก็ตาม แต่พวกเธอก็เกรงว่าศัตรูอาจจะทำอะไรขึ้นมาอีกก็เป็นได้ ผู้เฒ่ารูแกรนได้บอกว่า ทางกองทัพก็เพิ่มการเฝ้าระวังให้เข้มงวดขึ้น แถมเมื่อหลายวันก่อน พวกคูลซ์ก็ติดต่อมาว่า ค้นพบฐานที่มั่นของ [งูกินหาง] แล้ว และกำลังตรวจสอบอยู่ ดังนั้นแล้ว ในระหว่างที่พวกเราสามารถพักผ่อนได้ ก็ให้พักผ่อนเตรียมเอาไว้ก่อน เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเอสเทลก็ตอบตกลงค่ะ)
- ได้รับ "ตั๋วโรงแรม" [โรงเตี๊ยมนกกระเต็น] ที่ริมทะเลสาบวาเลเรีย เป็นเวลา 3 วัน จากผู้เฒ่ารูแกรนค่ะ
(ตั๋วอันนี้ "นายกเทศมนตรีเมเบล" เป็นคนนำมามอบให้ผู้เฒ่ารูแกรน เพื่อมอบต่อให้กับพวกเอสเทลค่ะ)

พักผ่อนที่ริมทะเลสาบ
『湖畔での休息』 (BP0)
☆เลือกเพื่อนเข้ากลุ่มต่อสู้ 3 คนค่ะ (เอสเทลเป็นตัวละครบังคับ) ซึ่งเพื่อนที่ไม่ได้เลือก จะล่วงหน้าไปจองห้องพักกันก่อนค่ะ☆
☆ก่อนจะไปทำเหตุการณ์ที่ริมทะเลสาบ อย่าลืมเก็บซับเควสต์ให้ครบ เพื่อมุ่งสู่ระดับ A นะคะ☆
(43) คุ้มภัยพ่อค้า
(44) ความทรงจำเมื่อวันวาน
(45) ศึกขับไล่ศัตรูในเหมืองร้าง
★คุยกับ "นายกเทศมนตรีเมเบล" 『メイベル市長』 เธอจะขอบคุณพวกเราเรื่องต่าง ๆ รวมทั้ง "ศิลาประกายทอง" 『金輝石』 ที่ได้รับมอบมา เธอบอกว่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วยค่ะ แล้วเมเบลยังบอกอีกว่า ตั๋วที่เธอให้ไปนั้น อยากจะให้พวกเราใช้เวลาพักผ่อนให้เต็มที่ค่ะ
★คุยกับ "ดีน่า" 『ディナ』 เมดที่ ฟรีเด้น โฮเต็ล เธอจะบอกว่า เธอรู้สึกเสียดายที่พวกพ่อค้าที่มาหลบภัยกลับไปเปิดร้านที่มาร์เก็ต ที่ซ่อมเสร็จแล้ว แต่กับทูตจักรวรรดิคนนั้นน่ะ กลับไปได้ซะก็ดีค่ะ (คงเจออะไรมาเยอะสินะ)
★คุยกับ "สติงก์" 『スティング』 เบรเซอร์รุ่นพี่ที่ทางเข้าเมืองบอส ฝั่งตะวันออก เขาจะบอกว่า ถึงตอนนี้เบรเซอร์ที่ทำงานจะมีเขาอยู่คนเดียวก็ไม่เป็นไร เพราะจะได้ถือโอกาสลับฝีมือไปด้วยเลยค่ะ
★คุยกับ "คุณยายเซซิล" 『セシル婆さん』 ที่เขตเมืองด้านใต้ คุณยายแกจะวานให้ "ผู้เฒ่าคุวาโน่" สามีผู้บ้าการตกปลาไปซื้อของให้ซักหน่อย แต่ว่าตาแก่คุวาโน่กลับไม่อยู่ซะนี่ คุณยายก็เลยขอร้องพวกเราว่า ถ้าเราเจอตาแก่นั่น ให้มาบอกยายด้วยค่ะ
จากนั้น ก็ให้เราไปที่ "ริมทะเลสาบวาเลเรีย" จะพบกับ "ผู้เฒ่าคุวาโน่" 『クワノ老人』 ที่หนีมาพร่ำพรรณาที่นี่ว่า "มีแค่การตกปลาเนี่ยแหล่ะ ที่ทำไงก็เลิกไม่ได้ซักที"
จากนั้น ก็กลับไปฟ้อง เอ๊ย กลับไปคุยกับคุณยายอีกที ยายแกจะมอบเบ็ดตกปลาอันหวงแหนของสามียาย "เลคลอร์ดที่ 2" 『レイクロードⅡ世』 ให้แทนคำขอบคุณค่ะ (หรือนี่คือ การแก้แค้นสามีตัวเอง ที่หมกมุ่นกับงานอดิเรก จนไม่สนใครทั้งนั้น)
- อย่าลืมซื้อ "ลีเบร์ลสาร ฉบับ 8" จากร้าน โกรเซอร์ มิเน่ ด้วยนะคะ ซื้อมาแล้วก็เปิดอ่านซักหน่อย แหม ฝีมือการถ่ายรูปของโดรธีเนี่ย ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมเลยค่ะ
☆คุยกับ "รูอี้" 『ルゥイ』 ที่ยืนเล่นกับเพื่อน ๆ ที่หมู่บ้านราเวนนู เขาจะมอบ "แจ็คนักเสียงโชค เล่ม 8" ให้กับเอสเทลค่ะ
☆ช่วงที่ไปคุยนี้ เพื่อน ๆ คนไหนจะเก็บ BP ก็ถือโอกาสทำซับเควสต์ (43) คุ้มภัยพ่อค้า กับ (45) ศึกขับไล่ศัตรูในเหมืองร้าง ได้นะคะ☆
★คุยกับ "ผู้ใหญ่บ้านไรเซ็น" 『ライゼン村長』 เขาจะบอกว่า จะเก็บผลึกศิลาประกายทอง ไว้ใช้ให้เกิดประโยชน์สำหรับหมู่บ้านให้มากที่สุดค่ะ แต่เขาจะรู้สึกทึ่งมาก ๆ ที่มังกรสามารถเสกหินเจ็ดจรัสออกมาจากตัวเองได้ ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ ค่ะ
☆ไปคุยกับ "คัลคอส" 『カルコス』 ผู้ชายที่เดินไปเดินมา แถว ๆ ประตูฮาเก้น เขาจะมอบ "แจ็คนักเสี่ยงโชค เล่ม 9" ให้เรา เพื่อเป็นที่ระลึก ในการปลดประจำการจากราชการทหารที่เขารอมานานค่ะ
★หากไปคุยกับลุง "เวมเลอร์" ที่กระท่อมกลางหุบเขาหมอกแล้วล่ะก็ ลุงแกจะมอบเมนูสุดพิศดารพันลึกให้ ก็คือ "หม้อไฟมืดมิด [เตรียมใจ]" 『暗闇鍋<<覚悟>>』 ที่มีสรรพคุณ ลด HP&CP เพื่อนในกลุ่ม 1 คน (สุ่ม) แต่เพิ่ม CP 100 หน่วย ให้กับเพื่อนอีก 3 คนที่เหลือ แทนคำขอบคุณเรื่องมังกรยุคโบราณค่ะ
ริมทะเลสาบวาเลเรีย 『ヴァレリア湖畔』
- เมื่อไม่ลืมทำอะไรแล้ว ก็ใช้ "ถนนตัดใหม่แอนเซล" มุ่งสู่ "ริมทะเลสาบวาเลเรีย" แล้วเข้าไปใน "โรงเตี๊ยมนกกระเต็น" 『川蝉亭』 ได้เลยค่ะ
- พบกับ "หลวงพ่อเควิน" ที่เพื่อน ๆ ของเราเจอระหว่างทางค่ะ
(ที่ไปเจอกับหลวงพ่อเควินบนทางหลวงได้ ก็เพราะเควินบอกว่า เขาไปทำการสำรวจ "หอคอยอำพัน" มา และตั้งแต่แยกกับพวกเราที่รอเลนซ์ เควินก็ได้ออกเดินทางสำรวจ "หอคอย 4 วงแหวน" มาตลอดค่ะ จากนั้น พอได้ยินว่ามีเหตุการณ์มังกรบุกที่พื้นที่บอส เขาก็เลยจะขอถือโอกาสนี้ แลกเปลี่ยนข้อมูลกับพวกเราช่วงทานข้าวเย็นซะเลยค่ะ เควินตัดสินใจพักกับที่นี่ เพราะเห็นว่าเป็นโรงเตี๊ยมที่มีชื่อเสียง และก็อยากจะใช้วันหยุดร่วมกันกับพวกเราด้วย ซึ่งเมื่อถามความเห็นเพื่อน ๆ แล้ว ก็ไม่มีใคร รังเกียจที่จะให้เควินมาอยู่ร่วมด้วยค่ะ)
☆หากต้องการผ่านบทให้เลือกคำสั่งที่ 2 "ไม่มีธุระอื่นแล้วล่ะ" ได้เลยค่ะ แต่ถ้านึกขึ้นมาได้ว่าลืมทำอะไร ก็เลือกคำสั่งที่ 1 "ยังมีธุระอยู่" ก็ได้นะคะ (ถ้าเลือกคำสั่งที่ 1 เราจะสามารถเลือก "หลวงพ่อเควิน" เข้ากลุ่มต่อสู้ได้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อัฟเกรด Slot ออร์บเมนท์ของเควิน ก็สามารถใช้ช่วงเวลานี้ กลับไปอัฟเกรดที่เมืองบอสได้ค่ะ)☆
- จากนั้น "โซฟีน่า" 『ソフィーナ』 จะพาเราชมห้องพักค่ะ โดยห้องพักใหญ่จะเป็นของผู้หญิง
(สมใจเอสเทลเลยค่ะ เพราะตอนคดีสลัดอากาศ เธอไม่ได้นอนในห้องนี้ จะมีก็แต่นายติ๊งต๊อง ที่โดนเจ๊เชร่ามอม ถึงได้มานอนในห้องนี้ได้น่ะค่ะ)
- ส่วนผู้ชาย จะแยกพักห้องเล็ก 2 ห้องค่ะ
(เควิน อากัต และจิน น่ะยังไงก็ได้ โอลิเวียร์ก็เลยเอ่ยปากขอนอนห้องเดียวกับอากัตค่ะ เพราะเขาอยากจะรู้ว่า "คืนนั้น" ที่อากัตอยู่กับทีต้า 2 คนเกิดอะไรขึ้นบ้างน่ะค่ะ เอสเทลกะเจ๊เชร่าก็เป็นไปกับเขาด้วย จะบังคับทีต้าผู้น่ารักให้เล่าให้พวกเธอฟัง ก่อนนอนด้วยนะคะ จากนั้น ทุกคนก็สรุปห้องพัก แล้วตัดบทไปซะดื้อ ๆ ปล่อยให้อากัตยืนบื้ออยู่คนเดียวค่ะ)
- ช่วงเวลาอาหารค่ำของเย็นวันนั้น -
- พวกเราจะเล่าเรื่องของมังกรยุคโบราณที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับ [วงแหวนประกายแสง] ที่มังกรพูดถึง ก่อนที่จะบินหายไปให้กับเควินฟังค่ะ
หลวงพ่อเควิน "อันที่จริง ก็มีวรรคหนึ่งในคัมภีร์ของโบสถ์กล่าวถึงเรื่องแบบนี้นะ...... [สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้รับการมอบหมายจากเทพธิดาผู้มอบสมบัติล้ำค่า ได้รับคำสั่งไม่ให้เฝ้ามองอนาคตของเหล่าลูกหลานมนุษย์]......
คลอเซ่ "[สมบัติล้ำค่า] 『至宝』 [สัตว์ศักดิ์สิทธิ์] 『聖獣』...... ดูเหมือนจะหมายความถึง [วงแหวนประกายแสง] 『輝く環』 และ [มังกร] 『竜』 เลยนะคะ"
โอลิเวียร์ "ยิ่งกว่านั้นที่บอกว่า [ไม่ให้เฝ้ามอง] เนี่ย อาจจะเป็นประเด็นของคำกล่าวที่ว่าเลยนะ ดูท่าคงไม่ได้หมายถึงให้ความช่วยเหลือ แต่ทำได้เพียงเฝ้าคุ้มครอง"
อากัต "เหอะ เรื่องของคนขี้ตืด"
หลวงพ่อเควิน "ไม่ว่าจะยังไง ความเป็นไปได้ที่ [วงแหวนประกายแสง] มีตัวตนอยู่ก็เพิ่มขึ้นเยอะเลยล่ะ ถ้ารวมการคาดคะเนต่าง ๆ เข้ากับเรื่องที่ชั้นได้ตรวจสอบมาแล้วล่ะก็นะ......"
เอสเทล "เรื่องที่คุณเควินตรวจสอบเนี่ย เกี่ยวกับ [หอคอยสี่วงแหวน] 『四輪の塔』 สินะ แสดงว่ารู้อะไรบางอย่างใช่ไม๊?"
หลวงพ่อเควิน "ก็นิดหน่อย อย่างเรื่องอุปกรณ์ยุคโบราณบนดาดฟ้าของหอคอยทั้ง 4 ที่วิธีนำไปใช้งานไม่แน่ชัด...... รู้รึเปล่าว่าตอนนี้เจ้าสิ่งนั้นส่องแสงออกมาและกำลังทำงานอยู่?"
เอสเทล "อืม พวกชั้นเองก็ไปตรวจสอบให้เห็นกับตามาแล้วล่ะ...... แล้วมันเกี่ยวข้องยังไงกับ [วงแหวนประกายแสง] เหรอ?"
หลวงพ่อเควิน "เรื่องนั้น เห็นร้อยเอกยูเลียคนนั้นบอกมาว่า...... มีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้น ก่อนหน้าเครื่องจักรประหลาดยักษ์ใหญ่นั่นปรากฏตัวที่ส่วนลึกสุดของ [เขตที่ถูกผนึก] 『封印区面』 ใต้ราชวังสินะ?"
เอสเทล "อา ใช่...... ทันทีที่ [กอสเปล] 『ゴスペル』 ถูกใช้ แสงสว่างภายในโบราณสถานก็หายไปหมดเลย...... แล้วต่อจากนั้นหลังจากที่ได้ยินเสียงเตือน เสาที่อยู่รอบ ๆ ก็เลื่อนลงไปข้างล่างน่ะ"
เชราซาร์ด "เนื้อหาของคำเตือนคือ ------ [การลดลงของอาณาเขตที่ 1] 『第1結界の消減』 กับ [การเดินเครื่องดีไวซ์ทาวเวอร์] 『デバイスタワーの起動』 สินะ"
หลวงพ่อเควิน "ใช่ใช่ นั่นแหล่ะครับ จากข้อมูลที่ได้ประจักษ์มารวมเข้ากับการตรวจสอบก็จะสรุปได้ว่า...... ช่วงที่อุปกรณ์บนหอคอยทั้ง 4 เริ่มการทำงาน เป็นช่วงที่ [กอสเปล] ถูกใช้ใน [เขตที่ถูกผนึก] จริงนั่นแหล่ะ"
- พวกเราทุกคนตกใจกับผลสรุปของเควิน
เอสเทล "วะ ว่าไงน๊า~!?"
ทีต้า "ถะ ถ้าอย่างนั้น ที่ว่า [การเดินเครื่องดีไวซ์ทาวเวอร์] ในคำเตือน......"
จิน "น่าจะหมายถึงการเดินเครื่องของอุปกรณ์บนดาดฟ้าของ [หอคอยสี่วงแหวน] น่ะสิ"
หลวงพ่อเควิน "ใช่ ไม่สามารถคิดเป็นอย่างอื่นได้เลยครับ"
โอลิเวียร์ "หืม ถ้าลำดับเหตุการณ์แล้วล่ะก็...... ที่โบราณสถานใต้ดินของราชวังแกรนเซลมีการคุ้มกันฟังก์ชั่นที่ใช้สร้างสิ่งที่จะเป็น [อาณาเขตที่ 1] แต่ [อาณาเขตที่ 1] ก็ลดลงไป เพราะ [กอสเปล] ที่พันเอกใช้"
คลอเซ่ "แล้ว [ดีไวซ์ทาวเวอร์] ก็ได้เดินเครื่องเพื่อทำหน้าที่ทดแทนสิ่งนั้น ...... อาจจะเป็นไปได้ว่า เพื่อต้องการทำให้อะไรบางอย่างที่เรียกว่า [อาณาเขตที่ 2] 『第2結界』 เกิดขึ้นก็เป็นได้กระมัง"
เอสเทล "[อาณาเขตที่ 2]......"
อากัต "เหอะ เมื่อมีที่ 1 ก็ต้องมีที่ 2 ตามหลักเหตุและผลสินะ แต่ปัญหาก็คือ ไอ้อาณาเขตที่ว่าเป็นของแบบไหน......"
หลวงพ่อเควิน "เรื่องนั้นน่ะ...... คงจะเป็นของบางอย่างที่ได้ซ่อนที่ที่ [วงแหวนประกายแสง] คงอยู่ละมั๊ง"
- พวกเราทุกคนต่างตกใจกับการคาดคะเนของเควินอีกครั้ง
เอสเทล "งั้นนี่เอง [วงแหวนประกายแสง] ถึงไม่ได้มีอยู่ที่เขตที่ถูกผนึก...... แต่ถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหนซักแห่งในลีเบร์ลนี้สินะ?"
หลวงพ่อเควิน "เป็นอย่างงั้นแหล่ะ ถ้าสมมติว่าเป้าหมายขององค์กรที่ว่า คือการนำ [วงแหวนประกายแสง] มาไว้ในมือ...... ก็คิดได้ว่า [การทดลอง] ของพวกมัน เป็นวิธีที่จะทำให้เป้าหมายที่วางไว้สำเร็จลุล่วง"
เอสเทล "อะ อื~ม ......"
โอลิเวียร์ "[วงแหวนประกายแสง] [กอสเปล] [การทดลองโดยองค์กร] ......หึหึ ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดจะเชื่อมต่อกันได้เลยนะ แล้วผู้ที่วาดภาพนั้นอยู่ก็คือคนที่เขาเรียกกันว่า [ศาสตราจารย์] อย่างงั้นเหรอ"
เอสเทล "อืม...... นั่นสินะ หัวโจกที่ติด [กอสเปล] ลงบนหน้าผากมังกรและทำให้มังกรเข้าโจมตีพื้นที่บอส...... แล้วก็......"
- เอสเทลเงียบไป สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
ทีต้า "......พี่จ๋า?"
หลวงพ่อเควิน "อะไร ทำไมเหรอ?"
เอสเทล "อืม...... เรื่อง [ศาสตราจารย์] คนนั้นน่ะ ชั้นว่าน่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้โยชัวร์หายตัวไปน่ะ"
คลอเซ่ "เอ๋......"
เชราซาร์ด "ที่ว่านั่น...... ก็คือผู้อยู่เบื้องหลัง ที่หาเหตุให้อาจารย์รับเด็กคนนั้นมาเมื่อ 5 ปีก่อนสินะ?"
เอสเทล "อืม...... แล้วก็คงจะเป็นคนเดียวกับ คนที่เคยควบคุมความทรงจำของพันเอกริชาร์ดหรือของคุณคูลซ์ด้วย"
อากัต "ว่าไงนะ!?"
จิน "ฮืม เรื่องควบคุมความทรงจำ ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถทำให้มันแจ่มแจ้งได้...... แต่ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?"
- เอสเทลจะเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เธอนึกหน้าตาของคนที่พบในตอนเย็นของวันที่โยชัวร์หายตัวไปไม่ออกให้พวกเพื่อน ๆ ฟังค่ะ
เชราซาร์ด "มีเรื่องแบบนั้น......"
อากัต "เธอ...... เก็บเงียบมาจนถึงตอนนี้เลยเหรอ?"
เอสเทล "ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย...... ......โทษทีนะ ชั้นอาจจะบอกช้าไปก็ได้"
คลอเซ่ "แต่...... คงไม่ผิดแน่นอนค่ะ ดิฉันว่ามีความเป็นไปได้สูงที่คน ๆ นั้นจะเป็นต้นตอของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นค่ะ"
โอลิเวียร์ "ฮืม อย่างกับเป็นคนที่ไร้หัวใจเลยนะนี่"
จิน "ใช่...... ดูท่าคงต้องระวังเอาไว้หน่อยล่ะ"
- ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความเห็นกันอยู่ ทีต้าเอาแต่จ้องหน้าเอสเทลด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจ
เอสเทล "โอ๊ะ...... โทษนะ ทีต้า อุตส่าห์มาเที่ยวกันทั้งที เอาแต่พูดเรื่องแย่ ๆ ไปสินะ"
ทีต้า "ไม่หรอก...... อย่าใส่ใจเลยนะพี่จ๋า หนูแค่คิดว่าทำไมคน ๆ นั้น ถึงทำเรื่องแบบนั้นได้...... ทำให้ทุกคนมีความรู้สึกแย่ ๆ ทำให้พี่โยชัวร์ต้องเจ็บปวด...... หนู...... ไม่เข้าใจเลย"
เอสเทล "แล้วกัน ไม่เห็นต้องไปเข้าใจคนเพี้ยน ๆ อะไรแบบนั้นเลยนี่นา ทีต้าก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นทีต้าสิ ถึงจะสำคัญที่สุด! ใช่มะ อากัต?"
อากัต "แล้วทำไม! ถึงโยนมาให้ชั้นล่ะหา!"
คลอเซ่ "คิกคิก......"
เชราซาร์ด "หึหึ...... เข้าเรื่องได้จังหวะพอดีเลยนะ"
- ในขณะที่ทุกคนเริ่มผ่อนคลาย เควินกลับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
เอสเทล "หืม? ทำไมเหรอ คุณเควิน?"
หลวงพ่อเควิน "เปล่า...... ไม่มีอะไร การแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเอาไว้เท่านี้ก่อนดีป่ะ? ถ้าอาหารชืดหมดล่ะก็น่าเสียดายแย่เลย"
เอสเทล "อืม จริงด้วยสินะ"
โอลิเวียร์ "หึ พูดแบบนั้นเร็วไปนะ มันต้องดื่มเหล้ากันให้สนุกสุดเหวี่ยงกันก่อนไม่ใช่เหรอ"
เชราซาร์ด "❤ อุ๊ยตาย จะดีเหรอ?"
