Saturday, November 18, 2017

[บทสรุป] Sora no Kiseki the3rd - ประตูดารา 3 ค่ำคืนแห่งงานเฉลิมฉลอง

ประตูดารา③ 『星の扉③』
ค่ำคืนแห่งงานเฉลิมฉลอง 『祝賀会の夜』
Walkthough
สถานที่ ราชวังแกรนเซล - สวนลอยฟ้า ปริศนา เจ้า จงพาเด็กหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยแสงสีอำพัน
พร้อมทั้งองค์หญิงผู้ตัดสินใจแน่วแน่มาหาข้า

หากทำได้ [ประตู] จะเปิดออก......
คำตอบ โยชัวร์,
คลอเซ่
โบนัส อาหารชุดผู้ดี [เชิญอิ่มเอม] 『雅定食《ご満悦》』
(อาหารจานใหญ่)
มิร่า 3500

- เมื่อเข้าประตูไป จะได้ดูเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำค่ะ


ฉบับพิเศษ!!
ลีเบร์ลสาร ฉบับพิเศษ
"นครลอยฟ้าล่มสลาย!! ภัยพิบัติในนครหลวงผ่านพ้น!
ยับยั้งแผนการร้ายที่คาดไม่ถึง! ขอเหล่าเบรเซอร์รุ่นเยาว์จงมีชัย!
[คอลัมภ์พิเศษ] นครลอยฟ้า [ลีเบล=อาร์ค] พังทลาย!
◆เทหวัตถุปริศนาพังทลายอย่างไม่ทันตั้งตัว!◆
เทหวัตถุปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นเหนือทะเลสาบวาเลเรียมาตั้งแต่เดือนที่แล้วนั้น ได้พังทลายลงในช่วงเดียวกันกับที่ปรากฏตัวขึ้นมาแทบจะในทันที
มีผู้เห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเหตุการณ์ในตอนที่ตกลงมาเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ซึ่งไม่เพียงแต่ภายในราชอาณาจักร แม้แต่ทางภาคใต้ของจักรวรรดิหรือสาธารณรัฐเองก็สามารถรับรู้ได้ มีเสียงซุบซิบนินทาว่า วัตถุนี้เป็นหนึ่งในอาวุธสงครามภายใต้กรรมสิทธิ์ของกองทัพราชอาณาจักร แต่ด้วยรูปการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้ปฏิเสธได้ทุกข้อกล่าวหา
นอกจากนั้น จากแรงกระแทกของการพังทลายลงครั้งใหญ่ในครั้งนี้ ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ทสึนามิสูงถึง 2 อาร์จบริเวณพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลสาบวาเลเรีย ณ ตอนนี้ ถึงแม้จะไม่มีรายงานเข้ามาถึงผู้บาดเจ็บและผู้สูญหาย แต่ก็มีกลุ่มนักตกปลาที่หนีช้าได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และตกอยู่ในสภาพเปียกปอนไปด้วยน้ำ


◆นครลอยฟ้า [ลีเบล=อาร์ค] คือ?◆
จากการตรวจสอบของหน่วยองครักษ์แห่งกองทัพราชอาณาจักรและสมาคมเบรเซอร์ เทหวัตถุนี้คือนครลอยฟ้าในสมัยอารยธรรมเซมเรียโบราณที่เรียกขานกันว่า [ลีเบล=อาร์ค] แล้วทำไมวัตถุที่ว่ามานี้ จึงปรากฏตัวเหนือทะเลสาบวาเลเรีย และทำไมจึงไปสู่การพังทลายลง เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ดูเหมือนว่า [องค์กร] ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักกันทั่วไปขององค์กรก่อการร้ายข้ามชาติ มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างแน่นอน แม้จะไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ แต่กล่าวกันว่าชุดสำรวจได้เข้าปะทะกับทหารชุดแดงและเกิดการต่อสู้ขึ้นภายในนครแห่งนั้นด้วย

<จากคำบอกเล่าของหนึ่งในชุดสำรวจ>
ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่รู้ไม่เข้าใจสักอย่างก็จริง
แต่เราก็ไม่ยอมให้เจ้าพวกนั้นมันทำอะไรได้ตามใจชอบหรอกนะ!
นอกจากนั้น ทางโรงงานกลางไซสส์กับทางกองทัพได้มีกำหนดการที่จะกู้ [ลีเบล=อาร์ค] ขึ้นมาสำรวจร่วมกันหลังจากนี้อีกด้วย

◆แก้ไขปรากฏการณ์ออร์บเมนท์หยุดการทำงาน◆
[ปรากฏการณ์ออร์บเมนท์หยุดการทำงาน] ที่เคยเกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักรทั้งก่อนและหลังการพังทลายลงของ [ลีเบล=อาร์ค] สิ้นสุดลงแล้ว มีการคาดเดากันว่า สิ่งที่ทำให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาก็คือ [ลีเบล=อาร์ค] แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่พบหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าเป็นเช่นนั้น ได้แต่รอการตรวจสอบนับจากนี้


◆บทวิเคราะห์◆
ปรากฏการณ์หยุดการทำงานกับความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้น ทำให้ตระหนักว่า เราได้พึ่งพาออร์บเมนท์ในชีวิตประจำวันมากแค่ไหน ถึงแม้จะไม่สามารถแน่ใจได้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่ แต่อาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นบทเรียนที่จะทำให้เรารู้จักเตรียมตัวเตรียมใจในการที่จะไม่พึ่งพาออร์บเมนท์ให้มากเกินไป รวมทั้งสำนึกบุญคุณต่อสิ่งที่เรียกว่าออร์บเมนท์อีกด้วย

[ข่าวการเมือง] พระราชกรณียกิจในมกุฎราชกุมารีคลอเดีย
ได้มีการลงข่าวในรายงานข่าวด่วนไปแล้วว่า ตอนนี้องค์หญิงคลอเดียได้เถลิงถวัลย์ขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในโอกาสนี้ ทางลีเบร์ลสารจะขอกล่าวถึงพระนามของพระองค์เป็น มกุฎราชกุมารีคลอเดียต่อไป
มกุฎราชกุมารีคลอเดียได้เข้าพบหารือกับพระโอรสโอลิเวิร์ตแห่งจักรวรรดิเอเรโบเนีย เพื่อย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศโดยไม่รอช้า นอกจากนี้ ทั้ง 2 พระองค์ได้โดยสารเรือลาดตระเวน [อัลเซยู] ทันทีที่การหารือจบลง ซึ่งการหารือในครั้งนี้ เป็นที่คาดหวังว่า จะช่วยนำความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศกลับคืนมาสืบไป


นอกจากนั้น ยังมีกำหนดการที่ทั้ง 2 พระองค์ จะเข้าร่วมงานเลี้ยงขอบคุณที่ทางราชวังแกรนเซลเป็นผู้จัดขึ้น ซึ่งทางเรายินดีที่จะรายงานสถานการณ์จากงานเลี้ยงขอบคุณในโอกาสต่อไป

สุดท้ายนี้ --เพื่อเป็นของกำนัลในการจัดจำหน่ายฉบับพิเศษ--
ในช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่ยากต่อการแก้ไขเกิดขึ้นในราชอาณาจักรลีเบร์ลจำนวนมากมาย นับตั้งแต่เหตุการณ์ปฏิวัติ, เหตุประหลาดที่ [หอคอยสี่วงแหวน], ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งแผ่นดินไหวหรือหมอกลงจัด, มังกรโบราณบุกโจมตี จนไปถึงการบุกโจมตีนครหลวงและปรากฏการณ์ออร์บเมนท์หยุดการทำงาน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ การปรากฏตัวและการพังทลายลงของ [ลีเบล=อาร์ค]
ได้มีกลุ่มเบรเซอร์กลุ่มหนึ่งที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแก้ไขเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นใดก็ไม่ท้อถอย คอยสนับสนุนช่วยเหลือพวกเราด้วยความเจิดจรัสและจิตใจที่ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก และชี้ทางไปสู่การแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากไม่มีทั้งพวกเขาและพวกเธอ สถานการณ์อาจจะไม่ได้จบลงเช่นนี้ หรือบางทีอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นจนนำไปสู่จุดจบอันเลวร้ายก็เป็นได้ จึงอยากจะขอส่งความรู้สึกขอบคุณที่มีอยู่นี้ มอบให้แก่เหล่าเบรเซอร์รุ่นเยาว์อายุ 16 ปีด้วย
ขอบคุณ ปีกแห่งความหวังของพวกเรา



