Wednesday, November 15, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki the3rd - ประตูจันทรา

ประตูจันทรา (月の扉)
(Long Episode)
- ฉากต่าง ๆ ที่เน้นการเดินเรื่องค่อนข้างยาว ใช้เวลาในการเคลียร์นานมาก ๆ สำหรับคนที่อ่านเนื้อเรื่องไปด้วย
- เงื่อนไขในการเล่นคือ ตีปริศนาที่ประตูบอกให้แตก และหากตีความปริศนาได้จะได้ดู [เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำ] ค่ะ
วิธีการแก้ปริศนาจะแบ่งเป็นออกได้ดังนี้ค่ะ
(1) นำเพื่อนตามปริศนา (1 หรือ 2 คน) เข้าร่วมกลุ่มต่อสู้
(2) ต้องมีไอเทมตามปริศนา
(3) นำทั้งเพื่อนเข้ามาร่วมกลุ่มและต้องมีไอเทมที่ปริศนาระบุไว้ด้วย
- ถ้าเคลียร์ได้ก็จะได้รับ "โบนัสไอเทม" หรืออาจจะเป็น "ควอทซ์" รวมทั้งจะได้รับ "มิร่า" ด้วยค่ะ



ประตูจันทรา1
โครงการพัฒนาออร์เบิลเกียร์ / ตอนต้น (オーバルギア開発計画/前編)
สถานที่ ระเบียงหยก1 ปริศนา เจ้า จงพาเด็กสาวอัจฉริยะแห่งวิทยาการออร์บเมนท์มาหาข้า

หากทำได้ [ประตู] จะเปิดออก
คำตอบ ทีต้า โบนัส เครื่องประดับสำหรับทีต้า "ลองบาเรล รุ่นปรับปรุง" (ロングバレル改) มิร่า 3000
Battle & Event เมื่อเข้าประตูไปจะเกิดการต่อสู้กับ (เฮฟวี่ เดอะ มูน *3) ทันที ทางที่ดีเตรียมตัวไว้ก่อนดีกว่าค่ะ

**ในกรณีที่ศัตรูเหลือเลือดมากกว่า 1/2 จะใช้ท่า "การรักษาแห่งแสงจันทร์" เพิ่มเลือดให้กับเราค่ะ**
**ในกรณีที่ศัตรูเหลือเลือดน้อยกว่า 1/2 จะใช้ท่า "ความคลุ้มคลั่งแห่งแสงจันทร์" ที่จะสร้างความเสียหายและทำให้เราติด MOV Down ด้วยค่ะ**
**แนะนำให้ใช้ Craft "สโมค แคนนอน" ของทีต้าทำให้ศัตรูติด "มืดมิด" เพื่อลด DEX ของศัตรูลงจะง่ายขึ้นค่ะ**
**แนะนำให้ค่อย ๆ ลดเลือดศัตรูลงทีละตัวไม่ให้เหลือน้อยกว่าครึ่งนึง เมื่อลดเลือดได้ระดับที่ว่าจนครบทุกตัวแล้วก็ให้ใช้ S-craft ปราบ จะง่ายขึ้นอย่างมากค่ะ**
Story ทีต้าที่ได้พบแม่ "เอริก้า" และพ่อ "ดัน" ของเธออีกครั้ง และได้ตัดสินใจเข้าร่วม [โครงการพัฒนาตุ๊กตาสงครามรุ่นใหม่] ที่พ่อแม่และตาของเธอร่วมกันพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ต่อกรกับ [ออร์เบิลมัพเพ็ต] ตุ๊กตาสงครามของ [งูกินหาง]

ถึงแม้จะโดนห้ามไม่ให้เข้าร่วมในโครงการนี้ในตอนแรก แต่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของทีต้าที่ไม่อาจเข้าถึงจิตใจของ "เร็น" เด็กสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกับเธอที่เธอเรียกว่าเพื่อน มาตลอดจนถึงตอนนี้ โดยหวังว่าเมื่อเธอขึ้นขับ [ออร์บเบิลเกียร์] แล้ว จะสามารถเข้าใจความรู้สึกในตอนที่เร็นใช้ [ปาเทล มาเทล] ได้บ้างก็ยังดี และด้วยความมุ่งมั่นนั้น ก็ทำให้เธอกลายมาเป็น 1 ในผู้ร่วมโครงการพัฒนาตุ๊กตาสงครามรุ่นใหม่ [ออร์เบิลเกียร์]

ประตูจันทรา1
โครงการพัฒนาออร์เบิลเกียร์ / ตอนหลัง (オーバルギア開発計画/後編)
สถานที่ ระเบียงหยก1 ปริศนา เจ้า จงพาเด็กสาวอัจฉริยะแห่งวิทยาการออร์บเมนท์
พร้อมด้วยเปลวเพลิงอันแกร่งกล้ามาหาข้า