โอลิเวียร์ "(หน้าซีด) ......ขอโทษคร้าบ โปรดให้อภัยที่ผมโพล่งออกไปอย่างไร้มารยาทด้วยเถอะ"
- จากนั้น พวกเอสเทลก็สนุกสนานในช่วงวันหยุดค่ะ อย่างตื่นเช้าบนที่นอนนุ่ม ๆ ช่วงสาย ๆ ก็เช่าเรือออกไปเล่นน้ำที่ทะเลสาบ พอเที่ยงก็กินข้าวด้วยกัน แล้วก็สนุกไปกับการออกกำลังกาย (หรือประลองกันอ่ะ......) บ่าย ๆ ก็แข่งกันตกปลา ใช้เวลาในช่วงวันหยุดอย่างมีความสุขสุด ๆ ค่ะ
(เอสเทลกับเควินเนี่ย มีงานอดิเรกคล้ายกันยังไม่พอ ยังสนใจอะไรเหมือน ๆ กันอีกด้วยแฮะ กระทั่งฝีมือตกปลายังไล่ ๆ กันเลยค่ะ)
- ยามเย็น เวลาน้ำชาของสาว ๆ บนห้องพัก -
เอสเทล "ฮ้า~ เที่ยวเล่นและก็เที่ยวเล่น❤"
ทีต้า "เอ๊ะเหะเหะ...... สนุกมาก ๆ เลยล่า♪"
คลอเซ่ "หึหึ เป็นการทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจ สดชื่นได้จริง ๆ นะคะ"
เชราซาร์ด "ช่ายแล้ว ไม่ได้สนุกแบบที่ไม่ได้ดื่มเหล้ามานานแล้วด้วย"
เอสเทล "พูดออกมาได้...... ตอนที่พวกชั้นตกปลากันอยู่ไม่ได้ดื่มเหล้าผลไม้ไปหรือยังไง?"
เชราซาร์ด "อุ๊ยตาย เหล้าอ่อน ๆ แบบนั้นชั้นไม่นับจ้ะ ใช่มะองค์หญิง ทีต้าจัง"
ทีต้า "อ๊ะฮะฮะ......"
คลอเซ่ "หึหึ...... ก็ดักทางความเห็นเอาไว้แล้วนี่คะ จะว่าไป...... คุณเอสเทลเนี่ยตกปลาเก่งมากเลยนะคะ"
เอสเทล "เอ๊ะเหะเหะ งั้นเหรอ?"
ทีต้า "ใช่ใช่! ตกได้เรื่อย ๆ เลยล่ะ"
เชราซาร์ด "หึหึ ก็เป็นงานอดิเรกของเด็กคนนี้มาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แล้วนี่นา จะว่าไป...... คุณเควินก็ไม่น้อยหน้าเลยนะ"
เอสเทล "อ๊ะ ใช่ ดูท่าจะชอบเอามาก ๆ เลยล่ะ อย่างพวกใช้เบ็ดหรืออะไรเนี่ย มืออาชีพเลยด้วย ถ้าลับฝีมืออีกซักนิด อาจจะกลายเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับชั้นได้เลยนะ♪"
เชราซาร์ด "โธ่เอ๊ย...... จู่ ๆ ก็ยกยอตัวเองซะงั้น"
ทีต้า "คิกคิก......"
คลอเซ่ "หึหึ...... ยังไงก็ตาม...... ตกเย็นแล้วสินะคะ"
- เอสเทลครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง ยามที่เธอทอดสายตาออกไปตรงหน้าต่าง ทิวทัศน์ด้านนอกถูกย้อมไปด้วยสีแดงของอาทิตย์อัสดง จากนั้น เอสเทลจะขอออกไปเดินเล่นคนเดียว ก่อนที่จะกลับมากินข้าวเย็นค่ะ
- ซึ่งทั้งเจ๊เชร่า คลอเซ่ และทีต้าเห็นท่าทางของเอสเทลผิดปกติไป (รู้ว่าเอสเทลกำลังคิดถึงเรื่องของโยชัวร์ค่ะ) แต่เจ๊เชร่าให้พวกทีต้าวางใจ เพราะตอนนี้ก็คงต้องปล่อยเอสเทลให้เป็นอย่างนี้ไปก่อน
- เจ๊เชร่าเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง พร้อมกับพูดว่า "จะว่าไป ตอนนั้น...... ก็เป็นอาทิตย์อัสดงที่งดงามอย่างนี้เหมือนกันนี่นะ"
- ในช่วงที่บังคับเอสเทลได้นี่ เราสามารถไปคุยกับเพื่อน ๆ หรือไปตกปลาที่สะพานปลาหลังโรงเตี๊ยมได้นะคะ
★คุยกับ "คลอเซ่" เธอจะบอกว่า หลังจากนี้ จะออกไปดูเงาสะท้อนของดวงอาทิตย์ ที่กระทบลงบนผิวน้าที่ระบียงค่ะ
★ส่วน "ทีต้า" จะขอดื่มชาไปเรื่อย ๆ ในห้อง จนกว่าเอสเทลจะกลับมาช่วงอาหารเย็นค่ะ
★ส่วน "เจ๊เชร่า" ก็สมกับเป็นพี่สาว บอกให้เอสเทลไปเดินเล่น แล้วกลับมาให้ทันอาหารเย็นค่ะ
★คุยกับนายติ๊งต๊อง "โอลิเวียร์" เขาจะพร่ำเพ้อว่า จะสัมผัสรสชาติสุดยอดของเหล้าชั้นสูง ก็ต้องเป็นเวลาอาทิตย์ตกดินแบบนี้แหล่ะค่ะ
★คุยกับ "อากัต" เขาจะบอกว่ากำลังนั่งคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกันอยู่ค่ะ เอสเทลเลยแซวคนบ้างานอย่างอากัตว่า ดีแล้ว ที่รู้จักพักผ่อน ทั้งร่างกายและจิตใจมั่งน่ะค่ะ
★ส่วนลุงหมี "จิน" ก็นึกว่าเอสเทลจะออกไปตกปลาอีกค่ะ
★คุยกับ "หลวงพ่อเควิน" เควินจะถามเอสเทลว่าดื่มชากันเสร็จแล้วเหรอ แต่เอสเทลบอกเควินว่า เธอคิดที่จะไปดูทะเลสาบแป๊บนึงค่ะ
- ไปที่สะพานปลา ด้านทิศตะวันตก จะเกิดอีเวนท์ค่ะ
เอสเทล "ฮ้า เป็นอาทิตย์ตกดินที่งดงามจริง ๆ นะ...... เหมือนกับตอนนั้นเลย......"
- เอสเทล คิดถึงตอนที่เธอนั่งฟังโยชัวร์เป่าฮาร์โมนิก้า ในตอนที่มาที่นี่ก่อนหน้านี้ ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความเจ็บปวด เธอหยิบฮาร์โมนิก้าที่ได้รับจากโยชัวร์ขึ้นมาดู
เอสเทล "ทั้ง ๆ ที่ท้องฟ้า สายน้ำ อาทิตย์ตกดิน เหมือนกับเมื่อตอนนั้นแท้ ๆ...... ทั้ง ๆ ที่อยู่กับทุกคนก็สนุกมาก ๆ...... แต่ว่า...... ต่างกันจริง ๆ ด้วยสินะ"
- "เฮ้อ ไม่ไหวแฮะ......" เอสเทลรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเอง
เอสเทล "อุตส่าห์ได้คำตอบว่าจะไล่ตามไปด้วยย่างก้าวของตัวเองทั้งที...... ถ้ามัวเป็นแบบนี้ ทั้งโยชัวร์ ทั้งคุณแม่ จะหัวเราะเยาะเอาได้สินะ --------------- ......จริงสิ ชั้นเป่าไม่ผิดเลยในความฝันครั้งนึงนี่นา...... ลองฝึกเป่าดูอีกทีดีไม๊นะ?"
- เอสเทลเป่าฮาร์โมนิก้า ด้วยบทเพลง "ที่ที่ดวงดาวคงอยู่" 『星の在り処』 อีกครั้ง
- บทเพลงจากฮาร์โมนิก้า แว่วไปตามสายลม เพื่อน ๆ ที่อยู่ใน "โรงเตี๊ยมนกกระเต็น" ต่างซาบซึ้งไปกับท่วงทำนองอันอบอุ่น ที่แฝงไปด้วยความโศกเศร้า
- "แปะๆๆ" เสียงปรบมือดังขึ้น เมื่อเอสเทลเป่าจบ
หลวงพ่อเควิน "เห๊ะเฮ ได้ฟังของดี ๆ ซะแล้วสิ"
เอสเทล "คุณเควิน......"
- เควินเดินเข้าไปหาเอสเทล
หลวงพ่อเควิน "คิดว่าใครเป่าซะอีกก็เลยมาดู...... แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเอสเทลจังไปได้ มีงานอดิเรกที่คาดไม่ถึงนอกจากตกปลากับสะสมรองเท้าผ้าใบด้วยเหรอเนี่ย?"
เอสเทล "เอ๊เหะเหะ...... ไม่ใช่บุคคลิกของชั้นเลยใช่ไม๊ล่ะ?"
หลวงพ่อเควิน "อ๊ะ ไม่ใช่อย่างนั้นหน่อย แต่บอกตามตรงดูเหมือนว่าจะตกปลาเก่งกว่านะ......"
เอสเทล "อ๊ะฮะฮะ พูดว่าไม่เก่งมาตรง ๆ ก็ได้ ตัวชั้นเองก็ไม่คิดที่จะผันตัวเองมาด้านนี้ซักหน่อยด้วย"
เควิน "อื~ม ก็ไม่มีความชำนาญจริง ๆ นั่นแหล่ะ...... แต่สิ่งสำคัญของดนตรีน่ะ ก็คือจิตใจต่างหาก ความรู้สึกของเอสเทลจังได้ส่งผ่านมาทางการแสดงดนตรีเมื่อครู่นี้แล้วล่ะ"
เอสเทล "งะ งั้นเหรอ......"
- ความเศร้าปรากฏบนใบหน้าของเอสเทลที่เงียบไปอีกครั้ง
หลวงพ่อเควิน "ขอไปยืน ข้าง ๆ ได้ไม๊?"
เอสเทล "เอ๊ะ...... อา ก็ได้ เชิญ"
- เควินเดินเข้าไปใกล้เอสเทล เขาครุ่นคิดก่อนที่จะถามเอสเทลออกไป
หลวงพ่อเควิน "......อยากถามอยู่เรื่องนึง ถ้าได้พบกับเขาคนนั้น เอสเทลจังจะทำยังไงเหรอ?"
เอสเทล "เอ๋......"
หลวงพ่อเควิน "จากที่ได้ฟังได้ยินว่าเขาหายตัวไปจากพวกเธอสินะ หากได้พบกันอีกครั้ง จะใช้คำพูดแบบไหนกับอีกฝ่ายที่หายตัวไปแบบนั้นงั้นเหรอ...... ได้คิดมาก่อนหรือเปล่า?"
เอสเทล "................................ เคยคิดว่า ถึงจะต้องลากตัวมาก็ต้องพากลับมาให้ได้...... แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะทำเรื่องเกินควรอย่างนั้นตามที่คิดด้วยเหมือนกัน...... พูดตามตรงแล้ว คำพูดของชั้นอาจจะส่งไปไม่ถึงโยชัวร์ก็ได้มั๊ง"
หลวงพ่อเควิน "ถึงรู้อยู่แล้ว...... ก็จะตามเขาคนนั้นต่อไปเรื่อย ๆ สินะ?"
เอสเทล "อืม...... ไม่ว่าจะเป็นความจำเป็นบางอย่างที่โยชัวร์ต้องแบกรับเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะชั้นเองที่ไร้ความสามารถ ชั้นเคยคิดเอาไว้อยู่หลายเรื่อง...... แต่ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะคิดซักเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับโยชัวร์ดี ดังนั้น ------ คำพูดนั้นน่ะ ชั้นจะหาให้เจอหลังจากที่ได้พบกัน"
หลวงพ่อเควิน "เห......"
เอสเทล "ก็ ความคิดคำนึงของชั้น ไม่ใช่ของ ๆ ชั้นคนเดียวซักหน่อย เพราะช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันกับโยชัวร์ เป็นสิ่งที่หล่อหลอมขึ้นมาโดยธรรมชาติ เพราะงั้น...... ชั้นว่าถ้าได้พบกับโยชัวร์เมื่อไร ก็จะนึกคำพูดที่มีเพียงชั้นเท่านั้นที่สื่อไปถึงโยชัวร์ได้ออกเป็นอันดันแรกน่ะ------"
- เควินตะลึงไปกับคำตอบที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นของเอสเทล
เอสเทล "เพราะฉะนั้น ในระหว่างที่ยังไม่ได้พบกัน ชั้นก็เลยหยุดคิดถึงเรื่องกลุ้ม ๆ ไปซะ เอ๊ะเหะเหะ ที่ยึดติดอยู่กับความรู้สึกโหยหาอย่างเมื่อกี๊น่ะ...... ถือเป็นสิทธิพิเศษสำหรับหญิงสาวนะ"
- เควินถึงกับปวดหมอง ก่อนที่จะพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า
หลวงพ่อเควิน "......ฮ้า ยอมแพ้เลยแฮะ แผนการที่ทางนี้คิดเอาไว้น่ะ เละไม่เป็นท่าเลย"
เอสเทล "เห......"
หลวงพ่อเควิน "(1) เอสเทลจังที่ยึดติดอยู่กับความรู้สึกโหยหา (2) ใช้ความซอกแซกอันเฉียบแหลมของชั้น กับเอสเทลจังที่ลังเลและกลุ้มใจ (3) รับความช่วยเหลือจากชั้น (4) เอสเทลจังยืนหยัดขึ้นอีกครั้ง => โผเข้าหาชั้นที่ยืนอยู่แบบเอียงอาย ------- ชั้นวางแผนการแห่งชัยชนะเอาไว้อย่างเนี่ยแหล่ะ...... ดันทำให้ (2) กับ (3) อันตรธานหายไปทันทีซะงั้น"
เอสเทล "อ๊ะฮะฮะ โทษทีโทษที แต่ว่าคุณเควินเนี่ย เป็นคุณบาทหลวงที่น่านับถือสุด ๆ ไปเลยนะ ใส่ใจคนอย่างชั้นที่กำลังกลุ้มใจหรือลำบากใจอยู่เรื่อยเลยน่ะ"
หลวงพ่อเควิน "แป่ว...... เอาเถอะ ยังไงนั่นก็เป็นงานของบาทหลวงด้วยนั่นแหล่ะ...... แต่สำหรับเอสเทลจังแล้ว ชั้นให้ความใส่ใจด้วยเหตุผลส่วนตั๊วส่วนตัวเกินครึ่งเลยน๊า"
เอสเทล "เอ๋......? นั่นมันหมายความ------"
- ไม่ทันที่เอสเทลจะพูดจบ เควินตัดบท เพราะสังเกตุเห็นเรือกำลังลอยเข้ามาและบนเรือลำนั้นยังมีคนนอนอยู่ด้วย
- เมื่อเรือเข้ามาใกล้ฝั่งเรื่อย ๆ เอสเทลก็ต้องตกใจมาก ๆ เพราะคนที่อยู่บนเรือก็คือ "คูลซ์" 『クルツ』 นั่นเองค่ะ
- พวกเอสเทล นำคูลซ์มานอนพักในห้องพักที่โรงเตี๊ยม หลังจากหลวงพ่อเควินปฐมพยาบาลคูลซ์เสร็จ ก็ลงความเห็นว่าไม่ควรจะให้เขาขยับตัวไปซักพัก ส่วนอากัตจะสงสัยว่าฝีมือระดับคูลซ์กลับบาดเจ็บได้ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าไปเจอกับอะไรมา
(อันที่จริง ทีมของคุณคูลซ์ นั้นได้พบฐานที่มั่นของ [องค์กร] ตามที่พวกเราได้ยินผู้เฒ่ารูแกรนเล่าให้ฟัง)
- พอพูดอย่างนี้ เมื่อไม่เห็นพวกคุณอาเนราส เอสเทลก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก แต่เรื่องนั้นเจ๊เชร่าบอกว่าจะติดต่อไปหาผู้เฒ่ารูแกรน เพื่อจะได้ติดต่อไปที่กองทัพราชอาณาจักรค่ะ
- แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือ เรือที่คูลซ์นั่งมาลอยมาจากไหนกันแน่ เพราะทะเลสาบวาเลเรียไม่น่าจะมีเกาะหรือชะง่อนผาได้ เพราะป็นทะเลสาบน้ำลึกค่ะ ดังนั้น จากการวิเคราะห์ของโอลิเวียร์ มีความเป็นไปได้ว่าเรือนั่นลอยมาจากริมทะเลสาบที่ไหนสักแห่งค่ะ
- แต่ถ้าจะสำรวจก็ค่อนข้างยาก เพราะทะเลสาบวาเลเรียมีอาณาเขตกว้างมาก ๆ คงต้องไว้วานให้ทางกองทัพใช้ยานรักษาความปลอดภัยช่วยตรวจสอบค่ะ
- ในขณะที่พวกเรากำลังวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ คูลซ์ก็รู้สึกตัวขึ้นมาค่ะ
คูลซ์ "ทะ...... ที่นี่คือ...... เอสเทลคุง...... แล้วก็พวกอากัตด้วย......"
- "ที่นี่คือทางภาคใต้ของพื้นที่บอส [โรงเตี๊ยมนกกระเต็น] ริมทะเลสาบไงล่ะ นายน่ะ อยู่บนเรือแล้วลอยมาถึงที่นี่" อากัตตอบคูลซ์คนคุ้นเคยด้วยสีหน้าโล่งใจที่เห็นเขาฟื้นขึ้นมา
คูลซ์ "งะ...... งั้นเหรอ...... ถ้าจำไม่ผิด ชั้นไปถึงฐานที่มั่นของ [องค์กร] พร้อมกับสมาชิกคนอื่น ๆ...... ............จากนั้นก็.................."
- คูลซ์เงียบไปซักพัก ดูเหมือนว่าเขาจะนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น
คูลซ์ "คึ...... นี่มันเรื่องอะไรกันแน่...... ไม่เพียงครั้งเดียว...... แต่ความทรงจำโดนช่วงชิงไปถึง 2 ครั้ง......"
เอสเทล "หระ หรือว่าจะ......."
โอลิเวียร์ "ดูท่าว่า ความทรงจำจะถูก [ศาสตราจารย์] ผนึกเอาไว้สินะ"
คูลซ์ "คะ คุณจิน...... ขอร้องล่ะ! ช่วยใช้ [ลมปราณ] ใส่ชั้นเหมือนก่อนหน้านี้ให้ที......! ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ พวกกรัซจะ......!"
จิน "......นั่นน่ะ เป็นแค่การรักษาตามอาการที่ปรากฏเท่านั้นนะ ไม่น่าจะดึงความทรงจำสำคัญ ๆ ที่ถูกผนึกตามที่คาดเดาออกมาได้หรอก แล้วอีกอย่าง มันจะเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับนายที่มีบาดแผลเช่นตอนนี้"
คูลซ์ "ตะ แต่ว่า......"
หลวงพ่อเควิน "......ถ้าจะทำ ก็ลองให้ผมทำดูก็แล้วกันครับ"
- พวกเราต่างประหลาดใจในคำพูดของเควิน
เอสเทล "เห......"
คูลซ์ "......เธอคือ......?"
หลวงพ่อเควิน "[อัศวินจอกดารา] 『星杯騎士』 แห่งโบสถ์เจ็ดจรัส เควิน แกรแฮมครับ คงเคยได้ยินมาจากอาเนราสจังสินะ?"
คูลซ์ "โอ้...... เธอเอง......"
เอสเทล "ตะ แต่ว่าคุณเควิน ไอ้การยกเลิกการปิดกั้นความทรงจำเนี่ย ทำได้ด้วยเหรอ?"
หลวงพ่อเควิน "ก็ ถ้าเป็นการรุกล้ำจิตใจที่ลึกลงไปอย่างรุนแรงก็ทำไม่ได้หรอก...... แต่ถ้าเป็นความทรงจำที่ถูกผนึกเป็นบางช่วง คิดว่าน่าจะทำอะไรได้บ้างน่ะ? แถมดู ๆ ไปแล้ว หลังจากโดนผนึกเวลายังผ่านไปไม่นานเท่าไรด้วย"
เอสเทล "งั้นเองเหรอ......"
โอลิเวียร์ "ฮืม หมายถึงวิชาหลักธรรมที่ไม่เปิดเผยไปสู่ภายนอกที่บอกต่อ ๆ กันมาภายในโบสถ์งั้นรึ?"
หลวงพ่อเควิน "ตรงเผงเลยครับ แต่อาจจะเกิดความเสียหายกับจิตใจเล็กน้อย...... ถึงเป็นอย่างนั้น ก็ไม่ว่าอะไรใช่ไม๊ครับ?"
คูลซ์ "ไม่มีปัญหา...... ต้องรบกวนแล้ว"
หลวงพ่อเควิน "รับทราบ"
- เควินหยิบสัญลักษณ์จอกดาราขึ้นมา "------ ด้วยนามแห่งเทพธิดาแห่งท้องฟ้า พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แยกออกเป็นเจ็ดจรัสที่อยู่ ณ ที่นี้" แสงเรืองรองอันงดงาม เปล่งประกายออกมาจากสัญลักษณ์จอกดารา ทันทีที่เควินร่ายบทสวด
หลวงพ่อเควิน "ประกายเงินแห่งความรอบรู้ ประกายดำแห่งกาลเวลา------ จงต่อกรและดึงเหล็กที่ทิ่มแทงเข้าสู่คนผู้นี้ออกมา ณ ที่นี้......"
- แสงวาววาบรุนแรงขึ้นชั่ววูบ สร้างความเจ็บปวดให้กับคูลซ์อย่างมาก
เอสเทล "เป็นอะไรหรือเปล่า คุณคูลซ์!?"
คูลซ์ "อา...... ไม่เป็นไร ............................... ......อย่างกับหมอกเริ่มจางหาย นึกอะไร...... หลาย ๆ อย่างออกแล้ว......"
หลวงพ่อเควิน "ปล่อยให้หมอกจางหายไป แล้วค่อย ๆ ทำใจให้สบาย ๆ ครับ แล้วชะเง้อมองเข้าไปในความมืดมิดที่อยู่ฝั่งโน้น"
คูลซ์ "อา...... เข้าใจแล้ว หึหึ รู้แล้วล่ะ ที่บอกว่าเกิดความเสียหายกับจิตใจน่ะ นึกว่าเป็นยังไง...... นั่นน่ะ...... มันก็แค่อีโก้ของชั้นเองน่ะเหรอ"
หลวงพ่อเควิน "อ้าว รู้ด้วยเหรอครับ?"
คูลซ์ "เพราะนี่ก็ถือเป็นวิธีการฝึกสมาธิน่ะ......"