ราชวังแกรนเซล 『グランセル城』
- ด้านหน้าประตูทางเข้าสู่ราชวังแกรนเซล "ไนแอล" 『ナイアル』 นักข่าวหัวเห็ดแห่งสำนักข่าวลีเบร์ล 『リーベル通信社』 วิ่งกระหืดกระหอบ พลางเรียกรุ่นน้องตากล้องหญิงผู้แสนอืดอาดยืดยาดและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง "โดรธี" 『ドロシー』 ให้รีบ ๆ ตามมาด้วยความหงุดหงิด เพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลาเริ่มงานเลี้ยงขอบคุณที่ราชินีอาริเชียทรงเป็นเจ้าภาพจัดงานด้วยพระองค์เองค่ะ
(และที่โดรธีหมดแรง ถึงกับเข่าอ่อนด้วยหิวมากมายขนาดนี้ เป็นเพราะว่าเธอไม่ได้กินอะไรมาตั้งกะมื้อกลางวันของเมื่อวานนี้ เพื่อเตรียมกระเพาะให้พร้อมกับการมาซัดอาหารหรูเลิศในงานเลี้ยงอย่างเต็มที่นั่นเองค่ะ ไนแอลถึงกับบ่นอุบกับความคิดพิลึกพิลั่นของโดรธี ว่าแล้วก็จัดการลากหนูโดรธีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเข้างานไปตามระเบียบ ส่วนโดรธีก็รู้สึกสบ๊ายสบายสุด ๆ ที่มีคนมาลากเข้างานโดยไม่ต้องเหนื่อยเดินค่ะ)