หากทำได้ [ประตู] จะเปิดออก
คำตอบ ทีต้า & อากัต โบนัส ทีต้าเรียนรู้ Craft "ออร์เบิลเกียร์" (オーバルギア) มิร่า 3000
Battle & Event -
Story "อากัต" เบรเซอร์หนุ่มผู้แสนงานยุ่ง ถึงแม้ตารางเวลาจะเต็มเพียงไหนจะเหนื่อยเพียงใด และไม่ว่าจะ (แอบ) บ่นยังไง ก็ยังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับทีต้าว่า "ทุกวันศุกร์สิ้นเดือน" เขาจะมาทานข้าวเย็นกับเธอที่โรงงานรัซเซล

ในการมาไซสส์คราวนี้ กลับปรากฏร่างของสาวในชุดขาวผู้ทำตัวเป็นปริศนาทำการจ้างวานจ่าหน้าโดยตรงถึงเขา ให้ช่วยโรงงานกลางไซสส์ในโครงการพัฒนาตุ๊กตาสงครามรุ่นใหม่

เมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของทีต้า ซ้ำยังดีงทีต้าเข้าไปร่วมโครงการอันตรายอย่างนี้อีก อากัตตัดสินใจรับคำจ้างวาน และนั่นทำให้อากัตรู้ว่าทีต้าเป็นคนเสนอตัวเข้ามาในโครงการนี้เอง

จากการดำเนินการทดลองสุดหฤโหด (วางแผนโดยเอริก้า และดันก็ยินดีให้ความร่วมมือภายใต้ใบหน้าอันยิ้มแย้ม แต่แฝงไว้ด้วย...) แม้ว่าอากัตจะสามารถแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยในตัวทีต้าที่เขามีอยู่มากมาย แต่ก็ยังรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกหนาวสั่นไปจนสุดขั้วหัวใจอยู่ดี ......(เฮ้อ)

*ในตอนที่อากัตมากินข้าวที่โรงงานรัซเซล ก็ต้องเจอกับดักที่เอริก้ากับดันวางเอาไว้ ไม่ว่า จะฝาหม้อ หอก หรือหลุมที่ขุดไว้ (จริง ๆ แล้ว ดันเข้าใจว่าจะทำแค่หลุมดักเฉย ๆ แต่เอริก้าดันเพิ่มอย่างอื่นเอาเองค่ะ) ไม่ว่าจะเป็นปิศาจแบบไหนก็ไม่กล้ว แต่ปิศาจเอริก้านี่...... เอาน่า อากัต สู้ ๆ*

ประตูจันทรา2
ผู้จ้างวาน (依頼人)
สถานที่ สาขาแกรนเซล 3F ปริศนา เจ้า จงพานักเต้นรำผู้มีเรือนผมทอประกายสีเงินอันแสนงดงามมาหาข้า

หากทำได้ [ประตู] จะเปิดออก
คำตอบ เชราซาร์ด โบนัส ควอทซ์ "เนตรสวรรค์" (天眼) มิร่า 4000
Battle & Event เกิดการต่อสู้กับพวกคนชุดดำในระหว่างดำเนินเหตุการณ์

※สามารถเก็บ Lv ในทางน้ำใต้ดินแกรนเซลเตรียมไว้สู้ได้นะคะ (ไม่มีผล กับ Lv ในฉากปกติ)
※ไอน่าสามารถใช้กระเป๋าฟาดศัตรูได้ แต่ส่วนใหญ่จะฟาดวืดค่ะ และเธอเลือดค่อนข้างน้อย หากไอน่าโดนโจมตีให้พยายามเพิ่มเลือดให้เธอด้วยนะคะ เพราะหากเธอตาย Game Over ค่ะ
※ใช้ S-craft ของเจ๊เชร่าในสมัยเด็กแล้วมัน......


☆Sub-Event☆
(1) ก่อนทำเหตุการณ์ในห้างเอเดล หน้าร้านขายไอศครีม
- จะเจอ "โดรธี" สมัยเอ๊าะ ๆ
(2) หลังทำเหตุการณ์ในห้างเอเดล ที่สถานที่พักผ่อน
- จะเจอ "ไนแอล" และ "โดรธี"
(3) ก่อนไปทำเหตุการณ์ที่โรงแรม ในห้างเอเดล
- จะเจอกับ "ไนแอล" และ "โดรธี"
(4) ก่อนไปทำเหตุการณ์ที่โรงแรม หากแวะไปที่สมาคม
- จะมีอีเวนท์โทรศัพท์จาก "คาซิอุส" ที่ติดต่อมาค่ะ
Story นครหลวงแกรนเซลเมื่อ 5 ปีก่อน เชราซาร์ดยังเป็นแค่เตรียมเบรเซอร์ และใช้ชีวิตในแต่ละวันทำงานของสาขาอย่างยุ่งวุ่นวาย ไปพร้อม ๆ กับรุ่นพี่ "คูลซ์" ที่รับหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ไปด้วยเพราะว่าคนมีไม่เพียงพอ

วันหนึ่ง หญิงสาวนามว่า "ไอน่า โฮลเด็น" จ้างวานให้เบรเซอร์พาเธอชมนครหลวง ซึ่งเชราซาร์ดเห็นว่าเป็นงานที่ไร้สาระจึงบอกปัดไปในคราวแรก แต่เมื่อรุ่นพี่คูลซ์เห็นไอน่า เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจึงได้บอกรับงานให้เชราซาร์ดรับงาน โดยคูลซ์มีเหตุผลที่เก็บไว้ในใจก็คือ ต้องการให้เชราซาร์ดเรียนรู้อะไรบางอย่างจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้