- คูลซ์ทำสมาธิอยู่พักนึง ก่อนที่เขาจะบอกกับพวกเราว่านึกเรื่องสำคัญ ๆ ออกแล้วค่ะ ซึ่งเรื่องสำคัญที่ว่าก็คือ "ฐานที่มั่นของ [องค์กร] อยู่ริมทะเลสาบทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบวาเลเรีย...... แล้วที่นั่น ก็มีการก่อสร้างตึกวิจัยของพวกมันขึ้นมาอย่างลับ ๆ......" ค่ะ และที่ไม่สามารถตรวจหาตึกวิจัยได้พบ ก็เพราะพวกองค์กรใช้วิธีพิเศษบางอย่างซ่อนที่ตั้งเอาไว้ อย่างพวกการฉายภาพเสมือนท้องฟ้าเพื่อป้องกันการตรวจสอบทางอากาศค่ะ
(พวกเราถึงกับตกใจ เพราะวิทยาการขององค์กรนั้นเหลือร้าย และก้าวกระโดดไปไกลจากที่พวกเรามีจริง ๆ ค่ะ)
- และนอกจากนั้น คูลซ์ยังบอกอีกว่าหากเข้าไปใกล้ ๆ ตึกวิจัยด้วยการลอบเข้าไปทางบก ก็จะมีหมอกปรากฏขึ้นมาค่ะ
(อันนี้พวกเราจะสะดุดใจ เพราะมันเหมือนกับเหตุการณ์ที่รอเลนซ์ค่ะ)
- แต่พวกคูลซ์ก็ฝ่าหมอกแล้วเข้าไปในตึกวิจัยได้สำเร็จค่ะ ทั้งยังได้ประมือกับพวก [ผู้ดำเนินแผนการ] ด้วย แต่พวกนั้นก็ไม่มีช่องโหว่ให้พวกคูลซ์โจมตีเลย และพอพวกคูลซ์มาถึงที่ท่าเรือก็หมดสติไปตรงนั้นค่ะ
(คูลซ์จะรู้สึกเจ็บใจตนเอง ที่เหมือนกับทิ้งเพื่อนเอาไว้แล้วหนีออกมาคนเดียวแบบนี้น่ะค่ะ)
เอสเทล "คุณคูลซ์...... วางใจเถอะ! พวกคุณอาเนราสน่ะ ชั้นจะช่วยออกมาให้ดู!"
คูลซ์ "เอ เอสเทลคุง......?"
อากัต "เหอะ ถ้ารู้ถึงขนาดนั้นแล้ว มันก็ต้องมีทางเข้าไปได้อีกใช่ไม๊ล่ะ"
เชราซาร์ด "จริงสินะ แถมยังมีการสนับสนุนจากกองทัพที่ดูจะคาดหวังได้ด้วย"
จิน "ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกชั้นเถอะ"
คูลซ์ "ขะ ขอบใจ...... โทษทีนะ...... ฝากด้วยล่ะ......"
- จากนั้น คูลซ์ จะหมดสติไปค่ะ เอสเทลได้ตัดสินใจแล้วว่าถึงแม้ทางกองทัพจะยังไม่เคลื่อนไหว แต่พวกเธอจะต้องดำเนินการเองไปก่อน และถึงแม้เรื่องในคราวนี้จะมีอันตรายกว่าทุก ๆ ครั้ง เธอก็ได้เตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับ [องค์กร] เรียบร้อยแล้วค่ะ
- ทุกคนจะให้เอสเทลเป็นคนตัดสินใจเลือกเพื่อนเข้ากลุ่ม เหมือนตอนเหตุการณ์ปฏิวัติที่เข้าไปยังเขตที่ถูกผนึกก่อนหน้านี้ค่ะ (แหม ก็เป็นนางเอกนี่นะ)
- และนอกจากนี้ เควินจะให้เอสเทลเลือกเขาก่อน เพราะไม่แน่ว่าพวกอาเนราสอาจจะโดนมาอย่างคูลซ์ก็ได้ หากเป็นอย่างนั้น เขาก็จะช่วยพวกอาเนราสด้วยวิชาที่ช่วยคูลซ์แบบเมื่อกี๊ค่ะ
☆เลือกเพื่อน 2 คน เข้ากลุ่มต่อสู้ (เอสเทล และ เควิน เป็นตัวละครบังคับ)☆
ในช่วงนี้ เราสามารถเลือกเมนูต่าง ๆ ได้ดังนี้นะคะ
(1) จัดกลุ่ม
(2) เปลี่ยนของสวมใส่
(3) ไปต่อ
- เมื่อจัดกลุ่มและเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วก็ไปต่อได้เลยค่ะ

ลอบเข้าตึกวิจัยของ [องค์กร] 1-2
『《結社》の研究施設潜入①‐②』 {BP4(+5)}
ทะเลสาบวาเลเรีย 『ヴァレリア湖』
- พวกเราจะนั่งเรือข้ามทะเลสาบอันเงียบสงบเข้าไปยังฐานที่มั่นของ [องค์กร] ค่ะ
- เควินยังมีหยอดมุขว่า "ในคืนที่พระจันทร์งามเด่นเช่นนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะพาแฟนมาเดทที่นี่จัง" น่ะค่ะ เอสเทลก็เลยสงสัยว่าเควินเนี่ย มีแฟนแล้วเหรอ
หลวงพ่อเควิน "หึ ถึงจะเห็นอย่างนี้ ก็มีตัวเลือกที่จะมาเป็นแฟนเตรียมไว้ในทุก ๆ หัวเมือง เมืองละ 1 คนจากทั่วทวีปเชียวนะ......"
เอสเทล "ที่บอกว่าตัวเลือกน่ะ ก็หมายความว่ายังว่างอยู่สินะ"
หลวงพ่อเควิน "แหง่ะ...... ปล่อยให้ฝันต่ออีกซักนิดเถอะน๊า"
เอสเทล "......แต่ว่าคุณเควินเนี่ย ทำไมถึงดำเนินการด้วยตัวคนเดียวล่ะ? [หน่วยอัศวินจอกดารา] 『星杯騎士団』 ที่ว่า คนไม่พอขนาดนั้นเลยเหรอ?"
หลวงพ่อเควิน "ก็ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในคราวนี้ มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างน่ะนะ...... ชั้นก็เลยถูกส่งมาประจำคนเดียวน่ะ...... ไม่แน่ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ เพื่อนคนอื่น ๆ อาจจะมาที่นี่ก็ได้มั๊ง"
เอสเทล "งั้นเองเหรอ...... เอ เห็นบอกว่า [อัศวินจอกดารา] เนี่ย ทำงานเก็บกู้อาร์ติแฟกซ์ (มรดกแห่งอารยธรรมโบราณ) 『古代遺物《アーティファクト》』 สินะ?"
หลวงพ่อเควิน "อันที่จริงก็คือ ตรวจสอบ ควบคุมดูแล และเก็บกู้น่ะ ในบรรดานั้นเรื่องที่เกี่ยวกับการเก็บกู้ ก็มักจะไปเกี่ยวข้องกับของที่เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัว ก็เพราะการครอบครองอาร์ติแฟกซ์ที่ทำงานอยู่ตามอำเภอใจนั้น โบสถ์ได้ห้ามเอาไว้น่ะ"
เอสเทล "แต่ว่า ทำไมถึงมีความจำเป็นที่ต้องไปควบคุมดูแลด้วยล่ะ?"
หลวงพ่อเควิน "ประเภทของอาร์ติแฟกซ์มีอยู่หลากหลาย...... ไม่มีใครรู้หรอกว่าการทำงานของมันมีหลักการแบบไหน ด้วยเหตุนั้น การจะรู้ถึงวิธีใช้งานก็ต้องทำให้มันแสดงพลังออกมาอย่างไม่มีทางเลือก ตอนที่คน ๆ หนึ่งถือของแบบนั้นอยู่ คิดไม๊ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?"
เอสเทล "มะ ไม่รู้ซี...... จะเป็นยังไงเหรอ?"
หลวงพ่อเควิน "โดยทั่วไป ก็จะถูกดึงดูดแล้วใช้ทำเรื่องไม่ดี จากนั้นก็จะเกิดความลุ่มหลงในพลังอย่างถอนตัวไม่ขึ้น"
เอสเทล "จะ จริงเหรอที่ว่านั่น?"
หลวงพ่อเควิน "น่าเสียดายที่มีข้อเท็จจริงระบุเอาไว้ในประวัติศาสตร์น่ะ...... พวกเอสเทลจังก็จำเรื่องของนายกเทศมนตรีดัลมอร์ได้ใช่ไม๊ล่ะ?"
เอสเทล "อ๊ะ...... นายกเทศมนตรีในตอนนั้นน่ะ รู้สึกได้เลยว่าโหดเหี้ยมสุด ๆ เลยนะ ผิดกับหัวหน้าของสลัดอากาศที่โดนควบคุม ยังกับหยุดตัวเองไม่ได้ยังงั้นแหล่ะ......"
หลวงพ่อเควิน "การครอบครองพลังที่ท่วมท้นจะขาดการควบคุมสติสัมปชัญญะของตนเอง และส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่บิดเบี้ยวไปของมนุษย์..... การป้องกันเหตุการณ์นั้นล่วงหน้า ก็เป็นภารกิจของ [หน่วยอัศวินจอกดารา] นะ แต่ก็ไม่ได้มีแต่เรื่องสวยหรูหรอก"
เอสเทล "งะ งั้นเหรอ?"
หลวงพ่อเควิน "แหม ก็ขนาดสมาคมเบรเซอร์เอง ยังมีเรื่องที่ไม่สามารถทำอย่างโจ่งแจ้งได้ใช่ไม๊ล่ะ? มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหล่ะ"
เอสเทล "อือ อื~ม...... ก็ไม่ปฏิเสธหรอก"
ตึกวิจัยริมทะเลสาบ 『湖畔の研究所』
- จากนั้นเราจะสังเกตุเห็นหมอกลงจัด และเมื่อตรงไปเรื่อย ๆ เบื้องหน้าของพวกเอสเทลก็ปรากฏตึกวิจัยขนาดยักษ์ริมทะเลสาบค่ะ
- เมื่อขึ้นฝั่ง พวกเราจะรู้สึกว่าไม่มีวี่แววของมนุษญ์อยู่เลย ดังนั้น เราจะลองเข้าไปสำรวจภายในตึกวิจัยดูค่ะ
- เนื่องจากว่า "ประตูด้านหน้า" ล็อคอยู่ เราจึงต้องหาทางเข้าทางอื่นค่ะ
- ใช้ทางเข้าด้านหลังตึก (ทิศตะวันตก) เพื่อเขาสู่ตึกวิจัยค่ะ
- เมื่อเข้าไป จะเกิดการต่อสู้กับ "โอเวอร์มัพเพ็ต (ตุ๊กตาสงคราม)" 『人形兵器《オーバーマペット》』 (วอล์กเกิล570 + วอล์กเกิล235 *2) ค่ะ
☆หากเคลียร์ซับเควสต์ (45) ศึกขับไล่ศัตรูในเหมืองร้าง บทพูดของพวกเรา จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยค่ะ☆
- ปราบได้ พวกเราจะวิเคราะห์กันว่าศัตรูเมื่อตะกี๊น่าจะเป็นฝีมือของพวก [องค์กร] ค่ะ เพราะใช้วิทยาการออร์บเมนท์แบบเดียวกันกับตัวที่เจอบน "อาเนนเบิร์ก" ค่ะ
- แต่ตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ไม่มีวี่แววของคนนอกจากศัตรูที่เป็นเครื่องจักรเลย เอสเทลจึงเป็นห่วงว่าพวกคุณอาเนราสจะถูกจับอยู่ที่นี่จริงหรือเปล่า แต่เควินแนะนำว่าให้ลองสำรวจที่นี่ดูก่อนค่ะ
☆มีอยู่ห้องนึง (ในห้องจะเรืองรองไปด้วยแสงจากหลอดไฟสีเขียว) จะมีคันโยกอยู่ หากเราสับคันโยก จะสามารถเปิดประตูใหญ่ด้านหน้าได้ค่ะ (สะดวกต่อการวิ่งไปเพิ่มเลือดที่ด้านนอก)☆
☆ไอเทมที่พบในช่วงนี้ "เซอร์ไพรซ์เบล", "วินด์ลาส" (สู้กับ วอล์กเกิล570 *2 + วอล์กเกิล235 * 4), "EPชาร์จ II", "ป้องกัน4" ค่ะ☆
- เมื่อมาถึงจุดพักผ่อน (จุดเพิ่มเลือดนั่นแหล่ะค่ะ) ไปตามทางเรื่อย ๆ จะพบกับประตูที่มีหลอดไฟส่องแสงสีแดง เมื่อเข้าไปจะพบกับ "กรัซ" รุ่นพี่เบรเซอร์ประจำสาขาบอส แต่ท่าทางของเขาดูแปลก ๆ และหันดาบเข้าหาพวกเราซะงั้นค่ะ
- กรัซ + วอล์กเกิล235 *2 -
- 『グラッツ + ヴォーグル235*2』 -
**แนะนำให้ใส่เครื่องประดับที่ป้องกัน "หมดสติ" เช่น "เซอร์ไพรซ์เบล", "เครสชาร์ม" หรือ "เฟเธอร์บรอธ" เอาไว้จะง่ายขึ้น เพราะกรัซมี Craft "ท่าลับ กรัซบิ๊กแบง" (สกัดกั้นไม่ได้) ที่โจมตีได้รุนแรง และทำให้เราติด "หมดสติ" ได้ค่ะ**
**ระวังให้ดี รุ่นพี่ของเราคนนี้ มีพลังโจมตีกายภาพสูงมาก ๆ ทั้งยังมี Craft รุนแรง เช่น "ท่าลับ กรัซไนท์แมร์" หรือ "ดาบวายุหมุน" (คล้ายของเอสเทล แต่สามารถฟันเรากระจุยไปแนวหลังได้ไกลมาก ๆ) และ Craft "กรัซสเปเชี่ยล" ที่โจมตีเราติด AT-Delay & สกัดกั้นการร่ายอาร์ทด้วยนะคะ**
- ปราบได้ เอสเทลถึงกับบนอุบเลยว่า "สมแล้วที่เป็นคุณกรัซ...... เก่งทีเดียวนะเนี่ย" แล้วเควินจะปลดการควบคุมออกจากกรัซค่ะ
กรัซ "......โทษที...... ดูท่าชั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้สินะ"
- "กรัซ" จะขอโทษพวกเอสเทลที่สร้างความเดือดร้อนให้ค่ะ และยังบอกอีกว่าเขาจำคนที่ดึงสติสัมปชัญญะของเขา และออกคำสั่งให้ขับไล่ผู้บุกรุกที่ลอบเข้ามาที่นี่ไม่ได้ค่ะ
(เอสเทลมั่นใจเลยว่า ต้องเป็นฝีมือของ [ศาสตราจารย์] คนที่ว่าแน่นอน)
- ส่วน "อาเนราส" และ "คารูน่า" นั้น กรัซคิดว่า พวกเธอก็น่าจะถูกจับแยกไปเหมือนกันค่ะ จากนั้น เอสเทลจะให้กรัซไปรอที่เรือตรงชะง่อนผา เพราะท่าทางกรัซไม่ค่อยสู้ดีค่ะ
(ตอนแรก เอสเทลจะพากรัซไป แต่กรัซบอกว่า เขารู้เส้นทางภายในตึกอยู่แล้ว ดังนั้น ให้เขาไปคนเดียวก็ได้ค่ะ)
- สำรวจคอมพิวเตอร์ด้านในห้อง จะมีข้อมูล
"ประเภทของตุ๊กตาสงคราม"
ตุ๊กตาสงครามที่ได้ใช้ในองค์กรนั้น เป็นผลงานที่พัฒนาโดย [โรงงานสิบสาม] 『十三工房』 สถาบันวิจัยภายใต้สังกัดสาวก
อนึ่ง ในสถานที่แห่งนี้
นอกจาก เครื่องบินลาดตระเวน [วอล์กเกิล] 2 รุ่นแล้ว
เครื่องบินสอดแนม [พอร์ตซีกเกอร์] หรือ เครื่องบินรบ [แวนการ์ด] นั้น
เป็นตุ๊กตาสงครามรุ่นที่ผลิตจากอุตสาหกรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีการพัฒนารุ่นใหม่ ๆ โดยอ้างอิงจาก [ผู้พิทักษ์] 『守護者』......
(*เนื้อหาต่อจากนี้ถูกลบทิ้ง)
- และได้รับ "คีย์การ์ดสีแดง" 『赤のカードキー』 ค่ะ
★ก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปชั้น 2 หากเรากลับไปทางเดินที่ผ่านมา จะมีประตูที่ต้องใช้ "คีย์การ์ดสีแดง" เมื่อเข้าไปเราจะพบกับ "ทรอยเมไร" 『トロイメライ』 อยู่ในห้องนี้ด้วยค่ะ ซึ่ง "ทรอยเมไร" ตัวนี้ เป็นคนละตัว กับ "ผู้พิทักษ์แห่งวงแหวน" ที่เราเจอใน "เขตที่ถูกผนึก" นะคะ แต่พวกเราก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่า ทำไมเจ้าตัวประหลาดนี่ ถึงได้มี 2 ตัวได้น่ะค่ะ
- ใช้ "คีย์การ์ดสีแดง" เปิดประตูลิฟท์ ขึ้นไปยังชั้น 2 ของตึกวิจัยค่ะ
☆ไอเทมที่พบในช่วงนี้ "EPชาร์จ I", "แว่นส่องมองกลางคืน", "ยาแห่งเทียร์ร่า" ค่ะ☆
- เดินมาตามทางเรื่อย ๆ จะพบกับห้องมืด โดยเราต้องใส่ "แว่นส่องมองกลางคืน" 『暗視ゴーグル』 ถึงจะมองเห็นทางได้ค่ะ
(เราเคยได้แว่นอันนี้ในบทนำด้วย ถึงตอนนี้น่าจะมีทั้งหมด 2 อันค่ะ ใส่ให้กับตัวละครที่ต้องการเลยนะคะ)
☆ให้เราไปทางด้านตะวันออกของห้องมืดก่อนนะคะ จะได้เข้าไปเก็บ "เอโบนี่ชูส์" จากหีบสมบัติมาค่ะ☆
- เมื่อขึ้นไปทางเหนือของห้องมืด ออกไปจะพบกับห้องที่มีหลอดไฟสีแดง ให้เตรียมตัวได้เลยค่ะ เพราะเมื่อเข้าไปเราจะพบกับ "คารูน่า" รุ่นพี่เบรเซอร์สุดสวย ประจำสาขารูอัน ที่โดนแบบเดียวกับกรัซค่ะ
- คารูน่า + วอล์กเกิล570 *2 -
- 『カルナ + ヴォーグル570*2』 -
**แนะนำ ให้ใส่เครื่องประดับที่ป้องกัน "หมดสติ" และ "มืดมิด" เอาไว้จะง่ายขึ้น เพราะสาวสวยคนนี้มีท่า "กระสุนแกรเนด" โจมตีกินอาณาเขตปานกลาง และทำให้เราติด "หมดสติ" และท่า "แอซซอลท์คอมบิเนชั่น อัลฟ่า" ของเธอ จะโจมตีเราติด "มืดมิด" ค่ะ**
**นอกจากนั้น คารูน่า จะเน้นการโจมตีจากระยะไกล และมีท่าสนับสนุนการต่อสู้เยอะ อย่าง "ตวาดใส่จิตวิญญาณ" (เพิ่ม STR) และ "กระสุนปลอกหนัก" (ลด DEF เรา) หรือ "ช็อคสไปเดอร์" ที่ทำให้เราติด AT-Delay ค่ะ**
**การโจมตีปกติของคารูน่านั้น บางครั้งทำให้เราติด Mov Down ได้ แนะนำ ให้ใส่ไอเทมหรือควอทซ์เพิ่ม Move หรือ ใช้อาร์ทโจมตีจากระยะไกลจะดีกว่านะคะ**
**คารูน่า พลังป้องกัน และ SPD ค่อนข้างสูง ดังนั้น แนะนำให้ใช้อาร์ท "คล็อกดาวน์" ใส่เธอ และใช้ ""คล็อกอัฟ รุ่นปรับปรุง" ใส่ฝ่ายเรา จะทำให้การต่อสู้ง่ายขึ้นค่ะ**
- ปราบได้ เอสเทลก็บ่นอุบถึงความเก่งกาจของรุ่นพี่เธอเช่นเคยค่ะ จากนั้น เควินก็ขอออกโรงทำลายวิชาที่ควบคุมสติสัมปชัญญะของคารูน่า
- คารูน่า จะถามพวกเราว่าได้เจอพวกเธอคนอื่น ๆ และ [ผู้ดำเนินแผนการ] บางหรือเปล่า พอได้ยินเอสเทลบอกว่าไม่มีวี่แววของคนอยู่เลย ทำให้คารูน่ารู้สึกว่ามันแปลก ๆ เพราะเท่าที่เธอรู้น่าจะมีพวกนักวิจัยและทหารอยู่ที่นี่ประมาณ 10 คน แต่ก็ไม่แน่ว่าพวกนั้นอาจจะถอนกำลังออกไปแล้วก็เป็นได้ค่ะ
- จากนั้น คารูน่าจะฝากฝังให้เราช่วยเหลืออาเนราส ส่วนเธอจะออกไปรอที่นัดด้านนอกเองค่ะ
- สำรวจคอมพิวเตอร์ในห้อง จะทราบข้อมูลเกี่ยวกับ
"มาตรการรับมือกับนักต่อสู้"
ถึงหน่วยทหารพรานทั่วทุกพื้นที่ กล่าวถึงการรับมือกับนักต่อสู้เพื่อรักษาความปลอดภัยเฉพาะกิจ ให้ดำเนินมาตรการตามนี้
(1) โปรแกรมเพิ่มความแข็งแกร่งของสมรรถภาพทางร่างกาย
(2) โปรแกรมศึกษาเทคนิคการต่อสู้
(3) โปรแกรมฝังระบบคำสั่ง
(4) โปรแกรมรักษาความลับ
(*เนื้อหาต่อจากนี้ถูกลบทิ้ง)
- และได้รับ "คีย์การ์ดสีเขียว" 『緑のカードキー』 ค่ะ
☆ระหว่างนี้ สามารถใช้ "คีย์การ์ดสีเขียว" ไปเก็บไอเทมตามทางที่เคยผ่านมาได้ค่ะ "สตาร์แร็บบิท" และบนชั้น 1 ก็จะเป็น "มิสตี้เวลล์" ค่ะ☆
- ใช้ "คีย์การ์ดสีเขียว" ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 3 ได้เลยค่ะ
☆อย่าลืมเก็บไอเทมบนชั้น 3 "คุ๊กกี้หลับสบาย", "โจมตี4" (สู้กับ วอล์กเกิล570 *2 + วอล์กเกิล235 * 4) ค่ะ☆
★สำรวจเครื่องจักรในห้อง ที่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ วางเรียงมากมาย จะมีเครื่องจักรที่เก็บ [กอสเปล] รุ่นใหม่ไว้ด้วยนะคะ ตรงนี้ทำให้เราทราบว่า [กอสเปล] รุ่นใหม่ ถูกสร้างขึ้นจากที่แห่งนี้ค่ะ ทั้งยังมีเครื่องจักรที่เก็บ [เสา] ที่วอลเตอร์เคยใช้ ในเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวไปทั่วพื้นที่ไซสส์ด้วย ซึ่ง [เสา] อันนี้ ก็ถูกสร้างขึ้นที่นี่เช่นเดียวกันค่ะ
☆ในห้องยังมี "เอโบนี่สูท", "ยาแห่งเทียร์ร่า" และ "ยาแห่งเทียร์รอล" ด้วย อย่าลืมเก็บไปนะคะ☆
- เมื่อเข้าไปถึงห้องที่มีประตูส่องแสงสีแดงจากหลอดไฟก็ให้เตรียมตัวได้เลยค่ะ เพราะเรากำลังจะเจอกับสาวน้อยผู้เห็นของน่ารักคือความถูกต้อง ใช่แล้ว "อาเนราส" รุ่นพี่เบรเซอร์ประจำสาขาบอสนั่นเองค่ะ
- อาเนราส + วอล์กเกิล570 *2 + วอล์กเกิล235 *2 -
- 『アネラス + ヴォーグル570*2+ ヴォーグル235*2』 -
**ไม่ต้องบอกอะไรมาก เพราะเรารู้ไส์รู้พุงของอาเนราส จากการที่เธอเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมมาก่อนแล้ว บอกได้คำเดียวว่า สำหรับพลังโจมตีของเธอสูงทีเดียวเชียวนะคะ**
**ในการต่อสู้ ให้ระวัง Craft "เพลงดาบ แปดกลีบพิฆาต" และ S-Craft "ตัดสะบั้นแสง" (อาณาเขตปานกลาง) ของเธอ เพราะ 2 ท่านี้พลังรุนแรงใช่ย่อยเลยค่ะ**
**แนะนำ ให้ใช้อาร์ท "คล็อกดาวน์" ใส่อาเนราส และใช้ ""คล็อกอัฟ รุ่นปรับปรุง" ใส่ฝ่ายเรา จะทำให้การต่อสู้ง่ายขึ้นค่ะ**
- ปราบได้ เอสเทลก็บ่นอุบอีกเช่นกันว่า "คุณอาเนราส...... ทำไมแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลยล่ะเนี่ยหา......"