สวนลอยฟ้า 『空中庭園』
- ภายในงานเลี้ยงขอบคุณ "ราชินีอาริเชีย" 『アリシア女王』 กล่าวเปิดงานและกล่าวต้อนรับเหล่าบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ซึ่งมีทั้งผู้มีชื่อเสียงหรือบุคคลสำคัญระดับประเทศ รวมไปถึงเหล่าเบรเซอร์และผู้ให้ความร่วมมือที่ทำให้ [เหตุการณ์ประหลาด] สิ้นสุดลงไปด้วยดี
- จากนั้น "องค์หญิงคลอเดีย" 『クローディア姫』 จะกล่าวขอบคุณในฐานะของมกุฎราชกุมารี (รัชทายาทองค์ต่อไป) แก่ผู้ที่ให้ความร่วมมือในการทำให้สันติสุขกลับคืนสู่ลีเบร์ลค่ะ
(ตอนที่คลอเซ่กำลังกล่าวขอบคุณอยู่นั้น พวกไนแอลก็วิ่งเข้างานมาแบบฉิวเฉียดก่อนที่คลอเซ่จะกล่าวคำปราศรัยจบพอดี พอคลอเซ่เห็นไนแอลสั่งให้โดรธีรีบเก็บภาพบรรยากาศโดยไวก่อนที่จะสิ้นสุดการปราศรัย ก็ถึงกับยิ้มเจื่อน ๆ กับเหตุการณ์ที่ดูคุ้นตาไปเลยล่ะค่ะ)
- เมื่อองค์หญิงคลอเดียกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ และ "ดยุคดิวนัน" 『デュナン公爵』 กล่าวเชิญให้ผู้มาร่วมงานร่วมรับประทานอาหารหรูเลิศ พร้อมทั้งขอบคุณต่อเทพธิดาเอดอสเป็นที่เรียบร้อย เสียงปรบมือก็ดังขึ้นกึกก้องทั่วสวนลอยฟ้าแห่งนี้ค่ะ
- "......อืมม์ คลอเซ่เนี่ย ยอดเยี่ยมจริง ๆ ด้วยนะ ที่สวมชุดราตรีแล้วก็พูดต่อหน้าทุกคนได้อย่างฉะฉานแบบนั้นน่ะ" เอสเทลมองไปยังคลอเซ่ที่กำลังเดินเข้าไปทักทายแขกเหรื่อ พลางพูดขึ้นด้วยความยินดีและดีใจ
โยชัวร์ "อืม ถึงตอนที่เจอกันก่อนหน้านี้จะบอกว่าไม่มีความมั่นใจก็เถอะ...... แต่ดูเหมือนว่าจะวางตัวได้อย่างสง่างามสมฐานะมกุฎราชกุมารีนะ"
เอสเทล "เฮ้อ ดีจังเลย...... ถ้าชั้นเหมาะกับชุดราตรีแบบนั้นบ้าง ก็คงจะดีเหมือนกันน้า......"
- โยชัวร์หันมามองเอสเทลแบบประหลาดใจ ทำเอาเอสเทลฉุนกึกขึ้นมาทันทีที่เห็นโยชัวร์มองมาที่เธอแบบนั้น
(จริง ๆ แล้วที่โยชัวร์มองเอสเทลแบบนั้นไม่ได้จะว่าเอสเทลหรอกนะคะ เพียงแต่เขารู้สึกดีใจที่เห็นเอสเทลสนใจจะกลับเนื้อกลับตัว หันมาแต่งตัวแบบผู้หญิงขึ้นมาแล้วก็เท่านั้นเอง เอสเทลได้ยินก็หงุดหงิดบอกว่าถ้าเธอกลับบ้านไปจะเอาชุดสวย ๆ มาใส่ให้ดู โยชัวร์ก็ยิ้มแฉ่ง บอกว่าจะตั้งตารอคอยวันนั้นที่จะมาถึงค่ะ)
โยชัวร์ "......แต่ หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเอสเทลเองก็เติบโตขึ้นมากนะ"
เอสเทล "! เอ๊ะ......?"
โยชัวร์ "การวิ่งวุ่นจัดการเรื่องต่าง ๆ ในลีเบร์ล เป็นงานที่หนักหนาสาหัสเอาการ...... แต่ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยของเอสเทล รวมทั้งเป็นที่ไว้วางใจได้มากขึ้นในฐานะของเบรเซอร์...... บอกตามตรง ถ้ามองจากมุมมองของผม ผมว่าเธอเป็นที่พึ่งพาอาศัยได้มากเลยล่ะ"
เอสเทล "อ๊ะ อะฮะฮะ...... อะไรเนี่ยพอโยชัวร์ชมแล้ว ก็รู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมาซะงั้นน่ะ...... ......แต่ ในที่สุดงานก็คืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่งในช่วงหลายวันมานี้เนอะ แล้วดูท่าทางการทำให้นครหลวงกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งก็ไปได้สวยซะด้วยสิ...... ในที่สุดก็วางใจได้สักทีเนอะ"
โยชัวร์ "............อืม จริงด้วยนะ......
- "อ๊ะ............" จู่ ๆ เอสเทลก็หันเหความสนใจไปยังมุมหนึ่งในงานเลี้ยง ซึ่งที่สายตาของเอสเทลไปหยุดลงนั้นไม่ใช่ที่ไหน แต่เป็นโต๊ะขนาดใหญ่ที่มีอาหารหรูเลิศอลังการงานสร้างที่ทางเจ้าภาพนำมาเสริฟนั่นเองค่ะ แน่นอนว่าผู้หญิงที่เห็นของกินดีกว่าผู้ชายอย่างเอสเทล (ถึงตอนนี้จะเริ่มหันมาแต่งตัวกะเขาบ้างแล้วก็เถอะ) ที่พลาดอาหารไฮโซจากงานวันพระราชสมภพของราชินีอาริเชียไป มีหรือที่จะปล่อยให้อาหารมื้อนี้หลุดรอดกระเพาะของเธอไปได้ ว่าแล้วก็บอกให้โยชัวร์รออยู่ตรงนี้ แล้วเธอจะขอเป็นคนไปเมียง ๆ มอง ๆ ตักอาหารมาให้เองค่ะ
- โยชัวร์มองตามเอสเทล แล้วยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดขึ้นว่า "......เฉพาะเรื่องนี้ไม่ได้เติบโตขึ้นเลยนะเนี่ย............"
- "โอ๊ะ โยชัวร์ไม่ใช่เรอะนั่น ยัยเอสเทลไปไหนซะแล้วล่ะ?" ไนแอลกับโดรธีเดินเข้ามาทักทายโยชัวร์ พร้อมทั้งบอกว่าหลังจากเขาสัมภาษณ์ทุกคนเสร็จแล้ว จะมาขอสัมภาษณ์พวกโยชัวร์ด้วยค่ะ
- ว่าแล้วไนแอลก็หันไปบอกโดรธี (ที่ยังไม่ได้กินอะไร และพยาธิในท้องกำลังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ส่งเสียงร้องดังสนั่นหวั่นไหว) ให้รีบ ๆ ไปสัมภาษณ์องค์หญิงคลอเดียได้แล้วค่ะ
- เมื่อไนแอลสวมบทปิศาจบังคับขู่เข็ญให้โดรธีไปทำงานต่อโดยไม่ให้กินอะไรแล้ว โยชัวร์ก็ชะเง้อมองดูว่าเอสเทลเป็นยังไงบ้าง ซึ่งตอนนี้เอสเทลกับโจเซ็ตกำลังกัดกันอยู่เหมือนเคย โยชัวร์เห็นแบบนั้นก็เลยเลยตามเลย ตัดสินใจอาศัยช่วงนี้ไปกล่าวขอบคุณเหล่าผู้คนที่ให้ความช่วยเหลือเขาก่อนดีกว่าค่ะ
- บังคับ "โยชัวร์" ให้ไปคุยกับทุก ๆ คนที่เคยให้ความช่วยเหลือเขาซึ่งมาร่วมงานนี้ได้เลยค่ะ (คุยกับใครก่อนก็ได้ ไม่บังคับค่ะ)
★หากไปคุยกับ "ริชาร์ด" 『リシャール』 เขาจะบอกว่าเพราะนายพลจัตวา (ป๋าคาซิอุส) เป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดให้ ทำให้เขาได้รับพระราชทานอภัยโทษ ด้วยผลงานในการหยุดยั้งการบุกโจมตีนครหลวงของ [องค์กร] 『結社』 ก็เลยได้มาร่วมงานเลี้ยงขอบคุณในคราวนี้ค่ะ แต่ดูเหมือนว่าคุณหอมหัวใหญ่จะมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่างเก็บไว้ในใจ และตัดสินใจที่จะหาข้อสรุปถึงเรื่องอนาคตในแบบของตัวเองด้วยนะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ว่าเขารู้สึกว่าตัวเองควรจะต้องยอมรับต่อความผิดที่ก่อขึ้น (คือคิดว่าตัวเองไม่สมควรได้รับการอภัยโทษ) แต่ก็ไม่คิดที่จะกระทำการใด ๆ ที่ขัดต่อพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับมาจากองค์ราชินีแน่นอนค่ะ
★หากไปคุยกับ "คาโนเน่" 『カノーネ』 โยชัวร์จะขอบคุณที่เธอส่งทัพหนุนมาในตอนที่นครหลวงถูกบุกโจมตี แต่คาโนเน่กลับทำท่าหยิ่ง ๆ ตอบกลับมาว่า "ชะ เชอะ...... นั่นมันเป็นแค่เงื่อนไขในการประกันตัวท่านพันเอกต่างหากย่ะ ไม่เห็นจะมีเหตุผลที่จะมารับคำขอบคุณจากพวกเธอสักหน่อยนะยะ" ซึ่งโยชัวร์ก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ คิดในใจว่าคาโนเน่เนี่ยปากไม่ตรงกับใจเอาซะเลยค่ะ