ยิ่งพาไอน่าเดินท่องเที่ยวอย่างไร้สาระไปเรื่อย ๆ เชราซาร์ดก็ยิ่งนึกถึงเป้าหมายสูงสุดของเธอ คือ ต้องแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ เพื่อเป็นเบรเซอร์ได้อย่างสมภาคภูมิ ไม่ต้องทนทรมานเหมือนสมัยเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในสลัมก่อนที่จะมาเจอกับหัวหน้าคณะละครสัตว์ผู้ใจดีที่รับเธอมาเลี้ยงดู จนกระทั่งได้มาเจอกับอาจารย์คาซิอุส คุณเรน่าและเอสเทล

เหตุการณ์พลิกผัน เมื่อคนชุดดำปรากฏกายไล่ล่าสังหารไอน่า แท้จริงแล้วไอน่าก็คือหลานสาวเพียงคนเดียวของ "ซาอูล จอห์น โฮลเด็น" ประธานบริษัทเรือเหาะที่ได้เขียนพินัยกรรมยกมรดกทั้งหมดให้กับเธอ โดยมีลุงของเธอเป็นผู้จัดการมรดกก่อนที่เธอจะอายุครบ 18 และก่อนเที่ยงของวันพรุ่งนี้ เธอจะต้องไปเซ็นรับมรดกทั้งหมดที่ห้องเอกสารราชวังแกรนเซลให้ได้

ไอน่าได้ใช้การจ้างวานให้พาเธอท่องเที่ยวบังหน้า เพื่อหลบหนีการตามล่าและหาทางเข้าไปยังราชวัง ด้วยความร่วมมือของคูลซ์ที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดี เพราะกำลังตรวจสอบเรื่องทหารรับจ้างที่ลักลอบเข้ามาอยู่ก่อนแล้ว รวมทั้ง "กุนดอล์ฟ" เบรเซอร์รุ่นพี่ที่เพิ่งเดินทางมาจากสาขาไซสส์เพื่อมาช่วยงานสาขานครหลวง ก็ช่วยให้เชราซาร์ดและไอน่าสามารถฟันฝ่าอุปสรรคจากลุงของเธอและเข้าไปถึงราชวังได้

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไอน่าได้ตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์ในบริษัทเรือเหาะทั้งหมดให้ทางนครหลวงแกรนเซลเป็นคนจัดการ โดยเธอไม่ขอรับมรดกใด ๆ ตามพินัยกรรมเลย

จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้เชราซาร์ดได้เรียนรู้ว่าเส้นทางที่เธอจะมุ่งไปสู่การเป็นเบรเซอร์อย่างแท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องอาศัยความแข็งแกร่งแต่เพียงอย่างเดียวดังเช่นที่เธอเคยคิด ทั้งยังได้เพื่อนใหม่อย่าง "ไอน่า" ที่กลายมาเป็นเพื่อนรัก และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่เธอกลายมาเป็นพี่สาวที่ดีของเหล่าเบรเซอร์รุ่นน้องทุกคนดังเช่นทุกวันนี้ (ยกเว้น เรื่องเมาหัวราน้ำที่ยังเหมือนเดิม)

ประตูจันทรา3
ปีกที่ร่อนถลาลงมา (舞い降りた翼)
สถานที่ เส้นทางเงิน ปริศนา เจ้า จงพาเด็กสาวผู้เก็บงำประกายสีขาวบริสุทธิ์ที่ถือ [สัญลักษณ์] แสดงตนว่าเป็นนักเรียนมาหาข้า

หากทำได้ [ประตู] จะเปิดออก
คำตอบ คลอเซ่ & หนังสือแจ้งผลสอบผ่าน การย้ายเข้าโรงเรียนกลางเทอม (เก็บได้จากหีบที่ชั้นดาราที่ 3 ในฉากที่ 3) โบนัส ควอทซ์ "เนตรเหยี่ยว (HAYABUSA)" (隼眼) มิร่า 6000
Battle & Event (1) ได้รับการไว้วานจาก "อาจารย์วีโอล่า" ให้ช่วยแจกเอกสารแก่นักเรียนภาควิชาสังคมศาสตร์
- "ลอยซ์" กับ "เซลม่า" ในห้องเรียน
- "แอนตอน" หน้าอาคารเรียนเก่า (มีใครจำเขาได้บ้างคะ ก็คนที่เอาแต่เฝ้าฝันถึงเมชา สาวน้อยที่เดินไปเดินมาหน้าห้างเอเดล และเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นแม่สาวคอทองแดงไอน่าไง)
- "คุราระ" ที่หอประชุม
- "โลจิค" ที่หอพักชาย
- เมื่อไปที่คลับเฮ้าส์จะเกิดอีเว้นท์ เหล่าสภานักเรียนกำลังตามหาอะไร (ใคร) บางอย่างอยู่
- "โมนิก้า" ที่ห้องล็อกเกอร์หญิง บนคลับเฮ้าส์ชั้น 2