(ก็แหม อาเนราส พยายามสุด ๆ เพื่อจะได้ไม่แพ้เอสเทลไงล่ะคะ น่านับถือจริง ๆ)
- และเควินก็ออกโรงทำให้อาเนราสฟื้นคืนสติค่ะ
อาเนราส "อูย......"
อาเนราส "เอ๊ะเหะเหะ...... เอสเทลจัง...... รุ่นพี่...... (กรณีที่พา อากัต หรือ เจ๊เชร่ามาด้วย) แล้วก็คุณเควิน...... ขอบคุณที่มาช่วยนะ......"
เอสเทล "คุณอาเนราส...... ร่างกายเป็นไรไม๊?"
อาเนราส "มะ ไม่เป็นไร...... ......สบายอยู่แล้ว...... แต่ก่อนหน้านั้น...... พวกคุณคารูน่าล่ะ?......"
(เมื่อ อาเนราสรู้ว่าเราช่วยคนอื่น ๆ ได้หมดแล้วเธอก็โล่งใจค่ะ)
- "ขอโทษนะ เอสเทลจัง...... ทั้ง ๆ ที่สัญญาเอาไว้ว่าจะต่อสู้ไปด้วยกันแล้วแท้ ๆ แต่เรื่องกลับกลายมาเป็นแบบนี้......" อาเนราส รู้สึกผิดที่พวกเธอทำให้พวกเอสเทลมาลำบาก แต่เอสเทลเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาขอโทษ เพราะได้พวกอาเนราสช่วยเหลือ ทำให้พวกเธอได้รู้ฐานที่มั่นแห่งนี้ค่ะ
อาเนราส "! จะ จริงด้วยเอสเทลจัง! ฉัน...... มีเรื่องที่ต้องบอก......!"
เอสเทล "เห...... อะไรเหรอ?"
อาเนราส "คืองี้นะ...... คืองี้...... ตะ ตอนที่กำลังหนีอยู่ ฉันเห็นโยชัวร์ด้วยล่ะ......!"
- เอสเทล และทุกคน ตกใจกับเรื่องที่อาเนราสบอกมาก ๆ
อาเนราส "ตอนที่ฉันถูกต้อนให้จนมุม จู่ ๆ เขาก็โผล่มาช่วยฉันออกจากวงล้อม...... ฉันว่าต้องเป็นเขาแน่ ๆ เพราะจำเสื้อผ้ากับผมสีดำนั่นได้......"
เอสเทล ".............................."
อาเนราส "เอสเทล...... จัง?"
เอสเทล "------อ๊ะ อืม โทษที...... งะ งั้นคุณอาเนราส! โยชัวร์ไปไหนแล้วล่ะ!?"
อาเนราส "ไม่รู้สิ...... ถึงฉันจะหนีออกมาจากที่นั่นได้ แต่สุดท้ายก็โดนจับ...... แต่...... ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไปที่ดาดฟ้าก็เป็นได้นะ"
เอสเทล "ดาดฟ้า?"
อาเนราส "ดูเหมือนว่าตึกหลังนี้น่ะ...... จะมีท่าเทียบเรือเหาะอยู่บนดาดฟ้าล่ะ...... แล้วดูเหมือน พลทหารกับนักวิจัยที่เคยอยู่ที่นี่ ก็ไปที่นั่นด้วย......"
เอสเทล "งั้นเหรอ...... เข้าใจแล้ว!"
หลวงพ่อเควิน "อาเนราสจัง ออกไปข้างนอกคนเดียวได้ไม๊?"
อาเนราส "ได้...... สบายมากค่ะ"
- อาเนราสพยามพยุงตัวเธอขึ้น
อาเนราส "ต่อจากนี้...... ไม่รู้ว่าจะมีอะไรอยู่บ้าง...... ทุกคน...... ระวังตัวให้มากนะ!"
- เมื่อพูดจบ อาเนราส ก็เดินออกไปค่ะ เอสเทลได้แต่ยืนเหม่อ
หลวงพ่อเควิน "ไม่คิดเลยว่าโยชัวร์คุงจะอยู่ที่นี่ด้วย...... ยังไงก็ตาม ไปที่ดาดฟ้ากันเถอะ!"
เอสเทล "อืม......!"
- สำรวจคอมพิวเตอร์ ที่อยู่ในห้อง จะทราบข้อมูล "เกี่ยวกับ [β]" 『《β》について』
"เกี่ยวกับ [β]"
จากผลการทดลองที่ได้ดำเนินการทั่วทุกพื้นที่ในลีเบร์ล
ในที่สุด การปรับปรุง [β] ก็เข้าสู่ขั้นสุดท้ายแล้ว
ด้วยอีมูเลเตอร์ที่เลียนแบบฟังก์ชั่นต้นแบบได้ทั้งหมด ทำให้การซิงโครไนส์ของพื้นที่ออร์บเมนท์เกิน 90 %
การที่ขนาดของอาณาเขตขยายใหญ่ขึ้นนั้น ทำให้การปฏิบัติงาน [แผนการพระสุรเสียง] บรรลุเป้าหมาย......
(*เนื้อหาต่อจากนี้ถูกลบทิ้ง)
- และได้รับ "คีย์การ์ดสีฟ้า" 『青のカードキー』 ค่ะ
☆อย่าลืมกลับไปเก็บไอเทมตามชั้นต่าง ๆ ที่ผ่านมาด้วยนะคะ ที่ชั้น 3 จะมี "เซพิธ เวลา, อากาศ, มายา x50" ชั้น 2 จะมี "เซพิธ ลม x200" กับ "เซพิธ ไฟ x200" (อันนี้อยู่ใน ประตูที่ด้านตะวันตกของห้องมืดค่ะ) และที่ชั้น 1 (อยู่ตรงประตู ที่เราเข้ามาตอนแรกค่ะ) จะมี "เซพิธ ดิน x200" ค่ะ**
- ใช้ "คีย์การ์ดสีฟ้า" ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 4 เลยค่ะ
- เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงห้องที่มีจุดเพิ่มเลือด ก็ให้เตรียมตัวได้เลยนะคะ
☆แนะนำให้ถอดพวกควอทซ์ที่จำเป็นในฉากแผนที่อย่าง "หยินหยาง" หรือ "เนตรสวรรค์" ออกจากเพื่อนร่วมทีม เพราะต่อจากนี้ เอสเทลจะต้องไปเผชิญชะตากรรมคนเดียว บนสถานที่แห่งหนึ่งค่ะ☆
- เมื่อเข้าประตูไป จะพบกับ "โยชัวร์" นอนสลบอยู่ตรงกลางห้อง เอสเทลวิ่งเข้าไปหาโยชัวร์ ด้วยความเป็นห่วงมาก ๆ ค่ะ
เอสเทล "โยชัวร์! นี่ โยชัวร์ล่ะก็!"
- เอสเทลพยายามเขย่าร่างกายของโยชัวร์ เพื่อให้เขารู้สึกตัว
เอสเทล "ทะ ทำไมตัวถึงได้เย็นขนาดนี้...... ฟื้นสิ...... บอกให้ฟื้นไงเล่า!"
เด็กหนุ่มผมดำ "......อุ............."
- "โยชัวร์!?" เอสเทลร้องเรียกโยชัวร์อีกครั้ง ทันทีที่เห็นเขาขยับตัว
เด็กหนุ่มผมดำ "......เอ ......เอสเทล...... ทำไมเธอ...... ......ถึงมาอยู่ที่นี่......"
เอสเทล "ดะ ดีจัง...... ที่ไม่...... เป็นอะไร...... รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวจะช่วยทำแผลให้------"
หลวงพ่อเควิน "แย่แล้ว! ถอยออกมา!"
- ทันทีที่เควินเตือนเอสเทล ชายหนุ่มผมดำที่เอสเทลคิดว่าเป็นโยชัวร์ก็ตวัดดาบเข้าใส่ โชคดีที่เอสเทลเอาพลองรับไว้ได้ทันจึงไม่เป็นอะไร แท้จริงแล้ว "โยชัวร์" ที่ทุกคนเห็นนั้น ก็คือ "ตุ๊กตา" นั่นเอง
- ตุ๊กตารูปร่างโยชัวร์ปรากฏตัวขึ้นอีก 2 ตัว เกิดการต่อสู้แบบ Back Attack ทันทีค่ะ
- ดอพเพลรันเนอร์ *3 -
- 『ドッペルランナー*3』 -
**เจ้า 3 ตัวนี้ มีลักษณะการโจมตี, Craft และ S-Craft เหมือนกับโยชัวร์ในภาค FC ทุกประการค่ะ
(สมกับที่เป็น "ดอพเพลแกงเกอร์" หรือก็คือ คนที่รูปร่างภายนอกเหมือนกัน หรือที่เรียกกันว่า แฝดปิศาจ ว่ากันว่าบนโลกใบหนึ่ง มีคนหน้าเหมือนกัน 3 คน ค่ะ)**

**เนื่องจากว่า โยชัวร์ตัวปลอมมีระยะการโจมตีแค่ 1 ช่อง จึงมักจะเข้ามารวมกันเพื่อโจมตีพวกเราอยู่แล้ว ดังนั้นแนะนำ ใช้ "ออร์เบิลดาวน์" (ADF-30%) ใส่ศัตรู แล้วให้เควินกับตัวละครสายอาร์ท ใช้อาร์ทที่กินอาณาเขตปราบค่ะ**
**ส่วนเอสเทล และตัวละครสายโจมตีกายภาพ ให้ใช้การโจมตีธรรมดา สลับใช้ Craft ก็ชนะได้สบาย ๆ ค่ะ**
**ระวัง เวลาศัตรูใกล้ตาย จะใช้ S-Craft "เขี้ยวดำขลับ" ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ฝ่ายเรา แรงมาก ๆ ค่ะ**
เอสเทล "ฮ้าฮ้า......"
หลวงพ่อเควิน "คึ...... แข็งแกร่งจริง ๆ ......"
- ไม่ทันที่พวกเราจะได้พูดคุยอะไรกันเสียงปรบมือดังขึ้น ที่เบื้องหน้าของพวกเอสเทลนั้นปรากฏร่างของคน 3 คน
ชายที่นั่งอยู่ "ฮะฮะ ดูเหมือนจะรู้สึกตัวว่าเป็นตัวปลอมช้าไปหน่อยนะ เกมในคราวนี้ ขอฉันรับชัยชนะไปก็แล้วกันนะ"
- พูดจบ ชายที่นั่งอยู่ก็ดีดนิ้วให้สัญญาณ กระจกเลื่อนขึ้นมาจากพื้นแยกภายในห้องออกเป็น 2 ส่วน ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาในห้องฝั่งของพวกเอสเทล สติสัมปะชัญญะของพวกเธอ เริ่มเลือนหายไป
ศจ. ไวส์แมน "เป็นเกมที่ง่ายเกินไปหน่อย แต่ปฏิกริยาของเธอสนุกใช้ได้เลยล่ะ ไม่รู้จะกล่าวขอบคุณยังไงดี...... ให้ชั้นแนะนำสถานที่น่าสนใจให้ก็แล้วกันนะ"
- เวลาผ่านไป "หลวงพ่อเควิน" และเพื่อน ๆ ค่อย ๆ ฟื้นขึ้น แต่ทว่ากลับไม่พบร่างของเอสเทลเลย
- บังคับ "หลวงพ่อเควิน" และผองเพื่อนไปยังชั้นดาดฟ้าของตึกวิจัยค่ะ
- เมื่อขึ้นไปถึงชั้นดาดฟ้า จะพบกับเหล่า [งูกินหาง] ที่ได้พา "เอสเทล" ที่กำลังสลบอยู่ ขึ้นยานสีแดงหนีไปค่ะ



- ภายใต้สติอันเรืองราง เอสเทลรู้สึกตัวขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่ง
เอสเทล "......ที่นี่...... คือ......"
เสียง "......เอสเทล......"
- เอสเทลหันไปยังต้นเสียง "โยชัวร์!?" เธอประหลาดใจที่พบกับเขา เธอพยายามเข้าไปหาเขา แต่ไม่ว่าจะเดินจะวิ่งเข้าไปยังไงก็ไม่ถึงตัวเขาซักที
เอสเทล "อะ...... อะไรเนี่ย.......?"
โยชัวร์ "พอเถอะ...... ......พอได้แล้วล่ะ......"
- แขนของโยชัวร์หลุดลงมา เอสเทลตกใจกับภาพที่เห็นมาก
โยชัวร์ "ก็เพราะผมน่ะ...... เป็นตุ๊กตาที่พังมาตั้งนานแล้ว......"
- แขนอีกข้างของเขาค่อย ๆ หลุดลงมา
โยชัวร์ "กลับไปเป็นมนุษย์ไม่ได้อีกแล้ว......"
- ร่างกายของโยชัวร์หลุดเป็นชิ้น ๆ
โยชัวร์ "เพราะฉะนั้น...... ......พอได้แล้วล่ะ......"
เอสเทล "..............อ๊ะ..............."
- เอสเทลเดินเข้าไปหาร่างกายที่เป็นเสี่ยง ๆ ของโยชัวร์ พลางหยิบหัวของเขาขึ้นมาดู
โยชัวร์ "ขอบใจนะ...... ลาก่อนเอสเทล......"
- ดวงตาของโยชัวร์ปิดลง "มะ...... ไม่นะ......" เอสเทลพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ม่ายยยยยยยยยยย!!"
- "ตกใจหมดเลย......" เร็นยืนมอง "เอสเทล" ที่ฟื้นขึ้นมาบนเตียงในห้อง ๆ หนึ่ง
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "เอสเทล เป็นไรไม๊?"
เอสเทล "เร็น...... ดะ ดีจัง...... ......เป็นความฝันนี่เอง......"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ...... ฝันน่ากลัวสินะ?"
เอสเทล "อืม...... ฝันร้ายสุด ๆ ...... เพราะมีตุ๊กตาแบบนั้นออกมาก็เลยฝันประหลาด ๆ ---------"
- ดูเหมือนว่าเอสเทลจะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เธอรีบดีดตัวถอยออกมาจากเร็น
เอสเทล "......ดะ เดี๋ยวดิ๊! ทำไมเร็นถึงมาอยู่ที่แบบนี้ได้ล่ะเนี่ย!?"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ...... ตกใจได้จังหวะฉิวเฉียดเลยนะ เอสเทลเนี่ย เฉื่อยแฉะไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ"
เอสเทล "ทะ โทษทีย่ะ ที่เฉื่อยแฉะน่ะ ......จะว่าไป ที่นี่คือ......"
- เอสเทลลุกยืนขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ เพื่อดูให้สถานที่แห่งนี้ให้ชัดเจน
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ที่เร็นมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ก็ที่นี่น่ะเป็น ฐานที่มั่นแห่งใหม่ของพวกเร็นไงล่ะ"
เอสเทล "ฐานที่มั่นแห่งใหม่......"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ...... ลองดูจากหน้าต่างนั่นสิ?"
- เอสเทลเดินไปดูที่หน้าต่างตามคำเชิญชวนของเร็น ภาพที่เธอเห็นเบื้องหน้านั่นสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้เธอกำลังอยู่บนเรือยักษ์สีแดงลำใหญ่นั่นเองค่ะ
เรืออาร์คแดง - กลอเรียส 『紅の方舟・グロリアス』
เอสเทล "................ (ผงาบผงาบ)"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "[เรืออาร์คแดง] กลอเรียส 『《紅の方舟》グロリアス』...... แค่ลำนี้ลำเดียว จะทำลายกองทัพซักประเทศก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย อุหึหึ เป็นของเล่นที่น่าสนใจใช้ได้เลยใช่ม๊า?"
เอสเทล "พะ พวกเธอ...... เอาของแบบนี้ออกมาคิดจะทำ......."
- "ไง ดูเหมือนว่าจะฟื้นแล้วสินะ" เสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง
เสียงผู้ชาย "ยินดีต้อนรับ เอสเทลคุง ความรู้สึกที่ได้หลับไปเป็นไงบ้างล่ะ? ถูกพามาที่แบบนี้ คงจะรู้สึกสับสนอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสินะ แต่พวกฉันไม่คิดที่จะทำร้ายเธอหรอกนะ วางใจซะสิ"
- เอสเทลนิ่งเงียบและยังคงฟังเสียงนั่นพูดต่อไป
เสียงผู้ชาย "ว่าไงล่ะ ไม่คิดที่จะมาคุยกันดูซักหน่อยเหรอ? อย่างเรื่องขององค์กร เป้าหมายของพวกฉัน แล้วก็เกี่ยวกับเพื่อนร่วมทาง...... ฉันว่าคงจะตอบปัญหาต่าง ๆ ให้เธอได้นะ"
เอสเทล "......ก็ดี จะขอฟังหน่อยก็ได้"
เสียงผู้ชาย "ดี จะรอนะ เร็น นำทางให้เอสเทลคุงทีสิ"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ ทราบแล้ว"
- แล้วเสียงของผู้ชายคนนั้นก็ตัดการติดต่อไป
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ถ้าอย่างนั้น เอสเทล ไปที่ [วิหาร] 『聖堂』 กันเถอะ"
เอสเทล "[วิหาร] ......?"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ห้องอันแสนงดงามที่อยู่ชั้นบนสุดของเรือลำนี้ แล้วก็มี [ศาสตราจารย์] 『教授』 รออยู่ที่นั่นยังไงล่ะ"
เอสเทล ".................... เข้าใจแล้ว ช่วยนำทางให้หน่อยก็ได้"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ ไม่เห็นต้องทำเป็นเครียดขนาดนั้นก็ได้นี่จ๊ะ เพราะไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรสำหรับเอสเทลก็ได้"
เอสเทล "เห...... หมายถึงเรื่องอะไร?"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "เก็บไว้สนุกทีหลังนะ เอ้า ตามเร็นมาสิ"
- บังคับ "เร็น" ที่พ่วงเอสเทล ไปยังลิฟท์ทางทิศใต้ของชั้นนี้ค่ะ (ตอนนี้เราจะอยู่ที่ส่วนหัวเรือ ชั้นที่ 2)
☆มีสูตรอาหารโจมตี "มีทบอลหมดสติ" กับ "EPชาร์จ II" ให้เก็บด้วยนะคะ☆
- เมื่อเข้าไปในลิฟท์ ระบบรักษาความปลอดภัยจะให้เร็นทำการยืนยัน (ระบบสแกนเสียง) เพื่อเข้าสู่ [วิหาร] ค่ะ
กลอเรียส - วิหาร 『グロリアス・聖堂』
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ...... ที่นี่คือ [วิหาร] ที่ศาสตร์จารย์อยู่จ้ะ จากตรงนี้เอสเทลต้องเข้าไปคนเดียวนะ"
เอสเทล "......นี่ เร็น"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อะไรเหรอ?"
เอสเทล "คนที่บังคับตุ๊กตาโยชัวร์ที่ตึกวิจัย เป็นเร็นสินะ?"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ใช่แล้ว ถึง [ศาสตราจารย์] จะขอร้องให้ช่วย แต่ก็สนุกใช้ได้เลยใช่ไม๊ล่ะ?"
เอสเทล "เฮ้อ...... ......ดูเหมือนว่าเธอเองก็ตกเป็นเหยื่อของ [องค์กร] 『結社』 ด้วยสินะ"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "เอ๋......?"
เอสเทล "......ช่างเถอะ ตอนนี้เอาไว้ก่อน ถ้างั้นเดี๋ยวมานะ"
เร็น "อุหึหึ ไปดีมาดีนะ" (กรอบคำพูด ใช้ชื่อเร็นอย่างเดียวค่ะ)
- ไปยัง [วิหาร] ที่อยู่ตรงปลายสุดบนชั้นนี้ได้เลยค่ะ
ศจ. ไวส์แมน "ยินดีต้อนรับ...... สู่ [เรืออาร์คแดง] กลอเรียส"
- ศจ. ไวส์แมนหยุดเล่น "ไปป์ออร์แกน" และกล่าวทักทายเอสเทลที่เข้ามาภายใน [วิหาร] พร้อมทั้งลุกยืนขึ้นและหันมาต้อนรับเอสเทล
ศจ. ไวส์แมน "ไม่ได้เจอกันนานนะ เอสเทลคุง"
เอสเทล "ศจ. อัลบา...... เป็นคุณอย่างที่คิดไว้ พอได้ยินเสียงเมื่อกี๊ก็นึกออกจนได้"
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ สมกับที่เรียกได้ว่าเป็นลูกสาวของ [ปราชญ์ดาบ] 『剣聖』 สินะ ไม่ได้หมายถึงนิสัยสบาย ๆ หรอก แต่หมายถึงเรื่องที่สามารถนึกความทรงจำที่ถูกปิดกั้นออกได้ด้วยตัวเองน่ะ"
เอสเทล ".............................."
- ศจ. ไวส์แมนเดินมาตรงหน้าของเอสเทล
ศจ. ไวส์แมน "อันที่จริง ชื่อจริงของชั้นคือ เกออร์ก ไวส์แมน ผู้ได้รับมอบหมายให้เป็น 1 ในเสาแห่ง [สาวกแห่งงู] 『蛇の使徒』 ที่ทำการควบคุมดูแล [งูกินหาง] 『身喰らう蛇』"
เอสเทล "[สาวกแห่งงู]...... หมายความว่าเป็นผู้นำสูงสุดของ [องค์กร]?"