- คุยกับ "ทีต้า" 『ティータ』 และ "อากัต" 『アガット』 ทีต้ากำลังถามอากัตว่าจะมาทานข้าวที่บ้านของเธอเมื่อไหร่ดี เพราะในตอนที่ลงจากอัลเซยูื อากัตบอกว่าจะมากินข้าวที่บ้านของเธอ แต่ดูท่าทางอากัตในตอนนี้ จะอึกอักให้คำตอบที่ชัดเจนกับทีต้าไม่ได้ เพราะที่เขาพูดไปมันก็แค่คำลา แล้วตอนนี้เขาเองก็กำลังยุ่ง ๆ อยู่กับงานเบรเซอร์ด้วย พอได้ยินอากัตพูดแบบนั้นหนูทีต้าก็อึ้งไปเลย เพราะเธออุตส่าห์รอมานานมาก ๆ พอเห็นทีต้าผิดหวังขนาดนั้น อากัตก็รีบหันไปบอกแบบเสียไม่ได้ว่า "ถะ ถ้าเป็นช่วงสิ้นเดือนล่ะก็...... ......ถ้าจำไม่ผิดราว ๆ วันศุกร์น่าจะว่างนะ......" แค่ได้ยินเท่านี้ทีต้าก็ยิ้มร่าดีใจขึ้นมาทันทีเลยล่ะค่ะ
(ถ้าลองคุยกับ "อากัต" อีกครั้ง ทีต้าจะถามถึงของกินที่อากัตชอบ แต่อากัตกลับตอบแบบไม่ได้คิดอะไรว่า "......อะไรที่กินได้ ก็กินได้หมดนั่นแหล่ะ" ทีต้าทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีก อากัตเหงื่อตกรีบคิดหาเมนูทันทีค่ะ แหม ทีกับทีต้าเนี่ย ทำตัวน่ารักว่าง่ายซะไม่มีนะนายหัวไก่)
★หากไปคุยกับ "ดร. รัซเซล" 『ラッセル博士』 จะทราบว่า ตอนนี้ทางโรงงานกลางมีแผนการผนึกกำลังกับทางกองทัพ ที่จะกู้ [ลีเบล=อาร์ค] ที่พังทลายลงขึ้นมาสำรวจค่ะ แต่ปัญหาตอนนี้คือทะเลสาบวาเลเรีย 『ヴァレリア湖』 ค่อนข้างลึก การสำรวจจึงคล้าย ๆ จะเป็นการคลำ ๆ งมเข็มในมหาสมุทรไปเรื่อย ๆ มากกว่าที่จะเรียกว่าสำรวจ เพราะงั้นดร. ผู้เอาแต่ใจตัวเองจึงมีความคิดว่าจะลองร่างแผนที่ใต้มหาสมุทรด้วยคลื่นเสียงโซน่าดู แต่ติดตรงที่ไม่มีเวลาเนี่ยสิคะ
- คุยกับ "หลวงพ่อเควิน" 『ケビン神父』 โยชัวร์จะประหลาดใจว่าเขายังอยู่ที่ลีเบร์ลอีกเหรอ ซึ่งเควินก็หันมาคุยกับโยชัวร์ตามสไตล์สบาย ๆ ของเขาว่า คงน่าเสียดายถ้าหากไม่ได้มากินอะไรอร่อย ๆ ที่นี่ โยชัวร์นิ่งไปชั่วครู่ราวกับรอดูท่าทีของเควิน ก่อนที่จะกล่าวว่า
โยชัวร์ ".........คุณเควินครับ ขอบคุณมากนะครับ ถ้าหากคุณเควินไม่ได้มาเยือนลีเบร์ลแล้วล่ะก็ .........ผมก็คง..............."
หลวงพ่อเควิน "อ๋อ ไม่ต้องใส่ใจหรอก ไอ้ที่ชั้นช่วยไปมันก็แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เองนี่นา ......เท่าที่เห็นสีหน้าก็ดูดีขึ้น ท่าทางอาการภายหลังการรักษานั่นก็ไม่ได้แสดงออกมาแล้ว บุญคุณหรืออะไรนั่นน่ะ ลืม ๆ ไปซะก็ได้นะ"
- โยชัวร์นิ่งเงียบครุ่นคิดอะไรบางอย่างอีกครั้ง แล้วก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาว่า "............คุณเควินครับ จริง ๆ แล้วคุณคือ......"
- "............โยชัวร์คุง ได้เวลาที่ชั้นต้องกลับแล้วล่ะ......" เควินตัดบทด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่จะแสดงให้โยชัวร์เห็นรอยยิ้มเศร้า ๆ ของเขาที่พูดขึ้นว่า "ถ้าได้เจอกันอีกในที่ไหนสักแห่งก็คงจะดีเนอะ" ซึ่งโยชัวร์ก็ตอบรับความรู้สึกนั้นของเควินด้วยรอยยิ้มค่ะ
- คุยกับ "จิน" 『ジン』 โยชัวร์จะขอบคุณจินที่ให้ความช่วยเหลือ แม้กระทั่งงานฟื้นฟูลีเบร์ลให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งจินหัวเราะร่าตามสไตล์ลุงหมีผู้ใจดีบอกว่านี่ก็เป็น 1 ในงานของเบรเซอร์ค่ะ แต่น่าเสียดายที่เขาได้เวลาที่จะต้องกลับประเทศแล้ว เพราะการเมืองภายในสาธารณรัฐบ้านเกิดของเขาก็ไม่ใช่ว่าจะวางใจได้ซะทีเดียวค่ะ
(หากคุยกับ "จิน" อีกครั้ง "ทูตเอลซ่า" 『エルザ大使』 จะถามถึงคิริก้าว่าไม่ได้มาด้วยกันเหรอ ซึ่งจินบอกว่าพวกประชาสัมพันธ์ของกิลด์งานยุ่งจนวางมือไม่ได้ คิริก้าก็เลยอดมาตามระเบียบค่ะ)
- คุยกับ "องค์หญิงคลอเดีย" เธอกำลังโดนไนแอลยิงคำถามไม่มียั้ง แถมยังโดนขอให้แสดงความคิดเห็นและความยินดีต่อ [เหตุการณ์ประหลาด] ที่สิ้นสุดลง ในอิมเมจแบบ "มกุฎราชกุมารีผู้ร่าเริงสดใส" ไม่เอาแบบทางการอีกต่างหาก พอโยชัวร์เห็นคลอเซ่กำลังยุ่ง ๆ กับการสัมภาษณ์แบบนี้ จึงตัดสินใจว่าไว้ค่อยมาคุยกับเธอทีหลังก็ได้ค่ะ
★หากไปคุยกับ "ราชินีอาริเชีย" โยชัวร์จะกล่าวขอบพระทัยองค์ราชินีที่เชิญเขามาร่วมงานค่ะ ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้โยชัวร์ได้กระจ่างแจ้งแล้วว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้มแข็ง ซึ่งราชินีอาริเชียเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
ราชินีอาริเชีย "ข้าพเจ้าปกครองอาณาจักรแห่งนี้มาเป็นเวลา 40 ปีก็จริง แต่ก็ยังคงประหลาดใจอยู่ค่ะ ......ลีเบร์ลเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ แม้จะได้รับความคิดเห็นมากมายว่าสิ่งที่คอยค้ำจุนอาณาจักรแห่งนี้อยู่ก็คือ ความสามารถของข้าพเจ้าและวิทยาการออร์บเมนท์...... แต่สิ่งที่สามารถทำให้ผ่านพ้น [เหตุประหลาด] ในครั้งนี้ แล้วก็สงครามร้อยวัน 『百日戦争』 เมื่อ 10 ปีก่อนได้นั้น กลับมิใช่พลังจากสิ่งที่กล่าวมาเลยค่ะ สิ่งที่คอยสนับสนุนอาณาจักรเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่นั้น ......คือพลังความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ของเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างหากค่ะ"
โยชัวร์ "...............พลังความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ของผู้คน......"
ราชินีอาริเชีย "ค่ะ ท่านโยชัวร์คะ ท่านได้กรุณาเรียกลีเบร์ลแห่งนี้ว่าเป็นบ้านเกิดหลังที่ 2 พลังความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ของท่านเอง ก็คอยค้ำจุนอาณาจักรแห่งนี้ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ ในฐานะราชินี ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก"
โยชัวร์ "..................ครับ ขอบพระทัยพะย่ะค่ะฝ่าบาท......"
★หากไปคุยกับเมดสาว "เชีย" 『シア』 เธอจะดีใจม๊ากมากที่ได้พบกับท่านโยชัวร์อีกครั้ง พร้อมทั้งเชิญให้โยชัวร์แวะมาเที่ยวเล่นที่นี่ได้ทุกเมื่อ แล้วเธอจะเป็นคนจัดการแต่งเนื้อแต่งตัวให้โยชัวร์เองค่ะ โยชัวร์ยิ้มแหย ๆ ทำหน้าเจื่อน ๆ บอกว่า "......ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เอาแล้วแต่งตัวเป็นเมดอะไรแบบนั้นน่ะ"