(2) หารุ่นพี่เล็กเตอร์ (ครั้งที่ 1)
- "เล็กเตอร์" จะอยู่ที่หอประชุมค่ะ (ขึ้นบันไดลิงไปยังที่ยืนดูด้านบน)

☆ก่อนที่จะเจอกับเล็กเตอร์ จะมีบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ตามนี้ด้วยนะคะ☆
※ชั้น 2 ของอาคารหลักจะเจอกับรุ่นพี่ "ลูซี่" ที่กำลังตามหาเล็กเตอร์อยู่
※คุยกับ "พาทอม" ที่ห้องเรียนภาควิชาธรรมชาติวิทยา เขาจะให้คำบอกใบ้ที่อยู่ของเลกเตอร์
※คุยกับ "อาจารย์ใหญ่โคลินซ์" แล้วไปสำรวจโซฟาจะมีคำบอกใบ้ที่อยู่ของเล็กเตอร์
※คุยกับ "นักการปาคูส" ที่หน้าหอประชุม แล้วสำรวจม้านั่งจะมีคำบอกใบ้ที่อยู่ของเล็กเตอร์


(3) นำจดหมายไปส่งที่คฤหาสน์นายกเทศมนตรีเมืองรูอัน
- ไปคุยกับ "อาจารย์ใหญ่โคลินซ์" เพื่อรับ "หนังสืออนุญาตออกนอกเขตโรงเรียน"
- ออกไปที่ประตูโรงเรียนได้เลยค่ะ

☆ก่อนที่จะออกนอกโรงเรียน หากไปคุยกับรุ่นพี่เลโอ ที่สภานักเรียน จะได้รับ 200 มิร่า ด้วยนะ☆

(4) ผิดใจกับจิล
- ออกไปที่บันไดหน้าอาคารเรียนหลัก จะเกิดอีเวนท์
- สลับมาฝั่งจิล จิลจะไปหาฮันส์ที่หอพักชายเพื่อไปขอคำปรึกษา ให้เคาะประตูห้องบนชั้น 2 ด้านในสุด
- ฮันส์จะบอกให้จิลกลับไปขอโทษคลอเซ่ตรง ๆ (เลือกข้อไหนก็ได้ค่ะ)
**หากเลือกข้อแรก จิลจะไม่ยอมกลับหอแล้วผลอยหลับไป**
**หากเลือกข้อ 2 จิลจะกลับไป แล้วรุ่นพี่เลโอที่เพิ่งเข้ามาในห้อง จะบอกฮันส์ว่าเห็นจิลวิ่งออกไปทั้งน้ำตา**


(5) หารุ่นพี่เล็กเตอร์ (ครั้งที่ 2)
- คุยกับ "ฮันส์" และรุ่นพี่ "ลูซี่" ที่มาตามหาเล็กเตอร์ในหอพักชาย
- คุยกับ "จิล" และ "มิค" ที่ข้างเวทีด้านขวาในหอประชุม
- ไปที่ห้องสภานักเรียน สำรวจหน้าต่างเพื่อปีนขึ้นไปบนหลังคาจะพบกับรุ่นพี่ "เล็กเตอร์"
(คลอเซ่จะถือโอกาสขอบคุณรุ่นพี่เลกเตอร์ เพราะคำพูดของเขาทำให้เธอคิดได้)
Story คลอเซ่ที่ได้ย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเจนิสแห่งราชอาณาจักรกลางเทอมนั้น เต็มไปด้วยความกังวลใจว่าจะไม่สามารถเข้ากับเพื่อนใหม่ได้ หรือว่าจะไม่สามารถทำทุกอย่างให้ผ่านพ้นไปด้วยดีได้

หลายวันผ่านไป เพราะมีเพื่อนใหม่อย่าง "จิล รีดเนอร์" และ "ฮันส์" เพื่อนที่เรียนด้วยกันในภาควิชาสังคมศาสตร์ ทำให้คลอเซ่ได้มารู้จักกับรุ่นพี่ปิศาจจอมโดด "เล็กเตอร์ อลันดอล" ที่พ่วงตำแหน่งประธานสภานักเรียน, รุ่นพี่ผู้จริงจัง "เลโอ" เลขาและเหรัญญิกประจำสภานักเรียน และรุ่นพี่แสนสวยจากอาณาจักรเรมิเฟเรียที่อยู่ทางตอนเหนือของทวีป "ลูซี่ เซแลนด์" รองประธานฯหญิง ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง

ในวันหนึ่ง เธอได้รับมอบหมายให้นำจดหมายไปส่งที่คฤหาสน์นายกเทศมนตรี และได้เจอกับรุ่นพี่เล็กเตอร์ที่เข้าไปเล่นสล็อตแมชชีนในคาสิโนบาร์ที่เมืองรูอันโดยบังเอิญ

เมื่อเธอแวะมารับเขาหลังจากทำธุระเสร็จแล้ว เล็กเตอร์กลับหายไป เจ้าของคาสิโนบอกว่ามีสาวสวยมารับมาสเตอร์กลัีบไปแล้ว (เจ้าของที่นี่ นับถือเล็กเตอร์เป็นมาสเตอร์ของที่นี่เลยเชียวค่ะ) คลอเซ่คิดว่าสาวสวยที่เจ้่าของคาสิโนบอกคงจะเป็นรุ่นพี่ลูซี่