ศจ. ไวส์แมน "ก็ ประมาณนั้น เอาล่ะ-------- เหมือนกับที่พูดเมื่อกี๊นี้ ฉันเตรียมที่จะตอบคำถามของเธออยู่แล้ว คงมีเรื่องที่อยากจะถามอยู่สินะ?"
- เอสเทลครุ่นคริด สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความไม่สบายใจ
เอสเทล "......ชั้นสับสนว่าจะเริ่มถามจากตรงไหน ยิ่งกว่ามีเรื่องที่อยากจะถามหรือเปล่าน่ะ......"
ศจ. ไวส์แมน "ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบร้อนอะไร ค่อย ๆ คิดซะสิ ถ้ายังไงให้ฉันดีดให้ฟังซักเพลงไม๊ล่ะ?"
เอสเทล "ไมเป็นไร แต่จะว่าไปไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่มีงานอดิเรกแบบนี้นะเนี่ย...... ที่บอกว่าเป็นนักโบราณคดียากจนนั่นโกหกทั้งหมดสินะ"
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ เรื่องยากจนน่ะไม่ แต่เรื่องที่กำลังวิจัยโบราณคดีอยู่น่ะเป็นเรื่องจริง อันที่จริงไปป์ออร์แกนน่ะ ชั้นเคยฝึกสมัยที่อยู่กับโบสถ์น่ะ อาจจะเก่งไม่เท่าชาวจักรวรรดิคนนั้น แต่ก็มีฝีมืออย่างที่เห็น?"
เอสเทล "กะ กับโบสถ์.....?"
ศจ. ไวส์แมน "ก็ที่เรียกกันว่านักบวชยังไงล่ะ ฉันละทิ้งเส้นทางแห่งความศรัทธาไปก็เพราะมีโอกาสได้พบกับ [นายเหนือหัว] 『盟主』...... ภูมิปัญญาแห่งอาร์ติแฟกซ์ (มรดกแห่งอารยธรรมโบราณ) ที่ได้ร่ำเรียนมาในตอนนั้น ตอนนี้ก็มีประโยชน์อย่างที่เห็น แล้วมันก็มีประโยชน์กับแผนการในคราวนี้ด้วยเช่นกัน"
เอสเทล "............................ ทั้งเรื่องหว่านล้อมพันเอกให้ก่อการปฏิวัติ....... ทั้งเรื่องทำการทดลอง [กอสเปล] 『ゴスペル』 ที่ทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วทุกพื้นที่...... ทั้งหมดนั่น...... เป็นนายเองสินะ"
ศจ. ไวส์แมน "ถูกต้อง------- ทั้งหมดนั่นก็เพื่อ [แผนการพระสุรเสียง] 『福音計画』 ยังไงล่ะ"
เอสเทล "[แผนการพระสุรเสียง]...... เคยเจอหัวข้อแบบนั้นในดาต้าเบสของตึกวิจัยนั่นอยู่เหมือนกัน...... สรุปแล้วก็คือแผนการที่จะเอา [วงแหวนประกายแสง] 『輝く環』 มาไว้ในกำมือสินะ?"
ศจ. ไวส์แมน "ที่บอกว่าเอามาไว้ในกำมือน่ะ เข้าใจผิดไปหน่อยนะ...... เอาเถอะ จะคิดอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกมั๊ง"
เอสเทล "[วงแหวนประกายแสง] มันคืออะไร? ที่บอกกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแห่งเทพธิดา แล้วมีรูปธรรมเป็นอะไรงั้นเหรอ?"
ศจ. ไวส์แมน "เกี่ยวกับรูปร่างที่แท้จริงของ [วงแหวนประกายแสง] ณ เวลานี้ขอให้มันเป็นความลับไปก่อน เพราะฉันไม่อยากทำให้ความประหลาดใจที่อุตส่าห์สร้างมาล้มครืนลงไปน่ะ"
เอสเทล "ความประหลาดใจเนี่ยนะ......"
ศจ. ไวส์แมน "แผนการก็ดำเนินไปถึงขั้นที่ 3 แล้ว อีกนิดเดียว รูปร่างที่แท้จริงนั้นก็จะเป็นที่รู้จักของทุกคน หึหึ...... รอให้เวลานั้นมาถึงนี่ช่างน่าตื่นเต้นเสียจริง"
เอสเทล "..................."
ศจ. ไวส์แมน "แล้ว เวลาที่ [วงแหวน] ปรากฏ...... พวกฉันก็จะสามารถตัดสินความเป็นไปได้ของมนุษย์ด้วยตาคู่นี้ได้"
เอสเทล "ความเป็นไปได้ของมนุษย์...... ดูเหมือน [เลกนาร์ต] ก็เคยพูดแบบนั้น......"
ศจ. ไวส์แมน "โฮ่ ได้ฟังจากสัตว์เทพเจ้าจนถึงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย หืม ดูท่าคงไม่ได้อาศัยแค่บารมีจากพ่ออย่างเดียวนะเนี่ย"
เอสเทล "ยกยอกันเกินไปแล้วย่ะ อะไรกันเนี่ย...... ตั้งคำถามไปตั้งหลายข้อ แต่เล่นหลบเลี่ยงอย่างเดียวเลยไม่ใช่เหรอไง"
ศจ. ไวส์แมน "โทษที...... ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นหรอก แต่ฉันว่าคำถามที่เธออยากถามมากที่สุด ฉันสามารถตอบได้อย่างชัดเจนนะ"
- เอสเทลประหลาดใจกับคำพูดของไวส์แมน สายตาของเธอจับจ้องไปที่เขา
ศจ. ไวส์แมน "โอ้ ไม่เห็นจะต้องลังเลขนาดนั้นก็ได้นี่นา? ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปกลัวอะไรเลยนี่ รวบรวมความกล้าแล้วลองถามดูสิ"
- แต่เอสเทลก็ยังคงนิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจถามออกมาว่า
เอสเทล "โยชัวร์...... อยู่ที่ไหนเหรอ?"
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ...... เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่ากำลังวางแผนอะไรบางอย่างกับพวกสลัดอากาศอยู่...... และก็ยังจับการเคลื่อนไหวไม่ได้ด้วย ตอนนี้น่าจะปลอดภัยดีล่ะมั๊ง"
เอสเทล "งะ งั้นเหรอ......"
- เอสเทลโล่งอกที่ได้ยินว่าโยชัวร์ยังไม่ถูกเหล่างูกินหางจับ
ศจ. ไวส์แมน "ความสามารถของโยชัวร์น่ะ เหมาะกับการดำเนินการอย่างลับ ๆ และการต่อสู้กับคนหมู่มาก คนที่ปรับแต่งให้กลายเป็นอย่างนั้นก็คือฉัน แต่ดูเหมือนว่าจะเสร็จสมบูรณ์ได้มากกว่าที่คาดเอาไว้ หึหึ...... ฉันจะรอดูว่าจะพยายามได้ถึงขนาดไหนกันนะ"
เอสเทล "นาย......"
ศจ. ไวส์แมน "อ้อ อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นสิ ตอนที่ชั้นรับฝากเอาไว้ หัวใจของโยชัวร์ก็แตกสลายอยู่แล้ว ทำการสร้างหัวใจแบบนั้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แม้แต่ฉันก็เป็นการทดลองครั้งแรกเชียวนะ การใส่ใจกับผลลัพธ์ที่จะออกมา ย่อมต้องคิดในฐานะที่เป็นนักวิจัยอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?"
เอสเทล ".............................. งานเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพตอนโน้น พูดอะไรกับโยชัวร์ไปใช่ไม๊?"
ศจ. ไวส์แมน "ก็แค่ปลดผนึกความทรงจำที่ผนึกเอาไว้และบอกความจริงไปเท่านั้นเอง อย่างเรื่องที่เขาที่ครอบครัวของเธอรับไปเลี้ยงดูส่งข้อมูลให้กับ [องค์กร] ในฐานะสปายในขณะที่ไม่รู้สึกตัว...... แล้วก็เรื่องที่ข้อมูลของเขา ทำให้การปฏิวัติของพันเอกริชาร์ดประสบผลสำเร็จและการเตรียมแผนการของพวกฉันก็เสร็จสมบูรณ์น่ะ ก็เลยให้รางวัลโดยปล่อยให้เป็นอิสระจาก [องค์กร] อีกครั้ง"
เอสเทล "......................... ......ในที่สุดก็เข้าใจ...... ว่าทำไมโยชัวร์...... ถึงได้หายตัวไป...... ในคืนนั้น...... ทำไมถึงได้ทำหน้าแบบนั้น...... แล้วพูดว่าลาก่อน......."
ศจ. ไวส์แมน "ไม่ใช่หรอก เกี่ยวกับเรื่องนั้นน่ะ สิ่งที่น่าจะเศร้าเสียใจยิ่งกว่าอะไร ไม่ใช่เรื่องที่โยชัวร์ที่ได้ตัวเองกลับคืนมาแล้วหายตัวไปจากพวกเธอหรอก แต่เป็นเพราะฉันแนะนำให้เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วไปใช้ชีวิตอยู่กับพวกเธอซะ...... หึหึ คงจะเป็นผลมาจากจิตใจที่เมตตาล่ะมั๊ง?"
- ร่างกายของเอสเทลสั่นสะท้าน เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
เอสเทล "พูดถึงขนาดนั้น...... ได้ยังไงกันนะ...... ไล่ต้อนโยชัวร์ให้จนมุมให้มีแต่ต้องเลือกหนทางแบบนั้น...... ทำหน้าแบบนั้น...... มอบฮาร์โมนิก้าให้กับชั้น...... พูดว่า...... ลาก่อนเอสเทล......"
- เอสเทลงัดพลองของเธอออกมา น้ำตาแห่งความโกรธและความเศร้าของเธอปริ่มออกมา
เอสเทล "ทั้งหมด ทั้งหมดนั่น! เป็นเพราะนายไม่ใช่เหรอออ!"
- ความอดทนของเอสเทลสิ้นสุดลง เธอเงื้อมือเต็มที่เข้าโจมตีไวส์แมน แต่ทว่าชายหนุ่มผมเงินออกมารับการโจมตีและปัดเอสเทลจนกระเด็นแบบไม่ทันตั้งตัว
เอสเทล "[จักรพรรดิดาบ] เรเว...... ผะ โผล่ออกมาจากไหน......"
จักรพรรดิดาบเรเว "......ก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก แต่เธอไม่รู้สึกตัวเท่านั้นเอง"
- "เฮ้อ...... ไม่เลยแม่แต่น้อย" เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ฉับพลันนั้นร่างของเหล่างูกินหางก็ปราฏตัวต่อหน้าเอสเทล
จอมโจรบลูแบลง "อุตส่าห์ทำให้การเดิมพันของฉันเกือบจะชนะแล้ว คิดแล้วค่อยลงมือทำหน่อยสิ"
หมาป่าผอมวอลเตอร์ "คึก๊ากก๊าก อย่าพูดแบบนั้นสิ การที่จะโจมตีใส่ [ไร้หน้า] น่ะ ความกล้าระดับธรรมดา ๆ ไม่น่าจะทำได้นะเฟ้ย"
กระพรวนเสน่ห์ลูชิโอล่า "หึหึ ฝืมือน่ะอาจจะไม่ แต่แค่ความกล้าน่ะเรื่องใหญ่นะ หรืออาจจะเพราะแค่สมองทึ่มเท่านั้นหรือจ๊ะ?"
- เมื่อเอสเทลเห็นเหล่างูกินหางเบื้องหน้า ถึงกับผงะไป
เสียงชายหนุ่ม "อุหึหึ...... เธอคือคุณหนูของ [ปราชญ์ดาบ] งั้นหรือ"
- ชายหนุ่มผมเขียวในชุดสีชมพูปรากฏตัวขึ้นอีกด้านหนึ่งของเอสเทล
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "หึหึ ยินดีที่ได้รู้จักสินะ ผู้ดำเนินแผนการ No. 0 ------------ [ตัวตลก] คัมพาเนลล่า ต่อจากนี้ฝากตัวด้วยนะ❤"
- "แหม ทุกคนไปทำให้เอสเทลกลัวไม่ได้นะ" เร็นเดินเข้ามาหาเอสเทล
เอสเทล "เร็น......"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "อุหึหึ...... ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไม่ได้มารวมตัวกันเพื่อฆ่าเอสเทลซักหน่อย"
เอสเทล "เห......"
- เร็นเดินเข้าไปหาไวส์แมนด้วยใบหน้าที่เริงร่า
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "นี ศาสตราจารย์ รีบ ๆ บอกกับเอสเทลเรื่องที่ว่าสิ?"
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ...... เอาอย่างงั้นเหรอ"
- เรเวถอยให้ไวส์แมนเดินออกมาพูดกับเอสเทล
ศจ. ไวส์แมน "ว่าไงเอสเทลคุง เธอเองก็อยากจะลองมาเข้าร่วมกับ [งูกินหาง] ดูไม๊?"
เอสเทล "เห......"
- เอสเทลนิ่งไปครู่นึง ก่อนที่จะถามกลับไปด้วยความงงงวย
เอสเทล "......โทษที ดูเหมือนจะฟังผิดไปแฮะ พูดอีกครั้งได้ไม๊?"
ศจ. ไวส์แมน "ฉันพูดว่า เธอเองก็อยากจะลองมาเข้าร่วมกับ [งูกินหาง] ดูไม๊ ในฐานะตัวเสริม [ผู้ดำเนินแผนการ] ก่อนน่ะ"
เอสเทล "วะ วะ วะ......ว่าไงน๊าาา!?"
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจขนาดนั้นเลยนี่นา? ลองคิดดูสิ ถ้าเธอเข้าร่วมกับ [องค์กร] ไม่คิดเหรอว่าโยชัวร์เองก็อาจจะไม่ถือทิฐิและกลับมาเหมือนกันน่ะ?"
เอสเทล "อา......"
นางฟ้าแห่งการทำลายล้างเร็น "ที่เอสเทลต้องการก็คือการพบกับโยชัวร์อีกครั้งสินะ? แค่เพียงเข้าร่วมกับ [องค์กร] ความต้องการนั่นก็จะใกล้ความเป็นจริงเข้าไปอีกนะ อุหึหึ...... ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่นา?"
เอสเทล "......ตะ แต่ว่า...... ......ชั้น......"
ศจ. ไวส์แมน "หึหึ ค่อย ๆ คิดก็ได้ หลังจากนี้พวกฉันมีธุระจะไม่อยู่ที่เรือนี่สักพัก ถ้ากลับมาแล้วก็ค่อยมาฟังคำตอบตอนนั้นก็แล้วกันนะ"
- ศจ. ไวส์แมนดีดนิ้วเรียกพวกทหารของเขาเข้ามา
ศจ. ไวส์แมน "โทษทีนะ จนกว่าจะถึงตอนนั้นขอจำกัดอิสรภาพของเธอก็แล้วกัน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกกับพวกเขาได้"
กลอเรียส - ส่วนหัวเรือ 『グロリアス・前部』
- ภายในห้อง "เอสเทล" ครุ่นคิดถึงคำพูดของไวส์แมนอยู่คนเดียว ทั้งสับสนว่าถ้าเข้าร่วมกับ [องค์กร] โอกาสที่จะได้เจอกับโยชัวร์ก็สูงขึ้น โดยไม่ต้องไปเป็นพวกจริง ๆ แต่แกล้งแสดงเป็นพวกไปก่อน แต่เอสเทลก็คิดหนักเข้าไปอีกเพราะฝีมือการแสดงของเธอช่างต่ำซะเหลือเกินและคิดว่าคงจะปิดไม่มิดแน่ ๆ
- เอสเทลเดินไปที่หน้าต่าง เธอคิดว่าการทำเช่นนั้นไม่ใช่วิธีการของเธอเลย
- เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเอสเทลหันไปก็ต้องประหลาดใจเพราะคนที่เข้ามานั้นก็คือ [จักรพรรดิดาบ] เรเว นั่นเอง
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... ไม่เห็นต้องระวังตัวแจขนาดนั้นเลย ตราบใดที่ไม่ทำอะไรวู่วามแบบเมื่อกี๊ ชั้นก็ไม่ทำอันตรายกับเธอหรอก"
เอสเทล "โทษทีนะ ที่วู่วามน่ะ อะไรเนี่ย ไม่ใช่ว่าพวกนายต้องออกไปที่ไหนหรอกเหรอ?"
จักรพรรดิดาบเรเว "ชั้นก็แค่ไม่อยู่ธรรมดา แต่ที่ต้องออกไปก็มีแค่ศาสตราจารย์กับ [ผู้ดำเนินแผนการ] คนอื่นเท่านั้น"
เอสเทล "......คิด จะทำอะไรกันแน่?"
จักรพรรดิดาบเรเว "ถ้าอยากรู้ล่ะก็ ไม่ลองตอบรับคำชวนของศาสตราจารย์ดูล่ะ? คงจะได้รู้ข้อมูลคร่าว ๆ อยู่บ้าง"
- เอสเทลไร้ซึ่งคำตอบให้แก่เรเว
จักรพรรดิดาบเรเว "หึหึ...... จะบอกว่ายังสับสนที่จะให้คำตอบงั้นหรือ?"
เอสเทล "!!!"
จักรพรรดิดาบเรเว "ความคิดเห็นส่วนตัวของชั้น ถึงอย่างไรก็ไม่คิดว่าเธอจะเหมาะกับ [องค์กร] หรอก ทั้งความสามารถ ทั้งลักษณะนิสัย"
เอสเทล "อุก...... พูดตรง ๆ แบบนั้นมันทำร้ายจิตใจมากเลยนะ......"
จักรพรรดิดาบเรเว "เอาเถอะ กับความสามารถแล้วก็คงจะเป็นไปได้ แต่ว่ากับลักษณะนิสัย...... ถ้าจะมาข้องเกี่ยวกับ [องค์กร] ความมืดมิดของเธอมันน้อยเกินไป"
เอสเทล "ความมืดมิด......"
จักรพรรดิดาบเรเว "ผู้ที่จะมาสังกัดกับ [องค์กร] ทุกคนแบกรับความมืดมิดบางอย่างเอาไว้ ชั้น ศาสตราจารย์ ผู้ดำเนินแผนการคนอื่น ๆ...... และแน่นอนว่า โยชัวร์ก็ด้วย"
- คำพูดของเรเวทำให้เอสเทลเงียบไป ก่อนที่เธอจะตัดสินใจถามเขาว่า
เอสเทล "นี่ [จักรพรรดิดาบ]...... คุณกับโยชัรว์มีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่?"
จักรพรรดิดาบเรเว "......................."
เอสเทล "โยชัวร์ปักใจกับเรื่องของร้อยตรีโรแลนซ์มาตลอด ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้หน้า แต่ดูเหมือนจะรู้ว่าเป็นใครซักคน...... แล้วรู้สึกว่าโยชัวร์พยายามที่จะรู้ตัวจริงให้ได้ด้วย"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... เป็นธรรมดา หมอนั่นถูกศาสตราจารย์ผนึกความทรงจำไว้บางส่วนหลังออกจาก [องค์กร] ไปกระทันหัน น่าจะจับเค้าได้ว่าตัวเองไม่สามารถนึกข้อมูลบางอย่างได้อย่างชัดเจน ถึงจะนึกออกว่าตัวเองเคยทำงานประเภทไหนใน [องค์กร] แต่ก็นึกชื่อของคนที่เกี่ยวข้องไม่ออก...... คงจะรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนอยู่แบบนั้นล่ะ"
เอสเทล "อ๊ะ......"
จักรพรรดิดาบเรเว "ความทรงจำในวัยเด็กก็เหมือนกัน...... เพราะถึงแม้จะนึกถึงคารินได้ก็ตาม แต่ความทรงจำส่วนของชั้นก็น่าจะคลุมเครือ"
เอสเทล "งั้นเหรอ...... งั้นก็เลย...... แต่เอ๊ะ [คาริน] เนี่ย เคยได้ยินมาจากที่ไหนนะ?"
- เรเวเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ เอสเทล เขาทอดสายตาเหม่อมองออกไปทางหน้าต่าง
จักรพรรดิดาบเรเว "------คาริน แอสเทรย์ 『カリン・アストレイ』 เพื่อนในวัยเด็กของชั้น และเป็นพี่สาวที่แท้จริงของโยชัวร์ที่ตายไปเมื่อ 10 ปีก่อน"
เอสเทล "!!!"
จักรพรรดิดาบเรเว "ฮาร์โมนิก้าที่เธอถืออยู่ แต่เดิมเคยเป็นของคาริน โยชัวร์รับมันมาในฐานะของดูต่างหน้า...... แล้วเธอก็ได้รับมันมาไงล่ะ"
เอสเทล "โยชัวร์...... เคยมีพี่สาว......"
- สีหน้าของเอสเทลฉายแววแห่งความเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
เอสเทล "เอ่อ...... ทำไม...... คุณคาริน...... ทำไมคุณพี่สาวถึงตายไปล่ะ?"
จักรพรรดิดาบเรเว "......ถ้าเธอรู้จะไม่สามารถอยู่อย่างขาวสะอาดได้อีกต่อไป กลายเป็นว่าจะต้องมาเฝ้าดูดินแดนแห่งความมืดมิดที่ทั้งโยชัวร์ทั้งพวกชั้นอาศัยอยู่ เตรียมใจไว้แล้วหรือยังล่ะ?"