★หากไปคุยกับน้องหนู "ซิก" 『ジーク』 ฮายะบุสะคู่ใจของคลอเซ่ โยชัวร์รู้สึกว่า ถ้ามีการประกาศเกียรติคุณให้กับซิกก็คงจะไม่แปลกอะไรเลย ก็ซิกน่ะทำงานหนักไม่แพ้ใครเลยนี่นา
- คุยกับ "ร้อยเอกยูเลีย" 『ユリア大尉』 และ "พันตรีมิวเลอร์" 『ミュラ少佐』 จะรู้ว่าทั้ง 2 คนกำลังแลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องความเสียหายจาก [เหตุการณ์ประหลาด] กันอยู่ค่ะ (เอาการเอางาน ไม่เว้นแม้แต่เวลาพักผ่อน 2 คนนี้นิสัยพอกันทั้งคู่เลยนะคะเนี่ย) ซึ่งมิวเลอร์รู้สึกว่า ความเสียหายโดยตรงที่เกิดขึ้นจากการพังทลายลงของ [ลีเบล=อาร์ค] อยู่ในระดับน้อยกว่าที่คาดเอาไว้ เนื่องด้วยเพราะปรากฏการณ์ออร์บเมนท์หยุดการทำงาน อุปกรณ์ออร์บเมนท์ใช้งานไม่ได้ ทำให้ไม่มีเรือลำใดแล่นเข้าไปในเขตทะเลสาบวาเลเรียไปโดยปริยาย ซึ่งตรงนี้จะได้ทราบด้วยว่า หลังการพังทลายลง โยชัวร์กับเอสเทลก็ได้วนดูรอบ ๆ แนวชายฝั่งทะเลสาบแล้วพบว่า คนที่ยืนดูเหตุการณ์ในขณะที่นครลอยฟ้ากำลังล่มสลายนั้น โดนผลกระทบไปแค่เพียงบางส่วนเท่านั้นค่ะ ส่วนที่เป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ เห็นจะเป็นผลกระทบจากการที่ออร์บเมนท์หยุดการทำงานมากกว่า ทั้งนี้ก็เพราะลีเบร์ลถือได้ว่าเป็นประเทศใหญ่ที่มีการแข่งขันในด้านออร์บเมนท์เป็นอันดับที่ 1 และ 2 ของทวีปนั่นเองค่ะ
★หากไปคุยกับ "ดยุคดิวนัน" และ "ทูตดาวิลล์" 『ダヴィル大使』 แห่งจักรวรรดิ ดูเหมือนว่าทั้ง 2 คนกำลังคุยกันถึงเรื่องที่โยชัวร์ขึ้นไปบนนครลอยฟ้า ซึ่งทูตดาวิลล์ชมว่า เหล่าคนรุ่นเยาว์ที่ขึ้นไปบนนั้นเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าจริง ๆ โยชัวร์จึงยิ้มรับกล่าวขอบคุณไปตามมารยาท แต่ในใจนึกสงสัยจริง ๆ ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย
★หากไปคุยกับ "หัวหน้าพ่อบ้านฟิลลิป" 『フィリップ執事』 โยชัวร์จะถามว่าสภาพร่างกายคุณฟิลลิปเป็นยังไงบ้าง ซึ่งลุงแกก็บอกว่าถ้าอายุน้อยกว่านี้สัก 30 ปี เหตุการณ์ที่เจอมาก็ถือว่าหมูมากค่ะ โยชัวร์ถึงกับหน้าเครียด นึกภาพลุงเมื่อ 30 ปีก่อนไม่ออกเลยค่ะ
★หากไปคุยกับ "เอลนัน" 『エルナン』 จะทราบว่าเขามาเข้าร่วมงานเลี้ยงในฐานะตัวแทนประชาสัมพันธ์ของสมาคมเบรเซอร์ ซึ่งเอลนันรู้สึกเสียดายไม่แพ้โยชัวร์ที่เพื่อน ๆ ประชาสัมพันธ์ของเขาในแต่ละสาขาต่างก็งานยุ่ง ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานเลี้ยง และไม่ได้มาแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นโอกาสหายากที่จะได้มารวมตัวกันครบทุกสาขาค่ะ
★หากไปคุยกับ "คูลซ์" 『クルツ』 เขาจะขอบคุณโยชัวร์ที่เหนื่อยหาข้อมูลของความเสียหายในทุกพื้นที่มาตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาค่ะ แต่จู่ ๆ โยชัวร์ก็พูดถึงคุณสมบัติในการเป็นบรเซอร์ของเขาว่า ความสามารถของเขาได้มาจากตอนที่อยู่กับ [องค์กร] เท่านั้นยังไม่พอ เขาได้ใช้ความสามารถนั้น ก่อความผิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจึงไม่มั่นใจที่จะเรียกตัวเองได้เต็มปากว่าเป็นเบรเซอร์ค่ะ คูลซ์จึงพูดขึ้นว่า "โยชัวร์คุง ฉันน่ะนะ...... คิดอยู่เสมอว่าความสามารถเป็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ เพราะฉะนั้น ลูกหลานจึงรับมาสืบทอดต่อได้ ......ที่ว่ามามันผิดหรือเปล่า" โยชัวร์ปฏิเสธแบบอึ้ง ๆ คูลซ์จึงพูดต่อว่า "......ถ้าเช่นนั้น ระหว่างเธอกับฉันมีอะไรที่แตกต่างกันหรือเปล่า เราทั้งคู่รับรู้ถึงความอ่อนหัดของตนเอง และขัดเกลาความสามารถต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสิ่งที่เชื่อมั่นอันนั้น............" นอกจากนี้คูลซ์ยังกล่าวยอมรับในตัวโยชัวร์ด้วยว่าโยชัวร์เป็นเบรเซอร์ที่ยอดเยี่ยมมาก เมื่อได้ยินคำชมของคูลซ์ ทำให้โยชัวร์สบายใจและมั่นใจในตัวเองขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ (การอบรมสอนสั่งหรือให้ข้อแนะนำของคูลซ์เนี่ย ยอดเยี่ยมสมกับเป็นเบรเซอร์รุ่นพี่ที่ทุก ๆ คนนับถือ ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากทุกสาขาของกิลด์จริง ๆ นะคะ แต่ถึงคูลซ์จะยอดเยี่ยมในทุก ๆ ทางแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะฝึกฝนเพื่อพัฒนาฝีมือของตนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปค่ะ)
★หากไปคุยกับ "อาเนราส" 『アネラス』 เธอเพิ่งจะรู้ว่าโจเซ็ตสืบเชื้อสายตระกูลขุนนาง ซึ่งเธอเคยคิดมาตลอดว่าขุนนางของจักรวรรดิน่าจะดูน่ากลัวกว่านี้ ไม่คิดว่าจะมีคนน่ารัก ๆ แบบโจเซ็ตอยู่ด้วยค่ะ
- คุยกับ "เอสเทล" และ "โจเซ็ต" 『ジョゼット』 จะเห็นว่าทั้ง 2 สาวกำลังต่อล้อต่อเถียงกันถึงเรื่องที่ว่าใครเหมาะสมกับงานปาร์ตี้มากกว่ากันค่ะ ซึ่งโจเซ็ตก็เกทับว่า เธอเหมาะสมกับการสวมชุดราตรีเข้าร่วมงานสังคมแบบนี้มากกว่าเอสเทลแน่นอนอยู่แล้ว
เอสเทล "อะ อะไรยะ! ชั้นต่างหากที่เคยสวมชุดราตรีมาก่อนน่ะ ไม่อยากโดนยัยทอมบอยแก่แดดที่แสร้งทำตัวเรียบร้อยมาว่าเอาหรอกนะยะ"
โจเซ็ต "วะ ว่าไงน้า!"
- "............นะ นี่ทั้ง 2 คน ถึงยังไงก็เป็นที่สาธารณะ ถ้าจะทะเลาะกันไว้ไปหาที่อื่น......" โยชัวร์ทำหน้าเข้ม พยายามจะทำให้สาว 2 คนสงบลง
- แต่แล้ว...... 2สาวกลับร่วมแรงแข่งขัน (โดยไม่ได้นัดหมาย) หันมาโมโหโยชัวร์ด้วยเสียงอันดังว่า "เงียบไปเลยโยชัวร์!!" ทำเอาโยชัวร์หน้าเจื่อนยอมยกธงขาวให้ 2 สาวอาร์ทตัวแม่ไปแต่โดยดี
(โยชัวร์ช่างน่าสงสารเสียจริง แต่ก็นะ อีกด้านหนึ่งก็น่าจะโดนว่าซะบ้าง เพราะที่ 2 สาวต้องมาทะเลาะกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแบบนี้ จริง ๆ แล้วต้นเหตุมันก็มาจากพระเอกความรู้สึกช้าอย่างนายเนี่ยแหล่ะ ......หลังจากโดนด่าแล้ว ลองกลับไปคุยกับ "อาเนราส" อีกครั้ง อาเนราสจะถามความเห็นว่า ถ้าโจเซ็ตผูกโบว์สีแดง เอสเทลปล่อยผมลง แล้วให้ทั้ง 2 คนใส่ชุดราตรีสีขาวแล้วล่ะก็ จะเหมาะหรือเปล่า โยชัวร์ก็ได้หน้าเจื่อน ๆ อุบอิบว่าจู่ ๆ ก็มาถามแบบนั้นตอนนี้ จะให้เขาตอบได้ยังไงล่ะ)
- คุยกับ (อดีต) สลัดอากาศ "โดรุน" 『ドルン』 และ "คีล" 『キール』 จะทราบว่าพวกเขา 3 พี่น้องได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วตอนนี้ตระกูลคาปัวของพวกเขาก็กำลังจะก่อตั้งบริษัทขนส่งขึ้นด้วยค่ะ