ระหว่างการเดินทางกลับ คลอเซ่ได้เจอกับเด็กผู้ชายที่ชื่อ "ครัม" บนถนนเลียบทะเลเมเว ครัมกำลังเดินหาหินสีแดงอยู่ คลอเซ่จึงได้ช่วยเหลือครัม หาหินที่เป็นเหมือนสมบัติของเขาจนเจอ ทั้งยังพาครัมไปส่ง และนั่นทำให้เธอรู้ว่า บ้านของครัมก็คือ "สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย" ที่คลอเซ่เคยมาพึ่งพิงเมื่อสมัยก่อน

คลอเซ่ได้พบกับ "ผ.อ. เทเรซ่า" อีกครั้ง เพราะขาดการติดต่อไปเป็นเวลายาวนาน ทำให้คลอเซ่เพิ่งรู้ว่า "โยเซฟ" สามีของ ผ.อ. เสียไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน

ในที่สุด คลอเซ่ก็มีที่พึ่งพิงทางใจได้อีกครั้ง เธอมักจะใช้เวลาว่างจากการเรียนออกมาช่วยงานและเล่นกับพวกเด็ก ๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่บ่อย ๆ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจิล ดูท่าจะเป็นไปได้ด้วยดี

แต่แล้ววันหนึ่งที่คลอเซ่เล่นกับพวกเด็ก ๆ จนเพลินจนกลับมาที่หอพักดึก จิลได้พูดทำนองว่าเด็กที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย "น่าสงสาร" ทำให้คลอเซ่โกรธอย่างมาก และทำเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนใส่จิลด้วยความโมโหแล้ววิ่งออกมา จนพบกับรุ่นพี่เล็กเตอร์

ด้วยคำพูดของเล็กเตอร์ที่ดูเหมือนจะเป็นคนไร้แก่นสาร แต่ในคำพูดของเขากลับเต็มไปด้วยข้อคิดต่าง ๆ ทำให้คลอเซ่เริ่มคิดทบทวนเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

ทางด้านจิลเองก็ไม่สบายใจในสิ่งที่เธอพูดกับคลอเซ่ จึงแอบมาดูที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้เห็นกับตา และพบกับคลอเซ่โดยบังเอิญที่นี่ จิลขอโทษคลอเซ่ในสิ่งที่เธอพูด แต่คลอเซ่บอกว่าเป็นความผิดของเธอเอง เพราะหลังจากที่คลอเซ่คิดทบทวนแล้ว ที่เธอโกรธในตอนนั้นนั้น ไม่ได้โกรธแทนเด็ก ๆ แต่เธอโกรธจิลเพื่อตัวเองต่างหาก เพราะเหมือนกับมีคนมาบอกว่าเธอ "น่าสงสาร" ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี หลังจากที่ทั้ง 2 คนเปิดใจพูดคุยกัน ทำให้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันมาจวบจนบัดนี้

ประตูจันทรา4
เช้าแห่งการออกเดินทาง (旅立ちの朝)
สถานที่ ป่าแซงท์โครว่า ปริศนา เจ้า จงพาเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของประกายแห่งแสงอาทิตย์
พร้อมทั้งเด็กหนุ่มข้างกายผู้คอยสนับสนุนประกายนั่นมาหาข้า

หากทำได้ [ประตู] จะเปิดออก
คำตอบ เอสเทล & โยชัวร์ โบนัส คอวทซ์ "ความทรงจำ" (記憶) มิร่า 8000
Battle & Event ในตอนที่เอสเทลจะออกไปจับด้วงยักษ์ จะมีให้เลือกว่าจะไปไหนก่อน เลือกคำสั่งไหนก่อนก็ได้ค่ะ

(1) ไปหา "เอลิซซ่า" เพื่อขอแบ่ง "ดรากอนบีนส์" ก่อน
- เอลิซซ่าจะถามเอสเทลว่าไม่บอกเรื่องแม่ที่ตายไปให้โยชัวร์รู้เหรอ ซึ่งเอสเทลบอกว่าหากเป็นครอบครัวเดียวกัน อยู่ไปด้วยกันไปอย่างนี้ ในเวลาไม่นานโยชัวร์จะต้องเปิดใจและเข้าใจเรื่องทุกอย่างด้วยตัวของเขาเองอย่างแน่นอน

(2) ไปหา "ทีโอ" เพื่อขอแบ่ง "ไข่ออกใหม่" และ "นมสดใหม่" ก่อน
- ทีโอจะสงสัยว่าเอสเทลเอาของพวกนี้ไปทำอะไร แล้ว "มิสต์วอลท์" ที่เอสเทลบอกจะไปนั่น ก็เป็นที่ ๆ เด็กห้ามเข้าไปอีกต่างหาก