เอสเทล "....................... ......อืม บอกมาเถอะ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเตรียมใจไว้แล้วหรือยังไม่ได้เตรียมใจก็ตาม...... แต่ชั้นน่ะ...... ไม่ว่าจะยังไงก็อยากจะรู้เส้นทางที่โยชัวร์ได้ก้าวเดินไปเอาไว้ เพราะมีแค่เพียงความรู้สึกนั้น ที่เป็นเรื่องจริง"
จักรพรรดิดาบเรเว "......ก็ดี -------------------- เป็นเรื่องเมื่อ 10 ปีก่อน...... ช่วงที่หมู่บ้านเฮอร์เมล 『ハーメル村』 ที่พวกชั้นเคยอาศัยอยู่ยังคงปรากฏในแผนที่"
- เรเวเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนให้เอสเทลฟัง
"เฮอร์เมลเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ..... และมีเด็กอยู่น้อย พวกชั้นจึงมักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเสมอ ๆ ชั้นฝันไว้ว่าซักวันหนึ่งจะเป็นเบรเซอร์ ว่างเมื่อไรก็ฝึกฝนเพลงดาบ...... จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่คารินกับโยชัวร์ตัวน้อยต้องมาดู
......หลังฝึกเสร็จ ชั้นกับโยชัวร์ก็ฟังท่วงทำนองของฮาร์โมนิก้าที่คารินบรรเลง คารินเป่าได้ทุกเพลง แต่เพลงที่พวกชั้นชอบมากที่สุดก็คือ [ที่ที่ดวงดาวคงอยู่] 『星の在り処』 ที่เคยแพร่หลายเมื่อสิบปีก่อน วันเวลาเช่นนั้นก็ได้ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ...... โดยที่พวกชั้นเชื่อเช่นนั้นอย่างไร้ข้อสงสัย
จนกระทั่งวันที่หมู่บ้านถูกโจมตี
กลุ่มคนชุดดำที่พกปืนออร์บเมนท์ของราชอาณาจักร...... พวกมันล้อมหมู่บ้าน ทารุณแล้วฆ่าพวกชาวบ้าน ไม่ว่าจะคนแก่จนถึงลูกเด็กเล็กแดงก็ไม่มียกเว้น คนที่ถูกฆ่าทันทีอาจจะมีความสุขกว่า ...... แต่ชะตากรรมของพวกผู้หญิงกลับน่าเวทนา
พวกชั้น ------ หนีออกมาจากนรกนั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ฟังเสียงวาระสุดท้ายของครอบครัวและทุก ๆ คนที่พอจะจับใจความได้ว่า [หนีไป!] และก็ทุ่มกำลังมุ่งหน้าออกนอกหมู่บ้านไปด้วย จากนั้น ในช่วงที่ออกมาถึงนอกหมู่บ้าน พอได้ยินเสียงไล่ตามมาติด ๆ ชั้นก็เลยให้คารินกับโยชัวร์หนีไปกันก่อน แล้วชั้นก็ไปล่อพวกที่ตามมา
ทว่า...... พวกที่มาโจมตีนั้นมีการเฝ้าระวังมากกว่าที่คิดไว้ ชาวบ้านที่หนีออกมาถูกพวกที่ซุ่มรออยู่จัดการ
ตอนที่ชั้นมาถึง ณ ที่แห่งนั้นเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด ร่างไร้วิญญาณของผู้ชายที่ถูกยิงที่คอ...... โยชัวร์ที่ถือปืนอย่างไร้สติ...... คารินที่ถูกฟันตั้งแต่บ่าจนถึงกลางหลังกอดโยชัวร์จนแน่น...... คาริน...... ที่ยังเหลือลมหายใจเพียงน้อยนิด
ทำไมคารินถึงได้...... แสดงสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน มอบฮาร์โมนิก้าที่เธอชอบใช้ให้กับโยชัวร์ และฝากฝังโยชัวร์ไว้กับชั้น...... แล้ว ------ ก็ตายจากไปอย่างสงบ"
- เอสเทลตกใจกับเรื่องราวที่พรั่งพรูออกมาจากปากของเรเว
เอสเทล "......เพราะ ......อะไร...... ทำไม...... เรื่องแบบนั้น......"
จักรพรรดิดาบเรเว "หลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น กองทัพจักรวรรดิก็ยกพลบุกเข้าสู่ลีเบร์ลทันที ในฐานะที่ลีเบร์ลเป็นผู้บุกรุก ที่ถือปืนออร์บเมนท์ของราชอาณาจักรและทำให้เกิดเรื่องน่าสลดใจขึ้นบริเวณพรมแดน...... นั่นเป็นข้ออ้างที่มากพอในการเริ่มสงครามรุกรานยังไงล่ะ"
เอสเทล "......นั่น...... เป็นทหารของลีเบร์ลจริง ๆ เหรอ......?"
จักรพรรดิดาบเรเว "ตอนแรกพวกชั้นที่ได้รับความคุ้มครองจากทางกองทัพก็ได้ฟังมาแบบนั้น แต่หลายเดือนให้หลัง...... ตอนที่กองทัพจักรวรรดิแตกพ่ายแล้วสงครามจบลง พวกชั้นก็ได้รับคำอธิบายอื่น ๆ ทั้งหมด อย่างเรื่อง พวกที่บุกหมู่บ้านก็คือพวกโจรที่มาจากหน่วยทหารรับจ้างที่แตกพ่าย แล้วจากนั้น พวกชั้นก็ถูกข่มขู่ไม่ให้เปิดเผยเรื่องบุกโจมตี...... กองทัพประกาศว่าเป็นผลมาจากดินถล่ม แล้วปิดเส้นทางทั้งหมดที่ไปยังเฮอร์เมล"
เอสเทล "ดะ เดี๋ยวก่อนนะ!? แล้วมีความจำเป็นอะไรถึงขนาดต้องโกหกด้วย? ยังกับว่า......"
จักรพรรดิดาบเรเว "คึคึ...... ทั้งหมดนั่น ฝ่ายที่สนับสนุนให้ทำสงครามที่อยู่ภายในจักรวรรดิวางแผนสร้างเรื่องขึ้นมา เพียงเพื่อจะเข้ารุกรานลีเบร์ลเท่านั้นน่ะสิ ในช่วงท้ายของสงครามเรื่องนั้นก็แดงออกมา รัฐบาลจักรรวรรดิแตกตื่นกันใหญ่ เสนอให้พักรบกันอย่างโจ่งแจ้ง ทำการลงโทษไม่ยกเว้นแม้แต่พวกหัวหน้า แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ก็คือ--------- โฉมหน้าที่แท้จริงของ [โศกนาฏกรรมแห่งเฮอร์เมล] 『ハーメルの悲劇』 ยังไงล่ะ ในช่วงวันเวลาเหล่านั้น...... หัวใจของโยชัวร์ก็แตกสลายไปทั้งหมด การตายของพี่สาว การตายของพ่อแม่ การตายของคนใกล้ชิด ช็อคที่ช่วงชิงชีวิตคนเป็นครั้งแรก แล้วก็โลกใบนี้ที่เต็มไปด้วยความโกหกหลอกลวง...... สำหรับหัวใจของเด็กอายุ 6 ขวบ เรื่องแค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้มันแตกสลายไปได้"
เอสเทล "................................"
จักรพรรดิดาบเรเว "เรื่องต่อจากนี้คงได้ฟังมาจากโยชัวร์แล้วสินะ โยชัวร์ที่หัวใจแตกสลาย ไม่สนใจสิ่งใดนอกจากฮาร์โมนิก้า แล้วก็ทรุดโทรมผ่ายผอมลงทุกวัน เบื้องหน้าของชั้นและโยชัวร์ที่เป็นแบบนั้น ไวส์แมนคนนั้นก็ปรากฏตัว...... ชั้นฝากโยชัวร์ให้กับเขา แล้วก็ถลำตัวเข้าสู่ [งูกินหาง] จากนั้น 2 ปีให้หลัง...... โยชัวร์ที่ถูกศาสตราจารย์ปรับแต่งก็เดินเข้าสู่เส้นทางเดียวกับชั้น"
- เรเวหันมาหาเอสเทลที่ยืนฟังเรื่องต่าง ๆ อย่างนิ่งเงียบและบอกว่า
จักรพรรดิดาบเรเว "------นี่แหล่ะคือความมืดมิด เอสเทล ไบรท์ ระหว่างเธอกับโยชัวร์ มีส่วนไหนที่ขาดไปหรือเปล่า...... ในที่สุดก็เข้าใจได้แล้วใช่ไม๊?"
เอสเทล "............................. ......ใช่ ในที่สุดชั้นก็รู้สึกและมองเห็นเหตุผลที่แท้จริงที่โยชัวร์หายตัวไปแล้ว"
จักรพรรดิดาบเรเว "ว่าไงนะ......?"
- เอสเทลพูดต่อด้วยสีหน้าที่สดใส
เอสเทล "---------คำเชิญชวนของศาสตราจารย์น่ะ ชั้นจะขอปฏิเสธตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย ชั้นน่ะ ไม่ว่ายังไงก็ไม่เข้าร่วมกับ [งูกินหาง] แน่นอน ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ชอบหรือไม่ชอบ [องค์กร] หรอกนะ...... แต่ตราบใดที่ชั้นยังตามโยชัวร์ต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะไม่เข้าร่วมเด็ดขาด ถึงจะผิดต่อเร็นที่อุตส่าห์ชวนให้เข้าเป็นพวกทั้งที...... แต่ช่างเถอะ ถ้าไปขอโทษคงจะอภัยให้สินะ?"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ...... เป็นเด็กสาวที่แปลกจริง พอได้ฟังเรื่องที่พูดเมื่อกี๊กลับตัดความสับสนให้ขาดออกไปได้ ดูท่าคงไม่ใช่แค่ลูกสาวของ [ปราชญ์ดาบ] ซะล่ะมั๊ง"
เอสเทล "งะ งั้นเหรอ? ไม่ค่อยเข้าใจแฮะ...... แต่พูดก็พูดเถอะ คุณต่างหากล่ะ คงไม่ใช่แค่เพื่อนสมัยก่อนของโยชัวร์เท่านั้น แต่เป็นเสมือนพี่ชายสินะ"
- เรเวเงียบไป ก่อนที่เขาจะหันไปยังหน้าต่างทอดสายตาออกไปไกลแสนไกลอีกครั้ง
จักรพรรดิดาบเรเว "บอกไว้ก่อนอย่าเข้าใจผิด ชั้นเปรียบเสมือนพี่ชายของหมอนั่นจนถึงเมื่อ 10 ปีก่อนเท่านั้น สำหรับชั้นในตอนนี้ หมอนั่นก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวอันตรายที่สมควรกำจัดทิ้งซะ"
เอสเทล "เอ๋......"
จักรพรรดิดาบเรเว "ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์จะสนุกกับการทำให้โยชัวร์ต้องตะเกียกตะกายไปมา...... แต่ความคิดของชั้นต่างจากศาสตราจารย์ ในเร็ว ๆ นี้ชั้นคิดที่จะจัดการให้เสร็จด้วยมือของชั้นเอง"
เอสเทล "! ดะ เดี๋ยวสิ! ทำไมต้องเป็นแบบนั้นด้วยล่ะ!? คุณคาริน...... พี่สาวของโยชัวร์ฝากฝังเอาไว้ไม่ใช่เหรอ!?"
จักรพรรดิดาบเรเว "ชั้นมีเส้นทางที่ชั้นเลือกเดิน สิ่งที่ขัดขวางเส้นทางนั้น ชั้นได้ตัดสินใจที่จะฟาดฟันมันไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนก็ตาม ถึงแม้นั่นจะเป็นความปรารถนาของคารินก็ตามที"
เอสเทล "นั่นมัน......"
- ภายในห้องเงียบสงัดลงเพียงครู่นึง เอสเทลก็สังเกตเรือรบที่นอกหน้าต่าง ซึ่งนั่นก็คือเรือที่พาศาสตราจารย์และเหล่างูกินหางคนอื่น ๆ ออกไปดำเนินการแผนการขั้นที่ 3 นี่เองค่ะ
- จากนั้น เรเวจะจากไปโดยบอกให้เอสเทลทำตัวดี ๆ อยู่เงียบ ๆ ในห้อง และบอกเธอว่าอย่าได้คิดหนีไปไหน เพราะที่นี่อยู่เหนือน่านฟ้าในระดับ 8000 อาร์จไม่มีที่ให้เธอหนีไปแน่นอนค่ะ
- แต่แหม นางเอกของเราคงจะทำตัวเฉย ๆ เงียบ ๆ หรอกนะ ไหน ๆ ทั้งเร็น ทั้งศาสตราจารย์ก็ไม่อยู่แล้ว แม่สาวน้อยเอสเทลของเราก็เริ่มคิดที่จะทำอะไรบางอย่างค่ะ เธอหยุดยืนตรงหน้าต่างและหยิบฮาร์โมนิก้าขึ้นมาดู
เอสเทล "......เป็นของดูต่างหน้าสินะ โยชัวร์นี่บ้าจริง...... อย่าให้ของแบบนี้กันง่าย ๆ สิ"
- ทหารยามเดินมาเปลี่ยนเวรยาม ทันใดนั้นภายในห้องก็มีเสียงอะไรบางอย่างกระทบกันดังขึ้น จากนั้นเสียงกระจกแตกลง พวกทหารไม่รีรอที่จะเข้าไปดูข้างใน
- เมื่อพวกเขาเข้าไปเห็นก็คิดว่าแม่หนูนั่นคิดที่จะฆ่าตัวตายหรือไง ทำลายกระจกแล้วโดดลงไปแบบนี้ แต่เมื่อพวกเขาวิ่งไปออกันหน้ากระจก เอสเทลที่แอบอยู่นอกกระจก (หาที่เกาะตรงไหนเนี่ย) ก็ฉวยโอกาสเข้าโจมตี "คุณลุง" (ก็มาเรียกเธอว่า "ไอ้เด็กน้อย" ที่ใช้เรียกผู้ชายซะงั้น มีเคืองค่ะ เอสเทลเลยป้าบคุณลุงทั้ง 2 ไปกันคนละนิดล่ะหน่อย?)
- เอาล่ะ! จนกว่าเอสเทลสาวน้อยของเราจะได้พบกับโยชัวร์ เธอจะเป็นอะไรไปไม่ได้ มาช่วยทำให้ความฝันของเธอเป็นจริงกัน ด้วยการบังคับเธอหนีออกไปจากเรืออาร์คแดงลำใหญ่ลำนี้กันเถอะค่ะ
☆ไอเทมในช่วงนี้ "ยาแห่งเทียร์รอล"☆
- ขึ้นลิฟท์ไปที่ส่วนหัวเรือชั้น 1 แล้วดูแผนที่ (จะเรืองแสงสีฟ้าอ่อน ติดอยู่ใกล้ ๆ ทางออกแต่ละส่วนค่ะ) แล้วจำไว้ให้ดีนะคะ จุดที่เป็นสีแดงคือจุดที่เราผ่านไปไม่ได้
(ถ้าลองเดินไปจะมีเสาไฟฟ้าแรงสูงโผล่ขึ้นมาค่ะ จะได้ดูแอคชั่นของเอสเทลกับเสาที่โผล่ขึ้นมาด้วยนะคะ หลังจากเอสเทลปล่อยวางจากเสาแล้ว หากเราเดินไปโดนเสาที่ว่าจะเกิดอาการสูญเสีย HP ค่ะ)
☆ไอเทมในช่วงนี้ "ยาแห่งคิวเรีย", "วาจูร่า", "EPชาร์จ I" และ "มิสตี้เวลล์" ค่ะ☆
กลอเรียส - ดาดฟ้าเรือ 『グロリアス・甲板』
- เมื่อออกมาที่ดาดฟ้าเรือ ให้เตรียมตัวไว้ได้เลยค่ะ การต่อสู้และเรื่องราวแห่งโชคชะตากำลังจะเกิดขึ้น
- ในขณะที่เอสเทล กำลังจะลงไปใต้ท้องเรือ เพื่อหายานเล็กหนีออกไปจากที่นี่ ก็ได้เผชิญหน้ากับ "ทหารพรานเสริมความแข็งแกร่ง" ทั้งหลาย ซึ่ง 1 ในนั้น ช่างดูคุ้นตาจริง ๆ
- มีคำตอบให้เลือกค่ะ
・・・どちらさま?
...คุณคือใครคะ?
-
カプア空賊団の次男
พี่ชายคนรองของกลุ่มสลัดอากาศคาปัว
-
ダルモア市長の秘書
เลขานายกเทศมนตรีดัลมอร์
Bonus BP
- จากตรงนี้จะทราบว่า "กิลเบิร์ต" ใช้ช่วงที่เกิดความโกลาหล ตอนเหตุการณ์ปฏิวัติ หนีออกมาจากคุก จากนั้น ก็ละทิ้งทุกอย่าง (จริงเหรอ?) มาเข้าร่วมกับ [องค์กร] ค่ะ
(เพราะกิลเบิร์ต เป็นอัจฉริยะทั้งบุ๋นและบู๋ (จริงดิ?) และถึงแม้ จะเคยร้องโหยหวน เพราะโดนทหารพิเศษยิงเข้าที่ขา ตอนคดีดัลมอร์ เขาที่ผ่านโปรแกรมการฝึกฝนของทาง [องค์กร] และเลเวลอัฟมาแล้ว ก็จะเข้าต่อสู้กับนางเอกสุดแกร่งของเราค่ะ)
- กิลเบิร์ต + ทหารพรานเสริมความแข็งแกร่ง (ดาบใหญ่) *4 -
- 『ギルバート + 強化猟兵・大剣*4』 -
**หากต้องการเก็บโบนัส BP ต้องเตรียมตัวให้พร้อม แนะนำ ให้สวมควอทซ์ "การกระทำ4" เพื่อเพิ่มความเร็วค่ะ ไม่งั้นจะไม่สามารถจบการต่อสู้ได้ (อาจจะพลาดท่า หรือเวลาหมดซะก่อน)**
**เมื่อเริ่มการต่อสู้ ให้เอสเทลใช้ "คล็อกอัฟ รุ่นปรับปรุง" ใส่ตัวเอง เพื่อเพิ่ม SPD แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้นค่ะ (หรือถ้าจะให้ดี หากมีอาหารที่เพิ่ม SPD อยู่ก็กินได้เลยค่ะ)**
**แนะนำ ให้ใช้อาร์ทกินอาณาเขต คุณสมบัติใดก็ได้ปราบค่ะ (ใส่ควอทซ์ "ขับเคลื่อน2" ไว้ด้วยก็ดี จะได้ร่ายอาร์ทได้เร็วขึ้นค่ะ) เพราะศัตรูพลังป้องกันกายภาพค่อนข้างสูง และเรายังต้องแข่งกับเวลา การใช้อาร์ทกินอาณาเขต เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ**
**การฟื้นฟูพลังกาย หรือแก้สถานะผิดปกติ แนะนำ ให้ใช้ไอเทมนะคะ ไม่อย่างนั้น จบการต่อสู้ไม่ทันค่ะ**
**อาร์ทที่แนะนำ "โวลแคนิคเรฟ" (ไฟ - อาณาเขตปานกลาง) หรือ "ไททานิค รอร์" (ดิน - ทั่วฉาก) ค่ะ**
☆การต่อสู้ในครั้งนี้ "เอสเทล" นางเอกของเราต้องต่อสู้เพียงคนเดียว ไม่ว่าจะจบการต่อสู้ได้หรือไม่ ก็สามารถดำเนินเรื่องไปต่อได้ แต่ถ้าชนะจะได้รับโบนัส BP ค่ะ☆
ชนะการต่อสู้ได้ (ชนะก่อนที่เวลาจะหมดลง) Bonus BP
(ในกรณีที่ชนะ ทหารพรานเสริมความแข็งแกร่งจะปลดลิมิตเตอร์ตัวเอง แล้วเข้าจู่โจมเอสเทลอีกครั้งค่ะ)
กิลเบิร์ต "ฮ่าฮ่า ประหลาดใจเหรอ? พวกเราน่ะ ผ่านการฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยวิทยาการของ [องค์กร] เชียวนะ ทนทานกว่าคนธรรมดากว่าเยอะ"
- เหล่าทหารพรานฯ ขยับตัวเข้าไปล้อมเอสเทล เพื่อเตรียมจู่โจมใส่เธออีกครั้ง
- "......ทันเหรอเนี่ย!" เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาอีกด้าน ที่ตรงนั้นทหารพรานฯ อีกคนเข้ามาสมทบ "ดูเหมือนกำลังต่อสู้กันอย่างลำบากเลยนะ ชั้นขอช่วยด้วยคนสิ"
กิลเบิร์ต "ฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นหรอก ถึงจะเป็นยัยหนูตายยาก แต่จะยอมจำนนเมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับเวลา นายยืนดูจากตรงนั้นไปเถอะ"
ทหารพรานเสริมความแข็งแกร่ง "......ไม่ได้พูดกับคุณซักหน่อย"
กิลเบิร์ต "เห......"
- ทหารพรานฯ ชักดาบคู่ที่ดูคุ้นตาขึ้นมา "......ช้าไป" เพียงการโจมตีชั่วพริบตาฝ่ายตรงข้ามล้มลงไปกองกับพื้น ทั้งเอสเทลทั้งกิลเบิร์ตต่างประหลาดใจกับภาพที่เห็น
กิลเบิร์ต "อะ อะไรกันเนี่ยแกน่ะ!? คิดจะทำอะไรห๊า!?"
ทหารพรานเสริมความแข็งแกร่ง "โทษทีนะ...... แต่ว่าไม่ใช่เรื่องของคุณ"
- ทหารพรานฯ เข้าจู่โจมกิลเบิร์ต เขาสลบเหมือดด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เอสเทลตะลึงงันกับภาพที่เห็น
- "......คิดจะทำอะไรกันแน่" ทหารพรานคนนั้นถามเอสเทลพลางถอดหน้ากากของเขาออก ผมสีดำขลับปลิวไหวไปตามสายลม
เด็กหนุ่มผมดำ "ทั้ง ๆ ที่เป็นเบรเซอร์ทางการแล้วแท้ ๆ แต่ยังทำอะไรหุนหันพลันแล่นเหมือนเดิมเลยนะ......"
- เด็กหนุ่มหันหน้ามาหาเอสเทลที่ยังคงตกตะลึงกับสภาพที่เกิดขึ้นอยู่
เด็กหนุ่มผมดำ "ข้อดีที่ดันทุรังตรงนั้น มันหายไปไหนซะแล้วล่ะ"
- รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเอสเทล เธอเก็บอาวุธลงพลางหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกที่เอ่อล้น
เอสเทล "อ๊ะฮะฮะ...... โยชัวร์ล่ะ...... เอ่อ...... ไม่ใช่ความฝันสินะ?"
โยชัวร์ "ถ้าเป็นความฝันล่ะก็ คงจะรู้สึกสบายใจมากกว่านี้นะ...... ......แต่ดูท่ามันไม่ได้สบายไปถึงขนาดนั้นน่ะสิ"
เอสเทล "เอ๋......"
- "หึหึ...... ในที่สุดก็ปรากฏตัวแล้วหรือ" เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาอีกด้าน ที่เบื้องหน้านั้นจักรพรรดิดาบเรเวค่อย ๆ เดินเข้ามาหาพวกเอสเทล
โยชัวร์ "......ไม่ได้เจอกันนานนะ เรเว ดูเหมือนจะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าผมจะลอบเข้ามาสินะ"
จักรพรรดิดาบเรเว "ถ้าพิจารณาจากความสามารถของนาย มันก็เพียงพอที่จะเป็นไปได้อยู่แล้วนี่ ใช้วิธีไหนล่ะ?"
โยชัวร์ "ก่อนหน้าที่เรือลำนี้จะมาถึงเล็กน้อย ผมได้เล็งยานสอดแนมที่ทำการรักษาความปลอดภัยตามเส้นทาง และถ้า [ผู้ดำเนินแผนการ] ไม่อยู่แล้วล่ะก็ สามารถลอบเข้ามาได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ"
จักรพรรดิดาบเรเว "......ถึงขนาดอ่านทางออกว่าศาสตราจารย์จะเรียกเรืออาร์คเข้ามาเลยหรือ ดูเหมือนว่าความนึกคิดในฐานะของ [ผู้ดำเนินแผนการ] จะกลับคืนมาหมดแล้วสินะ"
โยชัวร์ "ขอบคุณที่เป็นห่วง ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะถูกพวกเรเวพบตัวเมื่อไร"
จักรพรรดิดาบเรเว "หึ คนที่ดูการพรางตัวของนายออกได้นั้นไม่มีหรอก แต่สิ่งที่เรียกว่าการพรางตัวน่ะ ถ้าถูกจับไต๋ได้เพียงครั้งเดียวก็ถือว่าจบ"
- เรเวชักดาบใหญ่ของเขาออกมา
จักรพรรดิดาบเรเว "นายน่ะ เสียอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว ต่อหน้า [จักรพรรดิดาบ] คนนี้ คิดจะทำอะไรดีล่ะ?"