★หากไปคุยกับเมดสาวผู้น่ารัก (แต่แววตาน่ากลั๊วน่ากลัว) "รีร่า" 『リラ』 จะทราบว่าเมื่อหลายวันก่อน "นายกเทศมนตรีเมเบล" 『メイベル市長』 คุณหนูของเธอเป็นลมล้มพับไปค่ะ แต่เธอก็ได้พาเมเบลไปพักผ่อนแล้ว ตอนนี้ก็กลับมาโหมงานได้เหมือนเดิมค่ะ
★หากไปคุยกับ "พลโทซีด" 『シード中佐』 ซีดจะขอบคุณโยชัวร์ที่ช่วยคลี่คลายเหตุการณ์ในครั้งนี้ ส่วนโยชัวร์ก็ขอบคุณซีดที่ผนึกกำลังกับคุณริชาร์ด, คุณคูลซ์แล้วก็เหล่าเบรเซอร์ในการต่อสู้ภาคพื้นดิน ในตอนที่พวกเขาขึ้นไปบน [ลีเบล=อาร์ค] ค่ะ ซึ่งซีดก็บอกว่า เรื่องนี้มันไม่ใช่ปัญหาที่จะคลี่คลายลงได้ด้วยคนเพียงคนเดียวอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องช่วยเหลือกัน ดังนั้น ซีดจึงอยากกล่าวขอบคุณโยชัวร์และทุกคนด้วยค่ะ
★หากไปคุยกับ "นายพลมอร์แกน" 『モルガン将軍』 ท่านนายพลจะกล่าวขอบคุณเหล่าเบรเซอร์แบบไม่มีกั๊กเหมือนเมื่อก่อน (ที่มักจะเริ่มต้นหรือตบท้ายด้วยคำพูดที่แสดงถึงความรู้สึกเกลียดชังเบรเซอร์จนออกนอกหน้า) ซึ่งโยชัวร์ก็ตอบรับคำขอบคุณ แต่ก็อดสงสัยปฏิกริยาที่คาดไม่ถึงของท่านนายพลไม่ได้ว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ถึงได้เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเบรเซอร์ไปได้ถึงขนาดนี้
- คุยกับ "เจ๊เชร่า" 『シェラサード』 และ "โอลิเวียร์" 『オリビエ』 ทั้ง 2 คนจะชวนให้โยชัวร์มาดื่มด้วย (ซึ่งกระทาชายนายโอลิเวียร์ก็ยังหื่นใส่โยชัวร์เหมือนเดิม) แต่ไง ๆ เรื่องดื่มเหล้าโยชัวร์ต้องปฏิเสธอยู่แล้วค่ะ แต่เจ๊เชร่าก็พยายามชักชวนต่อ ให้ถือว่ามาฉลองที่ได้ขึ้นเป็นเบรเซอร์อย่างทางการไปด้วยเลยก็ได้ โยชัวร์นิ่งไปครู่นึงก่อนที่จะถามเจ๊แกถึงเรื่องลูชิโอล่า ทันทีที่ได้ยินเจ๊เชร่าก็แสดงสีหน้าเศร้า ๆ ออกมาแวบนึงทันที แต่ก็แสร้งยิ้มแสดงความดีใจที่โยชัวร์เป็นห่วงพี่สาวอย่างเธอด้วย แล้วเธอก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงไป ซึ่งโอลิเวียร์ก็ช่วยสำทับอีกแรงว่า ทุกคนต่างก็มีความทรงจำต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่คืนนี้เขาอยากให้ไม่ต้องคิดอะไร ปล่อยใจดื่มไปตามสบายดีกว่า จากนั้น เจ๊เชร่าจะขอให้โยชัวร์เลิกนิสัยที่ชอบตัดสินใจทำอะไร ๆ ด้วยตัวเองเพียงลำพัง เพราะช่วงที่โยชัวร์ไม่อยู่สภาพของเอสเทลน่ะดูไม่จืดเลย ซึ่งโยชัวร์ก็รับปากหนักแน่นว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วค่ะ
(หากคุยกับ "เจ๊เชร่า" อีกครั้ง เจ๊แกจะบอกว่าเดี๋ยวนี้ดื่มเท่าไรก็ไม่เมา สงสัยว่าเธอจะเข้าใกล้ระดับสุดยอดคอทองแดงแบบไอน่าซะแล้วล่ะมั้งเนี่ย ส่วน "โอลิเวียร์" ที่ยังไม่กลับจักรวรรดิ ก็เพราะว่าเขาเลื่อนกำหนดการออกไปอีกนิด เพราะอยากร่วมงานเลี้ยงด้วยส่วนหนึ่งค่ะ)
- คุยกับ "คาซิอุส" 『カシウス』 โยชัวร์จะดีใจที่ป๋าเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย เพราะตอนที่ติดต่อไปป๋าบอกว่าจะไม่มาเพราะยุ่ง ๆ อยู่น่ะค่ะ (ซึ่งตอนนี้ป๋าก็ยังยุ่ง ๆ อยู่กับการขนส่งข้าวของจำเป็นในการฟื้นฟูราชอาณาจักรจริง ๆ นั่นล่ะ โยชัวร์ก็เลยบอกให้ป๋าพักผ่อนซะบ้าง เพราะเอสเทลน่ะเป็นห่วงป๋ามาก ๆ)
- เมื่อไปคุยกับทุกคนครบแล้ว ให้เดินไปแถว ๆ ทางขึ้นตำหนักราชินีเพื่อผ่านบทได้เลยค่ะ
- ที่หน้าตำหนัก ขณะที่โยชัวร์กำลังโล่งใจที่ไปทักทายคนอื่น ๆ ครบแล้ว "ไนแอล" ที่เพิ่งสัมภาษณ์คลอเซ่เสร็จก็เร่งให้ "โดรธี" รีบ ๆ ไปทำการสัมภาษณ์คนของกองทัพกับเขาต่อทันทีค่ะ (ซึ่งโดรธีก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอยู่ดี)
- "......คุณโยชัวร์คะ" คลอเซ่ที่อยู่ในอาการล้า ๆ จากการสัมภาษณ์ ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาโยชัวร์
โยชัวร์ "......คลอเซ่ ท่าทางจะลำบากไม่น้อยเลยนะ"
องค์หญิงคลอเดีย "......อ๊ะ............ เอ่อ ก็นิดหน่อยค่ะ...... เพราะหลังจากขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารีแล้ว ก็ต้องคอยให้สัมภาษณ์มากมายจริง ๆ......"
โยชัวร์ "อืม ช่วงนี้ผมก็เห็นรูปของคลอเซ่บนนิตยสารเล่มโน้นทีเล่มนั้นที ยังคิดอยู่เลยว่าคงไม่ใช่ล่ะมั้งด้วยนะ"
องค์หญิงคลอเดีย "อะ อ๊ะฮะฮะ............"
โยชัวร์ "แต่ผมว่าอีกหน่อย ก็คงจะเพลา ๆ ลงบ้างแล้วล่ะ แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็คงจะลำบากหน่อยนะ......"
องค์หญิงคลอเดีย "......ค่ะ แต่เพราะดิฉันตัดสินใจไปแล้วว่าจะปกป้องทุกคน...... จะมาหมดกำลังใจกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ"
โยชัวร์ "งั้นเหรอ......"
- "......เธอน่ะเข้มแข็งอย่างที่คิดจริง ๆ นะ" โยชัวร์กล่าวชมคลอเซ่จากใจจริง ส่วนคลอเซ่ก็รีบปฏิเสธว่าไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะจริง ๆ แล้วเธอแทบจะไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยซะด้วยซ้ำ แถมยังทำอะไรไม่ค่อยยั้งคิดอีกต่างหาก
โยชัวร์ "ก็จริง แต่ว่า...... ตอนที่เจอกันครั้งแรก เธอคอยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อที่จะปกป้องครัม ......คลอเซ่ ผมว่าความเข้มแข็งของเธอเป็นความเข้มแข็งที่แท้จริงนะ"
องค์หญิงคลอเดีย "อ๊ะ อะฮะฮะ...... ขอบคุณค่ะ"
- คลอเซ่ยอมรับคำชมจากโยชัวร์แบบเขิน ๆ "......จะ จะว่าไปก็เคยมีเรื่องเช่นนั้นเหมือนกันนะคะ" พูดจบคลอเซ่ก็เงียบครุ่นคิดภายในใจว่า "(ถ้าเป็นตอนนี้ คงจะได้กระมัง...............?)"
- "............เอ่อ คุณโยชัวร์คะ ............พอจะมีเวลาสักครู่หรือเปล่าคะ?" คลอเซ่ถามโยชัวร์ด้วยสีหน้าจริงจัง "มีเรื่องอยากจะคุยด้วยน่ะค่ะ"
- เมื่อโยชัวร์ไม่ปฏิเสธ คลอเซ่จึงเดินนำเขาไปอีกด้านหนึ่ง โดยที่โยชัวร์ได้แต่มองไล่หลังคลอเซ่แบบไม่แน่ใจว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าคลอเซ่กำลังโกรธอยู่ แต่ถึงแม้จะไม่รู้ตัวว่าเคยไปทำอะไรให้คลอเซ่โกรธ สุภาพบุรุษสุดสวย เอ๊ย สุภาพบุรุษสุดหล่อที่มีดีกรีเป็นถึง (อดีต) พระเอกอย่างเขา ก็ไม่ปล่อยให้ผู้หญิงรอ รีบตามคลอเซ่ไปค่ะ
(ก่อนที่จะตามคลอเซ่ไป โยชัวร์แอบหันไปดูทางเอสเทลว่าตักอาหารไปถึงไหนแล้วด้วยนะคะ แต่แทนที่จะไปตักอาหาร เอสเทลดันไปแข่งกับโจเซ็ต (อย่างเอาเป็นเอาตาย) ว่าใครจะกินจุได้มากกว่ากันซะงั้น ทำเอาโยชัวร์เหนื่อยใจไปไม่น้อยทีเดียวล่ะค่ะ)