(3) เพื่อความแน่ใจ ให้ลองไปที่ร้านสารพัดอย่างรินอน จะได้ไปดูรองเท้าผ้าใบของสเตรเกอร์รุ่นใหม่ ๆ ว่าเข้ามาหรือยัง
- พบป้า "สเตล่า" ที่เมื่อกี๊เพิ่งเจอกันด้านนอก หลังจากทักทายกันเสร็จเอสเทลจะมัวแต่สนใจรองเท้า เลยลืมจุดประสงค์ของตัวเองไปเลยว่าวันนี้มาทำอะไร
Story 6 ปีก่อน เด็กหนุ่มนามว่า "โยชัวร์" ที่มีแต่แผลเต็มตัวได้ถูกพ่อ "คาซิอุส" พามายังบ้านตระกูลไบรท์ สร้างความยินดีให้แก่เอสเทลเป็นอย่างมาก เพราะเธอหวังจะได้น้องชายมานานแล้ว

ในช่วงสัปดาห์แรก โยชัวร์เอาแต่นั่งใต้ต้นไม้คนเดียว ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เอสเทลพยายามเอาใจสารพัด ด้วยการจับแมลงที่เธอชอบมาให้โยชัวร์และคิดว่าเขาก็คงชอบด้วยเหมือนกัน แต่นั่นกลับทำให้โยชัวร์ไม่เข้าใจเอสเทลซักนิดว่า เด็กผู้หญิงคนนี้ต้องการทำอะไรและคิดว่าเธอไม่มีทางรู้ว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ด้วยความหวาดระแวงที่จะถูกองค์กรพบเพียงไร

จากคำพูดของเอสเทล โยชัวร์ยังได้ค้นพบว่า "คาซิอุส ไบรท์" ไม่ได้บอกเรื่องงานที่ทำให้กับลูกสาวตัวเอง นอกจากบอกแค่ว่าทำงานเป็นเบรเซอร์เท่านั้น

โยชัวร์ออกมานอนนอกบ้านเหมือนดังเช่นทุกคืน ในคืนหนึ่งเขาได้พบกับคาซิอุสที่ออกมานั่งดื่มบรั่นดีอยู่ที่ระเบียงด้านนอก โยชัวร์ต่อว่าคาซิอุสที่ไม่ยอมบอกอะไรให้กับลูกสาวตัวเอง แต่คาซิอุสให้เหตุผลถึงเรื่องนั้นว่ามันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น และเปลี่ยนเรื่องคุยว่าหากโยชัวร์ไม่ชอบนอนห้องเดียวกับเอสเทล ก็ให้ทำความสะอาดห้องข้าง ๆ ที่ใช้เก็บของมาทำเป็นห้องนอนส่วนตัวก็ได้

หลายวันผ่านไป เอสเทลพาโยชัวร์ไปช่วยงานที่ไร่เพอเซล เพราะว่าแม่ของทีโอเพิ่งคลอดลูกแฝด แก๊ง 3 สาวจึงตกลงกันว่าจะไปช่วยงานกันในวันนี้ ดังนั้นในฐานะพี่สาวเอสเทลจึงพาโยชัวร์มาช่วยด้วยอีกแรง

"เอสเทล", "ทีโอ" และ "เอลิซซ่า" ช่วยกันทำไร่ ส่วนโยชัวร์ที่มีแต่แผล ก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานเบา ๆ โดยการดูแล "เชล" กับ "วิล" น้องคู่แฝดแทน

ในขณะที่ทุกคนกำลังทำงานในไร่นั้น หลายต่อหลายครั้งที่โยชัวร์พยายามนึกว่าเหมือนเขาจะลืมเรื่องอะไรที่สำคัญมากไป และได้ยินเสียงผู้ใช้มนตราในหัวตอนที่มารับเขาไปอยู่ตลอดเวลา ฉับพลันเสียงเรียกของเอสเทลที่สดใส ทำให้เขาตื่นขึ้นจากพวังค์ โยชัวร์สังเกตเห็นเอสเทลมีแผลที่ขาจึงก้มลงไปทำแผลให้เอสเทล ถึงแม้จะแสบแผลแต่ก็ทำให้เอสเทลเห็นว่า โยชัวร์เองก็มีจุดที่อ่อนโยนเหมือนกัน จากนั้นเธอจะกลับไปทำงานในไร่ต่อ

ท่ามกลางอาทิตย์อัสดงในไร่เพอเซล เสียงฮาร์โมนิก้าของโยชัวร์ก้องกังวานไปทั่ว ทำให้เอสเทลรู้สึกไม่ชอบใจนิด ๆ ที่โยชัวร์เป่าฮาร์โมนิก้าเก่งขนาดนี้แต่ไม่ยอมบอกเธอ แต่เอสเทลไม่รู้เลยว่าภายใต้เสียงฮาร์โมนิก้านั้น ภายในใจของโยชัวร์ได้แต่คิดที่จะไปจากที่นี่ เพื่อไม่ต้องการให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา

วันหนึ่ง เอสเทลเข้าไปในมิสต์วอลท์ ป่าหมอกที่แสนอันตราย เธอเข้าไปที่นั่นก็เพราะต้องการจะจับด้วงขนาดใหญ่มาให้โยชัวร์ แต่กลับทำให้เธอต้องตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าสัตว์ปิศาจที่ดุร้าย