- โยชัวร์นิ่งฟังเพียงอย่างเดียว แต่เอสเทลเห็นแล้วทนไม่ได้จึงเข้ามาสมทบกับโยชัวร์
เอสเทล "พูดไว้เพื่อให้แน่ใจ ชั้นน่ะ ยังขยับได้อยู่นะ! ถึงคุณจะเก่งแค่ไหน แต่จะให้ชนะง่าย ๆ ล่ะก็......"
โยชัวร์ "......ถอยไปเอสเทล เรเวน่ะแข็งแกร่ง แกร่งยิ่งกว่าผมกับเธอร่วมมือกันซะอีก"
เอสเทล "อุ......"
จักรพรรดิดาบเรเว "รู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่นายก็ยังปรากฏตัวที่นี่ ไม่คิดว่าว่ามันจะง่ายแบบนั้นเลยนะ...... ถ้าอย่างนั้นทำไมนายถึงได้หายตัวไปจากแม่สาวคนนั้นล่ะ?"
โยชัวร "......อึก............"
เอสเทล "อา......"
จักรพรรดิดาบเรเว "ถ้าจะปกป้องก็ปกป้อง ถ้าจะตัดขาดก็ตัดขาดไปซะ ชั้นน่าจะเคยสอนไปแล้วนี่ การจะทำอะไรก็ต้องทำให้เต็มที่ไปเลยน่ะ?"
โยชัวร์ "ใช่...... นั่นสินะ หลังจากศาสตราจารย์ปรับแต่งผมได้ไม่นาน...... เรเวก็ฝึกฝนให้ผมเป็นครั้งแรก"
จักรพรรดิดาบเรเว "ถ้าแม่สาวคนนั้นสำคัญจริง นายก็ไม่ควรหายตัวไป ถึงจะรู้สึกทรมานกับความผิดแต่ก็ควรจะอยู่เคียงข้างต่อไปเรื่อย ๆ ที่นายไม่ทำแบบนั้นมันก็เป็นแค่การหลบหน้า--------- เป็นแค่การโกหกหลอกลวงเท่านั้น"
โยชัวร์ "รู้อยู่แล้ว...... ถึงเรเวจะไม่พูด ก็รู้เรื่องนั้นอยู่แล้วล่ะ......"
- สีหน้าที่เจ็บปวดของโยชัวร์ยามที่เขาทวนคำพูดของเรเวนั้น ทำให้เรเวนิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อไปอีก
เอสเทล "โยชัวร์......"
โยชัวร์ "แต่ว่า...... แล้วเรเวล่ะเป็นไงบ้าง......? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง น่าจะมีเพียงผมเท่านั้นที่ต้องชดใช้...... แล้วทำไมถึงเข้าร่วมกับ [องค์กร] ยอมให้เขาเรียกว่า [จักรพรรดิดาบ]...... ทำไมตอนนี้ถึงยังร่วมมือกับศาสตราจารย์อยู่ล่ะ......!"
จักรพรรดิดาบเรเว "..................... ที่ชั้นร่วมมือกับศาสตราจารย์ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องของนายหรอก แต่เป็นความต้องการของตัวชั้นเองต่างหากล่ะ"
โยชัวร์ "ความต้องการของเรเว...... หรือว่าจะเป็นเรื่องของพี่คาริน......?"
จักรพรรดิดาบเรเว "ถึงจะแก้แค้นไปคารินก็ไม่กลับมาหรอก เพราะฉะนั้นชั้นจึง...... เลือกที่จะทดสอบโลกใบนี้ นั่นคือเหตุผลที่ร่วมมือกับศาสตราจารย์ยังไงล่ะ"
โยชัวร์ "ทดสอบโลกใบนี้......"
จักรพรรดิดาบเรเว "เอาล่ะ...... คุยกันแค่นี้พอ"
- เรเวชี้ดาบไปที่โยชัวร์
จักรพรรดิดาบเรเว "นายมีทางเลือกอยู่ 3 ทาง จะยอมจำนนพร้อมแม่สาวนั่น หรือจะปกป้องแม่สาวนั่นแล้วตายที่นี่ หรือทิ้งแม่สาวนั่นไว้แล้วหนีไปคนเดียว เอ้า------ เลือกมา"
เอสเทล "ยะ โยชัวร์......"
โยชัวร์ ".................. โทษทีนะ ขอเลือกทางเลือกที่ 4 ก็แล้วกัน"
จักรพรรดิดาบเรเว "ว่าไงนะ......"
- "ครืนนนนนน" เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น สร้างความประหลาดใจแก่เรเวและเอสเทลเป็นอย่างมาก
โยชัวร์ "......ผมจัดการเครื่องยนต์ออร์บเมนท์ไว้น่ะ ถ้าปล่อยทิ้งไว้เรือลำนี้อาจจะกลายเป็นเศษสาหร่ายในทะเลก็เป็นได้นะ"
เอสเทล "วะ ว่าไงน๊า~!?"
จักรพรรดิดาบเรเว "......ทำไปได้นะ ไม่คิดว่าจะบุกเข้าไปในส่วนเครื่องยนต์สำคัญ......"
โยชัวร์ "ผมลงมือด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันกับเครื่องยนต์ทั้งหมด 22 ฐาน...... ณ เวลานี้ที่ศาสตราจารย์กับเร็นไม่อยู่ คนที่จะยกเลิกมันได้มีแต่เรเวเท่านั้น"
จักรพรรดิดาบเรเว "ไพ่ตายสุดท้ายที่ทำเพื่อหยุดยั้งแผนการงั้นหรือ...... หมายความว่าที่ตัดระบบในจังหวะนี้...... คิดจะใช้การตบตานั่น หนีไปได้ถึงเมื่อไรล่ะ?"
โยชัวร์ "......อึก............"
- "หึหึ เตรียมคำตอบไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่พบกันคราวหน้าก็แล้วกัน ชั้นจะรอ" เรเวกล่าวทิ้งท้ายพร้อมกับเดินจากไป
เอสเทล "เอ่อนี่ โยชัวร์...... ชั้น..... ชั้นน่ะ......"
โยชัวร์ "......ไว้คุยทีหลัง ผมเตรียมยานสำหรับหนีไว้ลำนึง ลงไปจากชั้นนี้แล้วมุ่งหน้าไปที่โกดังเก็บเรือกันเถอะ"
เอสเทล "......อา...... อืม เข้าใจแล้ว"
กลอเรียส - ส่วนท้ายเรือ 『グロリアス・後部』
- จำแผนที่ที่อยู่ตรงทางลงเอาไว้ให้ดีค่ะ ตอนนี้เราอยู่ที่จุดสีส้ม ๆ ด้านขวามือ และต้องมุ่งหน้าไปที่ลิฟท์เพื่อลงไปส่วนท้ายเรือชั้น 2 ค่ะ
☆ไอเทมในช่วงนี้ "สตาร์แร็บบิท", "พลองเจ็ดห่วง" (สู้กับ แวนการ์ด + พอร์ตซีกเกอร์ *2 + วอล์กเกิล235 *2) ค่ะ☆
- เมื่อลงมาที่ส่วนท้ายเรือชั้นที่ 2 ให้จำแผนที่เอาไว้ และสถานที่ต่อไปที่เราจะมุ่งหน้าไปก็คือ "โกดังเก็บเรือ" ค่ะ
☆ไอเทมในช่วงนี้ "ตุ๊กตาเปลี่ยนแทน", "เซพิธ x100 (ทุกคุณสมบัติ)" ค่ะ☆
กลอเรียส - โกดังเก็บเรือ 『グロリアス・格納庫』
- เมื่อมาถึงส่วนโกดัง เอสเทลจะตะลึงในความสุดยอดของยานลำนี้ที่มีท่าเทียบเรือเหาะขนาดใหญ่อยู่ภายในยาน
(จากคำบอกเล่าของโยชัวร์ [เรืออาร์คแดง] กลอเรียส เป็นยานรบลำแม่ขององค์กร สามารถเก็บยานไว้ได้ถึง 12 ลำค่ะ)
- เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมุ่งไปสู่โกดังเก็บเรือที่ 3 เลยค่ะ
- "อุหึหึ...... ไม่ช้าไปหน่อยเหรอ" เสียงเด็กหนุ่มดังขึ้น
เอสเทล "นะ นาย......!?"
โยชัวร์ "......คัมพาเนลล่ารึ"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "ห่างเหินจังน๊า โยชัวร์ คุยกับเรเวแค่คนเดียว ไม่คิดจะทักทายผมเลยหรือไง?"
โยชัวร์ "ก็เพราะไม่คิดว่าเธอยังอยู่บนเรือน่ะสิ...... อ่านทางผมออกงั้นหรือ?"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "อ๊ะฮ่าฮ่า ยังไงผมก็เป็นผู้เฝ้าดู [แผนการ] นะ ก็แค่รู้สึกถึงเรื่องต่าง ๆ ได้ดีกว่าคนอื่น ๆ เท่านั้นแหล่ะ"
โยชัวร์ "......................"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "หึหึ ยังไงก็ตาม...... 5 ปีที่ไม่ได้พบกันมานาน เธอเปลี่ยนไปมากน๊า หล่อขึ้นจมเลยนะเนี่ย?"
โยชัวร์ "แต่สำหรับนาย...... ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ รูปลักษณ์ภายนอกยังเหมือนเดิม ดูไม่แก่ขึ้นเลย"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "อุหึหึ ก็ดูแลผิวพรรณทุกวันไม่เคยขาดเลยน่ะซี เธอเองก็ดูเหมือนจะปลอมตัวเป็นผู้หญิงบ่อย ๆ นี่ แนะนำเครื่องประทินโฉมดี ๆ ให้หน่อยได้ไม๊ล่ะ?"
โยชัวร์ "............................"
เอสเทล "อ๊า~ น่ารำคาญจริงเชียว ที่มารออยู่ที่นี่ก็เพราะตั้งใจจะมาสู้กับพวกชั้นสินะ!? รีบ ๆ เข้าเรื่องซะทีเถอะ!"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "อ๊ะฮ่าฮ่า เป็นผู้หญิงที่คึกคักดีนะ คิดว่าแฟนของโยชัวร์จะเป็นแบบไหน...... แต่คงจะเหมาะสมกันดีล่ะมั๊งเนี่ย?"
เอสเทล "ฟะ แฟนเหรอ......"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "โอ๊ะ หรือแฟนที่ว่า จะเป็นผู้หญิงที่เป็นสลัดอากาศหรือเปล่าน๊า? ป๊อปจังเลยนะ โยชัวร์คู~ง❤"
- จากที่เมื่อกี๊เอสเทลยังอยู่ในอารมณ์เอียงอาย แต่พอได้ฟังประโยคนั้นถึงกับไม่สบอารมณ์อย่างแรง
โยชัวร์ "......เรื่องล้อเลียนนั่น อยากจะให้พอเท่านี้นะ ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมนายรู้ไปถึงเรื่องของโจเซ็ตได้...... แต่ระดับความสามารถในการรบน่าจะพอ ๆ กับผม ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็คิดจะประมือกันเหรอไง?"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "อ๊ะฮ่าฮ่า ไม่ได้คิดอย่างนั้นซักกะหน่อย อย่างที่บอก ผมเป็นผู้เฝ้าดู [แผนการ] นะ ไม่ได้มีหน้าที่จับกุมพวกเธอที่กำลังแอคทีฟซักกะหน่อย"
โยชัวร์ "........................."
เอสเทล "หื~ม งั้นหรอกเหรอ แล้วทำไมถึงมารอในที่แบบนี้ล่ะ?"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "อุหึหึ มันแน่นอนอยู่แล้ว ก็มาทักทายพวกเธอไงล่ะ แต่ว่า ถ้ากล่าวลากันแบบธรรมดา ๆ มันออกจะดูไร้ศิลปะไปหน่อยน๊า ก็เลยคิดว่าจะทำให้ฉากหลบหนีของพวกเธอคึกคักขึ้นมาอีกนิด"
- คัมพาเนลล่าดีดนิ้วเรียก "เพลอาปาเช่" ตุ๊กตายานบินพลังเคลื่อนที่สูงเข้าโจมตีเรา
(จากตรงนี้ จะทราบว่า "เพลอาปาเช่" เพิ่งมีการนำออกมาใช้งานในช่วงนี้ค่ะ)
- เพลอาปาเช่ + วอล์กเกิล235 *3 -
- 『ペイルアパッシュ + ヴォーグル235*3』 -
**เจ้าตัวนี้พลังป้องกันกายภาพค่อนข้างสูง แนะนำ ให้ใช้อาร์ทปราบจะดีที่สุดค่ะ**
**เพลอาปาเช่สามารถเรียกเพื่อน (พอร์ตซีกเกอร์) มาเพิ่มได้ด้วยนะคะ**
**ระวังท่า "เบรกแคนนอน" (สกัดกั้นไม่ได้) ของเพลอาปาเช่ให้ดี ๆ นะคะ เพราะโจมตีรุนแรงมาก และมีผลลด DEF เราด้วย เห็นศัตรูชาร์จเมื่อไรให้รีบเดินหนี ถ้าเดินไม่ทันให้ร่ายอาร์ทเพิ่มเลือดเตรียมไว้ก่อนค่ะ**
**เวลา "เพลอาปาเช่" ตาย จะระเบิดตัวเอง แนะนำ ให้ใช้อาร์ทหรือคราฟท์ระยะไกลจบการต่อสู้ค่ะ**
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "อ๊ะฮ่าฮ่า ทำได้ไม่เลว โยชัวร์น่ะเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่คุณพี่สาวก็ไม่เลวเลยนะ"
เอสเทล "นะ นายเนี่ยน๊า...... จะล้อเล่นก็ให้มันพอดี ๆ หน่อยสิ!"
ตัวตลกคัมพาเนลล่า "อย่าโกรธไปเลย อย่าโกรธไปเลย เอาล่ะ หมดตาผมแล้ว ได้เวลาตัวตลกลงจากเวทีแล้วสินะ"
- คัมพาเนลล่าดีดนิ้วอีกครั้ง เปลวเพลิงสีแดงพวยพุ่งรอบกายเขา "อุหึหึ...... ถ้าอย่างนั้น ทั้ง 2 คน แล้วเจอกันใหม่ในเวลาอันใกล้นี้นะ" พูดจบร่างกายของตัวตลกชุดชมพูก็จางหายไป
เอสเทล "ห หายไปแล้ว......"
โยชัวร์ "1 ในวิชามายาน่ะ ไม่ใช่ระดับที่ต้องไปกังวล ตอนนี้รีบ------"
- ไม่ทันได้พูดจบ เหล่าสมุนที่เหลืออยู่ก็ตามพวกเรามาทัน โยชัวร์จึงเร่งให้เอสเทลหนีออกไปจากที่นี่ค่ะ
- ที่ห้องควบคุมบนยานสอดแนม เราจะได้เห็นความเก่งกาจของโยชัวร์ ที่สามารถบังคับยานบินได้ด้วยนะคะ (จากตรงนี้จะทราบว่า ยานที่เรานั่งอยู่นั้น ถูกปลดอาวุธออกไป เพราะเป็นยานที่ใช้บินตรวจสอบเท่านั้นค่ะ และที่โยชัวร์ยึดยานลำนี้มาใช้ เพราะรู้มาว่าเอสเทลโดนจับไปที่ [กลอเรียส] เขาก็เลยไม่มีเวลามานั่งเลือกยานค่ะ (ซึ้ง) เมื่อไม่มีอาวุธ เราจึงไม่สามารถตอบโต้ยานของฝ่ายศัตรูที่ตามมาได้นั่นเองค่ะ)
- ในระหว่างที่เรากำลังหาวิธีหลบหนีนั่นเอง [แมวป่า] ก็โผล่มาช่วยพวกเราค่ะ
เอสเทล "นะ นั่นมัน!?"
โยชัวร์ "[แมวป่า] 『山猫号』...... ทำไม?"
เสียงจากลำโพง"......โยชัวร์! ที่อยู่ในนั้นโยชัวร์สินะ!?"
- พอเอสเทลได้ยินเสียงจากลำโพง ก็พอจะรู้เลยว่าเสียงนี้มันเป็นเสียง......
โยชัวร์ "อา...... ผมอยู่นี่! ทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!? ทั้ง ๆ ที่นึกว่าออกจากลีเบร์ลไปก่อนหน้านี้แล้วซะอีก......!"
โจเซ็ต "เหะเหะ พวกพี่ ๆ เป็นห่วงว่านายจะลำบากหรือเปล่าน่ะ แล้วเห็นไอ้ยานยักษ์นั่นช้าลงก็เลยมาดูซะหน่อย"
คีล "เหะเหะ พูดได้ดี ใครกันน๊~า ที่ทำหน้าจะเป็นจะตายมาขอร้องห๊ะ"
โจเซ็ต "พะ พี่คีล!"
โดรุน "ก็ พวกชั้นเองก็มีหนี้กับ [องค์กร] อยู่ด้วย จะออกจากลีเบร์ลก็ต้องชำระหนี้กันก่อนสิเฟ้ย"
โยชัวร์ "......งั้นหรือ...... ขอบคุณ ช่วยได้มากเลยล่ะ"
โจเซ็ต "เหะเห๊ะ...... ไม่ต้องขอบคุณให้มากนักหรอก!"
คีล "แต่ว่าตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว ไม่เห็นโจมตีตอบโต้เลยนี่ มีปัญหาอะไรเหรอ?"
โยชัวร์ "หาได้แต่ยานที่ปลดอาวุธไปแล้วน่ะ ก็เลยลำบากอยู่นิดหน่อย"
คีล "งั้นเหรอ......"
โจเซ็ต "ทะ ทำไงดี......"
โดรุน "......อาวงี้ ก็แยกออกเป็นสองฝั่ง! ถ้าแค่ลำนึงคงจะสลัดมันหลุดสินะ?"
โยชัวร์ "อืม...... ไม่มีปัญหา"
คีล "โอ๊~ส ภาวนากับเทพธิดาละกัน!"
โจเซ็ต "โยชัวร์...... ระวังตัวด้วยนะ!"
- เราจะทำตามแผนที่วางไว้ โดยแยกออกเป็น 2 ฝั่งเพื่อสลัดยานสอดแนมที่ติดตามให้หลุดค่ะ
- หลังจากสลัดยานสอดแนมของศัตรูหลุดได้ เอสเทลกับโยชัวร์ก็นิ่งเงียบไปด้วยกันทั้งคู่ ก่อนที่เอสเทลจะพูดแก้เขินว่า
เอสเทล "อะ เอ่อ...... พวกสลัดอากาศนั่น ดูเหมือนจะเป็นคนดีนะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมาช่วยเหลือได้จังหวะพอดี...... ต้องดูใหม่ซะแล้วสิ"
โยชัวร์ "นั่นสินะ...... ความสัมพันธ์ในสัญญาสิ้นสุดลงไปแล้ว...... แต่ดูท่าทางความสัมพันธ์ระหว่างคนเราจะไม่ง่ายอย่างนั้น"
เอสเทล "อ๊ะฮะฮะ...... จนป่านนี้แล้วจะพูดก็พูดนะ พอมาอยู่ต่อหน้ากัน ก็สนิทกันบ้างทะเลาะกันบ้าง มันมีอะไรตั้งหลาย ๆ อย่าง นั่นน่ะเป็นสังคมของคนเราใช่ไม๊ล่ะ?"
โยชัวร์ "ใช่...... แต่ว่านั่น ไม่ใช่โลกที่ผมใช้ชีวิตอยู่เรื่อยมา"
เอสเทล "อ๊ะ......"
โยชัวร์ "จะฆ่าหรือถูกฆ่า จะช่วงชิงหรือถูกช่วงชิง ก่อนที่จะพบกับเธอ ผมทำแต่เรื่องแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา"
เอสเทล "ตะ แต่ว่า...... ก็มีช่วงเวลาที่เคยมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่สาวและเรเวสินะ......?"
โยชัวร์ "......เรเวเล่าให้ฟังเหรอ
- โยชัวร์นิ่งเงียบไป ก่อนที่เขาจะพูดต่อพร้อมด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
โยชัวร์ "ความทรงจำอันนั้นมันก็มีอยู่หรอก แต่มันเหมือนกับเป็นเรื่องของคนอื่นเลยน่ะสิ......"
เอสเทล "เอ๋......"
โยชัวร์ "ตอนที่หัวใจแตกสลาย...... ความทรงจำที่เฮอร์เมลของผมก็ได้หายไปไม่ใช่ของตัวเองอีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะผมเลิกเป็นมนุษย์แล้วกลายไปเป็นตุ๊กตาแทน"
เอสเทล "......................."
โยชัวร์ "ความทรงจำตอนที่พี่ตายก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน ในตอนนั้น ผมกับพี่ถูกชายที่ดักซุ่มอยู่เข้าโจมตี ชายคนนั้นต่อยผมจนกระเด็น...... แล้วขึ้นคร่อมพี่"
เอสเทล "...........อะ.........................."
โยชัวร์ "ผมที่ไม่รู้เดียงสา ไม่รู้หรอกว่าที่ทำอย่างนั้นหมายความว่ายังไง...... แต่ถึงอย่างนั้น ก็รู้สึกสะอิดสะเอียน แล้วก็เข้าไปดึงร่างของชายคนนั้นไว้ สุดท้าย หลังจากที่เข้าไปตะลุมบอน ชายคนนั้นก็ถูกยิงจนกระเด็นในทันที...... ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่มือของผมถือปืนของชายคนนั้นอยู่"
เอสเทล "................................"
โยชัวร์ "มาลองคิดดู ผมคงจะมีความสามารถในการฆ่าคนมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะมั๊ง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครสอน แต่ผมก็ปลดเซฟตี้ของปืน เหนี่ยวไกโดยไม่มีความลังเลใจ ชายที่ถูกเจาะคอจนเป็นรู หลังจากมีสีหน้าประหลาดใจก็ล้มลงคุดคู้ เลือดไหลทะลักออกจากปาก เพราะอย่างนั้นผมจึงรู้สึกตัวว่าตัวเองยิงคน"
เอสเทล ".........................."
โยชัวร์ "แต่ว่า ชายคนนั้นก็ยังไม่ตาย ตาแดงก่ำ หายใจหอบแหก พลางดึงดาบทหารขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ผมปิดตาก้มตัวลงเหมือนตอนที่ถูกสัตว์ป่าโจมตี...... แต่กลับถูกกอดจนแน่นในอ้อมกอดที่อ่อนโยน โดยไม่โดนฟันเลย"
เอสเทล "......................."