- "......เอ่อ คลอเซ่ ที่ว่ามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ......?" ที่ด้านหนึ่งของสวนลอยฟ้าที่ปราศจากผู้คน โยชัวร์เอ่ยถามคลอเซ่อย่างเกรง ๆ
คลอเซ่ "................................................"
โยชัวร์ "อะ เอ่อ............ ถ้าผมไปทำอะไรให้ไม่ถูกใจ ก็ขอโทษด้วย......"
- คลอเซ่ยังคงเงียบ "......ดิฉัน............" เธอก็เอ่ยขึ้นด้วนสีหน้าเอียงอาย แล้วหันมาพูดกับโยชัวร์ด้วยสีหน้าจริงจัง
คลอเซ่ "รักคุณโยชัวร์ค่ะ"
โยชัวร์ "....................................................... เอ๋......?"
- ท่าทีของคลอเซ่ดูไม่ประหลาดใจกับปฏิกริยาตอบรับของโยชัวร์เลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะเธอเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจเงียบ ๆ มานานแสนนานโดยไม่ให้เขารู้มาก่อน พอได้รู้ความจริงก็ย่อมจะตกใจเป็นธรรมดา
- แต่ตอนนี้โยชัวร์เริ่มรู้สึกเครียดจนเห็นได้ชัด ยิ่งเห็นคลอเซ่นิ่งเงียบราวกับรอคำตอบอยู่ก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก อ้าปากจะพูดทีก็ติด ๆ ขัด ๆ พยายามจับต้นชนปลายในเรื่องที่ได้ยิน แล้วสุดท้ายเมื่อคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ ก็ได้แต่เอ่ยคำว่าขอโทษด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดมาก ๆ ค่ะ
โยชัวร์ "ขะ ขอโทษนะ......... ......ความรู้สึกของเธอ...... ผม...... รู้สึกดีใจนะ แต่ว่า........."
คลอเซ่ "หึหึ............ ......ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ ดิฉันแค่อยากจะให้ตัวเองหยุดความรู้สึกเอาไว้ก็เท่านั้นเองค่ะ"
- คลอเซ่ส่งยิ้มให้โยชัวร์เหมือนเช่นเคย "ทะเลดาวบนฟ้าสวย จังเลยนะคะ......" เธอหันหลังให้โยชัวร์ เปลี่ยนหัวเรื่องโดยแหงนมองฟ้าสะพร่างดาว
- "เอ่อ คือเอ่อ............" โยชัวร์ยังคงลำบากใจ พูดอะไรไม่ถูก แต่สักพักเมื่อเขาก็ตั้งตัวติดก็เอ่ยถามคลอเซ่ด้วยใบหน้าที่ฉายแววความเศร้าหมองนิด ๆ ว่า "ตั้งแต่เมื่อไร...... .........ที่เธอ..............."
คลอเซ่ "................................................ ............คุณโยชัวร์คะ ถ้าหาก คุณโยชัวร์เจอกับดิฉันก่อนแทนที่จะเป็นคุณเอสเทลแล้วล่ะก็...... ถ้าไม่ใช่กับคุณเอสเทล ............แต่เป็นดิฉัน......... ล่ะก็?"
- โยชัวร์ส่ายหัว
โยชัวร์ "เรื่องนั้น...... คงไม่มีทางหรอก ......ขอโทษนะ คลอเซ่"
คลอเซ่ "......ไม่เป็นไรค่ะ"
- คลอเซ่ตัดบทด้วยรอยยิ้มเศร้า ๆ
คลอเซ่ "แต่ถ้าบอกไปว่าดิฉันอยากครอบครองคุณโยชัวร์เอาไว้คนเดียว มันก็ไม่ได้เป็นการโกหกความรู้สึกที่มีหรอกนะคะ...... แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นขึ้นมา มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันปรารถนา ......เพราะไม่ว่าจะคุณเอสเทลไม่ว่าจะคุณโยชัวร์...... ......ดิฉันรักคุณทั้ง 2 คนจริง ๆ ค่ะ"
- คลอเซ่บอกโยชัวร์อย่างมีความสุข เธอหันมาเผชิญหน้ากับโยชัวร์อีกครั้ง
คลอเซ่ "เพราะฉะนั้นท้ายที่สุดแล้ว ก็เลยอยากจะลองเห็นใบหน้าลำบากใจของคุณโยชัวร์กระมังคะ หึหึ...... ใบหน้าของคุณโยชัวร์เมื่อสักครู่นี้...... ยอดเยี่ยมที่สุด เท่าที่เคยเห็นมาเลยล่ะค่ะ"
โยชัวร์ "อ๊ะ............ ......ง่ะ..............."
- "......คลอเซ่เองก็นิสัยไม่ดีไม่ใช่ย่อยนะเนี่ย" โยชัวร์บ่นอุบ
- คลอเซ่ยิ้มรับแบบรู้สึกผิด บอกว่านานแล้วที่เธอไม่ได้ (เผลอ) หยอกล้อแกล้งคนอื่นแบบเมื่อกี๊นี้
- คลอเซ่เดินไปข้าง ๆ โยชัวร์ "......แล้ว............ คุณโยชัวร์ มีเรื่องอะไรหนักใจอยู่หรือเปล่าคะ?" เธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง โยชัวร์ถึงกับประหลาดใจว่าทำไมคลอเซ่ถึงรู้เรื่องนี้ได้
คลอเซ่ "หึหึ............ เห็นแค่นี้ก็พอจะทราบแล้วล่ะค่ะ ดิฉันน่ะ เป็นคนความรู้สึกไวอยู่แล้ว แล้วยิ่งเมื่อสักครู่.................. ......เมื่อตอนที่ให้สัมภาษณ์อยู่ ก็เอาแต่มองคุณโยชัวร์ตลอดเลยด้วย"
- คลอเซ่หน้าแดงก่ำ โยชัวร์ได้ฟังก็รู้สึกเขินจนหน้าแดงไม่แพ้กัน
คลอเซ่ "......คุณโยชัวร์ มีเรื่องอะไรปิดบังอยู่สินะคะ คงไม่ได้คิดอยู่คนเดียวว่าจะทำอย่างไรดีอีกแล้วใช่หรือเปล่าคะ?"
- โยชัวร์นิ่งเงียบไป ก่อนที่ยอมรับด้วยความจำนนว่าคลอเซ่ช่างสายตาเฉียบคม มองอะไรได้ทะลุปรุโปร่ง เหมือนเอสเทลที่บางครั้งบางคราวก็จะเฉียบคมแบบนี้เหมือนกันค่ะ
คลอเซ่ "หึหึ เพราะว่าเป็นผู้หญิงยังไงคะ เอาล่ะค่ะ ยอมจำนนแล้ว ก็กรุณาสารภาพมาซะดี ๆ"
- คลอเซ่ตีสีหน้าน่ากลัวใส่โยชัวร์ เค้นถามสิ่งที่เขาเก็บงำเอาไว้
โยชัวร์ "ไม่ถึงขนาดที่จะเรียกได้ว่าหนักใจหรอกนะแต่ว่า...... ผมน่ะ....... ไม่เกินเดือนหน้านี้ตั้งใจว่าจะออกไปจากลีเบร์ล"
คลอเซ่ "! เอ๊ะ......!? ทะ ทำไม...... ทำไมหรือคะ? ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ก็สงบสุขแล้วแท้ ๆ......"
โยชัวร์ "อืม ก็เพราะสงบสุขนั่นแหล่ะ ดูเหมือน [องค์กร] เองก็ถอนตัวไปจากลีเบร์ลแล้ว และการฟื้นฟูทุก ๆ พื้นที่ก็เป็นไปได้ด้วยดี ......เพราะงั้น ผมก็เลยคิดที่จะออกเดินทางน่ะ"
- โยชัวร์ทอดสายตามองออกไปไกลแสนไกล พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
โยชัวร์ "ในตอนนี้ผมน่ะ...... คิดได้แล้วว่าตัวเองก็เป็นมนุษย์คนนึง ไม่ได้เป็นตุ๊กตาที่ผุพังอะไรนั่นอีกต่อไปแล้ว เพราะเอสเทล เพราะทุกคนเฝ้าวิงวอนภาวนาให้ผมอย่างนั้น...... ......แต่พอได้เป็นมนุษย์แล้ว คราวนี้กลับรู้สึกเจ็บปวดในใจ ที่ก่อนหน้านี้ผมเอาแต่สร้างบาปกรรมมามากมายอย่างไม่ลืมหูลืมตา"
คลอเซ่ "......อา.................."
โยชัวร์ "......เพราะงั้น เพื่อเป็นการชดใช้บาปกรรมนั้น และเพื่อแข็งแกร่งขึ้นอย่างแท้จริง ผมจึงคิดที่จะเดินทางไปยังทุกหนแห่งที่อยู่บนทวีปนับตั้งแต่นี้ไป"