อีกด้านหนึ่ง โยชัวร์เขียนจดหมายแล้วนำไปวางไว้ที่ห้องทำงานของคาซิอุส ในขณะกำลังจะจากไปเขาได้ยินเสียงของเอสเทล ใจหนึ่งก็สับสน ใจหนึ่งก็เป็นห่วง แต่สุดท้ายโยชัวร์เลือกที่จะไปช่วยเอสเทล

โยชัวร์จะโกรธเอสเทลมากที่เข้ามาในนี้โดยไม่ได้ระวังอันตรายเลย แต่เอสเทลไม่ใส่ใจที่โยชัวร์ดุแม้แต่น้อย เธอพลางหยิบเอาด้วงยักษ์ที่เธอใช้ชีวิตปกป้องมามอบให้เขา โยชัวร์ได้แต่งุนงงกับพฤติกรรมของเอสเทล แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำเขาก็เริ่มเปิดใจทีละน้อย
(โยชัวร์มีการหยอกเอสเทลด้วยว่า ด้วงแบบนี้ไม่เรียกว่าใหญ่หรอก ทำให้เอเทลต้องหน้าเครียดหาตัวใหญ่กว่านี้ให้วุ่นเลยล่ะค่ะ)

5 ปีต่อมา ในวันออกเดินทางของเอสเทลและโยชัวร์ ชาวเมืองรอเลนท์มาส่งพวกเขาที่ท่าเทียบเรือเหาะ คาซิอุสได้ถามโยชัวร์ว่าตัดสินใจแบบนี้ดีแล้วเหรอ โยชัวร์ได้ตอบว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าจะมีชีวิตอยู่ในฐานะ "โยชัวร์ ไบรท์" ทั้งจากนี้และตลอดไป เอสเทลที่ได้ฟังเรื่องที่ป๋ากับโยชัวร์พูดแล้ว ก็หงุดหงิดพวกผู้ชายที่พูดกันแต่เรื่องที่เข้าใจกันอยู่ 2 คน

ประตูจันทรา5
หินแห่งความสุข (幸せの石)
สถานที่ โรงเรียนเจนิส - อาคารเรียนเก่า 2F ปริศนา รูปแบบของความสุขมีแตกต่างกันไป......
แม้แต่การตีความหมายก็ยังไร้ที่สิ้นสุด

หากพวกเจ้า มีความสุข 1 ในหลายรูปแบบนั้น จงนำมันมาแสดงต่อหน้าข้า......
หากทำได้ [ประตู] จะเปิดออก
คำตอบ ควอทซ์ "โชคดี" โบนัส เครื่องประดับ "หินแห่งความสุข" (幸せの石) มิร่า 12000
Battle & Event (1) เดินไปที่ชายหาด สำรวจเศษเปลือกหอยที่อยู่บนชายหาด
- หากเปิดหีบดู จะพบว่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย สร้างความเสียดายให้แก่ 2 หนูน้อยเป็นอย่างมาก
- ผลสุดท้าย ก็เจอแค่ "กุญแจเงิน" บนเรือเท่านั้นเอง

(2) ไปที่โกดังกังหันลมที่หมู่บ้านมาโนเลีย เพื่อไปเลือกซื้อของขวัญวันเกิดในงานบาซาร์ประจำปีของหมู่บ้าน
- "มารี่" จะจำชื่อ "กรัซ" ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่กรัซเคยช่วยเหลือเธอมาก่อน แต่กรัซไม่ว่าอะไรที่มารี่เรียกชื่อตนผิดค่ะ (กรัซใจดีมาก ๆ เลยนะเนี่ย)

(3) ไปที่หอคอยบาเรนน์ คุยกับ "ผู้เฒ่าฟอกท์"
- มารี่จะถามถึงเรื่องหินแห่งความสุข

(4) ไปที่ยอดเขาโครเน่
- จะเกิดอีเวนท์
- พบกับ "สัตว์ปิศาจแปล๊กแปลก (เลกนาร์ดน้อย)"
- เก็บฟืนตามต้นไม้และพุ่มไม้ เพื่อจุดไฟให้ความอบอุ่น
Story ใกล้วันเกิดของ "ผ.อ. เทเรซ่า" เด็ก ๆ แห่งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเชีย ก็ได้หารือกันถึงเรื่องของขวัญวันเกิดที่จะมอบให้กับ ผ.อ.

หลายวันก่อน "ครัม" ที่ได้ไปฟังเรื่องราว [หินแห่งความสุข] จากลุงโอนีลในเมืองรูอัน จึงได้นำข้อมูลมาบอกกับ "ดาเนียล" "โปลี่" และ "มารี่" ครัมได้ชวนดาเนี่ยลออกไปหา [หินแห่งความสุข] กันที่จุดที่สูงที่สุดของลีเบร์ล ก็คือ ยอดเขาโครเน่กับเขา

ถึงแม้ในทีแรกมารี่ จะเห็นว่าเรื่องที่ครัมพูดเป็นเรื่องไร้สาระในสายตาของเด็กที่จริงจังเอาการเอางานอย่างเธอ แต่ในใจมารี่ก็คิดว่าหากได้ [หินแห่งความสุข] มาเป็นของขวัญให้กับ ผ.อ. จะดีแค่ไหนกันนะ