โยชัวร์ "ตอนที่ลืมตาขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าของพี่ยิ้มอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าชายคนนั้นล้มไปตอนไหน...... แล้วเรเวก็ยืนตะลึงอยู่"
โยชัวร์ "พี่ที่อยู่ในอ้อมกอดของเรเว ยื่นฮาร์โมนิก้ามาให้ผม...... จากนั้นดวงตาก็ค่อย ๆ ปิดลง"
เอสเทล "............................."
โยชัวร์ "......คงเพราะจำได้แม่นล่ะมั๊ง? แต่ถึงจะพูดคุยกันแบบนี้ ผมก็ไม่รู้สึกเศร้า แค่รู้สึกขัดแย้งกันอย่างน่าประหลาด เหมือนกับกำลังอ่านบันทึกของคนอื่นอยู่ และมัน...... ก็เหมือนกับช่วงเวลาที่อยู่กับเธอด้วยเช่นกัน"
เอสเทล "......เอ๊ะ............"
โยชัวร์ "พอได้สัมผัสความอบอุ่นของเธอ คิดว่าผมคงจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นึกไปถึงความปลื้มปิติที่จะได้อยู่ร่วมกับเธอ ได้รักเธอ แต่ผม ก็รู้สึกเหมือนว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่นที่ตรงไหนซักแห่ง"
โยชัวร์ "ผมว่านั่นคงจะเป็น...... ความรู้สึกที่แท้จริงของผม
ผมที่ว่างเปล่า...... ผมที่เหมือนกับตุ๊กตาที่ไม่สมบูรณ์"
ถนนเลียบทะเลเมเว 『メーヴェ海道』
- เอสเทลและโยชัวร์ลงมาจากยานที่จอดลงบนริมหาดของถนนเลียบทะเลเมเว ทิวทัศน์ที่สวยงาม ผิวทะเลที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์อัสดงกลายเป็นสีแดงเรืองรอง
โยชัวร์ "......ได้เวลาจากกันแล้วล่ะ เอสเทล ขออย่าได้ตามผมมาอีก"
เอสเทล "..........................."
โยชัวร์ "ดีใจจริง ๆ ที่ได้พบกับเธออีกครั้ง...... แต่อย่างที่คิดไว้ พวกเราไม่สมควรอยู่ด้วยกัน ถ้ามีมนุษย์แบบผมอยู่ ก็ทำอะไรเพื่อเธอไม่ได้...... บอกตามตรง ถึงเธออยู่ ก็รั้งแต่จะขัดแข้งขัดขาผม เพราะฉะนั้น......"
เอสเทล "......คนโกหก"
โยชัวร์ "เอ๊ะ......"
- โยชัวร์หันกลับมามองเอสเทลด้วยความประหลาดใจ
เอสเทล "นี่ โยชัวร์ ชั้นได้ฟังเรื่องราวมาตั้งหลายอย่าง ก็เลยเข้าใจนะ อย่างเรื่องที่ว่าทำไมโยชัวร์ถึงหายตัวไปจากชั้น...... อาจเป็นเพราะโยชัวร์ไม่รู้สึกตัวถึงเหตุผลที่แท้จริงก็ได้"
โยชัวร์ "....................."
เอสเทล "ถ้าหัวใจแตกสลาย แล้วอยู่กับชั้นน่ะทรมานงั้นเหรอ? ถึงจะอยู่กับชั้น ก็รู้สึกเป็นแค่เรื่องของคนอื่นงั้นเหรอ? ถ้ามีโยชัวร์อยู่ ก็ทำอะไรเพื่อชั้นไม่ได้? ถึงชั้นอยู่ ก็รั้งแต่จะขัดแข้งขัดขา? ทั้งหมดนั่นน่ะ โกหกทั้งเพสินะ"
โยชัวร์ "ไม่ได้โกหก......!"
เอสเทล "เอาเถอน่าฟังนะ นี่น่ะ...... โยชัวร์แค่กลัวเท่านั้นเอง"
โยชัวร์ "เอ๋......"
เอสเทล "คิดไปว่า เพราะตัวเองทำให้คุณพี่สาวต้องตาย...... แบบเดียวกับที่คิดว่าจะไม่สามารถทนต่อเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับชั้นได้...... เพราะอย่างงั้น ในคืนนั้น โยชัวร์ก็เลยหนีไปจากชั้นน่ะ ส่วนเหตุผลอื่นนอกจากนี้ เอาไว้ต่อทีหลังนะ"
โยชัวร์ "..................... ฮะฮะ พูดอะไรเนี่ย...... หลังจากที่ศาสตราจารย์ปรับแต่ง ผมก็ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวหรอกนะ ดูเหมือนว่าจะทำให้ผมไม่รู้สึกหวาดกลัวเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในเวลาทำงานน่ะ การวิเคราะห์ของเธอ...... พลาดแล้วล่ะ"
เอสเทล "ไม่หรอก ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวยอย่างนั้นซักหน่อย ......นี่ โยชัวร์ เรื่องที่คุณพี่สาวตาย ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น...... รู้เหตุผลไม๊?"
โยชัวร์ "นั่นก็เพราะ...... ผม...... แตกสลาย......"
เอสเทล "ไม่หรอก ผิดแล้ว โยชัวร์ก็แค่...... ไม่อยากนึกถึงตอนที่ช็อกเพราะเสียคุณพี่สาวไป ก็เลยคิดไปเองว่าเป็นเหมือนเรื่องของคนอื่นโดยไม่รู้ตัว"
โยชัวร์ "!!!"
เอสเทล "เรื่องที่ช่วยชั้นเมื่อตะกี๊ก็เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ลำบากไม่น้อยในการแฝงตัวขึ้นไปบนยานรบนั่นใช่ไม๊? ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แล้วทำไมถึงมาช่วยชั้นหนีโดยไม่สับสนเลยล่ะ...... เหมือนกับว่าจะทำให้ชั้นออกห่างจากอันตรายให้เร็วที่สุด"
โยชัวร์ "........................"
เอสเทล "โยชัวร์ไม่ได้แตกสลายหรอก ก็แค่หลอกตัวเอง...... เพราะกลัวเท่านั้น ชั้นในตอนนี้สามารถพูดได้อย่างมั่นใจเลยล่ะ"
โยชัวร์ "เรื่องนั้น...... แต่ว่า......."
- โยชัวร์ไม่อาจหาเหตุผลอะไรมาพูดกับเอสเทลได้ เขาหันหลังกลับไปอย่างเงียบ
โยชัวร์ "ทำไมเธอถึง...... ......ขนาดนั้น......"
เอสเทล "เคยพูดไปแล้วนี่นา ว่าชั้นน่ะเป็นลำดับที่ 1 ที่สังเกตโยชัวร์นะ ตอนนี้ก็รู้อดีตของโยชัวร์แล้ว ไม่มีใครหน้าไหนมาต่อกรกับชั้นได้หรอก ไม่ว่าจะเป็นศาสตราจารย์ ไม่ว่าจะเป็นเรเว ชั้นก็ไม่มีวันแพ้เด็ดขาด"
โยชัวร์ "........................"
เอสเทล "โยชัวร์ที่ขี้กลัว กล้าหาญ โยชัวร์ที่โกหก ตรงไปตรงมา โยชัวร์ที่ชั้น...... ชอบที่สุด ในที่สุดชั้น...... ก็เข้าถึงโยชัวร์ได้"
- เอสเทลเดินเข้าไปซบที่แผ่นหลังของเขา
เอสเทล "แต่ชั้นน่ะ...... ไม่ได้อยู่เพื่อให้ปกป้องอย่างเดียว ตราบใดที่ยังเป็นเบรเซอร์ต่อไปเรื่อย ๆ ก็ไม่สามารถหลีกหนีจากอันตรายได้ โยชัวร์จะอยู่หรือไม่ เรื่องนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย เพราะว่านั่น เป็นเส้นทางที่ชั้นอยู่เพื่อตัวชั้นเอง"
โยชัวร์ ".................................."
เอสเทล "เพราะงั้น...... เพราะงั้นสัญญานะ โยชัวร์"
โยชัวร์ "......เอ๊ะ.........."
เอสเทล "ว่าจะปกป้องกันและกัน แล้วเดินไปด้วยกัน แค่ปกป้องแผ่นหลังของโยชัวร์ได้แบบนี้ ชั้นก็รู้สึกเข้มแข็งขึ้น ถ้ามีโยชัวร์อยู่ข้าง ๆ พลังอันนั้นก็จะเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่า ถึง [องค์กร] จะทำอะไรก็จะไม่ยอมตายเด็ดขาด...... เพราะงั้น...... ไม่ต้องกลัวอีกแล้วนะ"
โยชัวร์ "......เอส ......เทล......"
- ใบหน้าของโยชัวร์ที่หันไปมองเอสเทลที่โอบกอดแผ่นหลังเขาอยู่ หันกลับมาดูหยดน้ำอุ่น ๆ ของตัวเองที่ไหลออกมาเป็นสาย
โยชัวร์ "ทำ...... ไม...... ......ทำไมน้ำตา...... ตั้งแต่พี่ตาย...... ถึงจะแกล้งทำ...... ก็ไม่เคย...... ไหล......"
เอสเทล "เอ๊ะเหะเหะ...... งั้นเหรอ......"
- เอสเทลสวมกอดโยชัวร์ที่มีใบหน้าเปื้อนน้ำตาอีกครั้ง
เอสเทล "ชั้นจะไม่มอง...... เพราะงั้นร้องต่อไปเถอะ......
แล้วชั้น...... ......จะกอดเธอไว้อย่างนี้เอง......"
- เวลาผ่านไป เอสเทลถอยออกมาจากโยชัวร์ แล้วมองหน้าโยชัวร์ที่ร้องไห้จนพอแล้วอย่างอาย ๆ
เอสเทล "เอ๊ะเหะเหะ...... ขะ เขินจังเนอะ"
โยชัวร์ "อืม...... นั่นสินะ"
- โยชัวร์ตอบรับเอสเทล ด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานาน
เอสเทล "อ๊ะ...... จริงสิ! ต้องคืนนี่สินะ"
- เอสเทลคืนฮาร์โมนิก้าให้แก่โยชัวร์
เอสเทล "โธ่เอ๊ย...... นี่เป็นของดูต่างหน้าของคุณพี่สาวใช่ไม๊ล่ะ? ไม่ใช่ของที่จะไปให้คนอื่นง่าย ๆ เลยนะยะ"
โยชัวร์ "อืม...... คงจะแค่หุนหันพลันแล่นไปน่ะ"
- โยชัวร์รับฮาร์โมนิก้าคืนมาจากเอสเทล
เอสเทล "คุณพี่สาวเนี่ย...... เป็นคนแบบไหนเหรอ?"
โยชัวร์ "อืม...... นั่นสินะ...... ปกติก็ใจดีเสมอ ๆ แต่ก็มีเข้มงวดในบางครั้ง...... ผมเคยอิจฉาแบบเด็ก ๆ เพราะว่าพี่เหมาะสมกับเรเวมากด้วยนะ"
เอสเทล "ประเภทที่ปกติก็ใจดีเสมอ ๆ แต่ก็มีเข้มงวด...... นั่นมัน...... เหมือนกับคลอเซ่เลยนี่?"
โยชัวร์ "ฮะฮะ...... นั่นสินะ ถึงหน้าตาแตกต่างกันก็จริง แต่ลักษณะนิสัยอาจจะเหมือนกันล่ะมั๊ง"
เอสเทล "......................."
โยชัวร์ "......เอสเทล?"
เอสเทล "มะ ไม่มีอะไร"
- เอสเทลรีบปฏิเสธโยชัวร์ที่เธอเหม่อไปเมื่อครู่นี้ แบบอาย ๆ แต่แล้วก็กลับมาออกคำสั่งใส่โยชัวร์แบบเคือง ๆ อีกครั้ง
เอสเทล "......บอกไว้ก่อนนะ ทั้งคลอเซ่ ทั้งทุกคน เป็นห่วงโยชัวร์มาก ๆ เลยนะ ถ้ากลับไปแล้วก็ไปขอโทษให้เรียบร้อยด้วยล่ะ"
โยชัวร์ "เอสเทล...... ผมน่ะ......"
เอสเทล "ชั้นไม่ฟังหรอกนะว่าไม่คิดจะกลับหรืออะไรน่ะ? ถึงจะบอกว่าเป็นสปายของศาสตราจารย์ แต่ก็ทำไปในขณะที่ไม่รู้สึกตัวใช่ไม๊? แล้วก็ดูเหมือนว่าเป็น 1 ในผู้เกี่ยวข้อง คดีชิงยานสลัดอากาศด้วย ลองไปเล่าข้อมูลเกี่ยวกับแผนการของ [องค์กร] กับคุณพ่อดูก็คงจะยกโทษให้ อย่างที่เขาเรียกกันว่า ตกลงยอมความไงล่ะ?"
โยชัวร์ "ผมว่ามันผิดไปนิด ๆ นา......"
เอสเทล "แล้ว ถ้าจะหยุด [องค์กร] ล่ะก็ จะลอบเข้าไปในยานนั้นอีกครั้งก็ไม่แปลกสินะ? ดังนั้น มีแต่ต้องร่วมทางไปกับพวกชั้นเท่านั้น"
โยชัวร์ "......ถ้าเธอไม่แทรกเข้ามาแต่แรก ผมก็คงจะระเบิด [กลอเรียส] ได้ตามกำหนดการแล้วล่ะ......"
เอสเทล "อึก...... ขอโทษนะ เดี๋ยวดิ๊ อย่าพูดเรื่องอันตราย ๆ แบบระเบิดอะไรนั่นสิ คิดจะฆ่าทุกคนที่เป็น [องค์กร] งั้นเหรอ?"
โยชัวร์ "......ถ้าไม่ทำแบบนั้น ก็ไม่สามารถล้มศาสตราจารย์หรือเรเวได้นี่นา แต่ถึงจะระเบิดไป โอกาสที่จะล้มได้ก็น้อยอยู่ดี......"
เอสเทล "เฮ้อ โธ่เอ๊ย...... อย่างที่คิดไว้ ชั้นถูกจับไปอาจจะดีก็ได้นะ ที่จะให้โยชัวร์ตัวอันตรายไปทำเรื่องร้ายกาจ ๆ อย่างนั้นน่ะ"
โยชัวร์ "หึหึ......"
เอสเทล "อ๊~า จะพูดว่าเมื่อกี๊ชั้น [คิดอะไรตื้น ๆ อีกแล้ว] ใช่ไม๊!?"
โยชัวร์ "เปล่า ในช่วงที่ไม่ได้เจอกันซะนาน ดูเหมือนเธอจะไม่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นเลยนะ...... ก็แค่คิดว่า เอสเทลก็เป็นเอสเทลอยู่ดีนั่นแหล่ะ ดีใจมากเลยล่ะ"
- เอสเทลดูเหมือนว่าอยากจะพูดอะไร แต่จู่ ๆ เธอก็หันไปอายอยู่คนเดียวซะนี่
เอสเทล "(ชะ ชั้นนี่! จะไปใจเต้นตึกตักอะไรกับรอยยิ้มของโยชัวร์เมื่อกี๊นี่ห๊า~! ถึงจะไม่ได้เจอกันซะนาน ก็น่าจะทำตัวให้เยือกเย็นหน่อย...... ....................)"
โยชัวร์ "? เอสเทล?"
เอสเทล "นะ นี่...... โยชัวร์ สนิทกับยัยห้าวนั่นมากขึ้นสินะ?"
โยชัวร์ "ยัยห้าว 『ボクっ子』...... อ๋อ หมายถึงโจเซ็ตเหรอ นั่นสินะ ดูเหมือนว่าตอนแรกผมจะโดนเกลียดมากทีเดียว...... แต่หลัง ๆ มานี่ นับว่าเปิดใจกันได้เลยล่ะ"
เอสเทล "เปิดใจ......"
- เอสเทลหน้าแดงก่ำ คิดอะไรไปคนเดียว ก่อนที่จะทำใจกล้าถามโยชัวร์ว่า
เอสเทล "......จูบไป หรือยัง?"
โยชัวร์ "ห๊ะ?"
เอสเทล "เอาเถอะน่า ตอบมา!"
โยชัวร์ "อะ อ้อ...... ก็ต้องไม่อยู่แล้ว"
- โยชัวร์ตอบเอสเทลแบบเขิน ๆ (น่าร๊าก)
- "ถะ ถ้าอย่างนั้น......" เอสเทลหันหน้า มาสบตาโยชัวร์อีกครั้ง
เอสเทล "จะขอให้แก้ตัวใหม่เรื่องคืนนั้นอีกครั้งที่นี่...... ได้ไม๊......?"
- "อะ......" โยชัวร์นิ่งเงียบไป เพราะรู้สึกผิดที่ไปทำกับเอสเทลในคืนวันเทศกาลเฉลิมฉลองแบบนั้น
เอสเทล "กะ ก็ครั้งแรกน่ะ มันสำคัญต่อเด็กผู้หญิงด้วย...... พะ เพราะโยชัวร์แท้ ๆ ก็เลยพังไม่เป็นท่า...... จะรับผิดชอบ...... สินะ?"
โยชัวร์ "เอสเทล......"
- เอสเทลหลับตาพริ้ม ยื่นหน้าอาย ๆ ของเธอเข้าไปหาโยชัวร์ โยชัวร์ในตอนแรกก็เขิน ๆ อยู่เหมือนกัน แต่เขาก็เข้าไปจูจุ๊บเอสเทลอย่างอ่อนโยน
- "นี่~ โยชัวร์!" เสียงเด็กผู้หญิงตะโกนร้องเรียกโยชัวร์ ทำให้ช่วงเวลาแห่งความโรมานซ์จบลงอย่างรวดเร็ว
- [แมวป่า] ลงจอดบนริมหาดทราย โจเซ็ต รีบวิ่งออกมาดูสภาพด้านนอก
เอสเทล "ยะ ยัยห้าว!?"
โจเซ็ต "อะไรกัน เธอเองก็หนีมาได้อย่างปลอดภัยเหรอเนี่ย น่าจะ...... โดนจับไปแบบนั้นแหล่ะดีแล้ว"
เอสเทล "วะ ว่าไงน๊~า!?"
- "นี่ โจเซ็ต บอกว่าอย่าไปหาเรื่องทะเลาะยังไงล่ะ" คีลพี่รองปรามโจเซ็ตน้องสาวเขาเหมือนเคย พร้อม ๆ กับที่โดรุนพี่ใหญ่ของตระกูลคาปัวเดินออกมาสมทบ
โดรุน "คุณหนูเบรเซอร์เอง ก็ขอพักรบกันตรงนี้จะได้ไม๊?"
เอสเทล "อืม ก็...... เมื่อกี๊ก็ช่วยชั้นไว้ด้วยนี่ ขอบคุณอีกครั้งแล้วกัน ช่วยได้มากจริง ๆ เลยล่ะ"
โดรุน "ก๊ากฮ่าฮ่า พูดได้ดี"
โจเซ็ต "ฮึ ก็ไม่ได้คิดที่จะช่วยเธออยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาขอบคุณกันนี่"
เอสเทล "คึ...... ถึงจะแค่คนเดียว ก็ไม่รู้สึกอยากจับกุมขึ้นมาหรอกนะยะ"
คีล "แล้วโยชัวร์ ต่อจากนี้จะเอาไง?"
เอสเทล "เอ๊ะ......"
คีล "พวกชั้นมาก็เพื่อมาชวนอีกครั้งว่าจะมากับพวกชั้นหรือไม่...... เอาเถอะ สภาพแบบนั้นท่าทางคงไม่ต้องถามแล้วล่ะมั๊ง?"
โยชัวร์ "อืม...... ขอโทษ เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้...... แต่ตอนนี้ผมคิดว่าจะกลับไปพร้อม ๆ กับเอสเทล"
เอสเทล "โยชัวร์......"
โดรุน "เหอะ งั้นเหรอ"
- สีหน้าของโจเซ็ตเหมือนจะไม่ค่อยดีใจซักเท่าไร
โจเซ็ต "ก็ได้ ดูท่าทางยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง"
เอสเทล "เอ๊ะ"
โจเซ็ต "โยชัวร์ อย่าลืมนะ! ถ้าเหลืออดกับยัยสมองกลวง 『脳天気女』 นั่นเมื่อไหร่ ก็กลับมาหาพวกเราได้นะ! ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ!"
เอสเทล "คะ ใครกันยะที่สมองกลวงน่ะ!"
โยชัวร์ "ฮะฮะ...... ขอบใจนะ โจเซ็ต! คุณโดรุน คุณคีล! ขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือนะครับ!"
โดรุน "เหอะ ทางนี้ต่างหากล่ะ!"
คีล "ลาล่ะ! ถ้ามีโอกาส ก็มาเจอกันอีกล่ะ!"
- 3 พี่น้องคาปัวกล่าวลาโยชัวร์แล้วบินจากไปด้วยรอยยิ้ม
โยชัวร์ "......นี่ เอสเทล"
เอสเทล "อะไรเหรอ......?"
โยชัวร์ "......ศัตรูน่ะ แข็งแกร่งมาก ที่ศาสตราจารย์ลักพาตัวเอสเทลไป ก็คงจะทำเพื่อล่อผมออกมาจากที่ซ่อน แล้วก็เพื่อจะกันไม่ให้ [กลอเรียส] โดนทำให้ตกลงมาในช่วงที่ไม่อยู่น่ะ"
เอสเทล "อะ......"
โยชัวร์ "เรเวเอง ก็น่าจะหยุดเครื่องยนต์นั่นได้หลังจากที่จัดการพวกเราที่นั่นแล้ว ที่ไม่ทำอย่างนั้น...... ไม่น่าจะมาจากความเมตตา แต่เป็นเพราะผมทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเท่าที่ควรต่างหาก"
เอสเทล "........................."
โยชัวร์ "กับผู้ดำเนินแผนการคนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน...... ถ้าพูดถึงความสามารถในการต่อสู้เฉย ๆ ก็มีแต่ผู้เชี่ยวชาญที่เหนือกว่าผม บอกตามตรงคงจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก"
เอสเทล "อืม......"
โยชัวร์ "แต่...... ผมสัญญา ว่าจะไม่หนีจากความเป็นจริง...... อีกเป็นครั้งที่ 2 จะเดินไปพร้อม ๆ กับเธอ...... จนถึงที่สุด"
เอสเทล "โยชัวร์...... อืม...... ชั้นก็สาบาน!"
- จบบทที่ 6 ค่ะ
☆สำหรับบทนี้ไม่มี Sub-quest ค่ะ☆

previous: Chapter 5 ผู้ที่สมควรปกป้อง
to be continued: Chapter 7 หอคอยสี่วงแหวน



Related entries:
Sora no Kiseki SC (空の軌跡SC)


No comments:

Post a Comment