คลอเซ่ "................................ เช่นนั้น เองหรือคะ...... แต่ถ้าเช่นนั้น กับคุณเอสเทลก็คง......"
โยชัวร์ "อืม ก็คงสักพัก...... ไม่สิ......... ก็คงอีกนานเลยที่จะไม่ได้เจอกัน ......เพราะงั้นผมก็เลยสับสนว่าจะบอกกับเอสเทลว่ายังไงดี......"
คลอเซ่ "...................เฮ้อ คุณโยชัวร์เองก็ยังเหมือนเดิมเลยนะคะ"
- โยชัวร์ประหลาดใจ หันมามองคลอเซ่อย่างสงสัยในคำพูด
คลอเซ่ "......เรื่องเช่นนั้น มีแต่ต้องบอกออกไปจากปากตัวเองไม่ใช่หรือคะ ถ้าหากเชื่อใจคุณเอสเทลล่ะก็ กรุณาบอกเปิดอกบอกไปตามตรงเถอะค่ะ ไม่ว่าจะบอกไปเช่นไร! แต่กรุณาบอกออกไปจากปากของตัวเองเถอะนะคะ!"
- คลอเซ่เสียงแข็งในแบบที่นาน ๆ ทีเธอถึงจะแสดงสีหน้าจริงจัง พูดเสียงดังกับคนอื่นแบบนี้
คลอเซ่ "......นั่นถึงจะ............ เป็นความรับผิดชอบของผู้ชายต่อผู้หญิงที่ตัวเองรักไม่ใช่หรือคะ?"
โยชัวร์ ".................................................."
- "อืม...... อย่างที่เธอพูดเลยนั่นแหล่ะ" โยชัวร์ยิ้มรับเห็นด้วยกับสิ่งที่คลอเซ่พูด
โยชัวร์ "ผมเนี่ยมัน...... ......เป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ นะ ที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนขนาดนั้น......"
คลอเซ่ "หึหึ ก็นั่นเป็นเรื่องในแบบที่คุณโยชัวร์มักจะคิดและทำในแบบของคุณโยชัวร์นี่คะ .........แต่ตรงจุดนั้นก็เคยทำให้ดิฉันชอบมาก่อน.................."
โยชัวร์ "......อะ............"
- ทั้ง 2 คนรู้สึกเขินขึ้นมาทั้งคู่
- "งั้นก็อย่าล้อกันเล่นสิ......" โยชัวร์อุบอิบด้วยความน้อยใจนิด ๆ ส่วนคลอเซ่ก็หัวเราะชอบใจในแบบฉบับของเธอ
คลอเซ่ "ไม่เป็นไรนะคะ ถ้าเป็นคุณเอสเทลล่ะก็ ต้องเข้าใจแน่นอนค่ะ แล้วก็...... ถ้าเป็นคุณเอสเทลล่ะก็แน่นอนว่าจะต้อง......"
- "โยชัวร์~!!" เสียงสดใสของเอสเทลดังมาแต่ไกล "อ๊ะ อยู่นี่เองอยู่นี่เอง" เธอยิ้มร่าพลางวิ่งเข้ามาหาเขา พร้อมกับโชว์แว่นกันลมของโจเซ็ต (ที่ได้มาจากการพนันว่าใครจะกินเก่งกว่ากัน)
- โยชัวร์กับคลอเซ่เห็นอาการดีอกดีใจในชัยชนะแบบเด็ก ๆ ของเอสเทลก็พากันหงื่อตก "รู้สึกสนุกสนานยินดีก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ" คลอเซ่กล่าวพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ส่วนโยชัวร์ก็บอกให้เอสเทลเอาแว่นกันลมไปคืนให้โจเซ็ตทีหลังด้วย แต่มีหรือที่เอสเทลจะยอมทำแต่โดยดี เธอทำเป็นคิดว่าจะเอายังไงดีน้า แต่ยังไม่ทันพูดจบ (อดีต) นางเอกของเราก็เพิ่งรู้สึกตัว ว่าตรงหน้าของเธอนอกจากโยชัวร์แล้ว ยังมีคลอเซ่อยู่ด้วยอีกคน (เพิ่งจะรู้สึกตัวซะงั้นน่ะ)
เอสเทล "เอ่อ เอ่อคือว่า...... อะ เอ่อ............ คะ...... คลอเซ่......?"
คลอเซ่ "คิก...... ได้เวลาที่ดิฉันต้องกลับไปในงานแล้วล่ะค่ะ ......คุณเอสเทลคะ ฝากแก้แค้นคุณโยชัวร์ด้วยนะคะ"
เอสเทล "เอ๋......?"
- ในขณะที่คลอเซ่กำลังเดินจากไป เพื่อที่จะให้เอสเทลกับโยชัวร์อยู่กันตามลำพัง โยชัวร์ก็เรียกคลอเซ่ให้หยุด
โยชัวร์ "คลอเซ่...... เรื่องนั้น...... ในเวลาแบบนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี...... แต่"
- โยชัวร์นิ่งเงียบ
โยชัวร์ "......ขอบคุณนะ การที่ได้มาพูดคุยกับเธอที่นี่ในคืนนี้...... ......ผมดีใจมากจริง ๆ"
คลอเซ่ "..........อ๊ะ..............."
- คลอเซ่ยิ้มรับ ในตอนนี้สถานะของเธอกลับมาเป็นองค์หญิงคลอเดียเช่นเดิมแล้ว
องค์หญิงคลอเดีย "หึหึ...... ด้วยความยินดีค่ะ ถ้าเช่นนั้น...... ขอให้ทั้ง 2 คนมีความสุขกับค่ำคืนนี้นะคะ"
- คลอเซ่เดินจากไปอย่างมีความสุข เอสเทลได้แต่มองตามพูดอะไรไม่ถูก "อะ เอ่อนี่โยชัวร์......" เธอหันไปเลียบ ๆ เคียง ๆ โยชัวร์แบบกล้า ๆ กลัว ๆ
เอสเทล "เอ่อ กับคลอเซ่...... ......อะ เอ่อ..................... คะ คุยอะไรกันอยู่เหรอ?"
โยชัวร์ "อืม ก็นิดหน่อยน่ะ...... แบบว่าโดนเตือนสติประมาณนั้นล่ะมั้ง"
เอสเทล "งะ งั้นหรอกเหรอ อืมม์.................."
- เอสเทลไม่กล้าถามอะไรต่อ หันไปครุ่นคิดอะไรคนเดียว
โยชัวร์ "(......ในช่วง 5 ปีมานี่ เอสเทลให้ความไว้วางใจ เชื่อใจในตัวผมมาตลอด ผมเองก็ควรจะ............... ควรจะเชื่อใจเอสเทลเหมือนกับที่เอสเทลเชื่อใจผม......)"
- โยชัวร์คิดในใจ พลางมองแผ่นหลังของเอสเทลด้วยรอยยิ้มแห่งความปลื้มปิติ
- "......เตือนสติ??" เอสเทลพูดออกมาด้วยเสียงอันดังตามสไตล์หลังจากที่ครุ่นคิดจนฉุกใจในสิ่งที่โยชัวร์พูด (หัวช้าจริง ๆ นะเนี่ย)
โยชัวร์ "......เอสเทล ผม...... มีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกเธอ"
เอสเทล ".........เอ๊ะ.................."
- เอสเทลนิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนที่จะมีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
เอสเทล "............อื้ม อะไรเหรอ?"
โยชัวร์ "อืม...... ที่จริงแล้ว........."
- "ฟิ้ววววววววว" เสียงหนึ่งดังขึ้น นำสายตาของทั้ง 2 คนไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สุกสกาวไปด้วยแสงจากดวงดาว
เอสเทล "ว้าว ดอกไม้ไฟ......! สวยสุด ๆ ไปเลย! อ๊ะ มาอีกลูกแล้ว.........."
- ดอกไม้ไฟจำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานระยิบระยับแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้า สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสาวน้อยผู้มีความรักอันแสนสดใสไม่ต่างกับดอกไม้ไฟที่สดสวยในยามนี้.....................

"คือว่านะ เอสเทล......"

Episode [ค่ำคืนแห่งงานเฉลิมฉลอง] ~Fin~

☆ได้รับ "อาหารชุดผู้ดี [เชิญอิ่มเอม]" และ "3500 มิร่า" ค่ะ☆



Related entries:
Sora no Kiseki the3rd (空の軌跡the3rd)


No comments:

Post a Comment