ในงานบาซ่าร์ของหมู่บ้านมาโนเลีย มารี่พยายามหาหินที่ว่าเผื่อมีขายในงานนี้ เธอลองถาม "โซเรโน" ที่ขายของอยู่ถึงหินแห่งความสุขดู และได้คำตอบกลับมาว่าหินแห่งความสุขน่าจะอยู่บนยอดเขาโครเน่ มารี่จึงตัดสินใจเดินทางไปยังยอดเขาโครเน่ เพื่อไปหาหินแห่งความสุขพร้อมกับโปลี่

ระหว่างทางโปลี่หายไป มารี่ได้แต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะเธอชวนโปลี่มา จึงทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ขึ้น ทั้งยังกังวลใจว่าถ้าโปลี่ไปเจอกับสัตว์ปิศาจบนยอดเขาจะทำอย่างไร เธอสะดุดล้มลง แม้จะรู้สึกกังวล อัดอั้นเพียงใด แต่มารี่ก็ได้พยายามกลั้นน้ำตา ปากก็พร่ำแต่บอกว่า "จะร้องไห้ไม่ได้..."

มารี่ไม่ได้ทันสังเกตว่ารอบ ๆ ตัวเธอเริ่มมีหมอกสีขาวปกคลุมลงมา และนั่นทำให้เธอได้พบกับ "สัตว์ปิศาจแปล๊กแปลก" ที่แปลกจริง ๆ เพราะแทนที่จะทำให้มนุษย์กลัว แต่ดันกลัวมนุษย์ซะนี่

มารี่จึงได้ใช้เวลาอันแสนสนุกกับสัตว์ปิศาจตนนั้น ท่ามกลางความมืดมิด ภายใต้แสงสว่างจากกองไฟที่มอดลง มารี่ขดตัวลงนอนบนตัวสัตว์ปิศาจ และได้กลิ่นอะไรบ้างอย่างที่คุ้นเคยจากตัวของเขา มันช่างทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นเสียจริง

เช้าวันต่อมา มารี่ลืมตาตื่นขึ้นไม่เห็นสัตว์ปิศาจตนนั้นอีกแล้วและคิดว่าเขาคงทิ้งมารี่ไป มารี่จึงตัดสินใจเดินทางกลับ ขณะที่ข้ามสะพานแขวนนั้น ลมพัดแรงจนพัดมารี่ตกลงไปในหุบเขา ในขณะที่มารี่ถอดใจรอรับความตาย และได้แต่พร่ำบอกขอโทษ ผ.อ. อยู่ในใจนั้น สัตว์ปิศาจแปล๊กแปลกตนนั้น ก็บินเข้ามาช่วยมารี่ได้อย่างทันท่วงที

สัตว์ปิศาจได้พามารี่ล่อนถลาไปในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ มารี่มีความสุขและรู้สึกสนุกมาก ๆ ราวกับว่าเธออยู่ในความฝันก็ไม่ปาน ทันใดนั้นเสียงของสัตว์ปิศาจพูดกับมารี่ว่า "......วันนี้มีสนุกมากเลย" ก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป

มารี่ลืมตาตื่นขึ้นบนเส้นทางรองมาโนเลีย โดยมีกรัซและโปลี่อยู่ข้าง ๆ ครัมและดาเนี่ยลรีบวิ่งเข้ามาหามารี่ด้วยความเป็นห่วง ซึ่งครัมบอกว่าเป็นเพราะเขาทำให้มารี่ต้องมาตกอยู่ในอันตราย ดาเนี่ยลแซวครัมด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ครัมมัวแต่ห่วงมารี่จนลืมซื้อของที่ร้านลุงโอนีล แต่ก็ซื้อของจากงานบาซาร์มาเตรียมไว้บ้างแล้ว มารี่เห็นครัมทำท่าทางเกเรใส่ดาเนี่ยลเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน ทำให้มารี่รู้สึกดีใจมาก ๆ และนึกถึงความฝันอันอบอุ่นที่ได้เห็น

กรัซจะพาพวกเด็ก ๆ ไปส่งได้ให้คำสัญญาว่าถ้าจะหาของขวัญ เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาจะมาช่วยหาด้วย ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางกลับนั้น จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างขึ้นที่กระเป๋าของมารี่ เมื่อเธอลองหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่านั่นคือ [หินแห่งความสุข] นั่นเอง

หลังจากนั้น มารี่ได้ใช้สร้อยเก่า ๆ ที่ครัมซื้อมาจากงานบาซาร์ นำมาห้อยหินแห่งความสุข และใช้กล่องที่ดาเนียลหามาทำเป็นกล่องของขวัญ แล้วมอบให้เป็นของขวัญแก่ ผ.อ. เทเรซ่า มารี่รู้สึกว่าตัวเองได้กลิ่นอะไรซักอย่างที่เหมือนกับกลิ่นที่ออกมาจากสัตว์ปิศาจตนนั้น ใช่แล้ว กลิ่นที่อบอุ่นนั้นเป็นกลิ่นแห่งความสุขนั่นเอง



Related entries:
Sora no Kiseki the3rd (空の軌跡the3rd)


No comments:

Post a Comment